เจิมสิริ เหลืองศุภภรณ์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 06 Sep 2018 02:36:44 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 THE STANDARD POP: ป๊อปคัลเจอร์ช่วยสร้างสังคมที่ดีขึ้นได้อย่างไร https://thestandard.co/editors-desk-the-standard-pop/ https://thestandard.co/editors-desk-the-standard-pop/#respond Wed, 05 Sep 2018 17:01:04 +0000 https://thestandard.co/?p=119016

หลักการทำงานที่เรายึดถือตลอดมาคือทำในสิ่งที่มีประโยชน์ต […]

The post THE STANDARD POP: ป๊อปคัลเจอร์ช่วยสร้างสังคมที่ดีขึ้นได้อย่างไร appeared first on THE STANDARD.

]]>

หลักการทำงานที่เรายึดถือตลอดมาคือทำในสิ่งที่มีประโยชน์ต่อคนอื่น ถึงวันนี้มันก็เป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญที่ท้าทายมากๆ ว่าป๊อปคัลเจอร์จะช่วยสร้างสังคมที่ดีขึ้นได้อย่างไร

 

หัวใจหลักของ THE STANDARD คือการเป็นสำนักข่าวที่นำเสนอข้อมูลสร้างสรรค์ น่าเชื่อถือ ให้แรงบันดาลใจ และสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม สำหรับ THE STANDARD POP เรายังคงทำงานบนพื้นฐานความคิดเดียวกัน แต่เป็นการจัดหมวดหมู่การนำเสนอให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเพื่อผู้สนใจป๊อปคัลเจอร์โดยตรง และถ้าเปรียบเป็นคาแรกเตอร์ THE STANDARD อาจจะเป็นพี่ชายมาดเท่ นิ่ง THE STANDARD POP ก็เหมือนน้องคนเล็กที่ผ่อนคลายมากขึ้น สนุกสนานกับสิ่งรอบตัวได้มากขึ้น

 

นอกจากเนื้อหาที่เกี่ยวกับคัลเจอร์ หรือวัฒนธรรมที่เราเสพซึ่งสะท้อนวิถีชีวิตทั้งในเรื่องของดนตรี ศิลปะ ภาพยนตร์ โทรทัศน์ แฟชั่น ความงาม ไลฟ์สไตล์ เรายังคัดสรรเรื่องราวที่ช่วยขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงสังคม เช่นเดียวกับการได้เห็นศิลปินในแสงไฟประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนในการเคลื่อนไหวเพื่อสังคมที่ดีขึ้น

 

บียอนเซ่ ศิลปินที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดตลอดกาล นอกจากความสามารถรอบด้านทั้งร้อง เต้น เขียนเพลง บียอนเซ่ยังผลักดันเรื่องสิทธิความเท่าเทียมของผู้หญิงและคนผิวสีผ่านผลงานอยู่เสมอ ตั้งแต่ปี 2014 ในงาน MTV VMAs ที่เธอเลือกร้องเพลงเพื่อสนับสนุนพลังผู้หญิงอย่าง Run the World (Girls), Single Ladies, Pretty Hurts จนมาถึงโชว์ในเทศกาล Coachella เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บียอนเซ่เลือกใช้คอนเซปต์ HBeyCU เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมของคนผิวสีในอเมริกาให้มีสิทธิ์เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยอย่างเท่าเทียม จนมาถึงผลงานล่าสุดกับมิวสิกวิดีโอเพลง Apeshit ที่บียอนเซ่ร่วมทำกับเจย์-ซีในชื่อ The Carters ยังคงสะท้อนเจตนารมณ์เพื่อความเท่าเทียมของผู้คนไม่ว่าสีผิวใดก็ตาม

 

แบรนด์แฟชั่นรักษ์สิ่งแวดล้อม Stella McCartney ที่ประกาศไม่ใช้ขนสัตว์จริงในทุกคอลเล็กชัน และนำวัสดุเหลือใช้มารีไซเคิลเป็นผ้าไนลอนคุณภาพดีเพื่อใช้ในแบรนด์ของตัวเอง, ริฮานนาที่เข้าใจผู้หญิงทุกความแตกต่าง กับแบรนด์เครื่องสำอางของเธอที่ทำรองพื้น 40 เฉดสีเพื่อผู้หญิงทุกเชื้อชาติศาสนาได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ยอดเยี่ยมประจำปี 2017 จากนิตยสาร Time, รายการเรียลิตี้เมกโอเวอร์ Queer Eyes ที่ช่วยเปลี่ยนชีวิตคนให้ดีขึ้น ทั้งการเข้าสังคม การแต่งตัว ปรับภาพลักษณ์เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ ทุกตอนที่ดูมันช่วยให้เราอยากเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น ทั้งยังเปลี่ยนให้เรามองเห็นคุณค่าในผู้คนที่แม้จะไม่เคยมีสิทธิ์มีเสียงมาก่อน

 

มองย้อนกลับมาที่เมืองไทย ปลายปีที่แล้ว อาทิวราห์ คงมาลัย หรือตูน บอดี้สแลม เลือกหยุดการทำงานดนตรีเพื่อปลุกปั้นโครงการ ‘ก้าวคนละก้าว’ เขาออกวิ่งเป็นระยะทาง 2,215 กิโลเมตร จนรวบรวมเงินบริจาคจากคนทั้งประเทศได้มากถึง 1,400 ล้านบาทเพื่อมอบให้กับ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยมีความตั้งใจเล็กๆ ในจุดเริ่มต้นที่อยากเห็นคนไทยหันมาออกกำลังกาย

 

การก่อตั้งองค์กร EEC โดย อเล็กซ์ เรนเดลล์ และเต้ย จรินทร์พร เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้วิชาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, เชอรี่ เข็มอัปสร ที่เลือกทำงานเป็นนักอนุรักษ์เต็มตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งการปลูกป่า สร้างฝายกั้นน้ำ สร้างอาชีพ เพื่อลดวงจรการทำลายสิ่งแวดล้อม, หรือปรากฏการณ์ BNK48 เกิร์ลกรุ๊ปที่ทำให้เห็นพลังของเด็กสาววัยรุ่นผู้ไม่ยอมแพ้ต่อความฝัน และพลิกตัวเองจากเด็กผู้หญิงธรรมดาจนกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ

 

จะเห็นได้ว่าจุดเริ่มต้นของศิลปินเหล่านี้อยู่ที่ความหวังในการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่เริ่มได้จากตัวเราเอง ซึ่งจริงๆ แล้วพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้ก็ได้ แต่ที่ลุกมาทำก็เพราะรู้ว่าพลังของคัลเจอร์ช่วยหล่อหลอมและเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้

 

เราอยู่ในสังคมแบบไหน คัลเจอร์ที่อยู่ในสังคมนั้นๆ จะเป็นสิ่งสะท้อน THE STANDARD POP จะเป็นเพื่อนคุณในแบบนั้น เนื้อหาที่ชวนคิด ชวนตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่ค่อยๆ ปรับรูปร่างคัลเจอร์ของเราให้ดีขึ้น น่าอยู่ น่าจดจำมากขึ้น

 

เจิมสิริ เหลืองศุภภรณ์
บรรณาธิการบริหาร
THE STANDARD POP

#WhatCultureMeans #TheStandardPop #TheStandardCo

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

The post THE STANDARD POP: ป๊อปคัลเจอร์ช่วยสร้างสังคมที่ดีขึ้นได้อย่างไร appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/editors-desk-the-standard-pop/feed/ 0
สรุปภาพรวมการเปิดตัวสำนักข่าว THE STANDARD https://thestandard.co/news-thailand-the-standard-launch-05-06-2017/ https://thestandard.co/news-thailand-the-standard-launch-05-06-2017/#respond Mon, 05 Jun 2017 13:16:38 +0000 https://thestandard.co/?p=3518

       วันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ส […]

The post สรุปภาพรวมการเปิดตัวสำนักข่าว THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

]]>

 

     วันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนักข่าว THE STANDARD จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมถ่ายทอดสดบรรยากาศการพูดคุยแบบสดๆ กับคณะบรรณาธิการทั้ง 7 คน ประกอบด้วย

     วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ผู้ก่อตั้ง และ Chief Executive Officer, นิติพัฒน์ สุขสวย Managing Director, นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ Editor-in-Chief, เจิมสิริ เหลืองศุภภรณ์ Editor-in-Chief, ภูมิชาย บุญสินสุข Executive Director for Podcast, วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม Editor-in-Chief for Magazine และยศยอด คลังสมบัติ Editor for Magazine ในนามบริษัท เดอะสแตนดาร์ด จำกัด

 

 

     โดยมี จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ พิธีกรรายการ ถามตรงๆ กับจอมขวัญ ทางช่องไทยรัฐทีวี เป็นผู้ดำเนินรายการ ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนที่เข้าร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

วงศ์ทนงได้ประกาศระงับคอลัมน์ที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ไว้ก่อน หลังปรึกษากับคณะบรรณาธิการถึงความเหมาะสม และลงความเห็นร่วมกัน

 

     โดยวงศ์ทนงเปิดเผยถึงภาพรวมขององค์กรว่า THE STANDARD คือสำนักข่าวที่มีทั้งสื่อออนไลน์ ดิจิทัลคอนเทนต์ รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์ โดยมีเนื้อหาที่ครอบคลุมครบทุกแพลตฟอร์มและครบวงจร นับจากนี้เป็นต้นไปจะมีอะไรให้อ่าน ให้ดู ให้ฟังทั้งวันและทุกวันอย่างแน่นอน สำหรับที่มาของชื่อ THE STANDARD วงศ์ทนงเปิดเผยว่า

     “มีหลายองค์กรในโลกที่ใช้ชื่อนี้ อาจจะพ้องกับบางชื่อ แต่เป็นชื่อสากล โดยมีที่มาจากการที่พวกเราเป็นคนทำงานสื่อมาตลอดชีวิต พอวันหนึ่งได้ก่อตั้งสำนักข่าว เราก็มีความคิดความเชื่อในการทำงานแบบของเรา หลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดโซเชียลมีเดียต่างๆ มีสื่อออนไลน์เกิดขึ้นเยอะมาก ในจำนวนนั้นหลายสื่อเป็นสื่อที่ดี แต่ก็มีจำนวนมากที่ไม่ค่อยมีคุณภาพ พวกเราเป็นคนทำสื่อมืออาชีพ มีสำนึก มีอุดมการณ์ที่ดี และตระหนักดีว่าสื่อมีอิทธิพลต่อผู้คนและสังคมอย่างแท้จริง เราเลยอยากจะทำสื่อที่ให้ความรู้ ความคิด และความเข้าใจกับผู้คน ตามมาตรฐานคุณภาพที่ดีที่สุดที่เราหวังไว้

     “เราอยากจะตั้งเป็นสแตนดาร์ดของพวกเราไว้มากกว่า เราไม่ได้จะมาตั้งมาตรฐานให้กับวงการสื่อ เพราะหลายสำนักทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว ผมชื่นชมและนับถือ แต่คำว่า THE STANDARD เราตั้งไว้สำหรับพวกเราว่าเป็นมาตรฐาน เป็นคุณภาพที่เราต้องรักษาและพยายามไปให้ถึง เหมือนเป็นอุดมการณ์ ตัวกระตุ้น และปณิธานของคนทำงาน”

     นอกจากนี้วงศ์ทนงยังเปิดเผยถึงที่มาของสโลแกน STAND UP FOR THE  PEOPLE ว่า ในฐานะที่เป็นประชาชนธรรมดาย่อมรู้ดีว่าสังคมของเรามีความอึดอัดคับข้องใจอะไรบ้าง ซึ่งในฐานะสื่อย่อมตระหนักในเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้น THE STANDARD จึงพยายามที่สุดที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนจำนวนมากในประเทศนี้ และเป็นปากเสียงที่จะถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของคนเหล่านั้น

     ไม่เพียงแค่สะท้อนจุดยืนทางการเมืองที่เลือกยืนอยู่ข้างประชาชนเท่านั้น STAND UP FOR THE PEOPLE ยังมีความหมายที่กว้างและไกลกว่านั้น เพราะยังรวมถึงการยืนเคียงข้างประชาชนในเรื่องเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่แฟชั่น บันเทิง และเรื่องกิน ดื่ม เที่ยวอีกด้วย

 

 

     ด้านนครินทร์เปิดเผยสัดส่วนของเนื้อหาทั้งหมดภายในเว็บไซต์ thestandard.co ว่า ภายในเว็บไซต์จะประกอบไปด้วยเนื้อหาข่าว 50 เปอร์เซ็นต์ ที่แบ่งหมวดหมู่เป็นข่าวต่างประเทศ ในประเทศ การเมือง ธุรกิจ สิ่งแวดล้อม กีฬา และเทคโนโลยี โดยมีนักข่าวที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทำหน้าที่ดูแลเนื้อหา ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์จะเป็นเนื้อหาด้านไลฟ์สไตล์และคัลเจอร์

     พร้อมแสดงจุดยืนด้านความหลากหลายของเนื้อหาผ่านข้อเขียนของคอลัมนิสต์มากกว่า 40 ชีวิตที่ครอบคลุมผู้เชี่ยวชาญจากทุกวงการ

     “ที่สำคัญคือผมอยากจะเพิ่มความหลากหลายให้กับสำนักข่าว เพราะมีสำนักข่าวมากมายที่แสดงตนว่าอยู่ฝั่งไหนอย่างชัดเจน แต่ผมรู้สึกว่าในเมื่อเราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับใครก็อยากจะลองไปให้ใกล้พรมแดนแต่ละฝั่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ วิธีการเลือกจึงไม่ได้เลือกจากแค่ชอบใครแล้วเลือกอย่างเดียว แต่เลือกจากหลักการที่ว่า ถ้ามีฝั่งนี้แล้วก็ควรจะเลือกอีกฝั่งเพื่อสร้างสมดุลให้กับเนื้อหาด้วย ผมมองในภาพรวม ไม่ได้มองแยกส่วน ถ้าดูรายชื่อคอลัมนิสต์ทั้งหมด 40 คนจะเห็นว่ามีหลายสีเสื้อ ความเชื่อ ศาสนา ชนชั้น หรือเพศ พยายามจะให้มีทั้งหมดในนั้น พูดถึงความพยายาม ไม่ได้บอกว่าเราทำได้ แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด วิธีการเลือกคอลัมนิสต์จึงเป็นแบบนั้น”

     สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของคอลัมนิสต์บางคน นครินทร์ยืนยันว่าน้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน และขอขอบคุณที่หลายๆ คนเข้ามาแสดงความคิดเห็น

     “สิ่งที่ผมได้เรียนรู้มากที่สุดจากเหตุการณ์นี้คือ ผมรู้สึกว่าสังคมไทยยังมีคำถามถึงเรื่องกระบวนการยุติธรรมและมาตรฐานความถูกต้อง ซึ่งผมดีใจมากที่คนแสดงออกมาในลักษณะนี้ ผมรู้สึกว่านี่คือหน้าที่ของสื่อที่จะตรวจสอบความไม่ถูกต้องต่างๆ เราจะพยายามนำเสนอข้อมูล และเป็นสื่อที่ตรวจสอบ วิพากษ์ วิจารณ์ทุกฝ่าย

     “อยากให้ดูคอนเทนต์โดยรวมทั้งหมด อย่าเพิ่งรีบสรุป อย่าเพิ่งรีบตัดสินใครจากภาพภาพเดียว ขอให้ดูกันยาวๆ วิจารณ์ได้ รับรองว่าไม่ลบคอมเมนต์ ไม่ปิดรีวิว พร้อมเปิดกว้างเสมอ และสุดท้ายคอนเทนต์จะพิสูจน์ตัวมันเอง”

     ทั้งนี้วงศ์ทนงได้ประกาศระงับคอลัมน์ที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ไว้ก่อน หลังปรึกษากับคณะบรรณาธิการถึงความเหมาะสม และลงความเห็นร่วมกัน

 

 

     ส่วนเนื้อหาไลฟ์สไตล์และคัลเจอร์ที่ดูแลภาพรวมโดย เจิมสิริ อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสาร HAMBURGER ได้เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยทำสื่อสิ่งพิมพ์อย่างเดียว มีคนในทีมไม่กี่คน แต่ตอนนี้มีสมาชิกในทีมที่ใหญ่ขึ้น ทำให้สามารถต่อยอดความคิดในเรื่องต่างๆ ได้มากขึ้น อีกทั้งยังมีเครื่องมือเล่าเรื่องให้เลือกมากมาย ทั้งรูปแบบของบทความ วิดีโอ เฟซบุ๊กไลฟ์ สื่อสิ่งพิมพ์ หรือแม้แต่พอดแคสต์

     “มีหลายเรื่องที่เราพยายามจะทำให้ลึกมากขึ้นกว่าเดิม อย่างเรื่องแฟชั่น หรือเรื่องบันเทิง เราอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในสังคม ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็อยากให้ผู้อ่านสามารถนำไปปรับใช้ได้กับชีวิตจริง”

     นอกจากเนื้อหาในรูปแบบบทความบนเว็บไซต์แล้ว เร็วๆ นี้ THE STANDARD ยังเตรียมเปิดตัวสื่อประเภทอื่นๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้คนด้วย ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ THE STANDARD Magazine นิตยสารแจกฟรีรายสัปดาห์ที่เตรียมเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมนี้ รวมทั้งพอดแคสต์ หนังสือเล่ม และออนไลน์สโตร์ ที่กำลังจะเปิดตัวในช่วงเดือนสิงหาคมด้วย

 

 

     โดยวิไลรัตน์ และยศยอด ในฐานะบรรณาธิการสื่อสิ่งพิมพ์ระบุว่า ปัจจุบันสื่อสิ่งพิมพ์ยังคงมีเสน่ห์ในตัวเองอยู่ และเชื่อว่ายังมีคนจำนวนมากที่ชื่นชอบอารมณ์เวลาพลิกหน้ากระดาษ และต้องการสื่อที่จับต้องได้

     “เรามองเรื่องความสมดุล คนที่อยู่ในโลกดิจิทัลนานๆ ก็อาจจะโหยหาสื่อกระดาษที่จับต้องได้ หรือต้องการอ่านสิ่งที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ใช้เวลากับมันมากขึ้น เราเร็วมามากแล้ว เราก็ควรจะช้าบ้าง เราอยากสร้างสมดุลให้กับตัวเองและคนอ่านด้วย

 

 

     “เราเชื่อใน Journalism for Social Change อยากให้งานเราเปลี่ยนแปลงสังคมได้ เราไม่ได้มองแค่ในประเทศเท่านั้น แต่ตั้งใจและพยายามกันอยู่ ข้อจำกัดไม่ใช่เหตุผลที่เราจะไม่ทำ เนื้อหาที่จะเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เราอยากเห็น อยากอ่าน แต่ไม่ได้อ่าน วิธีการเล่าเรื่องก็จะสนุกขึ้น แตกต่างจากเดิม ที่สำคัญคือแจกฟรี เป็นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ”

 

 

     ด้านภูมิชายเปิดเผยถึงภาพรวมของรายการพอดแคสต์ที่จะเกิดขึ้นใน THE STANDARD ว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการทำรายการพอดแคสต์ที่ The Momentum พบว่าได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้นมากกว่าที่คิด แสดงให้เห็นว่าคนไทยรู้จักพอดแคสต์ในวงกว้าง และมีหลายเรื่องที่คิดว่าทำให้คนฟังดีกว่าให้เขาอ่าน และทำให้ฟังได้ดีกว่าเห็นเป็นวิดีโอ

     “จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมมองว่าพอดแคสต์มันคือการทำคอนเทนต์แบบหนังสือ แต่นำเสนอแบบเสียง ผมเองเคยทำทั้งออดิโอคอนเทนต์มาแล้ว แล้วก็เคยทำหนังสือมาแล้ว ก็เลยคิดว่ามันเป็นการรวมร่างของสองอย่างนี้ มันคงเป็นคอนเทนต์อีกแบบหนึ่งสำหรับคนที่มองหาของใหม่ๆ ตอนนี้หลายๆ สื่อกำลังแย่งลูกตาจากผู้อ่าน ผู้ชม เราก็อยากจะลองแย่งหูเขาดูบ้าง ผมว่าสื่อประเภทเสียงก็ยังเป็นสื่อที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่จะนำเสนอสิ่งที่แปลกๆ ใหม่ๆ เรากำลังควานหากันอยู่ว่าคอนเทนต์แบบไหนที่ควรค่ากับการเล่าให้คนฟังได้ดีที่สุด”

     สำหรับแนวโน้มความเป็นไปได้ของธุรกิจหนังสือเล่ม เวลานี้ส่วนตัวมองว่าทุกวันนี้ยังมีคนมากมายที่อ่านหนังสืออยู่เสมอ ถ้าเป็นหนังสือที่ดี เพราะฉะนั้นโจทย์ในวันนี้คือทำอย่างไรให้สิ่งที่เราพยายามทำมีคนต้องการซื้อ ต้องคิดว่าการที่คนอ่านจะแบ่งเวลามาอ่านหนังสือเล่ม หนังสือเล่มนั้นต้องเป็นหนังสือแบบไหน

 

     ส่วนนิติพัฒน์ ในฐานะ Managing Director เปิดเผยถึงความเป็นไปได้ในทางธุรกิจว่า จากการพูดคุยกับลูกค้าหลายๆ รายในช่วงเวลาที่ผ่านมาพบว่าได้รับผลตอบรับที่ดีมาก และเชื่อว่าบริษัทน่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

     “ด้วยเครดิตที่เราทำงานมา 17 ปี ลูกค้าและผู้อ่านรู้ดีว่าเราคิดอะไร และจะทำอะไร จนเกิดเป็นความมั่นใจในทีมงานของเราจริงๆ”

     นอกจากนี้วงศ์ทนงยังตอบข้อสงสัยที่สังคมตั้งคำถามหลังจากแสดงความชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการซื้อขายบริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด และประกาศจุดยืนด้วยการลาออกจากบริษัทในเวลาต่อมา

     “การที่เราลาออกจากบริษัทเดิม หลายคนอาจจะได้ข่าว ซึ่งเป็นข่าวที่ขยายวงกว้างมาก แต่ข่าวนี้และเหตุการณ์ที่ผ่านมา ในที่สุดก็ได้บทสรุปที่ชัดเจนแล้วว่าการขายหุ้นในบริษัทเดิม ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ผมไม่เอาด้วย และไม่เห็นด้วย

     “แม้จะลาออกแล้วก็ยังมีคนคลางแคลงใจว่าได้เงินไปแล้วมั้ง แต่ท้ายที่สุดก็มีการยุติการซื้อขาย เพราะไม่มีผู้บริหารคนสำคัญ 2 คน จุดนั้นเป็นจุดที่เคลียร์ข้อกล่าวหาให้ผมได้อย่างสิ้นเชิง เราออกมาแบบตัวเปล่าจริงๆ เราตั้งใจให้บริษัทของเราเป็นบริษัทเล็กๆ ไม่ซับซ้อนว่าใครถือหุ้น และใครเป็นเจ้าของ”

     พร้อมแสดงความชัดเจนถึงสัดส่วนผู้ถือหุ้นบริษัทที่ประกอบไปด้วย วินิจ เลิศรัตนชัย ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้น 45 เปอร์เซ็นต์ วงศ์ทนงถือหุ้น 25 เปอร์เซ็นต์ นิติพัฒน์ถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ และบริษัท เดย์อาฟเตอร์เดย์ จำกัด ที่มีผู้ร่วมลงขันรวมอยู่ด้วยถือหุ้นอีก 10 เปอร์เซ็นต์  

     “สำหรับผู้ร่วมลงขัน พอผมได้อธิบายความจริง และความจริงปรากฏภายหลังว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงิน 300 ล้านบาท คนที่ไม่เข้าใจทีแรกก็เริ่มเข้าใจ เพราะข้อเท็จจริงเกิดขึ้นแล้ว แต่แน่นอนว่าผมไม่สามารถทำให้ทุกคนเข้าใจได้ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่ผมลาออกจากเดย์ โพเอทส์ ผมก็ได้แจ้งไปยังผู้ร่วมลงขันทั้ง 459 คนว่าผมลาออกแล้วนะ ผมจะมาก่อตั้งบริษัทใหม่ ยินดี และเปิดโอกาสให้ทุกท่าน ถ้าใครอยากตามเรามาก็ตามมา ไม่อยากตามมาด้วย ผมก็ยินดีรับซื้อหุ้นคืน สุดท้ายมีคนประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ที่แจ้งว่าขอถอน แต่มีคนอีก 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าขอไปด้วย”

     ที่สุดแล้วมาตรฐานความเป็นสื่อของ THE STANDARD จะออกมาในรูปแบบไหน? คงไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ดีไปกว่าผลงานที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้เป็นต้นไป

The post สรุปภาพรวมการเปิดตัวสำนักข่าว THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/news-thailand-the-standard-launch-05-06-2017/feed/ 0