Advertorial – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 26 Apr 2024 04:07:48 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.3.1 จากแรงบันดาลใจ สู่เกมแข่งขันตอบคำถามหน้าจอ Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ Presented by Bangchak Group [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/genwit-quiz-competition-game/ Fri, 26 Apr 2024 12:00:07 +0000 https://thestandard.co/?p=926110

หลังจากที่เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา รายการ Genwit อ […]

The post จากแรงบันดาลใจ สู่เกมแข่งขันตอบคำถามหน้าจอ Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ Presented by Bangchak Group [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

หลังจากที่เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา รายการ Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ Presented by Bangchak Group ได้ออกอากาศตอนแรกผ่านทางช่องเวิร์คพอยท์ 23 สร้างความฮือฮาและเสียงตอบรับจากผู้ชมหลากหลายกลุ่ม ทั้งตัวนักเรียนและผู้ปกครอง สะท้อนได้ชัดเจนจากการแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางออนไลน์ของรายการ ที่ส่วนใหญ่มองว่าเป็นรายการที่แข่งขันตอบคำถามเชิงวิชาการที่สนุก ไม่น่าเบื่อ พร้อมชื่นความสามารถของนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ที่มาร่วมการแข่งขัน

 

สำหรับรายการ Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ Presented by Bangchak Group เป็นรายการแข่งขันตอบคำถามเชิงวิชาการ ซึ่งหลายคำถามเป็นคำถามรอบตัวที่เราคุ้นเคย แต่เมื่อผสมกับการอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์ของอาจารย์ประจำรายการ การทดลอง และการจำลองเหตุการณ์ รวมถึงกติกาที่ทำให้ต้องลุ้นในทุกช่วงของการแข่งขัน นอกจากผู้ชมจะได้ร่วมลุ้นเป็นกำลังใจให้แก่ผู้เข้าแข่งขันแล้ว ยังได้ความรู้ไปอีกด้วย

 

โดยมีนักเรียนจาก 16 โรงเรียนชื่อดังของประเทศมาช่วยกันสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ผ่านการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทุนการศึกษา 1,000,000 บาท ซึ่งจะมีการจัดแข่งขันเป็นฤดูกาลอย่างต่อเนื่องทุกปี 

 

 

จากแนวคิดส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาเยาวชนของบางจาก จึงถือกำเนิดรายการ Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ Presented by Bangchak Group ซึ่งจับมือกับเวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ถือเป็นเจ้าตลาดรายการบันเทิงในหลากหลายประเภทโดยเฉพาะเกมโชว์ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน 

 

บางจากได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสาขาวิชาการตามแนวทาง STEM Education ซึ่งประกอบด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เป็นการบูรณาการ 4 สาขาวิชาที่เป็นพื้นฐานของการศึกษา โดยหัวใจสำคัญของ STEM Education คือ ไม่เน้นการท่องจำ แต่ให้ลงมือปฏิบัติ ทดลองจริงมากกว่าการเรียนภาคทฤษฎี เพื่อนำความรู้ไปต่อยอด

 

ผสานแนวคิดจาก ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ได้มีโอกาสรับชมรายการแข่งขันตอบคำถามวิชาการจากเด็กมัธยมในอดีต ซึ่งช่วยกระตุ้นและสร้างเสริมแรงบันดาลใจให้ตนเองและอีกหลายๆ คนอยากจะเก่งเหมือนผู้เข้าแข่งขัน

 

 

“แรงส่งตรงนี้ทำให้ประเทศไทยก้าวข้ามจากประเทศเกษตรกรรมมาสู่ประเทศอุตสาหกรรม และสาขาวิชา STEM เหล่านี้ถือเป็นวิชาพื้นฐานที่ทำให้เด็กและเยาวชนรุ่นนั้นมีวิธีคิด วิธีการทำงาน ทำให้ประเทศพัฒนาอย่างก้าวกระโดด” ชัยวัฒน์กล่าว

 

หากย้อนกลับไปในอดีตรายการเกมโชว์ที่เปิดโอกาสให้เด็กมัธยมเข้ามาแข่งขันตอบคำถามมีอยู่จำนวนมาก เช่น รายการเวทีคนเก่ง หรือแม้แต่วิทยสัประยุทธ์ ซึ่งถือเป็นรายการแข่งขันตอบคำถามของเด็กนักเรียนมัธยมที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงอย่างมาก แต่จากเทรนด์การรับชมรายการของผู้ชมที่เปลี่ยนไปเน้นรายการให้ความเทิง ความสนุกสนาน จนรายการเหล่านี้ทยอยหายไปจากหน้าจอทีวีอย่างต่อเนื่องจนแทบจะหาไม่ได้ในปัจจุบัน 

 

 

ปรากฏการณ์การกลับมาของรายการแข่งขันตอบคำถามเชิงวิชาการที่ทั้งสนุกและได้ความรู้บนหน้าจอทีวีอย่างรายการ Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ Presented by Bangchak Group ย่อมสร้างแรงกระตุ้นสำคัญให้ทุกภาคส่วนหันมาให้ความสนใจกับรายการทีวีที่ช่วยส่งเสริมศักยภาพเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะผู้ชมที่มีส่วนอย่างยิ่งในการที่จะทำให้รายการประเภทนี้มีที่ยืนหยัดบนหน้าจอทีวี ผู้สนใจสามารถรับชมได้ผ่านช่องเวิร์คพอยท์ 23 ทุกวันพุธ เวลา 20.05-21.30 น.

 

The post จากแรงบันดาลใจ สู่เกมแข่งขันตอบคำถามหน้าจอ Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ Presented by Bangchak Group [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
สำรวจ ‘The Herniverse’ จักรวาลที่เข้าใจทุกมิติของผู้หญิง และเชื่อว่า ‘Healthy Standard’ คือความเพอร์เฟกต์ที่แท้จริงของผู้หญิงยุคใหม่ [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/the-herniverse/ Thu, 25 Apr 2024 07:00:03 +0000 https://thestandard.co/?p=924781

การดูแลสุขภาพไม่ใช่เทรนด์หรือกระแสอีกต่อไป ความจริงข้อน […]

The post สำรวจ ‘The Herniverse’ จักรวาลที่เข้าใจทุกมิติของผู้หญิง และเชื่อว่า ‘Healthy Standard’ คือความเพอร์เฟกต์ที่แท้จริงของผู้หญิงยุคใหม่ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

การดูแลสุขภาพไม่ใช่เทรนด์หรือกระแสอีกต่อไป ความจริงข้อนี้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลังสถานการณ์โควิด คนไม่อยากเจ็บป่วยและหันมาให้ความสำคัญกับการป้องกันก่อนเกิดโรคเพิ่มมากขึ้นขนาดที่ว่า Global Wellness Institute (GWI) คาดการณ์ว่า ปี 2025 ‘เศรษฐกิจเพื่อสุขภาพทั่วโลก’ (Global Wellness Economy) จะมีมูลค่าประมาณ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 230 ล้านล้านบาท  

 

ทิศทางข้างต้นทำให้โรงพยาบาลยุคนี้ปรับตัวเพื่อตอบรับความต้องการการดูแลสุขภาพของคนไทยที่เพิ่มมากขึ้น แต่ละแห่งต่างหยิบจุดเด่นและความเชี่ยวชาญมาสร้างความแตกต่างได้อย่างน่าสนใจ

 

หนึ่งในนั้นคือ โรงพยาบาลรวมใจรักษ์ ที่ออกแบบแนวคิดใหม่ในการดูแลสุขภาพ ด้วยความเชื่อที่ว่า เมื่อคนต่างกันย่อมต้องการการดูแลรักษาที่แตกต่างกันไป แทนที่จะยึดตำราเล่มเดียวรักษาโรคเดียวกัน ทางโรงพยาบาลจะออกแบบการรักษาที่ต่างไปแต่ละบุคคล 

 

แนวคิดใหม่ในการดูแลสุขภาพยังถูกต่อยอดไปที่การสร้าง ‘Healthy Standard’ ให้กับคนไทย โดยกลุ่มเป้าหมายแรกที่โรงพยาบาลให้ความสำคัญคือ ‘ผู้หญิง’ นอกจากต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับศูนย์สูตินรีเวชแล้ว ยังต้องการสร้างค่านิยมใหม่ให้ผู้หญิงหันมาให้คุณค่ากับ Healthy Standard มากกว่า Beauty Standard อีกด้วย

 

ต้องยอมรับว่ายุคนี้ความเพอร์เฟกต์ของผู้หญิงไม่ได้วัดกันที่ ‘Beauty Standard’ อีกต่อไป เมื่อคนยอมรับความงามที่หลากหลายมาตรฐาน ความสวยจึงเป็นประเด็นที่ผู้หญิงยุคใหม่เริ่มให้ความสำคัญน้อยลง แต่สิ่งที่ควรให้คุณค่ามากขึ้นคือเรื่องของ Healthy standard เพราะเป็นสิ่งที่สามารถวัดค่าได้จริง

 

 

จักรวาลที่ซับซ้อนของผู้หญิง ‘The Herniverse’  มีทุกคำตอบ

 

แม้ว่า Healthy Standard จะสามารถวัดค่าได้ แต่พอเป็นเรื่องผู้หญิงๆ ก็มักจะมีความซับซ้อนของโรคและความละเอียดอ่อนในเรื่องของความรู้สึกและความอ่อนไหวในการเข้ารับคำปรึกษา กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ปัญหาของผู้หญิงบานปลาย เพื่อตอบสนองทุกความต้องการที่แตกต่างกันและดูแลสุขภาพที่ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่ยังรวมไปถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้หญิงทุกคนด้วยความเข้าใจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นที่มาของ ‘The Herniverse’ คอมมูนิตี้ที่รวมทุกเรื่องของผู้หญิงทุกวัย โดยมี ‘โรงพยาบาลรวมใจรักษ์’ และศูนย์สูตินรีเวช อยู่เบื้องหลัง สร้างพื้นที่ที่เปรียบเสมือน Safe Zone ที่เซฟใจและปลอดภัยสำหรับผู้หญิง ให้คำตอบทุกเรื่องที่อยากรู้และพร้อมเปิดกว้างสำหรับฮีลใจภายใต้ 3 แกนหลัก ได้แก่

 

  • Happiness จักรวาลความสุขที่ครอบคลุมทุกเรื่องที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรู้ ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ไปจนถึงหลังคลอด
  • Health จักรวาลที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องสุขภาพผู้หญิง โรคที่ผู้หญิงควรเฝ้าระวัง ความสำคัญของการตรวจเช็กสุขภาพ และแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดโรคร้าย 
  • Self Expression จักรวาลที่ให้คุณเป็นตัวเองได้อย่างสบายใจ โดยมีทีมแพทย์พร้อมซัพพอร์ตใจไม่ว่าคุณจะทุกข์หรือไม่สบายใจด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ที่ The Herniverse เราพร้อมเป็นพื้นที่ปลอดภัยของคุณ ให้คุณเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ เพราะเราพร้อมรับฟังและเข้าใจในตัวตนของคุณ และจะไม่ปล่อยปละละเลยในเรื่องของสุขภาพ อารมณ์ และความรู้สึก

 

 

นพ.สุขสันต์ กอแพร่พงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ศูนย์สูตินรีเวช โรงพยาบาลรวมใจรักษ์ หนึ่งในทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เบื้องหลังความสุขของคุณแม่ตั้งครรภ์มากมายก็เชื่อเช่นกันว่า สำหรับผู้หญิง ความสวยคือเรื่องสำคัญ แต่ยุคนี้สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า Beauty Standard คือ Healthy Standard หรือมาตรฐานการมีสุขภาพที่ดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

 

“ถ้าเราสุขภาพดีจากภายในมันก็สะท้อนออกมาสู่ความงามภายนอกได้เช่นกัน และ Healthy Standard ก็ต่างกันไปตามอายุ พฤติกรรม และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เดี๋ยวนี้ใครก็สามารถเข้าถึงข่าวสารได้อย่างง่ายดาย ทำให้การดูแลสุขภาพก่อนเกิดโรคเป็นเรื่องง่าย แต่ก็มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องหรือละเลยการดูแลสุขภาพ เช่น คนวัยทำงานไม่อยากเสียเวลามาพบแพทย์ พอมีอาการปวดประจำเดือนหรือปวดท้องเล็กน้อยที่ยังพอทำงานได้ก็อดทน เพราะไม่อยากลางาน 

 

“และด้วยวัฒนธรรมของไทยทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่า การมาตรวจภายในหรือปรึกษาแพทย์เป็นเรื่องน่าอาย หรือบางคนไม่อยากตรวจเพราะกลัวรู้ความจริง”

 

นพ.สุขสันต์ บอกว่า ในกลุ่มของคุณแม่ตั้งครรภ์ก็พบว่ายังมีไม่น้อยที่ละเลยความสำคัญของการฝากครรภ์แต่เนิ่นๆ หรือไม่ให้ความสำคัญกับการวางแผนครอบครัว “การวางแผนก็เพื่อเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพของคุณแม่ก่อนตั้งครรภ์ บางคนมีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์บางอย่างที่ส่งผลกระทบหากตั้งครรภ์

 

“ผู้หญิงบางคนไม่รู้ว่าตัวเองมีความดันสูง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดครรภ์เป็นพิษ หากทราบก่อนจะได้รักษาได้ตรงจุดก่อนเริ่มตั้งครรภ์ เป็นผลดีต่อตัวคุณแม่ตั้งครรภ์และลูกในครรภ์ด้วย หรือใครที่ตั้งครรภ์แล้วแนะนำให้มาฝากครรภ์ทันที ยิ่งฝากเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี จะได้รู้อายุครรภ์ที่ถูกต้อง เพิ่มความแม่นยำในการดูแลครรภ์ของแพทย์ อีกทั้งการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอดก็สามารถทำได้อย่างทันท่วงที 

 

“สาเหตุที่มาฝากครรภ์ช้าส่วนหนึ่งคือยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะคลอดที่โรงพยาบาลไหน เพราะถ้าเป็นไปได้ควรฝากครรภ์และคลอดที่โรงพยาบาลเดียวกัน แนะนำให้ดูแพ็กเกจที่ครอบคลุมการตรวจที่จำเป็นหรือไม่ และถ้าเป็นไปได้ควรเลือกโรงพยาบาลที่มีแพทย์เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ซึ่งทางแผนกสูตินารีเวชของโรงพยาบาลรวมใจรักษ์ แพทย์ที่รับฝากครรภ์จะเป็นแพทย์เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์เช่นกัน จะมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการตรวจอัลตราซาวด์ คัดกรอง และวินิจฉัยก่อนคลอดได้อย่างตรงจุด”  

 

 

นอกจากจะดูแลและให้คำปรึกษาโดยแพทย์เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์แล้ว ทางโรงพยาบาลยังเตรียมสมุดฝากครรภ์ที่มีข้อมูลด้านโภชนาการสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ การดูแลสุขภาพ และการเจริญเติบโตของอายุครรภ์ 

 

“ในแพ็กเกจจะมีการตรวจครรภ์แบบ 3D ในช่วงเริ่มเข้าไตรมาสที่ 3 ทำให้ตรวจสอบความปกติของเด็กได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของปากแหว่ง เรานำเข้าเครื่องที่มีความทันสมัย เพราะนอกจากจะตรวจครรภ์แบบ 3D แล้ว ยังสามารถดูความผิดปกติของหัวใจได้ละเอียดยิ่งขึ้น

 

“อีกบริการคือการตรวจคัดกรองครรภ์เป็นพิษช่วงอายุครรภ์ 11-12 สัปดาห์ เป็นการตรวจหลายมิติร่วมกันเพื่อความแม่นยำสูง ไม่ว่าจะตรวจข้อมูลของคนไข้ที่อาจมีประวัติความเสี่ยง ความดัน อัลตราซาวด์ลักษณะการไหลเวียนของเส้นเลือดใหญ่ที่มาเลี้ยงมดลูก และการเจาะเลือดร่วมด้วย

 

“คุณแม่ยุคนี้มีความคาดหวังค่อนข้างสูง ไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัย แต่เขาอยากได้ข้อมูลในทุกสเตจของการตั้งครรภ์เพื่อความสบายใจ อย่างเช่น การตรวจวินิจฉัยก่อนคลอดและคัดกรองก่อนคลอด ที่นี่ก็สามารถดูแลได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการตรวจหาความเสี่ยงดาวน์ซินโดรม ธาลัสซีเมีย ภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือพอเข้าสเตจที่ 2 ก็มาดูว่าเด็กเติบโตตามเกณฑ์หรือไม่”

 

 

ด้าน พญ.อัจจิมา ตันกุล สูตินรีเวช ผู้เชี่ยวชาญมะเร็งวิทยานรีเวช ศูนย์สูตินรีเวช โรงพยาบาลรวมใจรักษ์ เล่าถึงแนวโน้มโรคมะเร็งในผู้หญิงที่น่ากังวล โดยเฉพาะ ‘มะเร็งรังไข่’ 

 

“75% ของคนไข้กว่าจะตรวจพบว่าเป็นมะเร็งรังไข่ก็เป็นระยะ 3-4 แล้ว จนถึงตอนนี้ทางการแพทย์ยังไม่สามารถตรวจคัดกรองได้ รวมถึงไม่มีข้อบ่งชี้หรืออาการของโรคปรากฏ ในขณะที่มะเร็งปากมดลูกตอนนี้มีวัคซีนที่ช่วยลดและป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้มากถึง 9 สายพันธุ์ นั่นหมายความว่าถ้าฉีดวัคซีน HPV โอกาสในการเป็นมะเร็งปากมดลูกแทบไม่มีเลย นอกจากนั้นปัจจุบันมีข้อคำแนะนำให้ผู้หญิงอายุ 21 ปีขึ้นไปที่แม้จะเคยหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ให้คัดกรองมะเร็งปากมดลูก สามารถตรวจเจอระยะก่อนเป็นมะเร็งได้ จึงสามารถรักษาให้หายได้ ส่วนตัวหมอมองว่ามะเร็งรังไข่น่ากังวลกว่า ถึงจะตรวจสุขภาพ เจาะเลือด หรืออัลตราซาวด์ ก็ไม่พบ”

 

พญ.อัจจิมา บอกว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บางครั้งกว่าจะพบโรคก็อาจเสียเกินไปมาจากความเขินอายที่จะเข้ารับคำปรึกษาและคิดเอาเองว่า ‘ทนไหว’ 

 

“นอกจากจะอดทนเก่งแล้ว หมอว่าผู้หญิงอายที่จะเข้ามาปรึกษาหมอ เพราะสังคมไทยการพูดเรื่องเพศกับคนแปลกหน้าเป็นเรื่องน่าอาย พอมีอาการผิดปกติไม่รู้จะปรึกษาใคร ก็เสิร์ชหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นบางทีก็เป็นข้อมูลที่ไม่อัปเดตหรือไม่เป็นความจริง กว่าจะตัดสินใจและรวบรวมความกล้าเข้ามาหาหมอบางทีก็รุนแรงแล้ว”

 

 

เรื่องเข้าใจผิดที่สุดคือ ‘ตรวจภายในแล้วเจ็บ’ พญ.อัจจิมา บอกว่า ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ออกแบบมาหลากหลายขนาด หมอจะเลือกให้เหมาะกับแต่ละบุคคล

 

“คนไข้อาจจะเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อนหรือฟังคนที่เคยตรวจมาเลยทำให้ไม่กล้า แต่ปัจจุบันเครื่องมือมีขนาดที่หลากหลาย ทำให้การตรวจไม่เจ็บเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งหมอจะประเมินก่อนตรวจทุกครั้ง นอกจากเรื่องกลัวเจ็บ บางคนไม่กล้ามาเพราะรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว ที่นี่เราจึงออกแบบสถานที่ให้มีความเป็นส่วนตัวกับคนไข้มากที่สุด แยกห้องชัดเจนตั้งแต่ตอนซักประวัติ รวมไปถึงห้องตรวจจะมีห้องน้ำในตัว คนไข้ไม่ต้องเขินอายเวลาต้องเดินไปมา หรือแม้แต่ชุดของคนไข้ก็ออกแบบเป็นกางเกงที่มีช่องเปิดด้านล่าง เรียกได้ว่าเราค่อนข้างละเอียดอ่อนในทุกขั้นตอน เพราะต้องการให้คนไข้สบายใจที่สุด” 

 

ยังมีโรคอีกมากที่อาจตรวจพบเมื่อตรวจภายใน เช่น เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือช็อกโกแลตซีสต์ พญ.อัจจิมา แนะนำให้เข้ามาตรวจทุก 6 เดือนหรือทุกปีเป็นอย่างน้อย การตรวจสุขภาพประจำปีทั่วไปไม่เพียงพอ

 

“ตัวโรคเกิดใหม่ได้ทุกเมื่อ ถึงคุณจะตรวจภายในเป็นประจำก็เป็นไปได้ว่าหนึ่งเดือนถัดไปตัวโรคเพิ่งแสดงอาการ และมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคได้ ดีที่สุดคืออย่ารอให้มีอาการถึงมาพบแพทย์ อย่างไรก็ดี การตรวจภายในและตรวจสุขภาพเป็นประจำก็ยังจำเป็น หรือสร้าง Healthy Standard ให้กับตัวเอง เป็นเป้าหมายเลยก็ได้ว่าปีนี้ฉันจะต้องสุขภาพแข็งแรง ค่าไขมัน ค่าตับ จะต้องลดลงเท่าไร เพราะการดูแลสุขภาพองค์รวมก็เป็นวิธีที่จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีได้อย่างแน่นอน”

 

 

นพ.สุขสันต์ กล่าวเสริมว่า The Herniverse จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้หญิงมากขึ้น โดยเฉพาะ Pain Point ต่างๆ ที่กล่าวไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเขินอายไม่กล้ามาพบแพทย์ หรือต้องการทราบข้อมูลเบื้องต้นก่อนมารับการรักษา

 

“The Herniverse จะช่วยยกระดับการดูแลสุขภาพของผู้หญิงได้อย่างครบวงจร ข้อมูลที่ครอบคลุมทุกเรื่องนอกเหนือจากการรักษาโรค แต่เป็นการแนะนำก่อนเกิดโรคหรือวิธีการดูแลไลฟ์สไตล์อย่างไรให้ไม่เกิดโรค เพื่อให้มี Healthy Standard เนื่องจากเราให้ความสำคัญกับปัญหาของผู้หญิงที่ต้องเจอในแต่ละวัย ไม่มองข้ามความเจ็บป่วยไม่ว่าจะมาด้วยอาการมากหรือน้อย ทุกอาการต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม ไม่ว่าวัยไหนก็สามารถปรึกษาได้ ที่นี่เราพร้อมรับฟังและให้คำแนะนำเหมือนเพื่อนที่เข้าใจเพื่อน เปิดเผยได้ทุกเรื่อง และด้วยประสบการณ์ของทีมแพทย์หลากหลายสาขา เราจึงเข้าใจในทุกมิติทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ‘The Herniverse’ จะมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้หญิงทุกคน”

 

เข้าสู่จักรวาลของผู้หญิงยุค 2024 ได้ที่: https://www.facebook.com/theherniverse 

The post สำรวจ ‘The Herniverse’ จักรวาลที่เข้าใจทุกมิติของผู้หญิง และเชื่อว่า ‘Healthy Standard’ คือความเพอร์เฟกต์ที่แท้จริงของผู้หญิงยุคใหม่ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทีทีบี อยากให้คนไทยเที่ยวสงกรานต์อุ่นใจ มอบความคุ้มครองอุบัติเหตุฟรี แค่ฝากเงินที่บัญชี ttb all free เบิกค่ารักษาฟรี มีวงเงินคุ้มครองชีวิตให้ https://thestandard.co/ttb-all-free/ Fri, 05 Apr 2024 10:00:49 +0000 https://thestandard.co/?p=919826 ttb

เทศกาลวันหยุดยาวของคนไทยใกล้เข้ามาทุกที ทีเอ็มบีธนชาต ห […]

The post ทีทีบี อยากให้คนไทยเที่ยวสงกรานต์อุ่นใจ มอบความคุ้มครองอุบัติเหตุฟรี แค่ฝากเงินที่บัญชี ttb all free เบิกค่ารักษาฟรี มีวงเงินคุ้มครองชีวิตให้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ttb

เทศกาลวันหยุดยาวของคนไทยใกล้เข้ามาทุกที ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ไม่เพียงมุ่งมั่นส่งเสริมชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้านให้กับลูกค้า แต่ยังส่งมอบสิทธิประโยชน์ ‘ประกันอุบัติเหตุที่มีวงเงินคุ้มครองชีวิตและสิทธิเบิกค่ารักษา’ ฟรี! ให้กับคนไทยทั่วประเทศ เพียงฝากเงินบัญชี ttb all free รับความคุ้มครองฟรี เดินทางจังหวัดไหนหรือประเทศไหนทั่วโลกก็อุ่นใจ

 

ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระบุว่า ช่วงสงกรานต์ปีที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 2,203 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 2,208 ราย และผู้เสียชีวิต 264 ราย สูงขึ้นกว่าปี 2565 ที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 1,917 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 1,869 ราย และผู้เสียชีวิต 278 ราย 

 

ทีทีบีเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าวที่มักเกิดซ้ำรอยทุกปี และเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าที่ตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเดินทาง จึงต้องการหลักประกันที่อุ่นใจให้กับครอบครัวที่อยู่ข้างหลังหากเกิดกรณีไม่คาดฝันขึ้น ทีทีบีจึงมอบสิทธิประโยชน์ประกันอุบัติเหตุคุ้มครองชีวิตและค่ารักษาฟรีให้กับคนไทยทั่วประเทศ ผ่านบัญชี ttb all free โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

 

ลูกค้าที่มีบัญชีเงินฝาก ttb all free และมียอดเงินคงไว้ในบัญชีตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไปตลอดทั้งเดือน จะได้รับความคุ้มครองทันที ไม่ว่าจะเดินทางไปจังหวัดไหนก็สามารถเข้ารักษาได้ฟรีโดยไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน ให้สิทธิ์เบิกค่ารักษาฟรีจากอุบัติเหตุ 3,000 บาทต่ออุบัติเหตุ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง หรือเดินทางทั่วโลกก็มีวงเงินคุ้มครองชีวิตให้สูงสุด 20 เท่าของเงินฝากในบัญชี สูงสุด 3 ล้านบาท ยิ่งใครที่มีเงินฝากเยอะ ยิ่งได้รับความคุ้มครองสูงขึ้น ฝากต่อเนื่องก็ได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องเช่นกัน โดยในปีผ่านมาได้มอบความคุ้มครองให้ลูกค้าแล้วกว่า 2.2 ล้านราย

 

นอกจากทีทีบีจะมอบความอุ่นใจทุกการเดินทางแล้ว ยังเอาใจสายช้อป มอบความคุ้มค่าสำหรับการใช้จ่ายทั้งในและต่างประเทศผ่านบัตรเดบิต ttb all free จะกด โอน จ่าย ก็ฟรีไม่มีค่าธรรมเนียม รูดช้อปทั่วโลกฟรีไม่มีชาร์จ FX Rate 2.5% และ DCC 1% ไม่ต้องแลกเงินให้ยุ่งยาก ตัดปัญหาเสียค่าส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนเงิน เรตถูกทุกสกุลทั่วโลก ช่วยให้การใช้จ่ายสะดวก ง่าย ประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่าย


พิเศษ สำหรับลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยมีบัญชี ttb all free เปิดบัญชีพร้อมฝากเงินเริ่มต้น 25,000 บาท ในวันเปิดบัญชี รับฟรีกระเป๋า Tote Bag มูลค่า 490 บาท


หรือฝากเงินเริ่มต้น 150,000 บาท ในวันเปิดบัญชี รับฟรีกระเป๋าล้อลาก BSC Luxury 20 นิ้ว มูลค่า 3,990 บาท เพียงคงเงินฝากไว้ตั้งแต่วันที่เปิดบัญชี 90 วันขึ้นไป เมื่อครบกำหนดธนาคารจะส่งของให้ถึงบ้าน โปรโมชันพิเศษตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2567


สำหรับลูกค้าที่คงเงินฝากต่อเนื่องจะได้รับความคุ้มครองจากประกันอุบัติเหตุ ฟรีค่ารักษา และคุ้มครองชีวิตสูงสุด 3 ล้านบาท ต่อเนื่องทุกเดือน

 

ติดต่อเปิดบัญชีและบัตรเดบิต ttb all free ได้ที่ทีทีบีทุกสาขา หรือเปิดบัญชีออนไลน์ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน ttb touch www.ttbbank.com/allfree/dl-thestandard เพิ่มเติม www.ttbbank.com/allfree/thestandard เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

The post ทีทีบี อยากให้คนไทยเที่ยวสงกรานต์อุ่นใจ มอบความคุ้มครองอุบัติเหตุฟรี แค่ฝากเงินที่บัญชี ttb all free เบิกค่ารักษาฟรี มีวงเงินคุ้มครองชีวิตให้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ถอดประสบการณ์การดื่มน้ำที่ WOW ยิ่งกว่าเดิม ผ่านแคมเปญ ‘Coway WOW’ [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/coway-wow/ Fri, 05 Apr 2024 08:00:12 +0000 https://thestandard.co/?p=919465

ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องกรองน้ำ Coway คงไม่มีใครไม่รู้จัก […]

The post ถอดประสบการณ์การดื่มน้ำที่ WOW ยิ่งกว่าเดิม ผ่านแคมเปญ ‘Coway WOW’ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องกรองน้ำ Coway คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะมันกลายเป็น ‘Must Have Item’ ที่เข้ามาเปลี่ยนวัฒนธรรมการดื่มน้ำของคนไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ด้วยความที่ชีวิตคนยุคนี้ทุกอย่างต้องโปรดักทีฟไปหมด เช้าก็รีบไปทำงาน เย็นกว่าจะถึงบ้านก็เหนื่อย จนละเลยการดูแลสุขภาพของตัวเอง ไม่แค่เฉพาะการกินอาหารที่มีประโยชน์ หาเวลาออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ รวมไปถึงการดื่มน้ำสะอาด

 

เราไม่รู้เลยว่าพฤติกรรมในปัจจุบันส่งผลเสียต่อร่างกายเราอย่างไรโดยเฉพาะการดื่มน้ำ ยิ่งสภาพอากาศบ้านเราที่ค่อนข้างไปทางร้อนจัด!

 

ร่างกายของเราประกอบไปด้วยน้ำถึง 80% จึงควรดื่มน้ำให้เหมาะสมกับสมดุลร่างกาย ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ความสำคัญยังอยู่ที่น้ำที่ดื่มจะต้องเป็นน้ำที่สะอาดและบริสุทธิ์

 

แม้ว่าเมืองไทยจะมีน้ำดื่มบรรจุภัณฑ์ที่สะอาดให้เลือกดื่มมากมาย แต่ Pain Point ที่พบคือถ้าต้องคอยซื้อน้ำดื่มทุกเดือน นอกจากจะต้องแบกน้ำที่หนัก ยังเพิ่มปริมาณขยะพลาสติกให้กับโลกอีก ดูไม่น่าจะใช่วิถีการใช้ชีวิตของคนยุคนี้ที่สนใจสิ่งแวดล้อม

 

 

นั่นเป็นสาเหตุที่ Coway แบรนด์เครื่องกรองน้ำอันดับ 1 จากประเทศเกาหลีใต้ เข้ามาทำให้โลกการดริ๊งก์ของพวกเราว้าวกว่าเดิม กับแคมเปญ ‘Coway WOW’ ดริ๊งก์ทั้งบ้าน WOW ทั้งเมือง

 

แคมเปญ Coway WOW ดริ๊งก์ทั้งบ้าน WOW ทั้งเมือง ต่อยอดจากแคมเปญ ‘Just Drink’ เรื่องดื่มน้ำให้ Coway ดูแล ส่วนคุณแค่ดื่ม

 

มาปีนี้ Coway ดึงครอบครับบีม-ออย พี่ธีร์-น้องพีร์ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญใหม่ที่ WOW กว่าเดิม พร้อมปล่อยภาพยนตร์โฆษณาสุดครีเอต และป้ายบิลบอร์ดรอบเมืองให้ทุกคนได้ชมความฟินกันฉ่ำใจ

 

 

‘Coway ต้องซับแล้วน้า’ เสียงน่ารักๆ ของพี่ธีร์-น้องพีร์ในคลิปโฆษณา เป็น Key Message หลักที่ Coway ต้องการจะสื่อสารกับผู้บริโภคให้ใส่ใจในสุขภาพมากยิ่งขึ้นผ่านรูปแบบการ Subscription ซึ่งเป็นเรื่องที่ใครก็คุ้นหู ไม่ต่างอะไรกับการจ่ายค่าบริการสตรีมมิงต่างๆ ที่เราคุ้นเคย

 

เพราะ Coway ต้องการมอบประสบการณ์ ดริ๊งก์ก็ WOW ให้กับผู้บริโภค จึงออกแบบการ Subscription ที่ง่ายมากด้วยค่าบริการเครื่องกรองน้ำแบบรายเดือน คุณจะได้สัมผัสกับสุดยอดนวัตกรรมเครื่องกรองน้ำที่ทำให้การดื่มน้ำสะอาดเป็นเรื่องง่าย

 

 

WOW สุดๆ เพราะมาพร้อมการดูแลก็ WOW ไม่เหมือนใครกับบริการ Coway Care การดื่มน้ำที่สะอาดไม่ได้มาจากน้ำที่เครื่องกรองน้ำอย่างเดียว แต่ไส้กรองจะต้องสะอาด และถูกดูแลอย่างถูกสุขลักษณะ ซึ่ง Coway มีผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผลิตภัณฑ์ หรือ CODY เข้ามาบริการเปลี่ยนดูแล ทำความสะอาดผลิตภัณฑ์ทุกๆ 2 เดือน และเปลี่ยนไส้กรองให้ทุกๆ 4 เดือน

 

ราคาก็ยิ่ง WOW บางคนเข้าใจว่าเครื่องกรองน้ำต้องจ่ายเงินก้อนหลักหมื่น แต่ Coway อยากให้คุณเก็บเงินก้อนนั้นไปทำอย่างอื่น จึงให้คุณสามารถ Subscription เครื่องกรองน้ำในราคาเบาๆ เริ่มต้นเดือนละ 590 บาท เหมือนการจ่ายค่าสตรีมมิงที่เราจ่ายกันทุกเดือน แต่สิ่งที่ได้จากการ Subscription เครื่องกรองน้ำ Coway คือน้ำดื่มที่สะอาดและประสบการณ์สุด WOW ทั้งหมดที่บอกไป

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น Coway ยังเข้าใจทุกความต้องการที่แตกต่างของแต่ละครอบครัว ทั้งจำนวนสมาชิก ไลฟ์สไตล์ ขนาดพื้นที่ Coway จึงออกแบบเครื่องกรองน้ำดีไซน์สวยหลากหลายรุ่นมาเพื่อตอบโจทย์กับแต่ละครอบครัวมากที่สุด แถมยังเป็นเครื่องกรองน้ำที่รวมทุกสิทธิประโยชน์ความ WOW ในหนึ่งเดียวมาให้แล้ว

 

ไม่อยากพลาดประสบการณ์การดื่มน้ำที่ WOW ยิ่งกว่าเคยต้องซับแล้วน้า! ที่ https://bit.ly/3uSn0ts

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1421

 

#CowayThailand #CowayWOW #Cowayดริ๊งก์ก็WOW #ดริ๊งก์กับพี่ธีร์น้องพีร์

The post ถอดประสบการณ์การดื่มน้ำที่ WOW ยิ่งกว่าเดิม ผ่านแคมเปญ ‘Coway WOW’ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชวนรู้จัก ‘เทรนด์ลงทุนเพื่อสุขภาพ’ ผ่าน ‘เครื่องกรองน้ำ’ ในรูปแบบ Subscription จาก Coway [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/coway-subscription/ Fri, 05 Apr 2024 07:00:50 +0000 https://thestandard.co/?p=919518

ทำความรู้จัก ‘การลงทุนเพื่อสุขภาพ’ เทรนด์การลงทุนที่มาแ […]

The post ชวนรู้จัก ‘เทรนด์ลงทุนเพื่อสุขภาพ’ ผ่าน ‘เครื่องกรองน้ำ’ ในรูปแบบ Subscription จาก Coway [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

ทำความรู้จัก ‘การลงทุนเพื่อสุขภาพ’ เทรนด์การลงทุนที่มาแรงในกลุ่มคนเมือง

 

เรากำลังอยู่ในยุคที่คนเมืองทำงานจนลืมดูแลตัวเอง ให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อความมั่งคั่ง แต่กลับลืมลงทุนเรื่องสุขภาพ เพราะคิดไปว่าการลงทุนกับตัวเองเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ไหนจะออกกำลังกาย กินอาหารเพื่อสุขภาพ หาเวลาพักผ่อนเพื่อให้รางวัลตัวเอง หรือแบ่งเวลาให้กับคนที่รักและคนในครอบครัว คนเมืองที่ใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการทำงาน การเดินทาง คงแทบจะมองไม่ออกเลยว่าจะจัดสรรปันส่วนชีวิตที่เหลือไปลงทุนกับสุขภาพตัวเองได้อย่างไร

 

THE STANDARD WEALTH มีการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ง่าย จ่ายไม่เยอะ มาแนะนำ และกำลังเป็นเทรนด์ที่สร้างความ WOW ไปทั่วเมือง

 

 

เรากำลังพูดถึงการลงทุน ‘เครื่องกรองน้ำ’ ในรูปแบบ Subscription จาก Coway แบรนด์อันดับ 1 จากเกาหลีใต้ เหตุผลที่ Coway เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและน่าสนใจเพราะเป็นเครื่องกรองน้ำแบบจ่ายรายเดือนเจ้าแรกในไทย ในราคาเริ่มต้นเพียงเดือนละ 590 บาทเท่านั้น 

 

ความคุ้มค่าของการลงทุนในเครื่องกรองน้ำดีๆ ก็เพื่อให้คุณมีน้ำดื่มสะอาดดื่มได้ตลอดทั้งวัน ทุกฟังก์ชันของเครื่องกรองน้ำ Coway จะช่วยให้คุณมีเวลามากพอที่จะไปพักผ่อนหรือทำสิ่งที่ชอบโดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำดื่ม ฟีเจอร์สุดล้ำที่ให้มายังช่วยให้คุณทำเครื่องดื่มเมนูพิเศษกับคนในครอบครัวหรือคนที่คุณรัก 

 

ที่สำคัญ การลงทุนในเครื่องกรองน้ำแบบ Subscription ยังตอบโจทย์ทุกการดริ๊งก์ เพราะนอกจาก ‘ดริ๊งก์ก็ WOW’ ประสบการณ์การใช้งานและการ ‘ดูแลก็ WOW’ เพราะมาพร้อมบริการจาก Cody ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแล ทำความสะอาด และเปลี่ยนไส้กรอง ที่จะคอยดูแลคุณตลอดระยะเวลา ไม่ต้องจ่ายค่าดูแลหรือเปลี่ยนไส้กรอง เพราะรวมอยู่ในค่าบริการรายเดือนแล้ว โดย Cody จะเข้าไปดูแลผลิตภัณฑ์ทุกๆ 2 เดือน และเปลี่ยนไส้กรองทุกๆ 4 เดือน

 

ส่วน ‘ราคาก็ WOW’ มากๆ เพราะลงทุนอะไรก็ไม่สู้ลงทุนเพื่อสุขภาพของตัวเอง เพียงเดือนละ 540 บาท คุณก็ได้เครื่องกรองน้ำที่มีสุดยอดนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลการันตีระดับโลก มาพร้อมกับระบบน้ำร้อน-เย็น และหากใครสนใจหรือชอบน้ำแข็งเป็นพิเศษ เพิ่มเงินลงทุนอีกหน่อยเดือนละ 990 บาท เลือกเป็นเครื่องกรองน้ำรุ่น My Ice ครบทั้งน้ำแข็งและน้ำดื่มในเครื่องเดียว เอาเป็นว่าลงทุนหนึ่งได้ถึงสอง คุ้มจริง

 

 

Coway ยังตอกย้ำความคุ้มค่าในการลงทุนผ่านแคมเปญ ‘Coway WOW’ ถ่ายทอดเรื่องราวของครอบครัวที่เลือกลงทุนสิ่งดีๆ ให้ครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการเลือกลงทุนอะไรสักอย่างที่ต้องลงทุนให้คุ้มค่า ตรงตามคอนเซปต์ ‘ดริ๊งก์ก็ WOW ดูแลก็ WOW ราคาก็ WOW’ ที่ได้ครอบครับออย-บีม และพี่ธีร์-น้องพีร์ ชวนทุกคน WOW กันไม่หยุด และทำให้ทุกคนมั่นใจว่าถ้าลงทุนกับ Coway รับรองคุ้ม! เพราะ Coway #ดูแลดีเหมือนหม่ามี๊ออย ไปชมภาพยนตร์โฆษณาสุดน่ารักพร้อมกัน 

 

 

เห็นหรือไม่ว่าการลงทุนเพื่อสุขภาพเป็นเรื่องที่ใครก็ทำได้ แค่ Subscribe จะได้มีเวลาว่างไปพักผ่อนใช้ชีวิตกับครอบครัวและคนที่รัก ส่วนเรื่องน้ำดื่มให้เป็นหน้าที่ของ Coway  

 

ตามไป Subscribe ที่ https://bit.ly/3uSn0ts

The post ชวนรู้จัก ‘เทรนด์ลงทุนเพื่อสุขภาพ’ ผ่าน ‘เครื่องกรองน้ำ’ ในรูปแบบ Subscription จาก Coway [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
เมื่อสินค้าไทยผสานกับความป๊อป ชวนเที่ยวงาน ‘คัดไทย โอนลี่ ไทยแลนด์ เบสต์’ ที่ ‘ห้างฯเอ็มโพเรียม’ พร้อมกิจกรรมสนุกสุดเอ็กซ์คลูซีฟตลอดซัมเมอร์นี้ [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/emporium-kud-thai-only-thailand-best/ Fri, 05 Apr 2024 05:50:10 +0000 https://thestandard.co/?p=919428 คัดไทย โอนลี่ ไทยแลนด์ เบสต์

  ‘สินค้าไทย’ นั้นมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาไม่ได้จากที […]

The post เมื่อสินค้าไทยผสานกับความป๊อป ชวนเที่ยวงาน ‘คัดไทย โอนลี่ ไทยแลนด์ เบสต์’ ที่ ‘ห้างฯเอ็มโพเรียม’ พร้อมกิจกรรมสนุกสุดเอ็กซ์คลูซีฟตลอดซัมเมอร์นี้ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
คัดไทย โอนลี่ ไทยแลนด์ เบสต์

คัดไทย โอนลี่ ไทยแลนด์ เบสต์

 

‘สินค้าไทย’ นั้นมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาไม่ได้จากที่ไหน ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สั่งสมกันมายาวนาน ผสานกับวัตถุดิบชั้นเลิศจากธรรมชาติ ก่อเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นงานหัตถกรรม ขนมหวานโบราณ หรือแม้กระทั่งผลไม้พันธุ์พื้นเมือง ทุกชิ้นล้วนอัดแน่นไปด้วยวิถีชีวิตและวัฒนธรรมแบบไทยๆ ที่น่าหลงใหลเสมอ

 

และในช่วงซัมเมอร์ที่กำลังจะมาถึง พร้อมกับเทศกาลสงกรานต์อันเป็นประเพณีสำคัญของไทย ก็นับเป็นโอกาสดีที่จะได้สัมผัสกับสีสันและมนต์เสน่ห์ของสินค้าไทยกันอย่างเต็มที่ ซึ่งเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป ก็ได้จัดงาน ‘คัดไทย โอนลี่ ไทยแลนด์ เบสต์ – ไตรเฟส อิดิชั่น’ ขึ้น เพื่อคัดสุดยอดสินค้าจากทั่วประเทศมาให้ได้ช้อปกันในที่เดียว

 

งานนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่บนพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 3 ตึกของเอ็มดิสทริค ได้แก่ เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ โดยแต่ละแห่งจะนำเสนอคอนเซปต์ที่แตกต่างกันออกไป เปรียบเสมือนการออกเดินทางสำรวจความหลากหลายของสินค้าไทยในแบบฉบับของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการท่อง ล่อง ลอง รู้ ชิม หรือช้อป เพื่อค้นหาของดีที่ถูกใจ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เอ็มโพเรียม ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ภายใต้ธีม POP FEST. ที่จะพาไปพบกับสุดยอดสินค้าไทยสไตล์ป๊อปสุดชิค ตั้งแต่แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ มวยไทย ไปจนถึงสตรีทฟู้ด และผลไม้หายากสายพันธุ์ไทยแท้

 

ภายในงานที่เอ็มโพเรียม ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ถูกแบ่งเป็น 3 โซนหลักๆ ดังนี้

 

เริ่มต้นที่โซน Thai Pop ชั้น 1 บริเวณ Fashion Hall และ EM Walk ที่คัดสุดยอดของฝากและสินค้าไลฟ์สไตล์สไตล์ไทยร่วมสมัย (Best of Thai Souvenirs, Fashion & Lifestyle) ไม่ว่าจะเป็นงานคราฟต์จากศิลปินชั้นนำ สินค้าแฟชั่นดีไซน์เก๋ เช่น แบรนด์ The Only Market, Bangkokian by Another Story, The shop เป็นต้น 

 

คัดไทย โอนลี่ ไทยแลนด์ เบสต์

 

หรือขนมไทยขึ้นชื่อจากแผนก Gourmet Thai และชาผงปรุงสำเร็จตรามือสูตรต้นตำรับที่มีประวัติยาวนานกว่า 70 ปี รวมไปถึงสินค้าในกลุ่มสมุนไพรไทย (Herbal Therapy) อย่างแบรนด์ The Herbaholic’s ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์สมุนไพรในรูปแบบใหม่ ยกระดับให้มีความทันสมัย ง่ายต่อการใช้งาน พร้อมบริการทดลองนวดประคบจากผู้เชี่ยวชาญ

 

 

นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์พิเศษอย่าง Best of Thai Scent แหล่งรวมยาดมหลากหลายแบรนด์ดัง เริ่มตั้งแต่สูตรโบราณไปจนถึงยาดมสไตล์ใหม่ เป็นที่นิยมของทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซื้อเป็นของฝากก็ถูกใจผู้รับ หรือจะใช้เองก็มีหลากหลายกลิ่นให้เลือกตามความชอบ 

 

คัดไทย โอนลี่ ไทยแลนด์ เบสต์

 

และ Best of Thai Music & Workshop ที่เชิญชวนให้ทุกคนมาสัมผัสดนตรีไทยวินเทจจากศิลปินชั้นนำ พร้อมเข้าร่วมเวิร์กช็อปสนุกๆ เช่น การเพนต์เซรามิก การทำขนมไทย และ D.I.Y. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งจะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตลอดช่วงเวลาของงาน ซึ่งประกอบไปด้วย

 

 

 

Thai Craft Workshops

  • ทุกวัน (วันที่ 27 มีนาคม 2567 – 18 เมษายน 2567) สาธิตการใช้ลูกประคบ โดย The Herbaholic’s
  • ทุกสุดสัปดาห์ (วันที่ 30-31 มีนาคม 2567, วันที่ 6-7 และ 13-15 เมษายน 2567) กิจกรรมเพนต์เซรามิก โดย Cone No.9
  • วันที่ 6-7 เมษายน 2567 Thai Modern Craft Workshops (ทำพวงกุญแจจากผ้าขาวม้า)
  • วันที่ 13-15 เมษายน 2567 Thai Traditional Craft Workshops (ทำถุงหอมดอกไม้แห้ง)

 

Thai Music and Performance 

ร่วมฟังเพลงดนตรีสดจากวงหมอลำร่วมสมัย เอ็นจอยบรรยากาศสนุกแบบไทยๆ พร้อมชิมขนมไทยโบราณยอดนิยมสำหรับผู้เข้าร่วมงาน ทุกสุดสัปดาห์ และช่วงวันหยุดสงกรานต์ เวลา 13.00 น., 15.00 น. และ 17.00 น.

 

คัดไทย โอนลี่ ไทยแลนด์ เบสต์

 

ขณะที่ชั้น 2 บริเวณ EM Walk โซน Thai Boxing & Culture เป็นสวรรค์สำหรับสาวกมวยไทยโดยเฉพาะ (Best of Muay Thai & Iconic Thai Fashion) ด้วยสินค้าทั้งในหมวดเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์มวยแบบจัดเต็ม พร้อมเวทีมวยจำลองให้ทดลองเล่น โดยมีเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากแบรนด์ Muscle Sport คอยให้คำปรึกษา 

 

และยังมีแบรนด์ไอคอนิกอย่าง Double Goose ที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 60 ปี มาเปิดป๊อปอัพสโตร์ในงานนี้ด้วย ให้ได้มา Personalize เสื้อยืดในสไตล์ที่ชอบ ส่วนใครที่มองหากระเป๋าผ้าแคนวาสวินเทจสุดคูล ต้องไม่พลาดแบรนด์ Moshi Ava ที่จะมาสร้างสีสันด้วยการพิมพ์คำไทยแบบไอคอนิกบนกระเป๋า

 

ปิดท้ายกันที่ Thai Taste บนชั้น 4 ที่ Gourmet Market แหล่งรวมผลไม้สุดพรีเมียมสายพันธุ์ไทยแท้ทั้ง 4 ชนิด ได้แก่ มังคุดคีรีวง ที่มีเนื้อสีขาวฉ่ำน้ำ รสชาติเปรี้ยวอมหวาน, มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองผิวเหลืองนวลสวย เนื้อละเอียด รสชาติหอมหวาน, ส้มโอทับทิมสยามลูกโตเนื้อชมพูสดใส และชมพู่น้ำดอกไม้รูปทรงสวยหอมหวานฉ่ำ 

 

 

ที่พลาดไม่ได้คือ Gourmet Eats ที่ยกขบวนร้านสตรีทฟู้ดชื่อดังกว่า 100 ร้านมาไว้ในพื้นที่เดียวกัน ครบทั้งเมนูคาวและหวาน เช่น โกอ่างข้าวมันไก่, ยี่สับหลก, ผัดไทยไฟทะลุ, คนชงคนปรุง, นายอ้วนเย็นตาโฟ และอีกมากมาย

 

พิเศษสำหรับลูกค้าที่ช้อปภายในห้างเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ เมื่อช้อปสะสมยอดครบ 5,000 บาท สามารถรับกระเป๋าผ้าขาวม้าลิมิเต็ดเอดิชันจากชุมชนในจังหวัดขอนแก่นฟรี มูลค่า 790 บาท มีให้เลือกถึง 8 ลายไม่ซ้ำใคร พร้อมบริการสกรีนชื่อ-ข้อความตามต้องการ

 

คัดไทย โอนลี่ ไทยแลนด์ เบสต์

 

งาน ‘คัดไทย โอนลี่ ไทยแลนด์ เบสต์ – ไตรเฟส อิดิชั่น’ จึงเป็นอีเวนต์ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนรักของไทย เพราะได้รวบรวมสุดยอดสินค้าคุณภาพจากทั่วประเทศมาไว้ในที่เดียว ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักช้อป ตั้งแต่ของกิน ของใช้ ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น ไปจนถึงของที่ระลึก ในราคาสุดคุ้ม พร้อมกิจกรรมและโปรโมชันพิเศษแบบจัดเต็มตลอดช่วงเวลาจัดงาน 

 

ใครที่อยากสัมผัสความยิ่งใหญ่และมนต์เสน่ห์ของสินค้าไทยในมุมมองใหม่ หรือกำลังมองหาของขวัญชิ้นพิเศษต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ จะพลาดไม่ได้เลย ไปพบกันได้ที่งาน ‘คัดไทย โอนลี่ ไทยแลนด์ เบสต์ – ไตรเฟส อิดิชั่น’ ที่เอ็มโพเรียม ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 18 เมษายน 2567 นี้เท่านั้น แล้วคุณจะได้รู้ว่าของดีของไทยนั้นไม่แพ้ชาติใดในโลก

The post เมื่อสินค้าไทยผสานกับความป๊อป ชวนเที่ยวงาน ‘คัดไทย โอนลี่ ไทยแลนด์ เบสต์’ ที่ ‘ห้างฯเอ็มโพเรียม’ พร้อมกิจกรรมสนุกสุดเอ็กซ์คลูซีฟตลอดซัมเมอร์นี้ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจาะเบื้องหลังปรากฏการณ์บิ๊กโปรเจกต์ ‘THE BED CINEMA by Omazz®’ ตั้งแต่สาขาแรกถึงสาขาล่าสุด SFX CINEMA เซ็นทรัล ลาดพร้าว ของ เอส เอฟ และ โอมาซ [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/the-bed-cinema-by-omazz-2/ Fri, 05 Apr 2024 05:01:15 +0000 https://thestandard.co/?p=919566 THE BED CINEMA by Omazz

การคอลแลบกันระหว่าง บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( […]

The post เจาะเบื้องหลังปรากฏการณ์บิ๊กโปรเจกต์ ‘THE BED CINEMA by Omazz®’ ตั้งแต่สาขาแรกถึงสาขาล่าสุด SFX CINEMA เซ็นทรัล ลาดพร้าว ของ เอส เอฟ และ โอมาซ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
THE BED CINEMA by Omazz

การคอลแลบกันระหว่าง บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โอมาซซ์ โฮลดิ้ง จำกัด น่าจะเกิดจากการมี ‘ศิลป์เสมอกัน’ ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่เกิดปรากฏการณ์ของการนอนดูหนังบนที่นอนราคาเฉียดล้าน! พร้อมบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟในโรงภาพยนตร์ THE BED CINEMA by Omazz®

 

ที่บอกว่ามี ‘ศิลป์เสมอกัน’ ไม่ได้เขียนผิด แต่จู่ๆ คำนี้ก็ผุดขึ้นมาหลังจากนั่งพูดคุยกับ สุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ ทีปกร โลจนะโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอมาซซ์ โฮลดิ้ง จำกัด ในวันที่ เอส เอฟ จัดงานแถลงข่าวอวดโฉมใหม่ ‘โรงภาพยนตร์ SFX CINEMA เซ็นทรัล ลาดพร้าว’ ภายใต้คอนเซปต์ ‘CINEMA OF HAPPINESS’ มอบความสุขให้ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมเปิดตัวโรงภาพยนตร์ THE BED CINEMA by Omazz® เป็นสาขาที่ 3 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 

 

 

นอกจากความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของทั้งสองแบรนด์ จะเป็นส่วนผสมหลักที่ทำให้ปี 2563 โรงภาพยนตร์ THE BED CINEMA by Omazz® สาขาแรกเกิดขึ้นที่ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ส่วนประกอบที่ทำให้บิ๊กโปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จคือ ‘ศิลปะแห่งการเข้าถึงใจลูกค้า’ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งสองแบรนด์มีเหมือนกัน และยังมีเป้าหมายที่จะส่งมอบประสบการณ์แปลกใหม่และดีที่สุดให้กับลูกค้าเช่นเดียวกัน  

 

สุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

 

สุวิทย์เล่าว่า เขาเองเป็นลูกค้าของโอมาซตั้งแต่ยังไม่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน จนกระทั่งมีโอกาสได้คุยก็พบว่า โอมาซมีปรัชญาการดำเนินธุรกิจและมุมมองที่มีต่อการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าไม่ต่างกัน

 

“ต้องยกเครดิตให้คุณทีปกร (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอมาซซ์ โฮลดิ้ง จำกัด) เขาเป็นคนเสนอไอเดียว่าอยากจะนำที่นอนมาไว้ในโรงภาพยนตร์ และจะต้องเป็นที่นอนรุ่นที่ดีที่สุด เอส เอฟ เราเป็นแบรนด์ที่ชอบเรื่องท้าทายอยู่แล้ว เหมือนได้พิสูจน์ตัวเองตลอดเวลา พอโอมาซเปิดทางเรามองว่านี่เป็นไอเดียที่แปลกใหม่ ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ต่างประเทศก็ยังไม่มี เลยตกลงทันที แต่มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าเราไม่มีพาร์ตเนอร์ที่ดีอย่างโอมาซ”  

  

ทีปกร โลจนะโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอมาซซ์ โฮลดิ้ง จำกัด

 

ทีปกรเล่าเสริมว่า “หลังจากที่ทราบว่าคุณสุวิทย์เป็นลูกค้าโอมาซ และมีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยก็อย่างที่คุณสุวิทย์บอก มันคลิกทันที ด้วยมุมมองการทำธุรกิจที่คล้ายกัน ผมชอบความเป็นมืออาชีพของทีมเอส เอฟ เป็นทีมที่มีศักยภาพในการบริการ ที่สำคัญ เอส เอฟ มีแพสชันกับสิ่งที่ทำอย่างมาก เป็นแบรนด์ที่โฟกัสที่ลูกค้าจริงๆ มันถูกจริตกับเรา แนวคิดในการดำเนินธุรกิจก็สอดคล้องกับปรัชญาของแบรนด์โอมาซ ‘Peace is true happiness’ ที่ให้ความสำคัญกับความสุข พอได้พาร์ตเนอร์ที่มีวิสัยทัศน์คล้ายกัน การทำงานร่วมกันจึงราบรื่น ต้องขอบคุณ เอส เอฟ ที่ให้โอกาส เพราะก่อนหน้านี้เรามองเรื่องการสร้าง Ecosystem Experience อยู่แล้ว และ เอส เอฟ เป็นที่แรกที่ทำให้แคมเปญ ‘The Bed Experience by Omazz®’ เกิดขึ้นจริง เป็นการมอบ Live Experience ผ่านผลิตภัณฑ์ที่นอนและเครื่องนอนออร์แกนิกของแบรนด์ ซึ่งเรามองว่าสิ่งที่เราเสนอมัน Win-Win ทั้งคู่” 

 

สุวิทย์เห็นด้วยว่าการเกิดขึ้นของ THE BED CINEMA by Omazz® ได้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ไม่ใช่กับตัวธุรกิจเท่านั้น แต่ลูกค้าของทั้งสองแบรนด์ก็ได้ประโยชน์ด้วย 

 

“นึกถึงเวลาที่คุณไปลองที่นอนตามโชว์รูม เวลาแค่ 5-10 นาทีในการทดลองสินค้าไม่สามารถสัมผัสประสบการณ์จริงของที่นอนได้ การที่โอมาซตัดสินใจยกที่นอนรุ่นที่ดีที่สุดมาไว้ในโรงภาพยนตร์ ทำให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์บนที่นอนอย่างน้อย 2-3  ชั่วโมง มันคือ Live Experience ที่เหนือระดับจริงๆ”

 

 

สำหรับคนที่เคยสัมผัสความเหนือระดับในโรงภาพยนตร์ THE BED CINEMA by Omazz® ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และเดอะคริสตัล เอกมัย-รามอินทรามาแล้ว ต้องไม่พลาดมาสัมผัสความเหนือระดับยิ่งกว่า เพราะที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว โอมาซนำเตียงนอนไฟฟ้ารุ่น Adjusto™ รุ่นใหม่ล่าสุดมาให้บริการ พร้อมเครื่องนอนคุณภาพดีที่สุดอย่าง Omazz Tencel® และผ้ารองกันเปื้อน กันน้ำและไรฝุ่น Omazz® Fresca ทุกที่นั่ง 

 

“เตียงนวดปรับระดับไฟฟ้า Adjusto™ เจน 3 เป็นหนึ่งในผลงานมาสเตอร์พีซที่แบรนด์โอมาซภาคภูมิใจ มาพร้อมระบบพิเศษ โหมด ‘บำบัดการพักผ่อน’ ที่รวบรวมทุกฟังก์ชันความผ่อนคลาย 13 ขั้นตอน นอกจากนั้นยังมีระบบนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โหมดตำแหน่งไร้แรงโน้มถ่วงที่ปรับระดับให้ขายกขึ้นเหนือหัวใจเล็กน้อย คล้ายการล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศ ซึ่งได้รับการวิจัยแล้วว่าเป็นตำแหน่งที่สบายที่สุด และระบบการปลุกอัจฉริยะ ด้วยการปรับระดับขึ้นสู่ตำแหน่งที่เหมาะสม ที่สำคัญตัวที่นอนใช้ยางพาราออร์แกนิก Talatech™ Latex 100% สามารถรองรับทุกสรีระ” ทีปกรเล่า

 

เมื่อได้ความเป็นที่สุดของที่นอนรุ่นล่าสุดของโอมาซ ทาง เอส เอฟ ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเรื่องการสร้างประสบการณ์การดูหนังที่ดีที่สุดเข้ามาผสมผสาน เพื่อประสบการณ์การดูหนังที่สมบูรณ์แบบที่สุด

 

สุวิทย์บอกว่า เอส เอฟ นำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในการชมภาพยนตร์มาใช้ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องฉาย Digital Cinema 4K ที่ทำให้ภาพออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด และระบบเสียง Dolby Digital Surround 7.1 ให้เสียงคมชัดเสมือนจริง รวมไปถึงการจัดวางตำแหน่งของเตียงทั้งหมด 30 หลังภายในโรงภาพยนตร์ จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ทุกที่นั่งมองเห็นได้ดีที่สุด 

 

 

“สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว เราออกแบบเลานจ์รับรองพิเศษใหม่ทั้งหมด โทนสีและการใช้แสงที่ดูนุ่มนวล อบอุ่น ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์คอลเล็กชันพิเศษจาก ‘ไลบรารี่ คาซ่า (Library Casa)’ ที่ได้รับการเลือกสรรโดยดีไซเนอร์ระดับโลก เพราะเราต้องการให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในห้องพักผ่อนที่มีความเป็นส่วนตัว ปรับอารมณ์ให้ผ่อนคลายก่อนเข้าสู่โรงภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังมีป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มในรูปแบบ Self Service สามารถรับประทานระหว่างรอชมภาพยนตร์ และตลอดการชมภาพยนตร์ เราตั้งใจทำที่นี่ให้เหมือนที่เซ็นทรัลเวิลด์ เพราะกลุ่มลูกค้ามีความหลากหลาย จึงใช้คอนเซปต์เดียวกัน ในขณะที่สาขาเดอะคริสตัล เอกมัย-รามอินทรา ด้วยกลุ่มเป้าหมายที่มีความลักชัวรี จึงเพิ่มความเอ็กซ์คลูซีฟของ First Class เข้าไป ทำให้สาขานี้เป็นสาขาเดียวที่มีอาหารเสิร์ฟ” 

 

 

สุวิทย์ยังบอกด้วยว่า จนถึงวันนี้ THE BED CINEMA by Omazz® ยังคงเป็นโรงภาพยนตร์ที่สร้างปรากฏการณ์ ‘Sold Out’ ทุกครั้งที่มีหนังฟอร์มยักษ์

 

“ตั้งแต่เปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ THE BED CINEMA by Omazz® ทั้งสองสาขา เราได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก นอกจากกลุ่มลูกค้าของโอมาซ เราพบว่ามีกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งนักศึกษาและวัยทำงานเข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก ซึ่งตรงกับจุดประสงค์ของเราที่ต้องการส่งมอบประสบการณ์ และสัมผัสการพักผ่อนที่ดีที่สุดจากโอมาซไปถึงผู้บริโภคทุกคน”

 

ทีปกรเสริมว่า “สำหรับโอมาซผลตอบรับที่ได้เกินความคาดหมาย แม้ที่ผ่านมาเราจะมีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่การมาเป็นส่วนหนึ่งของโรงภาพยนตร์เอส เอฟ ทำให้เรามีคนรู้จักมากขึ้น ทำให้เรามองเห็นโอกาสในการส่งมอบประสบการณ์ที่มากกว่าในโชว์รูม เราเชื่อมั่นว่าประสบการณ์ชมภาพยนตร์ที่ได้จะเป็นมากกว่าความสุขจากความบันเทิง แต่ยังรวมถึงความสุขจากประสบการณ์การพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ เพราะตั้งแต่เริ่มแคมเปญเราไม่ได้มองเรื่องยอดขาย แต่อยากให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดี และบอกต่อว่าเขารู้สึกดีอย่างไร ท้ายที่สุดอยากให้โอมาซเป็นแบรนด์ ‘ที่นอนในฝัน’ ของทุกคน” 

 

“สำหรับ เอส เอฟ เราจะไม่หยุดสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการชมภาพยนตร์กับลูกค้า ต้องพัฒนาโรงภาพยนตร์เพื่อตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์ อย่างการปรับโฉมใหญ่ของ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เซ็นทรัล ลาดพร้าว ครั้งนี้ก็เช่นกัน เราปรับตั้งแต่พื้นที่ส่วนกลาง รวมถึงภายในโรงภาพยนตร์ทั้ง 10 โรงภาพยนตร์ โดยตั้งเป้าให้เป็น CINEMA OF HAPPINESS หรือโรงภาพยนตร์แห่งความสุขของทุกคน”  

 

 

นอกจากจะเพิ่มโรงภาพยนตร์ THE BED CINEMA by Omazz® อย่างที่เล่าไป เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เซ็นทรัล ลาดพร้าว โฉมใหม่จะล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น สอดรับไปกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพของศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว หลังการเปิดให้บริการรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยาย และการขยายตัวของเมือง ทำให้พื้นที่โซนลาดพร้าวกลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ และยังมีแนวโน้มการขยายตัวอีกในอนาคต จึงเป็นที่มาของการปรับโฉมครั้งใหญ่ที่มาพร้อมคอนเซปต์ใหม่ CINEMA OF HAPPINESS โรงภาพยนตร์ที่มอบความสุขให้กับทุกคน ด้วยโรงภาพยนตร์ที่หลากหลายตอบรับทุกไลฟ์สไตล์

 

 

“ภาพลักษณ์ใหม่ของ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เซ็นทรัล ลาดพร้าว ที่จะได้เห็นคือ โรงภาพยนตร์พิเศษและประเภทที่นั่งที่ดีที่สุดของ เอส เอฟ ไม่ว่าจะเป็น โรงภาพยนตร์ ‘ZIGMA CINESTADIUM presented by C2’ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเสียง Dolby Atmos และเทคโนโลยีภาพ 4K Laser รวมไปถึงระยะห่างระหว่างที่นั่งแบบ Super Stadium Seat ที่กว้างและสบายกว่าโรงภาพยนตร์ทั่วไป, โรงภาพยนตร์ First Class เบาะหนังปรับเอนไฟฟ้าที่กว้างเป็นพิเศษ พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มในเลานจ์ก่อนรอบฉาย 1 ชั่วโมง และบริการเสิร์ฟป๊อปคอร์น-เครื่องดื่มภายในโรงภาพยนตร์ตลอดรอบฉาย” 

 

 

“เรามีการปรับรูปแบบโรงภาพยนตร์ First Class จากเดิมที่ทำเป็น Stand Alone พอได้ฟีดแบ็กจากลูกค้าว่าตัวเลือกของหนังที่ฉายมีน้อยเกินไป จึงปรับโดยการนำที่นั่ง First Class ไปรวมกับโรงภาพยนตร์ทั่วไป ออกแบบให้อยู่บริเวณหลังสุด โดยยังคงความสะดวกสบายและบริการระดับ First Class ไว้ครบถ้วน ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการรับชมภาพยนตร์มากขึ้น มีรอบการชมมากขึ้น พื้นที่เดิมของโรงภาพยนตร์ First Class ก็ปรับไปเป็นโรงภาพยนตร์ THE BED CINEMA by Omazz®”

 

“จนถึงวันนี้ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เซ็นทรัล ลาดพร้าว มีผู้ใช้บริการสูงเป็นอันดับต้นๆ ของ เอส เอฟ เป็นสาขาที่มีจำนวนโรงภาพยนตร์ใหญ่เป็นอันดับ 3 คือ 10 โรงภาพยนตร์ ภายในพื้นที่ 7,500 ตารางเมตร และเป็นสาขาแรกที่มีโรงภาพยนตร์แบบ First Class ตอนที่เปิดให้บริการเรียกว่าเป็นปรากฏการณ์เลยก็ว่าได้ เพราะไม่เคยมีโรงภาพยนตร์ไหนที่เสิร์ฟอาหารก่อนชมภาพยนตร์” 

 

 

สุวิทย์บอกว่า ไม่ว่า เอส เอฟ จะไปที่ไหน จะ Customize ตัวเองไปตามเทรนด์และความต้องการของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ อนาคตอันใกล้ เอส เอฟ จะเพิ่มโรงภาพยนตร์ ZIGMA CINESTADIUM ไปยังหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เช่น พัทยา ขอนแก่น จากที่ตอนนี้มีอยู่ 11 สาขา ส่วนจะเปิดโรงภาพยนตร์ THE BED CINEMA by Omazz® เป็นสาขาที่ 4 หรือไม่ THE STANDARD จะคอยเกาะติดสถานการณ์ และมาอัปเดตให้อ่านกันอย่างแน่นอน 

 

ไปสัมผัสประสบการณ์ ALL THE BEST, AT THE BED CINEMA by Omazz ที่สุดของประสบการณ์ชมภาพยนตร์บนที่สุดของที่นอน กับ ‘THE BED CINEMA by Omazz®’ แห่งใหม่ล่าสุดที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เซ็นทรัล ลาดพร้าว 

 

ตรวจสอบรอบฉาย-ซื้อบัตรชมภาพยนตร์ได้ผ่านแอปพลิเคชัน SF Cinema และ www.sfcinema.com หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โซเชียลมีเดีย SF Cinema 

The post เจาะเบื้องหลังปรากฏการณ์บิ๊กโปรเจกต์ ‘THE BED CINEMA by Omazz®’ ตั้งแต่สาขาแรกถึงสาขาล่าสุด SFX CINEMA เซ็นทรัล ลาดพร้าว ของ เอส เอฟ และ โอมาซ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
การวางผังเมืองจะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ‘พื้นที่จำกัด’ แต่ศักยภาพ ‘ไม่จำกัด’ ได้อย่างไร? ชวนไขคำตอบผ่านรายการ ‘Resize BKK ออกแบบกรุงเทพฯ สู่เมืองกระชับ’ [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/resize-bkk/ Thu, 04 Apr 2024 10:30:47 +0000 https://thestandard.co/?p=919135 Resize BKK

การวางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครที่ดีจะช่วยส่งเสร […]

The post การวางผังเมืองจะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ‘พื้นที่จำกัด’ แต่ศักยภาพ ‘ไม่จำกัด’ ได้อย่างไร? ชวนไขคำตอบผ่านรายการ ‘Resize BKK ออกแบบกรุงเทพฯ สู่เมืองกระชับ’ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
Resize BKK

การวางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครที่ดีจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติให้คนในพื้นที่ได้อย่างไร? และเราในฐานะคนเมืองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จะมีส่วนร่วมออกแบบผังเมืองได้หรือไม่?  

 

เพื่อตอบคำถามแรก อยากชวนไปส่องเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน เมืองที่ได้ชื่อว่ามีผังเมืองที่ดีที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลกกัน 


อิลเดฟอนส์ แซร์ดา (Ildefons Cerdà) วิศวกรชาวคาตาลัน ผู้ออกแบบแปลนผังเมืองปัจจุบันของเมืองบาร์เซโลนา ตั้งชื่อแปลนเมืองในภาษาสเปนิชว่า ‘Eixample’ ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษคือ ‘Expansion’ หรือ ‘การขยาย’ ปัจจัยที่ให้ความสำคัญคือ แสงแดด ธรรมชาติ และการระบายอากาศ หากมองจากภาพมุมสูงเราจะเห็นเมืองบาร์เซโลนามีรูปร่างคล้ายขนมวาฟเฟิล เกิดจากการตัดขอบตึกออกไป 45 องศา ในบางพื้นที่ไม่เพียงช่วยให้เมืองมีทิศทางลมที่ดีขึ้น แต่การวางผังเมืองเป็นตารางขยายไปทั่วเมืองเช่นนี้ ยังช่วยให้การเดินทางเชื่อมต่อกันได้อย่างสะดวกสบาย ช่วยกระจายศูนย์กลางของเมืองไปตามย่านต่างๆ ผู้คนมีส่วนร่วมกับเมืองได้มากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และมีความเป็นชุมชนมากขึ้นจากการมีพื้นที่ส่วนกลางร่วมกันในทุกหัวมุมถนน  

 

 

แต่รู้หรือไม่ว่า บาร์เซโลนาเคยเผชิญปัญหาความแออัดของเมืองจนทำให้คุณภาพชีวิตของคนในเมืองตกต่ำ ส่งผลให้ผู้คนในเมืองพร้อมใจกันออกมาประท้วงเรื่องการวางผังเมือง 

 

ช้าก่อน! นั่นไม่ใช่การมีส่วนร่วมที่เรากำลังจะบอก เพราะสำหรับกรุงเทพฯ เมืองที่มี ‘พื้นที่จำกัด’ แต่ศักยภาพ ‘ไม่จำกัด’ ยังมีวิธีที่เราจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบผังเมืองได้ง่ายกว่านั้น   


เริ่มจากทำความเข้าใจเรื่อง ‘การวางผังเมือง’ ไม่ต้องถึงขั้นกางแปลนเขียวเพื่อดูว่าทั้ง 50 เขตในกรุงเทพฯ ออกแบบอย่างไร แต่อยากให้เข้าใจว่า การวางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครนั้นทำอย่างไร ทำไปเพื่ออะไร และผังเมืองที่ดีจะช่วยส่งเสริมให้ชีวิตคนเมืองดีขึ้นได้อย่างไร? ผ่านรายการ ‘Resize BKK ออกแบบกรุงเทพฯ สู่เมืองกระชับ 

 

Resize BKK ออกแบบกรุงเทพฯ สู่เมืองกระชับ รายการที่ย่อยเนื้อหาของการวางและจัดทำร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4 ) ให้เข้าใจง่ายๆ ด้วยการชวนคนดูตั้งคำถามและร่วมหาคำตอบไปพร้อมกัน

 

และเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น จึงแบ่งการเล่าเรื่องพื้นที่ 50 เขตของกรุงเทพฯ ผ่านพื้นที่ 3 โซน ได้แก่ กรุงเทพฯ ชั้นใน กรุงเทพฯ ชั้นกลาง และกรุงเทพฯ ชั้นนอก โดยมี โบ-ธนากร ชินกูล รับหน้าที่พิธีกร พาทุกคนไป Explore เรื่องผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครให้เข้าใจมากขึ้น

 

Resize BKK

     

แต่ละ EP มีประเด็นไหนที่น่าติดตาม? 

 

EP.1: “กรุงเทพฯ ชั้นใน พื้นที่จำกัด แต่ศักยภาพไม่จำกัด”

 

เป็นการปูพื้นสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครผ่านพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ที่แม้จะเป็นพื้นที่ที่มีขนาดเล็กที่สุดใน 3 โซน แต่ก็มีความสำคัญที่สุด เริ่มจากการเดินชมทางเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา เขตคลองสาน พร้อมเรียนรู้แนวคิดการออกแบบสวนสาธารณะในเมือง ซึ่งพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในมีการแบ่งโซนตามสีของพื้นที่ ตามประโยชน์การใช้สอยที่เชื่อมโยงกับนโยบายกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินจำแนกประเภทและแผนผังแสดงที่โล่ง   

 

 

ไฮไลต์ของ EP นี้คือการพาไปชมตัวอย่างการออกแบบสวนสาธารณะที่อยู่ในผังพื้นที่โล่งและนโยบายด้านสาธารณูปโภคผ่าน ‘สวนสานธารณะ’ เขตคลองสาน พื้นที่ที่คนทุกวัยสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างลงตัว 

 

ตัวอย่างของการพัฒนาเมืองที่เน้นการมีส่วนร่วมของทุกคนในชุมชน 

 

 

 

ตัวอย่างใน EP.1 จะเห็นว่ากรุงเทพมหานครได้เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางต่างๆ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลและความต้องการ เพื่อนำมาพัฒนาเป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความร่วมมือของคนในชุมชน 

 

และอีกหนึ่งวิธีที่คุณสามารถมีส่วนร่วมได้ง่ายๆ เพียงร่วมทำแบบสอบถามการรับรู้ต่อการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ของสำนักงานประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ทีมงานนำข้อมูล ข้อเสนอแนะ และความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาต่อไป แค่คลิกเข้าไปที่ https://forms.gle/NGfB6JRFn4V1zuog9 เมื่อทำแบบสอบถามแล้วยังได้ลุ้นรับของที่ระลึกจากทางรายการจำนวน 50 รางวัล สามารถร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 

 

นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ที่จะนำเสนอในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นกลาง และกรุงเทพฯ ชั้นนอก ต่อไปได้ทาง www.youtube.com/@Bangkok_bma 

 

และติดตามข่าวสารดีๆ ของกรุงเทพมหานคร ผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook / X / YouTube / TikTok / Instagram: @bangkokbma หรือเว็บไซต์ www.pr-bangkok.com

The post การวางผังเมืองจะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ‘พื้นที่จำกัด’ แต่ศักยภาพ ‘ไม่จำกัด’ ได้อย่างไร? ชวนไขคำตอบผ่านรายการ ‘Resize BKK ออกแบบกรุงเทพฯ สู่เมืองกระชับ’ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ คว้า 6 รางวัลยอดเยี่ยมจากสถาบันการเงินระดับโลก ตอกย้ำบทบาทการบริหารความมั่งคั่งระดับสากลของเมืองไทย https://thestandard.co/scb-julius-baer-6-trophies/ Thu, 04 Apr 2024 05:50:41 +0000 https://thestandard.co/?p=919150 ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์

บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด (SCB Jul […]

The post ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ คว้า 6 รางวัลยอดเยี่ยมจากสถาบันการเงินระดับโลก ตอกย้ำบทบาทการบริหารความมั่งคั่งระดับสากลของเมืองไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์

บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด (SCB Julius Baer) คว้า 6 รางวัลยอดเยี่ยมด้านการบริหารความมั่งคั่งระดับสากลจากสถาบันการเงินระดับโลก ได้แก่ Asian Private Banker ผู้ให้บริการข้อมูลและโซลูชันด้านเวลท์แมเนจเมนต์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย และ Euromoney นิตยสารการเงินชั้นนำแห่งยุโรป ซึ่งถูกตัดสินโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากผลการดำเนินงานของไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ที่ยังคงสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอบริการและโซลูชันบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจรด้วยมาตรฐานระดับสากล ซึ่งผสมผสานความรู้ ความเชี่ยวชาญ เข้ากับความเข้าใจและความต้องการของลูกค้าคนไทยอย่างลึกซึ้ง ควบคู่กับการช่วยให้ลูกค้าคนสำคัญสามารถวางแผนส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านการปูพื้นฐานด้านการลงทุนแบบเข้มข้นจากโปรแกรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ‘The 45 Academia’ มุ่งเตรียมความพร้อมกลุ่มทายาทธุรกิจรุ่นใหม่ (Next Generation) สู่การเป็นผู้นำแห่งอนาคต ตอกย้ำความมุ่งมั่น ‘Your Legacy. Our Promise.’ ของไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ อย่างแท้จริง

 

6 รางวัลยอดเยี่ยมด้านไพรเวตแบงกิ้งระดับสากลที่ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ ได้รับ ประกอบด้วย

 

  • รางวัล Best International Private Bank in Thailand จากเวทีชั้นนำระดับโลก ‘2023 Asian Private Banker 13th Awards for Distinction’ จัดโดย Asian Private Banker ซึ่งได้รับรางวัลติดต่อกันเป็นปีที่ 2

 

  • 5 รางวัลจาก Euromoney นิตยสารการเงินชั้นนำแห่งยุโรป ได้แก่
    1. รางวัล Thailand’s Best International Private Bank
    2. รางวัล Thailand’s Best for Discretionary Portfolio Management
    3. รางวัล Thailand’s Best for High-Net-Worth
    4. รางวัล Thailand’s Best for Investment Research
    5. รางวัล Thailand’s Best for Succession Planning

The post ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ คว้า 6 รางวัลยอดเยี่ยมจากสถาบันการเงินระดับโลก ตอกย้ำบทบาทการบริหารความมั่งคั่งระดับสากลของเมืองไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไม่เปลี่ยน ไม่ทันกติกา เท่ากับล้าหลัง! ธนาคารกสิกรไทยปัก 4 กลยุทธ์ความยั่งยืน ขอให้ ‘มากกว่าสินเชื่อ’ ดันเอกชนไทยสู่สนาม Climate Game [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/kbank-esg-strategy-2024/ Thu, 28 Mar 2024 09:51:10 +0000 https://thestandard.co/?p=916639

“ถ้าเราปล่อยให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นไปอีก 3.2 องศาในปี 259 […]

The post ไม่เปลี่ยน ไม่ทันกติกา เท่ากับล้าหลัง! ธนาคารกสิกรไทยปัก 4 กลยุทธ์ความยั่งยืน ขอให้ ‘มากกว่าสินเชื่อ’ ดันเอกชนไทยสู่สนาม Climate Game [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

“ถ้าเราปล่อยให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นไปอีก 3.2 องศาในปี 2593 โดยไม่ทำอะไรเลย ความเสียหายทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นราว 18% ของ Global GDP หรือคิดเป็น 18 ล้านล้านดอลลาร์ และหากมองเฉพาะเศรษฐกิจไทยจะเสียหายประมาณ 44% ของ GDP หรือคิดเป็นมูลค่า 2.18 แสนล้านดอลลาร์”

 

หากยังนึกภาพความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่ออก พิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ฉายภาพให้ชัดขึ้นว่า “ตอนโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้นสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ 3% ของ GDP”

 

ยิ่งไปกว่านั้น หากประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ เช่น สหรัฐอเมริกา และจีน เริ่มดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ประเทศไทยกลับเริ่มช้า ไม่ทันระเบียบกติกาใหม่ของประเทศผู้นำนั้นๆ ความเสียหายจะเกิดขึ้น 40-45% ของผู้ส่งออกของไทย ซึ่งคิดเป็นมูลค่าความเสียหายราว 114 ล้านบาท

 

ไม่เปลี่ยนเท่ากับ ‘ถอยหลัง’

 

การเปลี่ยนแปลงเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเป็นโจทย์ใหญ่ของโลก ซึ่งล่าสุดในการประชุม COP28 ที่ผ่านมา ประชาคมโลกบรรลุข้อตกลงที่จะเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานออกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งจะส่งแรงกดดันไปสู่ภาคธุรกิจในวงกว้าง ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่อาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเปลี่ยนผ่านด้านสิ่งแวดล้อม (Transition Risk) ด้วยกฎระเบียบทางการค้าที่ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และจีน จะทยอยบังคับใช้เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าสินค้าส่งออกไทยราว 40-45%

 

 

นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. ของไทยที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา กำหนดให้ภาคธุรกิจต้องวัดผลและรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (MRV), มาตรการจำกัดสิทธิผู้ประกอบการเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Cap and Trade), มาตรการจัดเก็บภาษีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากสินค้าภาคอุตสาหกรรม (Carbon Tax) รวมถึงการทำธุรกรรมเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิต ซึ่งจะกระทบกับผู้ประกอบธุรกิจในวงกว้าง

 

 

ก้าวต่อไปของ KBANK จะเป็น ‘มากกว่าธนาคาร’

 

พิพิธกล่าวว่า จากการที่โลกธุรกิจกำลังเข้าสู่ยุค Climate Game ที่ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมทำให้สมการธุรกิจเปลี่ยนไป มูลค่าของธุรกิจจากรายได้ธุรกิจแบบดั้งเดิมจะถูกลดทอนด้วยปัจจัยเชิงลบที่ธุรกิจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากการทำธุรกิจที่ได้ปัจจัยบวกด้านสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการจึงต้องตระหนักและปรับตัวให้ทันเพื่อรับมือกับเกมนี้ ธนาคารกสิกรไทยมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนภาคธุรกิจในการปรับตัวรับมือ ด้วยประสบการณ์ ผลิตภัณฑ์ และองค์ความรู้ที่มี

 

จึงเป็นที่มาที่ทำให้ธนาคารกสิกรไทย ‘ต้องการเป็นมากกว่าธนาคาร’ และนำมาสู่ยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ปี 2567 ที่จะพาธุรกิจไทยก้าวสู่โลกธุรกิจรูปแบบใหม่ พร้อมรับมือยุค Climate Game ที่มูลค่าของธุรกิจไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงผลกำไรจากธุรกิจดังเดิม แต่มีปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง

 

โดยธนาคารกสิกรไทยได้ดำเนินการผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ดังนี้

 

กลยุทธ์ที่ 1 Green Operation

 

ปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานของตัวเองและตั้งเป้าหมายเป็น Net Zero ใน Scope 1&2 ภายในปี 2573 โดยมีการปรับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของธนาคาร เช่น ดำเนินการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่อาคารหลักของธนาคารครบ 100% และติดตั้งที่สาขาที่มีศักยภาพจำนวน 78 สาขา ภายในเดือนมิถุนายน 2567, เปลี่ยนรถที่ใช้ในองค์กรเป็นรถไฟฟ้าแล้ว 183 คัน ทำให้ในปี 2566 ธนาคารสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้ 12.74% เมื่อเทียบกับฐานปี 2563 รวมทั้งมีการจัดการด้านคาร์บอนเครดิต โดยเป็นกลางทางคาร์บอนมาแล้ว 6 ปีต่อเนื่อง (ปี 2561-2566) นับเป็นประสบการณ์ตรงเรื่อง Climate Action ที่ธนาคารทำจริงและวัดผลได้

 

 

กลยุทธ์ที่ 2 Green Finance

 

นำความแข็งแกร่งด้านสินเชื่อและเงินลงทุนมาสนับสนุนภาคธุรกิจในการเปลี่ยนผ่านอย่างครบวงจร ทั้งการให้สินเชื่อด้านสิ่งแวดล้อม (Green Loan), การให้สินเชื่อเพื่อปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจในการเปลี่ยนผ่าน (Transition Financing), การจัดสรรเงินลงทุนของธนาคารในธุรกิจและสตาร์ทอัพที่สร้างผลกระทบเชิงบวก, การนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนทั้งของธนาคารและพันธมิตรระดับโลก เพื่อดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนไปสนับสนุนธุรกิจที่คำถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม (ESG) เป็นต้น โดยธนาคารส่งมอบเงินสินเชื่อและเงินทุนเพื่อความยั่งยืนไปแล้ว 73,397 ล้านบาท (2565-2566) และคาดว่าจะมีเม็ดเงินรวมเป็น 100,000 ล้านบาทในปี 2567 รวมทั้งจะขยับเป็น 200,000 ล้านบาทในปี 2573 ตามเป้าหมาย

 

นอกจากนี้ ในปี 2565-2566 ธนาคารมีการวิเคราะห์อุตสาหกรรมใน Portfolio เพื่อจัดลำดับอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญในการควบคุมและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านอย่างใกล้ชิด และได้จัดทำแผนกลยุทธ์การลดก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรม (Sector Decarbonization Strategy) ร่วมกับลูกค้าในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมไปแล้ว 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมถ่านหิน อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติต้นน้ำ อุตสาหกรรมซีเมนต์ และอุตสาหกรรมอะลูมิเนียม

 

 

ภาพรวมปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธนาคาร ส่วนใหญ่เกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Portfolio ของธนาคาร ซึ่งคิดเป็น 480 เท่าของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินการโดยตรงของธนาคาร (Own Operation-Scope 1&2)

 

กลยุทธ์ที่ 3 Climate Solutions

 

จากโจทย์ใหญ่ซึ่งเป็นเรื่องการทำ Portfolio Decarbonization ซึ่งเกี่ยวข้องกับลูกค้าธุรกิจเป็นจำนวนมากที่มีความพร้อมแตกต่างกัน นับเป็นความท้าทายที่ธนาคารจะต้องเชื่อมต่อในวงกว้างให้ลูกค้าสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริง ธนาคารจึงเห็นโอกาสในการพัฒนาโซลูชันบริการด้านสิ่งแวดล้อมและการเชื่อมต่อระบบนิเวศด้านคาร์บอนที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อที่จะสนับสนุนและเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ลูกค้าผู้ประกอบการธุรกิจอย่างครบวงจรและเป็นวงกว้าง โดยบูรณาการศักยภาพทั้งโซลูชัน องค์ความรู้ และเทคโนโลยี เพื่อยกระดับการทำงานทั้งของธนาคารเองและการทำงานของลูกค้า ผ่านกลยุทธ์การทำงานเพื่อการส่งมอบบริการที่มากกว่าการเงิน

 

 

ธนาคารได้ศึกษาและพัฒนาโซลูชันด้านสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร โดยอาศัยความร่วมมือจากพันธมิตร ประกอบด้วยโซลูชันการส่งมอบความรู้และคำแนะนำที่บูรณาการองค์ความรู้จากสถาบันชั้นนำ การพัฒนาโซลูชันเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับลูกค้าทั้งบุคคลและผู้ประกอบการ (Reduction Solution) โดยทดลองออกบริการนำร่องแล้ว ได้แก่ WATT’S UP แพลตฟอร์มรองรับการเช่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร รวมถึงบริการสลับแบตเตอรี่ผ่านจุดบริการ และ ‘ปันไฟ’ (Punfai) แอปพลิเคชันแลกเปลี่ยนไฟฟ้าแห่งแรกของไทย ที่เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทยและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

 

นอกจากนี้ ธนาคารนำประสบการณ์กว่า 10 ปีในการวัด Carbon Footprint ของธนาคารมาใช้เพื่อเตรียมพัฒนาโซลูชันใหม่ที่จะช่วยผู้ประกอบการเรื่องการวัดผล รายงาน และตรวจสอบการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon MRV) ให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับประเทศและระดับสากล

 

 

กลยุทธ์ที่ 4 Carbon Ecosystem

 

เตรียมความพร้อมในการเชื่อมต่อใน Carbon Ecosystem เพื่อการพัฒนาบริการไปอีกขั้นในธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับคาร์บอนเครดิต โดยศึกษาและดำเนินการซื้อคาร์บอนเครดิตสำหรับการชดเชยทางคาร์บอนของธนาคารและบริษัทในกลุ่มฯ เพื่อสนับสนุนคาร์บอนเครดิตที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ ธนาคารได้มีการเปิดตัวแพลตฟอร์มขึ้นทะเบียนและขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) ที่เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารกสิกรไทย และ Innopower เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนรายย่อยและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปขึ้นทะเบียนและขายใบรับรอง REC ได้ รวมถึงธนาคารได้ศึกษาและเตรียมแนวทางในมิติอื่นๆ ของระบบนิเวศด้านคาร์บอนเครดิต เช่น การเป็นตัวแทนซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Broker/Dealer) การออกโทเคนคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Tokenization)

 

 

เพราะขนาดมีผลต่อการสร้างอิมแพ็กต์

 

พิพิธกล่าวว่า ในกระบวนการเปลี่ยนผ่านเพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจสีเขียวนั้น ‘ขนาด’ ของผู้ประกอบการมีความสำคัญค่อนข้างมาก โดยธุรกิจที่มียอดขาย 5,000 ล้านบาทขึ้นไปจะเป็นขนาดธุรกิจที่สร้างอิมแพ็กต์ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในการดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนด้านการเงินให้กับลูกค้านั้น ธนาคารกสิกรไทยได้มุ่งเน้นสนับสนุนลูกค้าขนาดกลางให้เปลี่ยนผ่านมาสู่เศรษฐกิจสีเขียวอย่างต่อเนื่อง

 

“เพราะลูกค้ารายใหญ่จะดึงกลุ่มลูกค้าที่อยู่ภายใต้ซัพพลายเชนในการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืน เนื่องจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่มีพลังที่จะช่วยลูกค้ารายกลางได้”

 

สำหรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน ธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าภายในปี 2573 เม็ดเงินรวม 200,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10% ของพอร์ตสินเชื่อรวมทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 1.7 ล้านล้านบาท

 

 

แก่นสำคัญคือบูรณาการศักยภาพ

 

พิพิธกล่าวตอนท้ายว่า การทำงานด้าน Climate Change ในระดับประเทศให้บรรลุผลได้นั้น ธนาคารไม่ได้มองตัวเองเป็นเพียงผู้ให้สินเชื่อเท่านั้น แต่ต้องการที่จะนำประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญที่ธนาคารมี มาช่วยสนับสนุนลูกค้าและภาคธุรกิจไทยร่วมมือกันสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง และธนาคารกสิกรไทยพร้อมที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อของภาคธุรกิจ ลูกค้า ผู้กำกับดูแล ผู้กำหนดนโยบาย องค์กรแหล่งความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรม ตลอดจนภาคการเงินและตลาดทุน บูรณาการศักยภาพต่างๆ เพื่อส่งมอบเครื่องมือที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจไทยให้สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกธุรกิจรูปแบบใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงคว้าโอกาสที่จะเกิดขึ้นในเศรษฐกิจการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกัน เพราะนี่คือระบบเศรษฐกิจใหม่ที่ Base on Carbon ซึ่งจะเป็นการวิ่งคู่ขนานกับระบบเศรษฐกิจเดิม

 

“วันนี้ถือเป็นจุด Turning Point เราจะทำอย่างไรที่จะทำให้กลุ่มสีน้ำตาลไม่ลดลงช้าเกินไป และสีเขียวโตเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เราชนะในเกมการแข่งขันนี้ หลังจากที่เราแพ้ราบก่อนหน้านี้”

The post ไม่เปลี่ยน ไม่ทันกติกา เท่ากับล้าหลัง! ธนาคารกสิกรไทยปัก 4 กลยุทธ์ความยั่งยืน ขอให้ ‘มากกว่าสินเชื่อ’ ดันเอกชนไทยสู่สนาม Climate Game [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>