ถอดรหัสความสำเร็จของ PAÑPURI แบรนด์ไทยที่เติบโตไกลระดับโลก และสามารถทำรายได้แตะพันล้าน สร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในตลาด Niche Luxury

1. Passion & Purpose

เริ่มต้นจากความหลงใหลในธุรกิจสินค้า Luxury ผสมผสานกับความตั้งใจในการสร้างแบรนด์ไทยที่สามารถแข่งขันในระดับโลก ด้วยการใช้จุดแข็งของวัฒนธรรมไทย โดยมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่าแค่เรื่องกำไร คือการนำเสนอสินค้าไทยที่มีคุณภาพในระดับสากล

2. Transformation

PAÑPURI สามารถผ่านวิกฤตโควิดมาได้ด้วยการปรับกลยุทธ์องค์กร ทำ Transformation ทั้งในด้านการตลาดออนไลน์และการขยายสาขาไปยังต่างประเทศอย่างมีกลยุทธ์ ทำให้ยอดขายเติบโตพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว

3. Brand Identity

การสร้างแบรนด์ที่เน้นความเป็น Niche และ Luxury คือการมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าตลาดเฉพาะที่ชัดเจน PAÑPURI เลือกผสมผสานวัฒนธรรมไทยกับนวัตกรรมใหม่ สร้างสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น การใช้ Perfume Oil แทนแอลกอฮอล์ และการเน้นเรื่อง Clean Beauty และความยั่งยืน (Sustainability)

4. Storytelling & Design

PAÑPURI ใช้ Storytelling ที่เล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมและความเป็นไทยในแบบใหม่ โดยผสมผสาน Craftsmanship การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สะท้อนถึงความหรูหราและประสบการณ์การใช้งานที่โดดเด่น ซึ่งทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำและได้รับความนิยมในตลาดสากล

5. People

การสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องมีทีมงานที่แข็งแกร่งและมีความสามารถ เพราะไม่มีใครสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตนเอง การร่วมมือกันในทีมและการนำคนที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยเสริมจึงเป็นปัจจัยสำคัญ

6. Market Trends

PAÑPURI สามารถปรับตัวเข้ากับเทรนด์การตลาดหลังโควิด เช่น ความสนใจในเรื่อง Wellness และ Lipstick Effect ที่ผู้บริโภคยังคงใช้จ่ายกับสินค้าที่สร้างความสุขให้ตนเอง นอกจากนี้การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการเพิ่มขึ้นของผู้บริโภคกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงก็เป็นปัจจัยที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์

The post Niche Luxury Brand ไขความลับพันล้านฉบับ PAÑPURI appeared first on THE STANDARD.

ฤดูร้อนมาถึงแล้ว สิ่งที่จะช่วยเติมเต็มบรรยากาศช่วงนี้ให้มีความสุขระหว่างการพักผ่อนหรือใช้ชีวิตช่วงฤดูร้อนนี้น่าจะเป็นกลิ่นหอมๆ สไตล์ซัมเมอร์ ที่เรามองว่าหนึ่งในแบรนด์ที่ทำได้ดีและน่าสนใจในเวลานี้คือ Diptyque ที่เพิ่งออกคอลเล็กชันฤดูร้อน 2024 ที่ดึงเอาเสน่ห์ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาเป็นหัวใจหลักในการออกแบบ ผสมผสานความเบาสบายเข้ากับความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ ให้ทุกคนได้ลองประสบการณ์ใหม่ในการใช้ชีวิตแบบโมเดิร์นที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอายทะเล ทุ่งดอกไม้บานสะพรั่ง หรือแสงแดดอันอบอุ่น LIFE จะพาทุกคนไปรู้จักกับคอลเล็กชันนี้ให้มากขึ้น

What is it?

Diptyque คอลเล็กชันฤดูร้อน 2024 ได้รับแรงบันดาลใจจากเสน่ห์ของชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน ได้รับการออกแบบโดย Alexandre Benjamin Navet ศิลปินชาวฝรั่งเศส ที่ถ่ายทอดเสน่ห์ของเมดิเตอร์เรเนียนผ่านสีสันสดใสในสไตล์คอนเทมโพรารี พร้อมลวดลายสีพาสเทลอันประณีต ที่เห็นแล้วรู้สึกได้ถึงความสนุกของสีสันในฤดูร้อน

The Ingredients

คอลเล็กชันนี้เน้นการใช้กลิ่นที่สะท้อนถึงบรรยากาศเมดิเตอร์เรเนียน จึงมีส่วนผสมของความหอมจากดอกไม้และผลไม้ที่หลากหลาย ได้แก่

• Prickly Pear ให้กลิ่นหอมแบบฟลอรัล ผสมความสดชื่นของฟรุตตี้
• Iris และ Jasmine เพิ่มความละมุนละไม
• Lemongrass ให้กลิ่นหอมเผ็ดร้อน และช่วยไล่ยุงได้ด้วยนะ
• Cypress และ Fig Tree สร้างบรรยากาศของป่าริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

The Product Range

ไอเท็มเด่นๆ ใน Summer Valise นี่เป็นครั้งแรกที่ Diptyque รวบรวม 10 ไอเท็มสุดพิเศษสำหรับการเดินทาง ประกอบด้วย Personal Fragrances, Home Fragrances และ Summer Care Products ในขนาดพกพา อีกไฮไลต์คือการกลับมาของกลิ่น Ilio ที่ชวนให้นึกถึงฤดูร้อนอันสดใส มาในรูปแบบ Eau de Toilette และ Hair Mist ผสมผสานความสดชื่นของ Prickly Pear, Iris และ Jasmine อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมี Ilio Face and Body Mist สเปรย์ฉีดหน้าเนื้อบางเบา ไร้แอลกอฮอล์ เหมาะสำหรับเติมความสดชื่นระหว่างวัน

และยังมี Body Mist สเปรย์ฉีดผิวกายกลิ่น Geranium ผสม Lemongrass ช่วยป้องกันยุงในค่ำคืนฤดูร้อน พร้อมด้วยเทียนหอม Citronnelle (Lemongrass) ทั้งขนาดปกติและขนาดใหญ่พิเศษ และชุดเทียนหอมขนาดเล็ก 3 ชิ้น ประกอบด้วยกลิ่น Citronnelle, Cypress และ Figuier รวบรวมกลิ่นอากาศอันสดชื่นของแถบเมดิเตอร์เรเนียนไว้อย่างครบถ้วน

The Sustainability Efforts

แม้ว่าข้อมูลที่ให้มาจะไม่ได้ระบุถึงความพยายามด้านความยั่งยืนโดยตรง แต่เราสามารถสังเกตได้จาก

1. การใช้ขนาดพกพาในหลายผลิตภัณฑ์ ช่วยลดการใช้วัสดุและประหยัดทรัพยากร
2. การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์หลากหลาย เช่น Body Mist ที่ทั้งให้กลิ่นหอมและป้องกันยุง ลดความจำเป็นในการซื้อผลิตภัณฑ์หลายชนิด
   

The post สำรวจความหอมใหม่ Diptyque กับเสน่ห์แห่งเมดิเตอร์เรเนียน appeared first on THE STANDARD.

พาสำรวจเสน่ห์ของ ร้าน Diptyque โฉมใหม่ ที่ได้แรงบันดาลใจจากถนน Boulevard Saint-Germain ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

Diptyque ฉลองการเปิดตัวคอนเซปต์ใหม่อย่างยิ่งใหญ่ที่สาขาเอ็มควอเทียร์ นำเสนอการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากถนน Boulevard Saint-Germain ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยการตกแต่งร้านค้าได้รับการออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยวัสดุจากไม้มะม่วง และการแกะสลักลวดลายที่เล่าถึงความเป็นท้องถิ่น สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและน่าเข้าชม ให้ทุกคนที่มาเยือนได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ณ Diptyque Store ชั้น G อาคาร B เอ็มควอเทียร์

นอกจากนี้ในเดือนแห่งความรักนี้ Diptyque ยังมอบข้อเสนอพิเศษด้วยแคมเปญ ที่ให้ลูกค้าที่ซื้อเทียนขนาดปกติได้รับไม้ขีดไฟลิมิเต็ดดีไซน์สำหรับวันวาเลนไทน์ โปรโมชันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์หรือจนกว่าของจะหมด ที่ Diptyque ทุกสาขา 

นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเฉลิมฉลองความรักด้วยของขวัญที่มีความหมายและเอกลักษณ์อย่างไม่ซ้ำใคร

ภาพ: Diptyque

The post พาสำรวจเสน่ห์ของร้าน Diptyque โฉมใหม่ในบรรยากาศแบบปารีส appeared first on THE STANDARD.

ในยุคที่แนวคิดการดูแลตัวเองและความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจอย่างมาก การรวมกันของทั้งสองอย่างในกิจกรรมเช่น ‘Self love reflexolory through Scent and Oracle therapy by Divana’ กลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่เพียงแต่เติมเต็มใจ แต่ยังสะท้อนถึงคอนเซปต์ Sustainable Luxury ที่ Divana มุ่งมั่น รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สำรวจตัวเองและเป้าหมายในชีวิตผ่านศาสตร์ไพ่ Oracle และกลิ่นหอมจาก ‘Phenomenon Collection’ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ ทำให้ทุกคนได้พลังกลับไปอย่างเต็มที่

ครูเหวินจากเพจ kissmysoul.journey นำเสนอเวิร์กช็อปในบรรยากาศที่สนุกสนาน เริ่มต้นจากการเลือกกลิ่นที่ชื่นชอบจากถุงหอมที่บรรจุกลิ่น Plant-based Body Oil ของ Divana อย่าง Full Moon, Sunrise และ Rainbow การเชื่อมต่อระหว่างความรู้สึกแรกเมื่อเห็นภาพที่เตรียมไว้และจิตใจโดยไม่ตัดสิน นำไปสู่การเลือกสำรับไพ่ที่ตัวเองชอบและเปิดไพ่ทีละใบเพื่อค้นหาความหมาย

ผลที่ได้จากไพ่เป็นคำตอบที่หลากหลาย ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้พินิจพิจารณาถึงสิ่งที่ควรปล่อยวางหรือโฟกัสเพื่อเริ่มต้นใหม่ การเรียงไพ่ 5 ใบในตอนท้ายเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับหัวใจและเป้าหมายในชีวิต กระตุ้นให้เราเติมพลังบวกและความรักให้กับตัวเองมากขึ้น

หลังจากกิจกรรม ช่วงเวลาของ Afternoon Tea ตามแบบฉบับของ Divana ก็เป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบในการทดลองและสัมผัสกลิ่นความหอมใหม่ๆ ภายใต้คอนเซปต์ Sustainable Luxury ของผลิตภัณฑ์ Divana ปิดท้ายประสบการณ์ที่ไม่เพียงแต่เป็นการสำรวจตัวเองและเป้าหมายในชีวิต แต่ยังเป็นการเรียนรู้ถึงการให้ความรักและการดูแลตัวเองอย่างยั่งยืน

The post จิบชาและผ่อนคลายกับ Workshop Self love reflexolory through Scent and Oracle therapy appeared first on THE STANDARD.

เพื่อนๆ ยังจำช่วงเวลาวัยเด็กที่มีความสุขที่สุดได้ไหม บางคนอาจลืมเลือนไปบ้าง บางคนอาจนึกถึงทีไรก็ยังแจ่มชัดอยู่เสมอ วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนไปท่องโลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอม ‘Karmakamet Pop-Up Store at Erawan Bangkok’ สาขาใหม่ล่าสุดของแบรนด์ Karmakamet ที่เสมือนโลกแห่งเทพนิยาย เผื่อว่าใครอยากพาตัวเองกลับไปตามหาความทรงจำผ่านกลิ่น หรืออยากให้ของขวัญตัวเองในวัยเด็กย้อนหลัง

Karmakamet จึงชวนทุกคนมาวิ่งเล่นตามหากลิ่นที่ใช่ใน Pop-Up Store สาขา Erawan Bangkok ที่เต็มไปด้วยชุดของขวัญ ‘Resetting Your Life’ ที่นำจินตนาการในวัยเด็กของทุกคนกลับมาทำให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง 

สาขานี้น่าสนใจตั้งแต่การออกแบบ ที่คราวนี้ Karmakamet พาตัวเองหลุดจากกรอบเดิมๆ และเติมจินตนาการเข้าไปให้พื้นที่เต็มไปด้วยสีสัน เรื่องราว และความสดใส ตั้งแต่ทางเข้าประตูสีแดงราวกับมาจากโลกแห่งเทพนิยาย ดูเชื้อเชิญน่าค้นหา

เข้าไปแล้วทุกคนจะได้เจอกับแอปเปิ้ลลูกโตที่ชวนนึกถึงนิทานชื่อดัง พร้อมกับโซนเทสต์กลิ่นที่มีกลิ่นให้ทดลองหลากหลายโทน เก้าอี้สีทองทรงแปลกตา เคาน์เตอร์และพวงกุญแจที่จะพาเราไปตามหา Secret World ในความทรงจำ และชุดของขวัญกว่า 20 แบบที่วางเรียงรายอยู่ทุกมุม ชวนให้เรานึกถึงบ้านที่อบอุ่นสบายใจ นอกจากนี้ Karmakamet Pop-Up Store at Erawan Bangkok ยังเป็นโฉมแรกก่อนการเปิดตัว Karmakamet สาขาใหม่ที่กินพื้นที่เกือบทั้งชั้นในศูนย์การค้าแห่งนี้ด้วย

แม้ว่าจะเป็น Karmakamet Pop-Up Store แต่ที่นี่มีสินค้าให้เลือกครบทุกรูปแบบ ตั้งแต่ Room Diffuser ถุงหอม หรือเทียมหอมที่ตอนนี้แบรนด์ทำขนาดใหม่มาด้วย ถ้าหากซื้อเป็นของขวัญจะใส่มาในกล่องรูปทรงบ้าน ดูน่ารักสุดๆ

สามารถมาตามหากลิ่นในความทรงจำของทุกคนได้ที่ Karmakamet Pop-Up Store at Erawan Bangkok ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และเตรียมพบกับ Karmakamet สาขาใหม่อย่างเต็มรูปแบบได้ที่ศูนย์การค้า Erawan Bangkok ชั้น 1 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Karmakamet

The post Karmakamet Pop-Up Store at Erawan Bangkok โลกแห่งกลิ่นหอมที่จะพาทุกคนย้อนไปหาความทรงจำวัยเด็ก appeared first on THE STANDARD.

พาส่อง ‘The Scent Club’ บูติกแห่งใหม่จากปัญญ์ปุริ ณ EmQuartier 

ช่วงนี้จุดเช็กอินสำหรับคนรักสุขภาพและความงามเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะแบรนด์ปัญญ์ปุริ ที่ต้องยอมรับว่าโค้งสุดท้ายช่วงสิ้นปีมานี้ทางแบรนด์ขยันนำเสนอแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้น่าสนใจมาก ล่าสุดปัญญ์ปุริเปิดตัวสถานที่รวมคนรักกลิ่นใจกลางสุขุมวิท ที่ดึงดูดแฟนๆ ให้เข้าไปสัมผัสกับความหอมอันน่าหลงใหล ภายใต้การตกแต่งสไตล์ Modern Luxury ชวนให้เพลิดเพลินไปกับเสน่ห์ความสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมบริการ Private Edition ให้คุณได้รังสรรค์กลิ่นหอมในแบบเฉพาะตัว หรือมอบเป็นของขวัญที่สร้างความประทับใจกับคนที่คุณรัก

ใครที่อยากไปสัมผัสเสน่ห์บูติกแห่งใหม่ พร้อมเลือกช้อปคอลเล็กชันกลิ่นหอมของปัญญ์ปุริได้แล้ววันนี้ ที่ The Scent Club: PAÑPURI Sensorial Boutique ณ EmQuartier โซน B Space ชั้น G ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น.

ภาพ: PAÑPURI

The post พาส่อง ‘The Scent Club’ บูติกแห่งใหม่จากปัญญ์ปุริ ณ EmQuartier appeared first on THE STANDARD.

LIFE ขอพาผู้อ่านไปสำรวจแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกของ Divana ที่ EMSPHERE ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้วจะรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ท่ามกลางป่าสน

ใครที่เป็นแฟนของ Divana Spa น่าจะทราบดีว่าแบรนด์นี้ให้ความสำคัญกับเรื่องของร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ เป็นอย่างมาก ซึ่งมีการสะท้อนออกมาผ่านการตกแต่งสถานที่อย่างมีเอกลักษณ์ 

และนับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ Divana มากว่า 21 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ยลโฉมแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกของ Divana ที่ตกแต่งออกมาผ่านโทนสีเอิร์ธ โดยดึงเอามิติของสีเอิร์ธที่เป็นธรรมชาติ ทั้งดิน ทะเล และต้นไม้ ฯลฯ เพื่อให้แมตช์กับตัวผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบโดยอิงกับความเป็น Universal Design ที่สามารถอยู่ในอุดมการณ์ของ Sustainability ที่สามารถ Recycle และ Upcycle ได้ 

บอกเลยว่าแฟลกชิปสโตร์แห่งนี้มีผลิตภัณฑ์ของ Divana ในลุคใหม่ที่ผ่านการรีแบรนดิ้งออกมาอย่างสวยงามและเป็นสากล รวมถึง Vibes ดีๆ ที่เกิดขึ้นภายในสถานที่แห่งนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกราวกับได้ดื่มด่ำ Afternoon Tea เซ็ตพิเศษในบ้านหลังเล็กๆ ท่ามกลางป่าสน 

ส่วนที่มาของแฟลกชิปสโตร์จะเป็นอย่างไร พิเศษและน่าสนใจขนาดไหน LIFE ได้สัมภาษณ์กับหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Divana ตง-ธเนศ จิระเสวกดิลก (ที่ก่อตั้งร่วมกับ ตี๋-พัฒนพงศ์ รานุรักษ์) มาฝากผู้อ่านกัน

ที่มาของแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกของ Divana

 
ตง ธเนศ: จริงๆ มันก็มาจากคอนเซปต์ของ Divana ที่เราทำเรื่องของการรีแบรนดิ้งเพื่อต้องการเน้นการเข้าไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่เป็น Global Citizen อย่างจริงจังหลังโควิด ตอนนี้เรารู้แล้วว่าทุกคนไม่ได้แค่ใส่ใจดูแลตัวเองเท่านั้น แต่เดิม Divana โปรโมตให้ทุกคนใส่ใจเรื่องของร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ แต่สำหรับตอนนี้โดย Mission ของเราปัจจุบันต้องการขยายเข้าไปสู่เรื่องที่ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเอง แต่ยังหมายถึงเรื่องของคนรอบข้าง คนที่เรารัก สังคม และธรรมชาติด้วย เพราะฉะนั้น Divana ก็เปลี่ยนมาตั้งแต่คอนเซปต์ The Marvelous Nature เพราะเราเชื่อว่าธรรมชาติคือยารักษาที่ดีที่สุด 

เราตีโจทย์ The Marvelous Nature ที่ผ่านมาทั้งปรากฏการณ์ Phenomenon ซึ่งมันมีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ เกิดขึ้นรอบตัวเรามากมาย แต่เราดึงมา 8 ปรากฏการณ์ (North Star, Sunrise, Full Moon, Snowdrop, Rainbow, Moss Garden, Aurora และ Glacier) เป็นมิติที่แตกต่างที่คนเราสามารถเจอได้เป็นปกติหรือในเหตุการณ์พิเศษแต่ละวัน จากสิ่งเหล่านี้กลายเป็นที่มาที่ทำให้เราอยากรวมภาพทั้งหมดให้มีความชัดเจน จนเราได้ก่อตั้งแฟลกชิปสโตร์แห่งนี้ขึ้นมา 

จำลองออกมาเป็นบ้านหลังเล็กน่ารักท่ามกลางป่าสน

ตง ธเนศ: Divana ที่ EMSPHERE ถือว่าเป็นแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกของ Divana สร้างจากโจทย์ที่เราต้องการคือ การสื่อสารภาพทั้งหมดทั้งจากคอนเซปต์ ไอเดีย และสิ่งที่จินตนาการ ให้ออกมาเป็นสิ่งที่สามารถสร้างประสบการณ์ที่จับต้องได้ คอนเซปต์ดีไซน์เราดึงพลังของธรรมชาติออกมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งเราได้จำลองมิติของบ้านหลังเล็กๆ ที่อยู่ในป่าสน 

จริงๆ แล้วมันคือจิตวิญญาณของพวกผมเองด้วยแหละ เพราะเราเคยทำงานสายการบินต่างชาติมา เราไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์มา ทุกครั้งที่เราเดินเข้าไปในป่า เรามีความรู้สึกว่ามันได้สัมผัสถึงจิตวิญญาณของธรรมชาติและสุขภาพที่มันมาจากธรรมชาติที่เผยแผ่ให้เรามาอย่างแท้จริง เราจึงนำแรงบันดาลใจนี้มาเป็นไอเดียในการตกแต่งแฟลกชิปสโตร์ของ Divana ผมคิดว่าถ้าเราสามารถจำลองความเป็นป่าและบ้านที่อยู่ในป่าให้มาตั้งอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้ มันคือมิติที่มหัศจรรย์มาก 

Physical Health, Workshop และ Emotional คือหัวใจสำคัญ 

ตง ธเนศ: จากคอนเซปต์ธรรมชาติที่เป็นจิตวิญญาณของเรา ก็มีการพยายามใส่ Structure Element ให้มันมีความดิบ มีความเป็น Wabi-Sabi ของมัน แม้กระทั่งตัวเท็กซ์เจอร์จากปูน กำแพง และผนัง หรือแม้กระทั่งสเตนเลสสีเงินที่เราเห็นว่าทำไมตกแต่งออกมาแล้วมันดูคอนทราสต์ ก็เพราะว่ามันคือตัวตนของความเป็นส่วนประกอบของวัสดุที่ปราศจากการปรุงแต่ง มันเป็นตัวมันเองอย่างชัดเจนแท้จริง นี่คือเรื่องของ Physical Health

ส่วนคอนเซปต์ในเรื่องของ Emotional เราต้องการเติมเต็มเรื่องจิตวิญญาณ ซึ่งเราสามารถเติมผ่านเรื่องของความสุขและสุขภาพได้ เราเลยใส่เรื่องของ Workshop และตัวทรีตเมนต์ต่างๆ เข้าไป เราจะมีทำ Workshop ทุกเดือนที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนกิจกรรมไปเรื่อยๆ เราจะมีตั้งแต่เรื่องของสปา ผลิตภัณฑ์สปา สุขภาพ หรือแม้กระทั่ง Workshop ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ รวมถึงงานอาร์ตแอนด์คราฟต์ต่างๆ ก็จะออกแบบเป็นกิจกรรมอยู่ที่แฟลกชิปสโตร์ของ Divana แห่งนี้ 

ด้วยความที่ Divana เรามีประสบการณ์ทั้งเรื่องสปาและเวลเนสอยู่แล้ว เราจึงดึงเอาเรื่องทรีตเมนต์มาจำลองออกแบบเป็นทรีตเมนต์ที่ช่วยเรื่องออฟฟิศซินโดรมหรือช่วยแก้ความเครียดต่างๆ ออกมาเป็น Mini Station และจะมีเทอราปิสต์ที่เราให้โอกาสกับเทอราปิสต์ที่อาจจะมองด้วยตาไม่เห็นหรือมีความบกพร่องเรื่องการได้ยินที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้ว เขาก็จะได้มาเป็นเทอราปิสต์ในการทำเวิร์กช็อปกับเราด้วย มันจะกลับไปสู่ความเป็น Sustainability ที่เราให้ความสำคัญกับเรื่องของความยั่งยืน  

โดดเด่นกับมุม Wholefood Café ที่อบอุ่นและมีความยั่งยืน

ตง ธเนศ: ยังมีมุมที่เป็นคาเฟ่ด้วย โดยยึดคอนเซปต์ Wholefood Café แปลว่าวัตถุดิบและวัสดุทุกอย่างเราพยายามที่จะลดการเกิด Waste ให้น้อยที่สุด และซิกเนเจอร์ของคาเฟ่แห่งนี้คือ Tea Set ของ Divana ที่ออกแบบมาเพื่อ EMSPHERE แห่งนี้โดยเฉพาะ ชื่อ ‘Little Forest Afternoon Tea Set’ ประกอบด้วยสโคนซิกเนเจอร์ของ Divana มีมาการองและชาต่างๆ ที่แสดงถึงมิติ หรือ Ambient ต่างๆ เวลาที่เราเดินเข้าไปในป่า อาจจะเจอเบอร์รี อาจจะเจอมอสส์ มันจะมีกลิ่นที่แตกต่างกัน และมีมินิเค้กต่างๆ ที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปด้วย รวมถึงตัว Afternoon Tea ที่ดีไซน์ออกมาในรูปแบบที่เป็นจิตวิญญาณของป่าเล็กๆ ที่สามารถเติมเต็มให้กับทุกคนที่เข้ามาในแฟลกชิปสโตร์ของ Divana 

The Products Range

ตง ธเนศ: ทุกคนสามารถมาเปิดประสบการณ์กับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Divana ได้ที่นี่ โดยเราแบ่งออกเป็นซีรีส์ของ Scent Station ที่เป็นเรื่องกลิ่นทั้งหมด ไอเท็มเด่นๆ ของกลุ่ม Scent ก็จะเป็นก้านไม้หอม หรือ Diffuser และ Candle หรือแม้กระทั่งธูปหอม 

Station ที่ 2 จะเป็นกลุ่มสกินแคร์ ซึ่งเป็น Plant-based Skincare ด้วย มีทั้งตัวแฮนด์ครีม บอดี้ครีม โลชั่น รวมถึงเจลอาบน้ำ แชมพู และครีมนวดต่างๆ 

ส่วน Station ที่ 3 จะเป็นส่วนของประสบการณ์สปา คืออะไรก็ตามที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในสปาของ Divana ก็จะมีวางจำหน่ายอยู่ที่นี่ด้วย เหมือนเราได้นำ Spa Ambient ไปที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นสครับ เป็นเกลือ เป็นน้ำมันอโรมาต่างๆ ที่นี่มีครบทุกอย่าง 

และ Station ที่ 4 จะเป็นเรื่องของ Facial Skincare ซึ่งเป็นแบรนด์ Dii ในบ้านของเราอยู่แล้ว เน้นเรื่องของ Functional ที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน 

จาก Divana ถึงผู้อ่าน

ตง ธเนศ: ตอนนี้เรากำลังอยู่ในโลกที่มันมีการเปลี่ยนแปลง มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือ อยากให้เรากลับมาให้ความสำคัญกับตัวเราเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าโลกจะเป็นอย่างไร ถ้าตัวเราสามารถปรับเปลี่ยนและรักษาความสมดุลได้ รักษาร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณของเราให้มันพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกันก็ควรดึงคุณค่าของเราเข้าสู่คนรอบตัว เข้าสู่สังคม และเข้าสู่ธรรมชาติ มันจะทำให้ตัวเราเล็กลงและเบาขึ้น แล้วเราจะอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมีความสุข เมื่อไรก็ตามที่รู้สึกเหนื่อย รู้สึกอยากจะเติมพลังผ่านตัวแทนของธรรมชาติ ตัวแทนของจิตวิญญาณ อย่าลืมนึกถึง Divana นะครับ

The post สำรวจแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกของ Divana ที่ EMSPHERE appeared first on THE STANDARD.

แบรนด์ HARNN เปิดตัวคอลเล็กชัน The Art of Scent & Soul Holiday 2023 ด้วยเซ็ตของขวัญสำหรับคนพิเศษที่ได้ พลอย จริยะเวช ศิลปินและนักเขียนอิสระชื่อดัง มาออกแบบโดยนำเสนอลวดลายของสัตว์สีทอง ตัวแทนความมงคลรับปีมังกรอย่าง แมลงปอ (Dragonfly) สัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงสู่ความโชคดี มั่งคั่ง โชคลาภ และความสุขสมบูรณ์ เคียงข้างกับ นกกระเรียน (Crane) ตัวแทนแห่งความสงบสุข สมดุล ความสง่างาม ความรัก การแต่งงาน และสุขภาพแข็งแรงอายุยืน 

อีกหนึ่งจุดเด่นคือการจับคู่สีสวยอย่าง Good Flow มาในโทนสีชมพู-ฟ้า พร้อมส่งต่อพลังงานดีๆ โชคดี และความสุขสงบ อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมของ Juniper Berry & Cedarwood ความหอมสดชื่นของผลจูนิเปอร์เบอร์รี ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอบอุ่นด้วยกลิ่นควันไม้จากเตาผิงในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขของฤดูหนาว

Glow Vibe กับโทนสีเขียว-น้ำเงิน พร้อมส่งต่อโชคลาภ ความมั่งคั่ง ความสุข และสมดุลชีวิต ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมของ White Tea & Camellia ความหอมที่ชวนย้อนสู่ความทรงจำในช่วงฤดูร้อน การพักผ่อนท่ามกลางแสงแดดอบอุ่นพาดผ่านกลางทะเลสาบ กรุ่นกลิ่นหอมจางของชาขาวและดอกไม้หลากสี

สำหรับคอลเล็กชันนี้ประกอบด้วยเซ็ตกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องหอม และกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายที่จัดเป็นเซ็ตต่างๆ ได้อย่างสวยงาม น่ามอบเป็นของขวัญ ใครที่อยากส่งมอบความห่วงใยไปพร้อมความหมายดีๆ ที่ซ่อนอยู่ในดีไซน์สุดพิเศษนี้ พบกับ HARNN Holiday 2023 ‘The Art of Scent & Soul’ ได้ที่ HARNN ทุกสาขา, HARNN.com และทุกช่องทางออนไลน์ 

ติดตามข่าวสารได้ทาง Facebook: HARNNTH และ Instagram @HARNNOFFICIAL

ภาพ: HARNN

The post HARNN เปิดตัว The Art of Scent & Soul Holiday 2023 ดึง พลอย จริยะเวช ออกแบบลวดลายมงคล appeared first on THE STANDARD.

RS LiveWell ธุรกิจคอมเมิร์ซภายใต้อาร์เอส กรุ๊ป (RS Group) เข้าลงทุนในสัดส่วน 60% ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท ในบริษัท เอิบเอเชีย จำกัด หรือ Erb แบรนด์เครื่องหอมและสกินแคร์ของไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขยายรายได้จากสินค้าสุขภาพและความงาม

การขยายตัวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังอาร์เอส กรุ๊ป ทรานส์ฟอร์มองค์กรจากการดำเนินธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ขยายมาสู่ธุรกิจคอมเมิร์ซได้สำเร็จภายใต้โมเดล Entertainmerce แล้ว ดังนั้นจึงต้องขยาย Ecosystem ให้แก่ธุรกิจคอมเมิร์ซ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตและหาโอกาสในการขยายฐานการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

“Erb เป็นแบรนด์เครื่องหอมและสกินแคร์ที่มีฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากว่า 25 ปี ผู้บริหารและพนักงานมีความเชี่ยวชาญเฉพาะในธุรกิจ รวมไปถึงมีคอนเน็กชันและพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าว

นอกจากผลิตภัณฑ์และบริการของ Erb ที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะธุรกิจสปา ทำให้อาร์เอสมองเห็นโอกาสในการรุกและขยายธุรกิจ Wellness and Spa ให้มากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตตามเทรนด์สุขภาพในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ภาครัฐสนับสนุนการเดินหน้าสู่ Medical Hub ของไทย รวมถึงเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้แบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอของ RS LiveWell อีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ Erb จะเดินหน้าเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น สร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ เช่น การทำสินค้าร่วมกับ Corporate Brand การขยายธุรกิจ Spa ไปยังโรงแรมและสถานที่ Prime Location ต่างๆ รวมไปถึงความร่วมมือใหม่ๆ กับพาร์ตเนอร์อื่นๆ ที่มีจุดแข็งที่แตกต่างกัน

ทั้งนี้ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ Erb มีการจำหน่ายแล้วในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งเอเชีย อเมริกา และยุโรป

The post เฮียฮ้อให้ RS LiveWell ใช้เงิน 70 ล้านบาทเข้าถือหุ้น 60% ใน Erb แบรนด์เครื่องหอมและสกินแคร์ ตั้งเป้าเพิ่มรายได้กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม appeared first on THE STANDARD.

การเปิดตัวแฟลกชิปสโตร์ของแบรนด์ Maison Margiela น่าตื่นตาตื่นใจสุดๆ เพราะมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัลอินเตอร์แอ็กทีฟแบบ 360 องศา ถือเป็นครั้งแรกในเมืองไทยเลยทีเดียว และยังมีการรวมเอาคอลเล็กชันของน้ำหอม REPLICA ครบทั้ง 15 กลิ่น พร้อมผลิตภัณฑ์เครื่องหอมสำหรับใช้ภายในบ้าน และผลิตภัณฑ์สำหรับผิวกายมาวางจำหน่ายอย่างเต็มรูปแบบ

ต้องบอกว่าการตกแต่งภายในแฟลกชิปสโตร์นั้นเพลิดเพลินราวกับกำลังเดินชมงาน Exhibition เจ๋งๆ ของแต่ละสถานที่ที่มีเรื่องราวของบรรดาน้ำหอมแต่ละขวด โดยมีการจัดวางภาพถ่ายโพลารอยด์อันเปรียบเสมือนการจำลองช่วงเวลาในความทรงจำเหล่านั้นให้ได้เดินชม นอกจากนี้ภายในร้านยังมีการตกแต่งโดยเพิ่มลูกเล่นบนเพดานร้านด้วยแผ่นพลาสติกแบบม้วนสีอะคริลิกโทนพาสเทล ที่เปรียบเสมือนเห็นสายรุ้งที่ส่องประกายลงมาจากท้องฟ้า

ส่วนบริเวณทางเข้าบูติกโดดเด่นด้วยหน้าจอดิจิทัลแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ 360 องศา ควบคู่ไปกับบาร์น้ำหอมขนาดใหญ่ที่เปรียบเสมือนเกาะกลางสำหรับตั้งคอลเล็กชันน้ำหอม REPLICA ครบทั้ง 15 กลิ่น และเมื่อยกขวดน้ำหอม REPLICA ขึ้นมา ภาพวิดีโอที่เป็นสัญลักษณ์และแสดงถึงช่วงเวลาของความทรงจำจากน้ำหอมกลิ่นนั้นๆ จะถูกแสดงขึ้นบนหน้าจอดิจิทัล เพื่อมอบประสบการณ์พิเศษแบบ Immersive Experience นำคุณดื่มด่ำไปกับบรรยากาศและความทรงจำที่ถูกปลุกขึ้นมา

ภายในร้านถูกตกแต่งอย่างสวยงามตามสไตล์มินิมัล เรียบหรูด้วยโทนสีขาวสะอาดในแบบ Maison Margiela โดยมีการจัดวางน้ำหอมแต่ละกลิ่นไว้พร้อม ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถหวนระลึกถึงความทรงจำกับภาพถ่ายโพลารอยด์ที่แสดงถึงความทรงจำและความรู้สึกในแต่ละช่วงเวลาของกลิ่นนั้นๆ รวมทั้งจดจำความรู้สึกหรือช่วงเวลาที่สำคัญเหล่านั้นได้ไม่ว่าจะอยู่กับตัวเองหรืออยู่กับคนที่รัก

ส่วนใครเป็นสายแต่งบ้านหรือรักการอยู่บ้านมากๆ น่าจะชอบมุมผลิตภัณฑ์เครื่องหอมสำหรับใช้ภายในบ้าน และผลิตภัณฑ์สำหรับผิวกาย ได้แก่ เทียนหอม ก้านไม้หอมกระจายกลิ่น เจลอาบน้ำ โลชั่นบำรุงผิวกายและครีมบำรุงผิวมือ สำหรับช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์ความหอมให้กับลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์ แฟนๆ ของ Maison Margiela ที่อยากเยี่ยมชมบูติกใหม่ล่าสุดของ Maison Margiela สามารถแวะไปได้ที่ชั้น G ห้างสรรพสินค้า The Emquartier เวลาทำการ 10.00-22.00 น.

ภาพ: Courtesy of Maison Margiela

The post พาชมแฟลกชิปสโตร์ Maison Margiela ที่มาพร้อมดิจิทัลอินเตอร์แอ็กทีฟ 360 องศาครั้งแรกในไทย appeared first on THE STANDARD.