เศรษฐกิจสร้างสรรค์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 24 Apr 2023 01:45:10 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เลือกตั้ง 2566: ก้าวไกลประกาศเป็นรัฐบาลดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทุกมิติ เปลี่ยนกระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ https://thestandard.co/move-forward-future-of-creative-economy/ Mon, 24 Apr 2023 01:45:10 +0000 https://thestandard.co/?p=780327 พรรคก้าวไกล เศรษฐกิจสร้างสรรค์

วานนี้ (23 เมษายน) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไ […]

The post เลือกตั้ง 2566: ก้าวไกลประกาศเป็นรัฐบาลดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทุกมิติ เปลี่ยนกระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
พรรคก้าวไกล เศรษฐกิจสร้างสรรค์

วานนี้ (23 เมษายน) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เปิดเวที ‘Future of Creative Economy เปิดอนาคตเศรษฐกิจสร้างสรรค์’ ที่ชั้น 5 Creative Space สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บางรัก

 

พิธากล่าวว่า ตนเคยมีประสบการณ์สั้นๆ ในวงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ลองทำมาแล้วหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานดนตรี งานโฆษณา งานภาพยนตร์ หรืองานเขียนหนังสือ พบว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้กว่านี้อีกมาก คนไทยมีความคิดสร้างสรรค์สูงมาก แต่มีบางสิ่งที่เป็นข้อจำกัดทำให้ศักยภาพเหล่านั้นไม่ถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องสวัสดิการของคนทำงานในกองถ่าย การสนับสนุนจากรัฐ และสิทธิเสรีภาพของผู้ผลิตผลงาน

 

“งบประมาณของประเทศว่า 3.3 ล้านล้านบาท มีคำว่าซอฟต์พาวเวอร์อยู่ในงบประมาณเพียง 80 ล้านบาทเท่านั้น จากงบกระทรวงวัฒนธรรม 7 พันล้านบาท มีเพียง 150 ล้านบาทเท่านั้นที่มีไว้สำหรับศิลปะร่วมสมัย สรุปว่าประเทศไทยเต็มไปด้วยคนที่ทำงานสร้างสรรค์ แต่ขาด 3 ส. ได้แก่ เสรีภาพ สวัสดิการ และสนับสนุน การสร้างพลังเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้จริงๆ เราจึงต้องการพรรคการเมืองที่กล้าคิดนอกกรอบและเข้ามาทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง” พิธากล่าว

 

จากนั้น อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเป็นหนึ่งในทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ได้ร่วมอภิปราย พร้อมยกแนวทาง 6 เปลี่ยนเพื่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย

 

  1. เปลี่ยนกระทรวง ‘วัฒนธรรม’ เป็นกระทรวง ‘เศรษฐกิจสร้างสรรค์’ ยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นนโยบายระดับชาติ การปรับกลไกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำงานตอบโจทย์ของประเทศ

 

  1. สร้างสวัสดิการแรงงานสร้างสรรค์ก้าวหน้า รัฐบาลสมทบเงินประกันสังคม และให้สิทธิเสรีภาพในการจัดตั้งสหภาพแรงงานสร้างสรรค์

 

  1. ตั้งกองทุนสร้างสรรค์เพื่อเปิดโอกาสในการทำงานใหม่ๆ ส่งเสริมและอุดหนุนการส่งผลงานเข้าประกวด และมีทุนกู้ยืมเพื่อทดลองทำผลงาน รวมถึงมีแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อประกอบธุรกิจตั้งต้น

 

  1. คุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก แก้ไข พ.ร.บ.เซ็นเซอร์, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และกฎหมายปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกอื่นๆ รวมถึงทลายทุนผูกขาดในอุตสาหกรรมและผลักดันให้ขอใบอนุญาตได้รวดเร็วและเป็นธรรม

 

  1. ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ในระดับจังหวัด เปิดโอกาสให้ทำสิ่งที่รัก สิ่งที่ชอบในทุกพื้นที่ การสร้างห้องทดลองในการทดสอบรับรองมาตรฐานคุณภาพและเพิ่มศักยภาพของการผลิตสินค้าท้องถิ่น

 

  1. เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ให้ได้คนที่เข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นแต่ละที่จริงๆ ได้พัฒนาศักยภาพของบ้านเกิดตัวเอง

 

หลังจากนั้นได้เปิดโอกาสให้ศิลปินและผู้ประกอบการในวงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มาร่วมงานได้แลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็น โดยผู้เข้าร่วมมาจากหลายสาขา อาทิ ผู้กำกับ นักดนตรี นักแสดง นักออกแบบ ศิลปิน NFT นักเขียน ผู้จัดนิทรรศการ ไปจนถึงผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน

 

ระหว่างการพูดคุย ณัฏฐ์ กิจจริต นักแสดงชื่อดัง ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นพื้นที่ของคนทำงานอาชีพนักแสดงว่า ทุกวันนี้มีคนจำนวนมากที่พยายามจะดำรงชีพด้วยอาชีพนักแสดง แต่ในอุตสาหกรรมก็เน้นส่งเสริมแค่คนที่ขายได้ ทำให้คนทำงานด้านการแสดงจำนวนมากตกหล่น ไม่มีหน่วยงานใดที่ทำหน้าที่เฉพาะในการแก้ไขเรื่องนี้ 

 

ขณะที่เจ้าของ The Rock Pub รุ่นที่สอง ที่เป็นเจ้าของธุรกิจกลางคืนได้สะท้อนปัญหาอีกด้านว่า ธุรกิจกลางคืนเป็นธุรกิจที่ทำให้งานศิลปะมีที่แสดง ทั้งการแต่งร้าน การขายคราฟต์เบียร์ การเปิดเพลง แต่พื้นที่เหล่านี้กลับถูกทำให้กลายเป็นพื้นที่สีเทาผ่านกฎหมายหลายฉบับ ทั้งๆ ที่ตนไม่ได้ขายของผิดกฎหมาย 

 

พิธาและอภิสิทธิ์ตอบคำถามเหล่านี้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ส่วนสำคัญเป็นเพราะที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาไม่ถูกจัดการที่ต้นตอ เพราะอาจมีผู้ได้รับผลประโยชน์จากโครงสร้างอำนาจแบบเดิม ซึ่งไม่จำเป็นต้องฟังเสียงคนตัวเล็ก พรรคก้าวไกลเข้าใจและเห็นปัญหานี้ ตั้งใจจะเข้าไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงหากเราได้เป็นรัฐบาล

 

ทั้งนี้ ในงานดังกล่าวมีศิลปินจากวงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์เข้าร่วมอย่างคับคั่งหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็น หลิน-มชณต สุวรรณมาศ หรือ อีกี้ จาก MV ธาตุทองซาวด์, อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี หรือ ‘จ๋าย ไททศมิตร’, ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล หรือ มะเดี่ยว ผู้กำกับภาพยนตร์, อนุชา บุญยวรรธนะ หรือ นุชี่ ผู้กำกับฯ, ประกิต กอบกิจวัฒนา ครีเอทีฟ รวมถึงประชาชนที่ให้ความสนใจในวงการเศรษฐกิจสร้างสรรค์เข้าร่วมอีกจำนวนมาก

The post เลือกตั้ง 2566: ก้าวไกลประกาศเป็นรัฐบาลดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทุกมิติ เปลี่ยนกระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
“ถ้าคนเล่นเกม เมืองก็ต้องเข้าใจเกม” ชัชชาติประกาศ พร้อมเคียงข้างเหล่าเกมเมอร์ สร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ https://thestandard.co/chadchart-tgs2022/ Fri, 21 Oct 2022 10:22:25 +0000 https://thestandard.co/?p=698409 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

วันนี้ (21 ตุลาคม) ที่ Exhibition Hall ศูนย์การประชุมแห […]

The post “ถ้าคนเล่นเกม เมืองก็ต้องเข้าใจเกม” ชัชชาติประกาศ พร้อมเคียงข้างเหล่าเกมเมอร์ สร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

วันนี้ (21 ตุลาคม) ที่ Exhibition Hall ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเปิดงาน Thailand Game Show (TGS) 2022: Come Back

 

ชัชชาติกล่าวว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) เน้นเรื่อง Creative Economy หรือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเกมคือตัวอย่างที่ดีของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เมื่อ 5-10 ปีที่แล้วยังไม่เคยมี มันถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาในช่วงเวลาอันสั้น และอนาคตก็ยังไปต่อ

 

ธุรกิจเกมในเมืองไทยมีมูลค่า 3.4 หมื่นล้านบาท เป็นมูลค่าเยอะมากและมีโอกาสเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล แต่ธุรกิจเกมของคนไทยยังมีมูลค่าแค่ 4 ร้อยล้านบาท คือประมาณ 1% ทำอย่างไรที่เราจะมีส่วนร่วม มีส่วนแชร์ตรงนี้ได้ ทำอย่างไรให้เด็กรุ่นใหม่สามารถใช้โอกาสตรงนี้ในการสร้างสรรค์เศรษฐกิจตรงนี้ขึ้นมาได้ ซึ่งเมืองต้องเป็นเจ้าภาพที่เข้มแข็ง

 

ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า เรื่อง Creative Economy กับเมือง เป็นเรื่องสำคัญ อนาคต Thailand Game Show จะต้องอยู่ในเวทีโลก ทุกเดือนพฤศจิกายน คนต้องมากรุงเทพฯ เพื่อมาดู Thailand Game Show เราต้องสร้างเศรษฐกิจ สร้างคนมา 

 

กทม. พร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน เพราะว่าในเมื่อคนสนใจเกม เมืองก็ต้องสนใจเกมด้วย ตนขอเป็นส่วนร่วมกับ Thailand Game Show ในการช่วยกันสร้าง Creative Economy สร้างเศรษฐกิจใหม่นี้ให้กับเมือง ให้เด็กมีโอกาสสร้างสรรค์ แสดงออกในสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วก็ร่วมเดินไปด้วยกัน ก็หวังว่างานวันนี้จะเป็นงานที่ประสบความสำเร็จ และขอให้งานประสบความสำเร็จมากกว่าที่คาดหวังไว้

 

“การที่มาวันนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ หลายคนคงงงว่า กทม. มาเกี่ยวอะไรกับเกม ซึ่งหากถามว่าเมืองคืออะไร สำหรับ กทม. เมืองคือคน เมืองไม่ใช่สิ่งปลูกสร้าง แต่คนคือตัวแทนของเมือง แล้วถ้าคนเล่นเกม เมืองก็ต้องเข้าใจเกมด้วย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในอนาคต” ชัชชาติกล่าว

The post “ถ้าคนเล่นเกม เมืองก็ต้องเข้าใจเกม” ชัชชาติประกาศ พร้อมเคียงข้างเหล่าเกมเมอร์ สร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กทม. เปิดตัว 11 ย่านกิจกรรมสร้างสรรค์ เตรียมปรับปรุงลานกีฬา 40 เขต รับนโยบาย 12 เทศกาล https://thestandard.co/creative-activity-district/ Wed, 17 Aug 2022 01:00:37 +0000 https://thestandard.co/?p=667960 ศานนท์ หวังสร้างบุญ

วานนี้ (16 สิงหาคม) ที่ห้องประชุม อาคารธานีนพรัตน์ ศาลา […]

The post กทม. เปิดตัว 11 ย่านกิจกรรมสร้างสรรค์ เตรียมปรับปรุงลานกีฬา 40 เขต รับนโยบาย 12 เทศกาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศานนท์ หวังสร้างบุญ

วานนี้ (16 สิงหาคม) ที่ห้องประชุม อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ดินแดง) ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ครั้งที่ 1/2565 โดยมีคณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

 

ศานนท์กล่าวว่า ตามที่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงนามในคำสั่งกรุงเทพมหานคร แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เป็นรูปธรรม 

 

ขณะนี้ กทม. อยู่ระหว่างการพัฒนาลานกีฬาของแต่ละเขต โดยทำให้เป็นต้นแบบ 5-10 ชุมชน ใช้งบประมาณไม่เกิน 5 แสนบาท เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่จัดกิจกรรมตามนโยบาย 12 เทศกาลตลอดปีทั่วกรุงเทพฯ ของผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งในเดือนที่ 10 (ตุลาคม) จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับกีฬา ตอนนี้มีเสนอมาแล้ว 40 เขต และได้มอบหมายให้สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (สวท.) สำรวจอาคารรกร้างในสวนสาธารณะที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งพบว่ามี 7 แห่ง โดยให้กำหนดและเสนอแผนการใช้ประโยชน์อาคารให้ทราบต่อไป

 

ในที่ประชุมได้พิจารณาการแบ่งกลุ่มเพื่อขับเคลื่อนการทำงาน แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม คือ

 

กลุ่ม 1. แผนพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการวัดผลทางเศรษฐกิจ  

กลุ่ม 2. เศรษฐกิจชุมชน (MIB/BKK Brand)  

กลุ่ม 3. อัตลักษณ์/ย่านสร้างสรรค์ 

กลุ่ม 4. 12 เทศกาล (Event-based) 

กลุ่ม 5. พื้นที่สร้างสรรค์ (EVENT) 

 

สวท. ได้ รายงานแผนการจัดกิจกรรมย่านสร้างสรรค์นำร่อง 11 ย่าน ในปี 2565 ประกอบด้วย 

 

  1. ถนนแปลงนาม เขตสัมพันธวงศ์ 
  2. ย่านตลาดพลู เขตธนบุรี  
  3. ตลาดริมคลองเจริญกรุง 103 (ชุมชนสวนหลวง 1) เขตบางคอแหลม  
  4. ย่านตลาดน้ำตลิ่งชัน-ตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน  
  5. ย่านตลาดเก่าหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง  
  6. ย่านสะพานหัน-คลองโอ่งอ่าง เขตพระนคร/เขตสัมพันธวงศ์  
  7. ชุมชนริมคลองบางมด เขตทุ่งครุ  
  8. ย่านบางรัก (ชุมชนมัสยิดฮารูณ) เขตบางรัก
  9. ย่านตลาดน้อย (คลองผดุงกรุงเกษม) เขตสัมพันธวงศ์ 
  10. ย่านนางเลิ้ง (คลองผดุงกรุงเกษม) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย  
  11. ย่านคลองสาน (ตรอกดิลกจันทร์) เขตคลองสาน 

 

ที่ประชุมได้เสนอให้จัดทำข้อมูลเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เป็นภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติ รวมถึงประสานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพื่อสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ด้วย ในส่วนของอาคารร้าง 7 แห่ง อาจพิจารณานำมาใช้เป็นโรงละครสำหรับสายอาร์ต ซึ่งต้องศึกษาความเป็นไปได้และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายอีกครั้ง

The post กทม. เปิดตัว 11 ย่านกิจกรรมสร้างสรรค์ เตรียมปรับปรุงลานกีฬา 40 เขต รับนโยบาย 12 เทศกาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชัชชาติชื่นชม MILLI โชว์ Soft Power ไทยสู่สายตาชาวโลก ชูนโยบาย ‘สร้างสรรค์ดี’ พัฒนาพื้นที่สตรีทโชว์ทั่ว กทม. ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในอนาคต https://thestandard.co/bkk-election-2022-chadchart-sittipunt-12/ Mon, 18 Apr 2022 11:36:06 +0000 https://thestandard.co/?p=618559 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

วันนี้ (18 เมษายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่ารา […]

The post ชัชชาติชื่นชม MILLI โชว์ Soft Power ไทยสู่สายตาชาวโลก ชูนโยบาย ‘สร้างสรรค์ดี’ พัฒนาพื้นที่สตรีทโชว์ทั่ว กทม. ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในอนาคต appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

วันนี้ (18 เมษายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหาคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 8 ให้สัมภาษณ์ถึงปรากฏการณ์ ‘MILLI’ (มินนี่-ดนุภา คณาธีรกุล) แรปเปอร์สาวชาวไทยวัย 19 ปี ขึ้นแสดงโชว์ในเทศกาลดนตรีระดับโลกอย่าง Coachella 2022 ที่สหรัฐอเมริกา โดยกล่าวชื่นชม MILLI ที่ได้แสดงพลังของ Soft Power ไทยไปสู่สายตาชาวโลกผ่านความสามารถของตนเองในฐานะศิลปิน และยังใช้โอกาสดังกล่าวทำให้อาหารไทยอย่างข้าวเหนียวมะม่วงเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลกมากขึ้น

 

นอกเหนือจากกระแสดังกล่าว ชัชชาติกล่าวว่า จากการลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา พบว่า กทม. ยังขาดพื้นที่สาธารณะสำหรับการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ตนจึงออกแบบนโยบาย ‘สร้างสรรค์ดี’ ด้วยการพัฒนาพื้นที่แห่งดนตรีและศิลปะการแสดง หรือสตรีทโชว์ เพื่อส่งเสริมให้ศิลปินมีพื้นที่แสดงผลงานและอยู่รอดในภาวะเศรษฐกิจซบเซา นอกจากนี้ยังสามารถยกระดับสตรีทโชว์ให้เป็นเทศกาลดนตรีและศิลปะส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อีกด้วย  

 

“ความคิดสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นได้ไม่เฉพาะการเจอเพื่อนในชั้นเรียน แต่ต้องมาจากการเจอเพื่อนต่างที่ ต่างโรงเรียน แต่กรุงเทพฯ ไม่มีพื้นที่ให้พวกเราได้เจอกัน ดังนั้นจำเป็นต้องมีพื้นที่สาธารณะที่มีคุณภาพ ให้คนมาเจอกันเพื่อสร้างงานสร้างสรรค์ เป็นพื้นที่แสดงดนตรี แสดงศิลปะ และไม่ใช่เฉพาะหอศิลป์ฯ กทม. เท่านั้น แต่ควรกระจายไปทุกเขต ทุกแขวง เพื่อให้คนได้แสดงความสามารถทางศิลปะ และต่อไปจะเป็นพลังของอนาคตในเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ Creative Economy” ชัชชาติกล่าว 

The post ชัชชาติชื่นชม MILLI โชว์ Soft Power ไทยสู่สายตาชาวโลก ชูนโยบาย ‘สร้างสรรค์ดี’ พัฒนาพื้นที่สตรีทโชว์ทั่ว กทม. ส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในอนาคต appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bangkok Design Week 2020 มีอะไรให้ดู? เตรียมตะลุยย่านสร้างสรรค์ทั่วกรุงเทพฯ 1-9 ก.พ. นี้ https://thestandard.co/bangkok-design-week-2020/ Tue, 28 Jan 2020 10:31:05 +0000 https://thestandard.co/?p=325351

วนเวียนกลับมาอีกครั้งสำหรับเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพ หรือ […]

The post Bangkok Design Week 2020 มีอะไรให้ดู? เตรียมตะลุยย่านสร้างสรรค์ทั่วกรุงเทพฯ 1-9 ก.พ. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วนเวียนกลับมาอีกครั้งสำหรับเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพ หรือ Bangkok Design Week 2020 ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันแล้ว และครั้งนี้เขากลับมาแบบใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น เพิ่มเติมย่านใหม่เข้ามาให้ชาวกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยวได้สนุกสนานกับการออกไปเดินเล่นนอกบ้าน ดูงานดีไซน์สร้างสรรค์ เพื่อเติมแรงบันดาลใจ และตระหนักถึงความสำคัญของงานออกแบบที่เกิดขึ้นโดยมันสมองของคนไทย ตั้งแต่วันที่ 1-9 กุมภาพันธ์นี้

 

สิ่งหนึ่งที่เราต้องทำความเข้าใจตรงกันคือ Bangkok Design Week นี้ทุกคนในกรุงเทพฯ คือเจ้าของร่วม แม้ว่าจริงๆ แล้วเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ จะจัดขึ้นมาโดยมีแม่งานหลักคือ TCDC หรือศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ก็จริง แต่ TCDC เองก็มีหน้าที่เป็นเพียงตัวกลางที่ควบรวมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนไว้ด้วยกันเพื่อจัดงานนี้ขึ้นมา โดยจุดประสงค์หลักก็เพื่อแสดงศักยภาพของกรุงเทพฯ ในเรื่องของ ‘เศรษฐกิจสร้างสรรค์’ (Creative Economy) ผ่านการใช้ความคิดสร้างสรรค์และงานออกแบบ นอกจากนี้ยังส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นหนึ่งในฐานะกลไกขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจภาพรวมทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในวันที่จำนวนประชากรในเมืองกำลังจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

หัวใจหลักในปีนี้ของ Bangkok Design Week 2020 คือธีม ‘Resilience: New potential for living ปรับตัว>อยู่รอด>เติบโต’ ที่พร้อมนำเสนองานออกแบบ และงานสร้างสรรค์ที่สะท้อนความคิดและความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของกรุงเทพฯ ต่อสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ผ่านงานสร้างสรรค์ตั้งแต่ระดับของงานทดลอง ไปจนถึงผลงานที่ส่งผลด้านธุรกิจและสังคมในภาคใหญ่อีกด้วย ซึ่งยั่วล้อกับเรื่องราวของสัดส่วนประชากรที่เพิ่มขึ้นมาก จากรายงานของสหประชาชาติว่าด้วยสัดส่วนของประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันร้อยละ 55 เป็นร้อยละ 68 และเมื่อจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองเพิ่มขึ้น พื้นที่ของเมืองจึงต้องมีเพิ่มมากขึ้น

 

เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงนี้ แนวคิดในการวางแผนและบริการจัดการเมืองสมัยใหม่จึงต้องให้ความสำคัญทั้งในเรื่องการพัฒนาด้านกายภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี และยังต้องสร้างให้เมืองเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กันไป การส่งเสริมเมืองให้มีคุณลักษณะ ‘Resilience’ หรือความทนทานและการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากผลกระทบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และภายในงานเราจะได้เห็นแนวคิดที่น่าสนใจของงานออกแบบที่สร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการอยู่ร่วมกันของสังคมที่มีความแตกต่าง สร้างความปลอดภัยและส่งเสริมการเข้าถึงบริการสาธารณะ

 

รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่นำไปสู่การร่วมมือกันตั้งแต่ระดับบุคคล ชุมชน สถาบัน องค์กร ให้หล่อหลอมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นเมืองที่มีความสามารถในการอยู่รอดและเติบโตได้ในทุกสถานการณ์ ซึ่งในปีนี้งานได้ขยายวงกว้างไปยังเขตใหม่ๆ นอกเหนือจาก Creative District อย่างย่านเจริญกรุงแล้ว ปีนี้ยังมีพื้นที่อารีย์-ประดิพัทธ์, Thong-Ek Creative Neighborhood ย่านสร้างสรรค์ทองหล่อ-เอกมัย และสามย่าน ที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของงาน และเราได้ลิสต์ผลงานน่าสนใจส่วนหนึ่งมาให้คุณได้ลองชมกันก่อน

 

 

เจริญกรุง-ตลาดน้อย

ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนสายแรกของประเทศไทย มันต้องมีอะไรน่าสนใจและอยู่คู่ถนนเส้นนี้มายาวนาน จึงเป็นที่มาของธีม เมด อิน เจริญกรุง ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างธุรกิจและชุมชนท้องถิ่นกับนักออกแบบ ร้านค้า ธุรกิจ ช่างฝีมือ ทั้งในย่านและนอกย่าน เพื่อสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เมนูใหม่ การเล่าเรื่องแบบใหม่ ที่จะกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะใน ‘เจริญกรุง’ เท่านั้น เพื่อให้ธุรกิจดั้งเดิมเหล่านี้สามารถปรับตัว อยู่รอด และเติบโตด้วยตัวเองได้อย่างยั่งยืน

 

ในย่านนี้เราจะได้พบกับงานคอลลาบอเรชันมากมายที่น่าสนใจ มีทั้งผลิตภัณฑ์และอาหารเครื่องดื่มให้เราได้เดินไปลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกันของ

  • ‘เอี๊ยะแซ’ ร้านยาดมสมุนไพรจีนอายุกว่า 100 ปี ที่จับมือกับ Zlapdash Studio เพื่อออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับลูกอมสมุนไพรจีน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของร้าน ดูร่วมสมัยและน่าซื้อมากๆ
  • ทางด้าน ‘นิวเฮงกี่’ ร้านอาหารจีนโบราณเก่าแก่กว่า 60 ปี ก็ร่วมมือกับ Arn Creative Studio เพื่อสร้างการเล่าเรื่องแบรนด์และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่
  • และที่เป็นไฮไลต์ของย่านนี้คือ บ้านทำตราตั้งองค์ครุฑแห่งแรกของกรุงเทพฯ ที่จะร่วมมือกับศิลปินอย่าง พิชญา อุทัยเจริญพงษ์ และ Vinn Patararin เพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กบอกเล่าเรื่องความเป็นมาและวิธีการทำตราตั้งองค์ครุฑ

 

 

ทองหล่อ-เอกมัย

Thong-Ek Creative Neighborhood (ทองเอก) คือชื่อเก๋สำหรับย่านสร้างสรรค์ใหม่ในบริเวณทองหล่อ-เอกมัย ที่ปีนี้พวกเขาร่วมมือกันเป็นครั้งแรกเพื่อสร้างงานออกแบบ งานเสวนา ผ่านผู้คนและสถานที่อันเป็นทรัพยากรสำคัญที่มีอยู่ในย่าน ที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่าแถวละแวกนี้นอกจากจะเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์เก๋ๆ แล้ว ยังมีร่องรอยของอดีตหลบซ่อนอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนทรงโมเดิร์นหลังใหญ่ ร้านอาหารชื่อดังระดับตำนาน ชุมชนริมคลอง ศาสนสถาน และที่สำคัญคือผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่มานานหลายสิบปี ว่ากันว่าตั้งแต่ช่วงปี 1960 ละแวกซอยสุขุมวิท 55 และสุขุมวิท 63 เป็นย่านชานเมืองแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ถูกจับจองโดยผู้คนรุ่นปู่ย่า สิ่งที่เราจะได้เห็นในย่านนี้ก็มีหลากหลายจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น

 

  • เวิร์กช้อป ‘ทำปุ๋ยจากเศษอาหาร’ โดย ชูเกียรติ โกแมน จาก My City Farm หนึ่งในทีมงานสวนผักคนเมือง จับมือกับเว็บไซต์ Urban Creature ที่ออฟฟิศอยู่เอกมัย ซอย 8 พวกเขาจะเปิดบ้านให้ความรู้เกี่ยวกับการทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารที่ใครก็สามารถทำตามได้ง่ายๆ เพื่อช่วยโลกลดขยะอาหาร
  • เนื้อตุ๋นจากร้านวัฒนาพานิชเองก็เป็นส่วนหนึ่งในงานนี้ เพราะจะถูกนำมาเล่าผ่านมุมมองใหม่ของ เชฟแทน-ภากร โกสิยพงษ์ ซึ่งถ่ายทอดวัฒนธรรมอาหารและวัตถุดิบท้องถิ่นชั้นเยี่ยมซึ่งซุกซ่อนอยู่ในย่านเอกมัย ผสานเข้ากับรสสัมผัสของผักสวนครัวไทย และดอกไม้กินได้ กลายเป็นฟิวชันฟู้ดพร้อมเสิร์ฟในบรรยากาศห้องอาหารป๊อปอัพที่ออกแบบโดยแบรนด์หนังอย่าง Mobella
  • นิตยสาร art4d เองก็ร่วมมือกับ Shma ฉายภาพยนตร์สารคดีของ Boris B. Bertram ผู้กำกับชาวเดนมาร์กที่ใช้เวลา 2 ปีในการสำรวจความหมายของคำว่าบ้าน ผ่านพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก และถ่ายทอดออกมาเป็นสารคดีความยาว 68 นาที

 

 

สามย่าน

สามย่านในสายตาของเราในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คือส่วนผสมของความเก่าและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งแต่เดิมเป็นย่านชาวจีนเก่าแก่ที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารและงานช่างเหล็กและยานยนต์ ซึ่งในปีนี้พวกเขามีกิจกรรมไฮไลต์มากมาย ทั้งที่ TCDC Commons ในอาคาร IDEO Q Chula-Samyan, อาคารสามย่านมิตรทาวน์ และสตูดิโอเปิดใหม่ล่าสุด The Shophouse 1527 ที่รีโนเวตจากตึกแถวไร้ผู้คนให้เป็นพื้นที่ทดลองสำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชน เพื่อเปิดโอกาสให้นักออกแบบหมุนเวียนกันมานำเสนอไอเดียและทำงานร่วมกัน

 

  • กลุ่มนักออกแบบดอกไม้ที่ชื่อว่า PHKA (ผกา) จะร่วมกับ The Shophouse 1527 นำเสนองานอินสตอลเลชันดอกไม้ ในชื่อ ‘PHKA: KARMA’ นำเสนอเนื้อหาที่สื่อสารถึงวิกฤตการณ์ภาวะโลกร้อนที่เป็นปัญหาเร่งด่วน โดยใช้ดอกไม้เป็นสื่อกลางเปรียบเทียบถึงผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งมีชีวิตระบบนิเวศไปจนถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมอย่างมีมิติ
  • DATA AND SPACE at MOD นิทรรศการศิลปะที่นำเสนอข้อมูลเชิงสถิติและปริมาณของสามย่านในหัวข้อต่างๆ อาทิ ปริมาณร้านอาหารในย่าน จำนวนคนอยู่อาศัย จัดแสดงรูปแบบของ Digital Visualization ภายในพื้นที่อาคารตึกแถว ในรูปแบบของการฉายภาพ Projection Mapping ลงบนผนังและพื้นที่ภายในอาคาร

 

 

Ari-Pradipat

อีกย่านใหม่ที่เข้ามาในปีนี้คือ อารีย์-ประดิพัทธ์ ที่มีความเปลี่ยนแปลงของย่านไปทั้งในด้านการใช้งานและปัญหาท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวสูง การเกิดขึ้นของโฮสเทลและคาเฟ่สำหรับนักเดินทางรุ่นใหม่ และแหล่งรวมของนักสร้างสรรค์หลากสาขา เรื่องราวในย่านนี้จะถูกบอกเล่าและแก้ไขปัญหาบางอย่างด้วยกระบวนการคิดและลงมือทำร่วมกันอย่างเป็นระบบของทั้งคนในพื้นที่และผู้มาเยือน ผ่านกิจกรรมใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การทำงาน การกิน และการเดินทางในย่านนี้

 

  • Mood Hopping กิจกรรมสำรวจพื้นที่และอารมณ์โดย Faiyen Design Studio ที่จะให้คุณไปสำรวจคาเฟ่ไปพร้อมกับการสำรวจอารมณ์และเข้าใจตัวเองท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสังคม เมือง ซึ่งเป็นกิจกรรมการออกแบบประสบการณ์เพื่อนำเอาความรู้ความเข้าใจเรื่องสุขภาพจิต และการจัดการกับอารมณ์
  • บริเวณถนนพหลโยธิน ซอยอารีย์ 1-2 และถนนประดิพัทธ์ จะกลายเป็นพื้นที่ ‘Have a rest’ โดย PAGA Architects ร่วมกับ Op-portunist สร้างต้นแบบพื้นที่สร้างสรรค์ ที่ปรับปรุงคุณภาพการเดินและรองรับการหยุดพักระหว่างทางสัญจร ที่จะสามารถเป็นพื้นที่สาธารณะที่สบาย มีร่มเงา คงทนต่อการใช้งานและเอื้อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในย่าน

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานที่จะเกิดขึ้นใน Bangkok Design Week 2020 และถ้าคุณอยากสัมผัสประสบการณ์เหล่านี้ด้วยตัวเอง งานจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1-9 กุมภาพันธ์นี้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/BangkokDesignWeek/ และที่ THE STANDARD POP

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post Bangkok Design Week 2020 มีอะไรให้ดู? เตรียมตะลุยย่านสร้างสรรค์ทั่วกรุงเทพฯ 1-9 ก.พ. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bangkok Design Week สำคัญอย่างไรกับกรุงเทพฯ? เมื่อการออกแบบคือบทบาทใหม่ในการขับเคลื่อนเมือง https://thestandard.co/bangkok-design-week-2018/ https://thestandard.co/bangkok-design-week-2018/#respond Wed, 17 Jan 2018 04:32:35 +0000 https://thestandard.co/?p=62824

คุณคงเคยได้ยินชื่องาน ‘Bangkok Design Week 2018’ หรือ ‘ […]

The post Bangkok Design Week สำคัญอย่างไรกับกรุงเทพฯ? เมื่อการออกแบบคือบทบาทใหม่ในการขับเคลื่อนเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>

คุณคงเคยได้ยินชื่องาน ‘Bangkok Design Week 2018’ หรือ ‘เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2561’ กันผ่านหูมาบ้างแล้ว ซึ่งหลายๆ คนอาจจะไม่เคยรู้ว่ากิจกรรมนี้คืออะไร และเกิดขึ้นมาด้วยจุดประสงค์อะไร? กับกิจกรรมความยาว 9 วันที่จะรังสรรค์พื้นที่ในกรุงเทพฯ ทั้ง 5 พื้นที่ให้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ทั้งงานศิลปะ งานเสวนา การพัฒนาพื้นที่เมือง รวมไปถึงงานตลาดนัดครีเอทีฟที่น่าสนใจ

 

ภาพโปสเตอร์ของงาน Bangkok Design Week 2018

 

THE STANDARD ได้รับโอกาสพิเศษจากศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ หรือ TCDC นั่งคุยกับ คุณกิตติรัตน์ ปิติพานิช รักษาการผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ และคุณพิชิต วีรังคบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ เกี่ยวกับเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ ก่อนจะพบว่านี่ไม่ใช่แค่งานที่รวบรวมผลงานในอุตสากรรมการออกแบบ แต่มันคือการสำรวจวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ ผ่านงานออกแบบ ทั้งยังเป็นการปูพรมแดงให้กรุงเทพฯ ขับเคลื่อนตัวเองไปสู่การเป็นเมืองหลวงของการออกแบบโลกอีกด้วย แต่จะทำด้วยวิธีการอย่างไร และมีอะไรน่าสนใจบ้าง

 

 

ทุกคนในกรุงเทพฯ คือเจ้าของร่วม

จริงๆ แล้วเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ นี้จัดขึ้นมาโดยมีแม่งานหลักคือ TCDC หรือ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ก็จริง แต่ TCDC เองก็มีหน้าที่เป็นเพียงตัวกลางที่ควบรวมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนไว้ด้วยกันเพื่อจัดงานดังกล่าวนี้ขึ้นมา โดยจุดประสงค์หลักก็เพื่อแสดงศักยภาพของกรุงเทพฯ ในเรื่องของ ‘เศรษฐกิจสร้างสรรค์’ (Creative Economy) ผ่านการใช้ความคิดสร้างสรรค์และงานออกแบบ นอกจากนี้ยังส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นหนึ่งในฐานะกลไกขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจภาพรวมทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

 

ทั้งนี้รัฐบาลไทยและ TCDC ตั้งเป้าให้เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ กลายเป็นเทศกาลประจำปีที่จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างภาพลักษณ์ความเป็นเมืองสร้างสรรค์ให้กับกรุงเทพฯ ให้เทียบเท่าระดับชั้นนานาชาติ โดย TCDC เองยังต้องการจะผลักดันให้สิ่งเหล่านี้ไปไกลถึงการยกระดับให้กรุงเทพฯ เป็น World Design Capital® หรือ ‘เมืองหลวงแห่งการออกแบบโลก’ ในปี 2022 ที่จะถึงนี้อีกด้วย

 

 

มิติของงานสร้างสรรค์ที่ไม่ใช่แค่การออกแบบ

คุณอาจจะเข้าใจว่าเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ นั้นจะเป็นเรื่องแค่ของคนในแวดวงการออกแบบเท่านั้น แต่เทศกาลนี้จัดขึ้นให้บุคคลทั่วไปได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการฉายภาพอนาคตของกรุงเทพฯ ทางผู้จัดงานนั้นตั้งใจมุ่งไปยังกลุ่มของคนที่ชอบการเคลื่อนไหวใหม่ๆ ในสังคม หรือต้องการสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมผ่านมุมมองของงานสร้างสรรค์ รวมถึงการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบแก้ไขปัญหาในสังคม

 

 

เทศกาลงานออกแบบครั้งแรกของกรุงเทพฯ นี้ จึงมีธีมงานหลักในชื่อ ‘The NEW-ist Vibes…ออกแบบไปข้างหน้า’ เพื่อสะท้อนความเป็นไปได้ใหม่ของกรุงเทพฯ ต่อสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ภายใต้การหยิบบริบทอันมีเสน่ห์ของวิถีชีวิตกรุงเทพฯ มานำเสนอผ่าน มุมมอง รูปลักษณ์ และวิธีการจัดวาง ที่แตกต่างออกไป เช่น ‘Shading Project’ การเข้าไปร่วมกับชุมชนในการออกแบบเส้นทางเดินเท้าให้กับประชาชนในย่านเจริญกรุง เพื่อต่อยอดการสร้างรายได้ในตรอกซอกซอยที่น่าสนใจ หรืออย่างน้อยที่สุดก็เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับประชาชนด้วยการลงไปทำการวิจัยปัญหาการเดินเท้าในชุมชนเหล่านั้น ซึ่งภายในงานจะมีเส้นทางการเดิน (Walking Route) ให้คุณได้ร่วมดื่มด่ำกับกรุงเทพฯ มุมมองใหม่ๆ อีกด้วย

 

‘Shading Project’ คือกิจกรรมที่ TCDC และชุมชนย่านเจริญกรุงร่วมกันสร้างพื้นที่ใหม่ในตรอกซอกซอยเล็กๆ

ให้สามารถสัญจรหรือเดินเท้าได้อย่างสะดวกสบาย

 

ทางกลุ่มผู้จัดงานเชื่อว่าหนึ่งในแรงขับเคลื่อนกรุงเทพฯ เกิดจากคนกลุ่มหนึ่งที่รักในการสร้างสิ่งที่ดีกว่าเพื่อลบล้างสิ่งเก่าที่ล้าสมัย การหาหนทางแก้ไขปัญหาในเมืองด้วยวิธีใหม่ๆ รวมไปถึงยังคาดหวังให้การมาร่วมงานนี้เกิดการวิพากษ์สังคมไปพร้อมๆ กันด้วย อย่างเช่นหนึ่งไฮไลต์ในงานอย่างการจัด ‘สวนสาธารณะลอยน้ำ’ ซึ่งไม่ได้ต้องการสร้างสรรค์สิ่งนี้มาเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดพื้นที่สีเขียวในเมือง แต่เป็นการแสดงภาพให้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวเพื่อต่อยอดไปยังการวิพากษ์และหาหนทางใหม่ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมากกว่า

 

ภาพต้นแบบของ ‘สวนสาธารณะลอยน้ำ’

ซึ่งจะเทียบท่าอยู่ที่บริเวณท่าน้ำของตึก CAT ย่านเจริญกรุง

 

9 วัน 5 ย่าน 6 กิจกรรม

Bangkok Design Week จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม – 4 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อให้คุณได้สัมผัสกรุงเทพฯ ในมุมมองใหม่ ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความครีเอทีฟใน 5 พื้นที่ของกรุงเทพฯ ได้แก่ เจริญกรุง คลองสาน สามย่าน พระราม 1 และสุขุมวิท โดยมีการรวบรวมผลงานและการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ 6 รูปแบบ ได้แก่

  • งานจัดแสดงผลงานสร้างสรรค์และนิทรรศการ (Design Showcase & Exhibition)
  • กิจกรรมชุมนุมทางความคิดและทอล์ก (Symposium & Talk)
  • กิจกรรมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ (Business Program)
  • กิจกรรมพัฒนาย่านสร้างสรรค์ (Creative District & Social Project)
  • กิจกรรมสร้างสรรค์ (Creative Program)
  • ครีเอทีฟ มาร์เก็ต (Creative Market)

 

โดยในแต่ละพื้นที่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในการเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล โดยแต่ละโซนของกรุงเทพฯ จะถูกแบ่งกิจกรรมไว้ดังนี้

 

เจริญกรุง

เส้นถนนสายหลักของการจัดเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2561 โดยร้านอาหาร แกลเลอรี ชุมชน และสถานที่สำคัญต่างๆ บนถนนเจริญกรุง ตั้งแต่ โซวเฮงไถ่ ชุมชนตลาดน้อย อาคารไปรษณีย์กลาง โอ.พี. เพลส จะถูกเนรมิตเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ มากมาย

  • การจัดแสดงศิลปะสถาปัตยกรรมพาวิลเลียนจากขยะพลาสติกรีไซเคิล ‘Waste Side Story by PTTGC’ ณ บริเวณลานหน้าอาคารไปรษณีย์กลาง
  • เสวนา ธุรกิจ ‘กินดี’ ทำอย่างไรให้อยู่รอด? จากผู้บุกเบิกการทำอาหาร พล ตัณฑเสถียร และเจ้าของคอฟฟี่บีนส์บายดาว ณ ชั้น 4 ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ
  • ‘ลานปล่อยแสง’ ตลาดสินค้าสร้างสรรค์ฝีมือนักศึกษา ณ ลานใบไม้ ยิบอินซอย

 

 

คลองสาน

พื้นที่อีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีศักยภาพในการพัฒนาสู่ย่านสร้างสรรค์ และเป็นอีกหนึ่งบริเวณหลักในการจัดงานหลักในย่านคลองสาน

  • The Jam Factory และ ล้ง 1919 จะเป็นสถานที่หลักในการจัดแสดง ‘International Exhibition’ นิทรรศการแสดงผลงานออกแบบนานาชาติที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นตัวตนในด้านความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบจาก 5 ประเทศ ได้แก่ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และไต้หวัน

 

 

สามย่าน

หนึ่งพื้นที่สำคัญที่รวบรวมเยาวชน และเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการศึกษาเรียนรู้ ที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ

  • ‘สัมมนาและเวิร์กช็อปจัดแต่งดอกไม้และผลไม้ลงกล่อง’ ณ TCDC COMMONS ที่ Ideo Q จุฬา-สามย่าน
  • การเปิดบ้าน และจัดแสดงนิทรรศการผลงานนักศึกษาออกแบบนิเทศศิลป์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

พระราม 1

คืออีกย่านใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว และห้างสรรพสินค้าต่างๆ ซึ่งจะถูกเติมเต็มด้วยนิทรรศการ งานโชว์เคส และกิจกรรมสร้างสรรค์มากมาย

  • ‘สยามดีไซน์ไซต์’ คือการจัดอาร์ตอินสตอลเลชัน นิทรรศการ และกิจกรรมสร้างสรรค์ยาวรวดไปตั้งแต่ สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และสยามพารากอน
  • นิทรรศการจากลุ่มสถาปนิก ‘Lenarai’ ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
  • ‘Fuzz Up The Store’ พื้นที่จำหน่ายผลงานของนักออกแบบรุ่นใหม่ที่ได้รับการดูแลจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ณ ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าสยามดิสคัฟเวอรี่

 

สุขุมวิท

พื้นที่ธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ ที่ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการสร้างสรรค์ต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เวิร์กช็อป และนิทรรศการ

  • เสวนาเทรนด์วัสดุไม้จากสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญงานไม้ชาวญี่ปุ่น ณ ห้องแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ DEESAWAT
  • กิจกรรมเปิดบ้าน ‘THANN Open House’ กับการประยุกต์ใช้ข้าวไทย ต่อยอดภูมิปัญญาสู่ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม
  • เวิร์กช็อปการทำสบู่จากน้ำมันพืชปรุงอาหาร ‘Soap Making by Recycling Cooking Oil’ ที่ theCOMMONS ในซอยทองหล่อ

 

กิจกรรมเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ‘Bangkok Design Week 2018’ เท่านั้น เพราะยังมีกิจกรรมอีกมากมายรอคอยให้คุณไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของกรุงเทพฯ อยู่ นอกจากจะเต็มไปด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์และน่าสนใจแล้ว คุณเองยังมีส่วนรวมในการขับเคลื่อนประเทศไปพร้อมๆ กันด้วย เพื่อแสดงศักยภาพตลาดของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในกรุงเทพฯ ของเรา ซึ่งเพียบพร้อมและน่าสนใจไม่แพ้ใคร

 

THE STANDARD จะอัพเดตกิจกรรมจาก Bangkok Design Week 2018 ให้คุณอีกครั้ง ก่อนอื่นลองไปทำความรู้จักกับเทศกาลนี้ได้ที่ www.bangkokdesignweek.com และ www.facebook.com/bangkokdesignweek

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่

 

The post Bangkok Design Week สำคัญอย่างไรกับกรุงเทพฯ? เมื่อการออกแบบคือบทบาทใหม่ในการขับเคลื่อนเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/bangkok-design-week-2018/feed/ 0