หมอเชื่อว่าร้อยละกว่า 90 ของคนสมัยใหม่เคยทำรักทางปาก หรือ ‘ออรัลเซ็กซ์’ (Oral Sex) มาก่อน ออรัลเซ็กซ์จึงเป็นเรื่องที่คนคุ้นเคย และไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติทางจิต หากแต่คุณทั้งสองต้องยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย แต่แม้จะมอบความสุขสมให้กัน แต่อันตรายที่แฝงมาด้วยก็น่ากลัวอยู่ไม่น้อยค่ะ

ข้อดีของออรัลเซ็กซ์คืออะไร

ไม่ทำให้ท้อง และทำให้ฝ่ายหญิงและฝ่ายชายพอใจในเพศรสมากขึ้น และมีคนกลุ่มไม่น้อยที่ชอบออรัลเซ็กซ์มากกว่าการมีเซ็กซ์จริงๆ เสียอีก

ข้อเสียของออรัลเซ็กซ์

สามารถติดโรคได้ทุกโรค เนื่องจากการกลืนน้ำหล่อลื่นฝ่ายหญิงหรือน้ำอสุจิของชายที่มีโรค อาจทำให้ติดโรคได้ง่ายขึ้น และโรคที่มีโอกาสติดผ่านการทำรักทางปากมีดังนี้ค่ะ

1. เอชไอวี แม้การทำออรัลเซ็กซ์จะมีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีน้อยกว่าการมีเซ็กซ์ทางทวารหนักและช่องคลอด แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีโอกาสติด โดยเฉพาะถ้าช่องปากของฝ่ายรุกและอวัยวะเพศของฝ่ายรับมีแผล

2. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีความเชื่อที่ผิดว่าออรัลเซ็กซ์จะไม่ทำให้ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่อันที่จริงคือติดได้ทุกโรคค่ะ โรคที่ว่ามีดังต่อไปนี้

• หนองในแท้ ออรัลเซ็กซ์สามารถติดหนองในแท้ได้ทั้งฝ่ายรับและฝ่ายรุก กรณีที่หากอีกฝ่ายมีเชื้อ งานวิจัยในประเทศอังกฤษพบว่า มีหญิงขายบริการมีหนองในแท้ในคอร้อยละ 1.9
• หนองในเทียม มีงานวิจัยพบหนองในเทียมที่อวัยวะเพศของวัยรุ่นถึงร้อยละ 10 ขณะที่พบหนองในเทียมในลำคอของกลุ่ม LGBTQ ที่ร้อยละ 1
• ซิฟิลิส ซิฟิลิสเป็นแผลริมแข็ง เชื้อซิฟิลิสเข้าทางเยื่อบุต่างๆ ได้ ดังนั้นการสัมผัสทางปากกับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หัวนม ในคนที่มีแผลริมแข็ง มีเชื้อซิฟิลิส ก็สามารถติดเชื้อซิฟิลิสได้
• เริม ติดจากการสัมผัสผื่นเริม ดังนั้นจึงติดได้ทั้งฝ่ายรับและฝ่ายรุก หากอีกฝ่ายมีเชื้อเริม

3. พยาธิ โดยเฉพาะพยาธิเส้นด้ายที่ชอบวางไข่รอบๆ ทวารหนัก ซึ่งอาจกระจายมาที่อวัยวะเพศ ดังนั้นผู้ทำออรัลเซ็กซ์จึงอาจกลืนกินไข่พยาธิเส้นด้าย ไปเจริญเติบโตแพร่กระจายในลำไส้ใหญ่และทวารหนักต่อได้

4. ไวรัสตับอักเสบเอ ไวรัสที่ว่าถูกปล่อยจำนวนมากออกมากับอุจจาระ ทำให้สามารถติดต่อทางออรัลเซ็กซ์ได้

5. เชื้อเอชพีวี มีคำเตือนจากประเทศอังกฤษว่า การทำออรัลอาจติดเชื้อเอชพีวี ซึ่งทำให้เกิดหูดหงอนไก่ในหลอดลม ทอนซิล และช่องปาก ก่อให้เกิดมะเร็งในช่องปาก ทอนซิลลิ้นและคอได้อีกด้วย งานตีพิมพ์ในนิตยสารการแพทย์ New England Journal ระบุว่า ร้อยละ 50 ของมะเร็งในช่องปากเกี่ยวข้องกับไวรัสเอชพีวี และมาจากการทำออรัลเซ็กซ์ และหากทำออรัลเซ็กซ์ให้คน 5 คนขึ้นไปโดยไม่ป้องกัน มีโอกาสมากกว่าคนทั่วไป 9 เท่าที่จะเกิดมะเร็งทอนซิลและมะเร็งลิ้น

ข้อแนะนำ 

การทำรักด้วยปาก แม้จะมีโอกาสเสี่ยงติดโรคน้อยลงกว่าการสอดใส่ผ่านอวัยวะเพศ แต่ความเสี่ยงอาจไม่เป็นศูนย์ โดยหมอแนะให้ใช้พลาสติกใสหุ้มอวัยวะของฝ่ายหญิงหากเธอเป็นฝ่ายรับ หรือให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัยหากเขาเป็นฝ่ายรับ พลาสติกที่ใช้มีลักษณะใส บางมาก แต่เหนียวไม่ฉีกขาด ไม่เสียสัมผัส หรือใช้พลาสติกที่คลุมปากแบบทันตแพทย์ที่เรียกว่า Rubber Dam

อ่านเรื่อง ‘เอชพีวี’ โรคเพศสัมพันธ์ของคนยุค 4.0 ที่ไม่มียารักษา คุณรู้จักหรือยัง? ได้ที่นี่

ภาพประกอบ: Weerapat L.

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post การทำรักด้วยปาก (Oral Sex) กับความเสี่ยงที่คุณอาจไม่คาดคิด appeared first on THE STANDARD.

“จะรู้ได้อย่างไรว่าคู่นอนมีโรค แล้วหากไม่รู้ผลเลือด รูปร่างหน้าตาพอจะบอกได้ไหม” คำตอบคือพอจะตอบได้บ้างค่ะ

แพทย์ที่ดูแลคนไข้มามาก เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาคนไข้แล้วพอจะวินิจฉัยโรคได้ฉันใด หากมีความรู้และสังเกตก็อาจจะตอบได้บ้างฉันนั้น จากความรู้และประสบการณ์ของหมอ คนที่มีลักษณะภายนอกต่อไปนี้อาจควรละเว้นการมีเพศสัมพันธ์

มีแผลลักษณะกลมหรือรูปไข่ ขอบแผลเรียบ ยกนูน และแข็ง ก้นแผลสีแดง สะอาด แข็ง ไม่เจ็บ ไม่คัน อาจเป็นซิฟิลิส

โรคซิฟิลิสแบ่งเป็น 3 ระยะคือ หนึ่ง ระยะเป็นแผล สอง ระยะออกดอกเข้าข้อ และสาม ระยะเข้าหัวใจไประบบประสาท ส่วนที่จะดูภายนอกแล้วรู้คือซิฟิลิสระยะที่หนึ่งและสอง อาการภายนอกที่น่าสงสัยคือมีแผลลักษณะกลมหรือรูปไข่ ขอบแผลเรียบ ยกนูน และแข็ง ก้นแผลสีแดง สะอาด แข็ง ไม่เจ็บ ไม่คัน มักเป็นแผลเดี่ยวอยู่บริเวณอวัยวะเพศชาย อวัยวะเพศหญิง ถุงอัณฑะ ช่องคลอด หัวหน่าว ทวารหนัก ริมฝีปาก ลิ้น ต่อมทอนซิล หัวนม ขาหนีบ ส่วนการออกดอกจะเห็นได้เป็นตุ่มนูนแดงหรือสีน้ำตาล มีเนื้อตายที่ตุ่ม มีน้ำเหลืองไหล ไม่คัน แต่ขึ้นทั้งตัว รวมถึงฝ่ามือและฝ่าเท้า

มีตุ่มน้ำใสๆ ขนาดเล็กรวมอยู่เป็นกลุ่ม อาจเป็นโรคเริม

โรคเริมนั้น หากเพิ่งเป็นใหม่จะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใสๆ ขนาดเล็กรวมอยู่เป็นกลุ่ม หากเป็นนาน 2-3 วันแล้วตุ่มจะแตกออกเป็นแผลตื้น เจ็บ สีแดง มีหนอง คล้ายแผลธูปจี้อยู่บริเวณอวัยวะเพศ ถุงอัณฑะ หัวหน่าว ทวารหนัก ริมฝีปาก หรือลิ้น

มีเยื่อบุตาขาวอักเสบ เป็นโรคตาแดง อาจเป็นหนองในเทียม

หนองในเทียมนั้นเกิดจากการติดเชื้อคลาไมเดีย (Chlamydia) เชื้อแบคทีเรียประเภทนี้ชอบเยื่อบุ ทำให้คนติดเชื้อมักมีเยื่อบุตาขาวอักเสบ เป็นโรคตาแดง ปัสสาวะแสบขัด ในเพศชายจะมีน้ำใสหรือขุ่นไหลออกมาจากลำกล้อง ในผู้หญิงจะมีตกขาวมากเป็นมูกขุ่นหรือเหลือง กลิ่นแรง แต่ใช่ว่าการเห็นคนเป็นโรคตาขาวอักเสบหรือตาแดงแล้วจะสรุปได้ว่าเป็นโรคนี้เสมอไป

บ่นว่าปัสสาวะแสบ อาจเป็นหนองในแท้

โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อโกโนเรีย (Gonorrhea) เชื้อแบคทีเรียนี้ชอบเยื่อบุเช่นกัน คนติดเชื้อมักมีปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะเป็นหนองปนเลือด ในผู้หญิงจะมีตกขาวมาก เป็นหนองสีเหลือง กลิ่นแรง บางครั้งตกขาวปนเลือดออกมา บางคนมีไข้ขณะติดเชื้อหนองในแท้ เรียกว่าไข้ทับระดู

ซูบซีด เส้นผมบาง แห้งแดง ทั่วตัวมีผื่นแดง มีตุ่มพุพอง มีการติดเชื้อ อาจเป็นเอดส์

โรคเอดส์มักแสดงอาการซูบซีด เส้นผมบาง แห้งแดง ทั่วตัวมีผื่นแดง มีตุ่มพุพอง มีการติดเชื้องูสวัด เริม มีฝีหนอง หูด กลากเกลื้อน มีแผลที่ริมฝีปาก ลิ้นมีฝ้าขาว มีหิดตามง่ามมือและง่ามเท้า ต่อมน้ำเหลืองโต ผิวลอกแดงตามรอยพับของแขน ขา รักแร้ ลูกอัณฑะมีหูดหงอนไก่ขนาดยักษ์ (Giant condyloma acuminata)

มีแผล 4 แผลขึ้นไปอยู่ติดกัน ขนาดตั้งแต่ 3 มม. ถึง 5 ซม. อาจเป็นแผลริมอ่อน

โรคนี้แสดงอาการโดยมีแผลจำนวน 4 แผลขึ้นไปอยู่ติดกัน ขนาดมีตั้งแต่ 3 มิลลิเมตร ถึง 5 เซนติเมตร ลักษณะเป็นแผลนิ่ม พื้นแผลไม่สะอาด มีสีเหลืองปนเทา มีเลือดออกที่แผล มีอาการเจ็บมาก แผลมักอยู่ที่หนังหุ้มปลาย ถุงอัณฑะ แคมเล็ก หรือด้านนอกของอวัยวะเพศ และมีต่อมน้ำเหลืองขาหนีบโต  

ทั้งนี้แม้จะเห็นรูปร่างหน้าตาน่าสงสัยว่ามีโรค ทำให้หลีกเลี่ยงเพศสัมพันธ์ได้ แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่มักไม่แสดงอาการ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ ท่องคาถา เห็นหน้าไม่รู้ใจ ไม่รู้โรค ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่เราไม่รู้จัก ไม่รู้ใจ และเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเสียก่อนดีกว่า

The post หน้าตาบอกโรคเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่? appeared first on THE STANDARD.