แม่น้ำกก – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sun, 12 Oct 2025 05:16:01 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ภัทรพงษ์เผยสารพิษแม่น้ำกก-สาย เข้าสู่ร่างกายมนุษย์แล้ว ผิดหวัง 2 รองนายกฯ ลงพื้นที่แต่แก้ปัญหาไม่คืบ https://thestandard.co/phattharaphong-river-pollution-update/ Sun, 12 Oct 2025 05:16:01 +0000 https://thestandard.co/?p=1129537 สารพิษ แม่น้ำกก แม่น้ำสาย

วันนี้ (12 ตุลาคม) ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส. เชียงใหม่ พรร […]

The post ภัทรพงษ์เผยสารพิษแม่น้ำกก-สาย เข้าสู่ร่างกายมนุษย์แล้ว ผิดหวัง 2 รองนายกฯ ลงพื้นที่แต่แก้ปัญหาไม่คืบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สารพิษ แม่น้ำกก แม่น้ำสาย

วันนี้ (12 ตุลาคม) ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส. เชียงใหม่ พรรคประชาชน เปิดเผยว่า จากน้ำเป็นพิษสู่มนุษย์ ตรวจพบสารหนูในคนพื้นที่ใช้น้ำกก-สาย ค่าสารหนูเกินเกณฑ์ ปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลเชื่องช้า รองนายกรัฐมนตรี 2 คน ลงพื้นที่แต่ไม่พูดถึงปัญหา ต้องให้หนักขึ้นอีกเท่าไหร่ ถึงจะทำงานเป็น

 

ภัทรพงษ์ระบุว่า จากที่ได้ติดตามปัญหาน้ำกก-สาย-รวกเป็นพิษอย่างใกล้ชิด และได้สื่อสารไปยังรัฐบาลหลายต่อหลายครั้ง ทั้งชุดที่แล้วและชุดนี้ ตั้งแต่พื้นที่ทำเหมืองในประเทศเพื่อนบ้าน แนวทางการเจรจากับต่างประเทศ การจัดการกับผลกระทบภายในประเทศ 

 

“แต่ที่ผ่านมากลับมีการดำเนินการจากรัฐบาลในการแก้ปัญหานี้น้อยมาก เมื่อเทียบกับความรุนแรงของปัญหา ที่นอกจากปัจจุบัน พบประปาหมู่บ้านในพื้นที่น้ำกก-สายเป็นพิษจากตะกั่วไปแล้ว 18 หมู่บ้าน ล่าสุดผลการตรวจปัสสาวะคนในพื้นที่พบสารหนูในคนเกินเกณฑ์ อีกถึง 7 ราย”

 

ภัทรพงษ์เปิดเผยว่า การตรวจปัสสาวะโดยกรมควบคุมโรคครั้งนี้ เป็นการตรวจคนในพื้นที่ใช้น้ำกก-สาย 322 คนในจังหวัดเชียงราย และ 40 คนในจังหวัดเชียงใหม่ โดยทั้ง 7 รายที่ตรวจพบค่าสารหนูเกินเกณฑ์ (100 ug/L) แบ่งเป็นประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายทั้งหมด อำเภอเมือง 3 คน อำเภอเวียงชัย 2 คน เวียงเชียงรุ้ง 1 คน และอำเภอเชียงแสน 1 คน

 

ภัทรพงษ์เสนอว่า สิ่งที่รัฐต้องเร่งดำเนินการ ด้านสาธารณสุขเพิ่มเติมจากตรวจพบสารหนูเกินเกณฑ์ครั้งนี้คือ

 

  1. ตรวจสารหนูให้ละเอียดว่า เป็นสารหนูอนินทรีย์เท่าไรจากสารหนูทั้งหมด 

 

  1. เจาะเลือดตรวจร่างกายโดยละเอียดเพิ่ม เพื่อตรวจความสมบูรณ์เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด

 

  1. ปรับเกณฑ์การกรองคนเพื่อเข้าตรวจปัสสาวะตามพฤติกรรมอื่น ๆ ของทั้ง 7 รายนี้เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงมากขึ้น 

 

  1. ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยโรคที่ต้องเฝ้าระวังจากน้ำปนเปื้อนสารโลหะหนัก พร้อมนำพื้นที่เหล่านี้เข้าเป็นเขตพื้นที่เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคจากสิ่งแวดล้อมด้วย

 

“นี่คือปัญหาที่เร่งด่วน ต้องจัดการโดยเร็วที่สุด บูรณาการการทำงานร่วมกันจากทุกกรม ทุกกระทรวง แต่ที่ผ่านมา 1 ปีการทำงานของรัฐบาลทุกชุดยังคงละเลยต่อปัญหานี้ ตอนนี้ไม่ใช่แค่แม่น้ำเป็นพิษ ไม่ใช่แค่หลีกเลี่ยงการกินปลา แต่มันลุกลามมาถึงน้ำประปาหมู่บ้านที่ประชาชนใช้ ผลผลิตทางการเกษตรที่ใช้น้ำเหล่านี้ และสะท้อนออกมาจากสุขภาพและชีวิตของประชาชนอย่างชัดเจนแล้ว” 

 

ภัทรพงษ์ย้ำว่า จะติดตามปัญหานี้อย่างใกล้ชิด และดูการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารนี้ (14 ตุลาคม) อย่างละเอียด ว่ารัฐบาลจะเริ่มทำงานกับเรื่องนี้อย่างจริงจังได้แล้วหรือไม่ ทั้งในเรื่องการแก้ปัญหาที่ต้นตอกับต่างประเทศ และการจัดการปัญหาภายในประเทศ

The post ภัทรพงษ์เผยสารพิษแม่น้ำกก-สาย เข้าสู่ร่างกายมนุษย์แล้ว ผิดหวัง 2 รองนายกฯ ลงพื้นที่แต่แก้ปัญหาไม่คืบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธรรมนัส สั่งตั้ง คกก.ระดับจังหวัดปราบสารปนเปื้อนแม่น้ำกก จ่อเสนอ ครม. ใช้ทูตเจรจาเพื่อนบ้าน 14 ต.ค.นี้ https://thestandard.co/thamanat-fights-river-pollution-diplomacy/ Sat, 11 Oct 2025 10:50:04 +0000 https://thestandard.co/?p=1129447 ธรรมนัส สั่งตั้ง คกก.ระดับจังหวัดปราบสารปนเปื้อนแม่น้ำกก จ่อเสนอ ครม. ใช้ทูตเจรจาเพื่อนบ้าน 14 ต.ค.นี้

วันนี้ (11 ตุลาคม) ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตร […]

The post ธรรมนัส สั่งตั้ง คกก.ระดับจังหวัดปราบสารปนเปื้อนแม่น้ำกก จ่อเสนอ ครม. ใช้ทูตเจรจาเพื่อนบ้าน 14 ต.ค.นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธรรมนัส สั่งตั้ง คกก.ระดับจังหวัดปราบสารปนเปื้อนแม่น้ำกก จ่อเสนอ ครม. ใช้ทูตเจรจาเพื่อนบ้าน 14 ต.ค.นี้

วันนี้ (11 ตุลาคม) ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย และคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำกก ที่เขื่อนเชียงราย ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย และที่ว่าการอำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย เพื่อรับฟังปัญหาความต้องการในพื้นที่ พร้อมมอบสิ่งของและปัจจัยการผลิต

 

ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า กรมชลประทานได้มีการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำกก เพื่อบรรเทาอุทกภัยในช่วงฤดูฝน และเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง รวมถึงเป็นแหล่งน้ำต้นทุนให้แก่ระบบชลประทานในพื้นที่ลุ่มน้ำกกตอนล่าง อย่างไรก็ตาม จังหวัดเชียงรายยังประสบปัญหาจากภัยธรรมชาติและปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำท่วม ดินถล่ม โดยเฉพาะเรื่องสารตกค้างในแม่น้ำกกที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน

 

“สิ่งแรกที่เราต้องทำคือการเจรจาให้ได้ข้อยุติชัดเจนกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรฐานที่ชัดเจน ไม่ปล่อยให้มีการระบายสารเคมีลงสู่ลำน้ำสาขา ซึ่งไหลเข้าสู่ประเทศไทย เพราะเรื่องนี้กระทบโดยตรงต่อชีวิตของพี่น้องประชาชน ผมจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารนี้ (14 ตุลาคม) เพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานความมั่นคงดำเนินการทางการทูตอย่างเป็นระบบ”

 

ร.อ. ธรรมนัส กล่าวอีกว่า ในส่วนกระทรวงเกษตรฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ตนได้สั่งการให้กรมชลประทานเร่งพิจารณาการสร้างประตูระบายน้ำหรือฝายดักตะกอน บริเวณต้นน้ำก่อนเข้าสู่เขตอำเภอแม่อาย เพื่อกรองและลดการไหลของสารปนเปื้อนก่อนเข้าสู่พื้นที่จังหวัดเชียงราย

 

ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน และกรมประมง ร่วมตรวจสอบคุณภาพทั้งน้ำ ดิน และสัตว์น้ำ ในพื้นที่อย่างละเอียด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่า ทรัพยากรเหล่านี้ปลอดภัยต่อการบริโภค ตลอดจนได้มอบให้กรมชลประทานหาแหล่งน้ำสำรองสำหรับอุปโภคบริโภคให้ประชาชนเชียงราย เพื่อไม่ต้องใช้น้ำหลักจากแม่น้ำกก แม้จะยังไม่เกินค่ามาตรฐานก็ตาม

 

“ผมจะตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดขึ้นมาดูแลปัญหานี้โดยเฉพาะ โดยมีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้นำท้องถิ่นเข้าร่วม เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเข้าถึงพื้นที่จริง ขอยืนยันว่า จะเร่งแก้ปัญหาให้ดีที่สุด เพราะนี่คือความเดือดร้อนของประชาชนจริงๆ ซึ่งรัฐบาล และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะไม่เพิกเฉยต่อเรื่องนี้แน่นอน” ร.อ. ธรรมนัสกล่าว

 

ร.อ. ธรรมนัส ยังได้รับฟังการสะท้อนปัญหาความต้องการของพื้นที่ พร้อมสั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาและพัฒนาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเร่งดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และยืนยันว่า จะเดินหน้ายกระดับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น ภายใน 3 เดือน เพื่อแก้ปัญหาในระยะเร่งด่วนให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคง

The post ธรรมนัส สั่งตั้ง คกก.ระดับจังหวัดปราบสารปนเปื้อนแม่น้ำกก จ่อเสนอ ครม. ใช้ทูตเจรจาเพื่อนบ้าน 14 ต.ค.นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘สุชาติ’ สำรวจต้นน้ำกกถึงเชียงราย กังวลภัยแล้งทำสารพิษเกินมาตรฐาน สั่ง ทส. เร่งวางมาตรการรับมือมลพิษข้ามแดน https://thestandard.co/suchart-water-quality-kok-river-pollution/ Thu, 09 Oct 2025 07:32:47 +0000 https://thestandard.co/?p=1128535 suchart-water-quality-kok-river-pollution

วันนี้ (9 ตุลาคม) สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐม […]

The post ‘สุชาติ’ สำรวจต้นน้ำกกถึงเชียงราย กังวลภัยแล้งทำสารพิษเกินมาตรฐาน สั่ง ทส. เร่งวางมาตรการรับมือมลพิษข้ามแดน appeared first on THE STANDARD.

]]>
suchart-water-quality-kok-river-pollution

วันนี้ (9 ตุลาคม) สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพน้ำใน ลำน้ำกก ครอบคลุมพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ อ.เมือง จ.เชียงราย พร้อมเปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน เนื่องจากลำน้ำกกเป็นแหล่งน้ำสำคัญต่อการดำรงชีวิต

 

รองนายกฯ สุชาติ เผยว่า ได้ตัดสินใจขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจเส้นทางน้ำด้วยตนเองในวันนี้ เพื่อดู ต้นทางการไหลของน้ำ และพิจารณาวิธีการป้องกันและบรรเทามลพิษอย่างมีประสิทธิภาพ

 

แม้ว่าผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำในปัจจุบันจะยัง ไม่พบการปนเปื้อนของสารหนูและโลหะหนักเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งเป็นผลจากปริมาณน้ำที่มากในช่วงฤดูฝน แต่รองนายกฯ สุชาติ แสดงความกังวลว่า เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง หากมีสารมลพิษไหลจากต้นน้ำฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนได้

 

ทั้งนี้ รองนายกฯ ได้รับรายงานว่า กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์ไว้แล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก

 

สุชาติกล่าวว่า ทั้งจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายได้ดำเนินการจัดตั้ง คณะทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืน

 

“ในวันนี้ ผมได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่โดยตรง เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาวางแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และสามารถดูแลสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของประชาชนได้อย่างเหมาะสมต่อไป” รองนายกฯ สุชาติ กล่าวปิดท้าย ยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปกป้องแหล่งน้ำสำคัญของประเทศ

 

อ้างอิง : สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 กรมประชาสัมพันธ์

The post ‘สุชาติ’ สำรวจต้นน้ำกกถึงเชียงราย กังวลภัยแล้งทำสารพิษเกินมาตรฐาน สั่ง ทส. เร่งวางมาตรการรับมือมลพิษข้ามแดน appeared first on THE STANDARD.

]]>
สุชาติยอมรับงานกระทรวงทรัพย์ฯ ภารกิจหนักแต่สนุก จ่อลงพื้นที่ แก้สารหนูแม่น้ำกก-ย้ำข้าราชการอุทยานห้ามยุ่งส่วย https://thestandard.co/suchart-environment-gok-river/ Sat, 04 Oct 2025 04:33:16 +0000 https://thestandard.co/?p=1126312 สุชาติ แม่น้ำกก

วันนี้ (4 ตุลาคม) ที่จังหวัดบุรีรัมย์ สุชาติ ชมกลิ่น รอ […]

The post สุชาติยอมรับงานกระทรวงทรัพย์ฯ ภารกิจหนักแต่สนุก จ่อลงพื้นที่ แก้สารหนูแม่น้ำกก-ย้ำข้าราชการอุทยานห้ามยุ่งส่วย appeared first on THE STANDARD.

]]>
สุชาติ แม่น้ำกก

วันนี้ (4 ตุลาคม) ที่จังหวัดบุรีรัมย์ สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงการทำงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่า ได้มีการเน้นย้ำเรื่องของแก้ไขโลกร้อนต่างๆ และเรื่องของ พ.ร.บ. ต้องรีบ โชคดีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ดูเรื่องนี้ จะทำให้เร็วที่สุด

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ใน 4 เดือนนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะมีผลงานอะไรให้เห็นบ้าง สุชาติกล่าวว่า พ.ร.บ.อากาศสะอาด แม่น้ำกกที่จะไปลงพื้นที่ รวมถึงอุทยานต่างๆ การบริการนักท่องเที่ยวเราต้องทำตัวไม่ใช่ข้าราชการ ทำตัวเป็นผู้บริการที่ดี การดูแลพิทักษ์ผืนป่าสัตว์ป่าพันธุ์พืช ที่ดินป่าต่างๆ ต้องอนุรักษ์ไว้ ห้ามข้าราชการไปยุ่งเกี่ยว ถ้ายุ่งเกี่ยวไม่เอาไว้เด็ดขาด

 

สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสารหนูในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ สุชาติ กล่าวว่า มีความตั้งใจไป เพราะเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วประเทศ ถ้าเราไม่ไปรีบแก้ปัญหา กลัวจะลุกลามเอาไม่อยู่ ตนได้ถามอธิบดีกรมอนามัยและอธิบดีกรมควบคุมมลพิษแล้วว่าการแก้มีวิธีอยู่แล้ว ที่ตรวจแล้วไม่เจอเพราะน้ำฝนเยอะ สารหนูเจือจางที่ตรวจเลยไม่เกินค่า แต่วันหนึ่งที่ฝนแล้ง แล้วมีพิษมาจากฝั่งเมียนมาจะแก้ไขยังไง อธิบดีก็วางแผนแล้ว เดี๋ยวจะขึ้นฮอไปดูว่าน้ำมาทางไหนที่ปล่อยลงมา เราจะดักสารตัวนี้อย่างไร มีวิธีทำอยู่

 

สุชาติกล่าวต่อว่า ตนตั้งใจทำงานกับสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เกิดจนตายแต่อยู่ในท้อง PM 2.5 มลพิษต่างๆ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เป็นกระทรวงที่ภารกิจเยอะมากแต่สนุก ข้าราชการกระทรวงอธิบดีคนเก่งเยอะ ไม่ยาก เรามาระยะสั้น 4 เดือน ระยะกลาง 8 เดือน ระยะยาว 12 เดือน ถ้าเรามีโอกาสกลับเข้ามาใหม่ อยู่กระทรวงนี้สามารถต่อได้เลย ฝากให้กำลังใจพวกตนด้วย

The post สุชาติยอมรับงานกระทรวงทรัพย์ฯ ภารกิจหนักแต่สนุก จ่อลงพื้นที่ แก้สารหนูแม่น้ำกก-ย้ำข้าราชการอุทยานห้ามยุ่งส่วย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชวลิต แนะรัฐบาลประสาน ‘จีน’ มหามิตรในภูมิภาค แก้ปัญหาเหมืองแร่แรร์เอิร์ธรัฐฉาน-เมียนมา มลพิษไหลลงแม่น้ำกก-รวก-สาย-โขง https://thestandard.co/chavalit-china-rare-earth-pollution/ Sat, 27 Sep 2025 11:33:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1123790

วันนี้ (27 กันยายน) ชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยส […]

The post ชวลิต แนะรัฐบาลประสาน ‘จีน’ มหามิตรในภูมิภาค แก้ปัญหาเหมืองแร่แรร์เอิร์ธรัฐฉาน-เมียนมา มลพิษไหลลงแม่น้ำกก-รวก-สาย-โขง appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (27 กันยายน) ชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษชน สภาผู้แทนราษฎร ร่วมสัมมนาในหัวข้อ ‘กรอบกฎหมายและกลไกระดับนานาชาติในการจัดการผลกระทบจากการทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ธในรัฐฉานและเมียนมา’ จัดโดยคณะกรรมาธิการฯ ร่วมกับศูนย์แม่โขงศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำกก-สาย-โขง

 

ในเวทีชวลิตได้กล่าวเปิดงาน ขอบคุณผู้จัดและภาคประชาชนที่ร่วมผลักดันปัญหาสิ่งแวดล้อม ก่อนย้ำถึงผลกระทบจากมลพิษเหมืองแร่แรร์เอิร์ธที่ไหลข้ามพรมแดนสู่แม่น้ำสำคัญของไทย กระทบสุขอนามัย ประมง เกษตร และการท่องเที่ยว

 

ชวลิตระบุว่า การแก้ปัญหาต้องทำที่ ‘ต้นเหตุ’ คือเหมืองในต่างแดน พร้อมชี้ว่าไทยเป็นภาคีทั้งคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) และความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง (LMC) จึงควรใช้กลไกเหล่านี้ควบคู่ไปกับการประสาน ‘จีน’ ในฐานะมหามิตรและผู้มีบทบาทสำคัญในภูมิภาค

 

ชวลิตเผยข้อมูลว่า ผู้ประกอบการเหมืองจำนวนมากเป็นชาวจีน ที่มักเลี่ยงกฎหมายสิ่งแวดล้อมในบ้านเกิดด้วยการไปลงทุนในเมียนมา ภายใต้อิทธิพลชนกลุ่มน้อย ทำให้ทิ้งมลพิษลงสู่ลำน้ำธรรมชาติ และไหลเข้าสู่ไทย

 

ชวลิตแนะว่า ภาคประชาชนควรรวบรวมข้อมูลผลกระทบส่งต่อกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประสานสถานทูตจีนตรวจสอบ หากยืนยันเป็นผู้ประกอบการจีนจริง ก็ควรบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมเข้มงวดเช่นเดียวกับในประเทศจีน ซึ่งเชื่อว่าทางการจีนไม่ต้องการให้คนของตนละเมิดกฎหมายในต่างแดน

 

พรรคไทยสร้างไทยยังเสนอให้รัฐบาลชุดปัจจุบันและอนาคต กำหนดปัญหามลพิษจากเหมืองแร่แรร์เอิร์ธเป็น ‘นโยบายเร่งด่วน’ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำสายสำคัญของประเทศ

The post ชวลิต แนะรัฐบาลประสาน ‘จีน’ มหามิตรในภูมิภาค แก้ปัญหาเหมืองแร่แรร์เอิร์ธรัฐฉาน-เมียนมา มลพิษไหลลงแม่น้ำกก-รวก-สาย-โขง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฝันร้ายของชาวไทยริมน้ำกก คือแม่น้ำปนเปื้อนสารหนูหรือความเพิกเฉยของภาครัฐ? https://thestandard.co/kok-river-arsenic-contamination/ Mon, 08 Sep 2025 05:40:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1116756 kok-river-arsenic-contamination

หัวข้อในเนื้อหานี้   แม่น้ำกกอาจเป็นการอาชญากรรมสิ […]

The post ฝันร้ายของชาวไทยริมน้ำกก คือแม่น้ำปนเปื้อนสารหนูหรือความเพิกเฉยของภาครัฐ? appeared first on THE STANDARD.

]]>
kok-river-arsenic-contamination

หัวข้อในเนื้อหานี้

 

 

แม่น้ำกกและแม่น้ำสายในจังหวัดเชียงรายกำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมร้ายแรง จากปัญหาการปนเปื้อนของ สารหนู ซึ่งมีต้นตอมาจากการทำเหมืองแร่ขนาดใหญ่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา โดยสารพิษนี้ได้ไหลข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศไทยและส่งผลกระทบในหลายด้าน

 

สารหนูดังกล่าวถูกใช้ในกระบวนการสกัดแร่จากเหมืองทองคำและโลหะในรัฐฉาน และได้ไหลปนเปื้อนลงสู่แม่น้ำสายและแม่น้ำกกก่อนจะไหลไปรวมกับแม่น้ำโขง จากการตรวจสอบพบว่าระดับสารหนูในแม่น้ำทั้งสองสายเกินค่ามาตรฐานในหลายจุด และยังตรวจพบในตะกอนดินของแม่น้ำโขงด้วย

 

ผลกระทบจากการปนเปื้อนนั้นน่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงแต่ทำลายระบบนิเวศทางน้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของประชาชน การสัมผัสหรือบริโภคน้ำที่มีสารหนูในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น อาเจียน ปวดท้อง อาการชา และอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงอย่างมะเร็งหรือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย นอกจากนี้ ปัญหาดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ริมแม่น้ำ ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวซบเซาและผู้ประกอบการได้รับความเสียหาย

 

แม่น้ำกกอาจเป็นการอาชญากรรมสิ่งแวดล้อม?

 

เมื่อถามว่าหลายคนอาจมองว่าแม่น้ำกกเป็นเพียงแค่ปัญหาสิ่งแวดล้อมธรรมดา แต่ในความเป็นจริงนี่อาจเป็นการก่ออาชญากรรมสิ่งแวดล้อมใช่หรือไม่ เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า “แล้วแต่ว่าเราจะมองมุมไหน” พร้อมชี้ให้เห็นว่า การจะระบุว่าเป็นการก่ออาชญากรรมทางสิ่งแวดล้อมหรือไม่นั้น ต้องดูเทียบกับการทำผิดกฎหมาย แต่เนื่องจากเราไม่ทราบกฎหมายของประเทศเมียนมาว่าผู้ประกอบการต้องดูแลสิ่งแวดล้อมหรือมีการควบคุมอย่างไรบ้าง เราจึงไม่สามารถชี้ชัดได้

 

อย่างไรก็ตาม เพ็ญโฉมกล่าวว่า เมื่อมองในมิติของความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับแม่น้ำกก ตลอดจนแม่น้ำสาย แม่รวก แม่น้ำโขง และแม่น้ำอีกสายที่เพิ่งตรวจพบ ซึ่งรวมทั้งหมดเป็น 5 สายแล้ว ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นมีขนาดใหญ่และรุนแรงมาก

 

การปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอาชญากรรมสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่มีกฎหมายควบคุมในพื้นที่ต้นกำเนิด ซึ่งอยู่ในเขตของกลุ่มว้าแดง 

 

“กลุ่มว้าแดงเป็นกลุ่มคนที่ไม่อยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลเมียนมา เป็นกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งตรงนี้ไม่มีกฎหมายของประเทศใดที่จะเข้าไปควบคุมเขาได้ เพราะเขาไม่ยอมรับการปกครองของประเทศที่อ้างว่าเป็นผู้ปกครอง จึงยังบอกไม่ได้ว่าเป็นการก่ออาชญากรรมที่ละเมิดกฎหมายเหล่านั้น” เพ็ญโฉมกล่าว

 

เพ็ญโฉม ชวนมองในมุมที่ต่างออกไปว่า “หากมองในเชิงหลักการสากล การทำเหมืองแร่ที่มีการใช้สารเคมีและก่อให้เกิดผลเสียปริมาณมาก การกระทำของเขาเป็นภัยคุกคามต่อธรรมชาติ สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน ตลอดจนเศรษฐกิจในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง”

 

นักวิชาการยอมรับการปนเปื้อน ‘แม่น้ำกก’ รุนแรงอย่างมาก

 

เพ็ญโฉม เปิดเผยว่า ในสายตาของนักสิ่งแวดล้อม รวมถึงนักวิชาการที่มีความรู้เรื่องสารพิษ ทุกคนก็ยอมรับว่าร้ายแรง เนื่องจากมลพิษที่เป็นสาเหตุของการปนเปื้อน ทั้งสารหนูและโลหะหนักอื่นๆ สามารถสร้างผลกระทบต่อร่างกายของคนเราได้

 

เมื่อสารหนูมีค่าเกินมาตรฐานและปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมทั้งน้ำและดิน หากเกิดการสะสมเป็นเวลานาน และคนหรือสัตว์สัมผัสบ่อยครั้ง อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้

 

เพ็ญโฉม ย้ำว่า การปนเปื้อนสารหนูอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ผู้คนเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งผิวหนังจำนวนมากในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องระวัง หรืออาจทำให้สัตว์น้ำในแม่น้ำเกิดความผิดปกติทางผิวหนังและระดับยีน

 

ตรวจสอบไม่พบการปนเปื้อน ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย

 

แม้มีการตรวจสอบแม่น้ำอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและไม่พบสารหนูเกินค่ามาตรฐาน ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าวางใจได้ เพ็ญโฉม ระบุว่า เวลาที่สารอันตรายอยู่ในสิ่งแวดล้อม เราไม่สามารถชี้ชัดและฟันธงได้ง่าย เนื่องจากสารจากการทำเหมืองมีจำนวนมาก และหากเกิดการสะสมในสิ่งแวดล้อม อาจส่งผลกระทบไม่ทางตรงก็ทางอ้อมจนก่อให้เกิดความผิดปกติ

 

พร้อมกล่าวต่อว่า บางคนมองว่าอาจเป็นการปนเปื้อนจากสารเคมีทางการเกษตร คุณเพ็ญโฉมชวนตั้งข้อสังเกตว่า “ถ้าลักษณะที่เกิดขึ้นมาจากสารเคมีทางการเกษตร ความผิดปกติก็น่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ ด้วย แต่ทำไมพื้นที่นี้จึงมีลักษณะที่เข้มข้นกว่า และพื้นที่อื่นๆ ไม่ได้มีปลาที่มีลักษณะผิดปกติเหมือนกับพื้นที่นี้ ทั้งที่มีการใช้สารเคมีในภาคการเกษตรเหมือนกันทั่วประเทศ”

 

สำหรับกรณีของปลาแค้ที่มีความผิดปกติ อาจไม่ได้เกิดจากสารหนูโดยตรง แต่การได้รับสารหนูเข้าไปอาจทำให้ภูมิคุ้มกันของปลาอ่อนแอลง จนไม่สามารถดำรงสภาพปกติได้ตามธรรมชาติ ดังนั้น สารหนูอาจเป็นสาเหตุโดยตรงหรือเป็นเพียงตัวกระตุ้นให้เกิดความเจ็บป่วยและความผิดปกติที่เกิดขึ้น

 

ชาวบ้านริมแม่น้ำกก อาจกลายเป็นคนยากจนจากภัยธรรมชาติ

 

เมื่อถามถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้านริมแม่น้ำกก เพ็ญโฉม กล่าวว่า “ในสภาวะนี้ทุกคนก็เครียด คนที่มีชีวิตพึ่งพิงและอาศัยอยู่กับแม่น้ำ ทั้งการประมง การเกษตร หรือการท่องเที่ยวที่ใช้ความสวยงามของแม่น้ำได้รับความเดือดร้อนกันทั้งหมด พวกเขาขาดรายได้ คนทำการเกษตรก็เครียดว่า พืชผลที่ปลูกจะรับประทานได้ไหม กินแล้วจะปลอดภัยไหม หรือส่งไปขายที่อื่นจะบาปไหม”

 

พร้อมมองว่า การปนเปื้อนของแม่น้ำทำให้เกิดการสูญเสียรายได้ทางเศรษฐกิจ และอาจทำให้ชาวบ้านริมแม่น้ำกลายเป็นผู้ที่อยู่ในสถานะคนยากจนจากภัยธรรมชาติ

 

เพ็ญโฉม ย้ำว่าทุกคนกำลังอยู่ในภาวะเครียดและกังวล หากเรื่องนี้ไม่สามารถแก้ไขได้โดยเร็ว ความเครียดอาจทำให้คนจำนวนมากป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มีภาวะทางจิตไม่ปกติ และอาจมีความเคียดแค้นได้ อาจกลายเป็นผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน หรือจากคนที่มีฐานะดีอาจกลายเป็นคนยากจนรูปแบบใหม่ อย่างไรก็ตาม เรายังไม่เห็นมาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากภาครัฐในเรื่องนี้เลย

 

ไทย-เมียนมา-จีน ความรับผิดชอบที่ถูกเพิกเฉย

 

การเคลื่อนไหวของประเทศเมียนมา เพ็ญโฉม กล่าวว่า “ทางเมียนมาอ้างว่าเขาไม่สามารถควบคุมว้าแดงได้” ดังนั้น จึงไม่สามารถจัดการการทำเหมืองในรัฐฉานซึ่งเป็นแหล่งต้นกำเนิดการใช้สารเคมีได้ เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้าแดง เหมือนเป็นการปฏิเสธทางอ้อมว่าไม่สามารถช่วยแก้ไขเรื่องนี้ได้

 

พร้อมกล่าวว่า ความพยายามของรัฐบาลไทยยังน้อยเกินไป เพราะเรื่องนี้ไม่ควรอยู่แค่ในระดับหน่วยงานหรือองค์กรของกระทรวง แต่ควรเป็นระดับของรัฐบาลต่อรัฐบาลที่จะต้องเข้ามาแก้ไข เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่ข้ามพรมแดน เกินกว่าอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอย่างกรมควบคุมมลพิษที่จะเข้ามาดำเนินการในการแก้ไขปัญหา

 

ในส่วนของประเทศจีน เพ็ญโฉม กล่าวว่าสถานทูตจีนในประเทศไทยและเมียนมาทราบเรื่องนี้แล้ว รวมถึงรัฐบาลจีนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังคงมีท่าทีเพิกเฉย เพราะจีนไม่ได้ปกครองเมียนมาและยังได้ประโยชน์จากการทำเหมือง

 

เพ็ญโฉม ย้ำถึงการทำงานของภาครัฐว่า “ถ้าหากรัฐบาลไม่ดำเนินการอะไรที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างจริงจังในการแก้ไขปัญหา ก็ต้องบอกว่ารัฐบาลทอดทิ้งเรื่องนี้ เพราะในปัจจุบันรัฐบาลก็ทอดทิ้งเรื่องนี้อยู่”

 

ทางออกและสิ่งที่ต้องการจากทุกภาคส่วน

 

เพ็ญโฉม เสนอว่าควรมีการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง และที่สำคัญต้องมีการพูดคุยว่าควรมีใครบ้าง ทั้งรัฐบาลไทย เมียนมา จีน และกองกำลังว้าแดง เพื่อมาเจรจาหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน

 

นอกจากนี้ เน้นย้ำอยากให้ประชาชนทั่วไปตระหนักว่า “ปัญหาแม่น้ำกกไม่ใช่เรื่องไกลตัว” เพราะแม้ผลกระทบจะเกิดขึ้นในภาคเหนือ แต่พืชผลทางการเกษตรอาจกระจายไปทั่วประเทศ รวมถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในเชียงใหม่และเชียงรายที่ทุกคนคุ้นเคย หากปัญหานี้ไม่ถูกแก้ไขอาจลุกลามไปถึงแม่น้ำโขงและกระทบต่อหลายจังหวัดในภาคอีสาน รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวและกัมพูชา ซึ่งจะสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลต่อระบบนิเวศ

 

พวกเราทุกคนควรมีความรู้สึกร่วมต่อความเดือดร้อนของพี่น้องทางภาคเหนือ เพราะความเดือดร้อนที่เกิดจากมลพิษข้ามแดนเป็นเรื่องใหญ่ และโอกาสที่จะฟื้นฟูนั้นทำได้ยาก การกอบกู้ระบบนิเวศทั้งพื้นดิน แม่น้ำ และน้ำใต้ดิน เมื่อเกิดการปนเปื้อนแล้วยากที่จะฟื้นฟูและกำจัดมลพิษให้หมดไป

 

ดังนั้น อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพ็ญโฉมกล่าวว่า “ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยเสียงของประชาชนทุกคนที่ช่วยกันผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหา” เพราะพวกเราทุกคนมีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อยทั้งทางตรงและทางอ้อม

 

สุดท้ายนี้ เพ็ญโฉม กล่าวทิ้งท้ายว่าการทำเหมืองแร่ในรัฐฉานของเมียนมา แม้จะไม่ผิดกฎหมายหรือไม่ในประเทศของเขา แต่ในหลักการสากลแล้วเป็นการกระทำที่ละเลยความรับผิดชอบต่อมนุษยชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็ถือเป็นการก่ออาชญากรรมรูปแบบหนึ่ง เพียงแต่เรายังไม่มีกฎหมายที่จะใช้จัดการได้ในปัจจุบัน

The post ฝันร้ายของชาวไทยริมน้ำกก คือแม่น้ำปนเปื้อนสารหนูหรือความเพิกเฉยของภาครัฐ? appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประเสริฐนำคณะหารือ ไทย-เมียนมา หารือตั้งคณะทำงานวิชาการร่วมแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย https://thestandard.co/thailand-myanmar-environmental-cooperation/ Wed, 20 Aug 2025 10:36:21 +0000 https://thestandard.co/?p=1109402 thailand-myanmar-environmental-cooperation

วันนี้ (20 สิงหาคม) ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตร […]

The post ประเสริฐนำคณะหารือ ไทย-เมียนมา หารือตั้งคณะทำงานวิชาการร่วมแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
thailand-myanmar-environmental-cooperation

วันนี้ (20 สิงหาคม) ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วย ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปเยือน กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเข้าพบและหารืออย่างเป็นทางการกับ ขิ่น ม่อง ยี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเมียนมา เกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือ ด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการบริหารจัดการคุณภาพน้ำอย่างยั่งยืน

 

ประเสริฐกล่าวว่า การหารือในวันนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางที่เป็นรูปธรรม ยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองฝ่ายบนพื้นฐานของหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางในการนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญจากหน่วยงานระหว่างประเทศ อาทิ MRC มาใช้ประโยชน์เพื่อรับมือกับความท้าทายข้ามแดน 

 

ทั้งนี้รัฐบาลมีความห่วงใยต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนทั้งสองประเทศ จึงมุ่งเน้นให้การดำเนินการต่าง ๆ เกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าทั้งสองประเทศพร้อมร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด

 

ผลการหารือที่สำคัญ ประกอบด้วย 

 

  1. ทั้งสองฝ่ายในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการส่งเสริมความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดการคุณภาพน้ำ 

 

  1. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการหารือประสานงานกันบ่อยครั้งยิ่งขึ้น มีการหารือทำงานร่วมกัน ซึ่งรวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจร่วมกันและเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

 

  1. ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะทำงานด้านวิชาการร่วม (Joint Technical Working Group) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงโอกาสในการร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาศักยภาพและการสร้างความตระหนักรู้ผ่านคณะทำงานร่วมกันดังกล่าว และการสนับสนุนเทคโนโลยีการจัดการกับการทำกิจการเหมืองแร่ เป็นต้น

 

“ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม และคุณภาพน้ำ ที่จะเดินหน้าแก้ไขร่วมกันนั้น ส่วนสำคัญจะเป็นการตอบโจทย์พี่น้องประชาชนเกี่ยวกับกระแสข่าวก่อนหน้านี้เรื่องสารปนเปื้อนในแม่น้ำสายต่างๆ อาทิ แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ซึ่งที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหานี้ทั้งในมิติ ทั้งในระดับพื้นที่และในระดับความร่วมมือระหว่างประเทศ” ประเสริฐกล่าว 

 

ด้าน ธีรรัตน์กล่าวว่า ประเด็นคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายต่างๆ อาทิ แม่น้ำกก และแม่น้ำสาย ได้ก่อให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อพี่น้องประชาชนไทยที่อาศัยอยู่ตามลุ่มน้ำ เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน รัฐบาลไทยโดยกระทรวงมหาดไทย ได้พยายามอย่างต่อเนื่องในการบรรเทาผลกระทบดังกล่าว ด้วยการให้ความช่วยเหลือที่จำเป็น พร้อมทั้งเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือแก่ประชาชน และเนื่องจากแม่น้ำดังกล่าวเป็นลำน้ำข้ามพรมแดน ความร่วมมือระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จึงมีความสำคัญยิ่งต่อการแก้ไขปัญหาอย่างรอบด้าน 

 

หากฝ่ายเมียนมาสามารถแบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายไทยได้ ก็จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานร่วมกัน ทั้งในการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน และในการจัดการสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที โดยไทยมีความประสงค์ที่จะเห็นการประสานงานที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างทันท่วงที และสามารถกำหนดแนวทางการตอบสนองร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านการดำเนินการในคณะทำงานด้านวิชาการร่วมกัน (Joint Technical Working Group) ต่อไป

 

ประเสริฐ จันทรรวงทอง เยือนเมียนมา ประเสริฐ จันทรรวงทอง เยือนเมียนมา ประเสริฐ จันทรรวงทอง เยือนเมียนมา ประเสริฐ จันทรรวงทอง เยือนเมียนมา ประเสริฐ จันทรรวงทอง เยือนเมียนมา

The post ประเสริฐนำคณะหารือ ไทย-เมียนมา หารือตั้งคณะทำงานวิชาการร่วมแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
คพ. เเผยผลตรวจสอบคุณภาพน้ำ พบสารหนูในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก พื้นที่เชียงใหม่-เชียงราย สูงเกินค่ามาตรฐานหลายเท่าตัว https://thestandard.co/arsenic-contamination-chiangmai-chiangrai-river/ Mon, 18 Aug 2025 04:42:05 +0000 https://thestandard.co/?p=1108326

วันนี้ (18 สิงหาคม) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยาก […]

The post คพ. เเผยผลตรวจสอบคุณภาพน้ำ พบสารหนูในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก พื้นที่เชียงใหม่-เชียงราย สูงเกินค่ามาตรฐานหลายเท่าตัว appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (18 สิงหาคม) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำและตะกอนดินครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 21-25 กรกฎาคม 2568 พบว่าแม่น้ำสายหลักในพื้นที่ภาคเหนือหลายสายมีปริมาณสารหนู (Arsenic: As) เกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้

 

การตรวจสอบครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินงานของ คพ. เพื่อติดตามสถานการณ์ความขุ่นผิดปกติของแม่น้ำกก และได้ขยายขอบเขตการสำรวจไปยังแม่น้ำสาขาและแม่น้ำสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ได้แก่ แม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง

 

  • แม่น้ำกก: พบค่าสารหนูสูงเกินมาตรฐานเกือบทุกจุดตรวจวัด ตั้งแต่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ไปจนถึง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยค่าที่ตรวจพบอยู่ในช่วง 0.010 – 0.018 มิลลิกรัมต่อลิตร (มก./ล.) ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 0.010 มก./ล. แม้ว่าบางจุดจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ภาพรวมยังคงน่าเป็นห่วง
  • แม่น้ำสาย: พบค่าสารหนูเกินมาตรฐานทุกจุดตรวจวัด โดยมีค่าสูงถึง 0.052 – 0.055 มก./ล. ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานถึงกว่า 5 เท่า
  • แม่น้ำรวก: พบค่าสารหนูเกินมาตรฐาน 1 จุดตรวจวัด ที่สถานีสูบน้ำ อ.แม่สาย โดยมีค่า 0.040 มก./ล.
  • แม่น้ำโขง: พบค่าสารหนูเกินมาตรฐาน 1 จุดตรวจวัด ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมีค่า 0.012 มก./ล.

 

ในทางกลับกัน แม่น้ำสาขาของแม่น้ำกก ได้แก่ แม่น้ำฝาง แม่น้ำลาว แม่น้ำกรณ์ และแม่น้ำสรวย มีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและปลอดภัย

 

ผลการสำรวจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหามลพิษในแหล่งน้ำที่สำคัญของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องมีการสืบสวนหาสาเหตุของแหล่งกำเนิดสารหนู และหาแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและระบบนิเวศในระยะยาว

The post คพ. เเผยผลตรวจสอบคุณภาพน้ำ พบสารหนูในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก พื้นที่เชียงใหม่-เชียงราย สูงเกินค่ามาตรฐานหลายเท่าตัว appeared first on THE STANDARD.

]]>
เหมืองแร่ของประเทศเพื่อนบ้าน กลายเป็นฝันร้ายของชาวไทยริมแม่น้ำกก https://thestandard.co/rare-earth-mine-kok-river-impact/ Wed, 06 Aug 2025 10:15:14 +0000 https://thestandard.co/?p=1104505 แม่น้ำกก

เหมืองแร่แรร์เอิร์ธในเมียนมาส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชาวไท […]

The post เหมืองแร่ของประเทศเพื่อนบ้าน กลายเป็นฝันร้ายของชาวไทยริมแม่น้ำกก appeared first on THE STANDARD.

]]>
แม่น้ำกก

เหมืองแร่แรร์เอิร์ธในเมียนมาส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชาวไทยที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำกก ชาวบ้านในพื้นที่ต้องเผชิญกับสภาพน้ำที่เปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจ จากสายน้ำที่เคยใสสะอาดกลายเป็นสีขุ่น และยังตรวจพบการปนเปื้อนของสารหนูและโลหะหนักในปริมาณที่เกินค่ามาตรฐาน

 

เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ชาวบ้านกว่า 700 คนในตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวกันเดินขบวนเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหานี้โดยด่วน

 

เพราะถ้าหากปัญหายังคงถูกเพิกเฉย แม่น้ำกกซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนมาอย่างยาวนาน อาจได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงและส่งผลกระทบในวงกว้างเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

พื้นที่ริมแม่น้ำกกมีระยะทางกว่า 306.05 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ รวม 8 อำเภอ 19 ตำบล ทั้งที่มีสัญชาติไทยและไม่มีสัญชาติไทย

 

ขณะนี้มีคนกว่า 182,931 ราย กำลังได้รับผลกระทบ

 

น้ำปนเปื้อน ราคาที่เกษตรกรริมกกต้องจ่าย

 

Rocket Media Lab ประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการปนเปื้อนของแม่น้ำกก โดยอ้างอิงข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจทั้ง 19 ตำบล ข้อมูลผลผลิตต่อไร่ และราคาสินค้าเกษตร พบว่า

 

พืชเศรษฐกิจหลักที่ปลูกริมแม่น้ำกกมี 14 ชนิด รวมพื้นที่กว่า 340,358.73 ไร่ มูลค่าทางเศรษฐกิจราว 3,239,061,808.4 บาท โดยข้าวถือว่ามีมูลค่าสูงสุด และได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากพื้นที่นาข้าวส่วนใหญ่อยู่ติดแม่น้ำและใช้น้ำโดยตรงจากแม่น้ำในการทำนาปรัง

 

รองลงมาคือยางพาราและข้าวโพด นอกจากนี้ยังมีพืชเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น สับปะรด, มันสำปะหลัง, ลำไย, กาแฟ, เงาะ, ทุเรียน, ปาล์มน้ำมัน, มะพร้าว, มังคุด และอ้อย

 

เมื่อแหล่งน้ำสำคัญอย่างแม่น้ำกกปนเปื้อน ย่อมส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อภาคเกษตร ความเสียหายจึงไม่ได้จำกัดเฉพาะพืชผลที่เสียหาย แต่รวมถึงรายได้ของเกษตรกร ความไม่แน่นอนในการเพาะปลูก และความเสียหายรวมในจังหวัดเชียงรายอาจสูงกว่า 3 พันล้านบาทต่อปี

 

ไม่แค่พืชผลเสียหาย แต่อาจลุกลามจนยากควบคุม

 

ความเสียหายจากการปนเปื้อนของแม่น้ำไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภาคเกษตรกรรมเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้าง เนื่องจากพื้นที่ริมน้ำกกยังมีการเพาะปลูกพืชอื่น ๆ เช่น ชา ส้ม หม่อน และเกษตรอินทรีย์ การเปลี่ยนแปลงของคุณภาพน้ำอาจทำให้ระบบเกษตรกรรมทั้งหมดหยุดชะงัก

 

นอกจากนี้ยังส่งผลโดยตรงต่อการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จากข้อมูลของกรมประมง ปี 2567 พบว่า มูลค่าการจับสัตว์น้ำจืดในจังหวัดเชียงรายสูงถึง 92,763,000 บาท การปนเปื้อนของแม่น้ำกกส่งผลให้ชีวิตของชาวประมงจำนวนมากที่พึ่งพาแม่น้ำสายนี้ต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงทางรายได้

 

แม่น้ำกกยังเป็นหัวใจสำคัญของการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย กิจกรรมล่องแพ ล่องเรือ รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เช่น อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก น้ำตกขุนกรณ์ น้ำพุร้อนโป่งพระบาท และน้ำพุร้อนผาเสริฐ ล้วนต้องพึ่งพาแหล่งน้ำสายนี้โดยตรง

 

ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองรองด้านการท่องเที่ยวอันดับ 1 ของประเทศ มีนักท่องเที่ยว 3.38 ล้านคน สร้างรายได้สะพัดกว่า 25,958 ล้านบาท เศรษฐกิจชุมชนที่เชื่อมโยงกับรีสอร์ต โฮมสเตย์ ร้านอาหาร และคาเฟ่ จึงพร้อมสั่นคลอนหากภาพลักษณ์ของแม่น้ำกกถูกบั่นทอน

 

ความสูญเสียที่ไม่มีวันหวนคืน หากไม่เร่งแก้ไข

 

การปนเปื้อนของสารพิษในแม่น้ำกกกำลังกลายเป็นวิกฤตที่ลุกลามเกินกว่าขอบเขตของปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่พืชผลทางการเกษตรหรือปลาน้ำจืดริมฝั่งแม่น้ำ หากแต่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่พึ่งพารายได้จากภาคบริการมากที่สุด และก้าวขึ้นมาเป็นเมืองรองอันดับ 1 ของประเทศ

 

นอกเหนือจากด้านเศรษฐกิจ การปนเปื้อนของสารโลหะหนักในแม่น้ำกกยังคุกคามสุขภาพของประชาชนโดยตรง เนื่องจากน้ำจากแม่น้ำยังคงถูกใช้อุปโภคบริโภคในหลายพื้นที่ และอาจก่อให้เกิดโรคจากสารปนเปื้อน เช่น โรคผิวหนังหรือโรคระบบทางเดินอาหาร ซึ่งจะนำไปสู่ภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เพิ่มสูงขึ้น

 

ภาครัฐยังอาจต้องเผชิญกับต้นทุนมหาศาลในการจัดหาแหล่งน้ำสำรอง การตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง การฟื้นฟูระบบนิเวศ ตลอดจนการวางมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำในอนาคต ต้นทุนเหล่านี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงและไม่ควรถูกมองข้าม

 

จากรายงานผลการตรวจคุณภาพน้ำของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระหว่างวันที่ 9-13 มิถุนายน 2568 พบว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย บริเวณติดพรมแดนเมียนมา มีค่าความขุ่นสูงผิดปกติ และตรวจพบสารหนูซึ่งเป็นโลหะหนักเกินกว่าค่ามาตรฐาน

 

หากภาครัฐยังไม่เร่งแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนในแม่น้ำกกอย่างจริงจัง สถานการณ์อาจลุกลามจนยากจะควบคุม และนำไปสู่ความสูญเสียทางเศรษฐกิจในวงกว้าง สะเทือนไปถึงรากฐานของเศรษฐกิจท้องถิ่น และบั่นทอนเสถียรภาพทางสังคมในระยะยาว ภาครัฐจะยังปล่อยให้ปัญหาเรื้อรังต่อไป หรือจะเลือกหยุดรับฟังเสียงของประชาชนที่กำลังเผชิญความเดือดร้อนในทุกๆ วัน

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://rocketmedialab.co/kok-river/

The post เหมืองแร่ของประเทศเพื่อนบ้าน กลายเป็นฝันร้ายของชาวไทยริมแม่น้ำกก appeared first on THE STANDARD.

]]>
คพ. พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก, แม่น้ำสาย, แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงราย-เชียงใหม่ https://thestandard.co/arsenic-kok-sai-ruak-mekong-river/ Sat, 26 Jul 2025 02:54:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1100166

วานนี้ (25 กรกฎาคม) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยาก […]

The post คพ. พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก, แม่น้ำสาย, แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงราย-เชียงใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วานนี้ (25 กรกฎาคม) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำและตะกอนดินในแม่น้ำกก ลำน้ำสาขา แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 4 กรกฎาคม 2568 พบ สารหนู เกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง

 

จากการเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อวิเคราะห์ตามมาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน พบว่า

 

แม่น้ำกก ตรวจพบค่าสารหนูสูงเกินค่ามาตรฐาน 0.010 มิลลิกรัมต่อลิตร (มก./ล.) ในทุกจุดตรวจวัด ตั้งแต่ชายแดนไทย-เมียนมา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ไปจนถึงตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย (KK01-KK15) โดยมีค่าอยู่ในช่วงน้อยกว่า 0.010-0.016 มก./ล. จุดที่พบค่าสูงสุดคือ KK01 ชายแดนไทย-เมียนมา ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ที่ 0.016 มก./ล. และ KK02 สะพานมิตรภาพแม่นาวาง-ท่าตอน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย ที่ 0.015 มก./ล.

 

อย่างไรก็ตาม ลำน้ำสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำกก ได้แก่ แม่น้ำฝาง (FA01), แม่น้ำกรณ์ (KO01), แม่น้ำสรวย (SU01), และแม่น้ำลาว (LA01) ยังคงมีคุณภาพน้ำเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

 

แม่น้ำสาย พบสารหนูเกินมาตรฐานทั้ง 3 จุด โดยเฉพาะที่ SA02 สะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีค่าสูงถึง 0.049 มก./ล. ส่วนที่ SA01 บ้านหัวฝาย ต.แม่สาย และ SA03 บ้านป่าซางงาม ม.6 ต.เกาะช้าง มีค่า 0.023 มก./ล. และ 0.024 มก./ล. ตามลำดับ

 

แม่น้ำรวก ตรวจพบสารหนูเกินมาตรฐาน 1 จุด คือที่ RU01 สถานีสูบน้ำเกาะช้าง การประปาส่วนภูมิภาค อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ 0.010 มก./ล. ส่วนที่ RU02 ต.เวียง อ.เชียงแสน (จุดปลายน้ำรวกก่อนลงแม่น้ำโขง) มีค่าสารหนูอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

 

แม่น้ำโขง ตรวจพบสารหนูสูงเกินค่ามาตรฐานทั้ง 3 จุด ได้แก่ NK01 จุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่ 0.011 มก./ล., NK02 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่ 0.012 มก./ล., และ NK03 บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่ 0.011 มก./ล.

 

คพ. ได้กำหนดแผนการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณ 2568 โดยจะเก็บตัวอย่างน้ำเดือนละ 2 ครั้ง ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงกันยายน 2568 และเก็บตัวอย่างตะกอนดินเดือนละ 1 ครั้ง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน 2568 เพื่อเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์คุณภาพน้ำในพื้นที่ต่อไป

The post คพ. พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก, แม่น้ำสาย, แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงราย-เชียงใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>