วันนี้ (30 มิถุนายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าวถึงกรณีที่เกิดเหตุเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ถูกจี้ชิงทรัพย์พระเกี้ยว เข็มกลัดประจำโรงเรียนเมื่อวานนี้ (29 มิถุนายน) โดยมองว่า คงต้องดูแลภาพรวม ซึ่งในการดูแลของ กทม. ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ทำความสะอาด เทศกิจ รายงานจุดเสี่ยงเข้ามา เพื่อจะได้เข้าไปดูแลพื้นที่จุดเสี่ยงให้ปลอดภัย ซึ่งเทศกิจคงต้องเน้นไปที่โรงเรียนของ กทม. ก่อน เพราะไม่ได้มีกำลังพอจะไปดูแลทุกโรงเรียน คงต้องช่วยเหลือกันทุกระบบทั้งตำรวจและเทศกิจ 

โดยเมื่อวานนี้ กทม. ได้ประชุมกับพนักงานฝ่ายรักษาความสะอาด และได้ขอความร่วมมือให้ช่วยเป็นหูเป็นตา เพราะพนักงานเหล่านี้กวาดอยู่ทุกถนนก็จะทำให้รู้ว่าจุดไหนเสี่ยง จุดไหนมีความมืด นอกจากดูแลความสะอาดแล้ว ให้สอดส่องเรื่องความปลอดภัยและรายงานมาที่ส่วนกลางสำหรับสิ่งที่ต้องให้ไปดำเนินการปรับปรุง

ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นติดๆ กันบริเวณรอบโรงเรียนนั้นสะท้อนถึงหลายเรื่องประกอบกัน โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยที่ประมาทไม่ได้จากจุดที่มืดไม่สว่าง และเด็กอาจจะหนีปัญหารถติดเพื่อไปให้ถึงโรงเรียนเร็วขึ้น รวมถึงสภาพเศรษฐกิจอาจจะรุนแรงขึ้นทำให้การก่อเหตุอาชญากรรมอาจจะสูงขึ้นด้วยหรือไม่ ซึ่ง กทม. ก็จะต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีในด้านของการดูแลจุดเสี่ยง แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดูแลความปลอดภัยโดยตรงแต่ก็ต้องแจ้งจุดที่เปราะบางเข้ามา 

ทั้งนี้ ชัชชาติบอกด้วยว่า หากโรงเรียนไหนมีจุดเสี่ยง ไฟดับ ต้นไม่บดบังสายตา หรือจุดที่มองไม่เห็น ก็ให้แจ้งเข้ามาได้ และจะรีบไปปรับปรุงภูมิทัศน์ให้ และโรงเรียนอาจจะมีอาสาสมัครผู้ปกครองมาช่วยดูแลด้วย ทั้งนี้ คงต้องช่วยกันในหลายมิติ เพราะ กทม. เองก็จะต้องพยายามนำเจ้าหน้าที่ลงไปดูแลความปลอดภัยให้มากที่สุด ซึ่งหากมีประเด็นร้องเรียนเข้ามา กทม. ก็พร้อมที่จะเข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาและดูแลให้ และจะนำข้อมูลจุดเสี่ยงที่เพิ่มเติมเข้ามาประสานตำรวจมากขึ้นด้วยในการวางกำลังต่างๆ จากเดิมที่ตำรวจมีข้อมูลและมีหน้าที่อยู่แล้ว พร้อมย้ำว่าคงต้องช่วยกันดูแล เพราะ กทม. คงไม่ได้มีกำลังไปดูแลทุกจุดตลอด 24 ชั่วโมง แต่หากประชาชนช่วยกันดูแลและ กทม. ดูแลในส่วนที่รับผิดชอบด้วย และมีการขยายหน้าที่กันออกไป ก็เชื่อว่าจะช่วยบรรเทาสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้

The post ชัชชาติ กำชับเจ้าหน้าที่ กทม. เร่งรายงานพื้นที่จุดเสี่ยง หลังเกิดเหตุชิงทรัพย์นักเรียน รร.บดินทรเดชา appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (3 พฤศจิกายน) หลังมีการเปิดภาคเรียน โดยให้นักเรียนกลับมาเรียนที่โรงเรียนได้นั้น บรรยากาศที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กรุงเทพมหานคร มีผู้ปกครองขับรถมาส่งบุตรหลานต้อนรับการเปิดภาคเรียนวันแรก โดยนักเรียนต้องเดินผ่านจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ 

สำหรับโรงเรียนบดินทรเดชาฯ ได้ผ่านการประเมินความพร้อมเปิดเรียนตามเกณฑ์ที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19  (ศบค.) กำหนดครบทั้ง 44 ข้อแล้ว เช่น ด้านความปลอดภัยจากการลดการแพร่เชื้อโรค รูปแบบการจัดการเรียนการสอนและการตั้งแผนเผชิญเหตุ สำหรับการเรียนในวันนี้จะจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน โดยให้นักเรียนมาเรียนที่โรงเรียนแบบสลับระดับชั้น 

ขณะที่เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียน ได้เริ่มต้นให้นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีอยู่ 670 คน จากทั้งหมด 4,141 คน มาเรียนที่โรงเรียน แบ่งจุดเรียนออกเป็น 16 จุด ใช้พื้นที่ใต้อาคารเรียนที่อากาศถ่ายเทสะดวก 

ส่วนนักเรียนระดับชั้นอื่น ยังจัดการเรียนแบบออนไลน์ตามปกติ และจะสลับหมุนเวียนให้นักเรียนทุกระดับชั้นได้มีโอกาสมาเรียนที่โรงเรียนทุกวัน

อย่างไรก็ตาม ทุกสัปดาห์ก่อนเดินทางมาโรงเรียน นักเรียนทุกคนต้องทำแบบประเมินความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด ในเว็บไซต์ไทยเซฟไทยอย่างน้อย 1-2 วัน หากผลออกมาว่านักเรียนอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ครูจะนัดหมายให้นักเรียนเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด แบบ Antigen Test Kit ก่อนเข้าเรียน หรือประสานให้ผู้ปกครองตรวจหาเชื้อมาจากบ้าน

The post โรงเรียนบดินทรเดชาฯ เปิดเรียน On-site ในพื้นที่โล่ง พร้อมให้สลับหมุนเวียนเรียนกันวันละระดับชั้น appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (25 กันยายน) กลุ่มบอดินไม่อินเผด็จการจัดกิจกรรม #ทุบกะลาตาสว่าง ข้างบริเวณนอกรั้วโรงเรียนบดินทรเดชา หลังจากที่โรงเรียนไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ ขณะที่วันนี้โรงเรียนได้ประกาศหยุดการเรียนการสอน 1 วัน

ทั้งนี้กลุ่มนักเรียนได้นำประกาศของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ให้เปิดพื้นที่ภายในสถานศึกษาให้นักเรียนได้จัดกิจกรรมแสดงความคิดเห็นภายใต้หลักการและเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด พร้อมกระดาษข้อความว่า ‘ขี้ข้าเผด็จการ’ ติดบริเวณกำแพงและป้ายโรงเรียน

ทั้งนี้แกนนำกลุ่มกล่าวว่า จุดยืนการชุมนุมในวันนี้เรายืนตาม 3 หลักของกลุ่มนักเรียนเลวคือ หยุดคุกคามนักเรียน ปฏิรูปการศึกษา และยกเลิกระบบล้าหลัง โดยได้รวมตัวกันจากศิษย์ปัจจุบันทั้ง 6 โรงเรียนในกรุงเทพฯ และจังหวัดนนทบุรี 

“การที่โรงเรียนสั่งหยุดการเรียนการสอน 1 วันโดยอ้างเหตุผลเรื่องความปลอดภัยจากการชุมนุมนั้นทำให้เราผิดหวังมากๆ เพราะเราไม่ได้จัดในเวลาเรียน และการชุมนุมของเราเป็นไปด้วยความสงบ ปราศจากอาวุธ แทนที่โรงเรียนน่าจะเป็นที่ปลอดภัยในการแสดงออกอย่างเต็มที่ของเรา”

การปราศรัยยังได้พูดถึงปัญหาการศึกษาที่เมื่อเรียนจบมาก็เพื่อรับใช้เจ้าสัวที่มีทั่วประเทศ จึงต้องปฏิรูปการศึกษาที่ต้องฟังผู้เรียนด้วย ไม่ใช่ฟังเพียงครูและผู้ปกครอง พร้อมระบุว่าโรงเรียนยังคงอยู่กับกฎที่ล้าหลังและไม่เปลี่ยนแปลง ลดทอนความเป็นมนุษย์จนกลายเป็นคุกมากกว่าโรงเรียน พร้อมกล่าวโจมตี ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ไม่ยอมคิดเปลี่ยนแปลง แม้ว่าณัฏฐพลจะพูดดูก้าวหน้า แต่ความจริงแล้วคิดถอยหลังที่อ้างเรื่องวัฒนธรรมไทย ดังนั้นจึงต้องเปิดกว้างทางความคิดเพื่อสร้างบรรทัดฐาน โดยการทุบกะลาแล้วโผล่หัวออกมา

นอกจากนี้มีการพูดถึงโรงเรียนบดินทรเดชา 3 กรณีตีเด็กนักเรียนที่ตัดผมรองทรงต่ำ ซึ่งมีการแชร์คลิปทางโซเชียลมีเดียในการใช้ความรุนแรง สะท้อนว่าครูใช้ความรุนแรงกับเด็กก่อน ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย ทำให้ครูกลายเป็นอาชญากรแทน

จากนั้นในเวลา 18.00 น. กลุ่มนักเรียนได้ร่วมร้องเพลงชาติ พร้อมชูสัญลักษณ์สามนิ้ว และตะโกนว่าศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ

กลุ่มบอดินไม่อินเผด็จการระบุอีกว่าการปิดโรงเรียนเป็นการตัดแขนขา ขอถามว่าผู้อำนวยการโรงเรียนกลัวอะไรกับแค่เด็กนักเรียนมัธยม ที่ระบุว่าห่วงความปลอดภัยนั้นเป็นความปลอดภัยของตำแหน่งหรือโรงเรียนกันแน่ คนเห็นต่างไม่ใช่คนชังชาติ แต่เป็นคนหวังดีมากกว่า

จากนั้นกลุ่มนักเรียนเลวได้มีการแสดงละครเพื่อเล่าถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 99 ราย ในสมัยรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมทั้งได้โปรยกระดาษรายชื่อผู้เสียชีวิต และมีพิธียืนไว้อาลัย 1 นาที

ต่อมามีการจำลองว่าพื้นที่การชุมนุมเป็นรัฐสภา แต่ละคนเป็น ส.ส. ผู้ทรงเกียรติ แทนสภากำมะลอที่หลอกลวงเรา พร้อมกล่าวโจมตี ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่กล่าวว่า “เราทำหน้าที่สมบูรณ์แล้ว อย่าหวั่นไหวกับเสียงภายนอก” ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเสียงภายนอกจะไม่สำคัญได้อย่างไร เพราะเป็นเสียงของประชาชน จากนั้นได้เชิญชวนให้นักเรียนทุกคนนำโบขาวไปผูกที่รั้วโรงเรียน และยุติการจัดกิจกรรม

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

The post #บอดินไม่อินเผด็จการ จัดกิจกรรมทุบกะลาตาสว่าง จำลองสภากำมะลอ ส่งเสียงบอกชวน เสียงภายนอกสำคัญเพราะเป็นเสียงประชาชน appeared first on THE STANDARD.