เครือข่ายภาคประชาชน – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 18 Sep 2025 08:39:52 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เครือข่ายภาคประชาชนภาคใต้บุกภูมิใจไทย ยื่นหนังสือถึง นายกฯขอให้ทบทวนโครงการแลนด์บริดจ์ https://thestandard.co/southern-civil-network-bhumjaithai-landbridge/ Thu, 18 Sep 2025 08:39:52 +0000 https://thestandard.co/?p=1120328 เครือข่ายภาคประชาชนภาคใต้ แลนด์บริดจ์

วันนี้ (18 กันยายน) เวลา 14.00 น. เครือข่ายภาคประชาชนภา […]

The post เครือข่ายภาคประชาชนภาคใต้บุกภูมิใจไทย ยื่นหนังสือถึง นายกฯขอให้ทบทวนโครงการแลนด์บริดจ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เครือข่ายภาคประชาชนภาคใต้ แลนด์บริดจ์

วันนี้ (18 กันยายน) เวลา 14.00 น. เครือข่ายภาคประชาชนภาคใต้และภาคตะวันออก ยกขบวนประชาชนกว่า 50 คน เดินทางมายังที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เพื่อยื่นหนังสือถึงอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ขอให้ทบทวนนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งในภาคตะวันออกและภาคใต้ (EEC และ SEC) รวมถึงโครงการแลนด์บริดจ์  โดยมีอารี ไกรนรา  และสุริยงค์ หุณฑสาร ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย เป็นตัวแทนรับหนังสือจากเครือข่ายภาคประชาชน  

 

ทั้งนี้ ตัวแทนภาคประชาชน ได้อ่านแถลงการณ์ระบุข้อเรียกร้อง ว่า รัฐบาลชุดนี้ ถือเป็นการเข้ามาบริหารประเทศในสถานการณ์พลิกผันทางการเมืองอันเกิดขึ้นจากความล้มเหลวในการบริหารของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ดังนั้น การเข้ามาเป็นรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยในครั้งนี้ จึงถูกคาดหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นได้  และรัฐบาลต้องมีความรับผิดชอบต่อการพัฒนาโครงการ EEC และ SEC ด้วยการกลับไปทบทวนแนวทางการพัฒนาดังกล่าว ที่กำลังถูกตั้งคำถามว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนต่างชาติมากกว่าคนในชาติของตนเองหรือไม่

 

ตัวแทนภาคประชาชนยังกล่าวต่อว่า จึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งหากรัฐบาลจะบรรจุนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ และโครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง – ชุมพร แถลงต่อรัฐสภาที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จึงขอเรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้นำจัดตั้งรัฐบาล ได้ใช้เวลาในการบริหารบ้านเมืองที่มีอยู่นี้ ให้เป็นไปตามเจตจำนงที่ท่านได้ทำบันทึกข้อตกลงกับพรรคประชาชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในสังคมโดยรวมต่อระบบการเมืองของประเทศ

 

ตัวแทนภาคประชาชนย้ำว่า รัฐบาลอายุสั้นเพียง 4 เดือน ไม่เหมาะทำเมกะโปรเจกต์ และควรทำตาม MOA ที่ทำไว้กับพรรคประชาชน ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน  และทั้งนี้ หากพรรคภูมิใจไทยยังดึงดันดึงดันนำนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งในภาคตะวันออกและภาคใต้ (EEC และ SEC) รวมถึงโครงการแลนด์บริดจ์ ในการแถลงนโยบายของรัฐบาล พวกเราจะกลับมาเจอกันอีกแน่นอน รวมถึงการผุดแคมเปญ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า ไม่ เอาพรรคภูมิใจไทย ในหลายๆ พื้นที่ด้วย 

 

The post เครือข่ายภาคประชาชนภาคใต้บุกภูมิใจไทย ยื่นหนังสือถึง นายกฯขอให้ทบทวนโครงการแลนด์บริดจ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เครือข่ายภาคประชาชนยื่นสภา ขอเริ่มเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง https://thestandard.co/public-sector-network-draft-amnesty-law-for-political-crimes/ Thu, 01 Feb 2024 06:29:54 +0000 https://thestandard.co/?p=894752 เครือข่ายภาคประชาชน

วันนี้ (1 กุมภาพันธ์) ที่รัฐสภา ตัวแทนเครือข่ายนิรโทษกร […]

The post เครือข่ายภาคประชาชนยื่นสภา ขอเริ่มเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
เครือข่ายภาคประชาชน

วันนี้ (1 กุมภาพันธ์) ที่รัฐสภา ตัวแทนเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนยื่นรายชื่อผู้ริเริ่มเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมประชาชน นำโดย ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้อำนวยการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) และ ประกายดาว พฤกษาเกษมสุข จากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ต่อ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมี พงษ์สรณัฐ ทองลี เลขานุการรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง เป็นตัวแทนรับหนังสือ

 

พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงเนื้อหาของร่างกฎหมายว่า ผู้ที่จะได้รับประโยชน์คือประชาชน ไม่ได้แบ่งสี แบ่งฝ่าย แบ่งแกนนำ แต่ยกเว้นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำการสลายการชุมนุมและทำเกินกว่าเหตุ ส่วนการนิรโทษกรรมนับย้อนไปตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 จนถึงปัจจุบันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ และมี 2 กลุ่มประชาชนที่จะได้รับนิรโทษกรรม คือ 1. นิรโทษกรรมทันที และ 2. ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ 20 คน โดยจะเริ่มเดินหน้ารวบรวมรายชื่อประชาชน รวมถึงดำเนินการกิจกรรมต่างๆ ตลอดสองสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 1-14 กุมภาพันธ์ 2567

 

ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมประชาชนที่กำลังรณรงค์ให้ประชาชนเข้าชื่อเพื่อเสนอให้รัฐสภาพิจารณาต่อไปนั้น จะเริ่มนับเวลาการนิรโทษกรรมตั้งแต่การรัฐประหารปี 2549 ทุกการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมืองจะเข้าข่ายการได้รับนิรโทษกรรมทั้งสิ้น สำหรับ 6 ประเภทคดีความผิดที่ได้รับการนิรโทษกรรมนั้น ประกอบไปด้วย คดีความผิดตามประกาศและคำสั่งของ คสช., คดีพลเรือนที่ถูกดำเนินคดีในศาลทหาร, ความผิดในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ความผิดใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2559 และความผิดที่เชื่อมโยงกับคดีที่กล่าวมาข้างต้น 

 

ขณะที่ยิ่งชีพกล่าวว่า การจัดกิจกรรมเพื่อต้องการให้ทุกคนร่วมกันส่งเสียงเรื่องนี้ในเทศกาลแห่งความรักนี้ ในวันที่ 1-14 กุมภาพันธ์ 2567 โดยจะมีกิจกรรมต่อเนื่องทั้ง 14 วัน ทั้งงานเสวนาวิชาการและงานศิลปะ เชื่อว่ากิจกรรมนี้จะเป็นอีกครั้งที่จะได้เห็นการรวมพลังที่มีความหมายของประชาชน

The post เครือข่ายภาคประชาชนยื่นสภา ขอเริ่มเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
เสียงสะท้อนภาคประชาชน ‘คัดค้าน’ แผนปรับปรุงผังเมืองรวมกรุงเทพฯ https://thestandard.co/objection-to-the-city-planning-improvement-plan/ Mon, 08 Jan 2024 12:17:04 +0000 https://thestandard.co/?p=885419 ผังเมือง

THE STANDARD ยกตัวอย่างเสียงสะท้อนภาคประชาชนและตัวแทนปร […]

The post เสียงสะท้อนภาคประชาชน ‘คัดค้าน’ แผนปรับปรุงผังเมืองรวมกรุงเทพฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผังเมือง

THE STANDARD ยกตัวอย่างเสียงสะท้อนภาคประชาชนและตัวแทนประชาชนจากการประชุมรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชนเกี่ยวกับการวางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) ซึ่งจัดไปเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2567

 

จุดประสงค์เพื่อนำเสนอสาระสำคัญของร่างผังเมืองฯ ให้ประชาชนได้ทราบ พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อนำมาปรับปรุงร่างผังเมืองฯ ซึ่งเป็นขั้นตอนตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 เพื่อพัฒนาให้​ ‘กรุงเทพมหานครเป็นเมืองเพื่อทุกคนและเติบโตอย่างยั่งยืน’

 

The post เสียงสะท้อนภาคประชาชน ‘คัดค้าน’ แผนปรับปรุงผังเมืองรวมกรุงเทพฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นิกรยืนยัน คำถามประชามติมาจากภาคประชาชน นำรวมรายงานส่ง ครม. แล้ว ชี้ต้องรับฟังอย่างใจกว้างเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย https://thestandard.co/nikorn-confirmed-submitted-people-sector-question-to-cabinet/ Sat, 30 Dec 2023 07:16:25 +0000 https://thestandard.co/?p=882751 นิกร จำนง

วันนี้ (30 ธันวาคม) นิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมการรับฟัง […]

The post นิกรยืนยัน คำถามประชามติมาจากภาคประชาชน นำรวมรายงานส่ง ครม. แล้ว ชี้ต้องรับฟังอย่างใจกว้างเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย appeared first on THE STANDARD.

]]>
นิกร จำนง

วันนี้ (30 ธันวาคม) นิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กล่าวถึงกรณีข้อเรียกร้องของกลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า “ทำให้ภาคประชาชนผิดหวัง” ว่า กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญที่ประกอบด้วยนิสิต นักศึกษา เยาวชน และคนรุ่นใหม่ คงผิดหวังจริงที่ผลอาจไม่ออกมาตามความต้องการของกลุ่ม ตามที่ได้มีโอกาสรับเชิญเข้าไปในทำเนียบเป็นกลุ่มแรกสุดเพื่อรับฟังความเห็น 

 

และอีกส่วนหนึ่งก็ได้เข้าไปให้ความเห็นแบบตรงไปตรงมา พร้อมกับตัวแทนเฉพาะของกลุ่มประชาชน แล้วความเห็นดังกล่าวได้ถูกบันทึกไว้ในรายงานเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรียบร้อย มิต้องกังวลว่าจะตกหล่นไปอย่างแน่นอน

 

นิกรกล่าวว่า รายงานผลการรับฟังประชาชนทุกกลุ่ม ทุกภาคนั้น ได้สรุปผลส่งไปยังคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ซึ่ง ครม. คงจะได้พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยการรับฟังสรุปความเห็นที่ตอบจากทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไปจากกลุ่มอาชีพ และทุกภาคส่วนที่เห็นด้วยกับการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยไม่แก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 หรือแม้แต่ความเห็นส่วนมากของวุฒิสมาชิกที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขทั้งฉบับ แต่กลับเห็นด้วยกับการแก้ไขเป็นรายมาตรา จุดนี้ยังมีความสุ่มเสี่ยงกับการไม่ผ่านความเห็นชอบถึง 1 ใน 3 ของวุฒิสมาชิก ซึ่งไม่ต้องไปถึงการแก้ทั้งฉบับ ไม่ยกเว้นสองหมวดดังกล่าวที่เขาได้แสดงความชัดเจนมาตลอดว่าไม่เห็นชอบด้วย 

 

นอกจากนั้น ยังมีการนำเสนอข้อมูลปัญหาของประชาชนกลุ่มต่างๆ และในภูมิภาคต่างๆ ที่มีปัญหามากมายที่ต้องการให้แก้ไขในหมวดต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรงที่ไม่ใช่หมวด 1 หรือหมวด 2 แต่อย่างใดเลย 

 

“จึงเรียกร้องให้ทุกคน ทุกกลุ่ม รับฟังความเห็นเบื้องต้นนี้อย่างใจกว้าง และให้ตั้งอยู่บนเป้าหมายให้เกิดผลความสำเร็จในการมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยของประชาชน ทุกกลุ่ม ทุกภาคส่วน มิใช่เป็นของประชาชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะ จึงขอให้ช่วยกันพิจารณาสรุปผลจากการรับฟังประชาชนกลุ่มเฉพาะที่จะขอเปิดเผยให้ทราบในโอกาสนี้ เพื่อจะได้ร่วมกันพิจารณาด้วยความรอบคอบให้เกิดผลสัมฤทธิ์สำหรับประชาชนไทยกันต่อไป” นิกรกล่าว 

The post นิกรยืนยัน คำถามประชามติมาจากภาคประชาชน นำรวมรายงานส่ง ครม. แล้ว ชี้ต้องรับฟังอย่างใจกว้างเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย appeared first on THE STANDARD.

]]>
“ไว้อาลัยให้ กกต.” เครือข่ายภาคประชาชน นักศึกษา ชุมนุมหน้า มช. คัดค้านมติ กกต. เรียกร้อง ส.ส.-ส.ว. เคารพเสียงประชาชน https://thestandard.co/people-party-protest-ect-in-front-cmu/ Wed, 12 Jul 2023 14:31:10 +0000 https://thestandard.co/?p=816109 เครือข่ายภาคประชาชน

วันนี้ (12 กรกฎาคม) ที่บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเชียงให […]

The post “ไว้อาลัยให้ กกต.” เครือข่ายภาคประชาชน นักศึกษา ชุมนุมหน้า มช. คัดค้านมติ กกต. เรียกร้อง ส.ส.-ส.ว. เคารพเสียงประชาชน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เครือข่ายภาคประชาชน

วันนี้ (12 กรกฎาคม) ที่บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายองค์กรภาคประชาชน นักศึกษาและประชาชนที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวชุมนุมเคลื่อนไหว แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ 

 

เพื่อคัดค้านหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่อง สมาชิกภาพของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล กรณีถือครองหุ้นสื่อ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน)

 

โดยกลุ่มผู้ชุมนุมติดป้ายผ้าทับบริเวณป้ายมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุข้อความว่า “ส.ส. ส.ว. เคารพเสียงประชาชน เลือกพิธาเป็นนายก” นอกจากนี้ผู้ชุมนุมได้สลับกันขึ้นกล่าวปราศรัยแสดงความคิดเห็น พร้อมแจกปากกาและกระดาษให้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมได้เขียนข้อความ พร้อมทั้งนำพวงหรีดเขียนข้อความ “ไว้อาลัยให้ กกต.”  

 

พร้อมทั้งเรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เคารพเสียงของประชาชน โดยให้ออกเสียงโหวตพิธาให้เป็นนายกรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (13 กรกฎาคม)

 

เครือข่ายภาคประชาชน เครือข่ายภาคประชาชน เครือข่ายภาคประชาชน เครือข่ายภาคประชาชน เครือข่ายภาคประชาชน เครือข่ายภาคประชาชน

The post “ไว้อาลัยให้ กกต.” เครือข่ายภาคประชาชน นักศึกษา ชุมนุมหน้า มช. คัดค้านมติ กกต. เรียกร้อง ส.ส.-ส.ว. เคารพเสียงประชาชน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภาคประชาชน หลายพรรคการเมือง เดินขบวน Bangkok Pride 2023 ฉลองความภาคภูมิใจความหลากหลายทางเพศ https://thestandard.co/bangkok-pride-parade-2023/ Mon, 05 Jun 2023 02:50:28 +0000 https://thestandard.co/?p=799303 Bangkok Pride 2023

วันนี้ (4 มิถุนายน) บรรยากาศงาน ‘Bangkok Pride Parade 2 […]

The post ภาคประชาชน หลายพรรคการเมือง เดินขบวน Bangkok Pride 2023 ฉลองความภาคภูมิใจความหลากหลายทางเพศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bangkok Pride 2023

วันนี้ (4 มิถุนายน) บรรยากาศงาน ‘Bangkok Pride Parade 2023’ กิจกรรมเพื่อแสดงออกและร่วมเฉลิมฉลองถึงความภาคภูมิใจในสิทธิเสรีภาพของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยมีพรรคการเมืองหลากหลายพรรคเข้าร่วม 

 

พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค ผู้สมัคร ส.ส. และอดีต ส.ส. เข้าร่วม ท่ามกลางประชาชนที่มารอรับอย่างล้นหลาม 

 

พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล, ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ, พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า และว่าที่ ส.ส. ของพรรคเข้าร่วม

 

พิธากล่าวตอนหนึ่งว่า การที่พวกเรามารวมตัวกันที่นี่คือการส่งสัญญาณว่าประเทศของเราขับเคลื่อนด้วยความรัก ไม่ใช่ความกลัว เรากำลังส่งสัญญาณไปทั่วโลกว่าความหลากหลายคือจุดแข็งไม่ใช่จุดอ่อน เรากำลังส่งสัญญาณไปว่าความรักคือความรัก และความรักต้องชนะ

 

“เมื่อผมและคุณอุ๊งอิ๊ง พรรคเพื่อไทย และอีก 6 พรรคการเมืองที่เหลือจัดตั้งรัฐบาลได้เมื่อไร สมรสเท่าเทียมผ่านแน่นอน รวมถึงการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศ สวัสดิการถ้วนหน้าสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเพศอะไร เชื้อชาติอะไร หรือศาสนาอะไร ประเทศของเรายินดีต้อนรับทุกคนอย่างปลอดภัย อย่างมีอิสระ พวกคุณทุกคนเป็นตัวของตัวเองได้แน่นอน

 

“พอกันทีกับการที่คนที่รักในอาชีพของตัวเอง แต่ไม่สามารถทำงานได้ คนที่รักความเป็นครูแต่ไม่สามารถเป็นครูได้เพียงเพราะเพศสภาพกับเพศกำเนิดไม่ตรงกัน พอกันทีกับสังคมที่คนต้องการสร้างอนาคตร่วมกัน สร้างชีวิตร่วมกัน แต่พวกเขาทำไม่ได้เพียงแค่เพราะความรักของเขาโดนบอกว่าไม่เหมือนกับคนทั่วไป พอกันทีกับบทสนทนาอันน่ากระอักกระอ่วนใจกับผู้ปกครอง กับพ่อแม่ของตัวเองบนโต๊ะอาหาร เพียงเพราะเสียงข้างในของเขาไม่ตรงกับเสียงที่ออกมาจากปากของเขา

 

“แล้ววันนั้น วันที่เราจะส่งสัญญาณไปทั่วโลกว่า Pride Month ไม่ใช่เป็นแค่เดือน ไม่ใช่เป็นแค่การเดินพาเหรด แต่เป็นคุณค่าที่พวกเราเชื่อร่วมกันทุกเดือน

 

“ตั้งรัฐบาลได้เมื่อไร เราจะเอาเรื่องนี้เข้าวาระการประชุม ครม. และการประชุมสภา ผมไม่แน่ใจว่ามันจะราบรื่นแค่ไหน แต่ผมขอสัญญากับทุกคนในที่นี้ว่ามันจะคุ้มค่าแน่นอน แล้วเมื่อถึงเวลานั้น เรามาเปลี่ยนประเทศไทยไปด้วยกัน เปลี่ยนเอเชียไปด้วยกัน เปลี่ยนโลกนี้ไปด้วยกัน” พิธากล่าว

 

นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากพรรคไทยสร้างไทย น.ต. ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย และ วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมงานด้วย

 

รวมถึง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ร่วมงานเช่นกัน 

 

ชัชชาติกล่าวขอบคุณภาคีเครือข่ายมากกว่า 40 แห่ง คาดว่าปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 50,000 คน อยากให้ Pride Day กลายเป็น Pride Everyday เพราะว่าเราต้องยอมรับเพื่อนเราที่มีความแตกต่าง การจัดงาน Pride ไม่ยาก ในการแก้กฎหมายในรัฐสภา เป็นเรื่องใหญ่ที่จะพิสูจน์ความจริงใจของสังคมไทยในการยอมรับเพื่อนที่มีความแตกต่าง ส่วนการจัดงานภายในปี 2028 เป็นไปได้ แต่ทุกคนต้องช่วยกัน

 

The post ภาคประชาชน หลายพรรคการเมือง เดินขบวน Bangkok Pride 2023 ฉลองความภาคภูมิใจความหลากหลายทางเพศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักวิชาการ-ภาคประชาชน ยื่นศาลปกครองฟ้องนายกฯ กรณีปัญหาหมอกควัน PM2.5 https://thestandard.co/academician-public-network-sue-pm-pm25/ Mon, 10 Apr 2023 08:56:32 +0000 https://thestandard.co/?p=774987 ฟ้องประยุทธ์ PM2.5

วันนี้ (10 เมษายน) นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร […]

The post นักวิชาการ-ภาคประชาชน ยื่นศาลปกครองฟ้องนายกฯ กรณีปัญหาหมอกควัน PM2.5 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฟ้องประยุทธ์ PM2.5

วันนี้ (10 เมษายน) นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วยเครือข่ายภาคประชาชน อาทิ สภาลมหายใจเชียงใหม่ สภาลมหายใจภาคเหนือ และประชาชน ได้รวมตัวยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ ฟ้อง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ, คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทั้งนี้ นอกจากยื่นฟ้อง พล.อ. ประยุทธ์แล้ว ยังมีกิจกรรมการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อีกด้วย

 

รศ.ดร.สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาในฐานะผู้ร่วมยื่นฟ้อง เนื่องจากแผนฝุ่นแห่งชาติที่มีมาตั้งแต่ปี 2562 นั้นไม่ได้ช่วยให้ความรุนแรงลดลงแต่อย่างใด อีกทั้งมาตรา 9 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติฯ  ได้ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหาเต็มที่แต่กลับทำไม่ได้ สิ่งสำคัญพบว่าการบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินการไม่ได้ถูกนำไปปฏิบัติอย่างที่ควร และปัญหาที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงถึงขั้นวิกฤต ที่จำเป็นต้องแก้ไขโดยด่วนและควรมีแนวทางการป้องกันในระยะยาวด้วย

 

ด้าน ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ กล่าวว่า ประชาชนทุกคนทนอยู่กับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีความรุนแรงขึ้นทุกปี อยากเรียกร้องให้ภาครัฐดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทั้งนี้ การแก้ปัญหาฝุ่นพิษไม่ควรเป็นแบบชั่วคราว เพราะเป็นการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง สภาลมหายใจถือเป็นตัวแทนประชาชนที่เป็นอีกส่วนในการส่งเสียงที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อลูกหลานจะได้ไม่ต้องเจอกับปัญหาและมีอากาศที่สะอาดในอนาคต

 

การฟ้องร้องครั้งนี้มี 3 ข้อเรียกร้องสำคัญ ได้แก่

 

  1. ฟ้องนายกฯ ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 9 ของ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติฯ ที่ระบุว่าเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติอย่างร้ายแรงให้มีอำนาจสั่งการให้หน่วยงานทำหน้าที่อย่างเข้มงวด เพราะนายกฯ ไม่ได้ใช้อำนาจนี้จนการแก้ไขปัญหาวิกฤตฝุ่น PM2.5 มีความล่าช้า ไม่ทันต่อความร้ายแรงของเหตุการณ์

 

  1. ฟ้องคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ให้ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ซึ่งรัฐบาลประกาศแผนนี้มาตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากระยะเวลา 4 ปีในการใช้แผนนี้แทบจะไม่เห็นความคืบหน้าและปัญหายังคงความรุนแรงอยู่

 

  1. ฟ้อง ก.ล.ต. ที่กำกับดูแล ตรวจสอบข้อมูล และมีอำนาจให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรที่เป็นต้นเหตุของการเผาในประเทศเพื่อนบ้านและส่งผลกระทบเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งการฟ้องเพื่อให้ ก.ล.ต. ทำหน้าที่ในการออกมาตรการบางอย่างให้บริษัทที่ทำธุรกิจเหล่านี้เปิดเผยข้อมูล เพื่อดูว่าเกี่ยวข้องโดยตรงหรือไม่ และเพื่อหาแนวทางแก้ไขในอนาคต

 

สำหรับการยื่นฟ้องดังกล่าวนำโดยมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม และคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีประชาชนและภาคีเครือข่าย ร่วมลงชื่อตั้งแต่วันที่ 7-9 เมษายน 2566 ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

 

เรื่องและภาพ: พงศ์มนัส ทาศิริ

The post นักวิชาการ-ภาคประชาชน ยื่นศาลปกครองฟ้องนายกฯ กรณีปัญหาหมอกควัน PM2.5 appeared first on THE STANDARD.

]]>
19 องค์กรภาคประชาชน ออกแถลงการณ์ขอ ส.ส. ไม่อนุมัติ พ.ร.ก. เลื่อนบังคับใช้กฎหมายป้องกันอุ้มหายบางมาตรา ชี้รัฐไม่จริงใจ-ขัด รธน. https://thestandard.co/19-public-sector-organizations/ Sun, 26 Feb 2023 08:05:50 +0000 https://thestandard.co/?p=755529 ภาคประชาชน

วันนี้ (26 กุมภาพันธ์) 19 องค์กรภาคประชาชนได้ร่วมกันแถล […]

The post 19 องค์กรภาคประชาชน ออกแถลงการณ์ขอ ส.ส. ไม่อนุมัติ พ.ร.ก. เลื่อนบังคับใช้กฎหมายป้องกันอุ้มหายบางมาตรา ชี้รัฐไม่จริงใจ-ขัด รธน. appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภาคประชาชน

วันนี้ (26 กุมภาพันธ์) 19 องค์กรภาคประชาชนได้ร่วมกันแถลงการณ์เรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ไม่อนุมัติพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 โดยมีรายละเอียดระบุว่า

 

ตามที่เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบให้ ตรา พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ก่อนกฎหมายฉบับนี้จะมีผลวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เพียง 4 วัน

 

สาระสำคัญของ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ให้เลื่อนการบังคับใช้มาตรา 22, 23, 24 และ 25 ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าว กำหนดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องบันทึกภาพและเสียงตลอดเวลาที่เข้าตรวจค้น จับกุม ควบคุมตัวและขัง พร้อมกับแจ้งให้ฝ่ายปกครอง (อำเภอ) และอัยการทราบ ทำบันทึกการจับกุม สภาพร่างกายและจิตใจของผู้ถูกจับและควบคุมตัวโดยละเอียดเพื่อให้ญาติและทนายความสามารถตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันการซ้อมทรมาน การอุ้มหาย อุ้มฆ่า และการกระทำทุจริตประพฤติมิชอบโดยเจ้าหน้าที่

 

ครม. มีมติให้ชะลอการบังคับใช้ออกไปจนถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้เหตุผลว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการปฏิบัติการตามกฎหมายแจ้งว่า ยังมีปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับความพร้อมด้านงบประมาณการจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์และขั้นตอนการปฏิบัติงานในการบังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนซับซ้อนและมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของประชาชนโดยตรงหากมีการบังคับใช้กฎหมายขณะที่หน่วยงานยังไม่มีความพร้อมอาจเกิดผลร้ายต่อสังคมเป็นอย่างยิ่งนั้น

 

สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และองค์กรสิทธิมนุษยชน ดังรายนามท้ายแถลงการณ์นี้ เห็นว่าการตรา พ.ร.ก. ดังกล่าวของ ครม. น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2560 เนื่องจากเหตุในการออกพระราชกำหนดตามมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญนั้นต้องเป็นกรณีฉุกเฉิน มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ร่าง พ.ร.ก. ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว มิได้เป็นกรณีฉุกเฉิน มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะ ผบ.ตร. เคยออกคำสั่งที่ 178/2564 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กล้องติดตัว บันทึกภาพและเสียง ขณะทำการตรวจค้นจับกุมและการสอบสวน มาตั้งแต่ปี 2564 แล้ว ทั้งการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไป ก็มิใช่เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 172 แห่งรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด จึงมิใช่เป็นเหตุผลเพียงพอที่ ครม. จะตรา พ.ร.ก. เพื่อเลื่อนการบังคับใช้ออกไป 

 

พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เป็นกฎหมายที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันประชาชนจากอาชญากรรมที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ได้แก่ การกระทำทรมาน การปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมและย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการบังคับให้บุคคลสูญหาย การที่ ครม. เห็นชอบให้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไป แม้เป็นเพียงบางมาตรา แต่เป็นมาตราที่กำหนดมาตรการที่สำคัญในการปกป้องคุ้มครองประชาชนจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ โดยการตรา พ.ร.ก. ที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในครั้งนี้นั้น แสดงให้เห็นถึงความ ‘ไม่เต็มใจ’ (Unwilling) ของรัฐบาลในการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศในเวทีนานาชาติอย่างยิ่ง

 

สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และองค์กรสิทธิมนุษยชน ดังรายนามท้ายแถลงการณ์นี้ จึงขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคและ ส.ส. พิจารณาไม่อนุมัติ พ.ร.ก. ตามที่ ครม. เสนอ ด้วยความเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีของมนุษย์ สิทธิมนุษยชน และระบอบประชาธิปไตย

 

สำหรับรายชื่อองค์กรที่ร่วมออกแถลงการณ์มีดังต่อไปนี้

 

  1. สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)

 

  1. มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CRCF) ​

 

  1. สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.)

 

  1. มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.)

 

  1. กลุ่มนอนไบนารีแห่งประเทศไทย

 

  1. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR)

 

  1. กลุ่มด้วยใจ

 

  1. คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)

 

  1. เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ JASAD

 

  1. เครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี HAP

 

  1. ศูนย์ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนภาคอีสาน (ศสอ.) 

 

  1. มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ

 

  1. มูลนิธิสายเด็ก 1387

 

  1. มูลนิธิสถาบันเพื่อการวิจัยและนวัตกรรมด้านเอชไอวี

 

  1. มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ (FAR)

 

  1. คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35

 

  1. มูลนิธิส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (pro-rights)

 

  1. มูลนิธิรักษ์เด็ก

 

  1. มูลนิธิเพื่อยุติการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก

The post 19 องค์กรภาคประชาชน ออกแถลงการณ์ขอ ส.ส. ไม่อนุมัติ พ.ร.ก. เลื่อนบังคับใช้กฎหมายป้องกันอุ้มหายบางมาตรา ชี้รัฐไม่จริงใจ-ขัด รธน. appeared first on THE STANDARD.

]]>
ก้าวหน้า-ก้าวไกล ร่วมกับภาคประชาชน ‘ยืนหยุดขัง’ พิธาย้ำข้อเสนอแก้ ม.112 ธนาธรขอสภานำปัญหาพูดคุย เป็นทางออกสังคม https://thestandard.co/move-forward-party-progressive-movement-people-party-m-112/ Mon, 23 Jan 2023 13:42:46 +0000 https://thestandard.co/?p=740985 ก้าวหน้า-ก้าวไกล

วันนี้ (23 มกราคม) ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แ […]

The post ก้าวหน้า-ก้าวไกล ร่วมกับภาคประชาชน ‘ยืนหยุดขัง’ พิธาย้ำข้อเสนอแก้ ม.112 ธนาธรขอสภานำปัญหาพูดคุย เป็นทางออกสังคม appeared first on THE STANDARD.

]]>
ก้าวหน้า-ก้าวไกล

วันนี้ (23 มกราคม) ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แกนนำพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า ประกอบด้วย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า, พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรม ‘ยืนหยุดขัง’ กับภาคประชาชนหลายเครือข่ายที่มาร่วมกันรณรงค์เรียกร้องการปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมด หลังจาก ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม-อรวรรณ ภู่พงษ์ นักกิจกรรมทางการเมืองและผู้ต้องหาในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ประกาศถอนประกันตนเอง อดอาหารและน้ำประท้วงกระบวนการยุติธรรม จากกรณีที่ปัจจุบันมีนักโทษการเมืองหลายคนถูกปฏิเสธสิทธิการประกันตัวอย่างไม่เป็นธรรม

 

พิธาระบุว่า วันนี้ตนมาร่วมกิจกรรมยืนหยุดขังด้วยความห่วงใย ต่อทั้งตะวัน-แบม และนักโทษทางการเมืองทุกคน ทั้งในฐานะนายประกันของตะวัน และในฐานะประชาชนคนหนึ่ง และเพื่อมาแสดงความเคารพด้วยจิตคารวะต่อนักเคลื่อนไหวที่ถูกจองจำทุกคน และเพื่อยืนหยัดกับทุกคนว่าพวกเขาไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง สิ่งที่เกิดขึ้นกับทั้งตะวัน-แบม และนักโทษการเมืองทุกคนวันนี้ คือข้อเท็จจริงที่ทำให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยมีปัญหาบิดเบี้ยวมาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีปัญหาทั้งเรื่องการบังคับใช้ อัตราโทษที่ไม่ได้สัดส่วน และการถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยมีความจำเป็นต้องทำให้กระบวนการที่บิดเบี้ยวมาตั้งแต่ทางนี้ดีขึ้น

 

“ทางออกที่ดีที่สุด ควรต้องใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นพื้นที่ให้ทุกฝ่ายมาหาทางออกร่วมกัน ต่อประเด็นปัญหาที่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นคุณระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และแม้ว่าพรรคก้าวไกลจะได้นำเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พร้อมกับกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพอื่นๆ ไปตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา แต่สภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันก็ปฏิเสธไม่ตอบรับ แต่อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ให้เกิดการแก้ไขกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยวเช่นนี้ให้ได้” พิธากล่าว

 

พิธากล่าวด้วยว่า สิ่งที่เป็นเรื่องเร่งด่วนในขณะนี้ คือการเรียกร้องต้องให้สิทธิการประกันตัวแก่นักโทษการเมืองทุกคน ยุติการใช้กฎหมายปิดปากผู้เห็นต่างในทันที และในอนาคตอันใกล้นี้จะต้องมีการพิจารณาข้อเสนอนิรโทษกรรมคดีการเมืองทั้งหมด โดยการเดินตามขั้นตอนเหล่านี้เท่านั้น จึงจะนำไปสู่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสังคมไทย ส่วนปัญหาเรื่องมาตรา 112 นั้น พรรคก้าวไกลยืนยันที่จะผลักดันให้เกิดการแก้ไข ในฐานะข้อเสนอขั้นต่ำที่เราเห็นว่ายังสามารถเป็นหนทางให้ผู้เห็นต่างในสังคมไทยมาพูดคุยกันได้ และแม้ข้อเสนอดังกล่าวดูเหมือนจะไม่ทันได้ถูกนำมาพิจารณาในสภาชุดปัจจุบัน แต่พรรคก้าวไกลยืนยันที่จะเสนอและผลักดันร่างดังกล่าวต่อในสภาชุดต่อไปที่จะมีขึ้นหลังการเลือกตั้ง

 

พิธายังระบุด้วยว่า หากสภาผู้แทนราษฎรไม่ตอบรับข้อเสนอเรื่องการแก้ไขนี้ในอนาคต ตลอดจนการพูดคุยเพื่อหาทางออกกันอย่างมีวุฒิภาวะ ก็เป็นที่น่ากังวลเหลือเกินว่าทางเลือกของสังคมไทยจะถูกบีบให้เหลือน้อยลง

 

“สภาควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกฝ่ายมาพูดคุยกันได้อย่างมีวุฒิภาวะ โดยไม่มีใครต้องเสียสละเลือดเนื้อเพื่อเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐาน ใช้โอกาสนี้พูดถึงการปฏิรูประบบยุติธรรมทั้งหมด เพราะถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้สังคมไทยก็อาจจะไปถึงทางตัน ถ้าสภาไม่ทำหน้าที่ ผมก็กังวลเหลือเกินว่าจะเหลือทางเลือกอื่นให้กับสังคมไทยอีกหรือไม่” พิธากล่าว

 

ด้านธนาธรระบุว่า การเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ ก็เพื่อแสดงจุดยืนว่าการเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมและเป็นอิสระ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยทุกคน ไม่ควรมีใครต้องมาเสียเลือดเนื้อและร่างกายตัวเองเพื่อให้ตัวเองและผู้อื่นได้รับสิทธิขั้นพื้นฐาน วันนี้เรามีนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและผู้เรียกร้องความเป็นธรรมหลายคนถูกกักขังมานานเกินไปแล้ว บางคนถูกขังมาแล้วกว่า 300 วันโดยไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว ดังนั้น การมาเรียกร้องวันนี้ จึงไม่ใช่การเรียกร้องเพื่อใครหรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เพื่ออนาคตของประเทศไทย และลูกหลานของเราที่จะได้มีชีวิตอยู่ในสังคมที่ทุกคนเสมอภาคต่อหน้ากฎหมายอย่างแท้จริง

 

ธนาธรกล่าวต่อไปว่า ขอเรียกร้องไปถึงกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ และศาล ควรต้องตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของคนไทยทุกคน สิ่งที่เกิดขึ้นนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าคนบางกลุ่มกำลังไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน และเพราะเป็นเช่นนี้เอง ผู้คนในสังคมจำนวนมากจึงแสดงออกถึงความไม่เลื่อมใสในกระบวนการยุติธรรมอย่างชัดเจนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

“สภาคือทางออกที่ดีที่สุด ไปถกเถียงกันอย่างมีอารยะเถอะ แม้จะมีหลายคนกระอักกระอ่วนใจที่จะพูดคุยเรื่องนี้ แต่นั่นเป็นหน้าที่ของสภาในการหาทางออกร่วมกัน สภาต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างจริงจัง พูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ นี่คือหนทางเดียวที่จะทำให้ไม่เกิดความรุนแรงและวุ่นวาย ผมเชื่อว่าการแสวงหาทางออกและรับฟังเสียงทุกเสียงร่วมกัน เปิดใจรับฟังกัน ย่อมนำไปสู่ทางออกได้” ธนาธรกล่าว

 

ก้าวหน้า-ก้าวไกล ก้าวหน้า-ก้าวไกล ก้าวหน้า-ก้าวไกล ก้าวหน้า-ก้าวไกล ก้าวหน้า-ก้าวไกล ก้าวหน้า-ก้าวไกล ก้าวหน้า-ก้าวไกล ก้าวหน้า-ก้าวไกล ก้าวหน้า-ก้าวไกล ก้าวหน้า-ก้าวไกล

The post ก้าวหน้า-ก้าวไกล ร่วมกับภาคประชาชน ‘ยืนหยุดขัง’ พิธาย้ำข้อเสนอแก้ ม.112 ธนาธรขอสภานำปัญหาพูดคุย เป็นทางออกสังคม appeared first on THE STANDARD.

]]>
8 องค์กร ออกจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา ข้อกังวลความเป็นอิสระของผู้พิพากษา กรณีประกันตัว ‘เก็ท-ใบปอ-ตะวัน-แบม’ https://thestandard.co/8-public-sector-organization/ Sun, 22 Jan 2023 09:17:28 +0000 https://thestandard.co/?p=740471 องค์กรภาคประชาชน

วันนี้ (22 มกราคม) 8 องค์กรภาคประชาชน ได้แก่ มูลนิธิผสา […]

The post 8 องค์กร ออกจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา ข้อกังวลความเป็นอิสระของผู้พิพากษา กรณีประกันตัว ‘เก็ท-ใบปอ-ตะวัน-แบม’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
องค์กรภาคประชาชน

วันนี้ (22 มกราคม) 8 องค์กรภาคประชาชน ได้แก่ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม, สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.), สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน, มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา, คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.), ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมนิยมประชาธิปไตย (YPD), สถาบันสังคมประชาธิปไตย และคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมกันออกจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา ถึงข้อห่วงกังวลเรื่องความเป็นอิสระของผู้พิพากษากรณีการประกันตัว ถอนประกันและอนุญาตให้ถอนประกันผู้ต้องหานักกิจกรรมทางการเมือง เก็ท ใบปอ ตะวัน และแบม โดยมีรายละเอียดระบุว่า

 

จากกรณีที่ผู้ต้องหาทางการเมือง ซึ่งขณะนี้มีถูกขังก่อนและในระหว่างพิจารณาคดีในชั้นศาล จำนวนกว่า 15 คน โดยศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือประกันตัว บางคนถูกกักขังมาแล้ว 300 กว่าวัน บางกรณีได้รับการอนุญาตให้ประกันตัว แต่ต้องยอมรับเงื่อนไขติดอุปกรณ์ติดตาม หรือ Electronic Monitoring (EM) และบางคนถูกกำหนดเงื่อนไขห้ามออกจากบ้าน 24 ชั่วโมง และมีข้อกำหนดอื่นๆ ในการจำกัดสิทธิเสรีภาพอีกมากมาย

 

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด มาตรา 29 วรรคสอง บัญญัติว่า ‘ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้’ วรรคสาม บัญญัติว่า ‘การควบคุมหรือคุมขังผู้ต้องหาหรือจำเลย ให้กระทำได้เพียงเท่าที่จำเป็น เพื่อป้องกันมิให้มีการหลบหนี’ และวรรคท้าย บัญญัติว่า ‘คำขอประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาต้องได้รับการพิจารณาและจะเรียกหลักประกันจนเกินควรแก่กรณีมิได้…’

 

การกำหนดหลักประกันและเงื่อนไขต่างๆ เพื่อผู้ต้องหาทางการเมืองเหล่านี้ปฏิบัติเพื่อให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวนั้น มีลักษณะที่ขัดกับหลักการที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง พวกเขาไม่ได้มีพฤติกรรมที่จะหลบหนี ตรงกันข้าม พวกเขาแสดงออกอย่างเอาจริงเอาจังว่าพร้อมต่อสู้คดีอย่างเต็มที่เพื่อให้รัฐบาลเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสรีภาพในความคิด ความเชื่อ และการแสดงออกในทางการเมือง ซึ่งเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตย และพวกเขาต่อสู้เพื่อให้กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะศาล เป็นสถาบันที่สามารถอำนวยความยุติธรรมและปกป้องสิทธิเสรีภาพดังกล่าวของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรมและอย่างแท้จริง

 

แต่คำสั่งศาลในการควบคุมตัวผู้ต้องหรือจำเลยทางการเมืองดังกล่าว ก่อนการพิจารณาคดีหรือก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด เป็นการออกคำสั่งเสมือนหนึ่งว่าพวกเขาเป็นผู้ที่ถูกตัดสินว่าเป็นผู้กระทำความผิดแล้ว ไม่เป็นคำสั่งที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานว่าพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ อีกทั้งยังมีเงื่อนไขประกอบกันที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของพวกเขาอย่างร้ายแรง และขัดกับหลักความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนด้วย นั่นคือ ห้ามพวกเขากระทำการหรือมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกับที่พนักงานอัยการกล่าวหา ซึ่งพนักงานอัยการในฐานะโจทก์ จะต้องพิสูจน์ต่อศาลจนปราศจากข้อสงสัยอันสมควรว่าเป็นผู้กระทำผิดจริงตามที่กล่าวหา

 

ในหลักของความยุติธรรมทางอาญา ผู้ต้องหาหรือจำเลยเหล่านั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ และพวกเขากำลังโต้แย้งข้อกล่าวหาของพนักงานอัยการอยู่ เพื่อให้ศาลพิจารณาตัดสินคดีของพวกเขาอย่างเที่ยงธรรม ปราศจากความลำเอียงและอคติ ด้วยความเป็นมืออาชีพ และบนพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งรับรองไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อบทที่ 14 การพิจารณาคดีที่เป็นธรรม (Fair Trial) และรัฐธรรมนูญ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังจำต้องยอมรับเงื่อนไขติดอุปกรณ์ติดตาม หรือ Electronic Monitoring (EM) และบางคนถูกกำหนดเงื่อนไขห้ามออกจากบ้าน 24 ชั่วโมง และอื่นๆ เสมือนเป็นการขังตัวไว้ที่บ้าน (House Arrest) อีกด้วย การต่อสู้คัดค้านคำสั่งของผู้พิพากษาบางคน ที่พวกเขาเห็นว่าไม่ชอบธรรมตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม และการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นมักไม่ได้ผล

 

เมื่อการเรียกร้องสิทธิตามขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่หมดสิ้นหนทาง การจะให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมืองเหล่านั้นยอมจำนนกับคำสั่งที่ตนเห็นว่าไม่เป็นธรรมนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขารับไม่ได้ จึงแสดงออกถึงการไม่ยอมรับตามวิถีทางประชาธิปไตย กล่าวคือ เมื่อ 16 มกราคม 2566 ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม นักกิจกรรมหญิงทั้ง 2 ราย ยื่นคำร้องขอถอนประกันตัวชั่วคราวของตนเอง เพื่อประท้วงเรียกร้องต่อศาลให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทางการเมือง รวมถึงดังที่ปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์อยู่แล้วนั้น ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่

  1. การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
  2. ยุติการดำเนินคดีกับประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมือง
  3. เรียกร้องทุกพรรคการเมืองต้องเสนอนโยบายยกเลิกมาตรา 112 และข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116

 

ขณะนี้นักกิจกรรมทั้งสองได้อดอาหารประท้วงตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2566 จนมีสภาพร่างกายอิดโรยและถูกส่งตัวเข้ารับการดูแลที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก่อนหน้านี้วันที่ 14 มกราคม 2566 โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือ เก็ท และ ณัฐนิช ด้วงมุสิทธิ์ หรือ ใบปอ ได้ถูกคำสั่งของผู้พิพากษาท่านหนึ่งสั่งไต่สวนถอนประกัน ด้วยเหตุที่อ้างว่านักกิจกรรมสองรายนี้ปฏิบัติตนขัดเงื่อนไขการประกัน คือออกไปร่วมกิจกรรมการชุมนุมในช่วงประชุม APEC ที่ประเทศไทยจัดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565

 

การไต่สวนดังกล่าวส่งผลให้ผู้พิพากษาท่านนั้นสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวอีกต่อไป กลายเป็นคำสั่งขังนักกิจกรรมทั้งสองคนอย่างไม่เป็นธรรมในสายตาของหลายฝ่าย เมื่อการใช้อำนาจของผู้พิพากษาบางคนที่ไม่เป็นธรรม การที่กระบวนการยุติธรรมและกฎหมายไทยมีข้อจำกัดหรือบิดเบือนไปทำให้ไม่สามารถตรวจสอบถ่วงดุลได้ ทั้งที่มีการใช้ดุลพินิจขัดต่อรัฐธรรมนูญและขัดกับกฎหมาย

 

กลุ่มองค์กรที่มีรายชื่อข้างท้ายนี้ จึงขอให้ท่านในฐานะประธานของฝ่ายตุลาการ ดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราว การกำหนดหลักประกันและเงื่อนไข การถอนการประกันตัว อย่างเร่งด่วน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนและประชาคมนานาชาติต่อฝ่ายตุลาการซึ่งเป็นเสาหลักของกระบวนการยุติธรรมไทยกลับมา

 

ฝ่ายตุลาการต้องสามารถมีบทบาทในการตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน อำนวยความยุติธรรม ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและนำมาซึ่งสันติสุขและการพัฒนาที่ยั่งยืนของสังคมได้อย่างแท้จริง ตามหลักการของสังคมประชาธิปไตยต่อไป

 

จึงเรียนมาเพื่อโปรดตรวจสอบและแก้ไขคำสั่งเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาและจำเลยในคดีการเมืองดังกล่าวอย่างเร่งด่วน

 

ภาพ: ทวิตเตอร์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

The post 8 องค์กร ออกจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา ข้อกังวลความเป็นอิสระของผู้พิพากษา กรณีประกันตัว ‘เก็ท-ใบปอ-ตะวัน-แบม’ appeared first on THE STANDARD.

]]>