แม่ค้าออนไลน์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 16 Jul 2024 08:13:43 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 TikTok Shop โตแรงแซงทุกโค้ง! อาวุธลับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไลฟ์ขายของ จนหายใจรดต้นคอ Lazada แล้ว https://thestandard.co/tiktok-shop-rapid-growth-ecommerce/ Tue, 16 Jul 2024 08:13:43 +0000 https://thestandard.co/?p=958614 TikTok Shop

สมรภูมิอีคอมเมิร์ซร้อนแรง! เมื่อ TikTok Shop กลายเป็นอา […]

The post TikTok Shop โตแรงแซงทุกโค้ง! อาวุธลับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไลฟ์ขายของ จนหายใจรดต้นคอ Lazada แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
TikTok Shop

สมรภูมิอีคอมเมิร์ซร้อนแรง! เมื่อ TikTok Shop กลายเป็นอาวุธลับที่ถูกใจเหล่าพ่อค้า-แม่ค้าไลฟ์ขายสินค้าแบบเรียลไทม์ จนสร้างยอดขายโต 4 เท่าในประเทศอาเซียน เริ่มเบียดมาร์เก็ตแชร์ Lazada 

 

Nikkei Asia รายงานว่า TikTok Shop ฟีเจอร์จากแอปพลิเคชันชื่อดังสัญชาติจีนกำลังมีกระแสมาแรง จนสร้างยอดขายเติบโตขึ้น 4 เท่าในประเทศอาเซียนและก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เบียดผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Shopee และ Lazada แล้ว

 

สำหรับอาวุธลับของ TikTok ที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว คือการมีฐานลูกค้าจำนวนมาก ตามด้วยค่าธรรมเนียมการขายที่เข้าถึงง่าย พร้อมเปิดให้ผู้ผลิตคอนเทนต์ทำคลิปสั้นลงขายสินค้า ตลอดจนการไลฟ์ขายสินค้า ตั้งแต่กลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม แฟชั่น ไปจนถึงเครื่องใช้ในบ้าน เพื่อให้ผู้ใช้บริการซื้อสินค้าแบบเรียลไทม์ จึงได้รับความนิยมจากพ่อค้าแม่ค้าประเทศอาเซียน ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย 

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

ทำให้ในปี 2023 ที่ผ่านมา TikTok ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ByteDance ตั้งเป้ายอดขายการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นจาก 4.4 พันล้านดอลลาร์ ขึ้นเป็น 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เรียกว่าเป็นอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดในบรรดาคู่แข่ง แต่ในช่วงเวลาเดียวกันก็ต้องควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายไปพร้อมกัน 

 

ด้าน Jianggan Li ซีอีโอของ Momentum Works กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซในปี 2023 เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้า Shopee ยังถือส่วนแบ่งสูงสุดในสัดส่วน 48% รองลงมาคือ Lazada อยู่ที่ 16.4% ส่วน TikTok อยู่ที่ 14.2% และ Tokopedia อยู่ที่  14% และเมื่อ TikTok รวมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Tokopedia ที่ TikTok เข้าไปถือหุ้นใหญ่ในปีที่ผ่านมา TikTok จะกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่อันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน แซงหน้า Lazada 

 

ทั้งนี้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา TikTok ได้บุกตลาดอย่างหนัก พร้อมเปิดรับพนักงานมากกว่า 8,000 คน และยังได้ประกาศต่อหน้านักลงทุน ถึงแผนการลงทุนด้วยงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ ทั้งหมดเพื่อรองรับการเติบโตทั้งในแง่ของการสร้างยอดขายและกำไร 

 

อย่างไรก็ตาม เส้นทางและอนาคตของ TikTok ไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ แต่ยังอยู่ภายใต้การพิจารณาทางกฎหมายในการดำเนินธุรกิจกับคู่ค้าฝั่งตะวันตกทั้งในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป

 

อ้างอิง:

The post TikTok Shop โตแรงแซงทุกโค้ง! อาวุธลับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไลฟ์ขายของ จนหายใจรดต้นคอ Lazada แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยสร้างไทยชี้ ต่างชาติยึดตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยเบ็ดเสร็จ ทำลายอำนาจการแข่งขันในประเทศ https://thestandard.co/thai-sang-thai-on-e-commerce/ Sun, 19 May 2024 12:03:31 +0000 https://thestandard.co/?p=935480 ไทยสร้างไทย พูดถึง ตลาดอีคอมเมิร์ซ

วันนี้ (19 พฤษภาคม) นพดล มังกรชัย รองหัวหน้าพรรคไทยสร้า […]

The post ไทยสร้างไทยชี้ ต่างชาติยึดตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยเบ็ดเสร็จ ทำลายอำนาจการแข่งขันในประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยสร้างไทย พูดถึง ตลาดอีคอมเมิร์ซ

วันนี้ (19 พฤษภาคม) นพดล มังกรชัย รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซในไทย กลายเป็นหนึ่งในช่องทางการค้าขายสินค้าที่สำคัญของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในปัจจุบัน เพราะซื้อง่ายขายคล่อง และยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็ต้องยอมรับความเจ็บปวด เพราะแลกมาด้วยการที่ผู้ค้าผู้ขายต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการขาย (Sales Transaction Fee) ที่ยักษ์ใหญ่แพลตฟอร์มเจ้าตลาดเป็นผู้กำหนดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ยักษ์ใหญ่แพลตฟอร์มข้ามชาติที่เป็นเจ้าตลาดอีคอมเมิร์ซ และตอนนี้เข้ามายึดตลาดบ้านเราไปอย่างเบ็ดเสร็จแล้วที่พวกเรารู้จักคุ้นเคยกันดี ได้แก่ Lazada, Shopee, TikTok ซึ่งในระยะแรกๆ ที่เข้ามาในเมืองไทย ดูเหมือนจะทำตัวสงบเสงี่ยมไม่วางก้ามมากนัก ที่ผ่านมาเป็นการทำการตลาดด้วยการแข่งขันในสงครามราคาเพื่อสร้างฐานผู้ใช้ โดยในช่วงแรกออกค่าธรรมเนียมให้ผู้ขาย เพื่อดึงดูดให้คนมาขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม ส่งผลให้ประสบภาวะขาดทุนเป็นหมื่นล้านบาทหลายปีติดต่อกัน จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่มีฐานผู้ใช้มากขึ้น มีอำนาจต่อรองกับคนขายก็เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนต่าง เช่น ค่าธรรมเนียมการขาย ค่าธรรมเนียมการชำระเงิน ค่าธรรมเนียมการจัดส่ง รวมแล้วพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องเสียค่าธรรมเนียมราว 15.85% ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%

 

จากข้อมูลรายงาน E-commerce in Southeast Asia 2023 ระบุว่า มูลค่าการซื้อขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในไทย ปี 2565 อยู่ที่ 1.44 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.27 แสนล้านบาท)  ซึ่งเมื่อเจาะรายละเอียดไปที่ส่วนแบ่งตลาดของแต่ละแพลตฟอร์มจะพบว่า Shopee มีส่วนแบ่งมากสุดที่ 56% ตามด้วย Lazada 40% และ TikTok 4% ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ภาพตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยเป็นการแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการจากต่างประเทศอย่างแท้จริง

 

ถามว่าแพลตฟอร์มข้ามชาติเหล่านั้นยอมขาดทุนอย่างมหาศาลเพื่อแลกกับอะไร นพดลชี้ว่า เพื่อแลกกับการเข้าสู่ตลาดในประเทศ เพื่อทำลายอำนาจการแข่งขันของผู้ประกอบการภายในประเทศ และที่สำคัญคือเพื่อแลกกับการเข้าสู่ข้อมูลลูกค้า รวมไปถึงพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยหรือไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพื่อนำไปให้ AI วิเคราะห์กำหนด Customer Information Scoring ทำการตลาดเจาะลูกค้าแต่ละราย ทำให้ทราบถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแม่นยำทั้งในรูปปัจเจกบุคคลและกลุ่มลูกค้ารายประเภทการค้า นอกจากข้อมูลลูกค้ายังรวมไปถึงข้อมูลคู่ค้าที่อยู่ในวงโคจรทั้งหมดด้วย พอถึงเวลาที่ได้ข้อมูลทุกอย่างพร้อมก็พาเหรดกอดคอกันปรับขึ้นค่าธรรมเนียมตามใจชอบ เช่นในปี 2566 ทั้ง Shopee และ Lazada ขึ้นค่าธรรมเนียมถึง 2 รอบ

 

ล่าสุด Shopee Thailand ประกาศปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการขายครั้งใหม่สำหรับกลุ่ม Mall Sellers และ Non-Mall Sellers (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) มีผลตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2567 ดังนี้ 

 

  • ค่าธรรมเนียมสำหรับ Mall Sellers แบ่งเป็น สินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Items) เป็น 6% จากเดิม 5% ของราคาสินค้า, สินค้าบางประเภทในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (Exceptions of Electronics Items) เป็น 5% หรือ 8% จากเดิม 6% ส่วนสินค้าที่ไม่อยู่ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (Non-Electronics Items) อยู่ที่ 5-8% จากเดิม 7%

 

  • ส่วนค่าธรรมเนียมสำหรับ Non-Mall Sellers แบ่งเป็น สินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Items) 5% จาก 4%, สินค้าที่ไม่อยู่ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (Non-Electronics Items) 5% จาก 4%, สินค้าในหมวดหมู่สินค้าแฟชั่น (Fashion Cluster) 6% จาก 5% และสินค้าบางประเภทในหมวดหมู่ย่อยของสินค้าในหมวดหมู่สินค้าแฟชั่น 5% จาก 4% ของราคาสินค้า 

 

ส่วน Lazada ได้ปรับค่าธรรมเนียมการใช้บริการ Marketplace Service Fee และมีผลตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ในบางหมวดหมู่สินค้า เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่องเสียง กล้อง โดรน ฯลฯ) 4% จากเดิม 3%, สินค้าแฟชั่น (กระเป๋า เสื้อผ้า ฯลฯ) 5% จากเดิม 4%, สินค้าอุปโภค-บริโภค 4% จากเดิม 3% และสินค้าทั่วไป 4% จากเดิม 3%

 

สำหรับ TikTok Shop Thailand ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 ได้ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมคอมมิชชัน เดิมคิดอัตราคงที่ 4% มาเป็นการคิดแตกต่างกันหมวดหมู่ย่อยของสินค้า (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) แบ่งเป็นสินค้าแฟชั่น 4.00-5.35%, สินค้าอุปโภค-บริโภค (FMCG) 4.28%, สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 4.28% สินค้าไลฟ์สไตล์ เช่น อุปกรณ์กีฬา เครื่องครัว 4.28%

 

ส่วน LINE SHOPPING คิดค่าธรรมเนียม (Service Fee) จากคำสั่งซื้อบนช่องทางสื่อและแคมเปญ LINE SHOPPING ที่ 3% (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป แต่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมการขายในกรณีที่คำสั่งซื้อเกิดจากการออร์เดอร์ผ่านห้องแชตในแอปพลิเคชัน LINE หรือผู้ขายเป็นผู้โฆษณาร้านค้าด้วยตนเอง หรือส่งลิงก์ร้านค้าและสินค้าของผู้ขาย shop.line.me/@shopbasicid ให้ผู้ซื้อโดยตรง

 

ไทยสร้างไทยจึงขอเสนอให้รัฐบาลกำหนดมาตรการกำกับการแข่งขัน-เพดานราคา เนื่องจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ มีแค่ 2-3 เจ้า ผูกขาดตลาดไว้เกือบหมด ผู้ค้าขายคนไทยรวมถึงผู้บริโภคคนไทยไม่ได้มีตัวเลือกไปมากกว่านี้ ส่วนผู้บริโภคแม้จะมีส่วนดีที่ยังได้รับอานิสงส์จากการที่แพลตฟอร์มเสนอดีลราคาพิเศษ แต่ความน่ากลัวที่เป็นผลกระทบข้างเคียง คือแผนการตลาดจากแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่เหล่านี้มีผลเป็นการทุบร้านค้าปลีกรายเล็กตายหมด ถ้าอยากรอดก็ต้องขึ้นมาขายออนไลน์ แต่แพลตฟอร์มก็ขึ้นค่าธรรมเนียมต่อเนื่อง เวลาขึ้นจาก 1% เป็น 2% ดูเหมือนไม่เยอะ แต่จริงๆ คือเท่าตัว 100-200% ภาครัฐควรเข้ามากำกับดูแลการขึ้นค่าธรรมเนียมของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายใน และสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ที่มีหน้าที่ควบคุมการแข่งขันของภาคธุรกิจในประเทศ จำเป็นต้องป้องกันการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคคนไทยโดยแพลตฟอร์มข้ามชาติ

The post ไทยสร้างไทยชี้ ต่างชาติยึดตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยเบ็ดเสร็จ ทำลายอำนาจการแข่งขันในประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เอาจริง! กรมสรรพากรสั่งแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ นำส่งข้อมูลรายได้ผู้ประกอบการ-ร้านค้าในระบบ เริ่ม 1 มกราคม 2567 https://thestandard.co/the-revenue-department-orders-online-platforms/ Fri, 29 Dec 2023 09:05:51 +0000 https://thestandard.co/?p=882558

กรมสรรพากรออกประกาศสั่งให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ตัวอย่า […]

The post เอาจริง! กรมสรรพากรสั่งแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ นำส่งข้อมูลรายได้ผู้ประกอบการ-ร้านค้าในระบบ เริ่ม 1 มกราคม 2567 appeared first on THE STANDARD.

]]>

กรมสรรพากรออกประกาศสั่งให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น Shopee, Lazada และ Grab ส่งข้อมูลรายได้ผู้ประกอบการในระบบทั้งหมด มีผลบังคับใช้หลังวันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป นับเป็นหนึ่งในความพยายามในการต้อนพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ยูทูเบอร์ และอินฟลูเอ็นเซอร์เข้าสู่ระบบ 

 

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2566 กรมสรรพากรได้ออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร โดยกำหนดให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทย และมีรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีเกิน 1 พันล้านบาท ‘มีบัญชีพิเศษ’ หรือจัดทำและนำส่งข้อมูลบัญชีพิเศษผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร

 

ทั้งนี้ ‘บัญชีพิเศษ’ หมายถึง บัญชีที่แสดงข้อมูลรายรับของอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มที่ได้รับจาก ‘ผู้ประกอบการ’ ซึ่งหมายความว่า บุคคลซึ่งเสนอสินค้าหรือบริการต่อผู้บริโภคผ่านอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม

 

โดยประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับสำหรับการส่งข้อมูลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


 

ปัจจุบันอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทยมีหลายประเภท เช่น e-Commerce, e-Service และ e-Marketplace ตัวอย่างเช่น Shopee, Lazada, LINE MAN และ Grab

 

การเคลื่อนไหวครั้งนี้นับเป็นหนึ่งในความพยายามอย่างต่อเนื่องของกรมสรรพากรที่ต้องการขยายฐานภาษี และต้อนผู้มีเงินได้จากช่องทางออนไลน์ เช่น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ยูทูเบอร์ และอินฟลูเอ็นเซอร์เข้าสู่ระบบ

 

อ้างอิง: 

The post เอาจริง! กรมสรรพากรสั่งแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ นำส่งข้อมูลรายได้ผู้ประกอบการ-ร้านค้าในระบบ เริ่ม 1 มกราคม 2567 appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ขายของออนไลน์-ยูทูเบอร์-อินฟลูเอ็นเซอร์’ ต้องเสียภาษีอย่างไร? หลัง ‘สรรพากร’ ตั้งทีมรีดภาษี-ไล่ต้อนเข้าสู่ระบบ https://thestandard.co/online-seller-how-to-pay-taxes/ Mon, 13 Feb 2023 05:43:41 +0000 https://thestandard.co/?p=749535

พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ยูทูเบอร์ และอินฟลูเอ็นเซอร์ ต้องเส […]

The post ‘ขายของออนไลน์-ยูทูเบอร์-อินฟลูเอ็นเซอร์’ ต้องเสียภาษีอย่างไร? หลัง ‘สรรพากร’ ตั้งทีมรีดภาษี-ไล่ต้อนเข้าสู่ระบบ appeared first on THE STANDARD.

]]>

พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ยูทูเบอร์ และอินฟลูเอ็นเซอร์ ต้องเสียภาษีอย่างไร? หลัง ‘สรรพากร’ ตั้งทีมรีดภาษี ประกาศเร่งไล่ต้อนผู้มีเงินได้จากช่องทางออนไลน์เข้าสู่ระบบ หลังจากเปิดเผยว่า 2 ปีที่ผ่านมาสามารถดึงผู้ประกอบการในส่วนนี้เข้าสู่ระบบได้มากกว่า 1 แสนรายต่อปี

 

สัปดาห์ที่ผ่านมา ลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในปี 2566 กรมสรรพากรจะมุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้มีรายได้สูง แต่ยังเสียภาษีไม่ถูกต้อง หรืออยู่นอกระบบ อย่างผู้ค้าขายออนไลน์ ยูทูเบอร์ และอินฟลูเอ็นเซอร์ ผ่านการตั้งกองสำรวจและติดตามธุรกิจนอกระบบ หลังจากช่วงปีงบประมาณ 2564-2565 กรมสรรพากรสามารถต้อนผู้ประกอบการในส่วนนี้เข้าสู่ระบบภาษีได้มากกว่า 1 แสนรายต่อปี

 

โดยอธิบดีกรมสรรพากรยังกล่าวเชิญชวนให้ผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้เข้ามาจดทะเบียนให้ถูกต้อง พร้อมยืนยันว่าเรื่องภาษีไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว และกรมสรรพากรพร้อมที่จะประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเสียภาษีตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง และย้ำว่าการเสียภาษีไม่ถูกต้องและไม่เสียภาษีมีต้นทุนแพงกว่าการเสียภาษีด้วยซ้ำ

 

ทั้งนี้ สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ยูทูเบอร์ และอินฟลูเอ็นเซอร์ที่มีรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

 

‘ขายของออนไลน์’ เสียภาษีอย่างไร?

 

สำหรับผู้ค้าขายทางออนไลน์จำเป็นต้องรู้จักภาษี 2 ประเภทสำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพื่อไม่ให้มีปัญหาถูกประเมินภาษีย้อนหลัง

 

ภาษีเงินได้บุคลลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับ ‘การขายของออนไลน์’

 

โดยปกติรายได้ที่รับส่วนนี้มักจะอยู่ในรูปแบบซื้อมาขายไป ซึ่งถูกจัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 (เงินได้ 40 (8)) โดยสามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 ทาง ได้แก่

 

  1. การเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานค่าใช้จ่าย เพราะกฎหมายให้สิทธิเหมาจ่ายตามยอดขายที่เกิดขึ้นในอัตรา 60% ของยอดขาย
  2. การเลือกหักตามค่าใช้จ่ายจริง ซึ่งต้องมีหลักฐานค่าใช้จ่ายในการยื่นภาษีด้วย

 

ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวข้องกับ ‘การขายของออนไลน์’

 

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่มีรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนและเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ยอดขายเกิน

 

เมื่อจด VAT แล้ว ผู้ประกอบการต้องเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% จากผู้บริโภค โดยคำนวณจากมูลค่าสินค้า แล้วนำส่งให้กรมสรรพากรอีกที โดยต้องยื่นภาษีเป็นรายเดือน ซึ่งเรียกว่า ภ.พ.30 ด้วย

 

‘ยูทูเบอร์-อินฟลูเอ็นเซอร์’ ต้องเสียภาษีอย่างไร?

 

สำหรับยูทูเบอร์-อินฟลูเอ็นเซอร์ในประเทศไทยเป็นอาชีพที่ต้องเสียภาษีไม่ต่างจากอาชีพอื่นๆ แต่เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายกำหนดเกี่ยวกับการเสียภาษีของยูทูเบอร์โดยตรง ยูทูเบอร์ในไทยจึงต้องเสียภาษีแยกตามประเภทรายได้ต่างๆ แทน เนื่องจากยูทูเบอร์และอินฟลูเอ็นเซอร์สามารถมีรายได้จากหลายช่องทาง เช่น ส่วนแบ่งค่าโฆษณาจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย การรับจ้างรีวิวสินค้า รับจ้างโชว์ตัว และการขายสินค้า

 

ขณะที่ผู้ที่มีรายได้ประจำ หรือมนุษย์เงินเดือนที่ใช้เวลาว่างเป็นยูทูเบอร์หรืออินฟลูเอ็นเซอร์ด้วย ก็ต้องนำรายได้ทั้งหมดมารวม และคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย

 

ประเภทรายได้และภาษีที่ต้องจ่ายสำหรับยูทูเบอร์

 

  • รายได้จากส่วนแบ่งค่า ‘โฆษณา’ จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 (เงินได้ 40 (8)) โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายตามจริง แต่ต้องมีหลักฐานใช้จ่ายครบถ้วน

 

  • รายได้จากยอดชม (View) และยอดผู้ติดตามบนช่อง จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 (เงินได้ 40 (8)) ที่สามารถหักค่าใช้จ่ายตามจริง ต้องมีหลักฐานใช้จ่ายครบถ้วนเช่นกัน

 

  • รายได้จากการรับจ้างรีวิวสินค้าหรือสปอนเซอร์ในคลิปหรือคอนเทนต์ต่างๆ นับเป็นรายได้ที่มาจากผู้ว่าจ้างและเป็นการทำงานแลกเงินตามปกติ จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 2 (เงินได้ 40 (2)) จึงจะถูกหักแบบเหมา 50% แต่สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท 

 

  • รายได้จากการรับจ้างโชว์ตัว ก็นับเป็นรายได้ที่มาจากผู้ว่าจ้างและเป็นการทำงานแลกเงินตามปกติ จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 2 (เงินได้ 40 (2)) จึงจะถูกหักแบบเหมา 50% แต่สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท

 

  • รายได้จากการขายสินค้าและบริการ หรือที่ซื้อมาขายไป จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 (เงินได้ 40 (8)) คือรายได้จากการค้าขาย สำหรับร้านค้าที่ผลิตสินค้าเอง ให้หักค่าใช้จ่ายตามจริง แต่ถ้าสินค้าที่รับซื้อมา ให้หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60%

 

‘พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์-ยูทูเบอร์’ รายได้เท่าไรถึงต้องเสียภาษี?

 

สำหรับยูทูเบอร์ที่ไม่ได้จดบริษัทเป็นนิติบุคคล จะคำนวณภาษีในรูปแบบบุคคลธรรมดา กล่าวคือ ต้องยื่นภาษีเมื่อมีรายได้ทั้งปีถึง 1.2 แสนบาท และหากรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายตามประเภทของเงินได้ และหักค่าลดหย่อนส่วนตัวแล้ว หรือเงินได้สุทธิเกิน 1.5 แสนบาท ต้องเสียภาษี

 

ส่วนผู้ขายของออนไลน์จำเป็นต้องยื่นแบบเสียภาษีเมื่อรายได้เกิน 60,000 บาทต่อปี


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

อ้างอิง:

The post ‘ขายของออนไลน์-ยูทูเบอร์-อินฟลูเอ็นเซอร์’ ต้องเสียภาษีอย่างไร? หลัง ‘สรรพากร’ ตั้งทีมรีดภาษี-ไล่ต้อนเข้าสู่ระบบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
คุยกับ ‘จีน่า-อันนา มานัตนันท์’ ผู้ผันตัวมาเป็นแม่ค้าออนไลน์ กับการปั้นแบรนด์รองเท้าหนังแท้เพื่อสุขภาพ ‘Animal Party’ และแบรนด์เสื้อผ้า ‘Jenaanna.style’ [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/gina-anna-manatnan-ninja-van-interview/ Mon, 31 Jan 2022 11:00:47 +0000 https://thestandard.co/?p=588624 Gina-Anna Manatnan

การพัฒนาของเทคโนโลยี ทำให้ยุคนี้เพียงเรานั่งอยู่ที่บ้าน […]

The post คุยกับ ‘จีน่า-อันนา มานัตนันท์’ ผู้ผันตัวมาเป็นแม่ค้าออนไลน์ กับการปั้นแบรนด์รองเท้าหนังแท้เพื่อสุขภาพ ‘Animal Party’ และแบรนด์เสื้อผ้า ‘Jenaanna.style’ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
Gina-Anna Manatnan

การพัฒนาของเทคโนโลยี ทำให้ยุคนี้เพียงเรานั่งอยู่ที่บ้านก็สามารถสั่งซื้อสินค้าที่เราต้องการได้เลย โดยไม่ต้องออกไปซื้อเองให้ยุ่งยาก

 

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่การซื้อขายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ B2C E-Commerce จะเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า มูลค่าตลาด B2C E-Commerce เฉพาะสินค้าปี 2564 น่าจะขยายตัว 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือมีมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาท

 

การเติบโตอย่างหวือหวาของตลาดดังกล่าวได้กลายเป็นโอกาสให้กับใครหลายคนที่ผันตัวเองมาเป็น ‘พ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์’ ดังเช่น จีน่า-อันนา มานัตนันท์ ที่ผันตัวมาจับตลาดด้านนี้ได้ 7 ปีแล้ว 

 

จุดเริ่มต้นในการเป็นแม่ค้าออนไลน์ของจีน่าเริ่มต้นมาจากการมองเห็นการเติบโตทางด้านออนไลน์ อีกทั้งตัวเธอชอบแต่งตัว มีแพสชันกับเรื่องแฟชั่น เมื่อบวกกับฐานคนติดตามที่สามารถนำไปต่อยอดได้ จีน่าจึงไม่ลังเลที่จะปั้นแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา

 

แตกต่างที่ ‘สินค้า’ 

อย่างที่บอกว่าจีน่าชื่นชอบเรื่องแฟชั่น จึงเป็นที่มาของการทำแบรนด์รองเท้าหนังแท้เพื่อสุขภาพ ‘Animal Party’ และแบรนด์เสื้อผ้า ‘Jenaanna.style’ ซึ่งขายเฉพาะออนไลน์

 

“เนื่องด้วยธุรกิจออนไลน์ในประเทศไทยเติบโตเป็นอย่างมาก และกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ก็เพิ่มขึ้นมากด้วยเช่นกัน เราจึงต้องหาจุดเด่นของสินค้าเราขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้าเห็นถึงความแตกต่าง ซึ่งเราก็จะเน้นเรื่องความสบายในการสวมใส่และสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเอง ให้สามารถสู้กับการแข่งขันที่สูงในตลาด”

 

จีน่าเล่าว่า สิ่งที่แตกต่างสำหรับ Animal Party คือเลือกหนังเอง สั่งทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าสวยและสบายที่สุด และราคาไม่สูงเกินไป ซึ่งจับกลุ่มวัยทำงานหรือผู้ใหญ่ และกลุ่มแม่ๆ 

 

ขณะที่ Jenaanna.style ได้อ้างอิงตามสไตล์และความชอบของจีน่าล้วนๆ โดยเลือกมองว่าสวย เห็นแล้วอยากใส่ ใส่แล้วมีความสุข ใส่สบาย และราคาไม่แพง ดังนั้นจึงจับกลุ่มที่ชื่นชอบการแต่งตัวขอจีน่าและอยากจะใส่ตาม

 

 

‘โลจิสติกส์’ อีกหนึ่งเบื้องหลังความสำเร็จ 

นอกจากความแตกต่างของสินค้า เน้นเรื่องความสบายในการสวมใส่ และสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเอง จีน่าเผยว่า อีกหนึ่งเบื้องหลังความสำเร็จคือ ‘โลจิสติกส์’ ที่ “ถ้าเราไม่มี เราก็ไม่สามารถค้าขายได้”

 

ระบบการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ปลอดภัย และสามารถเพิ่มความสะดวกในการช้อปปิ้งออนไลน์ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจ E-Commerce ประสบความสำเร็จ

 

ซึ่งโลจิสติกส์ที่จีน่าเลือกคือ Ninja Van โดย “ก่อนจะเริ่มใช้บริการ เรายิงคำถามไปเยอะมาก ทั้งในแง่ของระบบ การจัดส่ง สุดท้ายเลือกเพราะการบริการโดยผู้ดูแลบัญชีที่ดี ขนส่งที่ตรงต่อเวลา ทำให้เรามั่นใจว่า Ninja Van นี่แหละที่ตอบโจทย์” 

 

สำหรับ Ninja Van เป็นผู้ให้บริการด้านการขนส่งชั้นนำ กำเนิดขึ้นในประเทศสิงคโปร์ และให้บริการโลจิสติกส์ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

โดย Ninja Van นั้นเป็นบริษัทขนส่งที่พัฒนาแพลตฟอร์มให้บริการด้านโลจิสติกส์ด้วยตัวเอง ให้บริการด้านการขนส่งผ่านทั้งแอปพลิเคชันบนมือถือและบนเว็บไซต์ Ninja Van Thailand  ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาช่วย จึงทำให้ขนส่ง Ninja Van จัดส่งพัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจ E-Commerce ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

ด้วยเหตุนี้เอง Ninja Van จึงเป็นบริษัทขนส่งเอกชนอันดับ 1 ด้วยลูกค้ามากกว่า 6 แสนราย พร้อมรองรับธุรกิจไม่ว่าจะเป็น E-Commerce ขนาดใหญ่, ผู้ประกอบการรายย่อย หรือผู้ค้าออนไลน์หน้าใหม่ในตลาด Ninja Van ก็พร้อมช่วยดูแลทุกการจัดส่งพัสดุให้ราบรื่นถึงมือผู้รับทุกชิ้น ทุกกล่องพัสดุจะได้รับการดูแลอย่างดีด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพิ่มศักยภาพให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและมั่นคง

 

วางแผนเพื่อเอาชนะความท้าทาย

แม้วันนี้จีน่าจะประสบความสำเร็จแล้ว แต่เธอก็ไม่ประมาท โดยมองว่าความท้าทายของธุรกิจยังมีอยู่หลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตของโรงงานไม่ตรงต่อเวลา ควบคุมไม่ได้ หรือต้นทุนที่ไม่แน่นอน 

 

ดังนั้น “เราจึงต้องวางแผนและคำนวณสินค้าล่วงหน้าไม่ให้ขาดสต๊อก” อีกอย่างเรามีคู่แข่งเยอะ จึงต้องหาความเป็นเรามากที่สุดที่ลูกค้าจะไว้ใจซื้อกับเรา”

 

ในปี 2565 นี้ จีน่าวางแผนที่จะทำการตลาดมากขึ้น หาแพลตฟอร์มที่เหมาะสมในการเก็บข้อมูลลูกค้า เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดีขึ้น และยังสามารถควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย

 

“เริ่มจากที่เราถนัดและชอบสิ่งนั้นจริงๆ ค่ะ จะทำให้เราทำงานอย่างมีคุณภาพ และอยู่กับมันได้นาน หากเกิดปัญหา เราก็จะมีวิธีแก้ปัญหาและรับมือกับมันได้” จีน่ากล่าวทิ้งท้าย

 

#Advertorial #Jennastyle #AnimalParty#ขนส่งเอกชน #ninjavan#นินจาแวน #บริการส่งพัสดุ #โลจิสติกส์

The post คุยกับ ‘จีน่า-อันนา มานัตนันท์’ ผู้ผันตัวมาเป็นแม่ค้าออนไลน์ กับการปั้นแบรนด์รองเท้าหนังแท้เพื่อสุขภาพ ‘Animal Party’ และแบรนด์เสื้อผ้า ‘Jenaanna.style’ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุปเทคนิคพิชิตเงินล้านฉบับแม่ค้าออนไลน์ จากงานสัมมนาออนไลน์ ‘Lazada Seller Opportunity Day 2021 – เปิดร้านปัง ยอดขายเปรี้ยง ไปกับลาซาด้า’ [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/lazada-seller-opportunity-day-2021/ Tue, 09 Nov 2021 03:00:27 +0000 https://thestandard.co/?p=555682 Lazada Seller Opportunity Day 2021

แคมเปญ Lazada 11.11 Our Biggest One-Day Sale ถูกสุดในรอ […]

The post สรุปเทคนิคพิชิตเงินล้านฉบับแม่ค้าออนไลน์ จากงานสัมมนาออนไลน์ ‘Lazada Seller Opportunity Day 2021 – เปิดร้านปัง ยอดขายเปรี้ยง ไปกับลาซาด้า’ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
Lazada Seller Opportunity Day 2021

แคมเปญ Lazada 11.11 Our Biggest One-Day Sale ถูกสุดในรอบปี วันนี้วันเดียว และแคมเปญเลขคู่ (Double-Digit) ส่งท้ายปีอย่าง 12.12 ใกล้เข้ามาทุกที ลาซาด้า (ประเทศไทย) ไม่เพียงแต่เตรียมความพิเศษจัดหนักเอาใจนักช้อป ลาซาด้ายังเตรียมเครื่องมือและโซลูชันดีๆ ให้กับผู้ขาย เพื่อสร้างยอดขายเปรี้ยงปังให้กับทุกร้านค้าไปกับลาซาด้า ด้วยการจัดงานสัมมนาออนไลน์เพื่อนักขายสุดยิ่งใหญ่แห่งปี ‘Lazada Seller Opportunity Day 2021 – เปิดร้านปัง ยอดขายเปรี้ยง ไปกับลาซาด้า’ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ทาง Facebook, YouTube, Laz Live และ Lazada University

 

งานสัมมนาครั้งนี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ขาย ตั้งแต่พฤติกรรมผู้บริโภคและเทรนด์อีคอมเมิร์ซ วิธีนำเครื่องมือและโซลูชันบนลาซาด้าไปช่วยเพิ่มยอดขาย หรือกลยุทธ์ในการกระตุ้นยอดขาย เพื่อให้ผู้ขายเตรียมความพร้อมก่อนใช้งานจริงในแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปีที่กำลังจะมาถึง โดยผู้เชี่ยวชาญ อาทิ ธนาวัฒน์ มาลาบุปผา นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (Thai E-Commerce Association) และเหล่าผู้บริหารจาก Lazada ได้แก่ วีระพงศ์ โก, มัณฑนา หล่อไกรเลิศ และ สุทธิดา รอดสวาสดิ์ พร้อมล้วงลึกประสบการณ์สร้างรายได้หลักล้านกับร้านค้าตัวท็อปของลาซาด้า

 

 

ก่อนงานสัมมนาจะเริ่มขึ้น เจมส์ ตง ประธานกรรมการบริหาร ลาซาด้า (ประเทศไทย) ได้พูดเป้าหมายหลักของแบรนด์และจุดประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่า “ลาซาด้า ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่ให้บริการผู้ใช้งานต่อเดือนมากกว่า 150 ล้านคนจากทั่วภูมิภาค ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ และที่สำคัญที่สุดคือ ทีมงานที่มีความสามารถของเรา เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ดิจิทัล งานสัมมนาที่เกิดขึ้นนี้ทีมลาซาด้า ไทยแลนด์ จะนำข้อมูลเชิงลึกของแคมเปญมาช่วยสร้างยอดขายระดับท็อปให้กับผู้ขาย เปิดโอกาสทางธุรกิจสู่ความสำเร็จบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอันดับ 1 ไปด้วยกัน”

 

อีคอมเมิร์ซไม่ใช่ทางเลือกแต่จะเป็นทางรอดของหลายธุรกิจ

 

ธนาวัฒน์ มาลาบุปผา นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (Thai E-Commerce Association) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Priceza นำข้อมูลเชิงลึกของพฤติกรรมการช้อปปิ้งของคนไทย ช่องทางทำตลาดในโลกยุคใหม่ และเทรนด์ธุรกิจออนไลน์ที่ต้องรู้ มาแบ่งปันเพื่อให้ผู้ขายเข้าใจผู้บริโภคมากขึ้นในห้วข้อ ‘เทรนด์ธุรกิจออนไลน์ที่ผู้ขายต้องรู้’

 

ประเด็นที่น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ขายทุกธุรกิจ ได้แก่ 

  • คนไทยใช้เวลาโดยเฉลี่ยบนอินเทอร์เน็ต 8.44 ชั่วโมงต่อวัน และสูงสุดเป็นอันดับ 9 ของโลก
  • ใช้ Mobile Internet มากถึง 5 ชั่วโมง 7 นาทีต่อวัน สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก
  • กว่า 92% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตพบว่า เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยตอบสนองความต้องการได้ 
  • มากถึง 42% อยากทำงานที่บ้านเป็นส่วนมากและเข้าออฟฟิศเป็นครั้งคราว มีเพียง 14% เท่านั้นที่อยากเข้าออฟฟิศทุกวัน

 

 

ธนาวัฒน์ยังบอกอีกว่า ช้อปปิ้งเป็นกิจกรรมที่คนไทยทำบนอินเทอร์เน็ตมากเป็นอันดัน 3 รองลงมาจากการใช้เพื่อความบันเทิงอันดับ 1 ส่วนโซเชียลและสื่อสารเป็นอันดับ 2 ใจความสำคัญอยู่ที่พฤติกรรมการช้อปปิ้งของคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นไปในรูปแบบของ ‘Omni-Channel Comparison Shopper’ นั่นคือ มากกว่า 9 ใน 10 คน จะหาข้อมูลและเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจซื้อ ไม่ว่าจะซื้อผ่านหน้าร้านหรือออนไลน์ และ 55% ของคนกลุ่มนี้จะใช้ช่องทางออนไลน์ในการหาข้อมูล 28% เช็กข้อมูลออนไลน์และหน้าร้าน และ 10% ไปดูหน้าร้านเท่านั้น มีเพียง 8% ที่ซื้อโดยไม่หาข้อมูลก่อน

 

ข้อมูลยังพบว่า ปี 2564 การช้อปปิ้งของคนไทยเติบโตขึ้น 5 เท่าตัว สินค้าต่างๆ ที่ขายบนโลกออนไลน์หลากหลายมาก เทียบการค้าของไทยก่อนโควิด-19 ปี 2015-2019 Offline Retail เติบโต 5% ซึ่งในมุมของการค้าปลีกถือว่าเติบโตสูงมาก แต่ Online Retail เติบโตสูงถึง 54% ต่อปี

 

ช่วงโควิด-19 ปี 2020 Offline Retail การเติบโตถดถอย -5% เนื่องจากพฤติกรรมคนไทยเปลี่ยนฝั่งไป Online Retail พบการเติบโตสูงถึง 81% คาดการณ์ปี 2021 การเติบโตอย่างต่ำเพิ่มขึ้น 21% มูลค่าขยับเป็น 356,000 ล้านบาท นี่คือโอกาสที่ผู้ขายออนไลน์ต้องรู้

 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาจับจ่ายผ่านออนไลน์ ธนาวัฒน์ชี้ให้เห็นว่าเกิดจาก 5 ปัจจัย ได้แก่ โควิด-19 เร่งให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรม, ดีลและโปรโมชัน, ช้อปได้ตลอดทุกวัน 24 ชั่วโมง, ประหยัดเวลา และสามารถเปรียบเทียบราคาง่าย

 

และ 6 ช่องทางหลักที่คนไทยนิยมช้อปปิ้งที่สุดในปี 2021 อันดับ 1 คือ ตลาดอีคอมเมิร์ซ มากถึง 32% รองลงมา 21% ช้อปผ่านโซเชียลมีเดีย และ 13% ใช้งานแอปพลิเคชันครบวงจรและบริการจัดส่งอาหาร และอีก 3 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ของแบรนด์สินค้าขนาดใหญ่, เว็บไซต์ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ และร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก มีสัดส่วนเท่ากันคือ 12%

 

“อีคอมเมิร์ซเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนเรียบร้อย และนี่เป็นโอกาสของผู้ขายในการทำตลาด และยุคนี้ไม่จำเป็นต้องเลือกช่องทางใดช่องทางหนึ่งเท่านั้น เพราะอีคอมเมิร์ซจะช่วยให้ผู้ค้าขนาดเล็กใช้หลากหลายช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและสร้างรายได้ไม่จำกัด” ธนาวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย

 

 

ลาซาด้า เตรียมโปรแกรมช่วยเหลือและสิทธิประโยชน์ช่วยให้ผู้ขาย ‘เปิดร้านปังและทำยอดขายเปรี้ยงไปกับลาซาด้า’

วีระพงศ์ โก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) เกริ่นถึงความสำเร็จของลาซาด้าในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่เติบโตและยังครองอันดับ 1 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีผู้ใช้งานสูงสุดในไทย จำนวนผู้ใช้งานเกือบ 50% ของประชากรไทย สร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 1.6 เท่า อย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ซื้อก็เติบโตเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า จากปี 2020 และจำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปและหันมาช้อปออนไลน์มากขึ้น

 

“ลาซาด้านเจาะตลาดผู้บริโภคในทุกกลุ่มอายุและภูมิภาค ส่งผลให้มีนักช้อปเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา 1.5 เท่า ผู้ชาย 51% และผู้หญิง 49% อายุ 19-39 ปี มากขึ้น 50% ของผู้ใช้งานทั้งหมด เป็นนักช้อปที่มีกำลังซื้อสูงและจับจ่ายใช้สอยบ่อย และกลุ่มคนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลยังครองตำแหน่งโซนนักช้อป”

 

วีระพงศ์ชี้ให้เห็นถึงสถิติที่น่าสนใจช่วงแคมเปญ 9.9 ที่ผ่านมา พบว่า มีนักช้อปหน้าใหม่เข้ามาในลาซาด้ามากถึง 200% ชี้ให้เห็นแนวโน้มการเติบโตในลาซาด้าที่ไม่ได้เติบโตแค่กับนักช้อปกลุ่มเดิมๆ แต่ยังขยายไปยังกลุ่มนักช้อปใหม่ๆ อีกทั้งผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลต่อเทรนด์การซื้อสินค้าตั้งเดือนธันวาคม 2563 จนถึงกันยายน 2564 โดยสินค้าอุปโภคบริโภคมีการเติบโตสูงสุด 287% ตามมาด้วยสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน 192% และรองลงมาคือสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพที่มีการเติบโต 160% เติบโตเพิ่มขึ้น 12 เท่า

 

ข้อมูลดังกล่าวนอกจากจะทำให้ผู้ขายได้มองเห็นเทรนด์ของผู้บริโภคแล้ว ทางลาซาด้าเองก็เตรียมโปรแกรมช่วยเหลือมากมายให้กับผู้ขายเพื่อเกาะกระแสเทรนด์นี้ไปพร้อมกับการกระตุ้นยอดขายในเมกะแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง ได้แก่ 

  • ลาซาด้าโบนัส (Lazada Bonus) ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ลูกค้าประหยัดเงินมากยิ่งขึ้นเมื่อช้อปบนแพลตฟอร์มลาซาด้า โดยลาซาด้าสนับสนุนร้านค้าที่เข้าร่วมโปรแกรมนี้ในการมอบส่วนลดแก่นักช้อปสูงถึง 50% โดยในช่วงแคมเปญ 9.9 ที่ผ่านมา มียอดการใช้ลาซาด้าโบนัสสูงถึง 150 ล้านบาท ภายในเวลา 1 วัน หรือคิดเป็นจำนวนผู้ใช้งานกว่า 11 ล้านคน 
  • โปรแกรมจัดส่งฟรีพิเศษ (Free Shipping Max) หลังจากเริ่มโปรแกรมนี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ผู้ขายที่เข้าร่วมโปรแกรมทำยอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 40% ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษของโปรแกรมนี้ที่มอบส่วนลดค่าขนส่งให้กับลูกค้า
  • โปรแกรมช้อป 9 บาททุกวัน (Shop 9 THB Everyday) ดีลสุดพิเศษที่นำเสนอสินค้าราคาดีเพื่อดึงดูดกลุ่มนักช้อปผู้แสวงหาสินค้าราคาย่อมเยา และยังเป็นอีกช่องทางที่ช่วยโปรโมตสินค้าให้แก่ร้านค้าใหม่ โดยร้านค้าที่เข้าร่วมโปรแกรมนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาสามารถสร้างการเติบโตได้เฉลี่ยเกือบ 6 เท่า
  • เงินคืนทุกวัน (Daily Cashback) โปรแกรมล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว ซึ่งช่วยเพิ่มการกลับมาซื้อซ้ำของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

 

 

นอกจากโปรแกรมช่วยเหลือยังเตรียมสิทธิประโยชน์เพื่อสนับสนุนร้านค้าใหม่ให้คว้าโอกาสสร้างยอดขายเปรี้ยง ได้แก่ 

  • บริการที่ปรึกษาส่วนตัว แนะนำขั้นตอนต่างๆ ให้เริ่มต้นเปิดร้านได้อย่างรวดเร็ว
  • บัดดี้ร้านค้า โปรแกรมจับคู่ผู้ขายที่มีประสบการณ์กับผู้ขายหน้าใหม่เพื่อให้คำแนะนำซึ่งกันและกัน
  • Laz Expert กูรูจากโปรแกรม Lazada University ที่จะมาสอนเคล็ดลับเด็ดๆ ในการขาย
  • แคมเปญพิเศษสำหรับผู้ขายใหม่เพื่อเพิ่มยอดการมองเห็น
  • ฟรี! ค่าธรรมเนียมการขาย 0% เป็นระยะเวลา 1 เดือน
  • ฟรี! ค่าธรรมเนียมในการเข้าร่วมโปรแกรม Free Shipping Max เป็นเวลา 1 เดือน
  • ฟรี! ค่าธรรมเนียมในการเข้าร่วมโปรแกรม Daily Cash Back เป็นเวลา 1 เดือน
  • คูปองพิเศษที่จะช่วยเพิ่มยอดขาย

 

 

เปิดแผนการตลาดสุดปัง พิชิตใจนักช้อปไทย


เมื่อมีเครื่องมือและสิทธิพิเศษสำหรับการเปิดร้านสร้างยอดขายเปรี้ยงแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือแผนการตลาดสุดปัง มัณฑนา หล่อไกรเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) บอกว่า ก่อนวางแผนการตลาด นักขายต้องให้รู้จัก ‘นักช้อป’ ทั้ง 4 ประเภทของลาซาด้าก่อน ได้แก่

  • นักช้อปผู้นำเทรนด์ เป็นกลุ่มใหญ่ของลาซาด้า จากสถิติของนักช้อปกลุ่มนี้จะเป็นผู้หญิง อายุ 18-24 ปี คนกลุ่มนี้จะช้อปเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ ค้นหาของใหม่ๆ ซื้อแล้วชอบแชร์สิ่งที่ชอบ
  • นักช้อปช่างแสวงหา กลุ่มนี้จะชอบค้นหาสินค้าแปลกใหม่แต่จะต่างตรงที่กลุ่มนี้จะหาข้อมูลสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ สินค้าที่คนกลุ่มนี้สนใจคือสินค้าที่มีรีวิว มีข้อมูลชัดเจนจากร้านค้า ส่วนมากเป็นผู้หญิงอายุ 18-34 ปี
  • นักช้อปผู้มีเป้าหมาย ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายอายุ 35 ปีขึ้นไป ที่มีเป้าหมายในการซื้อชัดเจนว่าต้องการซื้อสินค้าอะไรและแบรนด์อะไร จึงคาดหวังเกี่ยวกับสินค้าและประสบการณ์ที่จะได้รับจากการช้อปปิ้ง 
  • นักช้อปอินดี้ พบว่ากลุ่มนี้เริ่มต้นเข้ามาแบบไม่มีเป้าหมายชัดเจนแต่ถ้าเห็นของที่ถูกใจจะสนใจและถ้าโดนใจมากขึ้นก็ช้อปทันที มักจะเป็นผู้ชายอายุ 18-24 ปี

 

สิ่งต่อมาที่ต้องสนใจคือการเลือกสื่อที่มีผลต่อการช้อป พบว่า สื่อโฆษณาออนไลน์มีผลต่อการซื้อมากถึง 52% รองลงมาคือออนไลน์อินฟลูเอนเซอร์ 30% โฆษณาทางโทรทัศน์และวิทยุ 24% สุดท้ายคือดาราเซเลบริตี้มีเพียง 10% เท่านั้น ข้อมูลตรงนี้จะเป็นประโยชน์แก่นักขายที่ต้องการมองหาช่องทางทำตลาดเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด และลาซาด้าเองก็นำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการเลือกทำการตลาดที่สื่อสารกับผู้บริโภค โดยปัจจุบันลาซาด้าเน้นไปที่สื่อโฆษณาทีวีและสื่อนอกบ้าน รองลงมาคือการโปรโมตผ่านสื่อออนไลน์ ตามมาด้วยการใช้อินฟลูเอนเซอร์และดารา แต่ก็ไม่ลืมที่ต้องไลฟ์สตรีมและอีเวนต์ รวมถึงการประชาสัมพันธ์

 

“นักช้อปใช้โซเชียลมีเดียค้นหาข้อมูลของสินค้าที่สนใจมากถึง 41% และ 36% ใช้เพื่อดูรีวิวสินค้า แปลว่าช่องทางโซเชียลมีเดียสำคัญมาก เราจึงมีโซเชียลครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เช่น Facebook มีผู้ใช้ 6 ล้านคน, LINE มีผู้ใช้ 22 ล้านคน, TikTok มีผู้ใช้ 2 ล้านคน, Twitter มีผู้ใช้ 8 หมื่น และ Instagram มีผู้ใช้ 4 แสนคน ในขณะเดียวกันการตลาดยุคนี้คือการพาร์ตเนอร์กับสื่ออื่นๆ เราก็ทำพาร์ตเนอร์บนโซเชียลกว่า 200 อินฟลูเอนเซอร์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายได้อย่างครบถ้วน”

 

ความถี่ในการซื้อสินค้าที่ลาซาด้า จำนวน 30% ซื้อเดือนละครั้ง และ 44% ซื้อสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ลาซาด้าจึงเสริมด้วยแคมเปญระดับ MEGA ตลอดทั้งปี รวมถึงแคมเปญส่งเสริมกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องทุกเดือน จะเห็นว่าลาซาด้ามีแผนการตลาดและแคมเปญที่จะสื่อสารกับนักช้อปตลอด 365 วันทั้งปีไม่มีหยุด

 

“อีกเทรนด์ที่ไม่ควรมองข้ามคือ นักช้อปเดี๋ยวนี้มองหาความคุ้มค่ามากกว่าแค่ราคา ไม่ว่าจะเป็นคูปอง โปรโมชัน ส่วนลด ที่จะทำให้เขาได้ของในราคาที่คุ้มค่า ลาซาด้าเราเป็นหนึ่งในด้านความคุ้มค่าทางราคาอย่างเห็นได้ชัด อย่างโปรโมชันช้อป 9 บาท ทุกวันที่ลาซาด้า หรือจะเป็นส่งฟรีทั่วไทยโดยเฉพาะลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัดมาช่วยนักช้อปได้อย่างมาก หรือส่วนลด 6 ต่อ และสุดท้าย Lazada Bonus”

 

มัณฑนายังบอกด้วยว่า 53% นักช้อปวางแผนไว้แล้วว่าจะเข้ามาซื้ออะไร แต่ 47% เป็นนักช้อปที่เข้ามาในลาซาด้าโดยไม่ได้วางแผนแต่เห็นของที่ถูกใจจึงตัดสินใจซื้อ กลุ่มนี้เองที่ลาซาด้ามองว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องป้อนสินค้าที่คิดว่าจะโดนใจเพื่อกระตุ้นการซื้อในแคมเปญต่างๆ ผ่าน Live โดยร้านค้าสามารถเข้าร่วมได้ นอกจากนั้นยังมีการทำคลิปรีวิวสินค้า

 

 

รวมเทคนิคพิชิต 11.11 และ 12.12


สุทธิดา รอดสวาสดิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาการเติบโตผู้ใช้งานลาซาด้า (ประเทศไทย) ยืนยันว่า แคมเปญ 11.11 และ 12.12 สร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ทุกปี ทั้งด้านยอดขาย ยอดผู้ซื้อ และรายได้ของร้านค้า โตขึ้น 2 เท่าในทุกด้าน หากดูจากพฤติกรรมของผู้ซื้อในช่วงแคมเปญ 30% ของผู้ใช้งาน กดดูหน้าแคมเปญโดยเฉพาะ และ 40% ของผู้ใช้งานซื้อผ่านการค้นหาและ Filter ดูเฉพาะดีลที่เกี่ยวกับแคมเปญ ชี้ชัดว่าช่วงแคมเปญลูกค้าจะสนใจเฉพาะสินค้าที่ร่วมแคมเปญเท่านั้น

 

ดังนั้นผู้ขายหน้าใหม่หรือผู้ขายที่ยังไม่เคยเข้าร่วมแคมเปญเริ่มต้นได้จาก 3 ขั้นตอนที่จะช่วยให้พิชิตยอดขายสร้างรายได้เปรี้ยง คือ

  1. กดเข้าร่วมแคมเปญ 11.11 และทำโปรโมชันลาซาด้าโบนัส โดยสินค้าแคมเปญจะมีผู้เข้าชมสูงขึ้น 2 เท่า ยอดออร์เดอร์เพิ่มขึ้น 3 เท่า และจำนวนชิ้นขายสูงขึ้น 3 เท่า และกว่า 80% ของผู้ใช้งานมีการเก็บลาซาด้าโบนัส และระบบลาซาด้าจะดึงเฉพาะสินค้าที่เข้าร่วมแคมเปญมาแสดงผลในหน้าต่างๆ อีกสิ่งสำคัญคือ คูปองส่วนลดจะใช้กับสินค้าที่เข้าร่วมแคมเปญผ่านระบบเท่านั้น
  2. การใช้กลไกโปรโมชันต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย ได้แก่ โปรโมชันส่งฟรี ร้านค้าที่มีโปรค่าส่งจะเพิ่มยอดขายได้มากกว่าร้านที่ไม่มีโปรส่งฟรีถึง 20% และกว่า 60% ของร้านค้าในลาซาด้าทำโปรส่งฟรีอยู่แล้ว อีกส่วนคือ คูปองร้านค้า และ Daily Cashback รับเครดิตเงินคืน 10% สำหรับการสั่งซื้อครั้งต่อไป และสุดท้าย Flexi Combo ข้อเสนอพิเศษยิ่งซื้อยิ่งลด หรือแจกของรางวัล เป็นการคืนกำไรให้ลูกค้า 
  3. การเข้าถึงเครื่องมืออื่นๆ เพื่อสร้างยอดเข้าชม ได้แก่
    • เครื่องมือจาก Lazada เช่น Seller Picks แสดงอันดับที่สูงขึ้นในการค้นหา, Laz Live ขายสินค้าผ่านไลฟ์, Laz Coins เพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่กับเหรียญลาซาด้า, Laz Feed โพสต์ประจำวัน เพิ่มการมองเห็นและจำนวนผู้ติดตาม และช่องทางการแชทและติดต่อลูกค้า 
    • โปรแกรมของ Lazada ที่สามารถเข้าร่วมได้ เช่น Sponsored Affiliate โปรโมตผ่านพาร์ตเนอร์ลาซาด้า, Sponsored Display สร้างการมองเห็นของร้านค้าบนแอปฯ ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และลาซาด้า x เฟซบุ๊ค CPAS แสดงสินค้าตามประวัติการใช้งานบนแอปฯ 
    • ช่องทางการสื่อสารของคุณ ให้กลุ่มลูกค้าเข้าร่วมแคมเปญ 11.11

 

 

ภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซในอนาคตและกลยุทธ์บทใหม่ของลาซาด้า

ไฮไลต์สำคัญของงานสัมมนาครั้งนี้ เป็นการพูดคุยกับผู้บริหารของลาซาด้า โดยมี สุทธิชัย หยุ่น มาร่วมตั้งประเด็นคำถาม โดยเริ่มที่เรื่องของการปรับตัวช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 วีระพงศ์เผยว่า ลาซาด้ามองเป็นช่วงที่ท้าทายและพบว่ามีจำนวนคนใช้งานเพิ่มขึ้น ทำให้ลาซาด้าเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุกเดือน 

 

มัณฑนาเสริมว่า โควิด-19 จะทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน เมื่อผู้บริโภคได้สัมผัสถึงความคุ้มค่าด้านราคา ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย อ้างอิงผลวิจัยจาก Wunderman 2021 Thailand ช่วงปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคใช้จ่ายออนไลน์สูงขึ้น 62% และ 92% ของคนไทยก็ยังยืนยันจะช้อปออนไลน์ต่อไปแม้โควิด-19 จะหมดไป 

 

ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซ สุทธิดาบอกว่า สิ่งที่ทำให้ลาซาด้าโดดเด่นกว่าคู่แข่งคือ การช่วยเหลือผู้ประกอบการ ทั้งแพ็กเกจสนับสนุนร้านค้าที่เปิดใหม่ หรือนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อช่วยผู้ซื้อและผู้ขาย การมี Personalization ทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ช้อปตรงใจที่สุด และร้านค้าเองก็ได้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อจะทราบว่าเทรนด์ที่กำลังมาคืออะไร ลูกค้าตอนนี้กำลังมองหาอะไรมากที่สุด

 

เมื่อถามถึงการเตรียมความพร้อมและสูตรสำเร็จของแคมเปญ 11.11 มัณฑนาเล่าถึงความพิเศษของแคมเปญนี่จะลดหนักที่สุดแห่งปี มีส่วนลด คูปอง และโปรโมชันมากมาย รวมถึงอีเวนต์เพิ่มความสนุกสนาน เพราะการช้อปปิ้งคือประสบการณ์ระหว่างทาง ในขณะที่วีระพงศ์เผยกลยุทธ์ของ 11.11 ในปีนี้ หากดูจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปยิ่งต้องหาเครื่องมือใหม่หรือเทคนิคใหม่ๆ เพื่อป้อนประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่า ยุคนี้ขาดไม่ได้คือการ Engaged กับลูกค้า ทำอย่างไรให้การเข้ามาลาซาด้าแล้วเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้ามากยิ่งขึ้น หรือการมีลาซาด้าโบนัส ที่เพิ่มเข้ามาในปีนี้ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่ง

 

“เราอยากให้คนจดจำว่า ลาซาด้าคือแพลตฟอร์มที่มีทุกสิ่งที่ใจค้นหา นี่เป็นความรับผิดชอบของเราที่จะดึงดูดผู้ขายที่มีสินค้าที่ตอบโจทย์ และสร้างความมั่นใจว่าเรามีกฎในการคัดกรองผู้ขาย รวมถึงนโยบายที่จะช่วยปกป้องผู้ซื้อด้วย และยังต้องเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบสนองความต้องการของทุกกลุ่ม ทุกวัย ในอนาคตยังต้องสร้าง Ecosystem E-Commerce ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่มีร้านค้าบนแพลตฟอร์ม แต่ยังมีเรื่องของโลจิสติกส์ และสร้างการช้อปปิ้งให้เป็น Shoppertainment เพิ่มสื่อสารผ่านการไลฟ์สตรีมมิงหรือทำกิจกรรมเข้าไป สิ่งเหล่านี้จะทำให้ Ecosystem ของลาซาด้าแข็งแรงขึ้น” 

 

 

แชร์ประสบการณ์จาก Top Seller ร้านค้าที่สร้างรายได้หลักล้านบาทต่อเดือนบนลาซาด้า

ปู-นริศรา เจ้าของร้าน ป.ปลา อาหารตากแห้งแปรรูป ผู้ขายหน้าใหม่ที่สร้างรายได้เดือนละ 8 แสนกว่าบาท

“เริ่มเข้ามาในลาซาด้าได้ประมาณ 4 เดือน ก็ทำยอดขายได้เดือนละประมาณ 8 แสนกว่าบาท ดีเกินความคาดหมาย น่าจะเป็นเพราะอยู่ถูกที่ ถูกเวลา ประกอบกับร้านเราขายแต่สินค้าที่มีคุณภาพ จึงเกิดการซื้อซ้ำทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้น จริงๆ ทางลาซาด้าเองก็ช่วยทุกอย่างตั้งแต่การตั้งร้าน การตลาด ปรึกษาได้ทุกเรื่อง ให้คำแนะนำตลอดการขาย ทำให้เรามียอดขายเพิ่มขึ้น ที่สำคัญคือ ตั้งแต่มาเป็นผู้ขายที่ลาซาด้า ปูเข้าร่วมทุกแคมเปญ เพราะเราเป็นร้านค้าใหม่ ต้องทำให้คนเห็นเยอะที่สุด ซึ่งมันก็เห็นผลจริงๆ แคมเปญที่ผ่านมาทั้ง 9.9 และ 10.10 ยอดขายพุ่งอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ”

 

เมย์ เจ้าของร้าน Happi Cup ถ้วยอนามัยแฮปปี้ อุปกรณ์ที่ใช้แทนผ้าอนามัย สินค้าแนวใหม่ที่ดูเหมือนจะทำการตลาดยาก

“ถ้วยอนามัยเป็นสินค้าที่ใหม่มากในประเทศไทย จึงเจอคำถามที่หลากหลายมาก แต่เราก็เตรียมข้อมูลเอาไว้ เพราะเราทำรีเสิร์ชเยอะมากๆ ก่อนที่จะผลิตโปรดักส์แล้วก็เทสกับผู้ใช้งานจริง ค่อยๆ เพิ่มความมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญยุคนี้เครื่องมือต่างๆ มันพร้อมมากๆ เราสามารถแปะคลิปวิธีใช้งานบนหน้าร้านของเราในลาซาด้าได้เลย เมย์ว่าฟีเจอร์หลายๆ อย่างของลาซาด้าช่วยให้การทำธุรกิจง่ายขึ้น โดยเฉพาะระบบหลังบ้าน การจัดส่ง หรือเรื่องสต๊อก ก็ช่วยเราได้มาก เวลามีลูกค้าสั่งจะตัดสต๊อกอัตโนมัติ เราแค่พรินต์มาแปะนัดวันให้ลาซาด้ามารับของ และสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับเรามากๆ คือ ลาซาด้าเป็นแหล่งรวมผู้ซื้ออยู่แล้ว การที่เราจะเข้าถึงผู้ที่สนใจก็ทำได้ง่ายกว่าเราไปหาลูกค้าเอง”

 

จิน-อิงค์ เจ้าของแบรนด์ Lookbook Signature แบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์ที่บุกตลาดโซเชียลเองตั้งแต่ยุคเริ่มแรกและเพิ่งเข้ามาร่วมจอยกับลาซาด้าได้ 3 ปี

“แม้เราจะมีแพลตฟอร์มของตัวเองแต่ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เข้าร่วมกับลาซาด้า เพราะเป็นช่องทางที่ซัพพอร์ตทั้งผู้ซื้อและผู้ขายให้ช้อปปิ้งได้ง่ายขึ้น ตั้งแต่เข้ามาร่วม ยอดขายก็เติบโตอย่างเห็นได้ชัด จุดเด่นที่เราชอบมากๆ และเป็นประโยชน์กับทุกธุรกิจคือ ลาซาด้ามีข้อมูลหลังบ้านที่หยิบมาใช้ได้ทันที เช่น ไอเท็มไหนคนดูเยอะ หรือคนกำลังมองหาอะไร รวมถึงแคมเปญต่างๆ เราเชื่อมั่นว่าลาซาด้าทำให้เราสร้างยอดขายได้ถล่มทลายจริงๆ”

 

นอกเหนือจากความรู้ที่เราสรุปมาให้ข้างต้น ยังมี Breakout Session เจาะลึกไปกับกูรูชั้นนำในหัวข้อต่างๆ อาทิ ‘เริ่มต้นขายให้ปัง เป็นร้านดังบน Lazada’ โดย โซอี้ Digital Shortcut และ Laz Expert คนแรกของไทย, ‘เคล็ดลับปังสู่ยอดขาย 6 หลักจากนักขาย Lazada ตัวจริง’ โดย เจตน์ โสภิตวิริยาภรณ์ Laz Star รุ่นที่ 2 เจ้าของร้าน PerfectMart และเจ้าของเพจ Jade เลือดสาดมาร์เก็ตติ้ง, ‘บูม บูม บูม กลยุทธ์ระเบิดยอดขายสูงสุดใน 11.11 และ 12.12’ โดย พิจิตรา ผู้ก่อตั้ง Promai Business School และเจ้าของแบรนด์ SONAR เจ้าของร้าน SONAR และอีก 6 ร้านค้าบน Lazada และช่วง ‘Lazada Clinic’ ตอบทุกปัญหาคาใจผู้ขาย โดยทีมงาน Lazada ตัวจริง

 

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้นักขายทุกคนได้เรียนรู้และเติบโตในธุรกิจ E-Commerce บนลาซาด้าไปด้วยกัน

 

สำหรับผู้ขายรายใหม่ที่ต้องการเปิดร้านปัง ยอดขายเปรี้ยง ไปกับ Lazada สามารถสมัครเป็นผู้ขายกับลาซาด้าได้เลยที่ลิงก์นี้ https://bit.ly/lzdopportunityday

 

และเรียนรู้ตำราแม่ค้าออนไลน์เงินล้านย้อนหลังได้ที่ https://youtu.be/nTx1nZsIh-k  

The post สรุปเทคนิคพิชิตเงินล้านฉบับแม่ค้าออนไลน์ จากงานสัมมนาออนไลน์ ‘Lazada Seller Opportunity Day 2021 – เปิดร้านปัง ยอดขายเปรี้ยง ไปกับลาซาด้า’ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘แรบบิท แคช’ รุกดิจิทัลเลนดิ้ง ปล่อยกู้แม่ค้าออนไลน์ เคาะดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน อนุมัติไวใน 10 นาที ตั้งเป้ายอดสินเชื่อปีแรก 2-3 พันล้านบาท https://thestandard.co/rabbit-cash-entering-the-digital-lending/ Wed, 27 Oct 2021 09:33:24 +0000 https://thestandard.co/?p=552941 Rabbit Cash

บริษัท แรบบิท แคช จำกัด เร่งพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเลนดิ้ […]

The post ‘แรบบิท แคช’ รุกดิจิทัลเลนดิ้ง ปล่อยกู้แม่ค้าออนไลน์ เคาะดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน อนุมัติไวใน 10 นาที ตั้งเป้ายอดสินเชื่อปีแรก 2-3 พันล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
Rabbit Cash

บริษัท แรบบิท แคช จำกัด เร่งพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเลนดิ้ง ปล่อยกู้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ เสริมสวัสดิการให้ลูกค้ามนุษย์เงินเดือน ผนึกพันธมิตรทั้งบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) ดึงฐานข้อมูลมาวิเคราะห์สินเชื่อ ภายใต้กระบวนการพิจารณาสินเชื่อของบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน อนุมัติไวใน 10 นาทีบนแอปพลิเคชันในมือถือ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อปีแรก 2-3 พันล้านบาท และเพิ่มเป็น 5 พันล้านบาทในปี 2566 

 

รัชนี แสนศิลป์ชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แรบบิท แคช จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันวิถีชีวิตคนไทยเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลไลฟ์อย่างรวดเร็ว เห็นได้จากสถิติการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 69% ของประชากร การช้อปปิ้งออนไลน์เป็นอันดับ 4 ของโลก 

 

ขณะเดียวกันยังพบว่าคนไทยมีการใช้โมบายแบงกิ้งมากที่สุดในโลก จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาจำนวนบัญชีเงินฝากที่ผูกกับโมบายแบงกิ้งกว่า 76 ล้านบัญชี มียอดธุรกรรมกว่า 1.4 หมื่นล้านรายการต่อเดือน ค่าเฉลี่ยใช้โมบายแบงกิ้งอย่างน้อยเดือนละ 19 ครั้ง สะท้อนว่าประเทศไทยไม่สามารถปฏิเสธธุรกรรมทางการเงินบนดิจิทัลได้แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าประเทศไทยยังมีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP สูงถึง 89% หากมองลึกเข้าไปเราพบว่าเป็นหนี้นอกระบบ 5% ซึ่งหนี้นอกระบบที่ยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนว่าพัฒนาการที่เกิดขึ้นในโลกการเงินยังไม่สอดคล้องวิถีชีวิตคนไทย 

 

บริษัทจึงได้เปิดตัว ‘แรบบิท แคช (Rabbit Cash)’ สินเชื่อดิจิทัลแนวคิดใหม่ ที่ใช้ Digital Footprint ในการพิจารณาให้สินเชื่อ โดยได้ร่วมกับบริษัทพันธมิตรประกอบด้วย บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) ในการนำข้อมูลทางเลือก (Alternative Data) จากทั้งแรบบิทซึ่งเป็นบริษัทในเครือบีทีเอส และจากบริษัทพันธมิตรมาใช้ในการวิเคราะห์สินเชื่อ โดยมีบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ถือหุ้นและพันธมิตรให้การสนับสนุนความรู้ กระบวนการพิจารณาสินเชื่อ และต้นทุนการเงินในระดับต่ำ ทำให้เราสามารถอนุมัติสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล 100% ตั้งแต่ต้นจนจบ

 

“วันนี้สังคมไทยเปลี่ยนไป เด็กจบใหม่ไม่อยากมาทำงานบริษัท อาชีพอิสระจะมากขึ้น ทั้งบล็อกเกอร์ หรือผู้ค้าออนไลน์ เราก็ต้องทำผลิตภัณฑ์ให้รองรับกลุ่มคนที่ไม่มีสลิปเงินเดือน ซึ่งที่ผ่านมาการกู้เงินจากธนาคารมีความยุ่งยาก หากไม่มีสลิปเงินเดือนก็ต้องมีสเตทเมนท์ หรือต้องเคยมีเครดิตมาก่อน แต่แรบบิทมีฐานข้อมูลลูกค้าจำนวนมากที่สามารถนำมาใช้วิเคราะห์และเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้ลูกค้าได้ เพราะบีทีเอสกรุ๊ปได้ให้บริการลูกค้าหลายแง่มุม และยังมีข้อมูลจากพันธมิตรที่จะนำมาใช้ และช่วยให้ลูกค้าและพนักงานของพันธมิตรได้มีเครื่องมือทางการเงินในการจัดการกระแสเงินสดของตัวเองได้เหมาะสมมากขึ้น ตอบโจทย์บริษัทที่จะให้ความสำคัญกับการให้บริการทางการเงินที่เข้าถึงง่าย รวดเร็ว และเท่าเทียม”

 

ทั้งนี้ วงเงินสินเชื่อที่ลูกค้าจะได้รับจะเป็นไปตามระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยลูกค้าที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาท จะได้รับวงเงิน 5 เท่าของรายได้ หากรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท จะได้รับวงเงินไม่เกิน 1.5 เท่าของรายได้ อัตราดอกเบี้ยในเบื้องต้นจะอยู่ที่ 1.25% ต่อเดือน    

 

อย่างไรก็ตาม จากการที่บริษัทได้เริ่มทดลองให้สินเชื่อแรบบิท แคช กับฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่มในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พบว่าได้รับการตอบรับที่ดีและสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยบริษัทคาดว่าหลังจากได้รับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจสินเชื่อจาก ธปท. จะเปิดให้บริการสินเชื่ออย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ทั้งสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย หรือสินเชื่อนาโน, สินเชื่อสวัสดิการ, สินเชื่อ Payday Loan, สินเชื่อผ่อนชำระ Buy Now Pay Later ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าจะเห็นยอดสินเชื่อในปี 2565 ประมาณ 2-3 พันล้านบาท และในปี 2566 จะปล่อยสินเชื่อได้ถึง 5 พันล้านบาท

 

รัชนีกล่าวว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้มีเงินเดือนผ่านบริษัทฮิวแมนิก้า และพนักงานของเคอรี่  ส่วนกลุ่มผู้ไม่มีเงินเดือน เช่น ลูกค้าของเคอรี่ที่มียอดขายสินค้าออนไลน์ แต่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ได้ แต่ข้อมูลที่มีอยู่กับเคอรี่เป็นฐานข้อมูลที่ทำให้ลูกค้าสามารถเข้ามาสมัครขอสินเชื่อผ่านทางแอปพลิเคชันได้เอง ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาทีในการรับเงินสินเชื่อ เปรียบเสมือนการกดเงินผ่านโมบายแบงกิ้งที่ลูกค้าสามารถบริหารจัดการเงินเข้า-ออกได้เอง เนื่องจากวงเงินที่ได้จะเป็นวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนที่เบิกใช้ได้ตามความต้องการ หากไม่กดใช้ก็ไม่เสียดอกเบี้ย

 

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของความกังวลในการนำข้อมูลลูกค้ามาใช้นั้น จะเป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) โดยจะต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้า ขณะเดียวกัน กระบวนการทั้งหมดผ่านดิจิทัลอย่างแท้จริง มีความเชื่อถือได้และปลอดภัยสูงสุด

 

วราวุธ นาถประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันเคอรี่มีลูกค้ากว่า 10 ล้านราย ซึ่งเราพบว่าลูกค้าเราต้องการใช้สินเชื่อ แต่การเป็นผู้ค้าออนไลน์ ไม่ได้มีรายได้ประจำ จึงเข้าถึงสินเชื่อได้ยาก ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาบริษัทจึงได้ลองนำโปรแกรมสินเชื่อพิเศษให้กับลูกค้า ด้วยวงเงินสินเชื่อสูงสุด 1 แสนบาท อัตราดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือนผ่านแอปพลิเคชันของเคอรี่ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากสมาชิกเข้ามามาก โดยในไตรมาสแรกปีหน้า บริษัทจะนำสินเชื่อสวัสดิการจากแรบบิท แคช มาให้พนักงานประจำและผู้ส่งสินค้าของเคอรี่ได้ใช้ในการบริหารจัดการบุคลากรด้วย เช่น พนักงานที่มีผลงานที่ดีก็จะได้รับวงเงินสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ เป็นต้น

 

สุนทร เด่นธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์หลังโควิดทำให้เราเห็นกระแสการลาออกเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกว่า 25% ทั่วโลก สาเหตุการลาออกหนึ่งคือเรื่องของผลประโยชน์และสวัสดิการ และจากประสบการณ์การทำงานบริหารทรัพยากรบุคคล เราพบว่าปัญหาหนึ่งที่ทำให้พนักงานไม่มีความสุขคือเรื่องของการมีหนี้เงินกู้อัตราดอกเบี้ยสูง และไม่สามารถบริหารจัดการได้ จนบางรายถึงขั้นโดนบังคับคดี ความร่วมมือกับแรบบิท แคช เพื่อนำเสนอสินเชื่อสวัสดิการ หรือ Welfare Loan ให้บริษัทที่เป็นลูกค้าของฮิวแมนิก้า ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post ‘แรบบิท แคช’ รุกดิจิทัลเลนดิ้ง ปล่อยกู้แม่ค้าออนไลน์ เคาะดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน อนุมัติไวใน 10 นาที ตั้งเป้ายอดสินเชื่อปีแรก 2-3 พันล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดตำราแม่ค้าออนไลน์ ปั้นยอดขายปัง ลูกค้าพุ่งไม่หยุด กับ ลาซาด้า (ฉบับไม่กั๊ก) [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/lazada-seller-opportunity-day/ Mon, 25 Oct 2021 03:00:40 +0000 https://thestandard.co/?p=550804 Lazada

โอกาสทองสำหรับนักขายยุคใหม่ ไม่ต้องมีหน้าร้านก็ปั้นเงิน […]

The post เปิดตำราแม่ค้าออนไลน์ ปั้นยอดขายปัง ลูกค้าพุ่งไม่หยุด กับ ลาซาด้า (ฉบับไม่กั๊ก) [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
Lazada

โอกาสทองสำหรับนักขายยุคใหม่ ไม่ต้องมีหน้าร้านก็ปั้นเงินหลักแสนหลักล้านได้ กับตำราพิชิตการขายแนวใหม่ที่ลาซาด้าจัดให้แบบไม่กั๊ก! ใน Lazada Seller Opportunity Day เปิดร้านปังยอดขายเปรี้ยงกับลาซาด้า เอาไปปรับใช้ได้จริง รวยจริง ไม่แกง

 

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://fb.me/e/1nLW8yrCU

 

#Lazadaselleropportunityday #Lazadahappyselling

 

Lazada

 

ติดอาวุธ จุดความปัง

 

ความสำเร็จในการขายออนไลน์ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยเสมอไป ทว่าพ่อค้าแม่ขายต้องมีกลยุทธ์การขายเอาไว้พิชิตใจลูกค้าและทำให้กดสั่งซื้อสินค้าได้ในที่สุด ซึ่งอาวุธสำคัญที่จะทำให้ยอดขายเติบโตต้องแลกมาด้วยเวลา ที่จะทำให้เราได้เก็บเกี่ยวไม้ตายเหล่านี้

 

1. ก้าวแรกต้องพุ่ง

การจะเป็นร้านดัง ขายอะไรก็ปังปุริเย่ จุดเริ่มต้นคือสิ่งสำคัญ ชวนฟังกลเม็ดเคล็ดลับเริ่มต้นขายให้ปังเป็นร้านดังบนลาซาด้า โดยคุณโซอี้ Digital Shortcut และ Laz Expert คนแรกของเมืองไทย ที่จะเผยวิทยายุทธ์ตั้งแต่เริ่มต้นขาย ไปจนถึงเทคนิคการลงสินค้าและการทำคอนเทนต์ให้เกิดออร์เดอร์

 

ลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/3j2jFyy

 

2. ร่วมทุกแคมเปญดับเบิลเดย์ พารวย

11.11 12.12 ไม่ใช่แค่เลขสวย แต่เป็นเลขพารวยที่พ่อค้าแม่ค้าต้องอ่านเกมให้ทัน เพราะนี่คือนาทีทองของแท้ในการระเบิดยอดขาย เรื่องนี้ คุณพิจิตรา ผู้ก่อตั้ง PROMAI BUSINESS SCHOOL และเจ้าของแบรนด์ SONAR จะเป็นผู้เผยกุญแจดอกสำคัญที่จุดชนวน บูม บูม บูม กลยุทธ์ระเบิดยอดขายสูงสุดใน Mega Campaign 11.11 และ 12.12

 

ลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/3lEbLxl

 

3. เรียนรู้จากตัวจริง

การสร้างยอดขาย 6-7 หลักบน Lazada มีจริงไม่จกตา ซึ่งเคล็ดลับที่ว่าก็ต้องอาศัยการเรียนรู้จากนักขายลาซาด้าตัวจริง อย่างคุณเจตน์ โสภิตวิริยาภรณ์ LazStar รุ่นที่ 2 และเจ้าของเพจ Jade เลือดสาดมาร์เก็ตติ้ง

 

ลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/3BewzdC

 

#Lazadaselleropportunityday #Lazadahappyselling

 

Lazada

 

รู้เขารู้เรา ดันยอดขายทะลุเพดาน

 

กลศึกโบราณว่าไว้ ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง’ เช่นเดียวกัน การรู้จักตัวเอง รู้จักหน้าร้านออนไลน์ รู้จักแพลตฟอร์มการขายที่ทำกำไรให้เราอยู่ ก็จะเป็นอีกหนึ่งทางที่ช่วยดันยอดขายทะลุเพดานได้

 

1. รู้รอบลาซาด้า

การรู้จักแพลตฟอร์มลาซาด้าแบบละเอียดยิบทุกมุมจะทำให้เราพลิกเกมขายได้อย่างเฉียบคม ซึ่งผู้ที่จะไขความลับนี้เป็นใครไม่ได้ นอกจากทีมงานลาซาด้า กับหัวข้อ Lazada Clinic ตอบทุกปัญหาคาใจผู้ขาย เผยทุกทริค ตอบชัดทุกข้อสงสัย ไม่กั๊กไม่แกง เครื่องมือไหนดีต้องได้รู้ เพื่อดันยอดขายให้โดดเด้ง

 

ลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/3aCFPmo

 

2. รู้จักตัวเอง รู้เกมการขายออนไลน์

วิธีการที่จะทำให้คุณได้รู้จักตัวเอง รู้เกมการขายออนไลน์อยู่ตรงนี้แล้ว กับ LAZADA SELLER OPPORTUNITY DAY ‘เปิดร้านปัง ยอดขายเปรี้ยง ไปกับลาซาด้า’ ครั้งแรก! กับการสัมมนาสำหรับผู้ขายมือใหม่แต่ใจอยากรวย Webinar ที่ลาซาด้าจัดให้ เพื่อช่วยดันยอดขายในฝันให้เป็นความจริง ไม่ต้องเสียเวลาออกจากบ้าน แค่เตรียมตัวเตรียมใจอยู่หน้าจอ แล้วคลิกลงทะเบียนผ่านเซสชันที่คุณสนใจ แค่นี้ก็สามารถพลิกเกมขายให้กลับมาปังปุริเย่ได้แล้ว

 

#Lazadaselleropportunityday #Lazadahappyselling

 

Lazada

The post เปิดตำราแม่ค้าออนไลน์ ปั้นยอดขายปัง ลูกค้าพุ่งไม่หยุด กับ ลาซาด้า (ฉบับไม่กั๊ก) [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผลวิจัยชี้ตลาด ‘อีคอมเมิร์ซ’ ในอาเซียนอาจโตทะลุ 2.8 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 หากเปิดทางนักธุรกิจหญิงเข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้น https://thestandard.co/researchers-say-asean-e-commerce-would-exceed-2-8-billion-usd/ Mon, 31 May 2021 03:07:25 +0000 https://thestandard.co/?p=494617 อีคอมเมิร์ซ

บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (International Finance Corpo […]

The post ผลวิจัยชี้ตลาด ‘อีคอมเมิร์ซ’ ในอาเซียนอาจโตทะลุ 2.8 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 หากเปิดทางนักธุรกิจหญิงเข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
อีคอมเมิร์ซ

บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (International Finance Corporation: IFC) เปิดเผยรายงานการศึกษาฉบับล่าสุดที่พบว่า อุตสาหกรรมตลาดอีคอมเมิร์ซของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มีแนวโน้มจะขยายตัวเติบโตมากกว่า 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030 ถ้าหากว่าบรรดาร้านค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่ทั้งหลายในภูมิภาคให้การสนับสนุนผู้ประกอบการผู้หญิงในอาเซียนมากขึ้น 

 

เอมี ลูนสตรา (Amy Luinstra) ผู้จัดการโครงการเพศสภาพประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกของ IFC กล่าวต่อสถานีโทรทัศน์ CNBC ระบุว่า ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ต้องเผยตัวตนของตลาดอีคอมเมิร์ซ จึงช่วยลดอุปสรรคต่อการก้าวเข้าสู่วงการธุรกิจที่ผู้ประกอบการผู้หญิงมักต้องประสบเจอ กระนั้นการเป็นผู้หญิงในวงการธุรกิจอีคอมเมิร์ซก็ยังต้องเผชิญกับความเหลื่อมล้ำ ยกตัวอย่างเช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่นักธุรกิจชายดูจะมีโอกาสมากกว่า 

 

ทั้งนี้ ตัวแทนจาก IFC ได้เรียกร้องให้บรรดาอีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่ในอาเซียนหาทางให้การสนันสนุนผู้ค้าที่เป็นผู้หญิงให้สามารถจับตลาดได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายการให้ทุนแก่ผู้ประกอบการหญิง การให้การฝึกอบรม และการสนับสนุนให้ผู้หญิงเข้าร่วมในธุรกิจที่มีมูลค่าสูง เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศ

 

สำหรับอีคอมเมิร์ซที่มีบริการให้ทุนสนับสนุนผู้ประกอบการ เอมีระบุชัดว่าจะถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากที่อีคอมเมิร์ซทั้งหลายจะให้โอกาสผู้ประกอบการหญิงให้มากขึ้น โดยให้การช่วยเหลือและทำให้หญิงแกร่งเหล่านี้ตระหนักว่ามีความช่วยเหลือด้านเงินทุนในส่วนนี้อยู่ และสมควรต้องใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาธุรกิจอย่างเต็มที่ 

 

ความเห็นครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางอุตสาหกรรมธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรงจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยที่ผู้หญิงเป็นกลุ่มประชากรที่เสียโอกาสและเสียประโยชน์จากการระบาดมากกว่าผู้ชาย 

 

ผลการศึกษาในครั้งนี้ ทาง IFC ดำเนินการเก็บข้อมูลจาก Lazada โดยพบว่าในปี 2019 มีผู้ประกอบการหญิงเข้าร่วมธุรกิจอีคอมเมิร์ซมากขึ้น ทว่าตัวเลขดังกล่าวลดอย่างมากในช่วงปี 2020 ที่มีการระบาด เนื่องจากผู้หญิงต้องแบกรับภาระหน้าที่ดูแลครอบครัว ทำให้มีเวลาจำกัดจนต้องลดกิจกรรมค้าปลีกออนไลน์ของตนเองลง ยกตัวอย่างเช่น กรณีฟิลิปปินส์ ที่ในช่วงปี 2019 พบว่า 64% ของผู้ค้า หรือ Seller ใน Lazada คือผู้หญิง ทว่าการระบาดทำให้ผู้ค้าผู้หญิงลดลงไปถึง 27%

 

เอมีสรุปว่า ผู้หญิงถือเป็นกลุ่มผู้ค้าที่แอ็กทีฟ และมีแนวโน้มจะทำให้อีคอมเมิร์ซของอาเซียนกลับมาคึกคักได้หลังยุคโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคึกคักที่จะทำให้อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซของภูมิภาคโตกว่า 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นจึงเรียกร้องให้อีคอมเมิร์ซทั้งหลายเห็นความสำคัญของผู้ค้าผู้หญิงด้วย 

 

ทั้งนี้ IFC เป็นสถาบันการเงินในเครือของธนาคารโลก หรือ World Bank Group ที่ก่อตั้งขึ้นมาในปี 1956 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะโครงการลงทุนที่มีส่วนหนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนา ครอบคลุมทั้งด้านการเงิน เทคนิค และด้านการจัดการ ปัจจุบัน IFC มีสมาชิกรวม 174 ประเทศ 

 

อ้างอิง:

The post ผลวิจัยชี้ตลาด ‘อีคอมเมิร์ซ’ ในอาเซียนอาจโตทะลุ 2.8 แสนล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 หากเปิดทางนักธุรกิจหญิงเข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ขายของออนไลน์ต้องเสียภาษีแบบไหน? https://thestandard.co/online-selling-tax/ Sun, 23 May 2021 04:10:21 +0000 https://thestandard.co/?p=491928 ขายของออนไลน์

THE STANDARD WEALTH ชวนรู้ ขายของออนไลน์ต้องเสียภาษีแบบ […]

The post ชมคลิป: ขายของออนไลน์ต้องเสียภาษีแบบไหน? appeared first on THE STANDARD.

]]>
ขายของออนไลน์

THE STANDARD WEALTH ชวนรู้ ขายของออนไลน์ต้องเสียภาษีแบบไหน? ไปติดตามกัน 

The post ชมคลิป: ขายของออนไลน์ต้องเสียภาษีแบบไหน? appeared first on THE STANDARD.

]]>