เลย์ออฟ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 20 Jan 2024 11:29:54 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Sports Illustrated ส่งจดหมายเลย์ออฟพนักงานส่วนใหญ่ https://thestandard.co/sports-illustrated-layoffs/ Sat, 20 Jan 2024 11:29:54 +0000 https://thestandard.co/?p=890141

Sports Illustrated กำลังอยู่ในความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ หล […]

The post Sports Illustrated ส่งจดหมายเลย์ออฟพนักงานส่วนใหญ่ appeared first on THE STANDARD.

]]>

Sports Illustrated กำลังอยู่ในความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ หลังมีรายงานว่า พวกเขาตัดสินใจส่งจดหมายเลย์ออฟพนักงานส่วนใหญ่

 

ข่าวดังกล่าวได้รับการยืนยันจากสหภาพแรงงาน โดยพวกเขาเปิดเผยข่าวนี้หลังพนักงานของบริษัทจำนวนมากได้รับจดหมายเลิกจ้างทางอีเมลตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา (19 มกราคม) ตามเวลาท้องถิ่น 

 

สหภาพแรงงานกล่าวในแถลงการณ์ว่า “นี่เป็นอีกวันที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 4 ปีที่ยากลำบากสำหรับ Sports Illustrated เรากำลังเรียกร้องให้รับรองว่าจะมีการเผยแพร่ SI อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มันผ่านสายตาแฟนๆ ของเราในแบบที่มีมาเกือบ 70 ปี”

 

ขณะที่ Authentic Brands Group หรือ ABG ซึ่งเป็นเจ้าของนิตยสารและเว็บไซต์ของ Sports Illustrated ยืนยันในแถลงการณ์ว่า Sports Illustrated จะยังคงดำเนินต่อไป แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการแต่อย่างใด

 

โดย Sports Illustrated เปิดตัวในปี 1954 และเป็นผู้นำในวงการสื่อกีฬาของสหรัฐอเมริกามาหลายทศวรรษ แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขามีปัญหาทางการเงินมาตลอด

 

แถมล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Sports Illustrated ก็เพิ่งมีเรื่องฉาวหลังถูกจับได้ว่าใช้ AI ในการเขียนบทความ ทำให้มีการไล่ CEO ของบริษัทออกจากตำแหน่งด้วย

 

อ้างอิง:

The post Sports Illustrated ส่งจดหมายเลย์ออฟพนักงานส่วนใหญ่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘เทคเลย์ออฟ’ ที่เกิดขึ้นมากว่าปีครึ่ง บอกอะไรกับธุรกิจและคนในวงการเทคโนโลยี? https://thestandard.co/the-big-tech-layoffs/ Thu, 18 Jan 2024 03:56:55 +0000 https://thestandard.co/?p=889075

เดือนแรกของปี 2024 เพิ่งจะผ่านไปได้ครึ่งทาง แต่บรรยากาศ […]

The post ‘เทคเลย์ออฟ’ ที่เกิดขึ้นมากว่าปีครึ่ง บอกอะไรกับธุรกิจและคนในวงการเทคโนโลยี? appeared first on THE STANDARD.

]]>

เดือนแรกของปี 2024 เพิ่งจะผ่านไปได้ครึ่งทาง แต่บรรยากาศความมั่นคงในงานของคนวงการเทคโนโลยียังคงมีกลิ่นอายที่คล้ายกับปี 2023 ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นปีแห่งการ ‘เลย์ออฟ’

 

ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ พนักงานสายเทคถูกปลดออกจากตำแหน่งไปแล้วกว่า 7,500 คน เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ความมั่นใจของพนักงานในอุตสาหกรรมเริ่มจะสั่นคลอน โดยเฉพาะกับเหล่าคนในบริษัทที่ตั้งอยู่ ณ ศูนย์กลางแห่งเทคโนโลยีโลกอย่างซิลิคอนวัลเลย์ ที่ซึ่งพนักงานผู้ถูกปลดเริ่มหันกลับมามองว่าพวกเขาจะยังเดินหน้าในสายอาชีพนี้อยู่หรือไม่ ท่ามกลาง ‘ความไม่รู้’ ถึงอนาคตที่นับวันมีแนวโน้มจะยิ่งไม่มั่นคงมากขึ้น

 

บอร์ดบริหารส่วนใหญ่ยอมรับ AI คือหนึ่งเหตุผลของการลดคน

 

การตัดสินใจปลดพนักงานโดยบริษัทบิ๊กเทคที่เกิดขึ้นในตลอดหลายเดือนของปี 2023 มาควบคู่กับการที่บริษัทเหล่านั้นทุ่มเงินลงทุนจำนวนมหาศาลเพื่อเดินหน้าลงทุนพัฒนา AI ในวาระที่ธุรกิจต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและจัดเรียงโครงสร้างกันใหม่ ทำให้ผู้บริหารในแวดวงเทคบางคนออกมายอมรับว่า “AI เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเราต้องคิดทบทวนเรื่องจำนวนคนใหม่”

 

Google และ Amazon เป็นสองบริษัทที่นำร่องการปลดพนักงานจำนวนหลายร้อยชีวิตจากหลายแผนกในครึ่งแรกของเดือนมกราคมปีนี้ ซึ่งจุดที่น่าสังเกตนั้นคือ การลดพนักงานเกิดขึ้นหลังจากที่บริษัททั้งสองประกาศถึงการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐในสตาร์ทอัพ Anthropic

 

บริษัทอย่าง Discord ตัดสินใจปลดคน 17% ออก และยังมี Unity Software ผู้สร้างซอฟต์แวร์หลักของเกม Pokémon GO รวมถึง Duolingo ก็ทำเช่นเดียวกัน โดยลดไป 25% และ 10% ตามลำดับ โดยต่างให้เหตุผลว่าต้องการจัดสรรทรัพยากรใหม่เพื่อลงทุนในด้าน AI

 

แซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ผู้ที่มีประสบการณ์คลุกคลีกับธุรกิจด้านเทคโนโลยี กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH เกี่ยวกับเหตุการณ์ปลดพนักงานที่เกิดขึ้นนี้ว่า ‘เป็นเรื่องที่ปกติ’ เพราะองค์กรจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ โดยตำแหน่งหรือประเภทงานที่ AI สามารถทดแทนได้ เช่น งานซ้ำซ้อนหลังบ้านต่างๆ ก็มีการนำเครื่องมือจาก OpenAI หรือ RPA (Robotic Process Automation) มาใช้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายเหล่านั้นและเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่ง AI สามารถเข้ามาเติมเต็มส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี

 

นอกเหนือจากปัจจัยด้าน AI การระบาดของโควิดที่เคยเป็นสาเหตุให้ดีมานด์ต่อสินค้าและบริการบนช่องทางออนไลน์พุ่งสูงขึ้น จนนำมาสู่การเดินหน้าจ้างงานบริษัทเทคโนโลยีอย่างเต็มสูบเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนมาให้ความสำคัญการ ‘ลดต้นทุน’ แทน ท่ามกลางภาวะต้นทุนทางการเงินสูง บวกกับดีมานด์ที่ลดลง เนื่องจากวิถีชีวิตของผู้คนในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทำงาน สังสรรค์ และใช้ชีวิตภายในที่อยู่อาศัยของตนเองเป็นหลักแล้ว 

 

การหาช่องทางใหม่เพื่อทวงคืนสิทธิและความมั่นคงของคนสายเทค

 

“ในขณะที่นักลงทุนและธุรกิจมองหาหลุมหลบภัย พนักงานก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน” Jeff Spector ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทจัดหางาน ได้กล่าวกับ CNBC

 

สถานะเดิมที่เชื่อว่าซิลิคอนวัลเลย์เป็นแหล่งสำหรับผู้ที่สนใจจะเริ่มต้นและเติบโตไปกับเส้นทางอาชีพสายเทคโนโลยีในระยะยาวกำลังเปลี่ยนไป เพราะความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้เกิดการปลดพนักงานจำนวนมากเกิดขึ้น โดยเริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2022 และยังดำเนินต่อไป 

 

ในผลสำรวจ Dice Tech Sentiment Report 2023 พบว่า 60% ของพนักงานวงการเทคโนโลยีชาวอเมริกันระบุถึงความต้องการเปลี่ยนงานในปี 2024 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าปีก่อนหน้าที่ 52%

 

แนวโน้มดังกล่าวจึงเป็นโอกาสให้กับบริษัทประเภท Non-Tech อื่นๆ สามารถดึงตัวคนเก่งจากวงการเทคไปได้ ซึ่งบริษัทเหล่านี้ก็ได้คนจากวงการไปแล้วประมาณ 60% เนื่องจากพวกเขามีความมั่นคงที่ดีกว่ามอบให้กับพนักงานได้ และไม่ได้เจอกับวิกฤตที่นำมาสู่การปลดคนมากเท่ากับบริษัทเทคโนโลยี

 

แต่ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท Non-Tech จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจธรรมชาติของคนสายเทคที่ต้องการความยืดหยุ่นและบรรยากาศที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ เพื่อรักษาพวกเขาให้อยู่กับองค์กรให้ได้อย่างยาวนาน

 

ดังนั้น เทรนด์ทำงานของคนสายเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ที่กำลังเกิดขึ้นคือ การเปลี่ยนมุมมองเดิมที่เคยให้คุณค่ากับการได้ร่วมงานกับบริษัทชื่อดังที่เติบโตเร็วและมีชื่อเสียง กลายเป็นการมองหาอะไรที่ให้ ‘ความมั่นคง’ ได้มากกว่า

 

‘เทคเลย์ออฟ’ ยังไม่ใช่ปัญหาของไทย แต่ AI นั้นไม่แน่

 

สำหรับสถานการณ์การปลดคนที่เกิดขึ้นในฝั่งตะวันตก ต้องบอกว่าบ้านเราคงไม่ได้เห็นแบบนั้นในอุตสาหกรรมเทคไทย โดย ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ นายกสมาคม Thai Startup ได้ให้ความเห็นถึงประเด็นความท้าทายของประเทศไทยไว้ดังนี้

 

“ปัญหาที่เรากำลังเจอและเจอมาสักพักใหญ่ๆ แล้วคือการขาดแคลนคนเก่งในวงการเทคโนโลยี สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทยเคยออกมาเปิดเผยตัวเลขว่า ความต้องการบุคลากรสาย IT ในประเทศมีจำนวนมากถึง 1 ล้านคน แต่เรากลับมีคนที่ใช้งานได้อยู่ในตลาดเพียงประมาณ 5 หมื่นคน และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ คนที่จบการศึกษาในด้านนี้และสามารถทำงานได้จริงก็มีแค่ 2 พันคนต่อปีเท่านั้น” 

 

มากไปกว่านั้น บริษัทใหญ่ที่เป็นธุรกิจแบบดั้งเดิมจำนวนมากขึ้นก็เริ่มที่จะเปลี่ยนและเรียกตัวเองว่าเป็น ‘Tech Company’ ทำให้สงครามการแย่งคนเก่งสายเทคโนโลยีมีแนวโน้มจะเข้มข้นมากขึ้นไปอีก

 

ทีนี้จุดเชื่อมโยงมันอยู่ที่นวัตกรรม AI เพราะถึงแม้ว่าประเทศไทยจะยังไม่มีการปลดคนออกในสเกลที่ใหญ่จากการถูกแทนที่ แต่ AI ก็จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้คนในวงการเทคโนโลยีที่เคยเรียกค่าตัวได้สูง อาจจำเป็นต้องถูกประเมินใหม่ เพราะเมื่อ AI เข้ามาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของการทำธุรกิจ บทบาทของคนก็จะไม่เหมือนเดิม

 

ยุทธนาทิ้งท้ายว่า เทรนด์ความท้าทายที่จะเกิดขึ้นกับแรงงานไทยในอนาคต ท่ามกลางเทคโนโลยีนี้ที่ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ คือการตั้งคำถามของผู้ประกอบการว่า “ถ้าเราสามารถใช้ AI ที่ช่วยให้งานเสร็จได้เร็วกว่าในคุณภาพที่ไม่ต่างกันมาก การจ้างคนจะยังสำคัญแค่ไหน?” ซึ่งประเด็นนี้ก็เป็นโจทย์ให้กับคนทำงานทุกคนที่ต้องเร่งหาจุดแข็งและจุดแตกต่าง เพื่อให้ตนทำงานในโลกยุคต่อไปได้โดยไม่ถูกแทนที่

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

อ้างอิง:

The post ‘เทคเลย์ออฟ’ ที่เกิดขึ้นมากว่าปีครึ่ง บอกอะไรกับธุรกิจและคนในวงการเทคโนโลยี? appeared first on THE STANDARD.

]]>
ยังไม่สิ้นสุดการเลิกจ้าง! ส่องบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง Nike, Intel ไปจนถึง Citi เล็งเลย์ออฟพนักงานอีกครั้งในปี 2024 หวังลดต้นทุนและใช้ AI มาทำงานแทน https://thestandard.co/nike-intel-citi-layoffs-2024/ Thu, 28 Dec 2023 11:48:41 +0000 https://thestandard.co/?p=882329

ส่องบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกา ทั้ง Nike, Intel ไปจนถึง C […]

The post ยังไม่สิ้นสุดการเลิกจ้าง! ส่องบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง Nike, Intel ไปจนถึง Citi เล็งเลย์ออฟพนักงานอีกครั้งในปี 2024 หวังลดต้นทุนและใช้ AI มาทำงานแทน appeared first on THE STANDARD.

]]>

ส่องบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกา ทั้ง Nike, Intel ไปจนถึง Citi เตรียมลดจำนวนพนักงานลงอีกในปี 2024 ส่วนหนึ่งเป็นแผนลดต้นทุนค่าใช้จ่าย พร้อมนำ AI มาทำงานแทนคน

 

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2023 มีข่าวบริษัทรายเล็กและรายใหญ่ ทั้งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สื่อ การเงิน และการค้าปลีก ปลดพนักงานเกือบทุกวัน 

 

แต่การปลดพนักงานก็ยังไม่มีที่ท่าว่าจะจบลง เพราะในปี 2024 บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาเตรียมลดจำนวนพนักงานลงอีก

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

จากผลสำรวจ ResumeBuilder ที่ได้พูดคุยกับผู้บริหารประมาณ 900 คนในองค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 10 คน ต่างประเมินว่า ธุรกิจมากกว่าครึ่ง หรือราว 50% มีแนวโน้มเลิกจ้างพนักงานลงอีกในปี 2024 โดยอ้างว่ามีความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย 

 

อีกด้านหนึ่งบริษัทส่วนใหญ่ต้องการนำ AI เข้ามาทำงานแทนคน เห็นได้จากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Dropbox, Google และ IBM ที่เริ่มนำเทคโนโลยี AI เข้ามาทำงานแทนคนอย่างจริงจัง

 

มาดูกันว่าในปี 2024 มีบริษัทไหนบ้างที่วางแผนเลิกจ้างพนักงาน เริ่มตั้งแต่

 

  1. Nike บริษัทผลิตชุดกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานมากกว่า 79,000 คน เริ่มวางแผนลดต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ ภายใน 3 ปีข้างหน้า และหนึ่งในนั้นได้เตรียมลดจำนวนพนักงานลงอีก โดยยังไม่ได้เปิดเผยว่าจะมากน้อยแค่ไหน พร้อมกับยังเตรียมการนำเทคโนโลยีและ AI เข้ามาช่วยทำงานในกระบวนการผลิตมากขึ้น 

 

  1. Intel บริษัทผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมเลิกจ้างพนักงานราวๆ 235 คนในปี 2024 ซึ่งเป็นการเลิกจ้างรอบที่ 5 ติดต่อกัน แน่นอนว่าเป็นไปตามกลยุทธ์บริษัทที่ต้องการลดต้นทุนลง โดยโฆษก Intel กล่าวว่า นับเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่เราให้ความเชื่อมั่นว่าจะรับผิดชอบพนักงานที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างดี 

 

  1. Citi เครือธนาคารข้ามชาติยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน หลังจากประกาศแผนยกเครื่ององค์กรครั้งใหญ่ในรอบ 2 ทศวรรษ พร้อมลดจำนวนพนักงานลงอีก 10% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 โดยพนักงานที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพนักงาน กรรมการผู้จัดการ และพนักงานระดับล่างบางส่วน ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ ‘เจน เฟรเซอร์’ ซีอีโอ เผชิญแรงกดดันในการฟื้นฟูบริษัท พร้อมต้องลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

 

อ้างอิง:

The post ยังไม่สิ้นสุดการเลิกจ้าง! ส่องบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง Nike, Intel ไปจนถึง Citi เล็งเลย์ออฟพนักงานอีกครั้งในปี 2024 หวังลดต้นทุนและใช้ AI มาทำงานแทน appeared first on THE STANDARD.

]]>
พนักงานเทคกว่าหมื่นคนในสหรัฐฯ ถูกเลย์ออฟในเวลาเพียง 2-3 วัน นักวิเคราะห์มอง ‘เป็นตัวเลขไม่น่าแปลกใจ’ หากนับปีนี้ทะลุ ‘หลักแสน’ แล้ว https://thestandard.co/tech-employee-layoffs/ Mon, 14 Nov 2022 09:59:25 +0000 https://thestandard.co/?p=708852 พนักงานเทค

พนักงานเทคกว่าหมื่นคนในสหรัฐฯ ถูกเลย์ออฟในเวลาเพียง 2-3 […]

The post พนักงานเทคกว่าหมื่นคนในสหรัฐฯ ถูกเลย์ออฟในเวลาเพียง 2-3 วัน นักวิเคราะห์มอง ‘เป็นตัวเลขไม่น่าแปลกใจ’ หากนับปีนี้ทะลุ ‘หลักแสน’ แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
พนักงานเทค

พนักงานเทคกว่าหมื่นคนในสหรัฐฯ ถูกเลย์ออฟในเวลาเพียง 2-3 วัน เนื่องจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Meta, Twitter, Salesforce และบริษัทอื่นๆ ต่างพยายามลดจำนวนพนักงานลงในช่วงสิ้นปีนี้ 

 

ข้อมูลจาก Layoffs.fyi ซึ่งเป็นเว็บไซต์ติดตามการเลิกจ้างในอุตสาหกรรมนี้ระบุว่า มีพนักงานอย่างน้อย 20,300 คนถูกเลิกจ้างในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และกว่า 100,000 คนตั้งแต่ต้นปีนี้ 

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

ตามรายงานระบุว่า ความเชื่อมั่นในการทำงานของพนักงานเทคลดลงอย่างมาก เนื่องจากมีข่าวการเลิกจ้างหลุดออกมาตลอดเวลา 

 

Julia Pollak หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ZipRecruiter กล่าวว่าการเลิกจ้างหลักหลายพันนั้น ‘ไม่น่าแปลกใจ’ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ​ทำให้บริษัทต่างๆ กู้ยืมได้ยากขึ้น, ราคาหุ้นตกต่ำและราคาสินค้าในสหรัฐฯ มีราคาแพงเกินไปสำหรับตลาดต่างประเทศ

 

ความผันผวนและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี และอาจลามไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกด้วย 

 

สิ่งที่น่าสนใจคือการเลิกจ้างในอุตสาหกรรมเทคจะส่งผลแบบระลอกคลื่น กล่าวคือจะมีบริษัทเตรียมเข้า IPO น้อยลง ดังนั้นธนาคารสำหรับการลงทุนจะได้รับผลกระทบ และบริษัทต่างๆ พยายามประหยัดเงินอย่างรวดเร็วโดยการตัดงบโฆษณา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบริษัทสื่อทั้งหลายอีกด้วย และการที่พวกเขาลดจำนวนพนักงานลงก็ทำให้ไม่ต้องการพนักงาน HR หรือนายหน้าจัดหางานอีกต่อไป

 

Josh Brenner ซีอีโอของ Hired ซึ่งเป็นตลาดงานด้านเทคโนโลยี กล่าวว่า พนักงานระดับจูเนียร์หรือ First Jobber จะได้รับผลกระทบมากที่สุดเนื่องจากบริษัทต่างๆ จะรัดกุมการจ้างงานของพวกเขามากขึ้น โดยจะเน้นไปที่พนักงานมากประสบการณ์มากกว่าหากต้องการเสริมตำแหน่งต่างๆ

 

อย่างไรก็ตาม การเลิกจ้างดังที่กล่าวข้างต้นนั้นจะกระจุกอยู่ในวงจำกัดอย่างซิลิคอนแวลลีย์และวอลล์สตรีท ซึ่งสวนทางกับนายจ้างอื่นๆ ที่กำลังดิ้นรนเพื่อจ้างงานให้ทันความต้องการของผู้บริโภคในภาคการท่องเที่ยว การพักผ่อน และบริการอื่นๆ

 

สำหรับพนักงานเทคจะยังคงมีโอกาสทำงานมากมายในบริษัทขนาดเล็กและนอกอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงการดูแลสุขภาพ การค้าปลีก รัฐบาล และแม้แต่การเกษตร

 

ผู้หางานด้านเทคโนโลยีส่วนใหญ่ยังอยู่ในอุตสาหกรรมเดิมนี้ แต่พวกเขามีทางเลือกอื่นด้วยเช่นกัน โดยจากข้อมูลของ ZipRecruiter เผยว่า จากการสำรวจของชาวอเมริกัน 2,500 คนในเดือนตุลาคม พบว่า 74% ของคนทำงานด้านเทคโนโลยีที่เริ่มทำงานใหม่ภายในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งยังคงอยู่ในภาคส่วนเทคโนโลยี 

 

และในบรรดา 26% นั้นทำงานในอุตสาหกรรมอื่น, 6% เข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกหรืออีคอมเมิร์ซ, 5% ไปทำงานที่บริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน, 2% ย้ายไปดูแลสุขภาพ และ 2% ย้ายไปทำงานบริการธุรกิจแบบมืออาชีพ

 

อ้างอิง:

The post พนักงานเทคกว่าหมื่นคนในสหรัฐฯ ถูกเลย์ออฟในเวลาเพียง 2-3 วัน นักวิเคราะห์มอง ‘เป็นตัวเลขไม่น่าแปลกใจ’ หากนับปีนี้ทะลุ ‘หลักแสน’ แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘Seagate’ ลดไซส์องค์กรครั้งใหญ่ ปลดพนักงาน ทั่วโลก 3,000 คน อ้างรับมือเศรษฐกิจชะลอ https://thestandard.co/seagate-3000-lay-off/ Thu, 27 Oct 2022 06:15:36 +0000 https://thestandard.co/?p=700797

สำนักข่าว CNBC รายงานว่าบริษัท Seagate ซึ่งเป็นผู้ผลิตฮ […]

The post ‘Seagate’ ลดไซส์องค์กรครั้งใหญ่ ปลดพนักงาน ทั่วโลก 3,000 คน อ้างรับมือเศรษฐกิจชะลอ appeared first on THE STANDARD.

]]>

สำนักข่าว CNBC รายงานว่าบริษัท Seagate ซึ่งเป็นผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์ชั้นนำ เตรียมปรับลดโครงสร้างครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงความจำเป็นในการ ปลดพนักงาน ของบริษัทมากถึง 3,000 คน 

 

แถลงการณ์ของ Seagate ระบุว่า ทางบริษัทวางแผนที่จะลดจำนวนพนักงานทั่วโลก 8% หรือประมาณ 3,000 คน โดยอ้างถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความต้องการชิ้นส่วนที่ลดลง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


เดฟ มอสเลย์ ซีอีโอของ Seagate เสริมว่า นอกเหนือจากการปรับปรุงผลผลิต เพิ่มวินัยในการจัดหาวัตถุดิบ และความมั่นคงด้านราคาแล้ว Seagate กำลังดำเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างใหม่เพื่อลดต้นทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการลดจำนวนพนักงานทั่วโลกของบริษัท 

 

แผนการปรับโครงสร้างครั้งนี้ถูกประกาศออกมาหลังจากที่ Seagate รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปีงบประมาณการเงินล่าสุด ซึ่งไม่เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนคาดการณ์ไว้ 

 

ทั้งนี้ หุ้นของ Seagate ร่วงลงมากกว่า 7% ระหว่างการซื้อขายในวันพุธที่ผ่านมา (26 ตุลาคม) และลดลงมากกว่า 55% นับตั้งแต่ต้นปี 2022

 

มอสเลย์กล่าวอีกว่า ลูกค้าของ Seagate ซึ่งรวมถึงผู้ให้บริการคลาวด์มีสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้จ่ายในคอมพิวเตอร์น้อยลง ดังนั้นจึงไม่คาดหวังว่าลูกค้าของ Seagate จะใช้ชิ้นส่วนที่ค้างอยู่จนหมดในไตรมาสปัจจุบัน ที่ทำให้มีการสั่งซื่อใหม่ 

 

อย่างไรก็ตาม มอสเลย์ยืนยันว่าทางบริษัทจะยังคงเดินหน้าจ่ายเงินปันผลตามที่กำหนดไว้เหมือนเดิม 

 

การเลิกจ้างของ Seagate เป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าความต้องการ PC และเซิร์ฟเวอร์คลาวด์กำลังลดลงหลังจาก 2 ปีที่เฟื่องฟูจากการระบาดของโควิด โดย Seagate คือผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่มักใช้ใน PC และเซิร์ฟเวอร์คลาวด์

 

ก่อนหน้านี้ในวันที่ 25 ตุลาคม ทาง Microsoft ซึ่งผลิตระบบปฏิบัติการสำหรับ PC ส่วนใหญ่ รายงานว่ายอดขายลิขสิทธิ์ Windows ลดลง 15% ต่อปี ขณะที่ธุรกิจคลาวด์มีแนวโน้มรายได้ที่ลดลงเช่นกัน เมื่อเทียบกับความคาดหวังเดิมที่มีอยู่ 

 

Seagate กล่าวว่า แผนการปรับโครงสร้างซึ่งรวมถึงการเลิกจ้างจะช่วยให้บริษัทประหยัดเงินได้ประมาณ 110 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นไตรมาสเดือนมีนาคมของบริษัท พร้อมคาดว่าจะมีการใช้จ่ายก่อนหักภาษีประมาณ 65 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นค่าชดเชยและผลประโยชน์การเลิกจ้างอื่นๆ

 

ในส่วนของรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบประมาณที่ปรับแล้ว พบว่า รายได้ต่อหุ้นอยู่ที่ 48 เซนต์ ซึ่งต่ำกว่าที่ FactSet คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 71 เซนต์ต่อหุ้นอย่างมาก

 

ด้านรายรับของ Seagate อยู่ที่ 2.04 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์ของ FactSet คาดการณ์ไว้ที่ 2.1 พันล้านดอลลาร์

 

ขณะที่รายรับในไตรมาสปัจจุบัน ทาง Seagate คาดว่ารายรับจะอยู่ที่ 1.85 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่ FactSet คาดการณ์ไว้ที่ 2.12 พันล้านดอลลาร์

 

อ้างอิง:

The post ‘Seagate’ ลดไซส์องค์กรครั้งใหญ่ ปลดพนักงาน ทั่วโลก 3,000 คน อ้างรับมือเศรษฐกิจชะลอ appeared first on THE STANDARD.

]]>