แพทย์แผนจีน – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 24 Aug 2023 01:16:07 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 How to วิธีใช้กัวซาสำหรับมือใหม่ https://thestandard.co/life/how-to-use-guasa-for-beginners/ Tue, 02 May 2023 09:55:40 +0000 https://thestandard.co/?p=784162 วิธีใช้กัวซา

LIFE แนะนำวิธีใช้กัวซา (Guasa) สำหรับมือใหม่ที่อยากมีผิ […]

The post How to วิธีใช้กัวซาสำหรับมือใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิธีใช้กัวซา

LIFE แนะนำวิธีใช้กัวซา (Guasa) สำหรับมือใหม่ที่อยากมีผิวแลดูใส สุขภาพดี

 

กัวซาเป็นศาสตร์การบำบัดที่เผยแพร่มาจากการแพทย์แผนจีนโบราณ จุดประสงค์ในการใช้กัวซายุคแรกๆ นิยมใช้เพื่อการรักษาปัญหาสุขภาพ เพราะใช้แล้วเห็นผลดีและมีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ การบำบัดกัวซาเป็นการผสมผสานระหว่างทฤษฎีเส้นลมปราณกับระบบประสาทของร่างกายที่เชื่อมต่อกับส่วนต่างๆ ของร่างกายเข้าด้วยกัน

 

กัวซาทำมาจากวัสดุที่หลากหลาย มีทั้งกัวซาไม้ สเตนเลสสตีล หินแท้ และหยกแท้ ซึ่งมีรูปร่างแตกต่างกัน เช่น กัวซาแบบ Roller เหมาะกับมือใหม่ เพราะใช้ง่าย สามารถกลิ้งไปตามผิวหน้าได้เลย แต่กัวซาที่ได้รับความนิยมมากคือกัวซาหินต่างๆ ที่มีรูปทรงคล้ายใบไม้หรือหัวใจ จะมีส่วนโค้งเว้าที่รับกับรูปหน้าได้พอดี และยังมีความเย็นจากหินธรรมชาติที่ช่วยในการบำบัดให้ผ่อนคลายยิ่งขึ้น

 

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีการปรับประยุกต์ในการใช้กัวซาที่ตอบโจทย์หลากหลายมากยิ่งขึ้น ใช้ได้กับร่างกาย เช่น บริเวณใบหน้า, แผ่นหลัง, แขน, ขา, คอ เป็นต้น ซึ่งนอกจากการใช้บำบัดรักษาสุขภาพ ขูดขับสารพิษออกจากร่างกายแล้ว กัวซายังได้รับการพิสูจน์จากงานวิจัยทางการแพทย์แผนปัจจุบันหลายฉบับแล้วว่า สามารถช่วยเสริมความงามให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ได้ด้วย

 

เราจึงมักเห็นรีวิวกัวซาอยู่บ่อยๆ ว่า ช่วยลดเหนียง กระชับผิวหน้า และช่วยสร้างใบหน้าที่แลดูเรียวสวยอย่างได้ผล บางคนใช้กัวซานวดผิวหน้าเป็นประจำ ยังได้ผลลัพธ์ผิวหน้าเนียนใสแบบ Glass Skin อีกด้วย 



วิธีใช้กัวซาสำหรับมือใหม่ 

  1. ล้างหน้าให้สะอาด เพื่อเปิดรูขุมขน 
  2. ใช้น้ำมันบำรุงผิวหน้า นวดเบาๆ ทั่วผิวหน้า การใช้น้ำมันเหมาะกับการทำงานร่วมกับกัวซาที่สุด เพราะจะมีความลื่นไหล ลดแรงเสียดสีระหว่างการนวดได้ดี 
  3. จับกัวซาให้พอดีมือ แล้วเริ่มจากบริเวณไหปลาร้าด้านขวา ใช้กัวซาด้านกว้างกดแรงปานกลาง และถูไปจนถึงแนวกราม ทำ 10 ครั้ง  
  4. เปลี่ยนมานวดที่ขากรรไกร เริ่มจากกึ่งกลางคาง ใช้ด้านโค้งของกัวซาขูดเบาๆ ไปตามแนวกรามจนถึงหลังใบหู ทำ 10 ครั้งแล้วเปลี่ยนข้าง 
  5. วางกัวซาที่หน้าแก้ม ใช้ด้านขอบมน เรียบ และกว้าง ค่อยๆ ลากขึ้นเหนือโหนกแก้ม และสิ้นสุดตรงหู ทำ 10 ครั้งแล้วเปลี่ยนข้าง 
  6. วางกัวซาที่มุมใต้ตาขวา ค่อยๆ เลื่อนกัวซาจากบริเวณใต้ตาไปสิ้นสุดที่ไรผม  ทำ 10 ครั้งแล้วเปลี่ยนข้าง
  7. วางกัวซาบริเวณกลางคิ้ว แล้วปัดไปทางขวาจนสิ้นสุดที่ไรผม ทำ 10 ครั้งแล้วเปลี่ยนข้าง
  8. บริเวณหน้าผาก ให้เริ่มจากด้านบนของคิ้วขวา ลากขอบกัวซาขึ้นไปจนถึงบริเวณไรผม ทำ 10 ครั้งแล้วเปลี่ยนข้าง

 

 

วิธีดูแลตัวเองก่อนและหลังทำกัวซา

  1. ก่อนและหลังการบำบัดด้วยกัวซา ควรดื่มน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นที่สะอาด 1 แก้ว (หลีกเลี่ยงน้ำเย็นหรือน้ำร้อน) พักผ่อนประมาณ 10-15 นาที เพื่อฟื้นฟูพลังงานของร่างกาย ซับเหงื่อออกจากร่างกาย หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับลมโดยตรง ไม่รับประทานอาหารรสจัด เช่น อาหารรสเปรี้ยว เผ็ด อาหารที่มีไขมัน หรืออาหารประเภทที่ย่อยยาก
  2. ภายใน 30 นาทีหลังการบำบัดห้ามอาบน้ำ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ระบบการไหลเวียนโลหิตที่ถูกกระตุ้นด้วยการขูดหรือนวดกัวซายังคงลื่นไหลอยู่ ให้พักและผ่อนคลายร่างกายในท่าที่สบาย 
  3. หากรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายผิวบริเวณที่ทำกัวซา บางคนมีอาการตัวรุมๆ ประมาณ 2-3 วัน เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องกังวล เพราะอาการเหล่านี้กำลังบ่งชี้ถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันหรือเซลล์เม็ดเลือดขาว 
  4. สามารถรับการรักษาด้วยวิธีบำบัดควบคู่ไปกับการฝังเข็ม นวดกดจุด ใช้ยาสมุนไพร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการทำกัวซาเพื่อสุขภาพได้ โดยในการทำกัวซาเพื่อสุขภาพสามารถทำได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ การทำกัวซาบนผิวหน้าสามารถทำได้เองที่บ้านทุกวัน 

 

Tip:

  • กัวซามีจำหน่ายตามร้านขายเครื่องสำอางทั่วไป เช่น Eveandboy และ Sephora
  • แบรนด์ที่ผลิตกัวซามีคุณภาพ สวยงาม และใช้งานได้ดี เช่น แบรนด์ Mount Lai, Herbivore Botanicals, Sephora และ Skin Gym 

 

ภาพ: Shutterstock, Courtesy of Brands

อ้างอิง: 

 

The post How to วิธีใช้กัวซาสำหรับมือใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
GUIDE: Traditional Chinese Medicine รู้จัก 7 ศาสตร์การแพทย์แผนจีน https://thestandard.co/life/traditional-chinese-medicine/ Mon, 06 Mar 2023 03:14:28 +0000 https://thestandard.co/?p=759021 Traditional Chinese Medicine

การแพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) เป็นศาสตร […]

The post GUIDE: Traditional Chinese Medicine รู้จัก 7 ศาสตร์การแพทย์แผนจีน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Traditional Chinese Medicine

การแพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) เป็นศาสตร์การรักษาแบบองค์รวมที่มีต้นกำเนิดในประเทศจีน เมื่อกว่า 2,500 ปีที่แล้ว เป็นระบบการแพทย์เฉพาะที่ใช้รักษาโรคที่มาจากประเทศจีนและแพร่หลายไปยังประเทศอื่นๆ ของโลก ศาสตร์แพทย์แผนจีนนั้นมีพื้นฐานมาจากความเชื่อที่ว่าร่างกายมนุษย์มีความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ และมีความสมดุลที่กลมกลืนของหยินและหยาง รวมถึงการไหลเวียนของพลังงานชี่ ที่เป็นหัวใจสำคัญสำหรับการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี LIFE จะพาทุกคนไปรู้จักกับ 7 ศาสตร์แพทย์แผนจีนที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน อันประกอบด้วย การฝังเข็ม, การครอบแก้ว, การแปะเมล็ดผักกาดที่ใบหู, กัวซา, การรมยาสมุนไพร, การประคบร้อน และการรักษาด้วยยาจีน 

 

 

  1. การฝังเข็ม (Acupuncture)

หนึ่งในการรักษาของศาสตร์แพทย์แผนจีนที่คนไทยคุ้นเคยกันดี โดยแพทย์ผู้ทำการรักษาจะใช้เข็มขนาดเล็กที่ใช้สำหรับการฝังเข็มโดยเฉพาะ ฝังลงไปตามจุดต่างๆ ของร่างกายตามเส้นลมปราณ (Meridian Line) จะช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกาย เส้นเลือดมีการไหลเวียนดี ซึ่งวิธีนี้แม้แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็มีการรับรองการรักษาด้วยการฝังเข็มในกลุ่มอาการปวดและโรคที่เกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อ เช่น ออฟฟิศซินโดรม คนที่มีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง ปวดเข่า หรือปวดไมเกรน นอกจากนี้ยังพบว่าการฝังเข็มสามารถรักษาอาการอื่นๆ ได้อีก เช่น อาการนอนไม่หลับ ประจำเดือนมาไม่ปกติ โรคภูมิแพ้ ไซนัส ไมเกรน หรือแม้แต่ด้านความงามหรือการชะลอวัยก็มีการใช้วิธีฝังเข็มเพื่อทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสด้วย  

 

  1. การครอบแก้ว (Cupping) 

เป็นการรักษาแบบแพทย์แผนจีนที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับการฝังเข็ม โดยมีการนำถ้วยแก้วสำหรับครอบแก้วมาผ่านความร้อนจากเปลวไฟจนเกิดเป็นสุญญากาศภายในแก้ว แล้วนำถ้วยแก้วนั้นมาวางติดบนผิวหนัง แก้วจะทำการดูดผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณนั้นขึ้นมาจนนูน ซึ่งจะไปกระตุ้นเส้นเลือดฝอยบริเวณใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้เส้นเลือดไหลเวียนดีขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือกล้ามเนื้อที่เคยปวดตึง ผ่อนคลายบรรเทาลง ที่ได้ผลดีคือการใช้รักษาโรคในกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม โดยมากวิธีการครอบแก้วจะทิ้งรอยช้ำของแรงดูดจากแก้วเอาไว้บนร่างกาย แต่ร่องรอยจะหายไปได้เองราวๆ 1-2 สัปดาห์   

 

 

  1. การแปะเมล็ดผักกาดที่หู (Ear Seed)

วิธีนี้มักจะได้ยินกันว่าเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการจะควบคุมน้ำหนัก เพราะนิยมไปฝังเมล็ดผักกาดที่ใบหู เพื่อช่วยลดความอยากอาหาร แต่ไม่ใช่แค่นี้ เพราะประโยชน์ของศาสตร์นี้ยังช่วยรักษาโรคนอนไม่หลับ บรรเทาอาการปวดตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ผู้หญิงที่ปวดประจำเดือนก็สามารถบรรเทาปวดด้วยการฝังเมล็ดผักกาดได้เช่นกัน วิธีการจะเริ่มต้นใช้เมล็ดผักกาดจีนหรือที่เรียกว่า Wang Bu Liu Xing กดแปะลงบนจุดต่างๆ บริเวณใบหู ซึ่งตามตำราบอกว่าบริเวณนี้มีจุดลมปราณที่เป็นตัวแทนของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายมากกว่า 30 จุด การแปะเมล็ดผักกาดลงไปในส่วนนี้จึงช่วยปรับการทำงานของอวัยวะต่างๆ ให้ทำงานอย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพนั่นเอง โดยปกติหลังจากปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว จะแปะเมล็ดผักกาดข้างละประมาณ 4-6 เม็ด โดยสามารถแปะทิ้งไว้นาน 5-7 วัน (สติกเกอร์กันน้ำได้ จึงอาบน้ำได้ตามปกติ)  

 

 

  1. กัวซา (Guasa) 

กัวซาเป็นศาสตร์การบำบัดที่เผยแพร่มาจากการแพทย์แผนจีนโบราณ จุดประสงค์ในการใช้กัวซาในยุคแรกๆ นิยมใช้เพื่อการรักษาปัญหาสุขภาพ เพราะใช้แล้วเห็นผลดี และมีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ การบำบัดกัวซาเป็นการผสมผสานระหว่างทฤษฎีเส้นลมปราณและระบบประสาทของร่างกายที่เชื่อมต่อกับส่วนต่างๆ ของร่างกายเข้าด้วยกัน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีการปรับประยุกต์ในการใช้กัวซาที่ตอบโจทย์หลากหลายมากยิ่งขึ้น ใช้ได้กับทั้งร่างกาย เช่น บริเวณใบหน้า แผ่นหลัง แขน ขา คอ ซึ่งนอกจากการใช้บำบัดรักษาสุขภาพ ขูดขับสารพิษออกจากร่างกายได้แล้ว กัวซายังได้รับการพิสูจน์จากงานวิจัยทางการแพทย์แผนปัจจุบันหลายฉบับแล้วว่าสามารถช่วยเสริมความงามให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ได้ด้วย เราจึงมักเห็นรีวิวกัวซาอยู่บ่อยๆ ว่าช่วยลดเหนียง กระชับผิวหน้า และช่วยสร้างใบหน้าที่แลดูเรียวสวยอย่างได้ผล บางคนใช้กัวซานวดผิวหน้าเป็นประจำยังได้ผลลัพธ์ผิวหน้าเนียนใสด้วย 

 

 

  1. การรมยาสมุนไพร (Herbal Moxibustion) 

การรมยา คือการใช้ความร้อนของการเผาไหม้แท่งสมุนไพรจีน หรือที่เรียกว่า อ้ายเย่ โดยมากจะใช้รักษาในกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากหยินหยางไม่สมดุล เช่น คนที่มีอาการปวดข้อ ตามข้อพับ หัวเข่า คนที่ปวดประจำเดือน เป็นภูมิแพ้ หรือลมพิษ สามารถรักษาด้วยวิธีนี้ได้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะจุดยาสมุนไพรจีนที่เป็นแท่งรมยา แล้วรมไปตามจุดต่างๆ ตามร่างกาย ระหว่างที่รับการรมยา กลิ่นของรมยาสมุนไพรจีนจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และปรับหยินหยางให้สมดุลกัน   

  1. การประคบร้อน (Tuina Chinese Herb Bag)

เป็นการบำบัดแบบแพทย์แผนจีนที่ใช้สมุนไพรอุ่นเพื่อบรรเทาอาการปวด โดยในลูกประคบจะประกอบด้วยส่วนผสมของสมุนไพร และส่วนผสมจากธรรมชาติอื่นๆ เช่น เมล็ด ราก และดอกไม้ต่างๆ ซึ่งตามความเชื่อทางแพทย์แผนจีนเชื่อว่ามีผลในการรักษาความเจ็บปวดของร่างกาย โดยในระหว่างการรักษาด้วยลูกประคบจะเน้นไปยังบริเวณเฉพาะจุดของร่างกายที่มีอาการปวด เช่น หลัง คอ หรือข้อต่อ โดยความร้อนจากลูกประคบที่บรรจุสมุนไพรมากมายจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ มักจะใช้ร่วมกับการรักษาแบบแพทย์แผนจีนอื่นๆ เช่น การฝังเข็มและการนวด เพื่อเพิ่มผลการรักษา 

 

  1. การรักษาด้วยยาจีน (Herbal Remedies)

การรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร เป็นหนึ่งในศาสตร์การแพทย์แผนจีนที่มีมานานหลายพันปีตั้งแต่ยุคโบราณ ซึ่งยาจีนที่นำมาใช้ในการรักษาโรคนั้นมีได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของชา ทิงเจอร์ สารสกัด ยาแคปซูล และยาทาผิวหนัง โดยยาจีนมีการปรุงจากส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ใบ ลำต้น ราก ดอก และเมล็ด และได้รับการคัดเลือกตามคุณสมบัติทางยาเฉพาะ การรักษาด้วยสมุนไพรมักใช้รักษาอาการต่างๆ ได้หลากหลาย รวมถึงปัญหาการย่อยอาหาร อาการปวดหัว สภาพผิวพรรณ ปัญหาระบบทางเดินหายใจ และความเครียด นอกจากนี้ยังนิยมยาจีนเพื่อบำรุงสุขภาพให้แข็งแรง แต่สิ่งสำคัญคือการรักษาด้วยสมุนไพรอาจมีผลข้างเคียงได้ จึงควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนที่มีใบอนุญาตหรือนักสมุนไพรที่ได้รับการรับรองที่น่าเชื่อถือ พวกเขาสามารถช่วยกำหนดปริมาณที่เหมาะสมและมั่นใจได้ว่าการรักษานั้นปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับความต้องการด้านสุขภาพเฉพาะของแต่ละคน

 

ภาพ: Shutterstock

อ้างอิง:

 

The post GUIDE: Traditional Chinese Medicine รู้จัก 7 ศาสตร์การแพทย์แผนจีน appeared first on THE STANDARD.

]]>
จีนอนุมัติให้ขาย ‘ยาแพทย์แผนจีน’ เพื่อรักษาโควิด-19 ได้ https://thestandard.co/china-approved-traditional-chinese-medicine-treat-covid-19/ Thu, 04 Mar 2021 07:02:20 +0000 https://thestandard.co/?p=461450 จีนอนุมัติให้ขาย ‘ยาแพทย์แผนจีน’ เพื่อรักษาโควิด-19 ได้

วันนี้ ( 4 มีนาคม) สำนักงานบริหารเวชภัณฑ์แห่งชาติจีน (N […]

The post จีนอนุมัติให้ขาย ‘ยาแพทย์แผนจีน’ เพื่อรักษาโควิด-19 ได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
จีนอนุมัติให้ขาย ‘ยาแพทย์แผนจีน’ เพื่อรักษาโควิด-19 ได้

วันนี้ ( 4 มีนาคม) สำนักงานบริหารเวชภัณฑ์แห่งชาติจีน (NMPA) รายงานว่าจีนได้อนุมัติการวางจำหน่ายยาแพทย์แผนจีน (TCM) จำนวน 3 ตัวผ่านขั้นตอนการอนุมัติพิเศษ เพื่อเสนอทางเลือกเพิ่มเติมในการรักษาโรคโควิด-19

 

ยาแพทย์แผนจีนทั้ง 3 ตัวที่ผ่านการอนุมัติประกอบด้วย ยาทำความสะอาดและขับพิษในปอด (ชิงเฟ่ยไผตู๋), ยาขจัดและสลายความชื้น (ฮว่าชือไป้ตู๋) และยาป้องกันการแพร่กระจายตัวในปอด (เซวียนเฟ่ยไป้ตู๋) ซึ่งทั้งหมดคิดค้นขึ้นจากตำรับยาแพทย์แผนจีนโบราณ

 

ทั้งนี้ ยาดังกล่าวผลิตขึ้นจากยาสูตรผสม 3 สูตรที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของจีน เมื่อปีที่แล้ว

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง: สำนักข่าวซินหัว

The post จีนอนุมัติให้ขาย ‘ยาแพทย์แผนจีน’ เพื่อรักษาโควิด-19 ได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักวิจัยทางการแพทย์ของจีนเผย AI อาจตรวจจับโรคหัวใจได้จาก ‘รูปเซลฟี’ https://thestandard.co/selfies-could-be-used-to-detect-heart-disease/ Tue, 01 Sep 2020 03:32:48 +0000 https://thestandard.co/?p=393433

วานนี้ (31 สิงหาคม) ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนร่วมม […]

The post นักวิจัยทางการแพทย์ของจีนเผย AI อาจตรวจจับโรคหัวใจได้จาก ‘รูปเซลฟี’ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วานนี้ (31 สิงหาคม) ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถตรวจจับโรคหลอดเลือดหัวใจผ่านภาพใบหน้า

 

หลายปีมานี้จีนได้ขับเคลื่อนการใช้ AI ในการปฏิบัติงานทางคลินิกประจำวัน เช่น การตีความภาพทางการแพทย์ การวิเคราะห์คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และการติดตามสัญญาณชีพ

 

โดยการศึกษาล่าสุด นักวิจัยชาวจีนได้สำรวจความเป็นไปได้และความสะดวกในการใช้ AI เพื่อคัดกรองโรคหลอดเลือดหัวใจตีบผ่านภาพใบหน้า ลักษณะต่างๆ ของช่วงใบหน้าถูกพบว่าเป็นตัวบ่งชี้ความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจมานานแล้ว เช่น ศีรษะล้านแบบผู้ชาย รอยย่นที่ติ่งหู ซานธีลาสมา (Xanthelasmata: ไขมันสะสมเป็นก้อนนูนสีเหลืองที่เปลือกตา) และผิวหนังที่เหี่ยวย่น เหล่านี้เป็นลักษณะที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด

 

คณะนักวิจัยจากศูนย์โรคหัวใจและหลอดเลือดแห่งชาติของจีนและมหาวิทยาลัยชิงหวาได้ลงทะเบียนผู้ป่วยชาวจีน 5,796 รายเป็นครั้งแรก ผู้เข้าร่วมได้รับการทดสอบการถ่ายภาพหัวใจ การถ่ายภาพใบหน้า และการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานะทางสังคม เศรษฐกิจ วิถีชีวิต และประวัติทางการแพทย์

 

จากนั้นก็ได้มีการพัฒนาและฝึกฝนอัลกอริทึมของ AI ตามข้อมูลที่ได้จากผู้ป่วย และนำอัลกอริทึมดังกล่าวไปทดสอบกับภาพใบหน้าของผู้ป่วยรายอื่น 1,013 รายในโรงพยาบาลจีน 9 แห่ง

 

ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Heart Journal ระบุว่า อัลกอริทึมดังกล่าวมีความไวถึงร้อยละ 80 และความจำเพาะร้อยละ 54 ซึ่งทำงานได้ดีกว่าแบบจำลองทำนายโรคหลอดเลือดหัวใจแบบดั้งเดิม

 

ความไวในที่นี้หมายถึงความสามารถของอัลกอริทึมในการระบุตัวผู้ป่วยโรคดังกล่าวว่าให้เป็นบวก ส่วนความจำเพาะคือความสามารถของการทดสอบในการระบุตัวผู้ป่วยที่ไม่มีโรคให้เป็นลบ

 

คณะนักวิจัยกล่าวว่า จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้อัลกอริทึมนี้ได้จริง เนื่องจากยังมีความกังวลเรื่องความจำเพาะที่มีระดับต่ำในปัจจุบัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ผิดพลาดและสร้างความฉงนแก่ทั้งผู้ป่วยและแพทย์

 

โดยรวมแล้วผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า อัลกอริทึมการเรียนรู้เชิงลึกที่ใช้ภาพใบหน้าเป็นพื้นฐาน สามารถช่วยระบุตัวผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่ามันจะสามารถใช้ในการตรวจคัดกรองโรคก่อนการทดสอบจริงในชุมชนต่างๆ ได้

 

ในบทบรรณาธิการที่ตีพิมพ์ในวารสารฉบับเดียวกันนี้ คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดระบุว่า “การใช้เซลฟีเป็นวิธีคัดกรองที่ทั้งง่ายและมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้สามารถคัดกรองประชากรทั่วไปในเบื้องต้น ก่อนเข้าสู่การประเมินทางคลินิกที่มีความครอบคลุมมากขึ้น” และ “วิธีวินิจฉัยที่แปลกใหม่และนอกกรอบอันเปี่ยมไปด้วยศักยภาพนั้นรอเราอยู่เบื้องหน้า”

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง: 

  • สำนักข่าวซินหัว

The post นักวิจัยทางการแพทย์ของจีนเผย AI อาจตรวจจับโรคหัวใจได้จาก ‘รูปเซลฟี’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Tried & Tested: แก้ปัญหานอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ด้วยการฝังเข็ม https://thestandard.co/tried-tested-yaowaiholistic/ https://thestandard.co/tried-tested-yaowaiholistic/#respond Tue, 11 Dec 2018 11:11:03 +0000 https://thestandard.co/?p=163232

แม้การนอนจะกินเวลา 1 ใน 3 ของชีวิตคนเรา แต่หลายคนก็ยังม […]

The post Tried & Tested: แก้ปัญหานอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ด้วยการฝังเข็ม appeared first on THE STANDARD.

]]>

แม้การนอนจะกินเวลา 1 ใน 3 ของชีวิตคนเรา แต่หลายคนก็ยังมองข้ามเรื่องการนอน เพราะคิดว่าการนอนเป็นเพียงการพักผ่อนหลังเหนื่อยล้ามาทั้งวัน แต่ไม่ได้มองลึกลงไปกว่านั้นว่าแท้จริงแล้ว การนอนส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกายคนเรามากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านความจำ การปรับฮอร์โมนให้สมดุล การฟื้นฟูกล้ามเนื้อ การทำงานของสายตา รวมไปถึงการสร้างภูมิคุ้มกันไว้ต่อกรกับโรคต่างๆ แต่คนส่วนใหญ่มักจัดลำดับความสำคัญของการนอนไว้ท้ายสุด โดยมุ่งเน้นแต่การออกกำลังกาย การกิน หรือความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จนลืมหันกลับมามองว่า ยิ่งเราพยายามมากเท่าไร เรายิ่งต้องการ ‘การพักผ่อน’ มากขึ้นเท่านั้น

 

และด้วยเหตุนี้เอง เราจึงมายัง เยาว์วัย คลินิกแนวคิดใหม่ ที่ผสานศาสตร์ตะวันตกเข้ากับตะวันออก เพื่อทดลองโปรแกรมที่จะช่วยให้เราหลับได้สบายและลึกยิ่งขึ้น โดยอาศัยวิธีการฝังเข็มควบคู่กับการมอบวิตามินเข้าสู่ร่างกาย

 

ฝังเข็มแก้อาการนอนไม่หลับ

คืออะไร การฝังเข็มเพื่อการนอน เป็นการนำเอาศาสตร์โบราณของชาวจีนมาผสานเข้ากับความรู้ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ โดยมีผลทางวิทยาศาสตร์และการวิจัยรองรับ เสริมด้วยการอัดวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย เพื่อชะล้างสารพิษที่คั่งค้างในสมอง ช่วยให้เราหลับได้สบายและง่ายยิ่งขึ้น   

 

 

ทำอย่างไร แม้จะเป็นการฝังเข็มแต่เทคนิคที่ใช้ไม่ได้มาสาย Traditional เต็มตัว แต่เป็นการผสมผสานองค์ความรู้โบราณเข้ากับศาสตร์สมัยใหม่ ดังเช่นที่คุณหมอศรันย์กร สุชาณัฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็ม อธิบายไว้ว่า

 

“เทคนิคที่เราใช้เป็นการกระตุ้นจากภายนอกเข้าสู่ภายใน เพื่อขจัดของเสียที่อยู่ในสมองด้วยการฝังเข็ม เนื่องจากการฝังเข็มในเชิงวิทยาศาสตร์ช่วยกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัว การฝังเข็มไปยังบริเวณศีรษะและท้ายทอยจึงช่วยให้หลอดเลือดบริเวณนั้นขยายตัวได้มากขึ้น รวมถึงเนื้อสมองที่หลอดเลือดขยายตัวเช่นกัน ดังนั้นการกำจัดของเสียจึงทำได้ดีกว่า

 

“จากนั้นจึงมอบวิตามินต่างๆ ผ่านทางเส้นเลือดดำ ซึ่งวิตามินจะแบ่งออกเป็นกลุ่มละลายในน้ำ (Water Soluble Vitamin) และกลุ่มละลายในไขมัน (Fat Soluble Vitamin) เช่น A, E, K ซึ่งเป็นกลุ่มวิตามินที่เรามอบให้คนไข้ เหตุผลที่เราไม่ใช้กลุ่มละลายในน้ำอย่าง C และ B เนื่องจากบริเวณรอบนอกของสมองมีตัวกั้น ไม่สามารถนำพาน้ำเข้าไปได้ ไม่อย่างนั้นสมองจะเกิดจากติดเชื้อ เราจึงเลือกให้วิตามินที่ละลายในไขมันเพื่อให้เข้าสู่สมอง มอบพลังงานให้สมอง”

 

แต่ใช่ว่าคนไข้ทุกคนที่มาในคลินิกแห่งนี้จะได้รับการรักษาแบบเดียวกัน เพราะก่อนที่จะเริ่มลงมือรักษา ต้องผ่านการพูดคุยและวินิจฉัยจากแพทย์ประจำคลินิกก่อนว่าควรใช้วิธีใดในการรักษาจึงจะเหมาะสมที่สุด

 

เป็นเหมือนกันไหม โหยหาการนอนทั้งๆ ที่เพิ่งลุกจากเตียงแท้ๆ

 

“นอกจากวิธีขั้นต้นแล้ว เราต้องประเมินคนไข้ด้วยว่ามีความเครียดสะสมหรือเปล่า เนื่องจากความเครียดจะทำให้กล้ามเนื้อยึด ติด ตรึง หด เกร็ง โดยเฉพาะการเกร็งเบริเวณช่วงอก ทั้งจากความเครียดและชีวิตประจำวันที่ทำงานในท่าเดิมๆ หรือออกกำลังกายมากเกินไป หากเจอคนไข้ที่หายใจสั้น ผมจะฝังเข็มบริเวณอกเพื่อขยายช่วงนั้น ช่วยขับไล่คาร์บอนไดออกไซด์ที่คั่งในปอด ส่งผลให้ออกซิเจนเข้าไปได้มากขึ้น ทำให้หายใจสะดวกและลึกขึ้น” คุณหมอพูดถึงการปรับสมดุลออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์

 

เข็มทุกเล่มเป็นของใหม่และปลอดเชื้อ

 

แต่หากเป็นคนไข้ที่กินยานอนหลับเป็นประจำจนสารสื่อประสาทในสมองลดลง แนวทางรักษาต้องปรับตั้งแต่ระดับสารสื่อประสาทในสมอง ด้วยการใช้ ECGC เพื่อดีท็อกซ์ ให้คนไข้ลดปริมาณการใช้ยานอนหลับ จนถึงขั้นไม่ต้องพึงพาตัวช่วยอีกเลย เพราะแนวทางการรักษาของที่นี่ต้องการลดยาให้คนไข้ แทนที่จะกินวิตามินหรืออาหารเสริมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน

 

Welcome Drink ของเยาว์วัย ได้แก่ ปา เป่า ฉา หรือชาสมุนไพรกว่า 8 ชนิด ซึ่งเป็นชาโปรดที่ซูสีไทเฮาดื่มเพื่อช่วยด้านความงามและการชะลอวัย

 

ลองแล้วเป็นอย่างไร

แม้จะเคยฝังเข็มมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เคยฝังจุดที่อยู่เหนือศีรษะมาก่อน ยอมรับว่ารู้สึกตื่นกลัวอยู่บ้าง แต่ยังดีที่บรรยากาศภายในคลินิกแห่งนี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนการมาสถานพยาบาล จึงคลายความกลัวหรือวิตกกังวลไปได้มาก หลังคุยกับคุณหมอถึงปัญหาการนอนไม่หลับ ที่แม้อาจไม่รุนแรงถึงขั้นนอนไม่หลับเลย แต่ปัญหาติดตัวคือเป็นคนนอนหลับไม่สนิท มักตื่นกลางดึก บางครั้งนอนไม่หลับถึงขั้นต้องกินเมลาโทนิน หลังถามไถ่ถึงชีวิตประจำวัน คุณหมอแนะนำว่า ประการแรกควรเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกาย ให้ฝึกโยคะบ้าง เพราะการออกกำลังกายที่หักโหมเกินไปส่งผลต่อการนอน ทำให้การนอนไม่ได้คุณภาพ

 

 

จากนั้นจึงเริ่มเข้าสู่กระบวนการฝังเข็ม จุดที่ฝังไปได้แก่บริเวณศีรษะ ช่วงขมับทั้งสองข้าง และต้นคอ สังเกตว่าการฝังแต่ละครั้งมอบความรู้สึกที่แตกต่างกัน บางครั้งเบาราวมดสะกิด แต่บางจุดรู้สึกจี๊ดๆ เรื่องนี้คุณหมอกล่าวว่าที่แสดงอาการออกมาไม่เหมือนกัน นั่นเป็นเพราะแต่ละจุดมีปัญหาไม่เหมือนกันนั่นเอง อย่างการฝังบริเวณต้นคอที่มีปัญหาเรื่องความตึงเกร็งเรื้อรังเป็นเวลานาน เมื่อเข็มถูกฝังลงไปบริเวณนั้น เราจึงรู้สึกตุบๆ เหนือจากจุดที่ฝังขึ้นไปยังศีรษะ ในขณะที่ส่วนอื่นไม่เป็น ส่วนการฝังกลางอกที่แม้ฟังดูน่ากลัว แต่เอาเข้าจริงไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะเข็มมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่เล็กและบางมาก

 

เข็มที่ใช้ในการรักษาจะมีขนาดที่เล็กและบางกว่าเข็มปกติทั่วไป

 

โดยรวมต้องบอกว่า ‘ไม่รู้สึกเจ็บหรือน่ากลัวเลยสักนิด’ กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที แต่รู้สึกแทบทันใดว่าหัวโล่งมาก หัวเบาล่องลอย หายใจสะดวกขึ้นเยอะ ระหว่างนอนรอให้วิตามินอีกประมาณ 40 นาที สามารถงีบหลับได้เลย แต่เราอดใจไว้รอทดสอบคืนนั้นว่า คุณภาพการนอนจะเป็นอย่างไร ผลปรากฏว่า หัวถึงหมอนสลบเป็นตาย แถมยังไม่ตื่นกลางดึก หลับยาวๆ ได้ถึงเช้า นับเป็นโปรแกรมที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอน หรืออยากเปลี่ยนจากการกินยานอนหลับหรือเมลาโทนิน มาหลับได้ด้วยตัวเองแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาตัวช่วย  

 

การตกแต่งยึดแนวตะวันออกผสานกลิ่นอายของตะวันตก

 

ภายในห้องทรีตเมนต์ที่อบอุ่นช่วยคลายความกังวลได้ดี

  

Yaowai

Open: 12.00-21.00 น.

Address: ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย

Budget: โปรแกรม inZomniaa ราคา 4,500 บาทต่อครั้ง

Contact: 06 4789 7168

Page: www.facebook.com/yaowaiholistic

Map:

 

 

ภาพ: COURTESY OF BRAND, SHUTTERSTOCK

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post Tried & Tested: แก้ปัญหานอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ด้วยการฝังเข็ม appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/tried-tested-yaowaiholistic/feed/ 0