เหมืองโพแทช – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 02 Jul 2024 05:04:15 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ครม.สัญจรโคราชวุ่น! ‘ม็อบโพแทช’ เรียกร้องปิดเหมือง ให้มีที่ดินทำกิน ไม่เอาเงินดิจิทัล 10,000 บาท https://thestandard.co/korat-cabinet-meeting-protests/ Tue, 02 Jul 2024 05:04:15 +0000 https://thestandard.co/?p=952573

วันนี้ (2 กรกฎาคม) ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย […]

The post ครม.สัญจรโคราชวุ่น! ‘ม็อบโพแทช’ เรียกร้องปิดเหมือง ให้มีที่ดินทำกิน ไม่เอาเงินดิจิทัล 10,000 บาท appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (2 กรกฎาคม) ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) มีกลุ่มชาวบ้านอำเภอโนนไทย, อำเภอโนนสูง และอำเภอด่านขุนทด ที่ได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่โพแทช มาปักหลักชุมนุมประท้วงบริเวณรั้วด้านนอกมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ซึ่งติดกับหอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ สถานที่ประชุม ครม.

 

โดยมีมวลชนถือป้ายข้อความ เช่น ‘ให้ปิดเหมืองแร่โพแทชด่านขุนทด’ พร้อมส่งเสียงตะโกนเรียกนายกรัฐมนตรี ช่วงหนึ่งมวลชนระบุด้วยว่า “รัฐบาลนี้ถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง เราไม่เอาโพแทช และเงินดิจิทัล 10,000 บาทไม่เอาก็ได้ ถ้าเรามีที่ดินทำกินผืนนี้เงินดิจิทัล 10,000 บาทกระจอก”

 

กลุ่มผู้ชุมนุมให้เหตุผลว่าที่ต้องมาวันนี้เพราะนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายไว้ สำหรับการขึ้นมาเป็นผู้นำรัฐบาลที่ต้องการผลักดันเหมืองแร่โพแทช ซึ่งอำเภอด่านขุนทดก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ขอให้มีการเร่งรัดทำ ทั้งนี้ ตอนที่อนุมัติได้อ้างว่า เพื่อชดเชยการนำเข้า 8 แสนตัน แต่ปรากฏว่ากลับมีการอนุมัติให้มีการดำเนินการแล้วกว่า 3 ล้านตัน 

 

ดังนั้นจึงต้องการที่จะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และหากวันนี้ไม่ออกมารับหนังสือ ทางกลุ่มจะเผาหนังสือที่จะยื่นบริเวณหน้าประตูทางเข้า

 

ต่อมาเวลา 09.35 น. นายกฯ เดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยขบวนรถของนายกฯ เปลี่ยนเส้นทางไปเข้าทางด้านหลังอาคารหอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ และนายกฯ เดินขึ้นประตูด้านหลังทันที ทำให้บรรดารัฐมนตรีที่รอรับอยู่ด้านหน้าเมื่อทราบว่านายกฯ ขึ้นไปแล้วจึงเดินขึ้นไปยังห้องประชุม

 

ขณะที่นายกฯ เดิมมีกำหนดการก่อนการประชุม ครม. จะเยี่ยมชมนิทรรศการด้านหน้าหอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ แต่ได้ยกเลิกภารกิจในจุดดังกล่าว เนื่องจากอยู่ใกล้กับจุดที่มวลชนปักหลักชุมนุมซึ่งมีเสียงตะโกนเรียกร้องเป็นระยะ

 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้จัดตำรวจควบคุมฝูงชนหนึ่งกองร้อยมาดูแลความเรียบร้อย จนทำให้เกิดการปะทะคารมกับผู้ชุมนุม ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สลายตัว

 

นายกฯ มอบ รมว.อุตสาหกรรม เจรจาผู้ชุมนุม

 

ก่อนที่เวลา 09.50 น. นายกฯ มอบหมาย พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ไปเจรจากับกลุ่มมวลชนพร้อมรับข้อเรียกร้อง

 

โดยแกนนำกล่าวต้อนรับทันที​ว่าบรรยากาศเหมือนรัฐมนตรีมาเยี่ยมนักโทษ เนื่องจากเป็นการเจรจาผ่านรั้วประตู ทำให้เจ้าหน้าที่เปิดรั้วให้รัฐมนตรี​ไปรับมอบหนังสือจากมือผู้ชุมนุม​ จากนั้นผู้ชุมนุมได้นำเกลือที่ขึ้นในนาข้าว​จากผลกระทบการทำเหมืองโพแทชมากองที่หน้ารัฐมนตรี​

 

พร้อมประกาศ​ข้อเรียกร้อง อาทิ ขอให้มีคำสั่งยกเลิกแผนแม่บทบริหารจัดการแร่ฉบับที่ 2 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแร่โพแทชทั้งหมด เนื่องจากแผนแม่บทดังกล่าวไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ไม่มีการสำรวจและกันพื้นที่โดยกำเนิดเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง

 

และขอให้ประเมินสิ่งแวดล้อมสำหรับการพัฒนาเหมืองแร่โพแทชใหม่​ เนื่องจากบริบทและความต้องการในการใช้แร่โพแทชมีวัตถุประสงค์ที่เปลี่ยนไป และเห็นได้อย่างชัดเจน​ว่า​เป้าหมายของการให้ทำเหมืองแร่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ที่มุ่งเน้นไปสู่การส่งออกมากกว่าการลดการนำเข้า 

 

รวมถึงการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมครั้งที่ผ่านมาเป็นการเร่งรัดเพื่อให้มีการเปิดเหมืองโดยไม่คำนึงถึงดุลยภาพด้านวิถีชีวิตและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอย่างเพียงพอ พร้อมขอให้เร่งดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการทำเหมืองแร่โพแทชในพื้นที่อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา อย่างเร่งด่วน หาเพิกเฉยเลยยื้อเวลาออกไปยิ่งทำให้เห็นว่ากระทรวงอุตสาหกรรมไม่มีศักยภาพในการกำกับดูแลและควบคุมให้เกิดการทำเหมืองที่มีประสิทธิภาพได้

 

ทั้งนี้​ หากรัฐบาลยังคงเดินหน้าไม่ทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้เห็นคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง และต้องการเพียงตัวเลข GDP และหากรัฐบาลยังปล่อยให้ทำเหมืองแร่ แผ่นดินอีสานจะไม่สามารถฟื้นคืนได้

 

หลังรับหนังสือ​ กลุ่มผู้ชุมนุมกล่าวทิ้งท้าย​ด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาไหล​ว่า​ “ปุ๋ยกระสอบแรกของท่านมากับคราบน้ำตา เอาตัวพวกเราไปก็ได้ ปุ๋ยกระสอบแรกของท่านอยู่ตรงนี้”

 

พื้นที่พบแร่โพแทชขนาดใหญ่ในไทย

 

สำหรับพื้นที่พบแร่โพแทชขนาดใหญ่ในไทยมี 2 แหล่ง คือ 1. แอ่งสกลนคร ประกอบด้วย จังหวัดสกลนคร จังหวัดหนองคาย จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดนครพนม และ 2. แอ่งโคราช ประกอบด้วย จังหวัดขอนแก่น จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดชัยภูมิ

 

ทั้งนี้ ข้อมูลจากการเผยแพร่ข่าวของสำนักโฆษก ทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า โครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียน อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ เป็นโครงการภายใต้ข้อตกลงพื้นฐานว่าด้วยโครงการอุตสาหกรรมอาเซียน (Basic Agreement) โดยไทยเป็นสมาชิกร่วมกับประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และบรูไน ซึ่งข้อตกลงกำหนดให้ประเทศเจ้าของโครงการต้องร่วมลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของยอดลงทุนทั้งหมด และรัฐบาลเจ้าของโครงการต้องลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของยอดเงินลงทุนนั้น โดยอีกร้อยละ 40 ประเทศสมาชิกอาเซียนจะเป็นผู้ลงทุน

 

ส่วนเหมืองโพแทชอำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย ปลัดจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอด่านขุนทด ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทดกว่า 200 คน ในกรณีปัญหาผลกระทบจากโครงการเหมืองแร่โพแทช บริษัท ไทยคาลิ จำกัด ตามที่ได้ตกลงไว้กับกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด โดยรับว่าจะนำประเด็นปัญหาต่างๆ ที่ชาวบ้านได้นำเสนอหรือตั้งคำถาม ไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

เหมืองโพแทชกระทบอะไรกับชาวบ้าน

 

ชาวบ้านระบุว่า เมื่อขุดเจาะสำรวจแร่บริเวณดังกล่าว จะปรากฏความเค็มเกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ได้รับผลกระทบ ไม่สามารถทำกินได้อีก พื้นที่เขียวขจีกลับยืนต้นตาย เพราะความเค็ม ดินเค็ม น้ำเค็ม และมีการปล่อยให้น้ำไหลออกมานอกพื้นที่ ปล่อยปละละเลยต่อมาตรการ EIA หรือการสร้างโรงต้มเกลือที่เพิ่มภาระในการแบกรับผลกระทบของชาวบ้านในพื้นที่

 

ทำไมนายกฯ ต้องผลักดันเหมืองโพแทช

 

เศรษฐาเคยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 ในช่วงที่มีกระแสข่าวประเมินว่าไทยมีแร่โพแทสเซียมมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกว่า “โพแทสเซียมถือเป็นสารตั้งต้นสำคัญของการทำปุ๋ยเคมี… ขายได้ราคาดีในต่างประเทศ มีความต้องการสูงที่จีน ปัจจุบันมีผู้ได้รับสัมปทานแล้ว 3 ราย แต่ยังไม่มีการดำเนินงานเลย เรื่องนี้ต้องให้เร่งรัดว่าต้องมีการดำเนินงาน ถ้าเกิดไม่สามารถทำได้ก็หาผู้รับประมูลมาทำงานใหม่”

 

 

อ้างอิง:

The post ครม.สัญจรโคราชวุ่น! ‘ม็อบโพแทช’ เรียกร้องปิดเหมือง ให้มีที่ดินทำกิน ไม่เอาเงินดิจิทัล 10,000 บาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ไขคำตอบมูลค่าที่ซ่อนอยู่ 40 ปีผ่านไป ทำไมเหมืองโพแทชไทยยังไม่เกิด | THE STANDARD WEALTH https://thestandard.co/morning-wealth-24032024/ Sun, 24 Mar 2024 06:55:24 +0000 https://thestandard.co/?p=914836

ผ่านมา 40 ปี ผ่านรัฐบาลหลายสมัย ทำไม ‘โครงการเหมืองแร่โ […]

The post ชมคลิป: ไขคำตอบมูลค่าที่ซ่อนอยู่ 40 ปีผ่านไป ทำไมเหมืองโพแทชไทยยังไม่เกิด | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>

ผ่านมา 40 ปี ผ่านรัฐบาลหลายสมัย ทำไม ‘โครงการเหมืองแร่โพแทช’ ความหวังไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตแร่โพแทชของอาเซียนถึงยังไม่ถึงฝั่ง ติดตามรายละเอียดได้ในไฮไลต์นี้

รายการ Morning Wealth ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-08.00 น. ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH 

The post ชมคลิป: ไขคำตอบมูลค่าที่ซ่อนอยู่ 40 ปีผ่านไป ทำไมเหมืองโพแทชไทยยังไม่เกิด | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไขคำตอบมูลค่าที่ซ่อนอยู่…40 ปีผ่านไป ทำไมเหมืองโพแทชไทยยังไม่เกิด https://thestandard.co/potash-mining-project/ Mon, 18 Mar 2024 04:55:24 +0000 https://thestandard.co/?p=912333 โครงการเหมืองแร่โพแทช

หลังจากที่รัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ก […]

The post ไขคำตอบมูลค่าที่ซ่อนอยู่…40 ปีผ่านไป ทำไมเหมืองโพแทชไทยยังไม่เกิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
โครงการเหมืองแร่โพแทช

หลังจากที่รัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งเครื่อง ‘โครงการเหมืองแร่โพแทช’ เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว

 

ผ่านมาหลายปี รัฐบาลหลายสมัย โครงการนี้ยังคงเป็นหนึ่งความหวังในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตแร่โพแทชของอาเซียน แก้ปัญหาวังวนปุ๋ยแพง รวมไปถึงการต่อยอดไปสู่ศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ภูมิภาค ก็ยังไม่ถึงฝั่ง

 

โครงการล่าช้าและยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก เอกชนบางรายที่กระโดดเข้าสู่น่านน้ำนี้บ้างก็ขาดสภาพคล่อง ปรับโครงสร้างหนี้ บ้างก็อยู่ระหว่างระดมเงินทุนเพื่อพัฒนาโครงการ

 

หากย้อนดูโครงการเหมืองแร่โพแทชในประเทศไทยเกิดขึ้นครั้งแรกจริงๆ คงต้องย้อนไป 40 กว่าปีที่แล้ว ในวันที่ 11 มิถุนายน 2523 เมื่อครั้งคณะรัฐมนตรีให้ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเชิญชวนบริษัทเอกชนยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตแร่โพแทชในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทั่งปี 2527 ลงนามสัญญากับเอกชน ‘ไทยอะกริโก โปแตช’ โดยกลุ่มทุน ‘อิตาเลียนไทย’

 

จวบจนปัจจุบันมีผู้ได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่โพแทชในไทยรวมทั้งสิ้น 3 ราย มีการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ในหลายๆ มิติต่อเนื่องก็ยังไม่สามารถดำเนินงานได้

 

รู้จักทุนใหญ่ 3 เหมือง ปี 2567 เดินหน้าไปถึงไหน

 

  1. บริษัท ไทยอะกริโก โปแตช จำกัด ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (APPC) ซึ่งมีกลุ่ม ‘อิตาเลียนไทย’ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้ประทานบัตรเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2565 ระยะเวลา 25 ปี มูลค่าลงทุน 36,000 ล้านบาท

 

ปัจจุบันได้สำรวจแล้วจำนวน 4 แปลง ในพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่เหมืองใต้ดินประมาณ 26,446 ไร่ และพื้นที่บนดินประมาณ 1,681 ไร่ มีแผนการผลิต 2 ล้านตันต่อปี ปริมาณการผลิตตลอดอายุโครงการ 33.67 ล้านตัน (ความก้าวหน้าขณะนี้อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่)

 

ล่าสุดบริษัทฯ ได้รายงานว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินโครงการ (Project Finance) ซึ่งหากสถาบันการเงินให้การอนุมัติ ทางบริษัทฯ ก็จะเร่งรัดการผลิตแร่โพแทชให้ได้ภายใน 3 ปี

 

  1. บริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) หรือ APOT เดิมชื่อบริษัท เหมืองแร่โปแตชอาเซียน จำกัด (มหาชน) พื้นที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ สัมปทานทั้งหมด 9,707 ไร่ ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 – 5 กุมภาพันธ์ 2583 ประทานบัตรมีอายุ 25 ปี มูลค่าการลงทุน 63,800 ล้านบาท กำลังการผลิตปีละ 1.1 ล้านตันต่อปี ปริมาณการผลิตตลอดอายุโครงการ 17.33 ล้านตัน (ความก้าวหน้าอยู่ระหว่างขอปรับโครงสร้างหนี้และหาผู้ร่วมทุน)

 

  1. บริษัท ไทยคาลิ จำกัด ได้รับประทานบัตรเหมืองแร่โพแทชในพื้นที่อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา พื้นที่ 9,005 ไร่ ประทานบัตรอายุ 25 ปี ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2558 – 6 กรกฎาคม 2583 กำลังการผลิต 1 แสนตันต่อปี ปริมาณการผลิตตลอดอายุโครงการ 2.15 ล้านตัน มูลค่าการลงทุน 3,000 ล้านบาท (ความก้าวหน้าอยู่ระหว่างขอปรับรูปแบบทำเหมืองขุดเจาะแนวดิ่ง)

 

อ้างอิง: กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม วันที่ 11 มีนาคม 2567

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

 

ข้อมูลทางธรณีวิทยาพบว่าปริมาณสำรองแร่โพแทชในพื้นที่ประทานบัตรของไทยทั้งหมดรวม 267 ล้านตัน ซึ่งจะสามารถนำแร่ขึ้นมาผลิตเป็นปุ๋ยโพแทชได้ประมาณ 34 ล้านตัน

 

ลดพึ่งพานำเข้าปุ๋ยพ่วงต่อยอดผลิตแบตเตอรี่ EV

 

คาดการณ์ว่าหากไทยมีเหมืองแร่โพแทชจะสามารถสกัดโพแทสเซียมคลอไรด์ได้ประมาณ 2 ล้านตันต่อปี ซึ่งแร่โพแทชสามารถนำไปสกัดให้ได้เป็นโพแทสเซียมในการผลิตปุ๋ยเคมี โดยธาตุโพแทสเซียมเป็นธาตุอาหารสำคัญสำหรับพืชผลทางการเกษตร

 

นอกจากช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าแร่โพแทชเพื่อใช้ผลิตปุ๋ยจากต่างประเทศได้ จากปัจจุบันไทยนำเข้าแร่โพแทชประมาณปีละ 8 แสนตัน มีมูลค่านำเข้าสูงถึง 7,600-10,000 ล้านบาท อีกทั้งยังสามารถนำไปต่อยอดอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ได้

 

โดยแร่โพแทสเซียมคลอไรด์ (KCl) และโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) สามารถนำมาใช้เป็นวัสดุในการทำขั้วไฟฟ้าและอิเล็กโทรไลต์ได้ ผลิตเป็นแบตเตอรี่ชนิดโพแทสเซียมไอออนและโซเดียมไอออน ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับโลหะลิเธียม สามารถผลิตแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออน (Lithium-Ion Battery) ป้อนโรงงานแบตเตอรี่ EV ได้อีกด้วย

 

ผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจต่อประเทศและประชาชนมี 2 ส่วน

 

ภาครัฐจะได้ ‘ค่าภาคหลวงแร่’ ร้อยละ 7 คิดเป็นเงินประมาณ 35,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 1,000 คน

 

ขณะที่ชาวบ้านรอบพื้นที่โครงการก็จะได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากโครงการและกองทุนต่างๆ อีก 6 กองทุน ได้แก่

  • กองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมือง 
  • กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ 
  • กองทุนการศึกษาเพื่ออนาคตเยาวชน 
  • กองทุนประกันความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน
  • กองทุนสวัสดิการชุมชน
  • กองทุนช่วยเหลือค่าปุ๋ยเกษตรกรในพื้นที่ประทานบัตร 

 

รวมทั้งเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินในพื้นที่ประทานบัตรยังได้รับเงินค่าทดแทน (ค่าลอดใต้ถุน) ในอัตราไร่ละ 45,500 บาท โดยแบ่งเฉลี่ยจ่าย 24 งวดตลอดอายุประทานบัตร

 

ภาพ: Annick Vanderschelden Photography / Getty Images

 

นอกจากนี้หากดำเนินการสำเร็จ บริษัทจะจัดสรรจำหน่ายปุ๋ยสูตร 0-0-60 ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่

 

MA’ADEN Manara Minerals ทุนซาอุแง้มร่วมทุน

 

พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุเมื่อเร็วๆ นี้ว่าหากผู้รับสัมปทานทั้ง 3 รายในจังหวัดชัยภูมิ, อุดรธานี และนครราชสีมา ที่ได้สัมปทานไปยังไม่ดำเนินการหรือดำเนินการไม่ได้ กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งหาผู้ดำเนินการรายใหม่เข้าดำเนินการแทน

 

พิมพ์ภัทราย้ำว่า เป้าหมายสำคัญที่สุดในการสนับสนุนการทำเหมืองแร่โพแทชคือการช่วยเหลือเกษตรกรไทยให้ได้ใช้ปุ๋ยราคาถูก ปุ๋ยที่ผลิตในประเทศ เพราะไทยมีแร่โพแทชซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิตปุ๋ยแต่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้

 

ซึ่งจากการไปเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ย้ำว่านักลงทุนพร้อมจะขยายความร่วมมือกับรัฐบาลไทย โดย MA’ADEN Manara Minerals นักลงทุนซาอุดีอาระเบียก็กำลังสนใจมาร่วมทุนอีกด้วย

 

ย้ำให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 

อย่างไรก็ตาม ว่าด้วยเรื่องของการสร้างเหมือง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมย่อมเป็นปัจจัยหลักที่ต้องคำนึงถึง ซึ่งที่ผ่านมามีการคัดค้านจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และมีเสียงสะท้อนจากประชาชนในพื้นที่ที่กังวลต่อผลกระทบทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และเศรษฐกิจ

 

ในส่วนนี้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และอุตสาหกรรมจังหวัดมีคณะกรรมการในพื้นที่ร่วมกำกับดูแลการทำเหมืองของบริษัท เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่

 

ส่วนภาคเอกชนเองก็มีปัญหาแตกต่างกันทั้งในเชิงเทคนิคการก่อสร้างและเงินทุน ทำให้โครงการยังไม่คืบหน้ามากนัก ล่าสุดสำนักข่าว Bloomberg อ้างว่าบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD กำลังพิจารณาขายหุ้น 90% ในบริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และกำลังหามองหาเงินทุนประมาณ 500 ล้านดอลลาร์

 

กระทั่งบริษัทออกมาชี้แจงว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือกและเจรจาผู้ร่วมทุนที่จะเข้ามาลงทุนบางส่วน

 

หลังจากนี้คงต้องติดตามว่าเอกชนทั้ง 3 รายจะมีแผนดำเนินการต่อไปอย่างไร และจะสามารถดำเนินงานภายใน 3 ปีตามที่นายกรัฐมนตรีเร่งรัดสั่งการได้หรือไม่

 

ภาพ: Opla / Getty Images

 

เปิด 10 ประเทศผู้ผลิตแร่โพแทชมากที่สุดในโลก

 

THE STANDARD WEALTH สำรวจข้อมูลการสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดการณ์ว่ากำลังการผลิตแร่โพแทชทั่วโลกจะสูงถึง 40 ล้านตัน ต่อปี โดย 10 ประเทศที่มีการผลิตแร่โพแทช (By Production) มากที่สุดในโลก ได้แก่

 

  1. แคนาดา: กำลังการผลิต 16 ล้านตัน

แคนาดาเป็นผู้ผลิตแร่โพแทชรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีการผลิตแร่โพแทชเพิ่มขึ้นทุกปี 1.8 แสนตัน มีบริษัทโพแทชที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเกิดจากการควบรวมกิจการในปี 2561 ระหว่าง Potash Corporation of Saskatchewan และ Agrium ถือเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการเกษตรระดับโลกที่มีมูลค่าถึง 38,000 ล้านดอลลาร์

 

  1. จีน: กำลังการผลิต 6 ล้านตัน

การผลิตแร่โพแทชของจีนยังคงทรงตัวตั้งแต่ในปี 2565 แต่สำหรับจีน โพแทชมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจีนเป็นผู้บริโภคปุ๋ยรายใหญ่ของโลก ซึ่งความต้องการภายในประเทศของจีนนั้นสูงกว่าปริมาณแร่โพแทชที่ผลิตเองในประเทศ ทำให้ประเทศต้องพึ่งพาการนำเข้าแร่โพแทชด้วย

 

  1. รัสเซีย: กำลังการผลิต 5 ล้านตัน

รัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตแร่โพแทชของโลกเช่นกัน ด้วยสัดส่วน 20% ของอุปทานแร่โพแทชทั่วโลก ก่อนเกิดสงครามกับยูเครน รัสเซียมีเหมืองแร่ 5 แห่ง และโรงงานแปรรูปสินแร่อีก 7 แห่ง

 

แต่เมื่อไม่นานมานี้ สหภาพยุโรปได้กำหนดโควตาการนำเข้าแร่โพแทชจากรัสเซีย ท่ามกลางการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีการจำกัดการนำเข้าแร่โพแทชจากรัสเซีย ซึ่งรัสเซียก็ตอบโต้ด้วยการระงับการส่งออกปุ๋ยไปยังประเทศที่ถือว่าไม่เป็นพันธมิตร แต่ยังคงส่งออกไปยังจีน อินเดีย รวมทั้งบางประเทศในแอฟริกาและอเมริกาใต้ ทำให้การส่งออกลดลงประมาณ 30%

 

  1. เบลารุส: กำลังการผลิต 3 ล้านตัน

การผลิตแร่โพแทชในเบลารุสลดลงเกือบร้อยละ 61 จากปี 2564 เหลือเพียง 3 ล้านตันในปี 2565 ก่อนที่จะเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ด้วยทรัพยากรเหมืองในประเทศที่มีอยู่ 6 แห่ง และโรงงานแปรรูปสินแร่ 4 แห่ง เบลารุสจึงเป็นประเทศที่มีทรัพยากรโพแทชเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

 

  1. เยอรมนี: กำลังการผลิต 2.8 ล้านตัน

การผลิตในเยอรมนีก็ลดลงอยู่ที่ประมาณ 2.8 ล้านตัน แต่ด้วยกิจการเหมืองภายใน 6 แห่ง ทำให้เยอรมนียังคงแข็งแกร่ง

 

  1. อิสราเอล: กำลังการผลิต 2.5 ล้านตัน

อิสราเอลเป็นที่ตั้งของบริษัท Israel Chemicals ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตแร่โพแทชรายใหญ่ นอกเหนือจากแร่โพแทชแล้ว บริษัทยังผลิตโบรมีนถึง 1 ใน 3 ของโลก แม้เจอวิกฤตสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสที่อาจทำให้หยุดชะงักไปบ้าง

 

  1. จอร์แดน: กำลังการผลิต 1.7 ล้านตัน

จอร์แดนมีบริษัท Arab Potash เป็นผู้ผลิตแร่โพแทชรายใหญ่ และเป็นผู้ผลิตแร่โพแทชเพียงรายเดียวในภูมิภาคอาหรับ ทำให้จอร์แดนกลายเป็นซัพพลายเออร์แร่โพแทชรายสำคัญในอินเดียและเอเชีย โดยอิสราเอลและจอร์แดนนำแร่โพแทชมาจากทะเลสาบเดดซี

 

  1. ชิลี: กำลังการผลิต 850,000 ตัน

การผลิตแร่โพแทชของชิลีทรงตัวในปีที่แล้ว โดยหนึ่งในผู้ผลิตแร่โพแทชรายใหญ่ที่สุดในประเทศคือ SQM นั้นก็เป็นผู้ผลิตลิเธียมชั้นนำของโลกเช่นกัน

 

  1. สปป.ลาว: กำลังการผลิต 600,000 ตัน

สปป.ลาวมีปริมาณสำรองแร่โพแทช 75 ล้านตัน โดย Asia-Potash International Investment เป็นหนึ่งในผู้ผลิตปุ๋ยโพแทสเซียมรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแร่โพแทชของประเทศอีกด้วย

 

  1. สเปน: กำลังการผลิต 450,000 ตัน

ช่วงปี 2565 ปริมาณการผลิตแร่โพแทชของสเปนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 85,000 ตัน ส่งผลให้สเปนก้าวขึ้นมาอยู่อันดับ 10 ของโลก โดยมีบริษัท Geoalcali เป็นเหมืองหลักในประเทศ

 

อ้างอิง:

The post ไขคำตอบมูลค่าที่ซ่อนอยู่…40 ปีผ่านไป ทำไมเหมืองโพแทชไทยยังไม่เกิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘เหมืองโพแทช’ มีประโยชน์อย่างไร ทำไมนายกฯ ต้องออกปากสั่งให้เร่งดำเนินการ https://thestandard.co/potassium-chloride-mine-importance/ Wed, 08 Nov 2023 00:45:53 +0000 https://thestandard.co/?p=863490 เศรษฐา ทวีสิน

วันนี้ (7 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นาย […]

The post ‘เหมืองโพแทช’ มีประโยชน์อย่างไร ทำไมนายกฯ ต้องออกปากสั่งให้เร่งดำเนินการ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เศรษฐา ทวีสิน

วันนี้ (7 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าได้สั่งการเรื่องเหมืองสารโพแทสเซียมคลอไรด์ ซึ่งเป็นสารตั้งต้นสำคัญในการทำปุ๋ยเคมี โดยประเทศไทยมีโพแทสเซียมคลอไรด์เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศแคนาดา หากนำไปขายจะได้ราคาดีในต่างประเทศ เนื่องจากมีความต้องการสูง เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน

 

เศรษฐากล่าวว่า “ปัจจุบันมีผู้ได้รับสัมปทานแล้ว 3 ราย แต่ยังไม่มีการดำเนินงาน ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ให้ไปเร่งรัดให้มีการดำเนินงาน หากไม่สามารถทำได้ให้หาผู้รับประมูลมาทำงานใหม่อีกที”

 

– จุดเริ่มต้น ‘เหมืองโพแทช’

 

ประเทศไทยรู้จัก ‘โครงการเหมืองแร่โพแทช’ ครั้งแรกภายหลังจาก ครม. เห็นชอบเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2523 ให้ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เชิญชวนบริษัทต่างๆ เข้ามายื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตแร่โพแทชในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมี ‘บริษัท ไทยอะกริโก โปแตช จำกัด’ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ‘บริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (APPC)’ ซึ่งมีนายทุนใหญ่อย่างกลุ่มอิตาเลียนไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้ยื่นขอสิทธิดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี

 

ทั้งนี้ บริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้รับสิทธิพิเศษสำรวจแร่โพแทชในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีจำนวน 12 แปลง เนื้อที่รวม 1.2 แสนไร่ ซึ่งจากการสำรวจพบแหล่งแร่โพแทชที่มีศักยภาพและมีความคุ้มค่าในเชิงพาณิชย์ 2 แหล่ง

 

ต่อมาบริษัทฯ ได้ยื่นขอประทานบัตรเหมืองแร่ในพื้นที่จำนวน 4 แปลง เนื้อที่รวม 2.64 หมื่นไร่ ในปี 2565-2590 ระยะเวลา 25 ปี

 

อย่างไรก็ตาม ‘โครงการเหมืองแร่โพแทช จังหวัดอุดรธานี’ นั้นถูกต่อต้านอย่างหนักจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เนื่องจากโครงการดังกล่าวไม่ได้มีการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างครบถ้วน และยังเป็นสาเหตุแห่งความขัดแย้งระหว่างประชาชนในพื้นที่กับกลุ่มทุน และความขัดแย้งระหว่างประชาชนในพื้นที่ด้วยกันเองตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาด้วย

 

ทั้งนี้ งานวิจัยจากสถาบันพระปกเกล้าเรื่องทัศนคติของประชาชนที่มีต่อการทำเหมืองแร่โพแทชที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อปี 2556 ระบุถึงทัศนคติของประชาชนและชุมชนที่มีต่อโครงการเหมืองแร่โพแทชที่จังหวัดอุดรธานีว่า จะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมาก จะทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ และจะมีการสร้างอาชีพใหม่ที่ต่อเนื่อง

 

ขณะที่ทัศนคติด้านลบจากประชาชนก็มองว่า โครงการเหมืองแร่โพแทชนี้อาจทำให้เกิดความขัดแย้งในกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนโครงการ โดยเฉพาะผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทางด้านน้ำเค็มและน้ำเสียที่เกิดจากการทำเหมืองแร่โพแทช และจะส่งผลกระทบต่อการทำอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเป็นอาชีพหลักและเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิม รวมไปถึงอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนได้ เช่น อาจเสี่ยงให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ และโรคอื่นๆ ได้ง่ายด้วย

 

ต่อมากลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีมีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองอุดรธานี ขอให้ศาลมีคำสั่งให้รายงานการไต่สวนตามคำขอประทานบัตรที่ 1/2547 ถึง 4/2547 รวม 4 ฉบับ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในปี 2561 ศาลได้ตัดสินว่าการจัดทำรายงานการไต่สวนทั้ง 4 ฉบับ เป็นรายงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

ส่งผลให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานีต้องเริ่มกระบวนการพิจารณาคำขอประทานบัตรที่ 1/2547 ถึง 4/2547 รวม 4 ฉบับ ของบริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ใหม่อีกครั้ง โดยดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 และประกาศที่เกี่ยวข้อง

 

ทั้งนี้ ในช่วงปลายรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กระทรวงอุตสาหกรรมที่มี สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นเจ้ากระทรวง ได้ทำหนังสือถึง ครม. เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 เพื่ออธิบายว่าคำขอประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินที่ 1/2547 ถึง 4/2547 ของบริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 4 แปลงที่จังหวัดอุดรธานี ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยแร่ รวมทั้งระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว

 

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565 ครม. มีมติเห็นชอบให้เดินหน้าโครงการเหมืองแร่โพแทช จังหวัดอุดรธานี ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงสาธารณสุข ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

 

ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับโครงการเหมืองแร่โพแทชให้ถูกต้อง เหมาะสม คุ้มค่า มีความโปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และกำกับดูแลผู้ประกอบการให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ (EIA) ให้ครบถ้วน

 

– ‘แร่โพแทช’ มีประโยชน์อะไร

 

แร่โพแทชสามารถนำไปสกัดให้ได้เป็นโพแทสเซียมในการผลิตปุ๋ยเคมีสำหรับการเกษตรกรรมได้ ซึ่งธาตุโพแทสเซียมเป็นธาตุอาหารสำคัญสำหรับพืชผลทางการเกษตร เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีการส่งออกผลิตผลทางการเกษตร ทำให้มีความจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยในกิจกรรมทางการเกษตรเป็นจำนวนมาก

 

หากประเทศไทยสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่โพแทชและขายปุ๋ยโพแทชได้ จะทำให้ประเทศไทยสามารถลดการนำเข้าปุ๋ยโพแทชจากต่างประเทศ อีกทั้งจะทำให้ราคาปุ๋ยโพแทชในประเทศถูกลง ซึ่งราคาปุ๋ยที่ถูกลงนี้จะช่วยลดต้นทุนในการทำการเกษตรของเกษตรกรได้

 

อ้างอิง:

The post ‘เหมืองโพแทช’ มีประโยชน์อย่างไร ทำไมนายกฯ ต้องออกปากสั่งให้เร่งดำเนินการ appeared first on THE STANDARD.

]]>