เกาะติดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 24 Nov 2025 12:59:21 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 สรุปสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ ‘สงขลา’ กับปรากฏการณ์ฝน 300 ปี ทำหาดใหญ่วิกฤตหนักในรอบหลายสิบปี https://thestandard.co/songkhla-300-year-rain-hatyai-flood-crisis/ Mon, 24 Nov 2025 12:58:52 +0000 https://thestandard.co/?p=1146965 สรุปสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ ‘สงขลา’ กับปรากฏการณ์ฝน 300 ปี ทำ หาดใหญ่วิกฤตหนักในรอบหลายสิบปี

ทำไมน้ำท่วมสงขลาครั้งนี้ถึงรุนแรงมาก สถิติฝนถล่ม รอบ 30 […]

The post สรุปสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ ‘สงขลา’ กับปรากฏการณ์ฝน 300 ปี ทำหาดใหญ่วิกฤตหนักในรอบหลายสิบปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุปสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ ‘สงขลา’ กับปรากฏการณ์ฝน 300 ปี ทำ หาดใหญ่วิกฤตหนักในรอบหลายสิบปี

ทำไมน้ำท่วมสงขลาครั้งนี้ถึงรุนแรงมาก สถิติฝนถล่ม รอบ 300 ปี ทุบสถิติมหาอุทกภัยในอดีต

 

วิกฤตครั้งนี้เกิดจากปริมาณฝนที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วงและผิดปกติ สำหรับจังหวัดสงขลา มีฝนตกหนักครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ ที่วัดปริมาณฝนสูงสุดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ได้ 335 มม.ซึ่งเป็นปริมาณฝนตกหนักในรอบ 300 ปี (ตามหลักสถิติอุทกวิทยา หมายถึงปริมาณฝนที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก)

 

ฝนลักษณะนี้ไม่ใช่เพียง ‘ฝนหนักช่วงมรสุม’ ทั่วไป แต่เป็นเหตุการณ์ฝนสุดขั้ว (extreme rainfall) ที่เชื่อมโยงกับแนวโน้มสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญเหตุการณ์คล้ายกันหลายประเทศ

 

สำหรับปริมาณฝนสะสม 3 วันย้อนหลัง (19-21 พฤศจิกายน) วัดได้สูงสุดถึง 630 มม. ซึ่งสูงกว่าปริมาณฝนสะสมที่เคยเกิดขึ้นในเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2543 และ 2553 ทำให้ระบบระบายน้ำและพื้นที่รับน้ำไม่สามารถรองรับได้ทัน

 

หาดใหญ่ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ รับน้ำจากภูเขาและพื้นที่สูงรอบด้าน โดยเฉพาะมวลน้ำจาก อำเภอสะเดา ที่ไหลผ่าน คลองอู่ตะเภา เข้าสู่ตัวเมือง เมื่อฝนตกหนักต่อเนื่อง น้ำในคลองหลักและคลองสาขาหลายสายจึงล้นตลิ่งอย่างรวดเร็ว

 

ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำและนักวิเคราะห์ในสื่อไทยอธิบายว่า เมืองหาดใหญ่มีลักษณะ ‘แอ่งกะทะ’ ถ้าน้ำทะลักเข้ามาในปริมาณมากพร้อมกัน จะกลายเป็นแอ่งรับน้ำโดยปริยาย หากการระบายน้ำออกสู่ทะเลสาบสงขลาและอ่าวไทยไม่ทัน ก็จะเกิดภาวะท่วมขังนานกว่าปกติ

 

สถานการณ์เกิดจากปัจจัยซ้อนเร่งทั้งทางภูมิอากาศและภูมิศาสตร์

 

1. ปัจจัยทางภูมิอากาศ: อิทธิพลจากสภาวะลานีญา ที่เพิ่มความชื้นในอากาศ ผนวกกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลอันดามัน/มาเลเซีย และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย นอกจากนี้ มวลอากาศเย็นจากจีนยังแผ่ลงมากดร่องมรสุมให้ต่ำลง ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักแบบ Extreme Weather

 

2. ปัจจัยทางภูมิศาสตร์: พื้นที่หาดใหญ่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ หรือพื้นที่ลุ่มต่ำ รับน้ำจากภูเขาที่ล้อมรอบถึง 3 ด้าน (เขาคอหงส์ทิศตะวันออก, เทือกเขาบรรทัดทิศตะวันตก, เทือกเขาสันกาลาคีรีทิศใต้) น้ำทั้งหมดไหลมารวมกันที่ คลองอู่ตะเภา ซึ่งระบายออกสู่ทะเลสาบสงขลาได้ยากโดยเฉพาะช่วงน้ำทะเลหนุน ประกอบกับการขยายตัวของเมืองทำให้ความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น

 

ผลกระทบวงกว้าง 16 อำเภอประกาศภัยพิบัติ ประชาชนเดือดร้อนกว่า 6 แสนราย

 

จังหวัดสงขลาได้ประกาศให้ทั้ง 16 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน)

 

  • พื้นที่เสียหาย: ครอบคลุม 16 อำเภอ 100 ตำบล 637 หมู่บ้าน โดยพื้นที่วิกฤตระดับ หนักมาก ได้แก่ หาดใหญ่ รัตภูมิ และนาหม่อม
  • ผู้ประสบภัย: รวม 243,568 ครัวเรือน หรือ 635,423 คน (เฉพาะหาดใหญ่กว่า 243,000 คน)
  • ความสูญเสีย: มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย

 

ขณะที่ GISTDA รายงานสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม Sentinel-1A เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย พบพื้นที่น้ำท่วมขังรวมประมาณ 334,895 ไร่ ครอบคลุมบางส่วนของ 7 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ปัตตานี พัทลุง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ยะลา และสตูล

 

ประปาล่ม-รถไฟหยุด-นักท่องเที่ยวติดค้าง

 

มวลน้ำจากคลองอู่ตะเภาที่ล้นตลิ่ง สมทบกับน้ำจาก อำเภอสะเดา และ อำเภอคลองหอยโข่ง ได้สร้างความเสียหายรุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐาน

 

  • ประปาหยุดจ่ายน้ำ: โรงกรองน้ำการประปาส่วนภูมิภาคสาขาหาดใหญ่ ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 3 เมตร (สูงกว่าปี 53) ไม่สามารถเดินเครื่องผลิตและจ่ายน้ำได้

 

  • คมนาคมตัดขาด: การรถไฟฯ ประกาศปิดย่านสถานีชุมทางหาดใหญ่ตั้งแต่ 07.00 น. ของวันที่ 22 พฤศจิกายน พร้อมตัดกระแสไฟฟ้า เส้นทางสายสุไหงโก-ลก และช่วงนาม่วง – วัดควนมีด – จะนะ – คลองแงะ ถูกปิดการเดินรถทั้งหมด

 

  • นักท่องเที่ยวตกค้าง: มีนักท่องเที่ยวประมาณ 800 – 1,000 คน ติดค้างในโรงแรมเนื่องจากรถเล็กเข้าไม่ได้ ภาครัฐต้องใช้รถบรรทุก 10 ล้อลำเลียงอาหารและน้ำดื่มเข้าไปช่วยเหลือ

 

ซึ่งน้ำท่วมครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่หาดใหญ่และสงขลากำลังรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะจากประเทศมาเลเซีย มีรายงานว่านักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียประมาณ 4,000 คน ติดค้างในหาดใหญ่และพื้นที่ต่างๆ ของสงขลา เพราะน้ำท่วมตัดเส้นทางและยกเลิกการเดินทางบางส่วน

 

สั่งอพยพด่วน-เยียวยาทันที หลังน้ำขึ้นรอบสอง

 

ในวันนี้ (24 พฤศจิกายน) มวลน้ำจากอำเภอสะเดา ไหลลงคลองอู่ตะเภาเข้าสู่ตัวเมืองหาดใหญ่อีกระลอก ทำให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอีกรอบในหลายชุมชน แม้บางพื้นที่จะเริ่มเห็นแนวโน้มลดลงก่อนหน้านั้นแล้วก็ตาม

 

มีรายงานว่าหลายชุมชนยัง ขาดน้ำดื่มและอาหาร เนื่องจากระดับน้ำยังสูง รถช่วยเหลือเข้าไม่ถึง ต้องใช้เรือหรือรถยกสูงเท่านั้น

 

จุดสำคัญอย่างโรงพยาบาลหาดใหญ่ถูกน้ำท่วมรอบนอก แต่ยังสามารถเปิดให้บริการผู้ป่วยใน ผู้ป่วยวิกฤต และเคสฉุกเฉินได้ตามปกติ โดยมีการสำรองทรัพยากร เช่น อาหาร น้ำมัน ออกซิเจน ได้อย่างน้อยราว 3 วัน พร้อมวางแผนลำเลียงเสบียงจากอำเภอใกล้เคียงในกรณีฉุกเฉิน

 

รัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ ในวันเดียวกัน โดยมีมาตรการเร่งด่วนดังนี้

 

1. ขีดเส้นตายอพยพ: สั่งอพยพประชาชนกลุ่มเปราะบางให้เสร็จสิ้นก่อน 16.00 น. ของวันที่ 24 พฤศจิกายน ไปยังศูนย์พักพิงหลัก ณ หอประชุมนานาชาติ ม.อ. (รองรับ 5,000 คน) และ มรภ.สงขลา (รองรับ 2,000 คน)

 

2. ระดมสรรพกำลัง: จัดตั้งศูนย์ส่วนหน้า อ.หาดใหญ่ โดยใช้กองทัพภาคที่ 4 เป็นแกนหลัก ระดมรถยกสูงทหาร/รถ ปภ./เรือท้องแบนกว่า 100 คัน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 80 เครื่องใน 68 จุด และแจกจ่ายข้าวกล่องวันละ 20,000 กล่อง

 

3. เยียวยาพิเศษ: นายกรัฐมนตรีสั่งการให้จ่ายเงินเยียวยาครัวเรือนละ 9,000 บาท ทันทีโดยไม่ต้องรอผลสำรวจความเสียหาย

 

จับตา 24 ชม. ข้างหน้า ฝนยังไม่หยุด

 

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกเตือนว่า สงขลายังมีฝนตกหนักต่อเนื่องร้อยละ 70 ของพื้นที่ ไปจนถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน และกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าฝนอาจตกต่อเนื่องถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน แม้ร่องมรสุมจะเริ่มเคลื่อนตัวออก แต่ระดับน้ำในลำคลองยังสูง เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม ส่วนชาวเรือควรงดออกจากฝั่งเนื่องจากคลื่นลมแรง 2-3 เมตร จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

 

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักในพื้นที่ต้นน้ำ ทำให้ที่บริเวณสถานี X.173A อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น คาดว่าในวันนี้จะเพิ่มสูงกว่าระดับตลิ่งประมาณ 1.90 เมตร หรือสูงกว่าระดับน้ำปัจจุบัน (เวลา 9.00 น. ของวันนี้) อีก 0.55 เมตร รวมถึงจะส่งผลต่อเนื่องถึงพื้นที่ตอนกลางและปลายน้ำ

 

โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (25 พฤศจิกายน 2568) ช่วงเวลาประมาณ 00.00 – 01.00 น. ที่สถานี X.90 อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงกว่าระดับตลิ่งราว 2.26 – 2.46 เมตร หรือสูงกว่าระดับน้ำปัจจุบัน 0.30 – 0.50 เมตร และในช่วงเวลาประมาณ 06.00 – 07.00 น. ที่สถานี X.44 อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงกว่าระดับตลิ่ง 2.00 – 2.20 เมตร หรือสูงกว่าระดับน้ำปัจจุบัน 1.25 – 1.45 เมตร

 

สำหรับเหตุการณ์ น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ จังหวัดสงขลา ปี 2568 คือ สัญญาณเตือนว่า สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป ทำให้ฝนหนักสุดขั้วเกิดบ่อยขึ้น เมืองที่เติบโตเร็วกว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ กำลังกลายเป็นจุดเปราะบาง

 

การจัดการน้ำไม่ใช่แค่เรื่องของเขื่อนและคลอง แต่เป็นเรื่องของผังเมือง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ระบบสาธารณสุข และชีวิตผู้คนทั้งภูมิภาค

 

สำหรับชาวสงขลาและหาดใหญ่ วันนี้คือวันที่ต้องอยู่กับน้ำและรอให้สถานการณ์คลี่คลาย แต่สำหรับสังคมไทยโดยรวม วิกฤตครั้งนี้ควรถูกจดจำไม่ใช่แค่ในฐานะ น้ำท่วมใหญ่ครั้งหนึ่ง แต่เป็น จุดเริ่มต้นของการทบทวนวิธีจัดการน้ำและเมืองทั้งระบบ

 

THE STANDARD ขอส่งกำลังใจ และจะติตตามรายงานข่าวอย่างต่อเนื่อง

 

อ้างอิง:

  • กรมอุตุนิยมวิทยา
  • Thai PBS
  • รายงานวิจัย การบริหารจัดการอุทกภัยของโครงสร้างพื้นฐานหลักของเมืองหาดใหญ่แบบบูรณาการ
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • สำนักข่าว AP
  • Khaosod Enghlish
  • เพจประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
  • GISTDA

The post สรุปสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ ‘สงขลา’ กับปรากฏการณ์ฝน 300 ปี ทำหาดใหญ่วิกฤตหนักในรอบหลายสิบปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทม์ไลน์น้ำท่วมสงขลา 2568 จากฝนประวัติการณ์ สู่คำสั่งอพยพทั้งเมือง https://thestandard.co/songkhla-flood-2025-timeline-evacuation/ Mon, 24 Nov 2025 12:38:32 +0000 https://thestandard.co/?p=1146956 ไทม์ไลน์น้ำท่วม สงขลา 2568 จากฝนประวัติการณ์ สู่คำสั่งอพยพทั้งเมือง

ฝนตกหนักระดับประวัติการณ์ ทำให้สงขลาเผชิญน้ำท่วมรุนแรงท […]

The post ไทม์ไลน์น้ำท่วมสงขลา 2568 จากฝนประวัติการณ์ สู่คำสั่งอพยพทั้งเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทม์ไลน์น้ำท่วม สงขลา 2568 จากฝนประวัติการณ์ สู่คำสั่งอพยพทั้งเมือง

ฝนตกหนักระดับประวัติการณ์ ทำให้สงขลาเผชิญน้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ หลายพื้นที่เข้าสู่ภาวะวิกฤต ผู้ว่าฯ สงขลาประกาศอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงทั้งเมืองแล้วทันที

 

ไทม์ไลน์น้ำท่วม สงขลา 2568 จากฝนประวัติการณ์ สู่คำสั่งอพยพทั้งเมือง 1

 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

The post ไทม์ไลน์น้ำท่วมสงขลา 2568 จากฝนประวัติการณ์ สู่คำสั่งอพยพทั้งเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ สั่งการ 7 ข้อใหญ่ ระดมทุกหน่วยช่วยน้ำท่วมใต้ ผู้ว่าฯ เร่งสำรวจความเสียหาย จ่ายเยียวยา สนับสนุนอาหาร-น้ำดื่มให้เพียงพอ https://thestandard.co/pm-orders-flood-south-relief/ Mon, 24 Nov 2025 11:59:42 +0000 https://thestandard.co/?p=1146934 นายกฯ สั่งการ 7 ข้อใหญ่ ระดมทุกหน่วยช่วยน้ำท่วม ใต้ ผู้ว่าฯ เร่งสำรวจความเสียหาย จ่ายเยียวยา สนับสนุนอาหาร-น้ำดื่มให้เพียงพอ

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล […]

The post นายกฯ สั่งการ 7 ข้อใหญ่ ระดมทุกหน่วยช่วยน้ำท่วมใต้ ผู้ว่าฯ เร่งสำรวจความเสียหาย จ่ายเยียวยา สนับสนุนอาหาร-น้ำดื่มให้เพียงพอ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ สั่งการ 7 ข้อใหญ่ ระดมทุกหน่วยช่วยน้ำท่วม ใต้ ผู้ว่าฯ เร่งสำรวจความเสียหาย จ่ายเยียวยา สนับสนุนอาหาร-น้ำดื่มให้เพียงพอ

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) ครั้งที่ 2/2568 โดยมี พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, โสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี, ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการนายกรัฐมนตรี รวมถึงผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งยังมีการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรับฟังสถานการณ์และการเตรียมความพร้อมในพื้นที่

 

สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวก่อนการประชุมฯ ว่า ได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง และลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พร้อมทั้งสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งบูรณาการช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะในขณะนี้ในพื้นที่ภาคใต้เกิดฝนตกหนักมากทำให้อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ เสียหายค่อนข้างมาก รวมถึงจังหวัดพัทลุง ปัตตานี นครศรีธรรมราชที่ได้รับผลกระทบ

 

สำหรับพื้นที่ภาคกลาง ตั้งแต่จังหวัดพิจิตร อ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา ที่มีน้ำท่วมขังต่อเนื่องเป็นเวลานานได้สั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้ติดตามและลงพื้นที่ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานระดมความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ทั้งเครื่องอุปโภค บริโภค และอุปกรณ์ในการดำรงชีวิต พร้อมให้หน่วยงานสนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เช่น เรือ รถ GMC รถยกสูง และเตรียมเครื่องสูบน้ำจากทุกภาคทั่วประเทศเข้าช่วยเหลือในพื้นที่ โดยเน้นย้ำให้ดูแล ช่วยเหลือประชาชนให้มีความปลอดภัยเป็นลำดับแรก

 

“ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหายของผู้ประสบภัยให้ครอบคลุมทุกหลังคาเรือน รวมถึงทรัพย์สินที่ได้รับผลกระทบ เพื่อจัดทำข้อมูลอย่างชัดเจนและแม่นยำสำหรับการเข้าระบบการช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งการจ่ายเงินเยียวยาต้องดำเนินการอย่างไม่ล่าช้า พร้อมมอบหมายให้สำนักงบประมาณเร่งจัดเตรียมงบกลางเสนอเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติเป็นกรณีเร่งด่วน โดยให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน”

 

นายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อสั่งการในการช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ทั่วถึง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ดังนี้

 

1. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน เฝ้าระวังติดตามแนวโน้มสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง แจ้งเตือนประชาชนผ่านระบบ Cell broadcast ให้ทราบและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้กลไกท้องถิ่นและท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการแจ้งเตือนประชาชนผ่านช่องทางต่าง ๆ ในทุกช่องทาง และครอบคลุมทุกพื้นที่

 

2. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ประสบอุทกภัย ใช้กลไกศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด ในการบริหารจัดการ บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพ ให้ความสำคัญกับการแจกจ่ายอาหารปรุงสำเร็จที่รับประทานได้ทันที น้ำดื่ม รวมถึงสิ่งของจำเป็นให้กับประชาชนในพื้นที่ใช้ดำรงชีพ ได้อย่างทั่วถึง สำหรับพื้นที่ที่น้ำท่วมสูง อาจเกิดอันตรายกับประชาชน ให้จัดตั้งศูนย์อพยพให้ประชาชนได้พักพิงชั่วคราว พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ให้ครอบคลุมทุกด้าน และมีทีมปฏิบัติการตระเวนช่วยเหลือ พาประชาชนมายังศูนย์อพยพได้อย่างปลอดภัย

 

3. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยทหาร สนับสนุนจังหวัด ที่ประสบอุทกภัย วางแผนเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ทำการพร่องน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำ ลดปริมาณน้ำที่ท่วมขัง สนับสนุน เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ ตลอดจนเครื่องจักรกลสาธารณภัยที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้มีน้อยที่สุด

 

4. ให้กระทรวงคมนาคม กำชับหน่วยงานในพื้นที่ ดูแลเส้นทางคมนาคม ทั้งถนน และทางรถไฟ จัดให้มีเส้นทางสำรอง เส้นทางเลี่ยง ในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยงที่ปลอดภัย และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ

 

5. ให้กระทรวงสาธารณสุข กำชับหน่วยงานในพื้นที่ ในการจัดทีมแพทย์และสาธารณสุข ดูแลสุขภาพกายและจิตใจประชาชน สนับสนุนเวชภัณฑ์ยาต่างๆ ให้เพียงพอ รวมถึงเฝ้าระวังโรคที่มากับน้ำท่วมขัง

 

6. การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ร่วมกับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจและจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับการช่วยเหลือเยียวยาครอบคลุม ครบถ้วนทุกกรณี

 

7. การฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย ให้ทุกหน่วยงานเร่งสำรวจความเสียหายทุกด้าน พร้อมทั้งเร่งซ่อมแซม และฟื้นฟูความเสียหายต่างๆ ทั้งด้านบ้านเรือนที่พักอาศัย ระบบสาธารณูปโภค ระบบไฟฟ้า ประปา ระบบการสื่อสาร เส้นทางคมนาคม เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตน ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) สั่งการในภาพรวม 7 ข้อ โดยให้หัวหน้าส่วนราชการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้มอบหมาย ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่บัญชาการในหน่วยพื้นที่สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสงขลา

 

ขณะที่อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบสถานการณ์และเร่งระดมสรรพกำลังเพื่อช่วยเหลือประชาชนในทันที นอกจากนี้ หน่วยงานในพื้นที่ระดมทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อสนับสนุนและเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยโดยเร็วที่สุด โดยเน้นให้จัดเตรียมอาหาร น้ำดื่มให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ประสบภัย และห้องน้ำให้มีจำนวนที่เพียงพอ รวมถึงให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ประสบภัย

The post นายกฯ สั่งการ 7 ข้อใหญ่ ระดมทุกหน่วยช่วยน้ำท่วมใต้ ผู้ว่าฯ เร่งสำรวจความเสียหาย จ่ายเยียวยา สนับสนุนอาหาร-น้ำดื่มให้เพียงพอ appeared first on THE STANDARD.

]]>
KTB-TTB-SCB เร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหาดใหญ่ และภาคใต้ https://thestandard.co/ktb-ttb-scb-help-southern-flood/ Mon, 24 Nov 2025 11:55:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1146931 KTB-TTB-SCB เร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหาดใหญ่ และภาคใต้

จากสถานการณ์ฝนตกหนักและอุทกภัยในภาคใต้ (รวม 10 จังหวัด […]

The post KTB-TTB-SCB เร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหาดใหญ่ และภาคใต้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
KTB-TTB-SCB เร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหาดใหญ่ และภาคใต้

จากสถานการณ์ฝนตกหนักและอุทกภัยในภาคใต้ (รวม 10 จังหวัด เช่น สงขลา, นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี) ซึ่งส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินและการดำรงชีพของประชาชนและ SME เป็นวงกว้าง ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ กรุงไทย, ทีทีบี , และไทยพาณิชย์ ได้เร่งออกมาตรการทางการเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเต็มที่

 

เอกชัย เตชะวิริยะกุล ประธานผู้บริหาร Risk ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมเฉียบพลันทั้งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และอีกหลายจังหวัดในภาคใต้ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ และการดำรงชีพของลูกค้า ประชาชนเป็นวงกว้าง

 

ธนาคารกรุงไทยได้ออกมาตรการทางการเงิน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ครอบคลุมการลดภาระทางการเงิน ทั้งปรับลดค่างวดการผ่อนชำระ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการให้วงเงินฉุกเฉินเสริมสภาพคล่องในการดำรงชีพ รวมถึงการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย

 

มาตรการแบ่งเบาภาระลูกค้าสินเชื่อปัจจุบัน

 

1. สินเชื่อบ้าน สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SSME (Term Loan) ลดค่างวดลง 75% ของค่างวดปัจจุบันนาน 1 ปี และลดดอกเบี้ยเป็น 0% ต่อปี นาน 3 เดือน หลังจากนั้น ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ต่อปี นาน 33 เดือน (รวมระยะเวลาดอกเบี้ยพิเศษ นาน 3 ปี)

 

2. สินเชื่อบุคคล (Term Loan) ลดค่างวดลง 75% ของค่างวดปัจจุบัน นาน 1 ปี และ ลดดอกเบี้ยเป็น ดอกเบี้ยคงที่ 4.5% ต่อปี นาน 3 ปี

 

3. สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME ให้ความช่วยเหลือครอบคลุม ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ย ลดค่างวดการชำระหนี้ พักชำระเงินต้น ชำระเฉพาะดอกเบี้ย หรือพักชำระเงินต้น และ/หรือ พักชำระดอกเบี้ยบางส่วน ขยายระยะเวลาสัญญา/ปรับตารางผ่อนชำระหนี้ เป็นต้น โดยเงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาลูกค้าแต่ละรายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ซึ่งธนาคารจะพิจารณาให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย เพื่อลดภาระทางการเงิน และสะท้อนภาวะเศรษฐกิจและรายได้ของลูกค้าที่น่าจะฟื้นตัวในอนาคต

 

KTB-TTB-SCB เร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหาดใหญ่ และภาคใต้ 1

 

มาตรการสินเชื่อเพื่อกู้ซ่อมบ้าน / กู้ฟื้นฟูกิจการ สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่ขอวงเงินเพิ่มเติม หรือลูกค้าใหม่

 

1. สินเชื่อบ้าน Top up สินเชื่อบ้านแลกเงิน และ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SSME (Term Loan) ดอกเบี้ยคงที่ 0% ต่อปี นาน 3 เดือน หลังจากนั้น ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ต่อปี นาน 33 เดือน (รวมระยะเวลา ดอกเบี้ยพิเศษ นาน 3 ปี กรณีสินเชื่อบ้าน ฟรีค่าประเมินและค่าจดจำนอง)

 

2. สินเชื่อบุคคล (Term Loan) ดอกเบี้ยคงที่ 4.5% ต่อปี นาน 3 ปี

 

3. สินเชื่อธุรกิจ SME (Term Loan) ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี หลังจากนั้น MLR-1% ต่อปี

 

ธนาคารกรุงไทย ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมเคียงข้างให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง เพื่อให้พี่น้องผู้ประสบภัยผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างรวดเร็ว สำหรับลูกค้าที่มีความประสงค์เข้าร่วมมาตรการความช่วยเหลือของธนาคาร สามารถติดต่อได้ที่ ธนาคารทุกสาขา หรือ สาขาที่มีบัญชีเงินกู้ ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 – วันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยยื่นความประสงค์เข้าร่วมมาตรการภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Krungthai Contact Center โทร. 02-111-1111

 

ทีทีบี ออกมาตรการ ‘ตั้งหลัก’

 

ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ธนาคารมีความห่วงใยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน และสถานประกอบธุรกิจ ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงได้ออกมาตรการ ‘ตั้งหลัก’ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน หวังให้ลูกค้าสามารถฟื้นตัว กลับมาตั้งหลักและก้าวเดินต่อไปสู่การมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. 2568 – 31 ม.ค. 2569 โดยมีรายละเอียดของมาตรการดังนี้

 

มาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อ เพื่อแบ่งเบาภาระ

 

1. ลูกค้าสินเชื่อบ้าน สามารถขอพักชำระเงินต้นได้ นาน 3 เดือน (ชำระคืนแต่ดอกเบี้ยอย่างเดียว) หรือ ขอวงเงินกู้เพิ่ม เพื่อซ่อมแซมบ้าน ด้วยบัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน ดอกเบี้ย 0% นาน 2 เดือนแรก (กรณีลูกค้าที่มีบัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงินอยู่แล้ว สามารถทำรายการเบิกใช้เงินสดได้ ผ่านตู้ ATM หรือแอป ttb touch ดอกเบี้ย 0% นาน 2 เดือนแรก โดยต้องลงทะเบียนก่อน)

 

2. ลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ สามารถขอพักชำระค่างวดได้ นาน 3 เดือน ลูกค้าสินเชื่อบุคคล / บัตรเครดิต สามารถขอพักชำระหนี้ได้ นาน 2 รอบบัญชี โดยยังคิดดอกเบี้ยตามปกติ

 

3. ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ หรือสินเชื่อ SME ประเภทสินเชื่อระยะยาว จะได้รับการพิจารณาชำระแบบปลอดเงินต้น เป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน หรือ ประเภทสินเชื่อหมุนเวียน จะได้รับการพิจารณาขยายระยะเวลาชำระคืนเงินต้นสูงสุด 6 เดือน หรือ ประเภทสินเชื่อเช่าซื้อธุรกิจ จะได้รับการพิจารณาขยายระยะเวลาชำระคืน หรือปรับลดยอดผ่อนชำระลงสูงสุด 70% ของยอดผ่อนชำระเดิม นาน 6 เดือน

 

KTB-TTB-SCB เร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหาดใหญ่ และภาคใต้ 2

 

ช่องทางการติดต่อธนาคาร

 

  • ลูกค้าบุคคล: สอบถามความช่วยเหลือ ติดต่อคุณ Yindee ผ่าน ttb touch หรือ ทีทีบี คอนแทค เซ็นเตอร์ โทร 1428 และสาขาของทีทีบี
  • ลูกค้าธุรกิจ: ติดต่อเจ้าหน้าที่บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจของท่าน หรือศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจ ทีทีบี เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม โทร. 0 2643 7000 (วันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 8:00 – 20:00 น.) ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดธนาคาร

 

มาตรการความคุ้มครอง สำหรับลูกค้าที่มีประกัน

 

ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ที่มีความคุ้มครองประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย และได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม กรณีเป็นลูกค้าสินเชื่อบ้านทีทีบี และทีเอ็มบี (เดิม) สามารถรับความคุ้มครองได้โดยอัตโนมัติ ภายใต้เงื่อนไขการมอบ “ประกันฟรี” แจ้งเคลมผ่าน ชับบ์สามัคคีประกันภัย โทร. 0 2611 4425

 

ลูกค้าประกันภัย ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ติดต่อ บริษัทผู้รับประกันภัย ได้ที่

 

  • ธนชาตประกันภัย โทร. 1519
  • ชับบ์สามัคคีประกันภัย โทร. 1758
  • เมืองไทยประกันภัย โทร. 1484
  • อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย โทร. 1292
  • แอลเอ็มจีประกันภัย โทร. 1790
  • แอกซ่าประกันภัย โทร. 0 2118 8111
  • วิริยะประกันภัย โทร. 1557

 

ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยที่อยู่อาศัย และลูกค้าบัญชี ttb all free ที่ได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุจากการคงเงินฝากตามเงื่อนไข ติดต่อ ธนชาตประกันภัย โทร. 1519

 

ลูกค้าธุรกิจที่มีประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ติดต่อ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย โทร. 1292 สามารถตรวจสอบความคุ้มครองได้ที่ “เมนูประกัน” ในแอป ttb touch

 

ไทยพาณิชย์ ออกมาตรการเร่งด่วน ช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม

 

ธนาคารไทยพาณิชย์ ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ รวมทั้งพื้นที่ประสบอุทกภัยจังหวัดอื่นที่ได้รับผลกระทบ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย โดยให้ความช่วยเหลือทั้งกลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการและลูกค้าผู้ประกอบการ SME ทั้งมาตรการพักชำระและสินเชื่อพิเศษเพื่อซ่อมแซมบ้านและกิจการอย่างเต็มที่

 

โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

กลุ่มลูกค้าบุคคล และกลุ่มลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการ ประกอบด้วย

 

1. สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย

สำหรับลูกค้าปัจจุบัน – สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อบ้านคือเงิน (My Home My Cash) พักชำระเงินต้นสูงสุดนาน 3 เดือน พักชำระเงินต้นและจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย
สำหรับลูกค้าใหม่ – สินเชื่อบ้านได้เพิ่มเพื่อซ่อมแซมบ้าน (สินเชื่อบ้านได้เพิ่ม สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้าน (Home Loan Top Up) หรือ สินเชื่อบ้านได้เพิ่ม สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้านคือเงิน (My Home My Cash Top Up)) ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม และ อาคารพาณิชย์

 

2. สินเชื่อรถยนต์

สำหรับลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ สามารถพักชำระหนี้สูงสุดนาน 3 เดือน และขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระสูงสุด 3 เดือน (รวมอายุผู้กู้ไม่เกิน 65 ปี)

 

3. สินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการ (SSME)

สำหรับลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการปัจจุบัน พักชำระเงินต้นสูงสุดนาน 3 เดือน พักชำระเงินต้นและจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย

 

KTB-TTB-SCB เร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหาดใหญ่ และภาคใต้ 3

 

ลูกค้าสามารถติดต่อขอเข้าร่วมโครงการได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือโทร SCB Call Center โทร 02-777-7777 ได้ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 – 31 ธันวาคม 2568

 

ลูกค้าผู้ประกอบการ SME ธนาคารมีโครงการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อม ผ่าน 4 มาตรการหลัก ประกอบด้วย 1) พักชำระเงินต้นสูงสุดนาน 6 เดือน 2) พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุดนาน 3 เดือน 3) เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว วงเงินสูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม และไม่เกิน 10 ล้านบาท 4) วงเงินกู้สำหรับปรับปรุง ซ่อมแซม หรือซื้อทดแทนทรัพย์สินที่เสียหายของกิจการ สูงสุด 20% ของวงเงินเดิม ไม่เกิน 10 ล้านบาท

 

ลูกค้าผู้ประกอบการ SME สามารถติดต่อขอเข้าร่วมโครงการได้ที่เจ้าหน้าที่ธุรกิจสัมพันธ์ และ SCB Business Call Center โทร 02-722-2222 ได้ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 – 31 ธันวาคม 2568

The post KTB-TTB-SCB เร่งออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหาดใหญ่ และภาคใต้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
หอการค้าไทย เผยภาคใต้จมบาดาล เศรษฐกิจอ่วม 1.5 พันล้านบาทต่อวัน ปิดสัมมนาสงขลาจ่อยื่น ‘สมุดปกขาว 2568’ ถึงรัฐบาล https://thestandard.co/south-floods-economy-1-5b/ Mon, 24 Nov 2025 11:47:56 +0000 https://thestandard.co/?p=1146924 หอการค้าไทย เผย ภาคใต้จมบาดาล เศรษฐกิจอ่วม 1.5 พันล้านบาทต่อวัน ปิดสัมมนาสงขลาจ่อยื่น ‘สมุดปกขาว 2568’ ถึง รัฐบาล

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผ […]

The post หอการค้าไทย เผยภาคใต้จมบาดาล เศรษฐกิจอ่วม 1.5 พันล้านบาทต่อวัน ปิดสัมมนาสงขลาจ่อยื่น ‘สมุดปกขาว 2568’ ถึงรัฐบาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
หอการค้าไทย เผย ภาคใต้จมบาดาล เศรษฐกิจอ่วม 1.5 พันล้านบาทต่อวัน ปิดสัมมนาสงขลาจ่อยื่น ‘สมุดปกขาว 2568’ ถึง รัฐบาล

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยน้ำท่วม 10 จังหวัด ภาคใต้ ประเมินเศรษฐกิจเสียหาย 1,500 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่ สัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ จ.สงขลา เจ้าภาพ ปิดฉาก หลังจัดได้เพียง 1 วัน เตรียมยื่น ‘สมุดปกขาว 2568’ ถึงรัฐบาล

 

ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ฝนตกและน้ำท่วมในพื้นที่ 10 จังหวัดภาคใต้ในขณะนี้ เบื้องต้น ประเมินผลกระทบความเสียหายประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาทต่อวัน เนื่องจากภาคใต้เป็นจังหวัดอิงเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้าและการลงทุนเป็นหลัก

 

ทั้งนี้ ถ้าหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อต่อเนื่องใน 1 เดือน ประเมินว่าจะมีความเสียหายประมาณ 10,000-15,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของภาคการท่องเที่ยวและจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวภาคใต้จำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าว

 

ปิดฉากสัมมนาหอการค้าประจำปี ‘สงขลา’ เจ้าภาพ จ่อยื่น “สมุดปกขาว 2568” ต่อรัฐบาล

 

วันนี้ 24 พ.ย. ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำ “สมุดปกขาว หอการค้าไทย ปี 2568” ซึ่งเป็นข้อสรุปจากการระดมความคิดเห็นระหว่างการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 43 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา ภายใต้แนวคิด “Unlocking New Growth: ศักยภาพใหม่แห่งการเติบโต” เสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดทิศทางเชิงนโยบายและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศ

 

ดร.พจน์ กล่าวว่า แม้งานสัมมนาครั้งนี้จะต้องยกเลิกลงหลังจากเริ่มประชุมไปได้ 1 วัน เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น ประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัย รวมถึงผู้เข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้มากกว่า 1,500 คน

 

“ทางหอการค้าไทยและหอการค้าจังหวัดสงขลา ที่เป็นเจ้าภาพการจัดสัมมนาต้องขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทุกพื้นที่ที่รวมรวมความช่วยเหลือประชาชนให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ขณะนี้ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ก็ได้กลับเข้าภูมิลำเนาแล้ว”

 

ขณะเดียวกัน ตอนนี้ มูลนิธิพาณิชย์สงเคราะห์ โดยหอการค้าไทย ก็ได้มีการเปิดระดมรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ เพิ่มเติม เพราะทราบมาว่าขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดยังไม่คลี่คลาย

 

สำหรับ “สมุดปกขาว หอการค้าไทย ปี 2568” หอการค้าฯ ได้รวบรวมข้อเสนอแนะและเสียงสะท้อน จากเครือข่ายหอการค้าทั่วประเทศ มาก่อนหน้าการสัมมนาแล้ว ซึ่งได้จัดทำเป็นเอกสารส่งมอบให้ท่านนายกรัฐมนตรี ช่วงที่มีการ ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในวันนี้ เพื่อให้รัฐบาลสามารถนำประเด็นที่ได้รับไปพิจารณาดำเนินการได้ สำหรับประเด็นและข้อเสนอแนะที่หอการค้าฯ บรรจุไว้ในสมุดปกขาวปีนี้ มุ่งเน้นการปลดล็อกการเติบโตใหม่ของประเทศทั้งในระดับโครงสร้างและระดับภูมิภาค ครอบคลุม 5 มิติหลัก ได้แก่

 

1. ด้านการค้าและการลงทุน (Trade & Investment) มุ่งยกระดับศักยภาพการค้าการลงทุนของประเทศผ่านการเร่งให้สัตยาบัน FTA (ไทย–ศรีลังกา, ไทย–EFTA) และการสมัครเข้าร่วม OECD พร้อมปรับโครงสร้างกฎหมาย เปิดเสรีโลจิสติกส์ ทบทวน พ.ร.บ.ธุรกิจคนต่างด้าว และจัดตั้งหน่วย Fast Track Reform (Guillotine Unit) เพื่อรื้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรค

 

ขณะเดียวกันสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ชีวภาพ (Bioplastics) และพลังงานสะอาด ด้านแรงงาน เสนอระบบค่าจ้างตามทักษะ (Pay-by-Skills) ร่วมกับการยกระดับทักษะ แรงงาน (Up/Reskill) จัดตั้งศูนย์บริการแรงงานเบ็ดเสร็จ และคณะกรรมการร่วมรัฐ–เอกชนด้านแรงงาน (กรอ.แรงงาน) ส่วนด้านค้าปลีก เสนอขยายโครงการ “Easy e-Receipt เฟส 2 จัดตั้งเขตปลอดภาษีในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก คืน VAT ทันทีแก่นักท่องเที่ยว และ
ตั้งศูนย์

 

2. ด้านเกษตรและอาหาร (Agriculture & Food) เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร (Value-Based Agriculture) ผ่านการผลักดัน Product Champions ในสินค้าหลัก เช่น ข้าว ยาง ปาล์ม ไก่ หมู กุ้ง และพืชสมุนไพร พร้อมสนับสนุนการแปรรูป การพัฒนาพันธุ์ด้วยเทคโนโลยี Gene Editing และส่งเสริมสินค้า GI–Future Food แผนยุทธศาสตร์มหานครผลไม้เมืองร้อนของประเทศไทย ขับเคลื่อนสู่ศูนย์กลางการค้าและความรู้ผลไม้เมืองร้อนโลก รวมถึงพัฒนาโครงสร้างฐานราก

 

เช่น ระบบน้ำ ที่ดิน ฐานข้อมูลเกษตรกร และศูนย์ประสานงานสินค้าเกษตรและอาหาร (AFC) ให้เป็นศูนย์กลางข้อมูลตลาด นอกจากนี้ยังยกระดับอุตสาหกรรมประมง ด้วยการลดภาษีวัตถุดิบ การพัฒนาแรงงานตามมาตรฐานสากล (GLP) และเร่งปลดล็อกข้อจำกัดการส่งออก One Stop Service อำนวยความสะดวกผู้ค้าปลีก

 

3. ด้านการท่องเที่ยวและบริการ (Tourism & Services) เสนอเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและสุขภาพระดับโลก (Global Wellness & Tourism Hub) โดยผลักดันการใช้แนวคิด “Happy Model” เป็นกรอบพัฒนาการท่องเที่ยวคุณภาพสูงมุ่งยกระดับความปลอดภัยและความเชื่อมั่นผ่านโครงการ Trusted Thailand ใช้มาตรการภาษีและการเงินกระตุ้นการท่องเที่ยวหักลดหย่อนภาษีสูงสุด 15,000 บาท และหักภาษี 3 เท่าสำหรับการจัดอบรมต่างจังหวัด)

 

พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์ม TAGTHAi ให้เป็น National Digital Tourism Utility เชื่อมโยงข้อมูลเมืองหลักและเมืองรอง เสริมเส้นทาง ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและทางทะเล (Wellness & Cruise Tourism) รวมถึงจัดสรร Soft Loan ดอกเบี้ยต่ำสำหรับ SME และ Startup ด้านท่องเที่ยว เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

 

4. ด้านดิจิทัล เทคโนโลยี และนวัตกรรม (Digital & AI with Innovation) ผลักดันเศรษฐกิจ Digital–Green Economy ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลต่อ GDP จาก 23.9% เป็น 35% ภายในปี 2579 และสร้างงานคุณภาพกว่า 2 ล้านตำแหน่ง เสนอจัดตั้งศูนย์บัญชาการเศรษฐกิจดิจิทัล (DECC) พร้อมกองทุน Digital–Green Infrastructure เพื่อสนับสนุนการลงทุนใน AI, Cloud, Data Center

 

และพลังงานสะอาด พัฒนาโครงการ Thailand AI Ready ยกระดับทักษะประชาชนกว่า 5 ล้านคน และออกมาตรการ Digital Visa ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ เสริมด้วย Digital Voucher สำหรับ SME และกรอบกฎหมายใหม่ว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล–กรีน พร้อมมาตรฐาน AI Ethics และ Data Governance การส่งเสริมโครงการพลิกโฉมธุรกิจ สู่ Smart Business ด้วย Automation and Robotics

 

5. ด้านความยั่งยืน (Sustainability) เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ลดการเผาในภาคเกษตรด้วยระบบ Traceability ส่งเสริมมาตรฐานการออกแบบบรรจุภัณฑ์รีไซเคิล การใช้วัสดุหมุนเวียน และแรงจูงใจทางภาษีสำหรับ Green Innovation พร้อมผลักดันตลาดไฟฟ้าเสรี (Open Electricity Market) และขยายความรับผิดชอบผู้ผลิต (EPR) ไปยังอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ยานยนต์ และวัสดุก่อสร้าง และการสนับสนุนโครงการ Platform ซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Neutrality 4 ALL)

 

นอกจากนั้น หอการค้าไทย ยังได้ร่วมกับ กกร. จัดตั้ง คณะทำงาน Zero Corruption: กกร. และเพื่อน ไม่ทน ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นใหม่ให้เศรษฐกิจไทย

 

“ข้อเสนอทั้งหมดเป็นประเด็นที่สามารถดำเนินการได้จริงและมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจไทยในทุกภูมิภาค พร้อมทั้งขอขอบคุณหอการค้าจังหวัดสงขลา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ ที่ร่วมกันอำนวยความสะดวกจนผู้ที่เดินทางเข้าร่วมงานสามารถกลับสู่ภูมิลำเนาได้อย่างปลอดภัย ทางเราหวังว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายได้ในเร็ววัน และเศรษฐกิจของเมืองหาดใหญ่และจังหวัดสงขลาจะกลับมาฟื้นตัว” ดร.พจน์ กล่าวทิ้งท้าย

The post หอการค้าไทย เผยภาคใต้จมบาดาล เศรษฐกิจอ่วม 1.5 พันล้านบาทต่อวัน ปิดสัมมนาสงขลาจ่อยื่น ‘สมุดปกขาว 2568’ ถึงรัฐบาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประมวลช่องทางติดต่อขอความช่วยเหลือวัดที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ https://thestandard.co/contact-help-temples-floods-south/ Mon, 24 Nov 2025 11:43:52 +0000 https://thestandard.co/?p=1146921 ประมวลช่องทางติดต่อขอความช่วยเหลือวัดที่ประสบอุทกภัยภาคใต้

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) ตามที่เกิดเหตุอุทกภัยในจังหวัดเขต […]

The post ประมวลช่องทางติดต่อขอความช่วยเหลือวัดที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประมวลช่องทางติดต่อขอความช่วยเหลือวัดที่ประสบอุทกภัยภาคใต้

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) ตามที่เกิดเหตุอุทกภัยในจังหวัดเขตพื้นที่ภาคใต้ มหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เร่งประสานงานกับคณะสงฆ์และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดในพื้นที่ดำเนินการสำรวจวัดที่ได้รับความเสียหายเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัย สำหรับจัดการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และจะดำเนินการสำรวจวัดที่ได้รับความเสียหายในระยะต่อเนื่อง เพื่อจัดสรรเงินช่วยเหลือจาก “กองทุนวัดช่วยวัด” โดยเร็ว

 

วัดที่ประสบอุทกภัยสามารถติดต่อประสานงานได้ที่

 

สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม โทร. 02 441 7992

 

กองพุทธศาสนสถาน โทร. 02 441 7999

 

ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดในพื้นที่ ประกอบด้วย

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกระบี่ 06 5942 5041 (เพลินพิศ น้อยคนดี ผู้อำนวยการ)

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชุมพร 06 2594 7786 (บุศรา ขาวจัตุรัส ผู้อำนวยการ)

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดตรัง 09 8824 6084 (พงศ์พล โยธินทวี ผู้อำนวยการ)

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช 08 1897 5645 (เสน่ห์ สิงห์นุ้ย ผู้อำนวยการ)

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนราธิวาส 06 5983 1732 (นายภูมิศักดิ์ ชูเย็น ผู้อำนวยการ)

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปัตตานี 08 1328 2216 (จารึก แก้วแสงอ่อน ผู้อำนวยการ)

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพังงา 06 1396 9753 (วิมลพรรณ พงษ์ภา ผู้อำนวยการ)

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพัทลุง 09 3584 7719 (จันทนา สุวรรณศิลป์ ผู้อำนวยการ)

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต 08 1805 1970 (วสันต์ สงฆ์ศิลป์ ผู้อำนวยการ)

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดยะลา 06 1028 5496 (อมร สะอาด ผู้อำนวยการ)

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดระนอง 06 5983 3188 (ผู้อำนวยการ)

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสงขลา 06 1028 5425 (สุภาพร เกตุสุริยงค์ ผู้อำนวยการ)

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสตูล 06 5931 0155 (กิตติศักดิ์ แซ่โค้ว ผู้อำนวยการ)

 

สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุราษฎร์ธานี 06 5520 3383 (ประวิว พรมมานอก ผู้อำนวยการ)

The post ประมวลช่องทางติดต่อขอความช่วยเหลือวัดที่ประสบอุทกภัยภาคใต้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
GISTDA เผยภาพรวมน้ำท่วมใต้ พบพื้นที่น้ำท่วมกว่า 3.3 แสนไร่ เร่งสนับสนุนข้อมูลดาวเทียมให้หน่วยงานบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด https://thestandard.co/gistda-southern-flood-satellite/ Mon, 24 Nov 2025 11:33:20 +0000 https://thestandard.co/?p=1146917 GISTDA เผยภาพรวมน้ำท่วมใต้ พบพื้นที่น้ำท่วมกว่า 3.3 แสนไร่ เร่งสนับสนุนข้อมูลดาวเทียมให้หน่วยงานบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด

GISTDA รายงานสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด ณ วันที่ 24 พฤศจิกา […]

The post GISTDA เผยภาพรวมน้ำท่วมใต้ พบพื้นที่น้ำท่วมกว่า 3.3 แสนไร่ เร่งสนับสนุนข้อมูลดาวเทียมให้หน่วยงานบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
GISTDA เผยภาพรวมน้ำท่วมใต้ พบพื้นที่น้ำท่วมกว่า 3.3 แสนไร่ เร่งสนับสนุนข้อมูลดาวเทียมให้หน่วยงานบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด

GISTDA รายงานสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม Sentinel-1A เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย พบพื้นที่น้ำท่วมขังรวมประมาณ 334,895 ไร่ ครอบคลุมบางส่วนของ 7 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ปัตตานี พัทลุง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ยะลา และสตูล

 

จากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมระบุว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่ม ชุมชนที่อยู่อาศัย และบางส่วนของเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ โดยระดับน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขังมีความลึกตั้งแต่ 1 เมตร ไปจนถึงมากกว่า 2.5 เมตร สะท้อนถึงความจำเป็นในการเร่งติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน พร้อมเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะบริเวณชุมชนและพื้นที่ลุ่มของจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง

 

GISTDA ได้จัดส่งข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมให้กับหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการบริหารจัดการสถานการณ์แบบทันที ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดแนวทางช่วยเหลือ การเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการติดตามและประเมินสถานการณ์ เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและคาดการณ์ผลกระทบในระยะต่อไป

 

ทั้งนี้ GISTDA ระบุว่า ข้อมูลพื้นที่น้ำท่วม ความลึก และผลกระทบที่รายงาน เป็นการประเมินจากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมในเบื้องต้น ซึ่งยังจำเป็นต้องมีการสำรวจภาคสนามเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความถูกต้อง

 

ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์น้ำท่วมเพิ่มเติมได้ผ่านเว็บไซต์ disaster.gistda.or.th และแอปพลิเคชัน ‘เช็คน้ำ’ ที่ให้ข้อมูลแบบ Near-realtime บนระบบ iOS และ Android เพื่อประกอบการวางแผนและเตรียมรับมือสถานการณ์อย่างทันท่วงที

 

สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงที่ฝนตกต่อเนื่องและระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในบางพื้นที่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงติดตามและประสานความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

The post GISTDA เผยภาพรวมน้ำท่วมใต้ พบพื้นที่น้ำท่วมกว่า 3.3 แสนไร่ เร่งสนับสนุนข้อมูลดาวเทียมให้หน่วยงานบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ณัฐพงษ์เสนอรัฐบาลตั้งวอร์รูมบริหารสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ บูรณาการทุกหน่วยช่วยผู้ประสบภัย https://thestandard.co/war-room-manage-south-floods/ Mon, 24 Nov 2025 10:12:35 +0000 https://thestandard.co/?p=1146891 ณัฐพงษ์เสนอ รัฐบาลตั้ง วอร์รูม บริหารสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ บูรณาการทุกหน่วยช่วยผู้ประสบภัย

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญ […]

The post ณัฐพงษ์เสนอรัฐบาลตั้งวอร์รูมบริหารสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ บูรณาการทุกหน่วยช่วยผู้ประสบภัย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ณัฐพงษ์เสนอ รัฐบาลตั้ง วอร์รูม บริหารสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ บูรณาการทุกหน่วยช่วยผู้ประสบภัย

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้อย่างใกล้ชิด ทราบว่ามีฝนตกหนักมากอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 20-24 พฤศจิกายน 2568 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำเอ่อล้นตลิ่งในวงกว้าง ทั้งภาคใต้ฝั่งตะวันออก ตั้งแต่นครศรีธรรมราชจนถึงนราธิวาส และภาคใต้ฝั่งตะวันตกในจังหวัดตรังและสตูล และขณะนี้ยังมีฝนตกต่อเนื่องจนถึงวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2568 ทำให้ระดับน้ำในหลายพื้นที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น มีความจำเป็นต้องอพยพพี่น้องประชาชนออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยง

 

ถึงอย่างนั้น พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีชุมชนหนาแน่น เช่น เทศบาลนครหาดใหญ่ ยังติดค้างอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมสูงเป็นจำนวนมาก หลายพื้นที่ขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม ไฟส่องสว่าง และยังมีความสับสนเกี่ยวกับข้อมูลติดต่ออพยพ ศูนย์อพยพ เส้นทางการอพยพ การขอความช่วยเหลือในการอพยพ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอพยพ

 

สส. และทีมงานพรรคประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมทางภาคใต้ขณะนี้ ได้จัดตั้งโรงครัวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงเร่งประสานงานเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการอพยพ

 

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการช่วยเหลือทำได้อย่างจำกัด เพราะปริมาณผู้ที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือมีจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้การเข้าถึงจุดที่ต้องการความช่วยเหลือทำได้อย่างยากลำบาก

 

แม้ล่าสุดรัฐบาลได้ตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำแล้ว แต่เพื่อให้การแก้ไขปัญหาและการช่วยเหลือประชนชนสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันสถานการณ์มากยิ่งขึ้น ณัฐพงษ์เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้

 

1. เร่งสื่อสารประชาสัมพันธ์ จุดอพยพและเส้นทางอพยพที่ปลอดภัยสำหรับแต่ละพื้นที่ ให้ประชาชนทราบโดยด่วน เพื่อให้สามารถอพยพได้อย่างทันท่วงทีและปลอดภัย

 

2. สำหรับพื้นที่ที่มีน้ำท่วมในระดับสูง และมีประชาชนต้องการความช่วยเหลือจำนวนมาก ให้รัฐบาลและจังหวัดจัดทำระบบการแจ้งขอรับและติดตามความช่วยเหลือให้เป็นระบบเดียวกัน เพื่อป้องกันการตกหล่น และความซ้ำซ้อนในการช่วยเหลือของแต่ละหน่วยงาน

 

3. ออกแบบมาตรการในการช่วยเหลือเด็กเล็ก ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ที่ติดอยู่ในบ้านและอาจต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษในการอพยพ

 

4. ควรเร่งระดมอุปกรณ์ พาหนะที่จำเป็นในการอพยพประชาชนจากพื้นที่อื่น ๆ เข้ามาสนับสนุนการช่วยเหลือในพื้นที่ที่ประสบภัยโดยด่วนที่สุด

 

5. จัดส่งอาหารสด อาหารแห้ง อาหารพร้อมรับประทาน น้ำดื่ม และสิ่งจำเป็นอื่นๆ เช่น เสื้อผ้า ยารักษาโรค ผ้าอนามัย เข้ามาเพิ่มเติมในพื้นที่ประสบภัย และจัดเตรียมระบบการกระจายอาหารและของจำเป็นต่างๆ ไปยังจุดอพยพ จุดประสานความช่วยเหลือ โรงครัวต่างๆ ในพื้นที่อย่างทั่วถึง

 

6. จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ทำหน้าที่รายงานข้อมูลและแนวโน้มสถานการณ์น้ำในแต่ละลำน้ำอย่างต่อเนื่อง ให้หน่วยงานท้องถิ่นและประชาชนรับทราบสถานการณ์จริงและแนวโน้มที่แม่นยำ เพื่อให้สามารถวางแผนรับมือสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

 

“ผมขอส่งความห่วงใยถึงผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่หน้างานทุกคนที่กำลังเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขอให้ดำเนินการอพยพออกจากจุดเสี่ยงภัยได้โดยเร็วที่สุด ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน”

The post ณัฐพงษ์เสนอรัฐบาลตั้งวอร์รูมบริหารสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ บูรณาการทุกหน่วยช่วยผู้ประสบภัย appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ นั่งหัวโต๊ะติดตามน้ำท่วม หาดใหญ่ สั่งการระดมเครื่องสูบน้ำทั่วประเทศลงใต้ด่วน https://thestandard.co/pm-water-pumps-hatyai-flood/ Mon, 24 Nov 2025 09:51:03 +0000 https://thestandard.co/?p=1146878 นายกฯ นั่งหัวโต๊ะติดตามน้ำท่วม หาดใหญ่ สั่งการระดมเครื่องสูบน้ำทั่วประเทศลงใต้ด่วน

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล […]

The post นายกฯ นั่งหัวโต๊ะติดตามน้ำท่วม หาดใหญ่ สั่งการระดมเครื่องสูบน้ำทั่วประเทศลงใต้ด่วน appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ นั่งหัวโต๊ะติดตามน้ำท่วม หาดใหญ่ สั่งการระดมเครื่องสูบน้ำทั่วประเทศลงใต้ด่วน

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ครั้งที่ 2/2568 โดยมี พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บริหารหน่วยงานท้องถิ่นที่ได้ประชุมผ่านระบบ Conference เข้ามา

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุมว่า วันนี้มีการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล และจังหวัดที่เกิดเหตุประสบภัยน้ำท่วม ขอเน้นไปที่สถานการณ์อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งทราบมาว่ามีสถานการณ์ที่เลวร้ายมากยิ่งขึ้น เพราะมีการหลากเข้ามาของมวลน้ำจำนวนมาก ประกอบกับปริมาณน้ำฝนที่ยังตกอย่างหนัก

 

ช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรีได้ถามว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เข้าร่วมประชุม Conference ด้วยหรือไม่ แต่ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบรับ นายกรัฐมนตรี จึงกล่าวต่อว่า ตนได้สั่งการให้ ร.อ.ธรรมนัส ได้ลงพื้นที่ เพื่ออำนวยการสถานการณ์ที่อำเภอหาดใหญ่ คาดว่าตอนนี้ ร.อ.ธรรมนัส อยู่ระหว่างหน้างาน

 

อนุทิน กล่าวด้วยว่า ช่วงที่ผ่านมาตนได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิดและลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พร้อมทั้งให้ข้อสั่งการทุกหน่วยงานเร่งบูรณาการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางในจังหวัดพิจิตร อ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลานาน โดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณไปช่วยเหลือเพิ่มเติมในส่วนที่เป็นบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ในสภาพที่มีน้ำท่วมขังต่อเนื่องมาเกินระยะ 3 เดือน

 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ (23 พฤศจิกายน) ที่ผ่านมา มีฝนตกหนักทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตนและคณะจึงได้ลงพื้นที่ เพื่อไปตรวจสถานการณ์และให้ข้อสั่งการทุกหน่วยงานไว้ให้ระดมความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะเครื่องมือเครื่องจักร อาทิ เครื่องสูบน้ำจากทุกภาคทั่วประเทศ เข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่หาดใหญ่

 

พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้มีความปลอดภัยเป็นลำดับแรก วันนี้จึงได้เชิญคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ มาร่วมประชุมกันอีกครั้งเพื่อติดตาม และประเมินสถานการณ์ ผลกระทบ พร้อมทั้งสั่งการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน อย่างเพียงพอและทั่วถึงทันต่อสถานการณ์

 

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยยอมรับว่า สถานการณ์หนักขึ้น น้ำหลากเข้ามาเยอะ ตอนนี้ระดมทรัพยากรจากทุกหน่วยงานลงในพื้นที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะเสริมเฮลิคอปเตอร์ขนสิ่งของอุปโภคบริโภคไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ถนนถูกตัดขาด

 

ตอนนี้ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ เพื่อกำกับดูแลการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ ได้ลงพื้นที่แล้ว และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย น่าจะถึงพื้นที่ในเวลา 15:00 น.

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ในโรงพยาบาลมีข้อกังวลเครื่องปั่นไฟอาจจะไม่เพียงพอ จะต้องเร่งอพยพผู้ป่วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โรงพยาบาลน่าจะต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง เนื่องจากตอนนี้ยังมีโรงพยาบาลที่สงขลา และจังหวัดใกล้เคียงที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมยังรองรับได้ ซึ่งคิดว่าทุกหน่วยงานมีแผนรองรับและแผนเผชิญเหตุอยู่แล้ว

 

สิ่งที่เราต้องทำให้เกิดความมั่นใจก็คือ ให้การดูแลผู้ประสบภัยที่ยังคงติดค้างอยู่ในบ้าน ซึ่งตอนนี้ได้เร่งให้นายอำเภอไปบอกว่าต้องอพยพมาที่ศูนย์พักพิง ซึ่งได้มีการจัดเตรียมข้าวปลาอาหารและของใช้ ถุงยังชีพต่างๆ ได้ระดมเข้าไปเตรียมความพร้อมแล้ว

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้เวลากี่วันที่จะคลี่คลายสถานการณ์น้ำท่วม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้ฝนยังตกอยู่ คาดว่าน่าจะใช้เวลาระบายน้ำออกประมาณหนึ่งสัปดาห์

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีปัญหาเรื่องเรือที่จะเข้าไปรับประชาชนที่ยังคงติดค้างอยู่ในพื้นที่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะใช้เรืออย่างเดียวไม่ได้เพราะน้ำมีความเชี่ยว และไม่อาจจะใช้เรือใหญ่ เนื่องจากเข้าไปตามซอกไม่ได้ จึงต้องใช้รถยกสูงประกอบด้วยให้เข้าไปให้ได้มากที่สุด แต่ตอนนี้ในพื้นที่ที่น้ำท่วมหนักและตัดไฟ ได้อพยพประชาชนออกมาแล้วมาที่ศูนย์พักพิง หรือไปอยู่ตามบ้านญาติ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำ รถยกสูงของทหารก็ถูกน้ำท่วมไปครึ่งคันแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รถทหารก็มีการยกระดับความสูงขึ้นมา และเลือกเข้าพื้นที่ที่สามารถเข้าได้

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ความโกลาหลเกิดขึ้น ประชาชนที่ประสบเหตุไม่รู้ว่าจะต้องแจ้งใคร และมีบางพื้นที่ที่เรือเข้าไปไม่ถึง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องน้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย แต่เรื่องข้าวปลา อาหาร สิ่งอุปโภคบริโภค และการจัดศูนย์พักพิง ตอนนี้เข้ารูปเข้ารอยแล้ว ดีขึ้นกว่าวันแรก แต่ปัญหาตอนนี้คือปริมาณน้ำที่ไหลเข้ามามากกว่าเดิม แต่ต้องยอมรับว่าต้องเร่งติดตามว่ามีผู้ประสบภัยติดอยู่ตามบ้านเรือนอีกหรือไม่

 

ตนได้สั่งให้ทางจังหวัดระดมเข้าไปหาวิธีช่วยเหลือประชาชนออกมา เดี๋ยวจะตรวจสอบกับ ร.อ. ธรรมนัส อีกครั้ง เพราะอยู่ในพื้นที่ และตอนนี้ได้ระดมเฮลิคอปเตอร์ ช่วยออกมาจากบ้าน แต่ก็ยอมรับว่าในบางพื้นที่ยังมีฝนตก อาจจะไม่สะดวก แต่ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมทุกทรัพยากรเท่าที่มี

 

ส่วนกรณีที่ ศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อยากให้นายกรัฐมนตรีสั่งการมากกว่าไปผัดมาม่านั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คนพูดก็ตั้งใจหาเรื่อง

 

“ผมไปอยู่ 8-9 ชั่วโมง ผัดข้าวผัด 10 นาที เขาขอให้ผัดก็ผัด เรื่องเล็กครับคนที่ทำงานเขาไม่มาคิดเรื่องเล็กแบบนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คนในพื้นที่มองว่าศูนย์อพยพ 5 แห่ง อาจไม่เพียงพอจะต้องมีการเพิ่มหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าตอนนี้เรามีความพร้อม ในการตั้งศูนย์อพยพเพิ่มเติมอยู่แล้ว เครื่องปั่นไฟก็ไปที่นั่นหมดแล้ว ตอนนี้ก็เสริมความช่วยเหลือทุกอย่างเข้าไป

The post นายกฯ นั่งหัวโต๊ะติดตามน้ำท่วม หาดใหญ่ สั่งการระดมเครื่องสูบน้ำทั่วประเทศลงใต้ด่วน appeared first on THE STANDARD.

]]>