อารีย์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 29 Mar 2024 02:17:14 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.3.1 ดื่มด่ำกับบรันช์สุดคราฟต์พร้อมวิวหลักล้านที่ qraft. บนตึกเอ็มไพร์ https://thestandard.co/life/qraft Fri, 29 Mar 2024 02:17:14 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=916833 qraft.

จากคาเฟ่ที่เลื่องชื่อทั้งเบเกอรีและเครื่องดื่มจนกลายเป็ […]

The post ดื่มด่ำกับบรันช์สุดคราฟต์พร้อมวิวหลักล้านที่ qraft. บนตึกเอ็มไพร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
qraft.

จากคาเฟ่ที่เลื่องชื่อทั้งเบเกอรีและเครื่องดื่มจนกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กในย่านอารีย์ วันนี้ qraft. ได้ขยายอาณาจักรสู่ร้านอาหารท่ามกลางวิวหลักล้านบนชั้น 55 ของตึกเอ็มไพร์ ที่เสิร์ฟความ ‘คราฟต์’ ในรสชาติตั้งแต่เช้ายันค่ำ 

 

qraft.

 

The Vibe

เชื่อเถอะว่าก่อนที่คุณจะขึ้นมาถึงตัวร้านได้ คุณจะเซอร์ไพรส์กับความอลังการที่เจอขณะขึ้นมายังชั้น 55 ตั้งแต่ทางเข้าลิฟต์ไปยันนาทีที่ประตูลิฟต์เปิด พอเดินเข้ามาถึงตัวร้านก็ต้องทึ่งกับวิวพาโนรามาแบบ Sky High จนอดไม่ได้ที่จะต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพ 

 

qraft. qraft.

 

สไตล์การตกแต่งภายในร้านยังคงความเรียบง่ายและกลิ่นอายญี่ปุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้โทนทึบ สังเกตได้ว่าการจัดวางโต๊ะจะค่อนข้างเว้นสเปซพอสมควร ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่อึดอัด

 

qraft.

 

The Taste

อย่างที่บอกว่า qraft. สาขาใหม่นี้ได้ถูกวางคอนเซปต์เป็นร้านอาหารที่เปิดให้บริการเช้าจรดค่ำโดยช่วงเช้าจะเสิร์ฟเป็นเมนูบรันช์ยาวไปยันบ่าย พอพระอาทิตย์ตกดินก็จะผันตัวเป็น Sky Izakaya สำหรับใครที่เป็นเอฟซีขนมนมเนยของที่นี่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะทางร้านยังเสิร์ฟ Bakery & Parfait ยาวไปทั้งวัน

 

 

ไม่รอช้า ขอเรียกน้ำย่อยด้วย Oriental Chips (185 บาท) ชิปส์รากบัวหอมมะกรูดที่กินเพลิน เบาสบายท้อง เชื่อว่าใครที่ชอบกลิ่นหอมสไตล์สมุนไพรจะต้องชอบจานนี้แน่ 

 

qraft.

 

ตามด้วย Citrusy Ocean Salad (585 บาท) สลัดซิตรัสเสิร์ฟมาพร้อมกุ้งย่างถ่านบินโจตัน หรือจะเรียกว่าเป็นถ่านระดับลักชัวรีก็ว่าได้ ข้อดีของการใช้ถ่านชนิดนี้คือ การเผาไหม้ที่ควันไม่ได้โขมง และไฟไม่ปะทุแรงเป็นระยะเหมือนถ่านทั่วไป แต่ให้ความร้อนที่สม่ำเสมอ และยังส่งกลิ่นหอมย่างแบบกำลังดี ไม่ไหม้เกินไป และไม่อ่อนจนไม่ได้กลิ่น 

 

qraft.

 

ทางร้านแนะนำให้เริ่มกินจากผักก่อนแล้วค่อยปิดท้ายด้วยกุ้ง ไม่ต้องคลุกเพิ่มเพราะร้านได้คลุกเดรสซิ่งมาให้อย่างทั่วถึงแล้ว กินจานนี้แล้วเหมือนได้กดปุ่มรีเฟรชร่างกาย ทุกองค์ประกอบเข้ากันอย่างลงตัว และให้ฟีลสดชื่นดีมากจริงๆ 

 

แน่ทีเดียวว่าความเป็น qraft. ก็จะไม่หยุดอยู่แค่นี้ อาหารแต่ละจานที่นี่จะมี Oriental Tea Pairing (165 บาท) ที่แนะนำเพื่อเพิ่มอรรถรสในการกินไปอีกระดับ อย่างจานนี้ทางร้านแนะนำให้แพริ่งกับ Fresh Tiaguanyin (Iron goddess Oolong) ชาอู่หลงระดับพรีเมียมที่ให้กลิ่นหอมหวานดอกไม้ขาว ถือเป็นชาตัวเริ่มต้นมื้อที่ดีเลยทีเดียว

 

 

Fruit Symphony Salad (650 บาท) สลัดที่รวบตึงผลไม้ระดับพรีเมียมเข้าไว้ด้วยกัน และยังมีบรีชีส แตงกวาญี่ปุ่นที่ม้วนมาอย่างสวยงาม เพิ่มความคราฟต์ด้วยแคนดี้ยูซุ และมะพร้าวคั่วเองที่ทางร้านแสนภูมิใจ วิธีกินคือให้ตักเป็นคำๆ จากล่างขึ้นบน โดยไม่ต้องคลุกอีกเช่นกัน 

 

qraft.

 

บอกเลยว่าใครที่เป็นสายผลไม้มีฟิน เพราะผลไม้สดจริงๆ เข้ากันได้ดีกับเดรสซิ่งเปรี้ยวนิด ตัดรสกับชีสที่ติดเค็มหน่อย เป็นคอมบิเนชันที่เข้ากันเหลือเชื่อ ใครอยากรับพลัง Antioxidant แบบเต็มๆ แนะนำให้สั่งจานนี้เลย

 

 

ส่วนชาที่นำมาแพริ่งกับจานนี้คือ Roasted Tieguanyin ชาอู่หลงในเวอร์ชันที่เพิ่มโน้ตสโมกมาหน่อย ให้ความหอมไปอีกแบบ 

 

 

มาถึงเมนูที่ทางร้านซุ่มอยากจะเปิดตัวมานาน A5 Wagyu Kurosando (1,580 บาท) ครัวซองต์ที่ใส่เนื้อวากิว A5 มาแบบแน่นๆ กัดเข้าไปพร้อมกันจะได้เท็กซ์เจอร์ความหอมเนยของครัวซองต์ ตามมาด้วยเนื้อนุ่มพร้อมละลายในปาก เอาเป็นว่านี่คือ Must Try ของสาวกเนื้อ ในส่วนของชาที่แนะนำให้แพริ่งกับจานนี้นั้นมีสองตัว ถ้าอยากตัดเลี่ยนแนะนำให้ลองเป็น Fresh Tieguanyin หรือถ้าอยากคลีนพาเลตต์แนะนำเป็น Tangerine Puer แทน 

 

qraft.

 

Fruit Blossoms Mantou Sando (485 บาท) หมั่นโถวย่างถ่านบินโจตันท็อปด้วยมิกซ์ชีสและผลไม้แน่นๆ ใครที่เป็นผลไม้เลิฟเวอร์สั่งได้ไม่ผิดหวัง 

 

 

ตัวแป้งหมั่นโถวจะมีความนุ่มหนึบเล็กน้อย หั่นกินพร้อมผลไม้ด้านบนแล้วจะได้ความสดชื่นฉ่ำของลูกฟิก ตัดรสเปรี้ยวของผลไม้ตระกูลเบอร์รี และได้รสชาติความเค็มมันเข้มข้นของชีส เป็นหนึ่งคำที่มีหลายมิติในรสชาติ แต่เข้ากันดีอีกเช่นกัน  

 

qraft.

 

Snow Fish Congee (880 บาท) โจ๊กสไตล์ฮ่องกงที่ใช้ข้าวญี่ปุ่นต้มในน้ำซุปหอยลาย เสิร์ฟมาพร้อมปลาหิมะย่างถ่านบินโจตันอีกเช่นกัน สังเกตได้ว่าเนื้อโจ๊กมีความเนียนละเอียดมากแบบไม่ต้องคนก่อนกินเลย รสชาติจะออกเบาๆ ปรุงแต่งน้อย แต่หากกินกับถั่วแขกและซอสสาหร่ายที่ท็อปมาด้วยแล้วจะได้รสชาติที่เค็มกลมกล่อมพอดี ในส่วนของปลาหิมะนั้นหนังกรอบและเนื้อหวานสดจริงๆ อิ่มอุ่นสบายท้อง ยิ่งแพริ่งกับชาหอมเตะจมูกอย่าง Sensha ยิ่งเข้ากัน 

 

qraft.

 

จากฮ่องกงก็บินไปเกาหลีต่อกับ Kimchi Jjigae Omurice (585 บาท) ที่ไม่ใช่แค่ข้าวห่อไข่กับซุปกิมจิธรรมดา แต่เป็นข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ยูเมะพิริกะ เลเยอร์ด้วยชีสมอสซาเรลลา ท็อปด้วยสาหร่ายเกาหลีและไข่คน ส่วนตัวซุปเป็นกิมจิโฮมเมดและหมูที่ย่างด้วยถ่านบินโจตัน 

 

ซุปกิมจิออกเปรี้ยวนำ ตามมาด้วยความเค็มและเผ็ดตามหลังนิดๆ ตักราดข้าวกินพร้อมกับชิ้นหมูนุ่มๆ แล้วได้รสละมุนของชีส ให้มิติรสชาติที่แปลกใหม่ไปอีกแบบ 

 

 

กระเพาะตึงแค่ไหนก็ยังมีสเปซให้ของหวานเสมอ Forest-honey Mantoast (585 บาท) ฮันนีโทสต์ในเวอร์ชันหมั่นโถวที่ทางร้านอบเองแล้วนำไปทอด เสิร์ฟกับผลไม้สดและไอศกรีมน้ำผึ้งป่าหอม รสชาติหวานกำลังดี กินกับหมั่นโถวกรอบนอกนุ่มในเข้ากันที่สุด

 

qraft.

 

Good for

เป็นบรันช์ที่คราฟต์สมชื่อ ตอบโจทย์ทั้งคนที่ชอบความพรีเมียม ความพิถีพิถันในการปรุง รวมไปถึงสายสุขภาพ และยิ่งใครที่ชอบไวบ์โปร่งสบายบนตึกระฟ้า มองเห็นวิวเมืองแบบรอบด้าน ยิ่งต้องมา ไม่มีผิดหวังแน่นอน

 

 

手 qraft. (The Empire)

Open: เปิดทุกวัน Oriental Brunch เวลา 08.00-15.30 น., Bakery & Parfait เวลา 08.00-22.00 น. และ Sky Izakaya เวลา 17.30-22.00 น. 

Address: ชั้น 55 ตึกเอ็มไพร์ สาทร

http://peaceteahouse.com/qraft-menu

Instagram: www.instagram.com/qraft.oriental/ 

Facebook: www.facebook.com/qraft.oriental 

Budget: เริ่มต้นที่ 185 บาท

Map: 

 

The post ดื่มด่ำกับบรันช์สุดคราฟต์พร้อมวิวหลักล้านที่ qraft. บนตึกเอ็มไพร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘บ้านแม่ยุ้ย’ รสชาติประจำครอบครัวที่กลายเป็นรสชาติโปรดของชาวอารีย์ https://thestandard.co/life/mae-yui Wed, 21 Feb 2024 13:55:09 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=902812 บ้านแม่ยุ้ย

ใครที่ชอบเดินเล่นย่านอารีย์-ราชครู หรือแวะไปเที่ยวคาเฟ่ […]

The post ‘บ้านแม่ยุ้ย’ รสชาติประจำครอบครัวที่กลายเป็นรสชาติโปรดของชาวอารีย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
บ้านแม่ยุ้ย

ใครที่ชอบเดินเล่นย่านอารีย์-ราชครู หรือแวะไปเที่ยวคาเฟ่แถวนั้นบ่อยๆ เราเชื่อว่าต้องเคยเห็นบ้านสีขาวหลังนี้ แต่เชื่อว่าคนรุ่นใหม่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ‘บ้านแม่ยุ้ย’ เป็นร้านอาหารที่อยู่คู่ซอยราชครูมานานเกือบ 20 ปี ทว่าทั้งบรรยากาศและรสชาติยังดูเป็นวัยรุ่นเก๋ๆ เข้ากับย่านอารีย์ที่ผ่านมานานเท่าไรก็ยังไม่เคยเอาต์สักที

 

 

The Vibe

บ้านแม่ยุ้ยเป็นร้านอาหารประจำซอยราชครู เชื่อว่าไม่มีชาวอารีย์คนไหนที่ไม่รู้จัก โดยร้านเปิดอยู่ในบ้านเก่าหลังสีขาวอายุ 50 ปี ล้อมรอบด้วยต้นไม้ร่มรื่น ที่นี่จึงเป็นร้านโปรดของหลายๆ ครอบครัวเลย เพราะด้านในก็ตกแต่งดูอบอุ่น โฮมมี่ เหมือนได้มานั่งพักผ่อนกินอาหารด้วยกัน ที่นี่จึงเป็นร้านบรรยากาศน่ารักที่เราว่าเหมาะกับพาคนใกล้ตัวมามากๆ

 

 

The Taste

อาหารของบ้านแม่ยุ้ยเป็นรสชาติที่ส่งต่อกันมาในครอบครัวเชี่ยวสกุล จอม เชี่ยวสกุล เจ้าของร้านบ้านแม่ยุ้ยบอกว่าสูตรอาหารที่ร้านจะมาจากใครไปได้นอกเสียจากแม่ยุ้ย หรือ คุณยุ้ย-อัจฉรา เชี่ยวสกุล ผู้เป็นแม่ของเขานั่นเอง และด้วยความที่โตมาพร้อมกับรสมือแม่ จอมจึงซึมซับฝีมือการทำอาหารมาอย่างเชี่ยวชาญ พอได้โอกาสมาดูแลร้านอาหารนี้ เขาจึงนำสูตรของคุณแม่มาพัฒนาให้เป็นสไตล์ของตัวเองด้วย บ้านแม่ยุ้ยจึงมีทั้งเมนูเก่าดั้งเดิมตั้งแต่สมัยเปิดร้านแรกๆ และเมนูใหม่ที่เป็นสูตรของจอม เชี่ยวสกุล

 

“อาหารของร้านแม่ยุ้ยเป็นสไตล์ Home Authentic Cooking เราทำกินเองที่บ้านอย่างไร ก็ทำเสิร์ฟที่ร้านแบบนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไทย แต่อาหารฝรั่งก็มี และเราจะเน้นเมนูกับข้าวให้คนมานั่งกินด้วยกันได้ ไม่ได้มีแค่อาหารจานเดียวเหมือนสมัยก่อน”

 

 

เมนูเด็ดที่หากมาแล้วต้องสั่ง อาทิ แกงเขียวหวานเนื้อป้าจำเนียร (325 บาท) เป็นแกงเขียวหวานสูตรของแม่ยุ้ยที่ตั้งชื่อตามแม่ครัวประจำบ้าน เพราะจอมเล่าว่าป้าจำเนียรเป็นคนทำให้กินบ่อยๆ ตั้งแต่สมัยเด็ก

 

หมูก้อนทอด (165 บาท) เป็นเมนูย้อนวัยที่เชื่อว่าหลายคนคิดถึง เพราะไม่ใช่ไปร้านไหนแล้วจะมี แค่ตักมากินกับข้าวร้อนๆ ก็มีความสุขแล้ว

 

แกงส้มชะอมกุ้ง (325 บาท) เป็นสูตรของจอมเอง รสชาติครบรส แต่น้ำแกงจะเข้มข้นกว่าปกติเพราะใส่เนื้อไก่ปั่นลงไปด้วย พอกินคู่กับชะอมแล้วจะได้รสชาติทั้งน้ำทั้งเนื้อ

 

เส้นหมี่ผัดกะปิ (185 บาท) เกิดขึ้นมาเพราะจอมไม่ชอบผักกระเฉด เขาจึงเปลี่ยนเป็นกะปิแทน แต่จะใส่หมูสับ กุ้ง ถั่วฝักยาวหั่นฝอย และพริกลงไปผัดด้วยกันให้มีทั้งรสชาติและเท็กซ์เจอร์ กลายเป็นเมนูแปลกใหม่ที่หลายคนชอบสั่ง

 

 

ของหวานที่ร้านก็ทำเองเช่นกัน วันไหนใครอยากแวะมานั่งจิบกาแฟ กินขนมอย่างเดียวก็ได้ เมนูแนะนำคือ ไอศกรีมแม่ยุ้ย (75 บาท) ร้านปั่นไอศกรีมเองทั้งหมดและมีให้เลือกหลายรสชาติ โดยรสชาติยอดฮิตก็คือมะพร้าวน้ำหอม หรืออีกเมนูที่ต้องสั่งทุกโต๊ะ เครปส้มกับไอศกรีม (165 บาท) เสิร์ฟเครปทำใหม่ๆ คู่กับซอสส้มและไอศกรีมที่เลือกรสชาติเองได้

 

 

Good for

บ้านแม่ยุ้ยเป็นร้านอาหารสไตล์ Home Authentic Cooking ที่ทำอาหารเหมือนครอบครัวทำกินเองที่บ้าน แต่ละเมนูจึงจัดเต็มทั้งรสชาติและวัตถุดิบ ใครจะพาทั้งครอบครัวมานั่งกินด้วยกันก็ไม่มีปัญหา เพราะมีเมนูให้เลือกทุกรสชาติ หรือใครจะแวะมานั่งเล่น จิบกาแฟ กินเบเกอรีก็ได้

 

อีกทั้งช่วงเย็นทุกสุดสัปดาห์มักมีดนตรี ใครอยากมานั่งแฮงเอาต์ กินมื้อเย็นย่านอารีย์ด้วยกันแบบสบายๆ ลองมาที่นี่ดู

 

Mae Yui

Address: ซอยราชครู

Open: ทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.

Contact: @mae_yui

Budget: 500-1,000 บาท

Map: 

 

The post ‘บ้านแม่ยุ้ย’ รสชาติประจำครอบครัวที่กลายเป็นรสชาติโปรดของชาวอารีย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Luigi Bangkok ร้านอาหารและไวน์ย่านอารีย์ที่เสิร์ฟทั้งความสนุกและโรแมนติก https://thestandard.co/life/luigi-bangkok Mon, 05 Feb 2024 04:45:58 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=896049

ถ้าเราเดินผ่านไปเฉยๆ และไม่สงสัยว่ามีอะไรอยู่หลังประตูข […]

The post Luigi Bangkok ร้านอาหารและไวน์ย่านอารีย์ที่เสิร์ฟทั้งความสนุกและโรแมนติก appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถ้าเราเดินผ่านไปเฉยๆ และไม่สงสัยว่ามีอะไรอยู่หลังประตูของร้านอาหารแห่งใหม่ย่านอารีย์ที่ชื่อว่า ‘Luigi’ (ลุยจิ) ก็คงพลาดที่จะได้รู้ว่าร้านนี้ซ่อนความน่าสนุก น่ากิน และน่าชวนใครสักคนมานั่งจิบไวน์กินมื้อเย็นด้วยกันไว้ด้านใน แถมร้านยังออกแบบได้สวยสุดๆ มองไปมุมไหนก็น่าถ่ายรูป เช่นเดียวกับอาหารที่หน้าตาดีไม่แพ้กันเลยสักนิด

 

 

The vibe

 

Luigi เปิดอยู่ในโครงการวานิชเพลซ อารีย์ เราเดินเข้าไปก้าวแรกก็รู้สึกได้เลยว่าที่นี่ตกแต่งร้านได้สวยทุกมุม มองไปทางไหนก็ Photogenic เพราะใช้สีสันสดใส มีลวดลายน่าสนุก จะแวะมานั่งตอนกลางวันหรือกลางคืนก็ได้บรรยากาศไปคนละแบบ

 

อย่างใครแวะมากินมื้อกลางวันเหมือนเราก็จะได้อารมณ์สดใสรับแสงธรรมชาติ นั่งเล่นพูดคุยกันสบายๆ พร้อมมีอาหารและไวน์ให้จิบ แล้วหากเป็นช่วงกลางคืน เราว่าที่นี่บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ แน่นอน

 

 

The taste

 

Luigi เสิร์ฟอาหารสไตล์ Western-Japanese แต่จะไม่ใช่อาหารฟิวชัน ร้านตั้งใจนำวัตถุดิบมาผสมผสานกันโดยไม่ทิ้งรสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบหรือเมนูนั้นๆ มากกว่า เมนูส่วนใหญ่จึงมีความเบา กินง่าย มีกลิ่นอายญี่ปุ่นผสมฝรั่งเศส มีเมนูครบตั้งแต่ของกินเล่นไปจนถึงจานหลักและของหวาน ใครจะมานั่งสั่งอาหารจานเล็กๆ จับคู่กับไวน์ หรือสั่งเมนคอร์สจานใหญ่มากินด้วยกันก็ทำได้ โดยไวน์ของร้านจะมีทั้งเนเชอรัลและคลาสสิก

 

เราลองแล้วก็ชอบหลายเมนู อย่างของกินเล่นเป็นคำๆ ที่มาในสไตล์โทสต์ Hokkaido Uni (590 บาท) ชิ้นนี้ท็อปด้วยอูนิและซอสผสมแซลมอนกับผักดอง Truffle Bite (350 บาท) มีรสชาติครีมมี่จากปาเต้ตับไก่และแยมฟิก 3 Roes Bite (380 บาท) เป็นเมนูใหม่ ชิ้นนี้ท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอน อูนิ และคาเวียร์

 

 

จานเรียกน้ำย่อยเราชอบทั้งหมด Cod Finger (380 บาท) เป็นเนื้อปลาห่อสาหร่ายชุบแป้งทอด จิ้มกับทาร์ทาร์ซอสเปรี้ยวๆ แล้วเข้ากันมาก Sawara Ceviche (690 บาท) เนื้อปลาซาชิมิกับซอสยูซุวิเนการ์สดชื่นๆ Salmon Tartare (590 บาท) แซลมอนนุ่มๆ กับซอสวาซาบิดองและอะโวคาโด จานนี้เชื่อว่าหลายคนต้องชอบแน่นอน Tuna Ahi (690 บาท) เป็นเมนูใหม่เช่นกัน ด้านล่างเป็นอะโวคาโด ด้านบนมีเนื้อทูน่า คาเวียร์ และรากบัวทอด เมนูนี้จะรสชาตินุ่มนวลกว่าแซลมอนทาร์ทาร์

 

 

ถ้าใครอยากสั่งอาหารกินจานเดียวอิ่ม หรือแวะมานั่งกินมื้อกลางวัน พาสต้าที่นี่ก็รสชาติดีไม่เบา อย่าง Oceantini (720 บาท) พาสต้าเส้นลิงกวินีที่กัดไปยังมีความเด้ง กินคู่กับหอยแมลงภู่ สแกลลอป และไข่ปลา จับคู่กับไวน์แล้วรสชาติจะดีขึ้นไปอีก และถ้าใครเป็นสายเนื้อ เราก็ไม่อยากให้พลาดเมนูสเต๊กของ Luigi อย่างเช่น Wagyu Picanha (1,790 บาท) เนื้อวากิว 200 กรัมที่เสิร์ฟระดับมีเดียมแรร์ เชฟทำได้นุ่ม สีสวยมาก ถ้าใครเป็นสายเนื้อติดใจแน่นอน

 

แล้วค่อยปิดท้ายด้วยของหวาน Custardy Pudding (280 บาท) พุดดิ้งคัสตาร์ดเนื้อเนียนจนอดใจไม่ไหว เราชอบที่รสชาติหวานน้อย ตัดกับซอสขมๆ หอมกลิ่นคาราเมล มีตุอีลและครัมเบิลกรอบๆ ช่วยเพิ่มเนื้อสัมผัสด้วย

 

 

Good for…

 

Luigi เป็นร้านสไตล์แคชวลไดนิ่งที่บรรยากาศดีทั้งกลางวันและกลางคืน จะแวะมานั่งกินมื้อพิเศษกับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรู้ใจก็ได้ทั้งนั้น เพราะที่นี่มีครบทุกรสชาติ เมนูอาหารเข้าใจง่าย เหมาะกับใครที่มองหามื้อพิเศษที่ไม่เป็นทางการมากนัก แต่ก็ยังทำให้เป็นมื้อที่น่าประทับใจได้อยู่

 

 


 

Luigi Bangkok

 

Address: ชั้น 2 โครงการวานิชเพลซ อารีย์

Open: เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.

Contact: @luigibangkok

Budget: 500-2,000 บาท

Map: https://maps.app.goo.gl/D5poRHfn7F4uXmdX7

 

 

The post Luigi Bangkok ร้านอาหารและไวน์ย่านอารีย์ที่เสิร์ฟทั้งความสนุกและโรแมนติก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชาวอารีย์ขอค้าน ‘เวนคืนที่ดินขยายถนน’ คนทำไม่ได้ใช้ คนต้องใช้กำลังไม่มีที่อยู่ https://thestandard.co/ari-residents-oppose-land-expropriation/ Thu, 18 Jan 2024 09:56:19 +0000 https://thestandard.co/?p=889331

วันนี้ (18 มกราคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำ […]

The post ชาวอารีย์ขอค้าน ‘เวนคืนที่ดินขยายถนน’ คนทำไม่ได้ใช้ คนต้องใช้กำลังไม่มีที่อยู่ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (18 มกราคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำรวจทางเดินเท้าและที่พักอาศัยตลอดแนวถนนพระรามที่ 6 ซอยอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร หลังพบว่ามีผู้พักอาศัยออกมาคัดค้านแผนงานขยายถนนจากเดิมให้มีความกว้างเพิ่มขึ้นเป็น 16 เมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงจาก ‘ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ปรับปรุงครั้งที่ 4’ 

 

วรารัตน์ ไทยเดช ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปรับเปลี่ยนผังเมือง กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงผังเมืองในรอบนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นส่วนหนึ่งที่เราไม่เห็นด้วยเพราะที่ผ่านมาไม่เคยรับรู้ข้อมูลใดๆ การที่ตนและลูกบ้านหลายคนรู้ข้อมูลเพราะกลุ่มอนุรักษ์พญาไทที่มาแจ้งว่าจะมีการตัดถนนใหม่ และปรากฏว่าอาคารชุดผาสุขที่ตนอาศัยอยู่ได้รับผลกระทบโดยตรง

 

“ไม่ว่าจะขยายพื้นที่ถนน 16 เมตร หรือ 8 เมตร ก็ถือว่าได้รับผลกระทบโดยตรง อาคารที่พักอาศัยแห่งนี้มีคนอาศัยอยู่เป็นร้อยชีวิต ทั้งหมดได้รับผลกระทบหมด” วรารัตน์กล่าว

 

วรารัตน์กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาได้เข้าประชุมเพื่อเสนอความคิดเห็นตามที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าการที่ตนได้ไปเป็นการบอกต่อกันของคนในกลุ่ม ไม่ได้มีจดหมายของ กทม. มาบอก

 

คำถามคือ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่มีการส่งเอกสารใดๆ ให้กับผู้พักอาศัยหรือชาวบ้านในพื้นที่ให้ได้รับเรื่องเลย ถ้าย้อนกลับไปตอนที่คุณจะเลือกตั้ง ตอนที่จะขึ้นภาษี คุณส่งเอกสารประชาสัมพันธ์ต่างๆ ได้ แต่ทำไมเรื่องนี้ถึงไม่มี ตนมองว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม

 

วรารัตน์กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาได้ไปสอบถามกับผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเหมือนกัน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าไม่มีใครทราบข้อมูลนี้ การที่ กทม. บอกว่ามีเว็บไซต์ให้เข้าไปตรวจสอบ คนที่อาศัยอยู่มานานแล้วที่เป็นผู้สูงอายุต่างก็เข้าไม่ถึง

 

ตนเองเคยถามทางฝั่ง กทม. เช่นกันว่าต้องมีการล่ารายชื่อกี่รายชื่อ กี่แผ่น ถึงจะสามารถคัดค้านการเวนคืนที่ดินนี้ได้ แต่ต้องยอมรับว่าเวทีการประชุมที่จัดไม่มีการตอบข้อสงสัยใดๆ ได้เลย ซึ่งจากนี้ตนและผู้พักอาศัยจะยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าคัดค้านการเวนคืนที่ดินต่อไป

 

“จนถึงวันนี้ไม่มีตัวแทนจากกรุงเทพฯ ไม่ว่าฝ่ายใดมาพูดคุยกับผู้พักอาศัยในย่านนี้ หรือถามไถ่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป มีคนเคยไปถามที่เขตว่าที่ผ่านมาเคยประชาสัมพันธ์อย่างไร ก็ได้รับคำตอบว่ามีปิดประกาศใบเล็กๆ ที่เขตแล้ว การที่คุณติดให้เขต เขตไม่ใช่พื้นที่ที่ประชาชนจะเดินเข้าเดินออกบ่อยๆ จะมีใครสังเกตเห็นได้อย่างไร” วรารัตน์กล่าว

 

ขณะเดียวกันสมาชิกในกลุ่มสาธารณะ ‘อารีย์ Community’ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมระบุว่า การขยายถนนจะมีการขยายทั้งสองฝั่งตั้งแต่ซอยพหลโยธิน 5 ตรงปากทางเข้าถนนใหญ่ ผ่านโค้งหักศอก 2 โค้ง ยาวไปเรื่อยถึงกรมประชาสัมพันธ์ มุ่งสู่ถนนพระรามที่ 6 ซึ่งจะสร้างผลกระทบให้กับประชาชนราวๆ 1,000 คนโดยประมาณ

 

อีกทั้งการเวนคืนคือเรื่องจริง ไม่มีเอกสารเป็นจดหมายถึงหน้าบ้าน แต่สำนักการวางผังและพัฒนาเมืองมีการแจ้งบนเว็บไซต์ ซึ่งถ้าคนไม่เข้าไปก็ไม่รู้ หรือมีแปะที่บอร์ดที่เขต แต่ใครจะไปดู

 

The post ชาวอารีย์ขอค้าน ‘เวนคืนที่ดินขยายถนน’ คนทำไม่ได้ใช้ คนต้องใช้กำลังไม่มีที่อยู่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
4 HOURS LIFE with พราว-อรณิชา กรินชัย ชวนลัดเลาะ ชิม ชิล ไปในย่านอารีย์ที่คุ้นเคย https://thestandard.co/life/4-hours-life-with-proud-oranicha Sat, 23 Dec 2023 04:00:44 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=879775 Proud Oranicha

THE STANDARD LIFE ชวน พราว-อรณิชา กรินชัย มาลัดเลาะท่อง […]

The post 4 HOURS LIFE with พราว-อรณิชา กรินชัย ชวนลัดเลาะ ชิม ชิล ไปในย่านอารีย์ที่คุ้นเคย appeared first on THE STANDARD.

]]>
Proud Oranicha

THE STANDARD LIFE ชวน พราว-อรณิชา กรินชัย มาลัดเลาะท่องไปในย่านอารีย์และประดิพัทธ์ ที่เจ้าตัวบอกว่าคุ้นเคยกับย่านนี้มาตั้งแต่เกิด จากเด็กที่คุ้นตากับย่านอารีย์มาตั้งแต่ย่านนี้ยังไม่เก๋ จนตอนนี้จัดว่าอารีย์เป็นย่านที่หลายๆ คนชอบใจในความน่ารักและครบครัน ทั้งศิลปะ คาเฟ่ และอาหารที่ไล่เลียงไปตั้งแต่สตรีทฟู้ด ไฟน์ไดนิ่ง ไปจนถึงไวน์บาร์เก๋ๆ อีกมากมาย ใครที่อยากรู้ว่าสาวอารีย์ดีกรีเจ้าแม่แฟชั่นคนนี้จะพาเราไปลัดเลาะที่ไหนในย่านนี้บ้าง ตามมาเลย!

 

 

Studio ของพราว 


ที่อยู่ตรงนี้เป็นสตูดิโอของพราวที่ทำกับน้องสาว เริ่มแรกมันเป็นออฟฟิศ พราวจะแบ่งที่กัน ก็จะมีออฟฟิศส่วนของพราว เป็นเหมือนสตูดิโอของตัวเองเอาไว้นั่งทำงานและถ่ายคอนเทนต์ต่างๆ ตอนแรกเป็นส่วนออฟฟิศของแบรนด์ YVIS ก็จะเป็นแบรนด์เครื่องประดับของน้องสาว ซึ่งตอนนี้เหมือนเขาก็ขยับขยายอยู่ ก็เลยต้องย้ายออฟฟิศไป ตรงนี้ก็เลยว่างอยู่ พราวก็เลยมาทำเป็นสตูดิโอ ซึ่งอยู่มาประมาณ 3 ปี สตูดิโอนี้เป็นที่แรกที่ได้ตกแต่งเองเลย ก็คือส่วนฝั่งออฟฟิศเหมือนเป็นห้องในฝันที่เราต้องการเลยค่ะ ส่วนใหญ่พราวจะเข้าออฟฟิศสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง บางทีก็มานั่งทำงาน มานั่งแต่งรูป แต่ว่าที่ทำมากที่สุดคือมาถ่ายคอนเทนต์ต่างๆ ทั้งถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ถ่าย Reels อะไรอย่างนี้  

 


 

 

Absolute Boutique Fitness Studio

 

เหตุผลที่พราวเลือกออกกำลังกายที่นี่ เราแค่อยากจะหาที่ออกกำลังกายที่มันใกล้บ้าน เพราะเราเคยเล่นแบบไปที่อื่นที่นอกโซนแล้วเรารู้สึกว่าเสียเวลาในการใช้ชีวิตต่างๆ ก็เลยเลือกที่นี่ เพราะมันใกล้บ้าน แล้วเราสามารถเล่นตอนเช้าได้เลย หลังจากนั้นเราก็กลับมาอาบน้ำ ก็ไปใช้ชีวิตต่อได้ มันไม่กินเวลาชีวิตเรา รู้สึกว่าชีวิตเป็นสัดส่วนถ้าเกิดออกกำลังกายแถวนี้ 

 

ถ้าเป็นที่ Absolute พราวชอบเล่นหมดเลย ทั้งปั่นจักรยาน, พิลาทิส, Chair Pilates หรือ Reformer Pilates  ก็พยายามบาลานซ์ พยายามเล่นให้หมด เพราะพราวชอบหมดทุกคลาสเลย รู้สึกว่าแต่ละอย่างมันก็มีหน้าที่ของมันที่แตกต่างกัน ซึ่งพอถ้าปั่นจักรยานมันก็เหมือนได้เบิร์น ได้ใช้แรงเยอะ ได้เหงื่อออก แต่ว่าพอเล่นพิลาทิสมันก็จะเหมือนออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดเล็ก คือเหงื่อจะไม่ได้เยอะมาก แต่ว่าอีกวันหนึ่งมันจะรู้สึกฟินถ้าเรารู้สึกเมื่อยร่างกาย ถ้าเล่นโดนก็จะรู้สึกดี พราวรู้สึกว่าเหมือนถ้าเราได้เริ่มแล้วเรารู้สึกว่ามันเหมือนตัวสร้างความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของพราวเลย แล้วมันก็อยากทำต่อเรื่อยๆ รู้สึกว่าเหมือนเป็นสิ่งที่ตื่นมาแล้วต้องทำ ทำแล้วมันรู้สึกดี และช่วงไหนที่หยุดไปมันก็กลับมายากมากเลย เหมือนเราห้ามหยุด มันเป็นสิ่งที่ห้ามหยุด เพราะหยุดแล้วมันจะไปพักใหญ่เลย

 
Absolute Boutique Fitness Studio

เปิด: ทุกวัน

เวลา: 07.00-21.00 น.

ราคา:  สอบถามได้ที่ Absolute

แผนที่: https://www.absoluteboutiquefitness.co/ari-vanit-village 

 


 

 

BONCI

 

ความจริงหลังออกกำลังกายเสร็จ ถ้าเป็นรูทีนปกติก็จะไปนั่งกินกาแฟ มันจะมีร้านข้างล่างของ Absolute คือ La Cabra ก็จะมีร้านกาแฟที่ชอบไปอีก จะเป็น BONCI ร้านนี้จะไปบ่อยมาก ไปทานกาแฟ ไปถ่ายรูป เพราะว่าอยู่ใกล้ออฟฟิศ พอไป BONCI แล้วเมนูที่ต้องสั่งประจำก็จะเป็น Dirty พร้อมกับ Bon Bon Cream มันเป็นครีมคล้ายๆ วิปครีม หวานหน่อย เป็นครีมพิเศษของเขาแปะอยู่ข้างบนของ Dirty ซึ่งช่วงนี้ไม่ค่อยได้สั่ง เพราะรู้สึกว่าค่อนข้างอ้วนมาก แต่มันอร่อยมาก ก็เป็นเมนูประจำของพราวเลย ส่วนอีกเมนูง่ายๆ ก็จะเป็นอเมริกาโน ที่ตอนนี้ดื่มบ่อยๆ เพราะก็พยายามจะลดนม ลดไขมัน ก็เลยพยายามเป็นกาแฟดำ ครัวซองต์เขาก็อร่อยค่ะ ชอบครัวซองต์แบบบัตเตอร์ครัวซองต์ หรือถ้าวันไหนที่หิวหน่อยก็จะเป็นแฮมชีสไปเลย

พราวชอบที่ BONCI คือเป็นร้านที่มีความมินิมัลมากแต่ก็ไม่น่าเบื่อเลย เป็นร้านที่จำได้เลยว่าเป็นร้านที่เท่มากตอนที่มาเปิด เป็นร้านที่เท่สุดในย่านนี้เลย แล้วก็รู้สึกว่าเขายังคีพความเท่ต่อ ชอบ Art Direction เขา ชอบดีเทลเล็กๆ ในแก้ว ชอบมู้ดของร้านชอบที่มีตู้ Sculpture มาตั้งด้วย คือชอบหมด ทำให้ไปบ่อย

  

BONCI

เปิด: ทุกวัน

เวลา: 10.00-18.00 น.

ราคา: 150 บาท

แผนที่:

 

 


 


Flat Table & Wine

  

ความจริงร้านนี้พราวไปมานานมาก ตั้งแต่ตอนที่เป็น Flat Marble เลย คือตอนแรกเขาจะเป็นร้านเล็กๆ กินที่บาร์อย่างเดียว จนเขาขยายเป็น Flat Table ก็มีเมนูหลากหลายขึ้น แต่ว่าสิ่งที่ชอบที่สุดในร้านก็คือ ขนม Minioka Tofu เป็นเมนูเต้าหู้กินกับซอส ซึ่งซอสเขาจะมีหลายอย่างมาก มีซอสยูซุ ซอสน้ำตาล แล้วก็มีเม็ดเป๊าะแป๊ะอันนี้ชอบมาก และมีเหมือนกับเป็นเม็ดสตรอว์เบอร์รี ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร ซึ่งพอมากินรวมกันแล้วมันอร่อยมาก บวกกับผลไม้ต่างๆ ดีมากๆ อยากให้ทุกคนได้ไปลอง 

 

ถ้าเป็นที่ Flat Table ส่วนใหญ่จะไปกับแฟน ส่วนเพื่อนก็นานๆ ที บางครั้งเราพยายามจะหาร้านอาหารแถวซอยอารีย์กิน สุดท้ายก็กลับไปจบร้านเดิม เมนูที่ชอบสั่งของร้าน Flat Table & Wine ถ้าเป็นพี่แทนจะชอบสั่งสปาเกตตีพวกซอสผัดแห้งเพราะพี่แทนชอบ แต่พราวจะชอบเป็นสปาเกตตีอูนิ อันนี้ชอบมาก แต่ว่าอันนี้ต้องนานๆ กินที เพราะราคาแรงนิดหนึ่ง แต่มันอร่อยมาก 

 

สปาเกตตีอูนิก็จะเป็นอูนิไข่หอยเม่น เขาจะเอาไข่หอยเม่นไปคลุกกับซอส ซึ่งซอสมันคงเป็นซอสพิเศษของเขา ความพิเศษมากกว่านั้นคือมีกลิ่นยูซุนิดๆ เป็นซอสเปรี้ยวๆ อ่อนๆ ซึ่งพอกินกับความมันของอูนิมันอร่อยมาก ก็เลยชอบมาก แล้วคงชอบด้วยความเปรี้ยวของยูซุด้วย ก็เลยรู้สึกว่าเมนูนี้ไม่เคยหากินได้ที่ไหน 

 

พราวชอบบรรยากาศของร้านที่มีความ Cozy เหมือนมากินข้าวบ้านเชฟ อันนี้คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่เชฟต้องการ ในร้านก็จะมีรูปภาพ มีภาพวาดน่ารักๆ แล้วก็จะเป็นโทนสีน้ำตาล ร้านก็จะเป็นโทนสีน้ำตาลไฟดิมๆ สีเหลือง ก็จะ Cozy แล้วก็ Decoration ในขวดไวน์ต่างๆ ก็จะวางรายล้อมเราไว้หมดแล้ว ก็จะสามารถเห็นเชฟทำอาหารอยู่ข้างในด้วยค่ะ

 

Flat Table & Wine

เปิด: ทุกวัน
เวลา: 17.30-24.00 น.
ราคา: 1,000 บาท
แผนที่:

 

 


 

 

เหลา เหลา

 

ร้านเหลา เหลา เป็นร้านที่กินตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่จำความได้ก็มีร้านเหลา เหลา แล้ว แต่สมัยเด็กๆ แค่จะไปกินอาหารซีฟู้ดง่ายๆ กับทางบ้าน แต่พอโตขึ้น เหลา เหลา กลายมาเป็นสิ่งสำคัญมากในชีวิต เพราะถ้าเราไปทำงานดึกๆ หรือว่าเราไปไหนมาดึกๆ ดื่นๆ ร้านเหลา เหลา ก็เปิด จะเป็นร้านแก้หิวยามดึกได้ดีมากๆ แล้วอาหารที่นี่คืออร่อยทุกอย่าง พราวชอบหมดทุกอย่าง เมนูเด็ดของร้านเขาเลยคือไส้พะโล้ทอด ซึ่งเหลา เหลา เขาจะทำแบบกรอบมาก คือชอบกินอะไรกรอบๆ อันนี้ตอบโจทย์มาก แล้วก็มีน้ำลำไยเขาอร่อยมาก เป็นน้ำลำไยที่ไม่หวานเกินไป แล้วก็มีลำไยเยอะมาก อีกเมนูที่ชอบสั่งก็คือหอยหวานเผา แล้วก็พวกยำต่างๆ ทุกอย่างเอามายำด้วยกันอร่อยหมด มีแบบยำหมูแผ่น ยำหมูกรอบ ยำไข่ดาว 

 

เหลา เหลา

เปิด: ทุกวัน
เวลา: 15.00-03.00 น.
ราคา: 250 บาท
แผนที่:

 

 


 

 

Ikigai Spa

 

เป็นร้านนวดที่อยู่ในย่านอารีย์-ประดิพัทธ์ ร้านจะอยู่ที่โรงแรม Craftsman Bangkok สปาที่นี่บอกเลยว่าหมอนวดหนักทุกคน แล้วพราวเป็นคนที่ชอบนวดหนักมากก็เลยชอบมาที่นี่ค่ะ หมอนวดประจำที่พราวชอบนวดด้วยจะนวดหนักสะใจสุดๆ โดนทุกตรง ก็เลยต้องนวดที่นี่บ่อย แต่ว่าคิวก็จะยากนิดหนึ่ง ต้องโทรจองไว้ล่วงหน้า ถ้าถามว่าบอกชื่อได้ไหม จริงๆ เป็นความลับนะอันนี้ (หัวเราะ) พราวจะชอบนวดกับพี่ปิ่น แต่ความจริงคือทุกคนนวดดีหมด แต่พี่ปิ่นเหมือนว่านวดกันบ่อย เขาเลยรู้ว่าจุดไหนมันเป็นอย่างไร ก็คือนวดที 2-3 ชั่วโมงเป็นต้นไปทุกครั้ง ระบมทั้งตัว 

 

ส่วนบรรยากาศภายในบริเวณสปาก็สบายๆ Cozy มาก ไม่ได้หรูหราเวอร์วังมาก คือเป็นห้องง่ายๆ เข้าไปก็จะสงบดีก็เลยชอบฟีลห้องที่มันสบาย การที่พราวเลือกมานวดที่นี่บ่อยๆ ถ้ามีเวลา ก็เพราะสำหรับพราวมันคือความสะดวกสบาย อีกอย่างมันใกล้บ้าน แล้วก็ราคาดี สภาพแวดล้อมดี พนักงานน่ารักทุกคนเลย แต่ที่สะดวกที่สุดคือใกล้บ้านเรา แต่ความจริงพราวก็มีร้านนวดที่ใกล้กว่านี้อีก แต่มันก็ตามราคา ตามสภาพ คือนวดดีแต่บรรยากาศอาจจะไม่ได้ดี แถวบ้านก็เยอะเหมือนกัน ถ้าในซอยบ้านจริงๆ ก็มีเยอะ ถ้านวดดีๆ ก็จะมา Ikigai Spa บ่อยที่สุดค่ะ

 

Ikigai Spa

เปิด: ทุกวัน

เวลา: 11.00-22.00 น.
ราคา: 1,490 บาท
แผนที่:

 

 


 

 

Mediwelle

 

ขยับออกไปไกลจากย่านอารีย์ที่พราวชอบไปก็จะมี Mediwelle ค่ะ เป็นที่ที่ไปบ่อย ส่วนใหญ่จะไปทุกวันอาทิตย์ เพราะคุณหมอที่ฝังเข็มจะอยู่วันอาทิตย์ คือพราวชอบไปฝังเข็มที่นั่นมาก เพราะมันใช้ศาสตร์จีนมาช่วย เหมือนใช้ศาสตร์ธรรมชาติมาช่วยรักษาสิว ซึ่งพราวก็ว่าเวิร์กมากๆ มันเป็นการฝังเข็มเพื่อความงาม เพื่อลดริ้วรอย หรือลดสิวต่างๆ แล้วบางทีก็ไปฝังเข็มเพื่อลดอาการปวดเมื่อยด้วย ซึ่งจำนวนเข็มที่ฝังบนผิวของเราจริงๆ มันก็แล้วแต่เลยว่าอาการเป็นอย่างไร แล้วพราวเคยถูกปักคางเยอะมาก เพราะว่ามีสิวเยอะอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งพราวถามเขา เขาก็บอกว่าอันนี้เหมือนเป็นการไปสร้างแผลข้างใน ทำให้เขารวมเอาเลือด เอาโน่นนี่ มารักษาแผลของเรา มันก็เลยจะหายเร็วขึ้น การที่พราวเข้าสู่วงการฝังเข็มศาสตร์จีนได้ก็เพราะเห็นเพื่อนไปทำ โดยเฉพาะ บุ๊ค Olives เขาจะเป็นสายที่ทำโน่นทำนี่เยอะ จะทดลองเยอะ เห็นเขาทำแล้วรู้สึกว่าถ้าบุ๊คเลือกทำก็แปลว่าดี เลยเชื่อ ก็เลยไปทำตาม แล้วก็ดีจริงๆ เลยซื้อคอร์สเลย

 

Mediwelle

เปิด: ทุกวัน
เวลา: 10.00-20.00 น.
ราคา: 1,500 บาท

แผนที่:

 

 


 

 

ความผูกพันในย่านอารีย์

 

ความผูกพันในย่านอารีย์ก็คือเกิดที่นี่จริงๆ อยู่ที่อารีย์จริงๆ อยู่ตั้งแต่เกิดเลย จะเห็นตั้งแต่ก่อนอารีย์จะเจริญ เห็นตั้งแต่สมัยที่อารีย์ยังไม่มีอะไรเลย มีแค่ของกิน เป็นแค่ซอยใหญ่ๆ ทะลุผ่าน จนเห็นเขาเจริญเติบโต ก็คืออยู่ย่านนี้มาตลอด เพราะโรงเรียนก็เรียนสามเสนวิทยาลัย อยู่ย่านนี้เหมือนกัน คือใช้ชีวิตวนเวียนตรงนี้มาตั้งแต่เกิด ผูกพันสุดๆ พราวรู้สึกว่าย่านนี้ลงตัวมากสำหรับเรา มันเดินทางสะดวก มีทางด่วนสองฝั่ง จะไปทางไหนก็ได้ แล้วก็รู้สึกว่ามันจะเป็นโซนที่อยู่อาศัย ถึงจะเริ่มมีความครึกครื้นมากขึ้น แต่มันก็ยังเป็นแบบที่เราอยู่อาศัยมากๆ ไม่อยากย้ายไปไหน ทุกวันนี้ก็ดีใจที่สุดท้ายมันกลายเป็นย่านที่ Happening มากในกรุงเทพฯ 

 

พราวมองว่าเสน่ห์ของอารีย์เป็นความสบาย ความชิล เป็นการหลอมรวมระหว่างที่พักและที่เที่ยว พอทุกอย่างมันรวมกันแล้วเหมือนสร้างไลฟ์สไตล์ใหม่ให้พราวเหมือนกัน อย่างบางทีเราก็ชอบเดินจากบ้านไปซอยอารีย์ ถึงความจริงคนจะมองว่าไกล แต่เรารู้สึกว่ามันก็เดินได้ เดินผ่านสวน ผ่านร้านกาแฟอื่นๆ ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นชีวิตที่ Happy ดีลงตัวดีค่ะ 

The post 4 HOURS LIFE with พราว-อรณิชา กรินชัย ชวนลัดเลาะ ชิม ชิล ไปในย่านอารีย์ที่คุ้นเคย appeared first on THE STANDARD.

]]>
MADBACON ร้านชำและคาเฟ่ของคน ‘แมดๆ’ ในย่านอารีย์ https://thestandard.co/life/madbacon-grocery-store-and-cafe Tue, 12 Dec 2023 07:23:12 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=875920 MADBACON

วันนั้นพวกเราออกไปเดินเล่นย่านอารีย์กันแบบจริงจัง (พอสม […]

The post MADBACON ร้านชำและคาเฟ่ของคน ‘แมดๆ’ ในย่านอารีย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
MADBACON

วันนั้นพวกเราออกไปเดินเล่นย่านอารีย์กันแบบจริงจัง (พอสมควร) เดินเล่นแทบทุกซอกทุกมุมที่มีร้านเจ๋งๆ เปิดอยู่ ก่อนเจ้าของกิจการหนึ่งในย่านแนะนำให้แก๊งวัยรุ่นอย่างเราต้องแวะไปร้านนี้ให้ได้ เพราะนี่คือร้านขายของชำสุดเจ๋งที่ทำให้ย่านอารีย์ยังเหมาะกับคำว่าฮิปอยู่

 

 

Why here?

 

‘MADBACON’ เป็นร้านขายของชำ จะเรียกว่าไลฟ์สไตล์คอนเซปต์สโตร์ก็อาจใช่ เพราะที่นี่เน้นขายของที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน แต่เป็นชีวิตประจำวันที่อาจสนุก มีสไตล์ และยูนีกกว่าคนทั่วไปขึ้นมานิดหน่อย เนื่องจากเจ้าของ MADBACON ตั้งใจให้สินค้าในร้านเป็นแบบ Selected คือเลือกมาให้แล้วนี่แหละเจ๋ง ถ้าคุณอยากเจ๋งเหมือนเราก็ให้แวะเข้ามา

 

 

Worth it

 

ที่เราบอกว่าสินค้าในร้านนี้เจ๋งก็เพราะแต่ละอย่างที่เขาเลือกมามันไม่เหมือนของที่เห็นตามร้านชำที่อื่นๆ โอเค MADBACON อาจมีสมุดโน้ต โปสการ์ด เสื้อ ขนม หรือดินสอ แต่ของเหล่านั้นหากมาวางอยู่ในร้านนี้จะต้องมีสไตล์เป็นของตัวเองหน่อย

 

 

อย่างเช่นสติกเกอร์ที่เราเล็งไว้ตั้งแต่เดินเข้าร้าน มีทั้งแนว 90 ที่เชื่อว่าทุกคนต้องเคยซื้อหน้าโรงเรียน หรือสติกเกอร์ โปสการ์ด สมุดโน้ตฝีมือดีไซเนอร์รุ่นใหม่ก็มีเหมือนกัน

 

แล้วยังมีจำพวกของเล่น ของใช้ ของจุกจิกน่ารักๆ แปลกๆ ขนมย้อนยุค เสื้อผ้ามือสองให้เดินเลือกดูอีก เราว่าใครแวะมาก็ต้องได้ของติดมือกลับไปแน่ๆ โดยเฉพาะ Tiny Hand มือจิ๋วอเนกประสงค์ที่ใครจะเอาไปใช้งานอย่างไรก็ตามสบาย

 

ส่วนด้านในสุดที่เห็นเป็นห้องกว้างๆ มีโต๊ะเก้าอี้วางอยู่พอประมาณ จะเป็นคาเฟ่ให้ทุกคนแวะมานั่งพูดคุย นั่งจิบกาแฟกินขนมด้วยกันได้ รอบๆ มีสินค้าแฟชั่นหรืองานอาร์ตวางโชว์ให้ซื้ออยู่อีกเช่นกัน

 

 

Good for

 

คนไหนชอบซื้อของจุกจิก ชอบงานดีไซน์เจ๋งๆ หรือของกิน ของฝาก ของเล่นที่ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน เราว่าต้องแวะมาที่ MADBACON หน้าร้านจะตั้งเด่นด้วยสีขาวแดงอยู่ในซอยอารีย์ 5

 

แล้วหลังจากแวะมาร้านนี้ก็สามารถเดินเล่นไปที่อื่นๆ ต่อได้ไม่ไกล เช่น ร้านกาแฟ NANA, แกลเลอรี Numthong Art Space หรือ Gump’s Ari ที่มีร้านอาหารและคาเฟ่เปิดอยู่

 

MADBACON

Location: ซอยอารีย์ 5

Budget: 100-300 บาท

Contact: https://www.instagram.com/madbaconstore/

Map:

 

 

The post MADBACON ร้านชำและคาเฟ่ของคน ‘แมดๆ’ ในย่านอารีย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Un-cle Bar เนเชอรัลไวน์บาร์ย่านอารีย์ที่อยากให้ทุกคนแวะมาแฮงเอาต์ชิลๆ หลังเลิกงาน https://thestandard.co/life/un-cle-bar Wed, 04 Oct 2023 01:00:55 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=849512 Un-cle Bar

หากใครที่แวะไป Silver Plate บาร์ย่านอารีย์ที่แฝงตัวใน J […]

The post Un-cle Bar เนเชอรัลไวน์บาร์ย่านอารีย์ที่อยากให้ทุกคนแวะมาแฮงเอาต์ชิลๆ หลังเลิกงาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Un-cle Bar

หากใครที่แวะไป Silver Plate บาร์ย่านอารีย์ที่แฝงตัวใน Josh Hotel ในช่วงหนึ่งปีก่อนหน้านี้ คงจะจำกันได้กับภาพลักษณ์ของร้านที่มีความเรียบหรูที่เสิร์ฟดนตรีแจ๊ส พร้อมอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนและคลาสสิกไวน์ให้เลือกดื่มด่ำกันอย่างอิ่มเอม ทว่าวันนี้ Silver Plate ถูกพลิกโฉมเป็น ‘Un-cle Bar’ ในภาพลักษณ์ใหม่ที่มีความ Young at Heart สนุกยิ่งขึ้น และยังเอาใจเหล่าผู้ชื่นชอบเนเชอรัลไวน์ ด้วยลิสต์ไวน์คุณภาพที่คัดสรรมาอย่างดี 

 

Un-cle Bar

 

The Vibe

สไตล์การตกแต่งของร้านค่อนข้างมินิมัล ให้ความเรียบง่ายและแคชวลที่สุด แต่สอดแทรก Brand Identity ของทางร้านไปในทุกๆ มุม ไม่ว่าจะเป็นตัวการ์ตูนคุณลุงอันเป็นเอกลักษณ์ หรือโควตที่เห็นแล้วก็ต้องยกมือถือขึ้นมาเก็บภาพ 

 

Un-cle Bar Un-cle Bar Un-cle Bar

 

เรียกว่าเป็นไวน์บาร์ที่ไม่ต้องคิดเยอะกับเรื่องสไตล์การแต่งตัว จะใส่อะไรก็มาได้ และถ้ามาแล้วสนุกเฮฮาจะส่งเสียงดังทางร้านก็ยิ่งยินดี 

 

Un-cle Bar

 

The Taste

สไตล์อาหารของที่นี่จะออกไปในทางคอมฟอร์ตฟู้ดแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่ สอดแทรกกลิ่นอายเมดิเตอร์เรเนียนเบาๆ เริ่มจาก Yakitori Set (290 บาท) เซ็ตไก่ย่างเสียบไม้ที่ปรุงรสมาอย่างดี กินแบบไม่ต้องจิ้มก็อร่อย แต่หากอยากเพิ่มรสชาติความเข้มข้นขึ้นไปอีก แนะนำให้จิ้มซอสที่เสิร์ฟมาพร้อมไข่แดง 

 

Un-cle Bar Un-cle Bar

 

Oden (150 บาท / 4 ชิ้น) เรียกว่าเป็นสุดยอดคอมฟอร์ตฟู้ดของชาวญี่ปุ่นจริงๆ ซึ่งเมนูโอเด้งของที่นี่ก็จะมีทั้งบุกญี่ปุ่น (คอนยัคกุ) หัวไชเท้า ไข่ต้ม ไส้กรอก เต้าหู้ และลูกชิ้นปลาญี่ปุ่น (ชิกุวะ) โดยเราสามารถเลือกเป็นเซ็ต 2 หรือ 4 ชิ้นก็ได้  

 

Un-cle Bar

 

แน่นอนว่ามาไวน์บาร์ทั้งทีก็ต้องแกล้มกับ Beef Steak (580 บาท) สักหน่อย เนื้อย่างมาได้สุกแบบมีเดียมกำลังดี จิ้มกินกับซอสสไตล์ยากินิกุได้รสชาติความอร่อยแบบญี่ปุ่นเต็มๆ 

 

Un-cle Bar

 

ยิ่งกินคู่กับไวน์แดงที่ทางร้านแนะนำอย่าง Unico Zelo Fresh A.F. (1,790 บาท) ที่ใช้เป็นองุ่นสายพันธุ์ Syrah, Merlot ยิ่งลงตัว ซึ่งที่ร้านก็ยังมีกิมมิกให้เขียนแก้วไวน์ได้อีกด้วย 

 

Un-cle Bar Un-cle Bar

 

แต่ถ้าใครอยากเปลี่ยนมู้ดไปดื่มแบบสไตล์เกาหลี ที่นี่ก็มี มักกอลลี (370 บาท) เสิร์ฟด้วยเช่นกัน 

 

Un-cle Bar

 

เพิ่มคาร์บในร่างกายกันต่อกับพาสต้าสองจาน เริ่มจาก Soba Peperoncino (180 บาท) ถ้าใครที่ชอบพาสต้ารสเบาๆ ไม่จัดจ้าน แนะนำให้สั่งจานนี้ เพราะปรุงรสมาค่อนข้างกลมกล่อมละมุน เหมาะจะแกล้มอาหารจานอื่นบนโต๊ะอย่างดี 

 

Un-cle Bar

 

หรือถ้าชอบรสที่เข้มข้นขึ้นมาหน่อยแนะนำเป็น Chorizo Aglio Olio (300 บาท) ที่ใช้ไส้กรอกโชริโซ ผัดกับกระเทียมและเห็ด และหนักเครื่องไปด้วยชีส  

 

Un-cle Bar

 

ใครเป็นสายหอยนางรมไม่ควรพลาดกับ Mixed Oyster Set (799 บาท / 6 ชิ้น) ที่นี่ใช้หอยนางรมสดๆ จาก Oyster Room โดยเซ็ตนี้จะรวมทั้ง Gillardeau, Josephine และ Tsarskaya อย่างละ 2 ชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นเนื้อแน่น ฉ่ำ ไม่คาว ยิ่งกินกับซอสและโรยผักเล็กน้อยคือฟิน แต่ถ้าใครอยากได้แบบชิ้นใหญ่เบ้อเริ่มสะใจ เซ็ต Surat (330 บาท / 3 ชิ้น) ก็เอาอยู่

 

Un-cle Bar

 

จานสุดท้ายต้องยกให้เป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่ต้องลองจริงๆ สำหรับ Peri Peri Chicken (290 บาท) ไก่ย่างสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่เสิร์ฟมาร้อนๆ ให้ความกรอบนอกนุ่มใน ฉ่ำ หอมเครื่องเทศสุดๆ 

 

Un-cle Bar

 

Good For

วันไหนที่อยากหาที่แฮงเอาต์ชิลๆ หลังเลิกงาน กินอาหารง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องแต่งตัวพิธีรีตอง และยิ่งถ้าชอบเนเชอรัลไวน์อยู่แล้ว ที่นี่คือตอบโจทย์ และถ้าแวะมาวันศุกร์-เสาร์ก็จะได้เจอกับดีเจที่จะมีอัปบีตส์ความสนุกตลอดคืนอีกด้วย  

 

Un-cle Bar

 

Un-cle Bar 

Open: วันจันทร์-เสาร์ เวลา 17.00-00.00 น. 

Address: Josh Hotel ซอยอารีย์ 4 

Instagram: https://www.instagram.com/unclebarbkk/ 

Facebook: https://www.facebook.com/profile.php?id=100080799810620 

Budget: เริ่มต้นที่ 80 บาท 

Tel: 09 9191 4292 

Map:

 

The post Un-cle Bar เนเชอรัลไวน์บาร์ย่านอารีย์ที่อยากให้ทุกคนแวะมาแฮงเอาต์ชิลๆ หลังเลิกงาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
อิ่มจุกกับบรันช์จานใหญ่ พร้อมจิบไวน์แต่หัววันที่ OIKOS – Brunch & Bar สาขาอารีย์ https://thestandard.co/life/oikos-brunch-bar Thu, 20 Jul 2023 00:57:07 +0000 https://thestandard.co/?p=819526 OIKOS - Brunch & Bar

บางทีชีวิตก็แค่ต้องการการตื่นสายแล้วได้กินอาหารดีๆ ที่ท […]

The post อิ่มจุกกับบรันช์จานใหญ่ พร้อมจิบไวน์แต่หัววันที่ OIKOS – Brunch & Bar สาขาอารีย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
OIKOS - Brunch & Bar

บางทีชีวิตก็แค่ต้องการการตื่นสายแล้วได้กินอาหารดีๆ ที่ทั้งถูกปาก มีความเป็นคอมฟอร์ตฟู้ดในบรรยากาศสบายๆ ล่าสุดเรามีโอกาสได้แวะไปที่ OIKOS Brunch & Bar สาขาใหม่ที่อารีย์ และคงต้องยกให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งเช็กลิสต์ที่สายบรันช์ (และดื่ม) ต้องตามเก็บ

 

OIKOS - Brunch & Bar

 

The Vibe

OIKOS (อิโคส) เป็นภาษากรีกโบราณ แปลว่า บ้าน ครอบครัว เลยเป็นที่มาของบรรยากาศภายในร้านที่ตกแต่งสไตล์บ้านพักตากอากาศของประเทศทางแถบยุโรปและสแกนดิเนเวีย ที่อยากให้ทุกคนมีโอกาสได้แวะเวียนมาใช้เวลาร่วมกัน 

 

OIKOS - Brunch & Bar

 

ตัวร้านถูกตกแต่งด้วยไม้และห้อมล้อมด้วยกระจกรอบด้าน ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา นั่งเพลินได้ทั้งวัน โดยมีให้เลือกนั่งทั้งโต๊ะเดี่ยว โต๊ะใหญ่สำหรับก๊วนเพื่อน และเคาน์เตอร์หน้าบาร์ในวันที่อยากแวะมาจิบดริงก์ชิลๆ

 

OIKOS - Brunch & Bar OIKOS - Brunch & Bar OIKOS - Brunch & Bar OIKOS - Brunch & Bar

 

The Taste

จุดเด่นของสาขานี้คือความเป็น Brunch & Bar เดสทิเนชันด้วยเมนูบรันช์ที่มีให้เลือกหลากหลาย และเยอะกว่าสาขาเอกชัยที่เน้นเป็น Cafe & Restaurant ตอบโจทย์สายเฮลตี้มากขึ้นด้วย Fit Meal เมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่เป็นอะลาคาร์ตภายในร้านและแบบข้าวกล่อง 

 

นอกจากนี้ยังมี Organic และ Natural Wine ให้เลือกสรรไว้จิบแกล้มกับเมนูทาปาส หรืออาหารว่างของชาวสเปนอีกด้วย 

 

OIKOS - Brunch & Bar

 

ในส่วนของอาหารที่ทางร้านเสิร์ฟจะเป็นแนวฟิวชัน Japandic ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง Nordic กับ Japanese โดยทาง OIKOS จะเน้นใช้วัตถุดิบจากประเทศญี่ปุ่น และแถบสแกนดิเนเวีย เหมือนกับจานแรกที่เราได้ลิ้มลอง Tuna Spicy Miso Dip with Tortilla (240 บาท) ทูน่าคลุกเคล้ากับซอสมิโซะที่ให้รสเผ็ดปลายลิ้น กินคู่กับแป้งตอร์ติญาทอดกรอบหน้าตาเหมือนเกี๊ยวเพลินๆ

 

OIKOS - Brunch & Bar

 

แน่นอนว่าการเริ่มต้นมื้อสายก็ต้องมีเครื่องดื่มที่ช่วยบูสต์ความสดชื่นต้อนรับวันใหม่กันหน่อย ใครเป็นสายกาแฟ ทางร้านแนะนำให้ลองกาแฟน้ำผลไม้ เพราะที่นี่เป็นการใช้ผลไม้คั้นสดเท่านั้น ได้ความหวานจากผลไม้ล้วนๆ เลยถือโอกาสลอง Orange Coffee (150 บาท) และ Passion Coffee (150 บาท) ถ้าใครที่ชอบกาแฟสไตล์คั่วเข้มจะต้องถูกใจแน่นอน แค่อึกแรกก็รู้เรื่อง ยิ่งเจอความเปรี้ยวของน้ำผลไม้แล้วก็ยิ่งสดชื่นตาตื่น

 

OIKOS - Brunch & Bar OIKOS - Brunch & Bar

 

แต่ถ้าใครที่ไม่ดื่มกาแฟ ทางร้านก็มีเมนูสมูทตี้เพื่อสุขภาพเช่นกัน อย่าง Berry Blast (155 บาท) แก้วนี้ที่ใช้เบอร์รีสดปั่นกับกล้วยและโยเกิร์ตท็อปด้วยเมล็ดเจียเพื่อสุขภาพ  

 

OIKOS - Brunch & Bar

 

ต่อกันด้วย Tapas Tomato on Toast (190 บาท) โทสต์ครีมชีสหอมหวานละมุนท็อปด้วยมะเขือเทศสดๆ และอย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่า ที่นี่คือ Brunch & Bar ดังนั้นเราเลยถือโอกาสลองเฮาส์ไวน์จากออสเตรเลียที่ทางร้านภูมิใจเสนอ ดื่มคู่กับทาปาสจานนี้ และก็ต้องบอกว่าไม่ผิดหวัง

 

OIKOS - Brunch & Bar OIKOS - Brunch & Bar

 

หากเป็นสายค็อกเทล ที่นี่ก็มีซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่น่าสนใจอยู่หลายแก้ว แต่ที่สะดุดตาและเหมาะกับมู้ดกลางวันสายๆ แบบนี้คงต้องเป็น Raspberry Ruffle (280 บาท) ดื่มง่าย ให้ความหวานสดชื่นจากราสป์เบอร์รีเต็มๆ 

 

OIKOS - Brunch & Bar OIKOS - Brunch & Bar

 

มาถึงจานซิกเนเจอร์ที่มองไปโต๊ะไหนก็เห็น Oikos Signature Brunch (380 บาท) บรันช์จานใหญ่อิ่มท้องที่มาพร้อมไข่กวน เบคอน เห็ด มะเขือเทศ ปารีสแฮม และครัวซองต์ทรงกลมที่ทางร้านอบเอง ซึ่งต้องขอชมว่าครัวซองต์ทำออกมาได้ดีจริงๆ แป้งกรอบหอมเนยอบอวลในปาก มะเขือเทศมีความสดหวาน ไส้กรอกรสชาติอร่อยเข้มข้น เป็นจานที่มีคอมบิเนชันลงตัวทุกองค์ประกอบ

 

OIKOS - Brunch & Bar OIKOS - Brunch & Bar

 

วันไหนที่แวะมาคนเดียวและอยากหาอะไรกินไวๆ แต่อิ่มท้อง อยากให้สั่งจานนี้   Mushroom and Cheese Panini with Fries (290 บาท) พานินีหรือแซนด์วิชสไตล์อิตาเลียนยัดไส้เห็ดและชีสแน่นฉ่ำด้วยซอสเพสโต เรียกว่าถ้าคุณเป็น Pesto Lover อยู่แล้วก็คงต้องรักในทุกอณูของพานินีชิ้นโตนี้ ตัวขนมปังมีความกรอบนอกแล้วค่อยๆ ไล่ระดับความนุ่มไปเจอกับเท็กซ์เจอร์ของไส้ ดูผิวเผินอาจจะไม่ได้รู้สึกอิ่ม แต่กินหมดแล้วอิ่มฟินจริง 

 

OIKOS - Brunch & Bar

 

มาถึงจานสุดท้ายที่ไม่สั่งไม่ได้ Vanilla Toast (320 บาท) อีกหนึ่งจานซิกเนเจอร์ของ OIKOS ที่แค่เห็นหน้าตาก็รู้สึกชีวิตมีความหวานขึ้นมาทันที ตัวโทสต์มาในไซส์ที่แบ่งกินกับเพื่อนได้ 2-4 คน ราดด้วยซอสวานิลลาก่อนจะท็อปด้วยสตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี ลูกฟิก และกล้วยเชื่อมคาราเมลกรุบกรอบ  

 

OIKOS - Brunch & Bar

 

ทันทีที่ตักคำแรกเข้าปากถึงกับต้องอุทาน อื้อฮือ” พร้อมตาลุกวาว สัมผัสของโทสต์จะค่อนไปทางนุ่มมากกว่ากรอบ กินกับซอสวานิลลาหวานละมุนหอมฟุ้ง ยิ่งตักกินกับผลไม้สดที่เสิร์ฟมาด้วยคือเข้ากันแบบ 10/10 ยกให้เป็นจานติดดาวที่ต้องลองจริงๆ

 

Good for

ถ้าชอบอาหารสไตล์บรันช์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ไม่อยากตื่นเช้ามาก อารมณ์อยากกินช่วงบ่าย 3 ก็แวะมาที่ OIKOS ได้ เพราะที่นี่เสิร์ฟอาหารเช้าและเมนูโทสต์ต่างๆ ตั้งแต่เช้าจนถึง 4 โมงเย็นเลยทีเดียว ส่วนเมนูอื่นๆ ยังคงเสิร์ฟถึง 3 ทุ่ม ตอบโจทย์ใครที่อยากแวะมาจิบไวน์ดีๆ ในช่วงค่ำเช่นกัน ส่วนใครที่อยากมาลองเมนูเพสทรีควรแวะมาแต่เช้า เพราะที่นี่ขายหมดไวมาก

 

OIKOS - Brunch & Bar

 

OIKOS – Brunch & Bar

Open: ทุกวัน 08.00-22.00 น. 

Address: VANIT Village, Building C, 1st floor, Soi Ari 1 (จอดรถได้ที่ตึก VANIT Place Aree) 

Instagram: www.instagram.com/oikos.bkk/ 

Budget: เริ่มต้นที่ 160 บาท

Map: 

 

 

ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์

The post อิ่มจุกกับบรันช์จานใหญ่ พร้อมจิบไวน์แต่หัววันที่ OIKOS – Brunch & Bar สาขาอารีย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
La Cabra Ari สาขาใหม่ กลิ่นอายญี่ปุ่นของร้านกาแฟสแกนดิเนเวีย https://thestandard.co/life/la-cabra-ari Fri, 12 May 2023 05:14:47 +0000 https://thestandard.co/?p=788825 La Cabra Ari

คนอยู่ไกลย่านเจริญกรุงแบบเรา ขอสารภาพว่ายังไม่มีโอกาสแว […]

The post La Cabra Ari สาขาใหม่ กลิ่นอายญี่ปุ่นของร้านกาแฟสแกนดิเนเวีย appeared first on THE STANDARD.

]]>
La Cabra Ari

คนอยู่ไกลย่านเจริญกรุงแบบเรา ขอสารภาพว่ายังไม่มีโอกาสแวะไปร้านกาแฟสัญชาติเดนมาร์กอย่าง La Cabra เลยสักครั้ง แต่พอเห็นมาเปิดสาขาใหม่ในย่านอารีย์ที่เราผ่านทุกวันก็เลยไม่อยากพลาดเข้าไปทำความรู้จักด้วยตัวเองสักที

 

อีกทั้ง La Cabra สาขาอารีย์ ยังมีความพิเศษขึ้นกว่าสาขาแรก ตั้งแต่บรรยากาศที่ผสมความเป็นญี่ปุ่นเข้ามา หรือถ้วยเซรามิกสั่งทำพิเศษเพื่อสาขานี้โดยเฉพาะ ซึ่งทุกคนซื้อกลับไปสะสมได้ด้วย

 

La Cabra Ari La Cabra Ari La Cabra Ari

 

The Vibe

 

La Cabra ตั้งใจเปิดสาขาใหม่ในย่านอารีย์เพราะอยากเข้าถึงผู้คนในเมืองมากขึ้น แถมเป็นย่านชิลๆ ที่คนชอบดื่มกาแฟต้องนึกถึง La Cabra Ari จึงมาในลักษณะร้านเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ เปิดอยู่ใต้อาคารวานิช วิลเลจ ที่เพิ่งเปิดใหม่เช่นกัน

 

โดยการออกแบบสาขานี้ได้แรงบันดาลใจมาจากร้านจิบชาแบบญี่ปุ่น จึงเน้นใช้วัสดุทำจากไม้ ตั้งแต่โครงสร้าง เคาน์เตอร์สโลว์บาร์ โต๊ะและเก้าอี้ ก่อนเพิ่มแสงจากธรรมชาติด้วยบานกระจกใสที่ช่วยให้ร้านไม่ดูแคบเกินไป 

 

และถ้าหากมองขึ้นไปด้านบน จะเห็นเพดานโปร่งแสงที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบานประตูแบบญี่ปุ่นด้วย บรรยากาศจึงดูนุ่มนวล ผ่อนคลาย ให้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่นผสมสแกนดิเนเวียชัดเจน

 

La Cabra Ari La Cabra Ari La Cabra Ari La Cabra Ari

 

The Taste

 

La Cabra Ari เน้นเรื่องกาแฟเช่นเดียวกัน มาพร้อมขนมและอาหารเช้าที่เหมาะกับคนในย่านนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามาร้านกาแฟสัญชาติเดนมาร์กทั้งที ก็ต้องลองจิบกาแฟ Hand Brews (180-300 บาท) สไตล์สแกนดิเนเวียสักหน่อย โดยเมล็ดจะมีให้เลือกทั้งในและต่างประเทศ เช่น ดอยสะเก็ด (180 บาท) แม่เจดีย์ (220 บาท) หรือเมล็ดกาแฟจากเม็กซิโก San Cristobal (260 บาท) ที่เป็นตัวแนะนำวันนี้ 

 

แต่ถ้าใครอยากดื่มแบบเอสเพรสโซ ร้านจะมีเมล็ดให้เลือก 2 เบลนด์ คือ Comfortable (130-160 บาท) ที่ให้รสชาติโทนช็อกโกแลต นัทตี้ และ Adventurous (150-190 บาท) เหมาะสำหรับคนชอบแนวฟรุตตี้ มีความซับซ้อนนิดๆ

 

เครื่องดื่มกาแฟทั้งหมดจะเสิร์ฟมาในถ้วยเซรามิกทำมือ ฝีมือนักปั้นชาวเดนมาร์ก KH Würtz ที่ทำแก้วแต่ละใบขึ้นมาเพื่อ La Cabra สาขานี้โดยเฉพาะ และถ้าหากใครติดใจในความคราฟต์ก็ซื้อกลับไปได้เช่นกัน โดยสินค้าเป็นแบบลิมิเต็ด

 

La Cabra Ari La Cabra Ari

 

เราอยากให้ทุกคนลองอีกเมนูหนึ่งด้วย Chocolate (160 บาท) ที่สั่งได้ทั้งร้อนและเย็น โดยใช้ช็อกโกแลตจากจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นอีกแรงบันดาลใจในการออกแบบ La Cabra Ari ให้มีความเป็นธรรมชาติ มีความคราฟต์ เหมือนกับขั้นตอนการผลิตช็อกโกแลต

 

เมนูอาหารที่ต้องลองคือ Ham and Cheese Toast (280 บาท) เป็นแซนด์วิชแฮมชีสใส่ผักดองที่อบร้อนๆ กรอบๆ แถมกลิ่นหอมชวนหิว กินคู่กับกาแฟหรือช็อกโกแลตเราก็ชอบทั้งนั้น

 

La Cabra Ari La Cabra Ari La Cabra Ari

 

Good for…

 

La Cabra เป็นอีกร้านกาแฟดีอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าใครผ่านมาแถวอารีย์ หรืออยากหาร้านนั่งจิบกาแฟชิลๆ ในวันหยุด ลองเพิ่มร้านนี้เข้าไปในลิสต์ดู เพราะถึงแม้ขนาดจะดูกะทัดรัด แต่เราว่าเขามีครบทุกอย่าง ทั้งคุณภาพ บรรยากาศ เครื่องดื่ม และบาริสต้าที่คอยให้คำแนะนำ ทุกคนจะเอ็นจอยกับกาแฟได้อย่างเพลิดเพลินแน่นอน

 

La Cabra Ari

Open: เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-17.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น.

Address: โครงการวานิช วิลเลจ ถนนพหลโยธิน

Contact: La Cabra Thailand (แท็ก: https://www.facebook.com/lacabra.thailand)

Budget: 150-500 บาท

Map: 

 

The post La Cabra Ari สาขาใหม่ กลิ่นอายญี่ปุ่นของร้านกาแฟสแกนดิเนเวีย appeared first on THE STANDARD.

]]>
Galleries’ Nights 2022 เทศกาลชมศิลปะยามค่ำคืน เริ่มวันเสาร์นี้ ตั้งแต่ ‘สีลม-อารีย์’ https://thestandard.co/galleries-nights-2022/ Wed, 02 Nov 2022 10:50:09 +0000 https://thestandard.co/?p=703474 Galleries’ Nights 2022

กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลศิลปะที่จะพาทุกคนโลดแล่นไปตามแกล […]

The post Galleries’ Nights 2022 เทศกาลชมศิลปะยามค่ำคืน เริ่มวันเสาร์นี้ ตั้งแต่ ‘สีลม-อารีย์’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Galleries’ Nights 2022

กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลศิลปะที่จะพาทุกคนโลดแล่นไปตามแกลเลอรีต่างๆ เพื่อชมงานอาร์ตทั่วกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน โดยงานปีนี้จะจัดขึ้นเพียง 2 วัน เริ่มจากย่านสีลม-เจริญกรุง ก่อนปิดท้ายด้วยย่านอารีย์-ปทุมวัน

 

‘Galleries’ Nights’ เป็นเทศกาลศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Sleepless Night งานชมศิลปะข้ามคืนในประเทศฝรั่งเศส ที่แกลเลอรีต่างๆ จะเปิดให้บริการจนเช้าเพียงคืนเดียวเท่านั้น แต่สำหรับเวอร์ชันไทย พวกเราจะฮอปปิ้งไปตามแกลเลอรีต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อชมงานศิลปะโดยศิลปินจากทั่วโลกที่นำมาจัดแสดงให้ชมในเวลาพิเศษเพียง 2 คืน

 

ปีนี้งานมีแกลเลอรีเข้าร่วมกว่า 110 แห่ง พร้อมผลงานจากศิลปินกว่า 200 คน โดยจะเริ่มวันแรกในวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ณ ย่านสีลม-สาทร-ริมน้ำ ก่อนในวันเสาร์ต่อมา 12 พฤศจิกายน จะชวนพวกเราไปเที่ยวชมย่านอารีย์-ปทุมวัน-สุขุมวิท

 

งานปีนี้มาพร้อมคอนเซปต์ ‘NOW (ปัจจุบัน)’ ชวนทุกคนตามหาโลกที่ต้องการในอนาคตท่ามกลางเหตุการณ์ไม่มั่นคงต่างๆ ในปัจจุบัน ซึ่งหลังจากจบงานในกรุงเทพฯ Galleries’ Nights จะจัดขึ้นต่อในบางแสนด้วย ตั้งแต่ 25 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคมนี้

 

เทศกาลจัดโดย สถานทูตฝรั่งเศส ประจําประเทศไทย และแน่นอนว่าพวกเขายังมี ‘รถตุ๊กตุ๊ก’ คอยให้บริการรับ-ส่งฟรีเช่นเดิม (เฉพาะกรุงเทพฯ) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ La Fête

The post Galleries’ Nights 2022 เทศกาลชมศิลปะยามค่ำคืน เริ่มวันเสาร์นี้ ตั้งแต่ ‘สีลม-อารีย์’ appeared first on THE STANDARD.

]]>