อาหารสัตว์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 03 Nov 2025 08:34:40 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ไทยยูเนี่ยนฯ โชว์กำไรไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,304 ล้านบาท รับแรงหนุนธุรกิจอาหารสัตว์–ทะเลแช่แข็ง เดินหน้าปรับโครงสร้างเพิ่มความคล่องตัวองค์กร https://thestandard.co/thai-union-q3-profit-restructure/ Mon, 03 Nov 2025 07:56:42 +0000 https://thestandard.co/?p=1139117 ไทยยูเนี่ยนฯ โชว์กำไรไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,304 ล้านบาท รับแรงหนุนธุรกิจอาหารสัตว์–ทะเลแช่แข็ง เดินหน้าปรับโครงสร้างเพิ่มความคล่องตัวองค์กร

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU แจ้งตลาด […]

The post ไทยยูเนี่ยนฯ โชว์กำไรไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,304 ล้านบาท รับแรงหนุนธุรกิจอาหารสัตว์–ทะเลแช่แข็ง เดินหน้าปรับโครงสร้างเพิ่มความคล่องตัวองค์กร appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยยูเนี่ยนฯ โชว์กำไรไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,304 ล้านบาท รับแรงหนุนธุรกิจอาหารสัตว์–ทะเลแช่แข็ง เดินหน้าปรับโครงสร้างเพิ่มความคล่องตัวองค์กร

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 1,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 6.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน โดยมียอดขายรวม 34,501 ล้านบาท ได้แรงหนุนหลักจากกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็ง ขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 4,127 ล้านบาท

 

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสนี้สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวของบริษัท ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยไทยยูเนี่ยนยังคงเห็นสัญญาณการเติบโต ทั้งในด้านปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 19% ซึ่งสะท้อนว่ากลยุทธ์ของบริษัทกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง

 

ในไตรมาส 3 บริษัทมีกำไรขั้นต้น 6,549 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไตรมาสที่มีกำไรขั้นต้นสูงเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งยังทำผลงานโดดเด่น โดยมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการบริหารพอร์ตผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับอานิสงส์จากต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์น้ำที่ปรับลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 18.5–19.5%

 

ขณะเดียวกัน บริษัทเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ Transformation อย่างต่อเนื่อง ภายใต้โปรเจกต์ Sonar และ Tailwind ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันกลยุทธ์สู่เป้าหมายปี 2573 โดยยอมรับว่าค่าใช้จ่ายจากโครงการเหล่านี้ยังมีผลกระทบต่อกำไรในระยะสั้น แต่คาดว่าจะทยอยลดลงตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป

 

ทั้งนี้ ไทยยูเนี่ยนยังอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างการบริหารงานเพื่อเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพการจัดการต้นทุนในทุกมิติ ตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายสุทธิรวม 118 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2570

 

ในด้านการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจหลัก บริษัทระบุว่า ยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ แม้ต้องเผชิญแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
1. กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป มียอดขายลดลง 3.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน แม้ปริมาณการขายจะทรงตัว

 

2. กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็ง มียอดขายเติบโต 5.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดในรอบ 7 ไตรมาสที่ 13.8% ได้แรงหนุนจากยอดขายในหลายตลาด โดยเฉพาะกลุ่มอาหารสัตว์น้ำที่เติบโตทั้งยอดขายและปริมาณ

 

3. กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง มียอดขายเติบโต 6.2% ในสกุลเงินบาท และ 14.2% ในสกุลเงินดอลลาร์ สหรัฐ เมื่อเทียบกับปีก่อน จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐฯ และยุโรป

 

พร้อมย้ำว่า ไทยยูเนี่ยนจะยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เสริมศักยภาพธุรกิจหลัก และต่อยอดพอร์ตแบรนด์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในระยะยาว ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน

The post ไทยยูเนี่ยนฯ โชว์กำไรไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,304 ล้านบาท รับแรงหนุนธุรกิจอาหารสัตว์–ทะเลแช่แข็ง เดินหน้าปรับโครงสร้างเพิ่มความคล่องตัวองค์กร appeared first on THE STANDARD.

]]>
สำนักงานปศุสัตว์ศรีสะเกษ ขอเชิญร่วมบริจาคฟางก้อนช่วยโคกระบือที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดน https://thestandard.co/help-farm-animals-sisaket-border-area/ Thu, 31 Jul 2025 03:05:13 +0000 https://thestandard.co/?p=1101983 ปศุสัตว์ศรีสะเกษ

วันนี้ (31 กรกฎาคม) สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ ขอเ […]

The post สำนักงานปศุสัตว์ศรีสะเกษ ขอเชิญร่วมบริจาคฟางก้อนช่วยโคกระบือที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปศุสัตว์ศรีสะเกษ

วันนี้ (31 กรกฎาคม) สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ ขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค ฟางก้อน หญ้าสด และอาหารข้น เพื่อช่วยเหลือโค กระบือในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ ที่กำลังเผชิญภาวะขาดแคลนอาหารสัตว์อันเป็นผลจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

 

โดยสามารถนำอาหารสัตว์มาบริจาคได้ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ณ จุดรับบริจาคในอำเภอกันทรลักษ์ หรือประสานจุดรับบริจาคตามพื้นที่ต่าง ๆ ได้ที่

 

  • น.สพ.พิศุทธิ์ สุภาพ โทร. 089-959-1441
  • สพ.ญ.ศิริจร เพ็ชรน้อย โทร. 093-385-6264
  • น.สพ.ทรงศิลป์ พุ่มมณี โทร. 088-762-9940

 

ทั้งนี้ ทางหน่วยงาน ไม่รับเงินบริจาค ในทุกกรณี แต่ขอรับเป็น สิ่งของและอาหารสัตว์เท่านั้น

 

นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการบริจาคอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัขและแมว ทางสำนักงานฯ ขอแจ้งว่า ขณะนี้มีปริมาณเพียงพอแล้ว จึงขอ งดรับบริจาคในส่วนนี้ เพื่อให้การจัดสรรทรัพยากรเป็นไปอย่างเหมาะสม

 

สำนักงานปศุสัตว์ฯ เน้นย้ำว่า ฟางก้อนสำหรับโคกระบือเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนในสถานการณ์นี้ และทุกการช่วยเหลือจากประชาชนจะมีส่วนสำคัญในการประคับประคองชีวิตสัตว์ที่ได้รับผลกระทบในช่วงเวลาวิกฤต

The post สำนักงานปศุสัตว์ศรีสะเกษ ขอเชิญร่วมบริจาคฟางก้อนช่วยโคกระบือที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดรับบริจาคอาหารสัตว์ ช่วยน้องหมา-แมว-วัว-ควาย ได้รับผลกระทบชายแดนศรีสะเกษ https://thestandard.co/animal-aid-kantaralak-border/ Mon, 28 Jul 2025 06:15:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1100889 animal-aid-kantaralak-border

วันนี้ (28 กรกฎาคม) พิศิษฐ์ สุภาพ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ […]

The post เปิดรับบริจาคอาหารสัตว์ ช่วยน้องหมา-แมว-วัว-ควาย ได้รับผลกระทบชายแดนศรีสะเกษ appeared first on THE STANDARD.

]]>
animal-aid-kantaralak-border

วันนี้ (28 กรกฎาคม) พิศิษฐ์ สุภาพ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ รักษาราชการแทนปศุสัตว์อำเภอกันทรลักษ์ พร้อมด้วย สพ.ญ. ปรารถนา ทองอินทร์ สัตวแพทย์ชำนาญการ และ ทีมสัตวแพทย์ ลงพื้นที่ศูนย์อพยพประชาชนจากเหตุความรุนแรงชายแดนไทย – กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า ถ่ายพยาธิ หยอดยาเห็บหมัด และแจกจ่ายอาหารแก่สัตว์เลี้ยงที่ประชาชนพาออกมาจากบ้านเรือนซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อันตราย

 

พิศิษฐ์ ให้ข้อมูลกับทีมข่าว THE STANDARD ว่า สำนักงานปศุสัตว์อำเภอกันทรลักษ์ได้แบ่งเจ้าหน้าที่สำรวจตามศูนย์อพยพฯ เพื่อดูแลรักษาสัตว์เลี้ยงในช่วงที่ต้องย้ายที่อยู่อาศัยชั่วคราว สำหรับอำเภอกันทรลักษ์ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคพิษสุนัขบ้า เจ้าหน้าที่จึงถือโอกาสนี้ฉีดวัคซีนให้สัตว์เหล่านี้ไปในตัว

 

สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ไม่สามารถนำออกมาจากบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อันตราย เบื้องต้นสำนักงานปศุสัตว์ฯ ได้ประสานกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เพื่อขอทราบจำนวนสัตว์ จะได้จัดเตรียมอาหารไปให้ ชรบ. ให้อาหารสัตว์เหล่านั้นตามบ้าน เพราะด้วยสถานการณ์ที่อันตรายทีมสัตวแพทย์เองก็ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้

 

ทั้งนี้สำนักงานปศุสัตว์อำเภอกันทรลักษ์ ได้เตรียมแผนดูแลสัตว์เลี้ยงขั้นต่อไปหลังเหตุความรุนแรงชายแดนสงบลงคือการเป็นศูนย์กลางประชาสัมพันธ์ตามหาสัตว์เลี้ยงที่ตกใจเสียงปืน และ ระเบิดจนเตลิดออกจากบ้าน สูญหาย

 

พิศิษฐ์ ได้ฝากประชาสัมพันธ์ผ่านทีมข่าวโดยขอเปิดรับบริจาคอาหารสุนัข และ แมว สำหรับทุกช่วงอายุเพื่อให้สามารถนำไปช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงตามหมู่บ้านและจุดอพยพฯได้ นอกจากนี้ยังขอรับบริจาคหญ้าสด และ ฟางแห้งสำหรับวัว และ ควายตามคอกในพื้นที่อันตราย

 

โดยสามารถติดต่อ ได้ที่ พิศิษฐ์ เบอร์โทรศัพท์ 089-9591441 หรือ สพ.ญ. ปรารถนา เบอร์โทรศัพท์ 090-9545810 ทั้งนี้ขอให้ผู้บริจาคนำส่งอาหารเข้ามาในพื้นที่  เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่สะดวกเดินทางไปรับมอบ

 

ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง ปศุสัตว์กันทรลักษ์ ช่วยสัตว์เลี้ยง

The post เปิดรับบริจาคอาหารสัตว์ ช่วยน้องหมา-แมว-วัว-ควาย ได้รับผลกระทบชายแดนศรีสะเกษ appeared first on THE STANDARD.

]]>
PETPAL ยื่นไฟลิ่งเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เตรียมลุยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง 1.32 แสนล้านดอลลาร์ https://thestandard.co/petpal-mai-listing/ Mon, 16 Jun 2025 04:58:30 +0000 https://thestandard.co/?p=1085445 petpal-mai-listing

PETPAL ยื่นไฟลิ่งเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ( […]

The post PETPAL ยื่นไฟลิ่งเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เตรียมลุยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง 1.32 แสนล้านดอลลาร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
petpal-mai-listing

PETPAL ยื่นไฟลิ่งเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้งแบบเม็ดพร้อมบริการครบวงจร เตรียมลุยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีมูลค่า 1.32 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

บมจ.เพ็ทพัล โปรดักส์ หรือ PETPAL ยื่นไฟลิ่งเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เสริมความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้งแบบเม็ดภายใต้แบรนด์ของลูกค้า (ODM) พร้อมบริการแบบครบวงจร 
ชูศักยภาพผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมกว่า 10 ปี และทีมผู้เชี่ยวชาญร่วมทำงานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด
ทุกขั้นตอน ตั้งแต่คิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ด้วยสูตรเฉพาะของบริษัทฯ การคัดสรรวัตถุดิบ เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และโรงงานที่ได้รับรองมาตรฐานทั้งระดับประเทศและระดับสากล รวมถึงมีการผลิตและจำหน่ายอาหารแมวและสุนัขชนิดเม็ดแบบแห้งภายใต้แบรนด์ของตนเอง (House Brand) เพื่อเพิ่มโอกาสขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าธุรกิจในระยะยาว

 

วสกร โมรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท เพ็ทพัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PETPAL เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้งแบบเม็ด (Dry Pet Food) ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า (Original Design Manufacturer: ODM) พร้อมบริการแบบครบวงจร (One-stop Service) โดยครอบคลุมการให้คำปรึกษา การคิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การผลิต จัดเตรียมเอกสาร และจัดส่งสินค้า นอกจากนี้ ได้มุ่งเน้นการให้บริการที่มีความยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ทั้งที่เป็นเจ้าของแบรนด์ระดับสากลและลูกค้ารายใหม่ที่ต้องการสร้างแบรนด์สินค้าของตนเอง

 

บริษัทฯ มีผู้บริหารที่มีองค์ความรู้และประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงมานานกว่า 10 ปี และมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอาหารสัตว์เลี้ยงทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การคิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ด้วยสูตรเฉพาะของบริษัทฯ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย การคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัย การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิตและมีการตรวจสอบควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน 

 

โรงงานของบริษัทฯ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดสระบุรี ได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งระดับประเทศและระดับสากล อาทิ มาตรฐานการผลิตที่ดี (GMP), มาตรฐานระบบการจัดการและควบคุมความปลอดภัยของอาหาร (GHP / HACCP – Food Safe) มาตรฐาน ISO22000, ISO9001:2015 ฯลฯ และมาตรฐานเฉพาะอื่น ๆ เช่น มาตรฐาน HALAL ที่รับรองผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ว่าเป็นไปตามหลักของศาสนาอิสลาม, มาตรฐาน SUCI PURE ด้านความสะอาดและปลอดภัย เป็นต้น ซึ่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 โรงงานมีกำลังการผลิต 36,000 ตันต่อปี 

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังผลิตและจำหน่ายอาหารแมวและสุนัขชนิดเม็ดแบบแห้งภายใต้แบรนด์ของตนเอง (House Brand) เพื่อเพิ่มโอกาสขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ และเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะเพิ่มมูลค่าธุรกิจในระยะยาว รวมถึงเพิ่มยืดหยุ่นในการปรับตัวให้สอดคล้องกับตลาดที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ 

 

โดยมีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมตลาดทุกระดับ ได้แก่ 

  1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม (Premium Grade) สำหรับลูกค้าที่ต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงที่ผลิตจากวัตถุดิบคุณภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ได้แก่ อาหารแมวและสุนัข แบรนด์ Boom Gold และอาหารแมวแบรนด์ Animeals 

 

  1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับมาตรฐาน (Standard Grade) สำหรับลูกค้าที่ต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพในราคาย่อมเยา ได้แก่ อาหารแมวและสุนัขแบรนด์ Boom และอาหารสุนัขแบรนด์ MYPETS                            

 

  1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับประหยัด (Economy Grade) โดยยังคงคุณค่าทางโภชนาการขั้นพื้นฐานสำหรับสัตว์เลี้ยง ได้แก่ อาหารแมวและสุนัขแบรนด์ Smillie

 

บริษัทฯ ทำการตลาดทั้งแบบ B2B และ B2C ทั้งในและต่างประเทศ จึงช่วยกระจายความเสี่ยงกลุ่มลูกค้าและการพึ่งพารายได้จากประเทศใดประเทศหนึ่ง สะท้อนจากปี 2567 ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดมีสัดส่วนรายได้เพียงร้อยละ 20 และมีการส่งออกผลิตภัณฑ์แบบ ODM และ House Brand กว่าร้อยละ 61

 

อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มเติบโตดีช่วยสนับสนุนการขยายตัวของบริษัทฯ บริษัทฯ มั่นใจว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งไปพร้อมกับภาพรวมอุตสาหกรรมและแนวโน้มการเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น โดย Fortune Business Insights ประเมินว่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกปี 2567 มีมูลค่ารวม 1.26 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าปี 2568-2575 จะมีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นจาก 1.32 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1.93 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ร้อยละ 5.52 

 

นลิน วิริยะเสถียร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บมจ.เพ็ทพัล โปรดักส์ ได้เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ปัจจุบันได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดยปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 75,384,500 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 150,769,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วมีจำนวน 49,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 98,000,000 หุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 52,769,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 35 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ขยายการลงทุนโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินงานและในอนาคต รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

The post PETPAL ยื่นไฟลิ่งเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เตรียมลุยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง 1.32 แสนล้านดอลลาร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รวบหนุ่มไทยลอบขนเฮโรอีน 17.6 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ซุกมากับอาหารสัตว์-กาแฟ ข้ามแดนหนองคาย https://thestandard.co/heroin-smuggling-nongkhai-border-arrest/ Sat, 17 May 2025 05:33:45 +0000 https://thestandard.co/?p=1075257 เจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายตรวจยึด เฮโรอีน ซุกในอาหารสัตว์และกาแฟจากชายไทย

วานนี้ (16 พฤษภาคม) ด่านศุลกากรหนองคาย ร่วมกับหน่วยงานส […]

The post รวบหนุ่มไทยลอบขนเฮโรอีน 17.6 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ซุกมากับอาหารสัตว์-กาแฟ ข้ามแดนหนองคาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายตรวจยึด เฮโรอีน ซุกในอาหารสัตว์และกาแฟจากชายไทย

วานนี้ (16 พฤษภาคม) ด่านศุลกากรหนองคาย ร่วมกับหน่วยงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.), ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย, กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, ตำรวจภูธรเมืองหนองคาย, หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตหนองคาย และตำรวจตระเวนชายแดน จับกุมหนุ่มไทยพร้อมเฮโรอีนน้ำหนักรวมกว่า 17.6 กิโลกรัม มูลค่าปลายทางกว่า 61 ล้านบาท

 

โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 18.30 น. คุณากร (สงวนนามสกุล) ได้เดินทางจาก สปป.ลาว เข้ามายังประเทศไทยพร้อมกระเป๋าสัมภาระ 2 ใบ ซึ่งภายในบรรจุอาหารสัตว์ ถุงกาแฟ และของอุปโภคบริโภคต่างๆ เจ้าหน้าที่ศุลกากรสังเกตเห็นลักษณะบรรจุภัณฑ์ที่น่าสงสัย จึงได้นำกระเป๋าดังกล่าวเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ และพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายผงสีขาวบรรจุอยู่ในถุงกาแฟ 5 ถุง และถุงอาหารสัตว์ (อาหารแมว, อาหารกระต่าย) อีก 13 ถุง เมื่อนำตัวอย่างไปทดสอบด้วยน้ำยา ONCB051 พบว่าแสดงผลเป็นสีม่วง ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน)

 

จากการสอบสวนเบื้องต้น คุณากร ให้การว่า ตนเดินทางไปนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับน้องชายที่ถูกจับกุมใน สปป.ลาว ข้อหาครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ต่อมาได้รับการติดต่อจากหญิงชื่อ พิณทิพย์ (สงวนนามสกุล) หรือ อาย ผ่านทางแอปพลิเคชัน WhatsApp แจ้งว่าจะมีคนนำกระเป๋ามาให้

 

จากนั้นเวลาประมาณ 14.40 น. ของวันเดียวกัน มีชายผิวสี (ไม่ทราบสัญชาติ) นำกระเป๋าสัมภาระดังกล่าวมาให้ตน พร้อมสั่งให้นำกระเป๋าไปส่งที่บริษัทขนส่งภายในประเทศ โดยมีปลายทางที่จังหวัดสงขลา ซึ่งข้อมูลผู้รับจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหลังข้ามมาถึงประเทศไทยแล้ว ตนจึงนำกระเป๋าขึ้นรถประจำทางเดินทางกลับเข้าไทย เมื่อผ่านช่องตรวจของศุลกากรจึงถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจและพบยาเสพติดดังกล่าว

 

ยาเสพติดที่ตรวจยึดได้มีน้ำหนักรวมประมาณ 17.6 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าเบื้องต้นประมาณ 5,280,000 บาท แต่หากสามารถลักลอบนำไปจำหน่ายยังปลายทางได้ คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 61,000,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวคุณากรพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

The post รวบหนุ่มไทยลอบขนเฮโรอีน 17.6 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ซุกมากับอาหารสัตว์-กาแฟ ข้ามแดนหนองคาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
TFM หันรุกตลาดต่างประเทศ หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ กระจายความเสี่ยงธุรกิจในประเทศ พร้อมตั้งเป้ารายได้รวมแตะ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 2573 https://thestandard.co/tfm-goes-global-strategy-2573/ Tue, 25 Mar 2025 10:37:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1056442

TFM ตั้งเป้าหมายจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ระดับ 18-2 […]

The post TFM หันรุกตลาดต่างประเทศ หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ กระจายความเสี่ยงธุรกิจในประเทศ พร้อมตั้งเป้ารายได้รวมแตะ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 2573 appeared first on THE STANDARD.

]]>

TFM ตั้งเป้าหมายจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ระดับ 18-20% โดยมีการเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งเตรียมจะใช้งบลงทุนในระหว่างปี 2568-2573 ไว้ที่ 300-500 ล้านบาทต่อปี

 

พีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายภายในปี  2573 จะมีรายได้รวมแตะ 10,000 ล้านบาทหรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 11% พร้อมตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ไว้ที่ระดับ 18-20% โดยมีการเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ (Segment) โดยเฉพาะอาหารกุ้งและอาหารปลา ที่เป็นผู้นำตลาดอยู่แล้ว รวมถึงขยายสู่อาหารปลาน้ำจืดอื่นๆ โดยปัจจุบันสินค้าที่วางจำหน่ายของบริษัทฯ มีจำนวนประมาณ 275 รายการ (SKU)

 

ส่วนแผนธุรกิจในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 8-10% จากการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ จากในปี 2567 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 5,365 ล้านบาท เติบโต 5.6% อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.7% และกำไรสุทธิโตขึ้นจากปีก่อน 5 เท่าตัวคิดเป็นกำไรที่ 535 ล้านบาท

 

กระจายความเสี่ยง ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ

 

บริษัทฯ มีแผนในช่วง 2568-2573 จะขยายรุกตลาดในต่างประเทศมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยงของธุรกิจจากในประเทศและเป็นการสร้างโอกาสการเติบโตที่เพิ่มขึ้นซึ่งในปี 2573 ตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งในอินโดนีเซียจะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 18%, ส่วนตลาดต่างประเทศอื่นๆ จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 11% ขณะที่ประเทศไทยจะมีสัดส่วนลดลงอยู่ที่ประมาณ 71%

 

ขณะที่โครงสร้างของราคาขายสินค้าในตลาดต่างประเทศถือเป็นราคาที่สูงกว่าราคาขายในประเทศไทย ส่งผลให้บริษัทจะยังสามารถรักษา GPM อยู่ที่ 18-20% ได้ตามเป้าหมายของบริษัทฯ ที่ตั้งไว้

 

ทั้งนี้พอร์ตรายได้ปัจจุบันของบริษัทมาจากธุรกิจในประเทศไทยประมาณ 84%, อินโดนีเซียสัดส่วน 12%, ปากีสถานสัดส่วน 1% และประเทศอื่นๆ อีก 3%

 

โดยตลาดต่างประเทศ นับเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญของบริษัทฯ ในอนาคตและช่วยกระจายความเสี่ยงพอร์ตรายได้ จากจุดเริ่มต้นด้วยการส่งออกสินค้าประเทศศรีลังกา และต่อยอดสู่ประเทศที่มีอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเติบโต ได้แก่ อินเดีย,อินโดนีเซีย, แอฟริกาใต้, กลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง และเริ่มส่งออกสินค้าไปรัฐฮาวาย ของสหรัฐฯ

 

โดยกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจในตลาดประเทศจะเน้นการร่วมมือกับคู่ค้าพันธมิตรในต่างประเทศที่มีฐานะที่แข็งแกร่งเพื่อลดความเสี่ยงให้บริษัทฯ เพื่อรุกตลาดใหม่ๆ และขยายตลาดเดิม พร้อมสร้างฐานลูกค้าและโอกาสทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นในตลาดส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ

 

พีระศักดิ์ บุญมีโชติ

ภาพ: พีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน)

 

“เราไม่ได้กังวลประเด็นกำแพงภาษีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะเราส่งออกสหรัฐฯ ไม่มาก ส่วนการนำเข้าวัตถุดิบจากสหรัฐฯ ก็ค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากแหล่งอื่นๆ คือ บราซิลกับอาร์เจนตินา ขณะที่วัตถุดิบหลักที่เราใช้ คือ BY-PRODUCT ของปลาทูน่า จึงไม่มีผลกระทบกับบริษัทฯ”

 

ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตอาหารสัตว์จำนวน 4 โรงงานทั่วโลก แบ่งเป็นในประเทศไทยจำนวน 2 โรงงาน, ในอินโดนีเซียจำนวน 1 โรงงาน และปากีสถานอีกจำนวน 1 โรงงาน อีกทั้งมีประเทศคู่ค้าทั่วโลกจำนวน 13 ประเทศ

 

“บริษัทฯ มีการใช้วัตถุดิบในการผลิตสินค้ากลุ่มอาหารสัตว์ที่มาจาก BY-PRODUCT ของปลาทูน่าของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU สัดส่วนประมาณ 30-40% ของที่ใช้ทั้งหมด ซึ่งเป็นจุดแข็งที่มีความแตกต่างจากคู่แข่ง ถือเป็นบริษัทฯ เดียวที่มีทรัพยากรนี้

 

ดังนั้น จึงมีคาแรกเตอร์ของสินค้าอาหารสัตว์ที่แตกต่างจากคู่แข่งด้วย ส่วนการซื้อวัตถุดิบมีการ Synergy ของทั้งกลุ่มทำให้สามารถได้ทั้งวอลุ่มกับแวลูที่มีต้นทุนที่ถูกลง อีกทั้งจะเลือกขายสินค้าเฉพาะที่ทำกำไร และตัดสินค้าที่ไม่ทำกำไรออกจากพอร์ต”

 

แผน ปี 68-73 ทุ่ม 300-500 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักร เพิ่มกำลังผลิต

 

สำหรับแผนลงทุนระหว่างปี 2568-2573 ตั้งลงทุนไว้ประมาณ 300-500 ล้านบาทต่อปี เพื่อใช้ซื้อเครื่องจักร รวมปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงงาน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีการใช้เพียงสัดส่วนประมาณ 60% ของกำลังการผลิตรวมทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อเป็นปัจจัยสนับสนุนให้รายได้เป็นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

 

นอกจากนี้ สำหรับตลาดในประเทศ TFM จะรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มอาหารกุ้ง อาหารปลากะพง และอาหารกบ โดยจะมุ่งขยายตลาดในพื้นที่ที่ยังมีโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ด้วยการรักษาคุณภาพสินค้าให้เป็นที่ยอมรับ พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับเกษตรกร ผ่านบริการและองค์ความรู้เชิงวิชาการ

 

ขณะเดียวกันได้เตรียมขยายสู่ตลาดอาหารปลาน้ำจืดที่มีมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก และตั้งเป้าหมายก้าวเป็นผู้นำตลาดอาหารปลาน้ำจืดในอนาคต

 

นอกจากนี้ ยังเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอาหารสัตว์น้ำในประเทศไทย ล่าสุด ได้เปิดตัว 3 แบรนด์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ตลาดเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ แบรนด์ขุนศึก เป็นอาหารปลานิลที่โดดเด่นในเรื่องช่วยให้ปลาโตเร็วและมีรูปร่างตรงตามความต้องการของตลาด, แบรนด์กบทอง เป็นอาหารสำหรับกบขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกรที่เลี้ยงกบเชิงพาณิชย์ และแบรนด์โปรฟีดปลากดคัง เป็นอาหารปลากดคัง ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะในภาคตะวันออกของประเทศไทย

 

แตกพาร์หุ้น TFM เหลือ 1 บาท ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง

 

พีระศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่บริษัทฯ ก่อนหน้าที่ได้มีการแตกพาร์หุ้น TFM จาก 2 บาทต่อหุ้น เหลือ 1 บาทต่อหุ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้หุ้นของ TFM มีวอลุ่มสภาพคล่องการซื้อขายที่ต่ำมาก ดังนั้นเชื่อว่าการแตกพาร์ ประกอบกับแผนกลยุทธ์การสร้างการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต จะสามารถช่วยเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น TFM ให้ดีขึ้น ขณะที่สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ปัจจุบันอยู่ที่ 31.70% มองว่าเป็นระดับที่มีความเหมาะสม

 

ปัจจุบัน TFM มี บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 1 ด้วยสัดส่วน 51%

The post TFM หันรุกตลาดต่างประเทศ หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ กระจายความเสี่ยงธุรกิจในประเทศ พร้อมตั้งเป้ารายได้รวมแตะ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 2573 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Hide & Seek ทรายแมวรักษ์โลก ทำจากมันสำปะหลัง https://thestandard.co/life/hide-and-seek-eco-cat-litter-cassava/ Thu, 13 Mar 2025 08:36:07 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1051720 ทรายแมว Hide & Seek ผลิตจากมันสำปะหลังไทย 100% ปลอดภัยต่อแมวและสิ่งแวดล้อม จับตัวเป็นก้อนเมื่อโดนน้ำ

ผมเลี้ยงแมวแล้วก็ใช้ทรายแมวมาเป็นเวลานาน รู้สึกว่าคุณภา […]

The post Hide & Seek ทรายแมวรักษ์โลก ทำจากมันสำปะหลัง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรายแมว Hide & Seek ผลิตจากมันสำปะหลังไทย 100% ปลอดภัยต่อแมวและสิ่งแวดล้อม จับตัวเป็นก้อนเมื่อโดนน้ำ

ผมเลี้ยงแมวแล้วก็ใช้ทรายแมวมาเป็นเวลานาน รู้สึกว่าคุณภาพไม่ดีเลย เลยอยากลองทำผลิตภัณฑ์ทรายแมวขึ้นมาเอง ที่มันปลอดภัยสุดๆ และดีต่อสิ่งแวดล้อมจริงๆ ทั้งสัตว์และคน

ดร.ลัญจกร อมรกิจบำรุง, Product Manager of Hide & Seek

 

รู้หรือไม่ว่าทรายแมวที่ขายในปัจจุบันมีส่วนผสมบางประเภทที่อาจส่งผลเสียต่อทั้งคนและน้องแมวในระยะยาว ทั้งยังสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจทำทรายแมวขึ้นมาเอง โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องปลอดภัยทั้งแมวและคน กำจัดง่าย และกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

 

Eco-Curious ตอนนี้ เราพาคุณไปรู้จักกับ Hide & Seek แบรนด์ทรายแมวสัญชาติไทย ที่คิดค้นทรายแมวรุ่นใหม่ ผลิตจากมันสำปะหลังไทย 100% ได้รับการรับรองว่าดีต่อสุขภาพแมวและทาส กำจัดง่าย คุมกลิ่นได้ และดีต่อสิ่งแวดล้อม ถูกใจเหล่าทาสแมวยุคใหม่ จนส่งออกไปต่างประเทศ ทั้งยังได้รางวัลการันตีคุณภาพมากมาย

 

ดูรายการเต็มได้ที่: https://www.instagram.com/p/DHHzvBdC-ZX/ 

 

ทรายแมว Hide & Seek ผลิตจากมันสำปะหลังไทย 100% ปลอดภัยต่อแมวและสิ่งแวดล้อม จับตัวเป็นก้อนเมื่อโดนน้ำ

 

What is Hide & Seek?

 

Hide & Seek เป็นแบรนด์ทรายแมวสัญชาติไทยที่เกิดขึ้นจากกลุ่มเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ทาสแมว 3 คน พวกเขาพบว่าทรายแมวที่มีอยู่ในท้องตลาดนั้นมีส่วนประกอบของแร่หินภูเขาไฟ Bentonite ซึ่งไม่ปลอดภัยต่อแมวและคนเลี้ยงในระยะยาว เมื่อหาแบรนด์ทรายแมวที่ปลอดภัยจริงๆ ไม่ได้ จึงตัดสินใจรวมกลุ่มกันวิจัยทรายแมวและเปิดแบรนด์ของตนเองขึ้นมา 

 

ทรายแมวของ Hide & Seek ผลิตจากมันสำปะหลังธรรมชาติ 100% มีคุณสมบัติในการจับตัวเป็นก้อนเมื่อเปียกน้ำ ทำให้สะดวกต่อการทำความสะอาด ปลอดภัยต่อแมว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี และไม่มีฝุ่นที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพกับแมว 

 

“ด้วยความที่เป็นนักเคมี ฟังก์ชันของทรายแมวอย่างหนึ่งคือต้องโดนฉี่แมวแล้วเหนียว จับตัวเป็นก้อน เวลากระบวยตักทิ้ง ส่วนที่เหลือในกระบะต้องสะอาดใช้ต่อได้ แล้ววัตถุดิบอะไรในไทยที่มีโดนน้ำแล้วเหนียวได้ สิ่งที่มันเหนียวก็คือ พวกแป้งมันสำปะหลัง เลยเป็นที่มาว่าทำไมเราถึงเอาแป้งมันสำปะหลังมาลองพัฒนาเป็นทรายแมว”

 

ทรายแมว Hide & Seek ผลิตจากมันสำปะหลังไทย 100% ปลอดภัยต่อแมวและสิ่งแวดล้อม จับตัวเป็นก้อนเมื่อโดนน้ำ ทรายแมว Hide & Seek ผลิตจากมันสำปะหลังไทย 100% ปลอดภัยต่อแมวและสิ่งแวดล้อม จับตัวเป็นก้อนเมื่อโดนน้ำ

 

How sustainable is it?

 

อย่างที่เกริ่นไว้เบื้องต้นว่าทรายแมวในตลาด ไม่ว่าจะเป็น Gen 1 ซึ่งทำจากแร่หินภูเขาไฟบดละเอียด หรือ Gen 2 ที่เรียกกันว่าทรายแมวเต้าหู้ ก็ล้วนแต่มีฝุ่นและสารพิษที่ไม่ปลอดภัยกับแมวในระยะยาว นอกจากนั้นยังทำลายยาก ไม่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติ มีสถิติว่า แมว 1 ตัว ต้องใช้ทรายแมวประมาณ 2.7 กิโลกรัมต่อเดือน คิดเป็นปีละประมาณ 32.4 กิโลกรัม ประเทศไทยมีแมวที่ลงทะเบียนไว้เกือบ 3 ล้านตัว (สถิติปี 2563) หากมีแมวเพียงล้านตัวที่ใช้ทรายแมวรักษ์โลกก็จะช่วยลดการสร้างขยะได้สูงถึงปีละ 32.4 ล้านกิโลกรัม 

 

นั่นยังไม่รวมประเด็นการสนับสนุนเกษตรกรไทย ช่วยให้เกษตรกรชาวไร่ผู้เพาะปลูกมันสำปะหลังมีรายได้ตลอดทั้งปี อีกทั้งยังทางแบรนด์ยังเริ่มนำวัสดุอื่นๆ ที่เป็นขยะทางการเกษตรมาวิจัยทำเป็นทรายแมวด้วย เช่น กากมันสำปะหลัง ซังข้าวโพด แม้ตอนนี้จะยังวิจัยไม่สำเร็จ แต่ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงนโยบายด้านความยั่งยืนของแบรนด์

 

ทรายแมว Hide & Seek ผลิตจากมันสำปะหลังไทย 100% ปลอดภัยต่อแมวและสิ่งแวดล้อม จับตัวเป็นก้อนเมื่อโดนน้ำ

 

ใครที่สนใจทรายแมวของ Hide & Seek สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.facebook.com/HideandSeekCatLitterOfficial

The post Hide & Seek ทรายแมวรักษ์โลก ทำจากมันสำปะหลัง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผ่ากลยุทธ์ใหม่ ‘ไทยยูเนี่ยน’ กับภารกิจครั้งสำคัญเสริมแกร่งธุรกิจหลัก สร้างคลื่นลูกใหม่ ขยายโอกาสผ่านน่านน้ำใหม่ ดันเป้ายอดขายปี 2573 ทะลุ 2.45 แสนล้านบาท กำไรพุ่ง 2 เท่า [PR NEWS] https://thestandard.co/thai-union-growth-strategy-2030-targets/ Tue, 19 Nov 2024 07:00:35 +0000 https://thestandard.co/?p=1010278 ไทยยูเนี่ยน

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี […]

The post ผ่ากลยุทธ์ใหม่ ‘ไทยยูเนี่ยน’ กับภารกิจครั้งสำคัญเสริมแกร่งธุรกิจหลัก สร้างคลื่นลูกใหม่ ขยายโอกาสผ่านน่านน้ำใหม่ ดันเป้ายอดขายปี 2573 ทะลุ 2.45 แสนล้านบาท กำไรพุ่ง 2 เท่า [PR NEWS] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยยูเนี่ยน

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ฉายภาพว่า ปัจจุบันโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะการต้องเผชิญกับความท้าทาย ทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเติบโตของ GDP ทั่วโลกที่ยังชะลอตัว ตลอดจนภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น มีส่วนทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง

 

นอกจากนั้น พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย ผู้บริโภคหลายคนหันมาใช้จ่ายเพื่อดูแลสุขภาพตัวเองและสัตว์เลี้ยงมากขึ้นกว่าในอดีต สะท้อนให้เห็นว่าทุกความท้าทายที่เกิดขึ้นมีโอกาสให้ธุรกิจต้องคว้าเอาไว้ให้ได้

 

 

แม้สภาพตลาดยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนสูง แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากอัตราดอกเบี้ยเริ่มลดลง และเงินเฟ้อเองก็ลดลงเช่นกัน จึงมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจกำลังจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งหากย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อนไทยยูเนี่ยนเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะเน้นต่อยอดจากสินค้าเดิมไปสู่สินค้าใหม่และการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศ

 

เปลี่ยนมุมมองการทำธุรกิจรับโลกยุคใหม่

 

แต่วันนี้ต้องบอกว่ามุมมองการทำธุรกิจของไทยยูเนี่ยนเปลี่ยนไปอย่างมาก เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เร็วขึ้น ไทยยูเนี่ยนไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง นอกจากมุ่งเน้นการเติบโตของรายได้ยังต้องเน้นความสามารถในการทำกำไรให้มากขึ้น

 

 

ทั้งหมดจะช่วยให้องค์กรเดินหน้าไปสู่เป้าหมายสร้างยอดขายให้ได้ 2.45 แสนล้านบาท และทำกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในปี 2573

 

 

“เราพร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพจากท้องทะเล ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการมีสุขภาพที่ดีและท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ขององค์กร” หัวเรือใหญ่ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ย้ำ

 

แล้วอะไรคือกุญแจช่วยผลักดันให้ไทยยูเนี่ยนสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

 

พอล เฮอร์โฮลซ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และทรานส์ฟอร์เมชั่น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อไปว่า ความสำเร็จทั้งหมดจะมาจากแผนงานและกลยุทธ์ที่จะมุ่งสู่ปี 2573 เน้นให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจที่เติบโตได้ดี พร้อมเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจเดิม ธุรกิจใหม่ รวมถึงการควบรวมกิจการ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

ไทยยูเนี่ยน

 

เมื่อมาดูหัวใจสำคัญของทิศทางการดำเนินธุรกิจแบ่งออกเป็น 3 แกนหลัก เริ่มตั้งแต่

 

 

  1. สร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ได้แก่ อาหารทะเลแปรรูป อาหารแช่เย็น และอาหารสัตว์ เพื่อสร้างกระแสเงินสดที่จำเป็นสำหรับการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตใหม่ๆ
  2. สร้างคลื่นลูกใหม่ของการเติบโต มุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจที่เติบโตเร็ว เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง อาหารแช่แข็ง อาหารพร้อมรับประทาน และอินกรีเดียนท์ ซึ่งไทยยูเนี่ยนเชื่อว่าจะยังคงขับเคลื่อนการเติบโตของผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
  3. การเปิดน่านน้ำใหม่ มุ่งเน้นการแสวงหาไอเดียและเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และโปรตีนทางเลือก เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของไทยยูเนี่ยนในอนาคต

 

 

กลยุทธ์ทั้งหมดช่วยวางรากฐานให้องค์กรแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน

 

และจะยิ่งแข็งแรงมากขึ้นไปอีกคือบริษัทเตรียมดำเนินงานผ่าน 2 โปรเจกต์ทรานส์ฟอร์เมชันเข้ามาช่วย ซึ่งอยู่ภายใต้กลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573

 

ไทยยูเนี่ยน

 

  1. โปรเจกต์โซนาร์ (Project Sonar) ซึ่งเป็นโครงการทรานส์ฟอร์เมชันของกลุ่มบริษัท ที่วางรากฐานในการเติบโตระยะยาวและตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนเฉลี่ยต่อปี 2,625 ล้านบาท (75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป

 

 

แน่นอนว่าการจะลดต้นทุนได้ต้องปรับโครงสร้างองค์กรและการพัฒนาบุคลากร มุ่งเน้นลดต้นทุนด้วยการสร้างขีดความสามารถด้านการจัดซื้อและนำดิจิทัลและนวัตกรรมเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ซึ่งสัดส่วนงบประมาณ 40% ของเงินส่วนนี้จะถูกนำกลับมาลงทุนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจต่อไป

 

  1. โปรเจกต์เทลวินด์ (Project Tailwind) เร่งการเติบโตในกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 1,750 ล้านบาท (50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อปี

 

สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป

 

หากพูดถึงสิ่งที่น่าสนใจของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นตลาดที่กำลังสดใส จะนำความเชี่ยวชาญทางธุรกิจและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อตลาด รู้ลึก รู้จริง ถึงความต้องการของลูกค้า เข้ามาช่วยสร้างการเติบโตควบคู่กับการสร้างขีดความสามารถใหม่ๆ เพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดซื้อและกระบวนการผลิต

 

 

ขณะเดียวกัน โปรเจกต์เทลวินด์จะมุ่งเน้นไปที่การเร่งขับเคลื่อนการเติบโตจากการเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจในปัจจุบันอย่างบริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะมุ่งสร้างการเติบโตจากการควบรวมกิจการ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้ 3 เท่าอยู่ที่ประมาณ 52,500 ล้านบาท (1,500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2573

 

สุดท้ายแล้วจะยิ่งเห็นภาพความสำเร็จได้มากขึ้น เมื่อทั้ง 2 โปรเจกต์ดำเนินการควบคู่กันไปและสอดคล้องกัน เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2573 และยังส่งเสริมการรวมแผนงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในอนาคตได้อีกด้วย

 

ไทยยูเนี่ยน

The post ผ่ากลยุทธ์ใหม่ ‘ไทยยูเนี่ยน’ กับภารกิจครั้งสำคัญเสริมแกร่งธุรกิจหลัก สร้างคลื่นลูกใหม่ ขยายโอกาสผ่านน่านน้ำใหม่ ดันเป้ายอดขายปี 2573 ทะลุ 2.45 แสนล้านบาท กำไรพุ่ง 2 เท่า [PR NEWS] appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘เบทาโกร’ เปิดตัวโรงงานอาหารสัตว์แห่งแรกที่ สปป.ลาว ด้วยงบลงทุน 650 ล้านบาท ยกระดับซัพพลายเชนด้านอาหารด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน https://thestandard.co/betagro-opens-laos-feed-factory/ Mon, 11 Nov 2024 08:44:09 +0000 https://thestandard.co/?p=1007116 เบทาโกร

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดตัวโรงงานอาหา […]

The post ‘เบทาโกร’ เปิดตัวโรงงานอาหารสัตว์แห่งแรกที่ สปป.ลาว ด้วยงบลงทุน 650 ล้านบาท ยกระดับซัพพลายเชนด้านอาหารด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เบทาโกร

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดตัวโรงงานอาหารสัตว์แห่งแรกใน สปป.ลาว ภายใต้งบลงทุนกว่า 650 ล้านบาท นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิตอาหารสัตว์และบริหารทรัพยากร ด้วยกำลังการผลิต 108,000 ตันต่อปี มุ่งสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำ รองรับดีมานด์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุน ลดการนำเข้าอาหารสัตว์จากไทย มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนด้วยอาหารที่ดีกว่า และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ สปป.ลาว ให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

 

วรวุฒิ วณิชกุลบดี ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจต่างประเทศมุ่งเน้นการเพิ่มปริมาณผลผลิตด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ผ่านการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ ทั้งยังบริหารจัดการต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น ครั้งนี้จึงเดินหน้าลงทุน 650 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตอาหารสัตว์เบทาโกรแห่งแรกใน สปป.ลาว ที่มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ และเปิดโรงงานผลิตอาหารแห่งนี้อย่างเป็นทางการแล้ว

 

โดยโรงงานอาหารสัตว์เบทาโกร สปป.ลาว นับเป็นอีกหนึ่งโรงงานอาหารสัตว์ในต่างประเทศของบริษัท สามารถผลิตอาหารสัตว์หลากหลายชนิด ทั้งสุกร ไก่ไข่ และไก่เนื้อ โดยนำเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมายกระดับจัดการหลากหลายมิติ ได้แก่

 

  1. ระบบ SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition) และระบบ SAP (Systems, Applications and Products in Data Processing) นำมาใช้ในการจัดการวัตถุดิบและผลิตอาหารสัตว์ เพื่อยกระดับการผลิตให้มีความถูกต้องและแม่นยำยิ่งขึ้น
  2. ระบบการบริหารจัดการโรงงานเพื่อควบคุมและรายงานผลการผลิต (Smart Dashboard)
  3. ระบบการผลิตอาหารสัตว์และการใช้สารผสมล่วงหน้า (Smart Premix) 
  4. ระบบการบรรจุอาหารสัตว์ที่ทันสมัย (Smart Bagging) 
  5. ระบบการจัดการฐานข้อมูลผลวิเคราะห์วัตถุดิบอาหารสัตว์เพื่อการควบคุมคุณภาพ (Best LIMS – Laboratory Information Management System) 
  6. ระบบการกำจัดฝุ่นและกลิ่น (Jet Filter) เพื่อลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

 

การลงทุนโรงงานอาหารสัตว์เบทาโกร สปป.ลาว แห่งนี้ คาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ภายใน สปป.ลาว และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอีกด้วย

 

ปัจจุบันโรงงานอาหารสัตว์เบทาโกร สปป.ลาว มีอัตราการเดินเครื่องอยู่ที่ 70% ของการผลิตรวม และคาดว่าจะผลิตเต็มกำลัง 100% หรือ 108,000 ตันภายในปี 2568 อีกทั้งยังมีแผนขยายกำลังการผลิตเป็น 144,000 ตันต่อปี ในปี 2570 เพื่อรองรับการขยายการผลิตปศุสัตว์และอาหารให้ครอบคลุมทั้ง สปป.ลาว และส่งออกให้กับฟาร์มเกษตรกรเครือข่ายเบทาโกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของไทย

 

เบทาโกรเชื่อว่าโรงงานอาหารสัตว์แห่งนี้จะยกระดับซัพพลายเชนด้านอาหารของ สปป.ลาว ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยการส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง ด้วยการผลิตที่ยั่งยืน ทั้งยังสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้ผู้คนใน สปป.ลาว มีทางเลือกในการบริโภคอาหารที่ดี มีคุณภาพ ตรงนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาและปรับปรุงระบบเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารใน สปป.ลาว ให้มีมาตรฐานการผลิตในระดับสากลและปลอดภัยต่อผู้บริโภค ตลอดจนเป็นฐานการผลิตและส่งออกไปยังต่างประเทศในอนาคตต่อไป

 

ทั้งนี้ เบทาโกรเป็นผู้ประกอบธุรกิจอาหารและเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจรชั้นนำระดับสากล เพื่อการบริโภคในประเทศและส่งออกไปกว่า 30 ประเทศทั่วโลก รวมถึงการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา

The post ‘เบทาโกร’ เปิดตัวโรงงานอาหารสัตว์แห่งแรกที่ สปป.ลาว ด้วยงบลงทุน 650 ล้านบาท ยกระดับซัพพลายเชนด้านอาหารด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมอุทยานฯ เสริมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือศูนย์บริบาลช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พร้อมขนย้ายอาหารสัตว์-ตามหาสัตว์เล็กที่หาย https://thestandard.co/chiang-mai-elephant-rescue-flood-relief/ Sun, 06 Oct 2024 02:38:25 +0000 https://thestandard.co/?p=992172 ช้าง

วานนี้ (5 ตุลาคม) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พ […]

The post กรมอุทยานฯ เสริมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือศูนย์บริบาลช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พร้อมขนย้ายอาหารสัตว์-ตามหาสัตว์เล็กที่หาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ช้าง

วานนี้ (5 ตุลาคม) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (กรมอุทยานฯ) รายงานความคืบหน้าการสนับสนุนความช่วยเหลือ กรณีที่ แสงเดือน ชัยเลิศ ผู้อำนวยการศูนย์บริบาล ช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ให้เข้าช่วยเหลือสัตว์ภายในศูนย์บริบาล ช้าง ที่ถูกน้ำท่วม บริเวณบ้านกื้ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

 

อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ ระบุว่า ความคืบหน้าการดำเนินการต่างๆ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ได้ลงพื้นที่ศูนย์บริบาลช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วยเหลือช้างและสัตว์อื่นๆ เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยช่วงเช้า เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) หรือ สบอ.16 ตลอดจนเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ขนย้ายอาหาร ช้าง และอาหารสัตว์อื่นๆ จากด้านในมาสู่ด้านนอก ซึ่งเป็นบริเวณที่มีช้างและสัตว์อื่นๆ อยู่ชั่วคราว

 

สำหรับในช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ สบอ.16 ร่วมกันตามหากระบือซึ่งสูญหายไปหลายตัวในบริเวณศูนย์บริบาลช้างดังกล่าวและบริเวณรอบๆ พร้อมทั้งร่วมกันดูแลช้างและสัตว์อื่นๆ โดยเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าของ สบอ.16 ที่เข้าดำเนินการตั้งแต่วันแรก โดยมีเจ้าหน้าที่จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 20 คน และอุทยานแห่งชาติศรีลานนา จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 20 คน รวมทั้งสิ้น 40 คน ตลอดจนสัตวแพทย์ โดยมี อานนท์ กุลนิล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา เป็นผู้ควบคุมและสั่งการ

 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการยกอาหารและสิ่งของที่ช่วยเหลือสัตว์ในศูนย์บริบาลช้าง เพื่อนำไปใช้ดูแลสัตว์ที่อยู่ด้านนอก ซึ่งทีมงานของ เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย พร้อมทีมกู้ภัย ร่วมกันนำอาหารช้างไปให้ช้างที่ติดอยู่อีกฝั่งของลำน้ำแม่แตง พร้อมทั้งร่วมกันค้นหาช้างที่สูญหาย ในส่วนของสัตว์เล็กอื่นๆ เช่น สุนัขและแมว ได้ช่วยเหลือให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว ยังคงเหลือสัตว์เลี้ยง เช่น แพะและแกะ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยและทหารกำลังให้การช่วยเหลือ

 

อรรถพลกล่าวเพิ่มเติมว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เสริมกำลังเพิ่มเติมเข้าไปที่ศูนย์บริบาลช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วยสัตวแพทย์จำนวน 3 คน เจ้าหน้าที่จากสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าอมก๋อย​และสถานี​เพาะเลี้ยง​สัตว์ป่าห้วยยางปาน​ จังหวัดเชียงใหม่​ จำนวน​ 30 คน​ นำเรือและกรงใส่สัตว์เข้าร่วมช่วยเหลือสัตว์ พร้อมทั้งประสานกับสมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ ประเทศไทย​ ให้นำเรือและกำลังคนเข้าร่วมช่วยเหลือด้วยเช่นกัน

The post กรมอุทยานฯ เสริมเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือศูนย์บริบาลช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พร้อมขนย้ายอาหารสัตว์-ตามหาสัตว์เล็กที่หาย appeared first on THE STANDARD.

]]>