วันนี้ (2 ธันวาคม) ปีเตอร์ หลัน ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงาน […]
The post ไต้หวันตั้งแพลตฟอร์มในไทย แก้ปัญหาขาดบุคลากรทักษะสูงป้อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยี appeared first on THE STANDARD.
]]>
วันนี้ (2 ธันวาคม) ปีเตอร์ หลัน ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย ประกาศจัดตั้งแพลตฟอร์มบริการบุคลากรด้านเทคโนโลยีไต้หวัน-ไทย เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการชาวไต้หวันในประเทศไทยในการแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และช่วยพัฒนาทักษะบุคลากรไทยเพื่อป้อนซัพพลายเชนเทคโนโลยี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการไต้หวันมาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก
ในกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม การศึกษา และหน่วยงานภาครัฐจากไต้หวัน ณ The Bangkok Club กรุงเทพฯ มีการเน้นย้ำถึงหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทุกฝ่ายกำลังเผชิญนั่นคือ การขาดแคลนแรงงานทักษะสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มที่สำเร็จการศึกษาในสาขา STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) ซึ่งแพลตฟอร์มใหม่ที่จัดตั้งขึ้นนี้จะช่วยประสานความต้องการร่วมกันระหว่างฝ่ายไทย ผู้ประกอบการชาวไต้หวันและภาคส่วนอื่นๆ เพื่อแก้ไขปัญหาบุคลากรไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ประกอบการชาวไต้หวัน

สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ ทางสำนักงานฯ ได้เชิญผู้ประสานงานจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติผิงตง (NPUST) ในไต้หวัน ซึ่งได้ก่อตั้ง “ศูนย์ความร่วมมือแลกเปลี่ยนบุคลากรนานาชาติไต้หวันประจำประเทศไทย เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มาร่วมแบ่งปันเกี่ยวกับ ‘โครงการศึกษาพิเศษเพื่อพัฒนาบุคลากรอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ’ (International Industrial Talents Education Special Program (INTENSE Program)) ของกระทรวงศึกษาธิการไต้หวัน
นอกจากนี้ ยังมีการเชิญสมาคมแผงวงจรพิมพ์ไต้หวัน (TPCA) มาแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการก่อตั้ง ‘สถาบันแผ่นวงจรพิมพ์ไต้หวันในไทย’ และความร่วมมือด้านบุคลากรกับฝ่ายไทยด้วย โดยสำนักงานไทเปฯ คาดหวังว่าการจัดตั้งแพลตฟอร์มนี้ จะช่วยเร่งการเชื่อมโยงและความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย ภาคอุตสาหกรรม และสถาบันการศึกษา อีกทั้งสร้างแรงผลักดันใหม่ๆ ให้กับธุรกิจของผู้ประกอบการชาวไต้หวันที่มาดำเนินกิจการในประเทศไทยอีกด้วย
สำนักงานฯ ระบุว่า การจัดตั้งแพลตฟอร์มนี้นอกจากจะสอดคล้องกับแนวคิด ‘การทูตเชิงบูรณาการ’ ของหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันแล้ว ยังเป็นการประกาศว่าสำนักงานฯ จะรวบรวมสรรพกำลังของภาครัฐ ภาคสถาบันการศึกษาและผู้ประกอบการชาวไต้หวัน เพื่อหารือเพิ่มเติมกับฝ่ายไทยเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากร และหาแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดแคลนบุคลากรอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของไต้หวันต่างได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ และมีการย้ายมาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (อุปกรณ์), ปัญญาประดิษฐ์ (การประกอบเซิร์ฟเวอร์) และแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายสาขาการลงทุนที่รัฐบาลไทยต้องการจะดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุน
ทั้งนี้ปี 2024 มูลค่าการลงทุนของผู้ประกอบการชาวไต้หวันที่ได้รับอนุมัติให้เข้ามาลงทุนในไทยอยู่ที่ประมาณ 15.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งทำให้ไต้หวันกลายเป็นชาติที่มีมูลค่าการลงทุนในไทยมากเป็นอันดับที่ 4 โดยอุตสาหกรรมโดดเด่นคือแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ซึ่งมีผู้ประกอบการชาวไต้หวันตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำเข้ามาลงทุนในไทยมากกว่า 60 แห่ง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้เกิดการจ้างแรงงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง
สำหรับแพลตฟอร์มบริการบุคลากรด้านเทคโนโลยีไทย-ไต้หวัน มีช่องทางติดต่อผ่านอีเมล [email protected] และเบอร์โทร 02-119-3555 ต่อ 386
The post ไต้หวันตั้งแพลตฟอร์มในไทย แก้ปัญหาขาดบุคลากรทักษะสูงป้อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยี appeared first on THE STANDARD.
]]>
วันนี้ (14 พฤศจิกายน) ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทร […]
The post ไชยชนกลุยตัดช่องสแกมเมอร์ โอนเงินผ่านแอปฯ ต้องระบุตำแหน่ง ย้ำดูแลไม่กระทบสิทธิส่วนบุคคล appeared first on THE STANDARD.
]]>
วันนี้ (14 พฤศจิกายน) ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตาม พ.ร.ก.ป้องกันและปรามปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มาตรา 13 ครั้งที่ 9/2568 และการประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2568
ไชยชนก กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ มีการประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่มี อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี รวมอยู่ด้วย โดยมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการฯ เข้าร่วมการประชุม
สำหรับประเด็นซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณา ได้แก่ การยกระดับการตรวจสอบและสกัดกั้นบัญชีม้านิติบุคคล ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในส่วนมาตรการ SIM Card ขณะนี้ กสทช. ได้นำมาตรการการจำกัดจำนวนซิมการ์ด ไม่เกิน 5 หมายเลขต่อบุคคล (รวมทุกค่าย) และมาตรการให้ตัวแทนจำหน่าย จะต้องมีการลงทะเบียนในระบบ Dip chip หรือแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยเทียบเท่า เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช.
ขณะเดียวกันประชาชนที่ซื้อซิมการ์ดและลงทะเบียนแล้ว แต่ยังไม่มีการใช้งานนั้น ขอให้เปิดใช้งานภายใน 60 วัน โดยหากเกินกำหนด จะต้องมายืนยันตัวตนซ้ำอีกครั้ง
ด้านการปิดกั้นสัญญาณโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตแนวชายแดน ภายหลังการตรวจสอบ พบว่ายังมีสัญญาณล้ำออกไปในชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน จำนวนประมาณ 100 จุด โดยแจ้งให้ผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) แก้ไขภายใน 3 วัน
หากพบมีสัญญาณล้ำออกไปอีกให้พักใช้ใบอนุญาตตั้งสถานีฐานนั้นๆ และให้แก้ไขจนกว่าจะแล้วเสร็จ และจัดมาตรการดูแลไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ โดยในระยะยาวจะต้องจัดทำแผนปรับปรุงโครงข่ายโทรคมนาคมแนวชายแดน ตามที่ กสทช.กำหนด
ขณะที่มาตรการจำกัดการส่ง SMS และ e-mail แนบลิงก์ ของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานอื่นๆ และธนาคาร กระทรวงดีอี เตรียมนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย ยังได้เร่งบูรณาการข้อมูลบัญชี (Account Bureau) ระหว่างธนาคาร เพื่อการเฝ้าระวังและตรวจสอบการเปิดบัญชีของบุคคลที่มีความเสี่ยง รวมทั้งยกระดับการตรวจสอบเข้มข้นในกรณีของการเปิดบัญชีใหม่
ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาเบื้องต้นในมาตรการใช้งาน Mobile Banking ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องเปิดการระบุตำแหน่ง (Location) ในการทำธุรกรรมการเงิน โดยมาตรการนี้จะต้องคำนึงถึงการไม่ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจะมีการจำกัดการเข้าถึงเฉพาะในขณะที่จะต้องใช้เป็นหลักฐาน เมื่อเป็นการก่อเหตุของสแกมเมอร์เท่านั้น
ด้านมาตรการควบคุมดูแลแพลตฟอร์ม ได้มอบหมายให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) หารือเรื่องการยกระดับมาตรฐานการยืนยันตัวตน (KYC) ร่วมกัน รวมถึงการพิจารณาการออกกฎหมายกำกับดูแลแพลตฟอร์ม โดยให้มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อความเสียหายจากสแกมเมอร์ที่เกิดขึ้นกับประชาชน รวมทั้งมอบหมายให้มีการตรวจสอบคำนิยามของ ‘การโฆษณา’ ในแพลตฟอร์ม หรือเว็บไซต์ Search Engine เพื่อดำเนินการกำหนดมาตรการป้องกันการค้าหา URLs ผิดกฎหมาย
“มาตรการซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณานั้น ถือว่าเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญ เพื่อตัดการเชื่อมโยงช่องทางในการก่อเหตุของสแกมเมอร์ โดยคำนึงถึงสิ่งที่สำคัญ คือการป้องกันไม่ให้สแกมเมอร์สร้างความเสียหายและผลกระทบแก่ประชาชน” ไชยชนก กล่าว
The post ไชยชนกลุยตัดช่องสแกมเมอร์ โอนเงินผ่านแอปฯ ต้องระบุตำแหน่ง ย้ำดูแลไม่กระทบสิทธิส่วนบุคคล appeared first on THE STANDARD.
]]>
วันนี้ (21 เมษายน) ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทร […]
The post เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI เพื่อการแพทย์ไทย แชร์-เชื่อม-ใช้ ข้อมูลภาพ 2.2 ล้านภาพ ยกระดับสาธารณสุขชาติ appeared first on THE STANDARD.
]]>
วันนี้ (21 เมษายน) ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดตัว ‘แพลตฟอร์มข้อมูลกลางทางการแพทย์’ (Medical AI Data Platform) อย่างเป็นทางการ ภายในงานสัมมนา Medical AI Consortium: ร่วมแชร์ เชื่อม ใช้ ‘ข้อมูล’ ขับเคลื่อน AI เพื่อการแพทย์ไทย โดยมี พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว., ผศ.(พิเศษ) นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.), ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล, ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช., ดร.ณิรวัฒน์ ธรรมจักร์ ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) และบุคลากรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์ ลุมพินี กรุงเทพฯ
แพลตฟอร์มดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญของวงการแพทย์ไทย ที่จะเชื่อมโยงข้อมูลภาพทางการแพทย์จากทั่วประเทศกว่า 2.2 ล้านภาพ ครอบคลุม 8 กลุ่มโรคสำคัญ อาทิ โรคทรวงอก มะเร็งเต้านม โรคตา โรคช่องท้อง โรคผิวหนัง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคกระดูกพรุน เพื่อใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิเคราะห์และช่วยวินิจฉัยโรคอย่างรวดเร็ว แม่นยำ และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์
ศุภมาสกล่าวว่า กระทรวง อว. มุ่งส่งเสริมการพัฒนา AI ผ่านนโยบาย ‘อว. for AI’ โดยการแพทย์ถือเป็นเป้าหมายสำคัญ เนื่องจาก AI สามารถช่วยเสริมศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ และสร้างมาตรฐานใหม่ในการรักษาพยาบาล พร้อมเชิญชวนโรงพยาบาลและโรงเรียนแพทย์ทั่วประเทศ ร่วมแบ่งปันข้อมูล และร่วมพัฒนาโมเดล AI ที่สามารถใช้งานจริง
ด้าน ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. ระบุว่า แพลตฟอร์มนี้พัฒนาโดยเนคเทค สวทช. ภายใต้การกำกับดูแลของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
ปัจจุบันได้พัฒนา โมเดล AI ต้นแบบ 2 บริการ ที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระของบุคลากรและเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย พร้อมเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับ Medical AI Consortium ซึ่งประกอบด้วย 6 สถาบันการแพทย์ชั้นนำของประเทศ เช่น คณะแพทยศาสตร์ ม.มหิดล, จุฬาฯ, ม.เชียงใหม่, ม.สงขลานครินทร์, และวชิรพยาบาล
แพลตฟอร์มนี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งรวมข้อมูลขนาดใหญ่ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะเร่งรัดการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยเปิดกว้างให้นักวิจัย นักศึกษา และภาคเอกชนร่วมพัฒนานวัตกรรม AI ที่ใช้ได้จริง เพื่อยกระดับระบบสุขภาพของไทยให้ก้าวทันโลก
“นี่คือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญยิ่งของประเทศ ซึ่งจะกลายเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนา AI ทางการแพทย์อย่างยั่งยืน” ศุภมาส กล่าว
The post เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI เพื่อการแพทย์ไทย แชร์-เชื่อม-ใช้ ข้อมูลภาพ 2.2 ล้านภาพ ยกระดับสาธารณสุขชาติ appeared first on THE STANDARD.
]]>
Strava แพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กสำหรับคนรักการออกกำลัง […]
The post Strava เข้าซื้อกิจการ Runna เสริมแกร่งแพลตฟอร์มฟิตเนส appeared first on THE STANDARD.
]]>
Strava แพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กสำหรับคนรักการออกกำลังกาย ประกาศเข้าซื้อกิจการของ Runna แอปเทรนนิ่งวิ่งสัญชาติอังกฤษที่กำลังมาแรง โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา
Runna ก่อตั้งในปี 2022 มีชื่อเสียงจากการให้บริการแผนการฝึกซ้อมวิ่งเฉพาะบุคคลซึ่งตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่กำลังเตรียมตัวแข่งขันวิ่งมาราธอนหรือรายการต่างๆ โดยพวกเขาอ้างว่าช่วยผู้คนหลายล้านคน ฝึกซ้อมจนสามารถจบการแข่งขันตามเป้าหมายได้
โดย ไมเคิล มาร์ติน CEO ของ Strava เปิดเผยว่า พวกเขาต้องการมองหาธุรกิจเสริมที่สามารถเพิ่มคุณค่าให้ผู้ใช้งานมากขึ้น ซึ่ง Runna เป็นสิ่งที่พวกเขากำลังมองหาพอดี
Strava ยังระบุอีกว่า แอปทั้งสองจะยังคงดำเนินการแยกจากกันในช่วงเวลาอันใกล้นี้ แต่จะมีการลงทุนเพิ่มเติมในทีม Runna และเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มต่อไป
อ้างอิง:
The post Strava เข้าซื้อกิจการ Runna เสริมแกร่งแพลตฟอร์มฟิตเนส appeared first on THE STANDARD.
]]>
วันนี้ (21 พฤษภาคม) ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมน […]
The post เคาะ 95 ล้านบาท ทำโครงสร้าง Super App ใช้ดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมเชื่อมระบบการให้บริการการเงินเอกชนทุกค่าย appeared first on THE STANDARD.
]]>
วันนี้ (21 พฤษภาคม) ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) เป็นผู้ดำเนินโครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment Platform) กรอบงบประมาณโครงการรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 95 ล้านบาท และให้หน่วยงานของรัฐและสถาบันการเงินร่วมมือกับ สพร. ในการสนับสนุนข้อมูลและร่วมกำหนดแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะต่อไป
ชัยกล่าวว่า สพร. ได้จัดทำโครงการแพลตฟอร์มการชำระเงิน (Payment Platform) ขึ้นเพื่อเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินกลางของประเทศไทยที่สามารถเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศไทย ลดต้นทุนของระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ยกระดับศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตลอดจนเป็นรากฐานที่สำคัญของการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล อันก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงต่อทุกภาคส่วน ประกอบกับการดำเนินโครงการดังกล่าวยังสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่จะยกระดับการพัฒนาพื้นฐานทางสังคมด้วยกระบวนการทำงานต่างๆ ของภาครัฐที่มีความโปร่งใส และเพิ่มประสิทธิภาพระบบงานภาครัฐ เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็ว
มีระยะเวลาดำเนินการในระยะแรก 160 วัน (ไม่รวมระยะเวลาการจัดซื้อจัดจ้าง) ช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2567 จัดซื้อจัดจ้างและประชุมเชิงปฏิบัติการ, เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2567 ดำเนินการพัฒนาและทดสอบระบบ และเดือนตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568 ให้บริการระบบและสนับสนุนการใช้งานงบประมาณ 95 ล้านบาท โดย สพร. จะขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 ได้มีมติอนุมัติหลักการโครงการดังกล่าวพร้อมกรอบงบประมาณ 95 ล้านบาทด้วยแล้ว
ชัยเปิดเผยกับ THE STANDARD ว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการสร้าง Super App ที่ไม่เพียงใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น แต่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือหลักในการจ่ายเงินจากรัฐบาลไปยังประชาชนผ่านโครงการต่างๆ อย่างรวดเร็ว แม่นยำ มีประสิทธิภาพ ประหยัด และปลอดภัย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงกับระบบการให้บริการทางการเงินของภาคเอกชนทุกค่าย รวมทั้งสามารถช่วยเก็บรวบรวมฐานข้อมูลการใช้จ่ายเงินของประชาชน เพื่อนำมากำหนดนโยบายทางการเงินการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคตของรัฐบาลดิจิทัล
The post เคาะ 95 ล้านบาท ทำโครงสร้าง Super App ใช้ดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมเชื่อมระบบการให้บริการการเงินเอกชนทุกค่าย appeared first on THE STANDARD.
]]>
จากนี้ไป ‘โอกาส’ จะเป็นของคนที่อ่านบทความนี้ &nbs […]
The post ถอดแนวคิดภารกิจสร้าง ‘ทุกโอกาสเป็นไปได้’ และ #เป็นได้อีกเยอะ ด้วย Music Marketing ของ CardX แพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลเพื่อคนมีฝัน [PR NEWS] appeared first on THE STANDARD.
]]>
จากนี้ไป ‘โอกาส’ จะเป็นของคนที่อ่านบทความนี้
ออกตัวก่อน…นี่ไม่ใช่บทความชวนเชื่อ แต่แค่เชื่อว่าถ้าคุณได้รู้ว่า CardX คือใคร? มีเครื่องมืออะไรอยู่ในมือ? คุณจะเข้าใจทันทีว่าทำไม CardX ถึงช่วยให้ ‘ทุกโอกาสเป็นไปได้’ และ #เป็นได้อีกเยอะ
เรื่องแบบนี้ใครอธิบายก็ไม่เหมาะเท่ากับ เมธี จารุมณีโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานการตลาด CardX ผู้อยู่เบื้องหลังการปลุกปั้นแบรนด์ CardX เรือธงหลักของกลุ่มธุรกิจ SCBX ที่สปินออฟจากยานแม่ตั้งแต่ปี 2565 เพื่อส่งต่อภารกิจสำคัญในการช่วยสร้างโอกาสที่ดีกว่า ผ่านบริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล โดยนำศักยภาพและขีดความสามารถด้าน Artificial Intelligence (AI), Digital Platform & Emerging Technologies และ Partner Ecosystem มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น เป็นธรรมมากขึ้น มีความปลอดภัย และมีอิสรภาพทางการเงินและอำนาจในการจับจ่ายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
หัวใจสำคัญของ CardX คือ ‘การเป็นสินเชื่อที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม’ นี่คือแนวคิดการสร้างแบรนด์ที่เมธีกล่าวย้ำตลอดการสนทนา
“เราอยากเป็นองค์กรที่สร้างแพลตฟอร์มทางการเงินแห่งอนาคตที่เข้าถึงผู้คนได้ง่าย ซึ่งจะเชื่อมโยงไปกับ Brand Purpose ของเราคือ ต้องการสร้างความเป็นไปได้ทางการเงินอย่างรับผิดชอบ และมีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าร่วมกัน เป้าหมายของเราคือ ต้องการเข้าถึงคนไทย 25% ของประชากรทั้งประเทศ หรือประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งคนกลุ่มนี้มีหลากหลาย ทั้งคนที่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ คนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ หรือที่เราเรียกว่ากลุ่ม Underbanked และต้องพึ่งพาสินเชื่อนอกระบบ”

เมธีบอกว่า พันธกิจของ CardX ที่จะสร้างความเป็นไปได้ทางการเงินอย่างรับผิดชอบ ถูกต่อยอดมาจากวิสัยทัศน์ของ SCBX ที่เล็งเห็นถึงปัญหาความไม่เท่าเทียม
“โจทย์ของเราคือ จะช่วยคนที่เสียเปรียบเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อที่ไม่เป็นธรรมอย่างไร ตอนสร้างแบรนด์เราจึงปักธงว่า เราจะต้องเป็นแบรนด์ที่หยิบยื่นโอกาสทางการเงินให้กับทุกคนอย่างรับผิดชอบ โดยต้องเป็นความรับผิดชอบในส่วนของลูกค้าและความรับผิดชอบในส่วนของเรา”
เมธีขยายภาพความรับผิดชอบในส่วนของ CardX จะมาในรูปแบบของ ‘ดอกเบี้ย กระบวนการ และการชี้แจงที่เป็นธรรม’ ทั้งหมดนี้จะต้องทำอยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบ
อาจฟังดูย้อนแย้ง เพราะหากมองอีกมุม วันนี้ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาหนี้สาธารณะหรือหนี้ครัวเรือน การกระตุ้นให้คนสามารถสร้างหนี้ได้อย่างง่ายดายจะกลายเป็นดาบสองคมหรือไม่ เมธีบอกว่า หนี้ครัวเรือนเป็นเรื่องที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงิน หรือบริษัทที่ปล่อยเงินกู้ ช่วยกันเร่งหาทางออก เพื่อป้องกันการเกิดหนี้เสียตามมาจนส่งผลกระทบสร้างความเสี่ยงระดับประเทศ
“เรามีบทบาทสำคัญอย่างไรในการบริหารจัดการ เพื่อให้สอดคล้องไปกับทิศทางที่ธนาคารแห่งประเทศไทยขอความร่วมมือในการเฝ้าระวังหนี้ครัวเรือน อย่างแรกคือ ระมัดระวังเรื่องการสื่อความที่อาจสุ่มเสี่ยงให้คนใช้จ่ายโดยไม่ตรึกตรองให้ดี และสิ่งต่างๆ ที่เราจะทำต่อไปคือ การให้ความรู้ด้านการเงิน การวางแผน และความเข้าใจเรื่องการเป็นหนี้ นี่คือหน้าที่ของเราที่เลี่ยงไม่ได้
“สิ่งที่เราเริ่มทำแล้วคือ สร้างคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ด้านการเงิน บอกให้ผู้บริโภครู้ว่าเขาต้องเตรียมตัวอย่างไร ทำอย่างไร และวางแผนการเงินอย่างไร ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ปรับวิธีสื่อความให้สนุก ย่อยง่าย และเข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกมาเน้นย้ำเรื่องผู้ให้กู้ที่มีความรับผิดชอบ”
ในอนาคตนอกจากคอนเทนต์ที่จะช่วยให้ผู้บริโภครู้จักวางแผนการเงินและใช้จ่ายอย่างมีความรับผิดชอบแล้ว เมธีบอกว่า ประสบการณ์การใช้งานผ่านแพลตฟอร์มการเงินของ CardX จะเป็นอีกเครื่องมือที่ช่วยสร้างวินัยทางการเงินให้กับลูกค้า
“ในอนาคต Mobile Platform ก็จะมีการเตือนเมื่อครบกำหนดชำระหนี้ หรือเป็นการสะกิดเตือนว่าตอนนี้เขากำลังใช้จ่ายเกินกำลัง เราไม่ได้มองว่ามันคือการติดตามทวงหนี้ แต่คือความรับผิดชอบร่วมกัน เรามาในฐานะที่ปรึกษาไปในตัวและให้ความรู้คู่กันไป ก็จะช่วยให้วันพรุ่งนี้ของทุกคนในฐานะผู้ให้กู้และคนที่มองหาสินเชื่อ มีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าร่วมกัน เพราะเราคงไม่ได้อยากให้สินเชื่อกับทุกคนโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเขาเองมีความสามารถในการชำระคืนได้หรือไม่ สำคัญที่สุดคือ เราไม่อยากก่อหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น”
เขายกตัวอย่างโปรแกรม ‘ดีจัง’ ลูกค้าสามารถเลือกผ่อนและวางแผนการเงินได้ว่าจะผ่อนเท่าไร หรือถ้ามีปัญหายังตัดสินใจไม่ได้เราก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษา
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น CardX นำศักยภาพและขีดความสามารถด้าน AI, Digital Platform & Emerging Technologies รวมถึง Partner Ecosystem มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ
เมธีเล่าว่า CardX ลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท สร้าง Seamless Digital Platform นำเสนอ Hyper-Personalization ผ่าน AI Technology รวมถึงพัฒนาระบบ Cloud Native Infrastructure เพิ่มศักยภาพในการรองรับฐานข้อมูลลูกค้า และประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลจากหลายแหล่งข้อมูล (Data Sources) ได้อย่างเรียลไทม์ (Real Time)
“AI เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น มีการนำ Data มาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อการเข้าถึงสินเชื่อและการใช้จ่ายที่ง่าย ตรงใจ และตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัวของทุกกลุ่ม ในอดีตเราอยู่ภายใต้ธนาคาร เราจะมองลูกค้าที่มาขอสินเชื่อในกลุ่มธนาคาร แต่พอเราเป็น CardX ก็อยากจะมี Data Sources ที่ทำให้เราสามารถเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเราจริงๆ เขามีพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างไร มีความสุ่มเสี่ยงและแนวโน้มการใช้จ่ายช่วงไหน เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของเขาได้ง่ายขึ้น”
เพราะความต้องการของผู้บริโภควันนี้ไม่ใช่ One Size Fits All อีกต่อไป เมธีบอกว่า เป็นความท้าทายของ CardX ที่จะต้องเข้าใจความต้องการที่แท้จริงจนสามารถตอบสนองความต้องการได้
“AI ยังทำให้เราได้เห็นว่า ศักยภาพของลูกค้าบางกลุ่มมีพฤติกรรมการชำระหนี้ดี หากเกิดเหตุฉุกเฉินอยากขยายวงเงิน คนกลุ่มนี้จะได้รับการอนุมัติอย่างแน่นอน เพราะ AI บอกเราได้ว่านี่คือลูกค้าที่มีความสามารถในการชำระหนี้ เป็นการช่วยคาดการณ์และช่วยจำแนกว่าลูกค้ากลุ่มไหนที่เราจะให้บริการแบบไหน”
ไม่เพียงเฉพาะการอนุมัติหรือคาดการณ์ศักยภาพการชำระหนี้ แต่ AI จะมาช่วยออกแบบโปรโมชันที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลด้วย
“แต่ในความรับผิดชอบ เราเองก็หวังว่าลูกหนี้ที่มาขอสินเชื่อก็ต้องมีพื้นฐานของความรับผิดชอบในการรับผิดชอบชีวิตของตัวเองด้วย มันต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะเราเชื่อว่า สมการของความฝันที่จับต้องได้ต้องเกิดจากคนที่มีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบในตัวเอง”
จึงเป็นที่มาของแคมเปญการตลาดสุดปังที่หยิบเอา ‘Music Marketing’ เครื่องมือการตลาดที่ทรงพลัง เพราะเข้าถึงกลุ่มคนได้ง่ายแถมเข้าถึงได้ในวงกว้าง ผ่านซิงเกิลพิเศษ ‘เป็นได้อีกเยอะ (I’m possible)’ ชูแนวคิด ‘Everyone’s Financial Possibilities’ ร่วมเคียงข้างทุกฝัน ไม่ว่าจะมีฝันแบบไหนก็เป็นไปได้ และ #เป็นได้อีกเยอะ ดึง โบกี้ ไลออน และ โจอี้ ภูวศิษฐ์ นั่งแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ส่งต่อความเชื่อและพลังแห่งความเป็นได้ให้กับทุกฝันที่ตั้งใจ

ทำไมต้องเป็น Music Marketing เมธีบอกว่า “มันย่อยง่าย เพราะ CardX เป็นแบรนด์ใหม่ ไม่มีใครรู้จัก และในสถานการณ์ที่เรารายล้อมด้วยมิจฉาชีพมากมายที่จะแฝงมา เรายิ่งต้องทำให้ CardX มีตัวตนที่ชัดเจนและมีความน่าเชื่อถือให้เร็วที่สุด Music Marketing เป็นเครื่องมือที่เสกความต้องการนั้นได้ ทำให้เรามีตัวตน สร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ อาจเพราะคนไทยรักเสียงเพลง รักความสนุกสนาน และดนตรีก็เป็นภาษาสากลที่ใครก็เข้าถึงได้”

‘เป็นได้อีกเยอะ (I’m possible)’ บทเพลงที่ทำหน้าที่เล่าตัวตนของแบรนด์ผ่านการเชื่อมโยงเรื่องราวความพิเศษและช่วงเวลาแห่งความมหัศจรรย์ของ 3 ความฝัน ตัวแทนของกลุ่มลูกค้า CardX ที่ต้องพบเจออุปสรรค แต่ต้องข้ามผ่านเพื่อทำให้ฝันเป็นจริง และทำให้เห็นว่าในยามที่ต้องการที่พึ่ง ขอแค่พร้อมจะเดินหน้า ทุกปัญหามีทางออกเสมอ
“มิวสิกวิดีโอที่เราทำออกไปเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของคนที่สู้ชีวิตในสถานการณ์ที่เราเห็นได้รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานในออฟฟิศที่ต้องต่อยอดความฝันให้ลูกๆ หรือคนที่ผันตัวเองมาทำธุรกิจส่วนตัว หรือในสถานการณ์ฉุกเฉิน หลายคนจำเป็นต้องใช้เงินแต่หมุนเงินไม่ทัน สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน การมีเงินฉุกเฉินจะช่วยให้เขาไม่ต้องกังวลกับภาระที่จะตามมา มันสะท้อนให้เห็นว่า วันนี้ถ้าเรามีโอกาสทางการเงินที่เข้าถึงง่ายและเป็นธรรม จะช่วยให้เราใช้ชีวิตแบบที่อยากจะเป็นได้”

นอกจากเนื้อเพลงและเรื่องราวในมิวสิกวิดีโอแล้ว องค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เห็นภาพโอกาสทางการเงินที่เป็นไปได้สำหรับทุกคนคือ การเลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ต่างขั้วในสไตล์เพลง คนหนึ่งก็อาร์แอนด์บี อีกคนก็คันทรีร็อก มาทำงานร่วมกัน “นี่คือตัวอย่างของความเป็นไปได้อีกเยอะ” เมธีกล่าว
“ทั้งโจอี้และโบกี้เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นทำตามความฝัน ทั้งคู่เคยผ่านช่วงชีวิตที่มีอุปสรรคแต่ไม่เคยย่อท้อ เดินหน้าทำตามความฝันจนสำเร็จได้อย่างในทุกวันนี้ เพราะการเลือกคนที่จะมาถ่ายทอดเมสเสจก็สำคัญ ต้องเป็นคนที่เชื่อว่าโอกาสและความฝันมันเป็นจริงได้ สองคนนี้เป็นตัวแทนของหนุ่มสาวที่มีความฝันและไม่เคยทิ้งฝัน เมื่อไรที่มีความฝันและใจยังสู้อยู่ ขอให้มองหาโอกาสเหล่านั้นและกระโจนเข้าไป”

“มีคำกล่าวหนึ่งที่ชอบมาก “โศกนาฏกรรมของชีวิตคือการมองข้ามโอกาสที่ผ่านเข้ามาของตัวเอง” มันจริงนะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะกระโจนเข้าหาโอกาสได้ เพราะโอกาสไม่ได้มาหาเราตลอดเวลา แต่เมื่อไรที่โอกาสผ่านเข้ามาแล้วเราปล่อยผ่าน มันเป็นเรื่องน่าเศร้า CardX ไม่อยากให้ทุกคนเกิดความรู้สึกแบบนี้ นี่จึงเป็นบทบาทสำคัญของแบรนด์ที่ทำให้คนเข้าใจได้ทันทีว่าโอกาสมีอยู่รอบตัว”
หลังเปิดตัวมิวสิกวิดีโอโฆษณาเพียง 1 วัน ยอดผู้เข้าชมก็ทะลุหลักล้าน พร้อมกับคอมเมนต์ที่แสดงความขอบคุณสำหรับการเป็นโอกาสในวันที่คนไทยเกือบจะหมดพลังใจจะสู้ต่อ
“ทุกเสียงตอบรับ ทุกคำขอบคุณ เป็นกำลังใจให้กับแบรนด์และคนทำแบรนด์ กำลังใจในแง่ที่ว่า เราได้เห็นคนมากมายเขามีกำลังใจที่จะลุกขึ้นมามองหาโอกาส และมุ่งมั่นตั้งใจทำชีวิตให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันมันก็เป็นบทพิสูจน์ว่าเมสเสจที่เราตั้งใจส่งไปมันถึงคนเหล่านั้นจริงๆ คนเริ่มรู้จัก CardX ในมุมที่เขาไม่เคยได้ยิน รู้ว่าเราเป็นใคร รู้ว่าเรามีเป้าหมายอะไร และเพราะเหตุใดถึงช่วยให้ทุกโอกาสเป็นไปได้และเป็นได้อีกเยอะ”

คุณก็เช่นกัน ถ้าอ่านมาถึงบรรทัดนี้คงรู้จัก CardX ดีพอระดับหนึ่ง แต่เมธีบอกว่านี่เป็นเพียงบันไดขั้นแรก
“วันนี้เชื่อว่าทุกคนรู้ว่า CardX สามารถสร้างความเป็นไปได้ทางการเงินอย่างรับผิดชอบ และมีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าร่วมกัน แต่บันไดขั้นถัดไปที่เราต้องก้าวขึ้นไปคือ ให้ CardX เป็นหนึ่งในทางเลือกของเขา ตอนนี้ทุกคนแค่ ‘รู้จัก’ แต่เรายังไม่ได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจ หน้าที่ต่อจากนี้คือให้ข้อมูลของบริการต่างๆ ที่เรามี ความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์คืออะไร ผลิตภัณฑ์แต่ละแบบเหมาะกับใคร และคนเหล่านั้นจะเข้าถึงได้อย่างไร เป็นสเต็ปของการหยิบโปรดักต์ต่างๆ มาพูดคุย”
ปัจจุบัน CardX มีผลิตภัณฑ์ในมือ 3 ตัวด้วยกัน ได้แก่ บัตรเครดิต CardX, บัตรกดเงินสด CardX SPEEDY CASH และสินเชื่อส่วนบุคคล CardX
ต่อจากนี้ต้องรอติดตามว่า CardX จะหยิบเครื่องมือหรือกลยุทธ์อะไรมาพูดคุยกับผลิตภัณฑ์ ที่แน่ๆ ต้องนำเสนอในรูปแบบที่สนุก ย่อยง่าย เพื่อให้ทุกโอกาสเป็นไปได้แน่นอน
The post ถอดแนวคิดภารกิจสร้าง ‘ทุกโอกาสเป็นไปได้’ และ #เป็นได้อีกเยอะ ด้วย Music Marketing ของ CardX แพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลเพื่อคนมีฝัน [PR NEWS] appeared first on THE STANDARD.
]]>
Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซระดับโลก ประกาศเลื่อนการเปิด […]
The post Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ เลื่อนการเปิดตัวแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ออกไปด้วยปัญหาทางเทคนิค appeared first on THE STANDARD.
]]>
Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซระดับโลก ประกาศเลื่อนการเปิดตัวแพลตฟอร์มซื้อขาย Non-Fungible Token (NFT) ไปในวันที่ 15 พฤษภาคม จากกำหนดการเดิมในวันที่ 24 เมษายน แพลตฟอร์ม ‘Amazon Digital Marketplace’ จะเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าในสหรัฐอเมริกาก่อน และจะค่อยๆ เปิดตัวในประเทศอื่นๆ ภายหลัง
Amazon วางแผนที่จะเปิดตัวตลาดซื้อขาย NFT ในเดือนเมษายน ปี 2023 แต่ด้วยเหตุผลทางเทคนิค ทำให้บริษัทได้เลื่อนการเปิดตัวนี้ออกไปจากวันที่ 24 เมษายน ไปเป็นวันที่ 15 พฤษภาคม
มีรายงานว่า Amazon จะเปิดตัวคอลเล็กชัน NFT 15 ชุด โดยตลาดจะพร้อมใช้งานเป็นแท็บบนเว็บไซต์หลักของ Amazon ที่ชื่อว่า Amazon Digital Marketplace ซึ่งตลาดซื้อขายแห่งนี้จะเร่ิมให้บริการแก่ลูกค้าในสหรัฐอเมริกาก่อนที่จะเปิดตัวในระดับสากล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
Waleswoosh อินฟลูเอ็นเซอร์ด้านคริปโตทวีตข้อความว่า ‘Amazon มีลูกค้าที่ใช้งานอยู่มากกว่า 310 ล้านรายทั่วโลก หากมีเพียง 1% ที่แสดงความสนใจในตลาดดิจิทัลใหม่แห่งนี้ อุตสาหกรรมอาจเติบโตหลายเท่าในชั่วข้ามคืน’
OpenSea เป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ชั้นนำที่ครองอันดับ 1 มาอย่างยาวนาน ก่อนที่ Blur จะแซงหน้า และดัน OpenSea ให้มาอยู่อันดับที่ 2 ตลาด NFT มียอดขายหลายพันล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ปี 2017 จึงไม่แปลกใจที่หลายบริษัทมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในวงการนี้ นอกเหนือจาก OpenSea และ Blur ยังมีคู่แข่งรายสำคัญอื่นๆ ได้แก่ Nifty Gateway, Rarible และ SuperRare
ตลาดซื้อขาย NFT ของ Amazon มีเป้าหมายที่จะลดความซับซ้อนของการซื้อขาย NFT และมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นแก่ผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า Amazon จะไม่ยอมรับการชำระเงิน NFT ด้วยคริปโต โดยผู้พัฒนา Web 3 ของ Amazon เปิดเผยว่า ผู้ใช้จะสามารถซื้อ NFT โดยใช้บัตรเครดิตเท่านั้น และ Amazon ไม่มีแผนที่จะยอมรับคริปโตเคอร์เรนซีหรือวอลเล็ต เช่น MetaMask ในอนาคตอันใกล้
อย่างไรก็ตาม Amazon Web Services ร่วมมือกับ Ava Labs เพื่อนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการเปิดตัวตลาด NFT นอกจากนี้ Amazon ยังก้าวไปอีกขั้นในระบบนิเวศ Web 3 โดยร่วมมือกับ Chainlink (LINK) สำหรับโซลูชันการสร้างโหนด และ VeChainThor สำหรับบริการจัดการคาร์บอนบนบล็อกเชนอีกด้วย
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง:
The post Amazon ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ เลื่อนการเปิดตัวแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ออกไปด้วยปัญหาทางเทคนิค appeared first on THE STANDARD.
]]>
แพลตฟอร์มท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดที่ให้คุณเข้าถึงบริการระดั […]
The post เปิดตัว AQBooking.com แพลตฟอร์มออนไลน์น้องใหม่ สำหรับจองที่พักและการท่องเที่ยวแบบลักชัวรี appeared first on THE STANDARD.
]]>
แพลตฟอร์มท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดที่ให้คุณเข้าถึงบริการระดับ A-List เพียงปลายนิ้ว
Aquarius International Development หรือ AQI บริษัทผู้นำด้านการท่องเที่ยวและการบริการจากฮ่องกง ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์มออนไลน์แนวใหม่ ‘AQBooking.com’ สำหรับจองที่พักและการท่องเที่ยวแบบลักชัวรี ช่วยให้นักเดินทางเข้าถึงแบรนด์ผู้ให้บริการท่องเที่ยวระดับ A-List ตั้งแต่โรงแรม รีสอร์ตที่ดีที่สุด ไปจนถึงประสบการณ์การรับประทานอาหาร บริการเช่าเรือยอชต์ และอีกมากมาย
AQBooking.com เป็นการรวมตัวกันของหลายพันธมิตรยักษ์ใหญ่ในวงการท่องเที่ยวและการบริการ ไม่ว่าจะเป็น Amadeus และ Hotelbeds สองผู้นำในธุรกิจท่องเที่ยวผู้เชี่ยวชาญการจัดหาตั๋วเครื่องบินและจองห้องพักแบบ B2B, General Hotel Management และ InterContinental Hotels Group ช่วยให้สมาชิกสามารถจองโรงแรมและรีสอร์ตที่หรูหราที่สุดในโลกได้อย่างง่ายดาย ซึ่งรวมถึง The Chedi Aquarius Koh Chang รีสอร์ตน้องใหม่ที่กำลังเปิดบ้าน และ Isabella Yachts Phuket บริษัทเช่าเรือยอชต์ที่มีคนดังมาใช้บริการมากมาย
ฐานลูกค้าของ AQBooking.com เน้นไปที่ผู้มีรายได้สูง ซึ่งให้ความสำคัญกับบริการส่วนบุคคลแบบเหนือระดับ โดยแพลตฟอร์มจะเน้นที่คุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ ผ่านการสร้างชุมชนสุดเอ็กซ์คลูซีฟของนักเดินทางรอบโลกที่มีความต้องการในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวของกลุ่มไฮเอนด์ในปัจจุบัน
สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในไทย สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (The Pacific Asia Travel Association: PATA) คาดการณ์ว่า ปีนี้จะมีนักเดินทางจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทยมากถึง 12.4 ล้านคน ซึ่งถือเป็นการฟื้นฟูครั้งใหญ่หลังจากในช่วงสองปีที่ผ่านมา และจะเพิ่มขึ้นเป็น 47 ล้านคนในปี 2567 สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ PATA คาดการณ์ว่าภูมิภาคนี้สามารถต้อนรับนักเดินทางได้ถึง 49.6 ล้านคนในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 169.1 ล้านคนภายในปี 2567
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมและลองใช้บริการได้ที่ www.aqbooking.com
ภาพ: Courtesy of Brand
The post เปิดตัว AQBooking.com แพลตฟอร์มออนไลน์น้องใหม่ สำหรับจองที่พักและการท่องเที่ยวแบบลักชัวรี appeared first on THE STANDARD.
]]>
Robinhood แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ […]
The post Robinhood เปิดตัว Intelligence Dashboard ช่วยร้านค้าบนแพลตฟอร์มยกระดับบริการผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก appeared first on THE STANDARD.
]]>
Robinhood แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดตัวบริการใหม่ ‘Intelligence Dashboard’ ที่รวบรวมข้อมูลสำคัญๆ จากการขาย เช่น ยอดขายสุทธิ ยอดขายรายสัปดาห์ ออร์เดอร์รวม ออร์เดอร์ตามวันและเวลา เมนูขายดีของร้าน เมนูขายดีตามช่วงเวลา จำนวนลูกค้าทั้งเดือน จำนวนลูกค้าเดิมจากเดือนก่อนหน้า ประเภทของกลุ่มลูกค้า ระยะทางและพื้นที่ในการจัดส่ง รวมถึงคำค้นยอดฮิตของลูกค้า เพื่อช่วยให้ร้านค้ากว่า 2 แสนร้านบนแพลตฟอร์ม Robinhood สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกและนำไปใช้ในการพัฒนารูปแบบการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น
สีหนาท ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการแอป Robinhood กล่าวว่า ภารกิจหลักของ Robinhood คือการช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารโดยเฉพาะร้านเล็กๆ ให้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลายากลำบาก มีโอกาสในการสร้างรายได้จากการขายอาหารผ่านช่องทางฟู้ดเดลิเวอรีด้วยการไม่คิดค่าธรรมเนียมการใช้แพลตฟอร์ม ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการให้บริการ จึงได้ร่วมมือกับทีม SCB DBank ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านดิจิทัลแบงกิ้ง ภายใต้กลุ่มไทยพาณิชย์ ในการนำขีดความสามารถทางด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกมาใช้ในการพัฒนารูปแบบการให้บริการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับร้านค้า ลูกค้า และไรเดอร์
“Intelligence Dashboard มีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้ร้านค้ากว่า 2 แสนร้านที่เปิดให้บริการบน Robinhood สามารถนำข้อมูลที่เราจัดส่งให้แต่ละร้านแบบไม่มีค่าใช้จ่ายไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น การบริหารสต๊อกวัตถุดิบตามเมนูยอดนิยม การบริหารจัดการการขายตามช่วงเวลาขายดี การสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดที่ตอบโจทย์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า” สีหนาท กล่าว
ทั้งนี้ร้านค้าที่สนใจและต้องการใช้บริการ Intelligence Dashboard สรุปการขายประจำเดือนสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงพิมพ์ @Robinhoodshop เพื่อเพิ่มเพื่อนใน LINE (Add Line) จากนั้นกด ‘สรุปการขายประจำเดือนจากร้านค้า’ เพื่อลงทะเบียนรับข้อมูลสรุปการขายประจำเดือนกับโรบินฮู้ด โดยในระยะแรกนี้จะเปิดให้สำหรับร้านค้าประเภทบุคคลธรรมดา เข้ามาขอรับ Intelligence Dashboard ก่อนและจะขยายให้กับร้านค้าประเภทนิติบุคคล เข้ามาขอรับรายงานได้ด้วยในเฟสถัดไป
ชาลี อัศวธีระธรรม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงาน Digital Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB DBank) กล่าวว่า “โลกธุรกิจยุคปัจจุบันมี ข้อมูล หรือ Data เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อน ที่ผ่านมาทีม Data Intelligence ของ SCB DBank ได้ทำงานร่วมกับ Robinhood อย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการให้บริการฟู้ดเดลิเวอรีทั้งในมิติของร้านค้า ไรเดอร์ และลูกค้า มาทำการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการต่อยอดการให้บริการ พัฒนาเป็นโซลูชันใหม่ๆ ตลอดจนแคมเปญทางการตลาดที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุด
“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลจาก Intelligence Dashboard ที่ทางทีมงาน Customize ขึ้นสำหรับแต่ละร้านค้าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการร้านอาหารและช่วยยกระดับด้าน Data Literacy ให้ผู้ประกอบการมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้น มีความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้ามากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของการบริหารจัดการสต๊อกวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ชาลี กล่าว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
The post Robinhood เปิดตัว Intelligence Dashboard ช่วยร้านค้าบนแพลตฟอร์มยกระดับบริการผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก appeared first on THE STANDARD.
]]>
Your voice can change the world. – บารัก โอบามา & […]
The post แพลตฟอร์มโดยประชาชน: การจัดสรรทรัพยากรสาธารณะจากเสียงสะท้อนและการมีส่วนร่วมของทุกคน appeared first on THE STANDARD.
]]>
Your voice can change the world. – บารัก โอบามา
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 สภาเทศบาลเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน เปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการร่างแผนปฏิบัติเพื่อการบริหารท้องถิ่น (Municipal Action Plan) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยสภาเทศบาลเมืองบาร์เซโลนาเปิดให้ประชาชนเสนอแนวทางในการจัดสรรเงินงบประมาณของสภาเทศบาลเมือง เพื่อการจัดหาสินค้าและบริการสาธารณะและใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เป็นช่องทางในการพูดคุยและลงคะแนนเพื่อเลือกแผนการจัดสรรงบประมาณที่ประชาชนเห็นชอบร่วมกัน ผลปรากฏว่ามีประชาชนเสนอแผนการจัดสรรงบประมาณกว่า 10,860 แผน ประชุมกันกว่า 410 ครั้ง และมีประชาชนร่วมลงคะแนนเสียงกว่า 160,000 คน
หลังจากที่การจัดสรรงบประมาณผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ประสบความสำเร็จด้วยดี ประชาชน นักวิชาการ ตลอดจนนักการเมืองท้องถิ่น ก็เริ่มตระหนักถึงศักยภาพของแพลตฟอร์มดิจิทัลในการจัดสรรทรัพยากรสาธารณะ จึงร่วมมือกันพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีโครงสร้างและฟังก์ชันการทำงานที่ครบถ้วนขึ้น สามารถรองรับสินค้าและบริการสาธารณะ ตลอดจนกิจกรรมสาธารณะที่หลากหลายขึ้น จนกลายมาเป็น ‘แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการจัดสรรทรัพยากรสาธารณะ’ ที่สมบูรณ์และมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของโลก ผมขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักแพลตฟอร์มเดซิดิม (Decidim)
เดซิดิมเป็นภาษาคาตาลันแปลว่า ‘เราตัดสินใจ’ (We Decide) ซึ่งเป็นชื่อที่บ่งบอกถึงเป้าหมายและรูปแบบการทำงานของแพลตฟอร์มที่สนับสนุนให้ประชาชนเริ่มคิด ร่วมคิด และร่วมทำกิจกรรมสาธารณะ โดยยึดหลักที่ว่าคนทุกคนควรมีส่วนร่วมกับกิจกรรมสาธารณะอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม (Democratic Participation) เดซิดิมสร้างเครือข่ายทางเศรษฐกิจและสังคมของคนในท้องถิ่น และเปิดพื้นที่ให้คนริเริ่มโครงการสาธารณะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและลงคะแนนสนับสนุนหรือคัดค้านโครงการสาธารณะ
ปัจจุบันเดซิดิมกลายเป็นต้นแบบของแพลตฟอร์มเพื่อการจัดการสาธารณะในหลายประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ เดซิดิมสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการจัดสรรงบประมาณสาธารณะของรัฐบาลท้องถิ่นเมืองบาร์เซโลนา สนับสนุนให้เกิดโครงการก่อสร้างและปรับปรุงทางเท้าเพื่อเชื่อมต่อสถานที่สำคัญในเมืองลีลล์ ประเทศฝรั่งเศส และโครงการสาธารณะอีกหลายพันโครงการ
ในบทความฉบับที่แล้ว ผมกล่าวถึงแพลตฟอร์ม ‘ของประชาชน’ หรือแนวคิดที่ประชาชนสามารถประยุกต์แพลตฟอร์มดิจิทัลให้เป็นกลไกในการจัดสรรทรัพยากรสาธารณะ ในบทความฉบับนี้ผมจะเล่าถึงโครงสร้างของแพลตฟอร์ม ‘โดยประชาชน’ และชี้ให้เห็นว่าพวกเราในฐานะคนธรรมดาก็สามารถมีส่วนร่วมในการสร้างและพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อการจัดสรรทรัพยากรสาธารณะขึ้นมาได้
การจัดสรรทรัพยากรสาธารณะที่ดีคือการจัดสรรที่มีประสิทธิภาพและเท่าเทียม
แพลตฟอร์มเดซิดิมจัดสรรเงิน คน และทรัพยากรมาสร้างสินค้าและบริการสาธารณะที่ผู้ใช้แพลตฟอร์มทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมกัน หากนำมาทาบกับเศรษฐศาสตร์ การจัดสรรทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่ดีคือการจัดสรรที่ ‘มีประสิทธิภาพ’ และ ‘เท่าเทียม’ การจัดสรรที่มีประสิทธิภาพทำให้คนในระบบเศรษฐกิจได้รับประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากร นั่นคือ ใช้อย่างคุ้มค่า ขณะที่การจัดสรรที่เท่าเทียมหมายถึงการกระจายทรัพยากรไปให้กับคนในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
ความเท่าเทียมมีหลายความหมายและขึ้นอยู่กับผู้กำหนดนิยาม ความเท่าเทียมขึ้นกับว่ามี ‘อะไร’ เท่ากัน เช่น มีเงินเท่ากัน หรือมีสินทรัพย์เท่ากัน เป็นต้น ไม่ว่าจะให้ความหมายอย่างไร การจัดสรรทรัพยากรอย่างเท่าเทียมควรทำให้คนมี ‘โอกาส’ เข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการก่อตั้งกิจการ โอกาสในการเข้าสู่ตลาด หรือโอกาสทางการศึกษา ในทางตรงกันข้าม การจัดสรรทรัพยากรที่ล้มเหลวจะสร้าง ‘ความเหลื่อมล้ำทางด้านโอกาส’
รูปที่ 1 รายได้ต่อหัวประชากรและดัชนีความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ในปี 2018

อ้างอิง: ธนาคารโลก
จากประสบการณ์ในต่างประเทศ ประเทศที่จัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมักเป็นประเทศที่จัดสรรได้อย่างเท่าเทียม จากรูปที่ 1 จะเห็นว่ารายได้ต่อหัวซึ่งบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากรกับความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ ซึ่งวัดโดยดัชนี Gini มีความสัมพันธ์เป็นลบ งานวิจัยเห็นตรงกันว่ากลไกการจัดสรรทรัพยากรในเศรษฐกิจที่มีความเหลื่อมล้ำสูงอาจซ้ำเติมให้ความเหลื่อมล้ำมีความรุนแรงขึ้น เพราะจะทำให้คนที่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าอยู่แล้วมีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรมากกว่า นอกจากนี้คนที่มีพื้นฐานที่ดีกว่าก็มักมีโอกาสแทรกแซงกลไกการจัดสรรเพื่อให้ตนได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากขึ้น สุดท้ายการจัดสรรจะไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น ซึ่งย่อมได้ผลลัพธ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ
การจัดสรรทรัพยากรสาธารณะที่ดีต้องอาศัยระบบนิเวศข้อมูลข่าวสารที่สมบูรณ์
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าการจัดสรรทรัพยากรแบบไหนที่มีประสิทธิภาพที่สุดและเท่าเทียมที่สุด? การจัดสรรทรัพยากรมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อตอบสนองความต้องการของคนในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นกลไกจัดสรรควรนำความต้องการและความคิดเห็นของทุกคนในระบบเศรษฐกิจมาเป็นบรรทัดฐาน เพื่อกำหนดนิยามของประสิทธิภาพและความเท่าเทียม และกำหนดมรรควิธีในการจัดสรรเพื่อไปถึงเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งเป็นที่มาของคำว่าการจัดสรรทรัพยากรสาธารณะ ‘โดยประชาชน’
เพื่อให้การจัดสรรสะท้อนความต้องการร่วมกันของคนในระบบเศรษฐกิจ กลไกจัดสรรต้องมีระบบนิเวศของข้อมูลข่าวสารที่สมบูรณ์ โครงสร้างของระบบนิเวศควรมีลักษณะเป็น ‘พื้นที่เปิด’ ที่คนในระบบเศรษฐกิจสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน ร่วมคิดและหาข้อสรุปในการจัดสรรทรัพยากรที่ตอบสนองความต้องการของคนทุกคนมากที่สุด ซึ่งรวมไปถึงการจัดสรรทรัพยากรสาธารณะด้วย
ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่เอื้อให้เกิดแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เอื้อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่สมบูรณ์ขึ้น แพลตฟอร์มจึงอาจช่วยให้คนในระบบเศรษฐกิจเอาชนะความล้มเหลวของตลาด และสามารถมีส่วนร่วมในการจัดสรรทรัพยากรได้โดยตรง ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ของการจัดสรรมีประสิทธิภาพและเท่าเทียมขึ้น…
…จะดีแค่ไหนหากเราสามารถมีส่วนร่วมในการจัดสรรทรัพยากรโดยตรง?
แพลตฟอร์มเดซิดิม: องค์ประกอบและการทำงานของแพลตฟอร์มเพื่อการจัดการสาธารณะ
เราจะออกแบบแพลตฟอร์มเพื่อการจัดการสาธารณะอย่างไร? แพลตฟอร์มเดซิดิมมีคุณลักษณะสำคัญคือการสนับสนุนให้ผู้ใช้แพลตฟอร์มมีส่วนร่วมในการจัดสรรทรัพยากรสาธารณะอย่างเท่าเทียมกัน การมีส่วนร่วมเกิดขึ้นได้จากการสร้างเครือข่ายของผู้ใช้กลไก และกลไกที่เอื้อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้ใช้อย่างสมบูรณ์ รูปแบบการทำงานนับตั้งแต่การริเริ่มโครงการสาธารณะ การแสดงความเห็น การลงคะแนนเสียง และการติดตามผลการจัดสรรทรัพยากรสาธารณะล้วนถูกออกแบบภายใต้แนวคิดที่ว่าผู้ใช้ทุกคนต้องมีส่วนร่วมได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
แพลตฟอร์มเดซิดิมแบ่งกระบวนการพิจารณาโครงการสาธารณะออกเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้
รูปที่ 2 การริเริ่มโครงการและข้อเสนอเชิงนโยบาย

รูปที่ 3 การแสดงความคิดเห็น

รูปที่ 4 การติดตามความคืบหน้าโครงการ

นอกจากการส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่สมบูรณ์แล้ว แพลตฟอร์มเดซิดิมยังมีหลักการในการทำงานที่สำคัญ 4 ประการ ซึ่งผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเรียกว่า ‘สัญญาทางสังคม’ ที่ผู้พัฒนามีต่อผู้ใช้ ดังนี้
การทำนโยบายสาธารณะ คือการทำนโยบายที่สะท้อน ‘เสียง’ ของประชาชน
It is citizens – ordinary men and women, determined to forge their own future – who throughout history have sparked all the great change and progress. – บารัก โอบามา
การจัดสรรทรัพยากรสาธารณะคือกลไกพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างความเท่าเทียมทางด้านโอกาสอันเป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจที่เติบโตเต็มศักยภาพ และสนับสนุนให้คนในระบบเศรษฐกิจทุกคนมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยป่วยเพราะโรคร้ายและอ่อนแอเพราะความเหลื่อมล้ำที่ถ่างกว้าง การปฏิรูปกลไกจัดสรรทรัพยากรสาธารณะอาจเป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยรักษาและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้กลับมาแข็งแรงกว่าเดิม และแข็งแรงพร้อมกันไปทุกภาคส่วน
ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะเริ่มพูดคุยกันอย่างจริงจังถึงความเป็นไปได้ที่จะนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาเป็นกลไกจัดสรรทรัพยากรสาธารณะ และคนไทยควรจะได้มีส่วนร่วมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างเข้มข้นและทั่วถึงกว่าเดิม เพื่อให้การจัดสรรทรัพยากรสาธารณะเป็น ‘ของประชาชน’ และ ‘โดยประชาชน’ อย่างแท้จริง ผมเชื่อว่าเสียงสะท้อนและการมีส่วนร่วมของทุกคนคือเป้าหมาย เป็นมรรควิธีที่ดีที่สุดที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนำพาประเทศไทยให้ก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน
เราเดินทางมาถึงคำถามสุดท้ายที่ว่า ไทยมีความพร้อมมากแค่ไหนสำหรับการปฏิรูปกลไกการจัดสรรทรัพยากรสาธารณะ? …มาร่วมหาคำตอบกันในบทความฉบับหน้า ในบทความที่มีชื่อว่า ‘แพลตฟอร์มเพื่อประชาชน’
The post แพลตฟอร์มโดยประชาชน: การจัดสรรทรัพยากรสาธารณะจากเสียงสะท้อนและการมีส่วนร่วมของทุกคน appeared first on THE STANDARD.
]]>