FUJIFILM Corporation บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากญี่ปุ่น ร่วมด้วยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ได้ผนึกกำลังกับสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทยและกระทรวงสาธารณสุข เตรียมนำระบบตรวจคัดกรองมะเร็งตับจากญี่ปุ่นมาใช้ในไทย โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มใช้งานได้ในปีงบประมาณ 2567 

FUJIFILM หวังว่า ระบบดังกล่าวจะถูกผนวกรวมไว้ในแนวทางตรวจคัดกรองโรคมะเร็งตับของประเทศไทย เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความคุ้มครองจากประกันสุขภาพของตนเอง โดยระบบที่ว่านี้จะเป็นการใช้อัลตราซาวด์และการหาสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor Marker) 3 ชนิด ซึ่งผู้ที่มีความเสี่ยงสูงควรเข้ารับการตรวจคัดกรองทุก 3 เดือน ส่วนผู้ที่เสี่ยงต่ำควรตรวจทุก 6 เดือน

เทคโนโลยีตรวจมะเร็งตับของญี่ปุ่นถือว่ามีความก้าวล้ำกว่าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆ อย่างมาก โดยผู้ป่วยในญี่ปุ่นมักตรวจพบเนื้องอกเซลล์มะเร็งตับตั้งแต่ที่ขนาดยังโตไม่ถึง 2 เซนติเมตร ทำให้สามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดหรือใช้คลื่นวิทยุทำลายเนื้องอกที่ตับได้จนหายขาด ขณะที่ผู้ป่วยกว่าครึ่งในอาเซียนมักจะตรวจพบเนื้องอกมะเร็งตับที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตรไปแล้ว จึงไม่สามารถผ่าตัดได้และจะต้องใช้เคมีบำบัดแทน โดยข้อมูลทางสถิติระบุว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับในญี่ปุ่นมีอัตราการรอดชีวิตสูงที่สุดในโลก เพราะมีระบบการตรวจคัดกรองที่มีความพร้อมอยู่ทั่วประเทศ

รายงานจากสำนักข่าว Kyodo ระบุว่า ไทยจะเป็นประเทศแรกในกลุ่มอาเซียนที่ได้นำร่องใช้ระบบดังกล่าว ก่อนที่จะขยายการใช้งานไปยังชาติสมาชิกอื่นๆ ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งตับในระดับสูงเช่นกัน

ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ณ ปี 2564 ระบุว่า มะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดีพบมากเป็นอันดับ 1 ของชนิดมะเร็งที่พบทั้งหมดในประเทศไทย โดยพบผู้ป่วยใหม่ราว 20,000 คนต่อปี และมีอัตราการเสียชีวิตราว 16,000 คนต่อปี โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากหลายประการด้วยกัน เช่น ภาวะตับแข็ง, การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี, การดื่มสุรา และการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับจากการรับประทานปลาน้ำจืดดิบ

แฟ้มภาพ: Fujifilm Corp. Via Kyodo News

อ้างอิง:

• https://english.kyodonews.net/news/2022/06/4d6103fefd8d-advanced-japan-liver-cancer-screening-system-eyed-for-use-in-thailand.html
• https://www.dms.go.th/Content/Select_Landding_page?contentId=29135

The post ไทยเตรียมใช้เทคโนโลยีตรวจมะเร็งตับจากญี่ปุ่น คัดกรองผู้ป่วยได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยลดความเสี่ยงเสียชีวิต appeared first on THE STANDARD.

วงการบันเทิงไทยได้สูญเสียอีกหนึ่งบุคลากรคนสำคัญไปอย่างไม่มีวันกลับ เมื่อช่วงเย็นวันนี้ (15 กันยายน) สมชาย เปรมประภาพงษ์ หรือ เสนาโค้ก อดีตพิธีกรชื่อดังแห่งยุค 90 ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับระยะสุดท้าย

สำหรับ เสนาโค้ก นับว่าเป็นอดีตพิธีกรรายการโทรทัศน์ที่ผู้ชมยุค 90 รู้จักเขาเป็นอย่างดีจากรายการ ยุทธการขยับเหงือก ที่ออกอากาศในปี 2532-2540 โดยพิธีกรชายทุกคนจะได้รับฉายาว่า ‘เสนา’ 

ด้าน สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์ หรือ เสนาลิง หนึ่งในพิธีกรที่เคยร่วมงานกับเสนาโค้ก ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความเสียใจผ่าน Instagram ส่วนตัวว่า “ผมขอให้พี่หลับให้สบายนะครับ ผมใจหายมากเมื่อทราบข่าว ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพี่ด้วยครับ แต่ผมก็ยังแอบดีใจที่ได้อวยพรวันเกิดพี่ไปก่อนที่พี่จะหลับตลอดกาล พี่จะเป็นที่รักของน้องๆ ตลอดไป ผมรักพี่นะครับ”

THE STANDARD POP ขอร่วมแสดงความเสียใจต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของเสนาโค้ก อีกหนึ่งพิธีกรที่คอยสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมเสมอมา 

อ้างอิง:

• https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87/156449
• https://www.instagram.com/p/CT1wTDAB0Bj/

The post แสดงความเสียใจ เสนาโค้ก อดีตพิธีกรรายการ ยุทธการขยับเหงือก เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็งตับ appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (27 กุมภาพันธ์) สื่อฮ่องกงรายงานว่า อู๋ม่งต๊ะ นักแสดงรุ่นใหญ่ชาวฮ่องกงวัย 70 ปี เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็งตับในวันนี้ต่อหน้าสมาชิกในครอบครัว หลังต้องต่อสู้กับอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งตับอย่างหนักเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

สำหรับคนที่เป็นแฟนภาพยนตร์ของพระเอกสุดฮามากฝีมืออย่าง โจวซิงฉือ นอกจากการวาดลวดลายที่ทั้งบู๊และตลก อีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทุกคนต้องจดจำกันได้เป็นอย่างดีคือนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง อู๋ม่งต๊ะ ที่ทำหน้าที่เป็น ‘คู่หู’ คอยรับส่งมุกให้กันได้อย่างสมบูรณ์แบบชนิดที่เรียกว่า ที่ไหนมี โจวซิงฉือ ที่นั่นต้องมี อู๋ม่งต๊ะ และสำหรับชาวไทยให้ลองนึกถึงเสียงพากย์กวนๆ มีเอกลักษณ์ กัดลิ้น กัดฟัน พูดอย่างเมามันของ เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง จากทีมพันธมิตร จะยิ่งได้อารมณ์มากขึ้นไปอีก

อู๋ม่งต๊ะ เกิดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 1952 ที่มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน เริ่มก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงฮ่องกงครั้งแรกจากผลงานการแสดงในละครเรื่อง God of River Lok ในปี 1975 และมีผลงานเด่นอย่าง ชอลิ้วเฮียง (1979), นักสู้ผู้พิทักษ์ (1984)

จนมาถึงช่วงปลายทศวรรษ 80 ที่เริ่มเข้าสู่ยุคทองของ อู๋ม่งต๊ะ เพราะมีผลงานอย่าง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ เริ่มเฉิดฉายในฐานะ ‘เพื่อนพระเอก’ คู่กับ หลิวเต๋อหัว ในภาพยนตร์ดราม่ามาเฟียที่โด่งดังระดับปรากฏการณ์ และส่งให้เขาคว้ารางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากงาน Hong Kong Film Awards มาครองได้สำเร็จ

และยังมีผลงานร่วมกันตามมาอีกหลายเรื่องทั้ง มังกรขันจอหว่อ รวยรักนะจะบอกให้ (1991), ตำรวจตัดตำรวจ (1991), ชีวิตเธอ ชีวิตข้า ชีวิตเดียว (1992), ชาตินี้ถึงทีข้า ชาติหน้าก็ข้าอีกนั่นแหละ (1992) และ เซียวฮื่อยี้ กระบี่ไม่มีคำตอบ (1992) ฯลฯ

รวมทั้งอีกหนึ่งบทบาทที่กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวคือ การได้เล่นร่วมกับ โจวซิงฉือ พระเอกหน้าตายจากเรื่อง จอมยุทธสะท้านโลกันตร์ (1989) ต่อเนื่องมาถึงภาพยนตร์ คนตัดคน 2 ที่ตัวละครมือใหม่หัดพนันอย่างพวกเขาได้รับความนิยมอย่างมากจนมีภาพยนตร์ของตัวเองอย่าง คนตัดเซียน ตามออกมาในปี 1990

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครหยุดตำนานของคู่หู โจวซิงฉือ และ อู๋ม่งต๊ะ ด้วยเคมีที่เข้าขากันแบบสุดๆ ได้อีกต่อไป พวกเขามีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง คนเล็กนักเรียนโต (1991), คนกัดคน (1991), ไซอิ๋ว 95 เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน (1995), คนไม่ธรรมดา ยืดได้หดได้ (1995), คนเล็กไม่เกรงใจนรก (1999)

รวมทั้ง นักเตะเสี้ยวลิ้มยี่ (2001) ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่พวกเขาได้ร่วมงานกันในฐานะนักแสดง ก่อนที่ อู๋ม่งต๊ะ จะป่วยเป็นโรคหัวใจที่ทำให้เขาไม่สามารถรับงานหนักได้เหมือนก่อน

แต่ในช่วงหลัง อู๋ม่งต๊ะ ก็ยังกลับมารับงานอยู่บ้าง และยังมีผลงานเข้มๆ อย่าง The Hospital ในปี 2007 ที่ทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากเวที Golden Bell Awards รวมทั้ง พลิกเหลี่ยมแค้น โค่นแผนพยัคฆ์ ในปี 2014 และ อุ้ยเสี่ยวป้อ เวอร์ชัน 2019 ให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงกันอยู่บ้าง ฯลฯ

นอกจากบทบาทเพื่อนพระเอกมีอารมณ์ขัน ชีวิตจริงของ อู๋ม่งต๊ะ ก็มีพื้นฐานเป็นคนมองโลกในแง่ดีไม่ต่างกัน โดยเฉพาะช่วงที่ป่วยหนัก ต้องพักรักษาตัวเป็นพิเศษ เขายังเคยพูดติดตลกเหมือนกับที่หลายๆ ตัวละครแสนอารมณ์ดีของเขาเคยพูดเอาไว้ว่า เพิ่งนั่งเล่นไพ่นกกระจอกกับเพื่อนๆ นาน 10 ชั่วโมง

“เพราะว่าไพ่นกกระจอกรักษาได้ทุกอย่าง”

อ้างอิง:

• https://www.dimsumdaily.hk/hong-kong
• https://thestandard.co/poponthisday02011952/

The post BREAKING: อู๋ม่งต๊ะ นักแสดงชื่อดังชาวฮ่องกง เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ในวัย 70 ปี appeared first on THE STANDARD.

เมื่อวานนี้ (11 มิถุนายน) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมดปีละ 122,757 ราย มะเร็งตับและท่อน้ำดีถือเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และอันดับ 2 ในเพศหญิง จากข้อมูลทะเบียนมะเร็งประเทศไทย (ปี 2558) พบว่ามีผู้ป่วยมะเร็งตับรายใหม่ 20,671 ราย แต่ละปีจะมีผู้เสียชีวิต 15,912 ราย 

มะเร็งตับที่พบมากในประเทศไทยมี 2 ชนิดคือ มะเร็งของเซลล์ตับและมะเร็งท่อน้ำดีตับ โดยพบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ สาเหตุของมะเร็งตับเกิดจากการเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบชนิดบี ส่วนสาเหตุของมะเร็งท่อน้ำดีเกิดจากพยาธิใบไม้ตับร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีดินประสิว (ไนเตรต) และไนเตรต เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม แหนม ฯลฯ นอกจากนี้การดื่มสุราเป็นประจำ การรับสารพิษอะฟลาทอกซินที่เกิดจากเชื้อราบางชนิดที่พบในอาหารประเภทถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง รวมถึงไวรัสตับอักเสบชนิดซีก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งตับได้

ทางด้าน นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเกี่ยวกับอาการของมะเร็งตับว่า ผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีอาการแสดงแตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไปมักไม่มีอาการในระยะแรก อาการส่วนใหญ่ที่พบคือ แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อเป็นประจำ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ปวดหรือเสียดชายโครงขวา อาจคลำพบก้อนในช่องท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต และมีอาการบวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง เป็นต้น หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย เช่น การตรวจเลือดดูความผิดปกติการทํางานของตับ การตรวจระดับอัลฟาฟีโตโปรตีน การอัลตราซาวด์เพื่อดูก้อนที่ตับ การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็ก เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม นพ.จินดา กล่าวเสริมว่า การรักษามะเร็งตับและท่อน้ำดีมีหลายวิธี ซึ่งจําเป็นต้องประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เนื่องจากมีปัจจัยที่ต้องคํานึงหลายประการ สำหรับการป้องกันโรคทำได้โดยการให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน ไม่รับประทานปลาน้ำจืดดิบ ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ รับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่อาจปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน อาหารที่มีดินประสิว และอาหาร หมักดอง เป็นต้น 

ทั้งนี้สำหรับประชาชนทั่วไปหากสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคตับเรื้อรังหรือมีประวัติเป็นโรคตับอักเสบ ควรรับการตรวจหามะเร็งอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างทันท่วงทีและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับได้

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

• http://www.dms.go.th/Content/Select_Landding_page?contentId=21957

The post กรมการแพทย์เผย มะเร็งตับพบมากเป็นอันดับ 1 ในคนไทย เสียชีวิตปีละ 1.5 หมื่นราย แนะปรับพฤติกรรมสุขภาพลดความเสี่ยง appeared first on THE STANDARD.

หลังจากที่กรุงเทพมหานครได้จัดกิจกรรม ‘ถวายชัยเฉลิมพระชนม์ รณรงค์ป้องกันโรคตับอักเสบ’ ตั้งแต่วันที่ 23-26 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคตับอักเสบ และป้องกันการเกิดโรค ลดอัตราการป่วยการตายด้วยโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคตับอักเสบเรื้อรัง โรคตับแข็ง และโรคมะเร็งตับ โดยสามารถตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใน 4 โรงพยาบาลสังกัดสำนักการแพทย์ ได้แก่ โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โรงพยาบาลสิรินธร

ผลปรากฏว่ามีประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการคัดกรองเป็นจำนวนมาก จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 1.066 ราย มีผู้เข้าร่วมคัดกรองถึง 1.368 ราย ด้วยเหตุนี้ พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงได้สั่งการให้มีการขยายเวลากิจกรรมตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซีเพิ่มในเดือนสิงหาคม พร้อมทั้งเตรียมจัดหางบประมาณปี 2562 ในการจัดหาซื้อเครื่องตรวจพังผืดตับ (Fibro scan) ให้แก่โรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ที่มีความพร้อมด้านบุคลากรและสถานที่ เช่น โรงพยาบาลกลาง และโรงพยาบาลตากสิน ทั้งนี้เพื่อเสริมศักยภาพในการบริการรักษาผู้ป่วย

สำหรับกิจกรรมตรวจคัดกรองตับอักเสบจากเชื้อไวรัส เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 สิงหาคม 2561 ณ โรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อลงทะเบียนล่วงหน้าที่ศูนย์ BFC ของโรงพยาบาล ได้แก่

1) วันที่ 6 ส.ค. 2561 โรงพยาบาลตากสิน โทร. 0 2437 7677

2) วันที่ 7 ส.ค. 2561 โรงพยาบาลสิรินธร โทร. 0 2328 6760

3) วันที่ 8 ส.ค. 2561 โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โทร. 0 2289 7986

4) วันที่ 9 ส.ค. 2561 โรงพยาบาลกลาง โทร. 0 2225 1354

5) วันที่ 10 ส.ค. 2561 โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ โทร. 08 2940 6308

หรือนัดผ่าน Call Center 0 2109 4194 ผ่านร้านขายยา ที่ร่วมประสานงานนัดคนไข้เพื่อร่วมโครงการ

The post กทม. ขยายเวลาตรวจไวรัสตับอักเสบฟรี 6-10 ส.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.