เมตาเวิร์ส – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 08 Feb 2023 10:12:56 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 สรุปประเด็น ‘กฎหมายข้อมูล และ เมตาเวิร์ส’ กับการนำไปปรับใช้ในเชิงธุรกิจ https://thestandard.co/data-x-metaverse/ Sun, 13 Nov 2022 05:31:06 +0000 https://thestandard.co/?p=708357 เมตาเวิร์ส

สรุปประเด็นด้านกฎหมายข้อมูล และ ‘เมตาเวิร์ส’ กับการนำไป […]

The post สรุปประเด็น ‘กฎหมายข้อมูล และ เมตาเวิร์ส’ กับการนำไปปรับใช้ในเชิงธุรกิจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เมตาเวิร์ส

สรุปประเด็นด้านกฎหมายข้อมูล และ ‘เมตาเวิร์ส’ กับการนำไปปรับใช้ในธุรกิจ จากงาน ‘DataxMetaverse’ โดย ‘โลทาร์ ดิเทอร์แมนน์’ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายข้อมูลและเทคโนโลยีจาก BakerMcKenzie สหรัฐฯ ผู้ให้คำปรึกษาแก่บริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากในซิลิคอนแวลลีย์

 

โลทาร์ ดิเทอร์แมนน์ พาร์ตเนอร์ด้านกฎหมายของ Baker Mckenzie สาขาสหรัฐฯ ทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยี ผู้ให้คำปรึกษาแก่บริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากในซิลิคอนแวลลีย์ ได้มาแลกเปลี่ยนมุมมองในงาน ‘DataxMetaverse’ ที่ประเทศไทย ณ สามย่านมิตรทาวน์ ถึงประเด็นด้าน ‘Data Monetization’ และ ‘Metaverse’ กับการนำไปปรับใช้ในโลกธุรกิจจริง 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


Data Monetization 

โดยประเด็นแรกที่ได้กล่าวถึงในงาน นั่นก็คือ ‘Data Monetization’ หรือ ‘การนำข้อมูลมาใช้เพื่อหารายได้’ ซึ่งทางดิเทอร์แมนน์ชี้ว่า การนำข้อมูลมาเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจนั้นมีมานานแล้วและหลายธุรกิจก็กำลังใช้อยู่ หากแต่สิ่งสำคัญที่ควรพิจาณาสำหรับธุรกิจที่จะนำข้อมูลมาใช้ในยุคนี้ก็คือประเด็นที่ว่า ข้อมูลที่ธุรกิจนั้นๆ มีอยู่แล้ว สามารถนำมาประยุกต์ใช้หรือพัฒนา เพื่อส่งเสริมธุรกิจเดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้นได้อย่างไร (Data Analytics) 

 

ดิเทอร์แมนน์กล่าวว่า การนำข้อมูลไปต่อยอดหรือพัฒนาธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจยุคใหม่อย่างอีคอมเมิร์ซหรือบริษัทเทคโนโลยีเท่านั้น หากแต่ธุรกิจดั้งเดิม ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจค้าปลีกที่ปัจจุบันมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในร้านเพื่อความปลอดภัย ซึ่งสามารถแปลงข้อมูลที่บันทึกจากกล้องไปใช้ในการวิเคราะห์ตำแหน่งของร้านที่ลูกค้าเข้าถึงมากที่สุด หรือสามารถตรวจจับว่าชั้นขายบริเวณไหนลูกค้าหยิบจับมากที่สุด 

 

อีกตัวอย่างคือธุรกิจประเภทบริการทางการเงินที่สามารถนำข้อมูลของลูกค้าที่มีอยู่ มาวิเคราะห์เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับลูกค้ามากที่สุด (Customization) 

 

สิ่งสำคัญอีกประการ ที่ทางธุรกิจไม่ควรพลาดเลยก็คือ การขอความยินยอม (Consent) ในด้านข้อมูลจากลูกค้า ที่ควรชี้แจงให้ละเอียดและสามารถเข้าใจได้ง่ายที่สุดที่จะเป็นไปได้แก่ลูกค้า ว่ามีประเด็นอะไรที่ลูกค้าควรรู้ เพราะหากเกิดปัญหาภายหลังอาจนำไปสู่การเสียความเชื่อมั่น (Customer Trust) จากลูกค้าได้

 

ดิเทอร์แมนน์ยังกล่าวว่า ‘Data Sharing is good to share but be thoughtful’ ซึ่งหมายถึงว่าหากธุรกิจจากต่างอุตสาหกรรมหรือต่างบริษัทสามารถซื้อขายหรือ แลกเปลี่ยนข้อมูลลูกค้าระหว่างกันได้ (Data Sharing) ก็ยิ่งสามารถทำให้ตอบสนองต่อบริการลูกค้ายิ่งขึ้นไปอีกเช่นกัน หากแต่ธุรกิจนั้นๆ ก็ต้องคิดอย่างละเอียดถึงการขอความยินยอมในการได้ข้อมูลจากลูกค้ามา รวมไปถึงการเก็บรักษาข้อมูลเหล่านั้นจากอาชญากรรมไซเบอร์อีกเช่นกัน 

 

ทั้งนี้ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันดังกล่าวจะนำไปสู่การเกิดขึ้นของ ‘Data Broker’ หรือ ‘Information Reseller’ ซึ่งเป็นตัวกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างธุรกิจ 

 

และหลังจากต่อยอดข้อมูลทางธุรกิจระหว่างกัน ประเด็นถัดมาก็คือการนำข้อมูลมาใช้ หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันนั้น (Data Sharing) ซึ่งต้องไปตรวจสอบว่า สอดคล้องกับประเด็นทางกฎหมายมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากธุรกิจหนึ่งๆ ทำธุรกิจในหลากหลายภูมิภาค ก็ยิ่งต้องลงไปดูรายละเอียดด้านกฎหมายเพิ่มเติมว่า สอดรับกับกฎหมายของประเทศที่จะเข้าไปทำธุรกิจด้วยหรือไม่ โดยในประเทศฝั่งยุโรป การทำ ‘Data Sharing’ อาจถือเป็นเรื่องที่ถูกห้าม แต่ในสหรัฐฯ ก็อาจทำได้ภายใต้การกำกับดูแล เป็นต้น

 

สำหรับประเทศไทยที่เริ่มตื่นตัวในเรื่องกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้น จนเกิดเป็น PDPA (Personal Data Protection Act) ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงการฟอร์มตัวขึ้นมาว่าจะไปในทิศทางใด ระหว่างกฎหมาย GDPR (General Data Protection Regulation) จากฝั่งยุโรป หรือกฎหมายด้านข้อมูลส่วนบุคคลจากฝั่งของสหรัฐฯ

 

ซึ่ง GDPR นั้นจะมีในลักษณะการกำกับดูแลทุกอย่างไปก่อนเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ฝั่งสหรัฐฯ นั้นจะใช้ลักษณะการเปิดกว้างให้แก่ประชาชนในการทำธุรกิจหรือทดลองได้อย่างอิสระก่อน และหากมีการละเมิดหรือผิดกฎหมายใดๆ ตามมา จึงจะค่อยไปกำกับดูแลเฉพาะส่วนในภายหลัง 

 

ภัทรพันธ์ ไพบูลย์ พาร์ตเนอร์ด้านกฎหมายจาก Baker McKenzie ประเทศไทย มองว่า เนื่องจากประเทศไทยนั้นมีวัฒนธรรมที่ต่างจากประเทศอย่างยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้ไม่อาจจะสรุปได้ทีเดียวว่าเราจะไปในทิศทางของกฎหมายแบบประเทศใด หากแต่เราอาจจะต้องเลือกดึงข้อดีจากแต่ละประเทศมาปรับใช้ในแบบของคนไทยเราเอง

 

ทั้งนี้ ‘Data Monetization’ สามารถสรุปออกมาเป็นเคล็ดลับสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายไปยังต่างประเทศ ได้ 3 กรณี 

  • สำหรับกรณีแรกนั้น คือมีลูกค้าจากต่างประเทศมาเป็นลูกค้าของธุรกิจเราในประเทศ ซึ่งประเด็นนี้ก็ควรดูความเข้มของกฎหมายของกลุ่มลูกค้าเราที่มาจากต่างประเทศว่าประเทศนั้นๆ มีความเข้มงวดมากน้อยเพียงใด 
  • สำหรับกรณีที่สอง คือมีการจ้างบุคคลที่สามหรือพาร์ตเนอร์ ในการเข้าไปในทำธุรกิจในต่างประเทศให้ ซึ่งก็ควรเข้าไปดูในรายละเอียดของสัญญาว่าเป็นอย่างไร
  • สำหรับกรณีสุดท้าย คือการไปตั้งบริษัทในต่างประเทศ ก็ควรจะต้องทำ ‘Full Blown’ หรือการตรวจเช็กกฎหมายในหลายประเทศพร้อมกัน เพื่อป้องกันข้อพิพาทและประเด็นทางด้านกฎหมาย

 

Metaverse

ในส่วนของประเด็นที่ 2 จากงานนี้ ก็คือ ‘เมตาเวิร์ส’ (Metaverse) ซึ่งดิเทอร์แมนน์ชี้ว่า ธุรกิจนั้นต่างสนใจที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับคำนี้กันทั้งนั้น คล้ายคลึงกับเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้าที่ทุกธุรกิจต่างสนใจจะเข้าไปทำ ‘นาโนเทคโนโลยี’ และ AI (Artificial Intelligence) แต่ท้ายที่สุดแล้ว ธุรกิจควรคำนึงว่าแกนหลักของธุรกิจนั้นเกี่ยวข้องกับเมตาเวิร์สอย่างไร และ หากมีส่วนร่วมได้ จะเข้าไปในฐานะอะไร เช่น ในฐานะผู้มีส่วนร่วม (Participant) หรือในฐานะผู้พัฒนา (Creator) รวมไปถึงความพิจารณาว่าเมตาเวิร์สที่จะเกิดขึ้นนั้น จะมีเมตาเวิร์สเดียว หรือหลายๆ เมตาเวิร์ส ซึ่งมีความสำคัญในการวางกลยุทธ์ของธุรกิจเช่นเดียวกัน

 

ต่อข้อสังเกตที่ว่า ตัวกฎหมายเองจะสามารถปรับตัวได้ทันเมตาเวิร์สหรือไม่? ทาง ดิเทอร์แมนน์มองว่า กฎหมายที่มีอยู่แล้วนั้นค่อนข้างจะเพียงพอต่อโลกเมตาเวิร์สอยู่แล้ว หากแต่เป็นเรื่องของเวลาสำหรับธุรกิจ และผู้บังคับใช้กฎหมายว่าจะสามารถปรับข้อกฎหมายดังกล่าวให้เข้ากันได้อย่างไร 

 

ซึ่งดิเทอร์แมนน์มองว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และเคยเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ยุคที่อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นใหม่ๆ ซึ่งในเวลานั้น กฎหมายก็ค่อยๆ ปรับให้เข้าและทันกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตในภายหลัง

 

สำหรับปัจจัยพิจารณาสำหรับธุรกิจที่สนใจเข้าไปในโลกเมตาเวิร์สนั้น ดิเทอร์แมนน์แนะนำว่า คุณควรพิจารณาถึง 3 ปัจจัยสำคัญคือ ผลิตภัณฑ์, กฎหมาย และฝ่ายบุคคล ว่าจะสามารถทำงานร่วมกันและให้เกิดผลิตผลจริงได้อย่างไร ทั้งยังย้ำว่า การปรับตัวของธุรกิจนั้นไม่จำเป็นต้องรับมาใหม่ทั้งหมด แต่ให้ทำจากสิ่งที่มีก่อนแล้วค่อยต่อยอดไปสู่เมตาเวิร์สก็ยังไม่สาย

 

ต่อข้อสงสัยว่า ในด้านมุมมองของปัจจัยเชิงเศรษฐศาสตร์มหภาคในปัจจุบันจะส่งผลต่อการพัฒนาของบริษัทเทคโนโลยีเพียงใด ดิเทอร์แมนน์มองว่าการปรับฐานของตลาดทุนในรอบนี้ ต่างจากช่วง Dotcom Bubble หรือ ฟองสบู่ดอตคอม เนื่องจากบริษัทในช่วงนั้นจำนวนมากไม่ได้มีโมเดลทางธุรกิจใดๆ มารองรับเลยด้วยซ้ำแต่กลับมาเม็ดเงินไหลเข้าไปเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ตลาดทุนรอบนี้แม้จะขึ้นไปมาก แต่บริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากที่เข้ามาระดมทุนต่างมีโมเดลธุรกิจมารองรับที่จะสามารถรอดจากวิกฤตรอบนี้ไปได้

 

ท้ายที่สุด ดิเทอร์แมนน์ได้พูดถึง Big Trend หรือแนวโน้มสำคัญที่เขามองเห็นหลังจากการเกิดโควิดในครั้งนี้ว่า การกำกับดูแลจากภาครัฐต่อธุรกิจนั้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เคยมีมา ซึ่งบริษัทใหญ่ อย่างพวก Big Tech Company หรือบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่นั้น ต่างมีเงินอยู่มากมายก็สามารถกำเงินเหล่านั้นออกมาป้องกันตัวเอง และสามารถรอดจากวิกฤตนี้ไปได้ด้วยความแข็งแกร่งทางธุรกิจที่มากขึ้น 

 

ในขณะที่บริษัทขนาดเล็กนั้นย่อมได้รับผลกระทบจากกฎหมายเยอะพอสมควร และถือเป็นเรื่องท้าทายสำหรับบริษัทเหล่านั้นที่จะรอดจากฝ่ายกำกับดูแลไปได้ ซึ่งดิเทอร์แมนน์แนะนำว่า การสื่อสารกับลูกค้าเยอะๆ และพยายามคิดถึงกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น จะสามารถช่วยให้ธุรกิจทุกรูปแบบสามารถปรับตัวและเอาตัวรอดจากวิกฤตต่างๆ ไปได้อย่างแน่นอน

The post สรุปประเด็น ‘กฎหมายข้อมูล และ เมตาเวิร์ส’ กับการนำไปปรับใช้ในเชิงธุรกิจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Facebook เสี่ยงเป็น ‘เทคโนโลยีไดโนเสาร์’ ตัวถัดไป หลังหลุดตำแหน่ง 20 บริษัทใหญ่สุดของโลก มาร์เก็ตแคปหายไปแล้ว 25.6 ล้านล้านบาทปีนี้ https://thestandard.co/facebook-risks-dinosaur-technology/ Fri, 28 Oct 2022 01:11:19 +0000 https://thestandard.co/?p=701165 Facebook

ไม่มีวิกฤตของบริษัทเทคยักษ์ไหนจะน่าจับตามองมากไปกว่า Fa […]

The post Facebook เสี่ยงเป็น ‘เทคโนโลยีไดโนเสาร์’ ตัวถัดไป หลังหลุดตำแหน่ง 20 บริษัทใหญ่สุดของโลก มาร์เก็ตแคปหายไปแล้ว 25.6 ล้านล้านบาทปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Facebook

ไม่มีวิกฤตของบริษัทเทคยักษ์ไหนจะน่าจับตามองมากไปกว่า Facebook ที่เผชิญพายุร้ายมาตั้งแต่ต้นปี หุ้นของบริษัทแม่อย่าง Meta Platforms Inc. สูญเสียมาร์เก็ตแคปไปแล้ว 6.76 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 25.6 ล้านล้านบาทในปีนี้ ทำให้หลุดตำแหน่ง 20 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดของโลก

 

หุ้นของ Meta ร่วงลง 24.5% ในวันที่ 27 ตุลาคม หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่พอใจนักของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ ทำให้หุ้นนั้นปิดที่ 97.94 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2016 

 

บริษัทแม่ของ Facebook รายงานรายรับรายไตรมาส 2.77 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงมากกว่า 4% เมื่อเทียบเป็นรายปี และลดลงติดต่อกันเป็นรายไตรมาสเป็นครั้งที่ 2 กำไรลดลง 52% เป็น 4.4 พันล้านดอลลาร์

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ย้อนกลับไปเมื่อต้นปี Meta เป็นบริษัทในสหรัฐอเมริกาที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 เมื่อวัดตามมาร์เก็ตแคป โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อย้อนกลับไป 10 เดือนก่อนหน้า แต่ตอนนี้ตัวเลขเหลืออยู่เพียง 2.6 แสนดอลลาร์ รั้งอันดับที่ 27 ของบริษัทขนาดใหญ่ ตามหลังบริษัท เช่น Chevron, Eli Lilly & Co. และ Procter & Gamble

 

ครั้งหนึ่ง Meta เคยเป็นหุ้นที่รักของนักลงทุนใน Wall Street แต่ความโปรดปรานค่อยๆ หายไป และจากผลงานที่ไม่ค่อยดีในไตรมาสที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ ได้แก่ Morgan Stanley, Cowen และ KeyBanc Capital Markets ได้ปรับลดอันดับเครดิตหุ้น

 

นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley ลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 105 ดอลลาร์ จาก 205 ดอลลาร์ เนื่องจากกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะสูงขึ้น เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์ของ Cowen ที่ลดราคาเป้าหมายจาก 205 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้ เป็น 135 ดอลลาร์

 

“Meta ยังคงแข็งกร้าวเกินไปกับการลงทุนในโครงการระยะยาว แม้ว่าการเติบโตของรายได้ที่คาดการณ์ไว้จะลดลงอย่างรวดเร็ว โดยมีปัจจัยฉุดรั้งจากการลงทุนใน Metaverse” นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence กล่าว

 

Meta ประเมินว่าค่าใช้จ่ายในปีนี้จะอยู่ที่ราว 8.5-8.7 หมื่นล้านดอลลาร์ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.6 หมื่นดอลลาร์ – 1.01 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งนี่จะกลายเป็นข้อกังวลขนาดใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนหวังว่า Meta จะลดต้นทุนอย่างจริงจัง

 

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก บอกว่าจะลงทุนใน Metaverse ทั้งที่ใช้เงินไปแล้วมากถึง 9.4 พันล้านดอลลาร์ เมื่อรวมกับการลงทุนในปีที่ผ่านมาอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ Metaverse ได้ล้างผลาญเงินลงทุนไปแล้วกว่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือสูงถึง 7 แสนล้านบาท 

 

ตามข้อมูลของ Bloomberg ระบุว่า การลงทุนรายไตรมาสของ Meta มากกว่าตัวเลขของ 16 บริษัทที่อยู่ใน S&P 500 สำหรับการลงทุนในปีที่แล้วเสียอีก

 

ตั้งแต่ต้นปี หุ้น Meta ลดลงมากกว่า 61% อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการแข่งขันจากคู่แข่งอย่าง TikTok รวมถึงการชะลอตัวในวงกว้างในการใช้จ่ายโฆษณาออนไลน์และความท้าทายจากการอัปเดตความเป็นส่วนตัว iOS ของ Apple

 

กระนั้นการมุ่งมั่นไปยังเทคโนโลยีในอนาคตที่เลือนรางและไม่ยอมฟังเสียงเตือนของนักลงทุน ทำให้ Facebook ถูกนำไปเปรียบเทียบกับวิกฤตของ IBM

 

“เช่นเดียวกับ IBM ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทคโนโลยีไดโนเสาร์ 1.0 ตอนนี้ Meta จึงต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะเป็นฟอสซิลรุ่นต่อไป” รายงานจาก Bloomberg ระบุ 

 

ภาพ: Koshiro K / Shutterstock

อ้างอิง:

The post Facebook เสี่ยงเป็น ‘เทคโนโลยีไดโนเสาร์’ ตัวถัดไป หลังหลุดตำแหน่ง 20 บริษัทใหญ่สุดของโลก มาร์เก็ตแคปหายไปแล้ว 25.6 ล้านล้านบาทปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กระแส เมตาเวิร์ส วูบ! ผู้ใช้งาน Decentraland และ The Sandbox เหลือไม่ถึง 1,000 คนต่อวัน https://thestandard.co/metaverse-trend-drop/ Mon, 10 Oct 2022 04:24:50 +0000 https://thestandard.co/?p=693616 Metaverse

กระแส เมตาเวิร์ส วูบ ! หลังจากที่เคยเป็นที่ฮือฮาในปีที่ […]

The post กระแส เมตาเวิร์ส วูบ! ผู้ใช้งาน Decentraland และ The Sandbox เหลือไม่ถึง 1,000 คนต่อวัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Metaverse

กระแส เมตาเวิร์ส วูบ ! หลังจากที่เคยเป็นที่ฮือฮาในปีที่ผ่านมา จนสามารถผลักดันให้ Decentraland และ The Sandbox แพลตฟอร์ม Metaverse สุดฮิต มีมูลค่ามากกว่า 3 หมื่นล้านบาท แต่ล่าสุดกลับมีผู้ใช้งานไม่ถึง 1,000 คนต่อวัน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


โดยจากข้อมูลของ DappRadar เผยว่า Decentraland แพลตฟอร์ม Metaverse ที่ทำงานบนเครือข่าย Ethereum เหลือผู้ใช้งานที่ ‘Active’ ต่อวันเพียง 38 คน ในขณะที่แพลตฟอร์ม The Sandbox เหลือผู้ใช้งานต่อวันเพียง 522 คนเท่านั้นเอง

 

ซึ่งจำนวนผู้ใช้งานที่ ‘Active’ ตามความหมายของ DappRadar นั้น คือบัญชีผู้ใช้ที่มีการใช้งานบน Smart Contract ของแพลตฟอร์ม 

 

ซึ่งตามนิยามดังกล่าวของ DappRadar จะไม่นับรวมผู้ใช้งานที่เพียงแค่เข้าไปในแพลตฟอร์มเปล่าๆ โดยไม่มีการทำธุรกรรม 

 

ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ จำนวนผู้ใช้งานของ Decentraland มากที่สุดอยู่ที่เพียง 675 คน ในขณะที่ The Sandbox มีผู้ใช้งานต่อวันมากสุดที่ 4,503 คน

 

แต่ทาง Sam Hamilton ผู้จัดการของ Decentraland เผยกับสำนักข่าวออนไลน์ CoinDesk ว่า Decentraland มีผู้ใช้งานรวมอยู่ราว 8,000 คนต่อวัน ซึ่งนับรวมผู้ใช้งานที่เข้ามาแบบ ‘Passive’ ด้วย ซึ่งพบว่ายอดผู้ใช้งานแตะจุดสูงสุดในช่วงเดือนมีนาคม และค่อยๆ น้อยลงมาอย่างต่อเนื่อง

 

แม้ตัวเลขชี้วัดต่างๆ ของแพลตฟอร์มเหล่านี้จะอยู่ในระดับที่ต่ำ แต่มูลค่าบริษัทของ 2 แพลตฟอร์มนี้ก็ยังอยู่ในระดับสูงเช่นกัน โดยทั้ง Decentraland และ The Sandbox ต่างมีมูลค่าอยู่สูงถึงราว 4.8 หมื่นล้านบาท

 

ก่อนหน้าที่คำว่า ‘Metaverse’ จะกลายเป็นคำติดปาก และใครๆ ก็ต่างฮือฮามาในระยะหนึ่ง จนหลายบริษัทต่างพยายามเข้าไปเกี่ยวข้องกับคอนเซปต์ดังกล่าว แต่กว่าคอนเซปต์เหล่านี้จะเกิดขึ้นจริงได้ก็คงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร

 

อ้างอิง:

The post กระแส เมตาเวิร์ส วูบ! ผู้ใช้งาน Decentraland และ The Sandbox เหลือไม่ถึง 1,000 คนต่อวัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘Warner Music’ เปิดรับสมัครตำแหน่งเกี่ยวกับ Metaverse เพิ่ม หลังเร่งขยายธุรกิจด้าน Web 3.0 อย่างต่อเนื่อง https://thestandard.co/warner-music-metaverse-jobs/ Fri, 07 Oct 2022 10:19:47 +0000 https://thestandard.co/?p=692840

Warner Music Group (MWG) มีทิศทางในการดำเนินธุรกิจสู่ด้ […]

The post ‘Warner Music’ เปิดรับสมัครตำแหน่งเกี่ยวกับ Metaverse เพิ่ม หลังเร่งขยายธุรกิจด้าน Web 3.0 อย่างต่อเนื่อง appeared first on THE STANDARD.

]]>

Warner Music Group (MWG) มีทิศทางในการดำเนินธุรกิจสู่ด้าน Web 3.0 อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น หลังมีการเปิดรับสมัครผู้จัดการอาวุโสด้านการพัฒนา Metaverse 

 

โดยตำแหน่งดังกล่าวถูกโพสต์ลงใน LinkedIn แพลตฟอร์มคอมมูนิตี้ด้านการทำงาน ในช่วงวันพุธที่ผ่านมา (5 ตุลาคม) เพื่อหาคนมาพัฒนากลยุทธ์เกี่ยวกับ Metaverse ทั้งในฝั่งของเพลงและเกม ซึ่งทาง MWG ตอกย้ำว่า จะเน้นการสร้างโปรเจกต์ Metaverse ที่สร้าง ‘ประสบการณ์สุดประทับใจ’ และ ‘การทำคอนเทนต์แบบองค์รวม’


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


ผู้เข้าสมัครในอุดมคติของ MWG คือคนที่เคยมีประสบการณ์ในการพัฒนาเกม สตูดิโอ หรือการพัฒนาแพลตฟอร์มด้าน Metaverse มาก่อน รวมไปถึงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในด้านลิขสิทธิ์เกี่ยวกับคอนเทนต์ และการทำสื่อออนไลน์ในระดับโลก

 

นอกจากนี้ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา MWG ยังเพิ่งไปจีบ Mike Shinoda ผู้ร่วมก่อตั้ง Linkin Park และผู้ริเริ่มเทคโนโลยีด้านเพลง ให้มาเป็นที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมของคอมมูนิตี้ของบริษัท เพื่อการออกแบบโมเดล ‘Artist Centric’ หรือการมีศิลปินเป็นศูนย์กลางสำหรับ Web 3.0

 

ในเดือนกันยายนบริษัทยังได้จ้าง Niels Walboomers มาในฐานะประธานฝ่ายการอัดและการเผยแพร่ประจำ Benelux (เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก) โดย Niels หวังว่าเขาจะขยายคนที่มีความสามารถที่เขาจะทำงานร่วมด้วย และมีนวัตกรรมพอที่จะให้เหล่าแฟนๆ เชื่อมต่อกับศิลปินในยุค Web 3.0 ได้ และ MWG ยังได้ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับแพลตฟอร์ม NFTs และ NFTs Marketplaces เป็นจำนวนมากอีกด้วย

 

ย้อนกลับไปช่วงเดือนมกราคม ได้เคยประกาศว่าจะจัดคอนเสิร์ตผ่าน Metaverse แพลตฟอร์มอย่าง The Sandbox โดยมีศิลปินอย่าง Ed Sheeran, Bruno Mars, Dua Lipa และ Cardi B ในขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ ก็มีการประกาศเป็นพาร์ตเนอร์กับ Splinterlands บริษัทเกมบนบล็อกเชน เพื่อพัฒนาเกมแบบ Play-to-Earn สำหรับศิลปิน รวมไปถึงพาร์ตเนอร์กับบริษัทอื่นๆ อย่าง Roblox, Blockparty, Wave , Genie, OneOf และ OpenSea ซึ่งไปในทิศทางเดียวกับคู่แข่งอย่าง Disney ที่กำลังเร่งรับสมัครสายงานเกี่ยวกับ DeFi และ NFTs เช่นเดียวกัน

 

อ้างอิง:

The post ‘Warner Music’ เปิดรับสมัครตำแหน่งเกี่ยวกับ Metaverse เพิ่ม หลังเร่งขยายธุรกิจด้าน Web 3.0 อย่างต่อเนื่อง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ลาก่อน! Meta ประกาศแบนถาวรบัญชีทางการของ Pornhub บน Instagram อ้างละเมิดเนื้อหาทางเพศ https://thestandard.co/meta-pornhub/ Tue, 04 Oct 2022 10:24:51 +0000 https://thestandard.co/?p=690916 Pornhub

Meta กล่าวกับ Motherboard ว่า Instagram ได้ลบบัญชีทางกา […]

The post ลาก่อน! Meta ประกาศแบนถาวรบัญชีทางการของ Pornhub บน Instagram อ้างละเมิดเนื้อหาทางเพศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Pornhub

Meta กล่าวกับ Motherboard ว่า Instagram ได้ลบบัญชีทางการของ Pornhub แล้ว เนื่องจากละเมิดนโยบายของแพลตฟอร์มหลายครั้ง

 

ใน 10 ปีที่ผ่านมา Meta อ้างว่า Pornhub ได้ละเมิดข้อกำหนดการให้บริการเกี่ยวกับภาพเปลือย เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ และการชักชวนทางเพศ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


Pornhub ตอบโต้ Meta ผ่านจดหมายเปิดผนึกบน Twitter ซึ่งมีกลุ่ม Free Speech Coalition, Riley Reid และ King Noire อันเป็น 1 ใน 63 กลุ่มนักเคลื่อนไหว นักแสดง นายแบบ และนักแสดงหนังผู้ใหญ่ ลงนามในจดหมายเปิดผนึกนี้ด้วย โดยจดหมายระบุว่า มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นธรรม และกดดันให้ Meta อธิบายให้ชัดเจนว่า เหตุใดบัญชีของ Pornhub และผู้สร้างเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่รายอื่นจึงถูกลบซ้ำหลายครั้ง

 

 

ขณะเดียวกันมีการโต้แย้งว่า นโยบายและข้อกำหนดบนแพลตฟอร์มนั้นไม่ชัดเจน เลือกปฏิบัติ และเสแสร้ง ในหลายปีผ่านมา และกล่าวว่า การกระทำเหล่านั้นทำร้ายความเป็นอยู่ของครีเอเตอร์อิสระ สำหรับคนที่ใช้ Instagram เป็นเครื่องมือทางการตลาดหลัก

 

“การปฏิเสธความสามารถในการส่งเสริมแบรนด์ของเราและขยายธุรกิจของเราในขณะที่ลบ ปิดเสียง และเซ็นเซอร์การปรากฏตัวของผู้ให้บริการทางเพศและแบรนด์สำหรับผู้ใหญ่อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นความรุนแรงและสร้างความเสียหายอย่างสุดซึ้ง” Pornhub เขียนในจดหมาย “เมื่อรวมกับการเลือกปฏิบัติทางการเงินตามปกติที่คนในวงการหนังผู้ใหญ่ต้องเผชิญ ถือเป็นอันตรายต่อการดำรงชีวิตของเรา”

 

บัญชี Instagram ของ Pornhub ถูกปิดใช้งานในขั้นต้นมาก่อนแล้ว ซึ่งบริษัทคิดว่ามันเป็นความเคลื่อนไหวเพียงชั่วคราว

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

The post ลาก่อน! Meta ประกาศแบนถาวรบัญชีทางการของ Pornhub บน Instagram อ้างละเมิดเนื้อหาทางเพศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดับฝัน มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก หรือเปล่า? ทิม คุก ซีอีโอของ Apple บอกว่า คนทั่วไปยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Metaverse หมายถึงอะไร https://thestandard.co/tim-cook-avoids-term-metaverse/ Tue, 04 Oct 2022 05:07:42 +0000 https://thestandard.co/?p=690676 Metaverse

ในขณะที่ ‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ กำลังทุ่มเดิมพันกับ Met […]

The post ดับฝัน มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก หรือเปล่า? ทิม คุก ซีอีโอของ Apple บอกว่า คนทั่วไปยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Metaverse หมายถึงอะไร appeared first on THE STANDARD.

]]>
Metaverse

ในขณะที่ ‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ กำลังทุ่มเดิมพันกับ Metaverse ด้วยคาดหวังจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ อีกยักษ์เทคโนโลยีอย่าง Apple กลับมีทีท่าที่ไม่สนใจเสียอย่างนั้น

 

“ฉันคิดเสมอว่ามันสำคัญที่ผู้คนจะเข้าใจว่าบางสิ่งคืออะไร” ทิม คุก ซีอีโอของ Apple เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Bright ซึ่งเป็นสื่อดัตช์ “และฉันไม่แน่ใจจริงๆ ว่าคนทั่วไปสามารถบอกคุณได้ว่า Metaverse คืออะไร”


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

คำว่า Metaverse ถูกกล่าวถึงเพียงครั้งเดียวในระหว่างการรายงานผลประกอบการของ Apple ในขณะที่ Meta นั้นใช้คำนี้ไปมากถึง 36 ครั้งแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก บอกกับพนักงานในเดือนกรกฎาคมว่า Meta อยู่ใน ‘การแข่งขันเชิงปรัชญาที่ลึกซึ้ง’ กับ Apple เพื่อสร้าง Metaverse ซึ่ง Meta ได้ประกาศทุ่มงบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับลงทุนในเทคโนโลยี VR (Virtual Reality หรือ การจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง)

 

สิ่งนี้สวนทางกับคุกซึ่งนักวิเคราะห์ถามเขา เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาเกี่ยวกับบทบาทของ Apple ในพื้นที่ Metaverse เขาตอบว่า Apple ‘กำลังสำรวจเทคโนโลยีใหม่ๆ และที่เกิดขึ้นใหม่อยู่เสมอ’ และชี้ไปที่แอป AR ที่มีอยู่กว่า 14,000 แอปใน App Store 

 

คำพูดนี้สื่อให้เห็นว่าคุกให้ความสำคัญกับ AR (Augmented Reality) ซึ่งเป็นการรวมสภาพแวดล้อมจริงกับวัตถุเสมือนเข้าด้วยกันในเวลาเดียวกัน

 

“ฉันคิดว่า AR เป็นเทคโนโลยีที่ลึกซึ้งซึ่งจะส่งผลต่อทุกสิ่งทุกอย่าง” คุกกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Bright “ลองนึกภาพว่าจู่ๆ ก็สามารถสอนด้วย AR และสาธิตสิ่งต่างๆ แบบนั้นได้ หรือทางการแพทย์ เป็นต้น อย่างที่ฉันบอกไป เราจะมองย้อนกลับไปและคิดว่าครั้งหนึ่งเราเคยอยู่โดยปราศจาก AR ได้อย่างไร”

 

คุกย้ำว่าการเข้าไปในโลกเสมือนจริงไม่ใช่วิธีการที่จะนำชีวิตทั้งหมดเข้าไปอยู่ เพราะ ‘VR มีไว้สำหรับช่วงเวลาปกติ แต่ไม่ใช่วิธีสื่อสารที่ดี ฉันไม่ได้ต่อต้าน แต่นั่นคือวิธีที่ฉันมองมัน’ 

 

ทิศทางของคุกสอดคล้องไปกับแม่ทัพของยักษ์เทคอื่นๆ เช่น เอริก ชมิดต์ อดีตซีอีโอของ Google ที่ตั้งข้อสังเกตว่า “ไม่มีข้อตกลงว่า Metaverse คืออะไร” หรือ ซีอีโอของ Snap ที่เห็นว่า Metaverse นั้นยังคลุมเครือและเป็นเรื่องสมมติ ดังนั้นเขาจึงจะผลักดัน AR มากกว่า

 

อ้างอิง:

The post ดับฝัน มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก หรือเปล่า? ทิม คุก ซีอีโอของ Apple บอกว่า คนทั่วไปยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Metaverse หมายถึงอะไร appeared first on THE STANDARD.

]]>
​​ระยองเตรียมสร้างโลก ‘Metaverse’ เปลี่ยนพื้นที่ป่าโกงกาง 500 ไร่ มาซื้อขายคาร์บอนเครดิต https://thestandard.co/rayong-metaverse/ Wed, 28 Sep 2022 10:21:25 +0000 https://thestandard.co/?p=688108 ระยอง

ระยองกำลังวางแผนสร้างโลก Metaverse เพื่อพัฒนาจังหวัดให้ […]

The post ​​ระยองเตรียมสร้างโลก ‘Metaverse’ เปลี่ยนพื้นที่ป่าโกงกาง 500 ไร่ มาซื้อขายคาร์บอนเครดิต appeared first on THE STANDARD.

]]>
ระยอง

ระยองกำลังวางแผนสร้างโลก Metaverse เพื่อพัฒนาจังหวัดให้กลายเป็นเมืองที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 โดยนำพื้นที่ป่าโกงกาง 500 ไร่ มาซื้อขายคาร์บอนเครดิต นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายพื้นที่รกร้างต่อไปในอนาคต และหวังลดการปล่อยคาร์บอนจากโรงงานอุตสาหกรรมมากถึง 2,532 แห่ง

 

จังหวัดระยองกำลังก้าวข้ามไปอีกขั้น โดยหน่วยงานกำลังวางแผนที่จะนำโลกเสมือนจริง หรือ Metaverse และโลกแห่งความเป็นจริงเข้าด้วยกัน โดยนำพื้นที่ป่าโกงกาง 500 ไร่ มาซื้อขายคาร์บอนเครดิต นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายพื้นที่ต่อไปในอนาคต โดยหวังลดการปล่อยคาร์บอนจากโรงงานอุตสาหกรรมมากถึง 2,532 แห่ง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ภูษิต ไชยฉ่ำ รองนายกเทศมนตรีนครระยอง กล่าวว่า โลก Metaverse จะช่วยให้จังหวัดระยองเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยผู้ที่สนใจสามารถแบ่งปันความคิดเห็น จัดกิจกรรม และแลกเปลี่ยนโทเคนดิจิทัลและซื้อขายเครดิตคาร์บอนได้ อีกทั้งยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ป่าโกงกาง 500 ไร่ของจังหวัดจะรวมอยู่ในการซื้อขายคาร์บอนเครดิตด้วย

 

ภูษิตเสริมว่า การเคลื่อนไหวของเทศบาลนครระยองสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการบรรลุความเป็นกลางของคาร์บอนภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี 2065 

 

Metaverse เป็นการผสมผสานระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ของเทคโนโลยี รวมทั้งความเป็นจริงเสมือน (VR) ความเป็นจริงเสริม (AR) และวิดีโอที่ผู้คนใช้ชีวิตภายในโลกดิจิทัล Metaverse จึงเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างโลกความเป็นจริงและโลกเสมือนนั่นเอง

 

การดำเนินการจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนของภาครัฐ และภาคเอกชน ในส่วนของภาครัฐนั้น เทศบาลนครระยองได้มอบหมายให้นักวิจัยศึกษาเกี่ยวกับอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนในจังหวัด รวมถึงการวางโรดแมปการแลกเปลี่ยนซื้อขายคาร์บอน การคำนวณคาร์บอนเครดิต และมีความร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในการสร้างองค์ความรู้คาร์บอนเครดิตด้วย

 

ขณะที่ภาคเอกชนนั้น บริษัท ระยอง พัฒนาเมือง จำกัด ได้มีโครงการ Learning City สร้างการเรียนรู้ให้กับคนในเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี หรือเรียนรู้ในสิ่งที่เมืองมีอยู่แล้ว เพื่อให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม 

 

นอกจากนี้จะมีการมุ่งการพัฒนาโลกเสมือน Metaverse ซึ่งเป็นระบบนิเวศใหม่ขึ้นมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้าง บริษัท มัลติเวิร์ส เอ็กเปอร์ท จำกัด เข้ามาออกแบบ และการพัฒนา Metaverse ของระยองได้มีการร่วมมือกับ Metaverse โครงการต่างๆ ทั้งเชียงใหม่ คริปโต ซิตี้ และเมตาเวิร์ส ขอนแก่น

 

ปัจจุบันความสนใจใน Metaverse มุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมเกมเป็นหลัก ส่วน Metaverse ทางด้านสิ่งแวดล้อม แม้ว่าจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่สูงมากนัก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม และจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตด้วย 

 

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post ​​ระยองเตรียมสร้างโลก ‘Metaverse’ เปลี่ยนพื้นที่ป่าโกงกาง 500 ไร่ มาซื้อขายคาร์บอนเครดิต appeared first on THE STANDARD.

]]>
Translucia ดึงพันธมิตรระดับแนวหน้าของโลกรายใหม่ เตรียมพัฒนาเพื่อรองรับโครงการเมตาเวิร์ส มูลค่าร่วมแสนล้านบาท https://thestandard.co/translucia-metaverse/ Thu, 15 Sep 2022 12:30:16 +0000 https://thestandard.co/?p=682107

Translucia (บริษัท ทรานส์ลูเซีย จำกัด) ผู้ก่อตั้งและพัฒ […]

The post Translucia ดึงพันธมิตรระดับแนวหน้าของโลกรายใหม่ เตรียมพัฒนาเพื่อรองรับโครงการเมตาเวิร์ส มูลค่าร่วมแสนล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>

Translucia (บริษัท ทรานส์ลูเซีย จำกัด) ผู้ก่อตั้งและพัฒนาศูนย์รวมเมตาเวิร์สในเครือ T&B (ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล ประเทศไทย จำกัด) เดินหน้าเต็มกำลัง ล่าสุด ดึงพันธมิตรระดับแนวหน้าของโลกรายใหม่เข้าร่วมเพิ่มอีก 4 ราย จากเดิม 3 ราย เพื่อเติมเต็มระบบอีโคซิสเต็มด้านการพัฒนาบน Translucia ให้พร้อมรองรับโครงการเมตาเวิร์สต่างๆ ที่จะมาเข้าร่วม มูลค่าร่วมแสนล้านบาทนี้

 

ดร.ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร T&B และ ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท Translucia (ทรานส์ลูเซีย) กล่าวว่า การจับมือกับพาร์ตเนอร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแถวหน้าของโลกในสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมตาเวิร์สเพิ่มเติมในครั้งนี้ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการออกแบบโครงสร้างของ Translucia ให้พร้อมรองรับเมตาเวิร์สต่างๆ ที่พัฒนาโดยพันธมิตรและคู่ค้าที่จะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน Translucia ได้อย่างสมบูรณ์แบบ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ทั้งนี้ Translucia มุ่งพัฒนาจักรวาลโลกเสมือนที่เป็นมากกว่าเมตาเวิร์สทั่วไป แต่เป็นศูนย์รวมเมตาเวิร์ส (Interconnected Metaverses) ที่มีโครงการเมตาเวิร์สในรูปแบบต่างๆ อยู่ร่วมกันและเชื่อมต่อกันได้ โดย Translucia ทำหน้าที่สร้างระบบเศรษฐกิจ สังคม ระบบสาธารณูปโภค เทคโนโลยี ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์โปรแกรม เพื่อรองรับทุกๆ เมตาเวิร์สให้สามารถมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อการใช้ชีวิตระหว่างโลกเสมือนและโลกจริงแบบ 360 องศา

 

“Translucia รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับเหล่าพันธมิตรชั้นนำในสาขาต่างๆ จากทั่วโลกเพิ่มเติม ในการผนึกกำลังพัฒนาโครงการ Translucia และยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า ความเชี่ยวชาญ ความสามารถ และเทคโนโลยีขั้นสูงของเหล่าพันธมิตรที่เข้ามารวมตัวกันในโครงการนี้ จะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ผลักดันให้ Translucia สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้”

 

สำหรับ 4 พันธมิตรรายใหม่นั้น ล้วนเป็นบริษัทระดับชั้นนำของโลกที่เป็นกำลังสำคัญ เพื่อร่วมพัฒนาโครงการนี้ ได้แก่ Sunovatech (ซูโนวาเทค) ซึ่งจะร่วมออกแบบประสบการณ์โลกเสมือนแบบ 3 มิติให้กับ Translucia เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Creative Technology (เทคโนโลยีสร้างสรรค์) จากประเทศอินเดีย มีความเชี่ยวชาญการออกแบบ 3D Modeling & Rendering ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา 3D Assets และ Environment สำหรับ Translucia ที่สำคัญ Sunovatech ยังนับเป็นสตูดิโอแถวหน้าของโลกที่สร้าง Visualization โดยใช้เทคโนโลยี Unreal Engine (อันเรียลเอนจิน) และมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีซึ่งจัดว่าหาได้ยาก

 

Sygnum (ซิกนัม) ธนาคารสินทรัพย์ดิจิทัลรายแรกของโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และยังเป็นธนาคารแห่งแรกของโลกที่ให้บริการระบบดิจิทัลแบงกิ้งความปลอดภัยสูงที่เรียกว่า ‘Custody’ นอกจากนี้ Sygnum ยังให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับธนาคารดิจิทัล ทั้งตัวแทนจำหน่าย ระบบโทเคน ระบบกู้ยืมและบริหารสินทรัพย์ โดย Translucia จะร่วมงานกับ Sygnum สาขาสิงคโปร์ ในฐานะของหนึ่งในผู้วางโครงสร้างระบบการเงินให้กับ Translucia

 

Economics Design (อีโคโนมิคส์ดีไซน์) อีกหนึ่งพันธมิตรที่จะทำงานร่วมกับ Sygnum ในการวางรากฐานโครงสร้างเศรษฐกิจให้กับ Translucia โดยจะเป็นที่ปรึกษาด้านการวางรากฐานโครงสร้าง Tokenomics หรือกลไกการควบคุมปริมาณเหรียญในระบบอีโคซิสเต็ม ไปจนถึงพัฒนาโปรเจกต์ Web 3.0, DeFi, GameFi และระบบเมตาเวิร์สจากประเทศสิงคโปร์

 

และพันธมิตรใหม่อีกรายที่เปิดตัวรวมกันในครั้งนี้ ได้แก่ Black Flame (แบล็คเฟลม) บริษัทครีเอทีฟชั้นนำจากประเทศจีน ที่เชี่ยวชาญการออกแบบงาน Visual Design จะมามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ทัศนียภาพ อวตาร สถาปัตยกรรม สิ่งแวดล้อม และคอนเซปต์องค์รวม รวมถึงร่วมพัฒนาการสร้างเรื่องราวให้กับ Translucia โดย Black Flame มีผลงานการออกแบบมากมาย เช่น งานภาพยนตร์ NeZha และ The Monkey King 2

 

ก่อนหน้านี้ Translucia ได้ประกาศความร่วมมือกับ 3 พันธมิตรระดับโลกผู้มาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาโครงการ Translucia ได้แก่ Pellar Technology (เพลลาร์ เทคโนโลยี) ผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและผู้ออกแบบอีโคซิสเต็มของระบบเศรษฐกิจบนเทคโนโลยีบล็อกเชนให้กับ Translucia ส่วน ITEC Entertainment (ไอเทค เอ็นเทอร์เทนเมนต์) รับหน้าที่การออกแบบประสบการณ์และเทคโนโลยีด้านความบันเทิง

 

ส่วนรายที่สาม Two Bulls (ทูบูลส์) บริษัทด้านพัฒนาเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์จากประเทศออสเตรเลีย นอกจากเป็นหนึ่งในผู้ออกแบบประสบการณ์การใช้งานของ Translucia เพื่อเชื่อมประสบการณ์ผู้ใช้ระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนแล้ว ยังเป็นพันธมิตรที่ร่วมทำการวิจัยในศูนย์วิจัย Metaverse R&D Center ที่มีมูลค่าการลงทุนเบื้องต้นสูงถึง 1 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย ซึ่งในขณะนี้ Two Bulls ได้เป็นส่วนหนึ่งของ DEPT บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการด้านเทคโนโลยีและการวางแผนการตลาดอันดับต้นๆ ของโลก สู่การขยายฐานตลาดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ขณะนี้การทำงานร่วมกับสามพันธมิตรดังกล่าวในการออกแบบรูปแบบและโครงสร้างของโครงการก็มีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว 

 

หลังจากนี้ Translucia คาดว่าจะเปิดตัวพันธมิตรใหม่อีกอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทระดับโลกในสาขาต่างๆ อีกหลายราย 

 

ทั้งนี้ ดร.ชวัลวัฒน์กล่าวว่า การผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรระดับโลกเหล่านี้จะทำให้โครงการ Translucia เป็นส่วนสำคัญในการสร้างและพัฒนาเมกะเทรนด์ของโลก และเนรมิตการใช้ชีวิตในทุกๆ แง่มุมในโลกจริง โดยดำเนินควบคู่กับโลกเสมือนได้อย่างไร้รอยต่อและสมบูรณ์แบบ รวมไปถึงการเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคม ขับเคลื่อนธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ สอดรับกับการใช้ชีวิตของมนุษย์ในอนาคตอย่างยั่งยืน 


“ในต้นปีหน้า เราจะเผยให้เห็นรูปแบบที่โดดเด่นและเป็นรูปธรรมของ Translucia ชัดเจนยิ่งขึ้น ในงาน Virtual Experience กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมการเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาสัมผัส Translucia ศูนย์รวมเมตาเวิร์สเป็นครั้งแรก” ดร. ชวัลวัฒน์กล่าว

 

ภาพ: Translucia

The post Translucia ดึงพันธมิตรระดับแนวหน้าของโลกรายใหม่ เตรียมพัฒนาเพื่อรองรับโครงการเมตาเวิร์ส มูลค่าร่วมแสนล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
Metaverse เดิมพันครั้งใหญ่ของ Facebook กับคำถามว่า จะประสบความสำเร็จหรือไม่? https://thestandard.co/metaverse-facebook-2/ Wed, 07 Sep 2022 12:15:32 +0000 https://thestandard.co/?p=677830 Metaverse

‘Metaverse’ เทคโนโลยีโลกเสมือนที่กลายเป็นการเดิมพันอนาค […]

The post Metaverse เดิมพันครั้งใหญ่ของ Facebook กับคำถามว่า จะประสบความสำเร็จหรือไม่? appeared first on THE STANDARD.

]]>
Metaverse

‘Metaverse’ เทคโนโลยีโลกเสมือนที่กลายเป็นการเดิมพันอนาคตของบริษัทโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Facebook การลงทุนหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่จะดึงดูดคนรุ่นใหม่ และคำถามที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้คือมันจะประสบความสำเร็จหรือไม่

 

ส่วนหนึ่งในการเดิมพันครั้งใหญ่ก็คือ ‘Horizon’ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ของ Meta ที่ช่วยให้ผู้คนได้เข้าสังคม ทำงาน และเล่นใน Metaverse ได้ “ในปัจจุบันเราเห็นคนรุ่นใหม่หันมาใช้โลก VR มากขึ้น” Alex Schultz CMO และหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ของ Meta กล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


ซึ่ง ณ ตอนนี้ Horizon สามารถใช้ได้เฉพาะบนชุดหูฟังของ Meta อย่าง VR Quest เท่านั้น

 

Horizon เป็นก้าวที่สำคัญของ Mark Zuckerberg ในการพัฒนาโลก Metaverse แต่มันก็ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของเขา โดยจุดประสงค์หลักของเขาตอนนี้คือการสร้างอุปกรณ์ที่มีชื่อว่า ‘Holy Grail’ แว่นตา AR ที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งสามารถผสมผสานโลกดิจิทัลกับโลกแห่งความเป็นจริงรอบๆ ตัวผู้ใช้ได้อย่างราบรื่น

 

Meta จะสามารถคงความเป็นผู้นำในการแข่งขันเพื่อสร้างชุดหูฟังยอดนิยมได้หรือไม่ หาก Apple ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านความเป็นส่วนตัวและประสบการณ์ในการสร้างฮาร์ดแวร์ที่ดีกว่า เข้าร่วมการแข่งขันนี้ ด้วยข่าวลือที่ว่า Apple กำลังวางแผนในการพัฒนาชุดหูฟัง AR เป็นของตัวเอง

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

The post Metaverse เดิมพันครั้งใหญ่ของ Facebook กับคำถามว่า จะประสบความสำเร็จหรือไม่? appeared first on THE STANDARD.

]]>
Nakagin Capsule Tower ตึกแคปซูลถอดได้ของญี่ปุ่นกำลังกลับมาอีกครั้งในโลกความเป็นจริง และ Metaverse https://thestandard.co/nakagin-capsule-tower/ Mon, 22 Aug 2022 08:36:36 +0000 https://thestandard.co/?p=670203 Nakagin Capsule Tower

แม้แนวคิดและรูปแบบตึกถอดเปลี่ยนได้อย่าง Nakagin Capsule […]

The post Nakagin Capsule Tower ตึกแคปซูลถอดได้ของญี่ปุ่นกำลังกลับมาอีกครั้งในโลกความเป็นจริง และ Metaverse appeared first on THE STANDARD.

]]>
Nakagin Capsule Tower

แม้แนวคิดและรูปแบบตึกถอดเปลี่ยนได้อย่าง Nakagin Capsule Tower จะไม่ได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในญี่ปุ่น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าตึกแคปซูลจากยุค 70 นี้เป็นต้นแบบของนวัตกรรมหลายอย่างในแดนอาทิตย์อุทัย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมแคปซูล เฟอร์นิเจอร์หรือบ้านสำเร็จรูป ฯลฯ หลังจากยื้อยุดฉุดกระชากกันมานาน เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน 2022 Nakagin Capsule Tower ได้ถูกรื้อถอนเรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนจะกลับมาอีกครั้งเร็วๆ นี้ เมื่อบริษัทผู้อยู่เบื้องหลังโครงการเปิดประมูลแบบพิมพ์เขียวของตึกในรูปแบบของ NFT โดยให้สิทธิ์ผู้ชนะการประมูลสามารถสร้างตึกขึ้นใหม่ได้ทั้งในโลกความเป็นจริง และ Metaverse

 

Kisho Kurokawa Architect and Associates (KKAA) บริษัทสถาปัตยกรรมดั้งเดิมผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ จับมือกับ LAETOLI บริษัทให้บริการคราวด์ฟันดิงด้านอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่น เปิดประมูลสิทธิ์แบบพิมพ์เขียวอาคาร Nakagin Capsule Tower ในรูปแบบของ NFT โดยคอลเล็กชัน Nakagin Capsule Tower NFT จะมีทั้งหมด 2 ชิ้น ชิ้นแรกเป็นกรรมสิทธิ์ของ Kurokawa Design Office และอีกชิ้นจะถูกนำไปประมูลผ่าน OpenSea โดยผู้ที่ชนะการประมูลจะได้สิทธิ์ส่วนหนึ่งในโครงการ โดยสามารถนำไปสร้างใหม่ได้ทุกที่บนโลก ทั้งยังทำซ้ำ ปล่อยเช่า ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขความเห็นชอบของทั้ง 2 ฝ่าย คือผู้ชนะการประมูลและ KKAA

 

อีกด้านหนึ่ง อาคาร Nakagin Capsule Tower จะถูกสร้างใหม่อีกครั้งในโลก Metaverse โดยกรรมสิทธิ์การสร้างทั้งหมดจะตกเป็นของ Kurokawa Design Office

 

การประมูลนี้เริ่มต้นเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และกำลังสิ้นสุดลงในวันที่ 31 สิงหาคม เวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น

 

Nakagin Capsule Tower ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศญี่ปุ่น ตัวแทนของสถาปัตยกรรมแบบ Metabolism แนวคิดการสร้างตึกที่สามารถถอดประกอบ เปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา ติดตั้งง่าย รวมถึงสามารถถอดออกได้เมื่อสิ้นอายุไข


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


ภาพ: BDP

อ้างอิง:

The post Nakagin Capsule Tower ตึกแคปซูลถอดได้ของญี่ปุ่นกำลังกลับมาอีกครั้งในโลกความเป็นจริง และ Metaverse appeared first on THE STANDARD.

]]>