เสียบบัตรแทนกัน – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 11 Jan 2024 02:28:49 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ศาลฎีกาตัดสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 สส. ภูมิใจไทย ฝ่าฝืนจริยธรรม กรณีเสียบบัตรแทนกันเมื่อปี 63 https://thestandard.co/disqualifies-3-bhumjaithai-mps/ Thu, 11 Jan 2024 02:28:49 +0000 https://thestandard.co/?p=886340

วานนี้ (10 มกราคม) ที่ศาลฎีกา สนามหลวง องค์คณะผู้พิพากษ […]

The post ศาลฎีกาตัดสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 สส. ภูมิใจไทย ฝ่าฝืนจริยธรรม กรณีเสียบบัตรแทนกันเมื่อปี 63 appeared first on THE STANDARD.

]]>

วานนี้ (10 มกราคม) ที่ศาลฎีกา สนามหลวง องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาคดีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมหมายเลขดำที่ คมจ.3/2564 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง ฉลอง เทอดวีระพงศ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เขต 2 พัทลุง พรรคภูมิใจไทย, ภูมิศิษฏ์ คงมี อดีต สส. เขต 1 พัทลุง พรรคภูมิใจไทย และ นาที รัชกิจประการ อดีต สส. บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กรณีเสียบบัตร สส. แทนกันในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร

 

สำหรับคดีนี้จำเลยทั้งสามคนถูกกล่าวหาว่ายินยอมให้บุคคลอื่นเสียบบัตรแสดงตนแทนในการลงมติเรียงตามรายมาตรา ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เมื่อวันที่ 10-11 มกราคม 2563

 

เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่อันสำคัญที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เข้าลักษณะเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เหตุเกิดที่อาคารรัฐสภา แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

 

ป.ป.ช. ร้องศาลให้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

 

ป.ป.ช. ขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่าผู้คัดค้านทั้งสามฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ขอให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีการับคำร้องจนกว่าจะมีคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านทั้งสามพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านทั้งสามมีกำหนดเวลาไม่เกิน10 ปี

 

ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง

 

ศาลฎีกามีคำสั่งให้ผู้คัดค้านที่ 1, 2 หยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ส่วนผู้คัดค้านที่ 3 พ้นจากการเป็น สส. ก่อนวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้องคดีนี้แล้ว

 

บัตรอิเล็กทรอนิกส์คือสิทธิและหน้าที่ของผู้แทน

 

ต่อมาอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้องผู้คัดค้านทั้งสามเป็นคดีอาญาด้วยมูลเหตุเดียวกับคดีนี้ต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานส่วนใหญ่เป็นชุดเดียวกัน เมื่อศาลในคดีอาญาดังกล่าวมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 แล้ว จึงดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ต่อโดยไต่สวนพยานผู้ร้องกับไต่สวนพยานผู้คัดค้าน

 

องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาแล้วเห็นว่าเมื่อพิจารณาพยานหลักฐานแวดล้อมอื่นประกอบพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว บัตรอิเล็กทรอนิกส์เป็นเอกสารสำคัญประจำตัวซึ่งแสดงถึงสิทธิและหน้าที่ในฐานะผู้แทนประชาชน ผู้คัดค้านทั้งสามต้องใช้มาตรฐานที่มากกว่าวิญญูชนทั่วไปในการดูแลรักษาบัตรดังกล่าว

 

ลืมบัตร แต่ไม่เร่งตรวจสอบ

 

ไต่สวนได้ความว่าภายหลังผู้คัดค้านทั้งสามทราบว่าตนเองลืมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในที่ประชุม ก็ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านทั้งสามดำเนินการใดเพื่อป้องกันมิให้ผู้อื่นนำบัตรของตนไปใช้ ทั้งเมื่อทราบว่ามีผู้อื่นนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตนไปใช้แสดงตนและลงมติโดยไม่ได้รับความยินยอม ผู้คัดค้านทั้งสามก็ไม่ได้เร่งรีบตรวจสอบข้อเท็จจริงหรืออาศัยกลไกทางกฎหมายเพื่อสืบหาตัวผู้กระทำดังกล่าวหรือแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นการผิดวิสัยของวิญญูชนผู้สุจริต

 

ความเห็นคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของพรรคภูมิใจไทยที่ว่าการกระทำของผู้คัดค้านที่ 1 ยังฟังไม่ได้ว่ามีความผิดตามข้อบังคับของพรรค มิได้ทำให้ภาระหน้าที่ในการป้องกันบุคคลอื่นนำบัตรของตนไปใช้หรือการติดตามหาผู้ที่นำบัตรดังกล่าวไปใช้สูญสิ้นไป ประกอบกับการที่บัตรอิเล็กทรอนิกส์ระบุหมายเลขประจำตัว ชื่อ และชื่อสกุลเจ้าของบัตรไว้ ย่อมเป็นการง่ายที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายอื่นจะสังเกตเห็นได้ว่าบัตรนั้นเป็นของผู้ใด ไม่น่าเชื่อว่าจะมีการนำบัตรไปใช้โดยพลการอย่างต่อเนื่องทันทีที่ผู้คัดค้านทั้งสามไม่อยู่ในที่ประชุม หากไม่ได้รับมอบหมายหรือได้รับความยินยอมจากผู้คัดค้านทั้งสาม และหากผู้คัดค้านทั้งสามหลงลืมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในที่ประชุมจริง

 

เจ้าหน้าที่สำนักการประชุมย่อมต้องพบและเก็บบัตรของผู้คัดค้านได้ตั้งแต่หลังเลิกประชุมในวันที่ 10 มกราคม การที่ผู้คัดค้านทั้งสามอ้างว่าเร่งรีบออกจากที่ประชุม ก็ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านทั้งสามแจ้งให้ผู้ใดทราบ เป็นเรื่องยากที่บุคคลอื่นจะทราบถึงการไม่อยู่ร่วมในที่ประชุมของผู้คัดค้านทั้งสามจนสามารถใช้บัตรแสดงตนและลงมติได้ต่อเนื่องทันที ทั้งช่วงเกิดเหตุมีที่นั่งและช่องเสียบบัตร 300 ที่นั่ง ไม่เพียงพอต่อจำนวน สส. ทำให้ต้องมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนใช้เครื่องเสียบบัตรร่วมกัน

 

และระหว่างการประชุมไม่มีการบันทึกภาพสมาชิกขณะแสดงตนและลงมติไว้ ย่อมเป็นช่องทางให้มีการนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของ สส. รายอื่นไปใช้แสดงตนและลงมติแทนได้ง่ายโดยที่ถูกพบเห็นได้ยาก จึงเป็นข้อสนับสนุนให้เชื่อว่ามีบุคคลอื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้คัดค้านทั้งสามโดยความรู้เห็นและยินยอมของผู้คัดค้านทั้งสาม

 

รีบไปงานวันเด็ก ไม่ใช่ข้ออ้างลืมบัตร

 

ส่วนข้ออ้างของผู้คัดค้านทั้งสามเกี่ยวกับเหตุผลความจำเป็นและความสำคัญของการออกจากที่ประชุมเพื่อเดินทางไปร่วมงานวันเด็กแห่งชาติและงานสัมมนา การไม่มีเหตุจูงใจใดให้ต้องฝากบัตรไว้ และการที่ผู้คัดค้านทั้งสามไม่อยู่ในที่ประชุมไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย รวมถึงความเร่งรีบ อาการเจ็บป่วย และความเหนื่อยล้าที่ ทำให้ลืมบัตรไว้นั้น มิใช่เหตุตามกฎหมายที่จะฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือยินยอมให้ผู้อื่นนำไปใช้แสดงตนและลงมติแทนผู้คัดค้านทั้งสามได้ 

 

และมิใช่ข้อยืนยันเจตนาบริสุทธิ์ ไม่อาจใช้อ้างเพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีการฝากหรือยินยอมให้มีการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แทนหรือใช้ยันเพื่อปัดความรับผิดในกรณีที่บุคคลอื่นนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ไปใช้แสดงตนและลงมติแทนได้ 

 

ไม่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ผิดหลักพื้นฐาน สส.

 

ส่วนที่อ้างว่าการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติแทนเกิดจากการกระทำของ สส. ที่มีข้อขัดแย้งทางการเมืองและไม่หวังดีนั้น ไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุน ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้คัดค้านทั้งสามฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์แก่ สส. รายอื่นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติแทนผู้คัดค้านทั้งสาม เป็นเหตุให้การออกเสียงลงคะแนนไม่สุจริต ละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็น สส. ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม ทั้งขัดต่อหลักความซื่อสัตย์สุจริตที่ได้ปฏิญาณตนในที่ประชุมก่อนเข้ารับหน้าที่ โดยเฉพาะการออกเสียงลงคะแนนจะกระทำแทนกันมิได้

 

มีผลทำให้การออกเสียงลงคะแนนของผู้คัดค้านทั้งสามเป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ทุจริต ถือได้ว่าเกิดความเสียหายแก่สภาผู้แทนราษฎรและปวงชนชาวไทยแล้ว ถือว่าผู้คัดค้านทั้งสามกระทำเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สภาผู้แทนราษฎรและปวงชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย การกระทำของผู้คัดค้านทั้งสามจึงเข้าลักษณะเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ฐานไม่รักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ฐานไม่ถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเองหรือผู้อื่น

 

หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ นอกจากนี้การกระทำของผู้คัดค้านทั้งสามยังเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฐานกระทำการที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง และฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกำลังความสามารถ และยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม โปร่งใสและตรวจสอบได้ และไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม

 

ร่าง พ.ร.บ.งบ 63 เป็นมูลเหตุ

 

ซึ่งเมื่อพิจารณาลักษณะของการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ เจตนาและความร้ายแรงของความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว เห็นว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ถือเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลที่จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายที่คณะรัฐมนตรีได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาสามารถบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายได้ อันจะสะท้อนความสามารถในการบริหารประเทศด้านการเงินและการคลัง กับเสถียรภาพของรัฐบาล และต้องอาศัยมติและเสียงของสมาชิกฝ่ายรัฐบาลเป็นหลักในการผลักดันร่างกฎหมาย

 

เมื่อผู้คัดค้านทั้งสามเป็นสมาชิกพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ย่อมเป็นมูลเหตุจูงใจให้ผู้คัดค้านทั้งสามต้องมอบหรือฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์ไว้ให้บุคคลที่ได้มีการคบคิดกันมาก่อนแสดงตนและลงมติแทน

 

พ.ร.บ.งบ 63 ฝ่าฝืนจริยธรรม

 

ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการออกเสียงลงมติแทนผู้ที่ไม่อยู่ร่วมประชุมเป็นการกระทำโดยไม่สุจริต ทำให้ผลการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วาระที่ 2 และวาระที่ 3 ไม่สอดคล้องกับหลักนิติธรรมและไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุให้ พ.ร.บ. ดังกล่าวตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ การกระทำในส่วนนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่มีลักษณะร้ายแรง

 

ส่วนข้อที่ผู้ร้องกล่าวหาว่าผู้คัดค้านทั้งสามกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฐานกระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมนั้นเห็นว่าการไต่สวนไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านทั้งสามได้กระทำการไปในลักษณะที่เข้าไปมีส่วนได้เสียในการเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐที่ผู้คัดค้านทั้งสามปฏิบัติหน้าที่หรือมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบ หรือได้เข้าไปมีส่วนได้เสีย ในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ

 

ศาลสั่งพ้นตำแหน่ง สส. – ตัดสิทธิทางการเมือง

 

ทั้งการที่ผู้คัดค้านทั้งสามให้ สส. รายอื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตนเพื่อแสดงตนและลงมติแทนนั้น ก็ไม่ปรากฏว่าอยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือการครอบงำใดๆ ของบุคคลอื่น จึงรับฟังไม่ได้ว่าการกระทำของผู้คัดค้านทั้งสามเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวมตามคำร้อง

 

พิพากษาว่าผู้คัดค้านทั้งสามฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 6, 7, 8 ประกอบข้อ 27 วรรคหนึ่ง และข้อ 17, 21 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง ให้ผู้คัดค้าน 1, 2 พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่ 3 กันยายน 2564 อันเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งในคดีนี้

 

ให้ผู้คัดค้านที่ 1, 2 หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านทั้งสามตลอดไปและไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ กับให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านทั้งสาม มีกำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 235 วรรคสามและวรรคสี่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ประกอบมาตรา 81 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

 

มีรายงานว่าในส่วนคดีอาญา เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 ศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาจำคุกอดีต สส. ภูมิใจไทย 3 ราย จำคุกคนละ 9 เดือน ไม่รอลงอาญา พ้นจากตำแหน่งและตัดสิทธิทางการเมือง กรณีเดียวกันนี้ ซึ่งคดีอยู่ระหว่างชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์

The post ศาลฎีกาตัดสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 สส. ภูมิใจไทย ฝ่าฝืนจริยธรรม กรณีเสียบบัตรแทนกันเมื่อปี 63 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ‘ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์’ อดีต สส. พปชร. ตลอดชีวิต ใช้อำนาจหน้าที่มิชอบเสียบบัตรแทนกัน https://thestandard.co/revoke-right-apply-election-thanikarn/ Fri, 04 Aug 2023 04:22:10 +0000 https://thestandard.co/?p=825388 ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์

วานนี้ (3 สิงหาคม) ศาลฎีกา สนามหลวง องค์คณะผู้พิพากษาศา […]

The post ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ‘ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์’ อดีต สส. พปชร. ตลอดชีวิต ใช้อำนาจหน้าที่มิชอบเสียบบัตรแทนกัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์

วานนี้ (3 สิงหาคม) ศาลฎีกา สนามหลวง องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ คมจ. 2/2564 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ยื่นคำร้องกรณี ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคพลังประชารัฐ ผู้คัดค้าน มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กรณีเสียบบัตร สส. แทนกันในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร   

 

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม เวลากลางวัน ผู้คัดค้านลงชื่อเข้าร่วมประชุมสภาซึ่งมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … โดยไม่ได้ลาประชุม แต่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมระหว่างเวลาประมาณ 13.30-15.00 น. 

 

ผู้คัดค้านฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติของตนกับ สส.รายอื่น หรือบัตรของผู้คัดค้านอยู่ในความครอบครองของ สส.รายอื่นโดยความยินยอมของผู้คัดค้าน เพื่อให้ สส.รายนั้นใช้บัตรของผู้คัดค้านกดปุ่มแสดงตนและลงมติแทนผู้คัดค้านในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเหรียญราชรุจิ รัชกาลที่ 10 พ.ศ. … วาระที่ 1 และวาระที่ 3 

 

ทำให้ผลการลงมติ พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่สอดคล้องกับหลักนิติธรรม มีผลกระทบต่อกระบวนการตรากฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติ กระทบต่อเจตนารมณ์ที่แท้จริงของผู้แทนปวงชนชาวไทย การกระทำของผู้คัดค้านเข้าลักษณะเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 

 

เหตุเกิดที่อาคารรัฐสภา แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 6-8, 11, 17, 21 ประกอบข้อ 27 ให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีการับคำร้อง จนกว่าจะมีคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 235 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ผู้คัดค้านให้การปฏิเสธ 

 

องค์คณะผู้พิพากษาวินิจฉัยแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานตามทางไต่สวนรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านไม่ได้อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และการที่ปรากฏชื่อผู้คัดค้านแสดงตนและลงมติทั้งสองครั้ง มิได้เกิดจากความผิดพลาดของระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผู้คัดค้านเป็นผู้เก็บรักษาบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติไว้กับตนเอง และได้ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์นั้นลงมติมาตั้งแต่ก่อนจนถึงหลังเกิดเหตุอย่างต่อเนื่องทั้งวัน โดยไม่ปรากฏว่ามีบุคคลอื่นใดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในช่วงเกิดเหตุ ซึ่งเป็นระยะเวลาเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง 

 

จึงเป็นการยากที่จะมีผู้อื่นลักลอบเอาบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติของผู้คัดค้านไปและส่งกลับคืนให้โดยผู้คัดค้านไม่รู้เห็นได้ หากมี สส.รายอื่นนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติของผู้คัดค้านไปใช้แสดงตนและลงมติในเวลาเกิดเหตุโดยผิดหลงดังที่ผู้คัดค้านอ้าง การที่ผู้คัดค้านได้รับบัตรอิเล็กทรอนิกส์คืนมาก็แสดงว่า สส.รายนั้นได้ทราบถึงความผิดหลงแล้ว  

 

สส.คนดังกล่าวน่าจะต้องตรวจสอบและแจ้งให้มีการแก้ไขผลการลงมติ แต่ตามรายงานการประชุม สภาผู้แทนราษฎรวันเกิดเหตุกลับไม่ปรากฏว่ามี สส.รายใดใช้บัตรผิดหลง ข้ออ้างของผู้คัดค้านจึงเลื่อนลอยไม่อาจรับฟังได้

 

หากบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติไม่ได้อยู่กับผู้คัดค้าน เมื่อผู้คัดค้านกลับเข้ามาที่ห้องประชุมก็น่าจะต้องค้นหาบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตนให้ได้คืนมาก่อนจะลงคะแนนหลังเกิดเหตุ ซึ่งย่อมจะเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านและผู้อื่นที่อยู่ในบริเวณนั้นรับรู้และจดจำเหตุการณ์ได้บ้าง แต่ผู้คัดค้านกลับกล่าวอ้างลอยๆ ว่าไม่ทราบ ว่าพบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ใด และไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดเลย 

 

นับว่าเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยเป็นอย่างยิ่ง ส่อแสดงว่าจะเป็นการบ่ายเบี่ยงเพื่อปฏิเสธความรับผิดของตน พร้อมทั้งปกปิดชื่อ สส.ที่เกี่ยวข้องกับการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติของผู้คัดค้าน พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกันมีเหตุผลและน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านได้ฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงมติแก่ สส.รายอื่น การออกเสียงลงคะแนนของผู้คัดค้านจึงเป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ไม่สุจริต อันเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็น สส.ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ 

 

ทั้งขัดต่อหลักความซื่อสัตย์สุจริตที่ได้ปฏิญาณตนในที่ประชุมก่อนเข้ารับหน้าที่ โดยเฉพาะการออกเสียงลงคะแนนจะกระทำแทนกันมิได้ มีผลทำให้การออกเสียงลงคะแนนของผู้คัดค้านเป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ทุจริต ถือได้ว่าเกิดความเสียหายแก่สภาผู้แทนราษฎรและปวงชนชาวไทยแล้ว 

 

การกระทำของผู้คัดค้านถือได้ว่าเข้าลักษณะเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ฐานไม่รักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ฐานไม่ถือผลประโยชน์ของประเทศชาติ เหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเอง 

 

นอกจากนั้น การกระทำของผู้คัดค้านดังกล่าวยังเป็นการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง และฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกำลังความสามารถ และยึดมั่นในความถูกต้อง ชอบธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ และไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม 

 

แต่มูลเหตุที่ทำให้ผู้คัดค้านกระทำการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ส่วนนี้ เกิดจากผู้คัดค้านได้เตรียมจัดงานเสวนาหัวข้อ ‘การเลี้ยงดูลูกในยุคสมัยดิจิทัล’ ซึ่งเป็นโครงการกิจกรรมวันแม่ ประจำปี 2562 โดยกำหนดวันจัดงานไว้ล่วงหน้า และนัดหมายวิทยากรรวมทั้งได้ประชาสัมพันธ์แก่ผู้มาร่วมงานไปก่อนแล้ว ประกอบกับร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวได้ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว การกระทำในส่วนนี้จึงยังไม่พอ ถือได้ว่าเป็นกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่มีลักษณะร้ายแรง 

 

ส่วนข้อที่ผู้ร้องกล่าวหาว่า ผู้คัดค้านกระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมนั้น เห็นว่าผู้คัดค้านมิได้กระทำไปในลักษณะที่เข้าไปมีส่วนได้เสียในการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ที่ผู้คัดค้านปฏิบัติหน้าที่หรือมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบ หรือได้เข้าไปมีส่วนได้เสียหรือทำงานกับเอกชนที่เป็นคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐแต่อย่างใด 

 

ทั้งการที่ผู้คัดค้านให้ สส.รายอื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตนเพื่อทำการแสดงตนและลงมติแทนนั้น ก็ไม่ปรากฏว่าอยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือการครอบงำใดๆ ของบุคคลอื่น กรณีนี้ยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของผู้คัดค้านเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวมตามคำร้อง 

 

พิพากษาว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 6-8 ประกอบข้อ 27 วรรคหนึ่ง ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2564 อันเป็นวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 วรรคสามและวรรคสี่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 ประกอบมาตรา 81 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

 

มีรายงานว่าในส่วนของคดีอาญาก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ลงโทษยืนจำคุก 1 ปี ปรับ 2 แสนบาท รอลงอาญา 2 ปี กรณีที่ธณิกานต์ใช้อำนาจหน้าที่มิชอบเสียบบัตรแทนกัน กรณีเดียวกันนี้ก่อนตัดสิทธิทางการเมืองในวันนี้

The post ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ‘ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์’ อดีต สส. พปชร. ตลอดชีวิต ใช้อำนาจหน้าที่มิชอบเสียบบัตรแทนกัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศาลฎีกาฯ นักการเมือง เลื่อนพิพากษา คดี 3 อดีต ส.ส. ภูมิใจไทย เสียบบัตรแทนกัน หนึ่งในจำเลยป่วยความดันขึ้นไม่มาศาล https://thestandard.co/supreme-court-postpones-judgment-card-insertion-case/ Wed, 19 Apr 2023 08:06:54 +0000 https://thestandard.co/?p=778533 คดีเสียบบัตรแทนกัน

วันนี้ (19 เมษายน) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน […]

The post ศาลฎีกาฯ นักการเมือง เลื่อนพิพากษา คดี 3 อดีต ส.ส. ภูมิใจไทย เสียบบัตรแทนกัน หนึ่งในจำเลยป่วยความดันขึ้นไม่มาศาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
คดีเสียบบัตรแทนกัน

วันนี้ (19 เมษายน) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.3/2565 ระหว่างอัยการสูงสุด โจทก์ ฉลอง เทอดวีระพงศ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พัทลุง เขต 2 พรรคภูมิใจไทย, ภูมิศิษฏ์ คงมี อดีต ส.ส. พัทลุง เขต 1 พรรคภูมิใจไทย และ นาที รัชกิจประการ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย 

 

ในคดีความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรณีเสียบบัตร ส.ส. แทนกันในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร 

 

โดยเมื่อถึงเวลานัดฟังคำพิพากษา ศาลแจ้งว่าคดีนี้มีความขัดข้อง เนื่องจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ฉลองและภูมิศิษฏ์ มาศาล แต่ นาที จำเลยที่ 3 ไม่สามารถมาได้ โดยทนายความแจ้งว่านาทีป่วย มีภาวะความดันโลหิตสูง รู้สึกวิงเวียนศีรษะ พร้อมมอบใบรับรองแพทย์ให้ศาลพิจารณาเพื่อขอเลื่อนการฟังคำพิพากษา

 

ทั้งนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นเหตุจำเป็นที่ไม่อาจก้าวล่วงได้ จึงมีคำสั่งเลื่อนการอ่านคำพิพากษา และนัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 18 พฤษภาคม เวลา 14.00 น. 

 

สำหรับคดีนี้ จำเลยทั้ง 3 คนถูกกล่าวว่ายินยอมให้บุคคลอื่นเสียบบัตรแสดงตนแทนในการลงมติเรียงตามรายมาตรา ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เมื่อวันที่ 10-11 มกราคม 2563 เป็นเหตุให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 วาระที่ 2-3 ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ส.ส. เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มีโทษตามกฎหมาย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตรา 172 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

The post ศาลฎีกาฯ นักการเมือง เลื่อนพิพากษา คดี 3 อดีต ส.ส. ภูมิใจไทย เสียบบัตรแทนกัน หนึ่งในจำเลยป่วยความดันขึ้นไม่มาศาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศาลฎีกาฯ นัดชี้ชะตา 3 อดีต ส.ส. ภูมิใจไทย คดีเสียบบัตรแทนกัน ลงมติร่างงบฯ 63 https://thestandard.co/3-former-bhumjaithai-mps-card-insertion-case/ Tue, 11 Apr 2023 07:35:55 +0000 https://thestandard.co/?p=775555 ส.ส. เสียบบัตรแทนกัน

วันนี้ (11 เมษายน) ศาลฎีกาแจ้งสื่อมวลชนว่า ในวันพุธที่ […]

The post ศาลฎีกาฯ นัดชี้ชะตา 3 อดีต ส.ส. ภูมิใจไทย คดีเสียบบัตรแทนกัน ลงมติร่างงบฯ 63 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ส.ส. เสียบบัตรแทนกัน

วันนี้ (11 เมษายน) ศาลฎีกาแจ้งสื่อมวลชนว่า ในวันพุธที่ 19 เมษายน เวลา 14.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.3/2565 คดีระหว่างอัยการสูงสุด ในฐานะโจทก์ โดยมี ฉลอง เทอดวีระพงศ์, ภูมิศิษฏ์ คงมี, นาที รัชกิจประการ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทย ในฐานะจำเลย ตามความผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กรณีเสียบบัตร ส.ส. แทนกันในการประชุมสภา

 

สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2563 ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท มีการกล่าวหาว่าทั้ง 3 คนไม่ได้อยู่ในที่ประชุม แต่ปรากฏผลการลงมติ นำมาซึ่งการร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 พร้อมส่งให้อัยการเพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 

ทั้งนี้ในคดีที่มีลักษณะคล้ายกันและเคยมีคำพิพากษามาแล้ว นั่นคือกรณีการไม่อยู่ในที่ประชุม แต่ปรากฏผลการลงมติของ ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 จำคุก 1 ปี และปรับ 2 แสนบาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี

The post ศาลฎีกาฯ นัดชี้ชะตา 3 อดีต ส.ส. ภูมิใจไทย คดีเสียบบัตรแทนกัน ลงมติร่างงบฯ 63 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศาลฎีกาเลื่อนฟังคำพิพากษา คดีมาตรฐานจริยธรรม ส.ส. ธนิกานต์ เสียบบัตรแทนกัน ระหว่างพิจารณางบฯ 3.2 ล้านล้านบาท https://thestandard.co/court-postpones-hearing-thanikan/ Thu, 02 Mar 2023 04:15:40 +0000 https://thestandard.co/?p=757544

วันนี้ (2 มีนาคม) ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลนัดฟังคำพิพากษ […]

The post ศาลฎีกาเลื่อนฟังคำพิพากษา คดีมาตรฐานจริยธรรม ส.ส. ธนิกานต์ เสียบบัตรแทนกัน ระหว่างพิจารณางบฯ 3.2 ล้านล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (2 มีนาคม) ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ยื่นคำร้องกล่าวหาว่า ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคพลังประชารัฐ มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กรณีเสียบบัตร ส.ส. แทนกันในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร   

 

สำหรับคดีนี้ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดว่า ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์เสียบบัตรลงคะแนนแทนกันระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และฝ่าฝืนผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง  

 

ในส่วนการดำเนินคดีอาญา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาหลังอัยการสูงสุดยื่นฟ้องแล้วว่ามีความผิด จำคุก 1 ปี และปรับ 200,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี โดยจำเลยยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 

ก่อนฟังคำพิพากษาในวันนี้ ธนิกานต์ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอจำหน่ายคดีชั่วคราวจนกว่าคดีอาญาจนถึงที่สุด และขอให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษา ขณะที่ทนายผู้ร้องแถลงคัดค้านว่าไม่มีเหตุผลที่จะจำหน่ายคดีชั่วคราว แต่ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล

 

องค์คณะผู้พิพากษาโดยมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 เห็นควรเลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 3 สิงหาคม 2566 เวลา 13.30 น.

The post ศาลฎีกาเลื่อนฟังคำพิพากษา คดีมาตรฐานจริยธรรม ส.ส. ธนิกานต์ เสียบบัตรแทนกัน ระหว่างพิจารณางบฯ 3.2 ล้านล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศาลฎีกาฯ สั่งไต่สวน ‘ธณิกานต์’ ส.ส. พปชร. ปมเสียบบัตรแทนกัน ร่าง พ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ เจ้าตัวเชื่อถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง https://thestandard.co/thanikan-pprp-111164/ Thu, 11 Nov 2021 06:18:16 +0000 https://thestandard.co/?p=558612 ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์

วันนี้ (11 พฤศจิกายน) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำ […]

The post ศาลฎีกาฯ สั่งไต่สวน ‘ธณิกานต์’ ส.ส. พปชร. ปมเสียบบัตรแทนกัน ร่าง พ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ เจ้าตัวเชื่อถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์

วันนี้ (11 พฤศจิกายน) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลได้นัดพิจารณาคดีครั้งแรก และสอบคำให้การจำเลย ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในความผิดฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีมีพฤติการณ์ยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัตรแสดงตนและลงมติแทนในการพิจารณาและลงมติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เหรียญราชรุจิ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2562

 

การพิจารณาวันนี้ ศาลเห็นว่าคดีนี้มีข้อเท็จจริงเดียวกันกับคำร้องในคดีอาญาที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปแล้วก่อนหน้านี้ ฐานความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และพยานหลักฐานส่วนใหญ่เป็นพยานเดียวกัน

 

ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการไต่สวนพยาน จึงให้นำคำเบิกความพยานมาเป็นถ้อยคำในการพิจารณาคดีนี้ด้วย และให้นัดพร้อมกันเพื่อฟังความคืบหน้าของคดีวันที่ 26 เมษายน 2565

 

สำหรับความผิดฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงมีโทษคือ ต้องพ้นจากตำแหน่งหน้าที่และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนความผิดในคดีอาญา ตามมาตรา 172 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตนั้นมีโทษถึงขั้นจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท

 

ด้านธณิกานต์ยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้เครื่องลงมติ ยืนยันว่าได้ลงมติด้วยตัวเองก่อนจะรีบออกไปปฏิบัติหน้าที่อื่น แต่กลับถูก ป.ป.ช. กล่าวหาว่ามีการฝากบัตรให้ผู้อื่นลงมติแทน ทั้งที่ยังไม่ได้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงว่าใครเป็นผู้ลงมติแทน จนมีการฟ้องร้องต่อศาล และเป็นผลให้ตนต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. มาแล้ว 3 เดือน ทำให้เสียโอกาสในการทำหน้าที่

 

ธณิกานต์กล่าวด้วยว่า มีความเป็นไปได้ที่กรณีนี้ตนถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง เพราะมีผู้ไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ดังนั้นหากพิสูจน์แล้วว่าตนไม่ได้กระทำผิด ก็อาจจะพิจารณาฟ้องกลับตามกระบวนการต่อไป

The post ศาลฎีกาฯ สั่งไต่สวน ‘ธณิกานต์’ ส.ส. พปชร. ปมเสียบบัตรแทนกัน ร่าง พ.ร.บ.เหรียญราชรุจิ เจ้าตัวเชื่อถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธณิกานต์ ส.ส. พลังประชารัฐ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังศาลฎีการับคำร้องปมเสียบบัตรแทนกันไว้พิจารณา https://thestandard.co/mps-for-palang-pracharat-stop-performing-after-inserting-the-card-instead/ Wed, 18 Aug 2021 08:21:09 +0000 https://thestandard.co/?p=526415 Thanikan Pornpongsarot

วันนี้ (18 สิงหาคม) มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) วา […]

The post ธณิกานต์ ส.ส. พลังประชารัฐ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังศาลฎีการับคำร้องปมเสียบบัตรแทนกันไว้พิจารณา appeared first on THE STANDARD.

]]>
Thanikan Pornpongsarot

วันนี้ (18 สิงหาคม) มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) วาระเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่มี ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ชวนได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า จำนวน ส.ส. ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้มี 482 คน หลังจากที่ศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้อง คดีหมายเลขดำที่ คมจ. 2/2564 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง กับ ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ฐานะผู้คัดค้าน กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไว้พิจารณา เป็นผลให้ธณิกานต์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235

 

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว เกิดจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล 4 ราย คือ พรรคภูมิใจไทย 3 ราย ฉลอง เทอดวีระพงศ์, ภูมิศิษฏ์ คงมี, นาที รัชกิจประการ และพรรคพลังประชารัฐ 1 ราย ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ กรณีถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท

 

โดย ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลทั้ง 4 ราย ถูกชี้มูลในความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ที่ระบุว่า เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงชี้มูลผิดมาตรฐานจริยธรรมฯ อย่างร้ายแรง ซึ่งต้องส่งสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณาด้วย

The post ธณิกานต์ ส.ส. พลังประชารัฐ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังศาลฎีการับคำร้องปมเสียบบัตรแทนกันไว้พิจารณา appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมากงบปี 63 ไม่โมฆะ https://thestandard.co/constitutional-court-have-a-majority/ Fri, 07 Feb 2020 11:15:06 +0000 https://thestandard.co/?p=328759

วันนี้ (7 กุมภาพันธ์) ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึก […]

The post เปิดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมากงบปี 63 ไม่โมฆะ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (7 กุมภาพันธ์) ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรค 1 (1) ว่าพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่

 

กรณีการเสียบบัตรลงคะแนนแทนของ ฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส. พัทลุง พรรคภูมิใจไทย, ภริม พูลเจริญ ส.ส. สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ และสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส. บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย 

 

โดยองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ไม่เป็นโมฆะ โดยให้ลงมติใหม่ในวาระที่ 2 และ 3 ก่อนส่งให้วุฒิสภาลงมติต่อไป 

 

 

The post เปิดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมากงบปี 63 ไม่โมฆะ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้ร่าง พ.ร.บ. งบปี 2563 ไม่โมฆะ ปม ส.ส. เสียบบัตรแทนกัน พร้อมให้ลงมติใหม่ วาระ 2-3 ก่อนส่งให้วุฒิสภาลงมติต่อ https://thestandard.co/the-constitutional-court-voted-5-to-4-majority/ Fri, 07 Feb 2020 08:50:14 +0000 https://thestandard.co/?p=328660 นักเตะเชลซีติดโควิด-19

วันนี้ (7 กุมภาพันธ์) เมื่อเวลา 13.30 น. ศาลรัฐธรรมนูญ […]

The post ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้ร่าง พ.ร.บ. งบปี 2563 ไม่โมฆะ ปม ส.ส. เสียบบัตรแทนกัน พร้อมให้ลงมติใหม่ วาระ 2-3 ก่อนส่งให้วุฒิสภาลงมติต่อ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักเตะเชลซีติดโควิด-19

วันนี้ (7 กุมภาพันธ์) เมื่อเวลา 13.30 น. ศาลรัฐธรรมนูญ นัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 148 วรรค 1 (1) ว่า พระราชบัญญัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้อง ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่


กรณีการเสียบบัตรลงคะแนนแทน ฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส. พัทลุง พรรคภูมิใจไทย, ภริม พูลเจริญ ส.ส. สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ และ สมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส. บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ทำให้ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่


ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ได้อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ โดยไม่จำเป็นต้องไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรค 1 จึงนัดลงมติในวันนี้โดยแนวทาง


โดยล่าสุดองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้พระราชบัญญัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2563 ไม่เป็นโมฆะ ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมและลงมติ 5 ต่อ 4 โดยให้ลงมติใหม่ในวาระที่ 2 และ 3 ก่อนส่งให้วุฒิสภาลงมติต่อ

The post ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้ร่าง พ.ร.บ. งบปี 2563 ไม่โมฆะ ปม ส.ส. เสียบบัตรแทนกัน พร้อมให้ลงมติใหม่ วาระ 2-3 ก่อนส่งให้วุฒิสภาลงมติต่อ appeared first on THE STANDARD.

]]>
จับตาศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติคดีเสียบบัตรแทนกัน-วินิจฉัยปมเงินกู้ยุบอนาคตใหม่ https://thestandard.co/dissolve-political-parties-case/ Wed, 05 Feb 2020 10:47:14 +0000 https://thestandard.co/?p=327924

ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติปมเสียบบัตรแทนกัน 7 กุมภาพันธ์ และ […]

The post จับตาศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติคดีเสียบบัตรแทนกัน-วินิจฉัยปมเงินกู้ยุบอนาคตใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติปมเสียบบัตรแทนกัน 7 กุมภาพันธ์ และนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบอนาคตใหม่ปมเงินกู้ 21 กุมภาพันธ์นี้

 

โดยงดการไต่สวนทั้งสองคดี ในส่วนคดียุบอนาคตใหม่ ให้พยานผู้ถูกร้องทั้ง 17 ปากทำบันทึกถ้อยคำเป็นหนังสือส่งศาลภายใน 12 กุมภาพันธ์นี้

The post จับตาศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติคดีเสียบบัตรแทนกัน-วินิจฉัยปมเงินกู้ยุบอนาคตใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>