อารมณ์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 29 Oct 2024 10:08:00 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 หยุดเหวี่ยงวีน ระบายอารมณ์ เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด https://thestandard.co/life/stop-emotional-outbursts Tue, 29 Oct 2024 10:08:00 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1001393

Brad J. Bushman จาก The Ohio State University ผู้เชี่ยว […]

The post หยุดเหวี่ยงวีน ระบายอารมณ์ เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด appeared first on THE STANDARD.

]]>

Brad J. Bushman จาก The Ohio State University ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเรื่องอารมณ์ กล่าวว่าการระบายความโกรธเป็น “สิ่งที่แย่ที่สุดที่คุณสามารถทำได้” เพราะเปรียบเสมือนการ “เติมเชื้อไฟ” ให้อารมณ์ลุกโชนมากขึ้น แม้ในอดีตนักจิตวิทยาจะเชื่อในทฤษฎีการปลดปล่อยอารมณ์ที่ว่าการระบายความรู้สึกด้านลบออกมาดีกว่าการเก็บกด แต่งานวิจัยในปัจจุบันกลับแสดงให้เห็นว่ายิ่งระบาย ยิ่งโกรธ ยิ่งก้าวร้าว

 

เชื่อว่าเมื่อหลายคนเผชิญกับความโกรธและความหงุดหงิดก็คงอยากระบายความรู้สึกที่มีกับคนรอบข้าง การเล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำให้อารมณ์เสีย บ่นถึงงานที่น่ารำคาญ หรือคำพูดที่ไม่น่าฟัง มักให้ความรู้สึกโล่งอกในทันที แต่นักวิจัยกลับพบว่าการระบายอารมณ์อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ แล้วถ้าการระบายอารมณ์ไม่ใช่ทางรอด แล้ววิธีไหนกันล่ะที่จะดีต่อสุขภาพจิตใจของเรา?

 


 

เราควรทำอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับความโกรธหรือความหงุดหงิด

 

คำตอบอยู่ที่การจัดการอารมณ์อย่างสร้างสรรค์ การทำสมาธิ โยคะ และการหายใจลึกๆ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยลดความโกรธได้ดีกว่าการระบาย นอกจากวิธีเหล่านี้แล้ว การมองสถานการณ์ในแง่บวก การยอมรับ และการมองเห็นอารมณ์ขันในเหตุการณ์ต่างๆ ก็เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าคนที่ใช้วิธีเหล่านี้มีสุขภาพจิตดีกว่าคนที่เลือกระบายอารมณ์

 

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกด้านลบจะเป็นสิ่งต้องห้ามเสมอไป การปรึกษานักบำบัดเพื่อทำความเข้าใจสาเหตุของอารมณ์ หรือการพูดคุยเพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่ไม่ยุติธรรม ถือเป็นการใช้การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ สิ่งสำคัญคือการเลือกคนที่จะพูดคุยด้วย งานวิจัยพบว่าการระบายกับคนที่ไว้ใจและรู้วิธีรับฟังที่เหมาะสมจะให้ผลดีกว่าการระบายกับทุกคนที่เราพบเจอ

 

รู้จักเทคนิค ‘แมลงวันบนกำแพง’

 

เทคนิคที่น่าสนใจอีกอย่างคือการมองสถานการณ์แบบ ‘แมลงวันบนกำแพง’ หรือการสมมติว่าเราเป็นคนนอกที่มองเหตุการณ์นั้นๆ วิธีนี้ช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมและลดอารมณ์ร้อนลงได้ บางครั้งการพยายามไม่คิดถึงเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดก็เป็นวิธีที่ได้ผล โดยเฉพาะกับคนที่มีแนวโน้มจะครุ่นคิดซ้ำๆ

 

จำไว้ว่าแม้การระบายอารมณ์จะให้ความรู้สึกดีในระยะสั้น แต่อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการความโกรธหรือความหงุดหงิด การฝึกสติ การหายใจ และการมองหามุมมองใหม่ๆ อาจเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในการรักษาสมดุลทางอารมณ์ของเรา

 

 

อ้างอิง:

The post หยุดเหวี่ยงวีน ระบายอารมณ์ เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด appeared first on THE STANDARD.

]]>
แม่เหล็กแห่งความสุข 5 เหตุผลที่เราถูกดึงดูดด้วยพลังบวก https://thestandard.co/life/positive-attraction-five-reasons Thu, 29 Aug 2024 06:29:31 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=976951

คนที่อยู่ใกล้แล้วเราได้เป็นตัวของตัวเอง ผ่อนคลาย และไร้ […]

The post แม่เหล็กแห่งความสุข 5 เหตุผลที่เราถูกดึงดูดด้วยพลังบวก appeared first on THE STANDARD.

]]>

คนที่อยู่ใกล้แล้วเราได้เป็นตัวของตัวเอง ผ่อนคลาย และไร้กำแพงปิดกั้น พวกเขาคือคนที่มีพลังบวกที่ส่งต่อถึงคนอื่นได้ และมักจะเปล่งประกายความสดใสอยู่เสมอ คนเหล่านี้มักจะมองโลกในแง่ดี มีรอยยิ้มติดใบหน้า และมีทัศนคติที่ไม่เป็นลบ แล้วรู้ไหมว่าทำไมเราถึงรู้สึกถูกดึงดูดไปหาคนเหล่านี้ LIFE ชวนผู้อ่านมาลองเจาะลึกกันว่าอะไรคือเสน่ห์ลับๆ ของคนที่มองโลกในแง่ดี

 


 

1. อารมณ์คือพลังงานที่ติดต่อได้

 

จิตวิทยาสมัยใหม่พิสูจน์แล้วว่าอารมณ์สามารถ ‘ติดต่อ’ กันได้ เช่น เมื่อเราอยู่ใกล้คนที่มีความสุข สมองของเราจะเริ่มปลดปล่อยสารเคมีแห่งความสุขออกมา ไม่ว่าจะเป็น โดพามีน (Dopamine) เซโรโทนิน (Serotonin) และออกซิโทซิน (Oxytocin) นี่คือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘Emotional Contagion’ หรือการแพร่กระจายทางอารมณ์ ลองนึกถึงโมเมนต์ที่คุณอยู่กับแก๊งเพื่อนแล้วเล่าเรื่องตลกโปกฮาที่เรียกเสียงหัวเราะ คุณอาจสังเกตได้ว่าตัวเองเริ่มยิ้มและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 

2. การมองโลกแง่ดีคือการเปิดมุมมองที่กว้างขึ้น

 

คนที่มองโลกในแง่ดีมักจะมีมุมมองที่กว้างและยืดหยุ่นกว่า สามารถมองเห็นโอกาสใหม่ๆ ได้อย่างคาดไม่ถึง แม้แต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก การอยู่ใกล้คนเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกว่าปัญหาของเราเล็กลงและมีทางออกเสมอ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อทีมงานกำลังเครียดกับโปรเจกต์ที่มีเดดไลน์กระชั้นชิด คนที่มองโลกในแง่ดีอาจเสนอมุมมองใหม่ว่า “นี่เป็นโอกาสที่เราจะได้พิสูจน์ความสามารถของทีม” ทำให้ทุกคนรู้สึกมีแรงบันดาลใจและกระตือรือร้นมากขึ้น

 

3. พลังบวกช่วยปรับอารมณ์ให้ยืดหยุ่นได้ 

 

คนที่มีทัศนคติเชิงบวกมักจะมีความยืดหยุ่นทางอารมณ์สูง พวกเขาสามารถฟื้นตัวจากความผิดหวังได้เร็วและไม่จมอยู่กับปัญหา การอยู่ใกล้คนเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและมั่นคงมากขึ้น เพราะเรารู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะสามารถรับมือได้ ยกตัวอย่างเช่น เราอาจแพลนทริปไปเที่ยวกับแก๊งเพื่อน แต่มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแผนการท่องเที่ยวเพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เพื่อนที่มองโลกในแง่ดีอาจเสนอให้จัดปาร์ตี้เล็กๆ ในบ้านแทน ทำให้ทุกคนรู้สึกดีขึ้นและมีความสุขกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

 

4. พลังบวกช่วยส่งเสริมกันและกัน

 

คนที่มีพลังงานบวกมักจะเป็นคนที่ชอบสนับสนุนและให้กำลังใจผู้อื่น พวกเขามองเห็นศักยภาพในตัวเราที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป การอยู่ใกล้คนเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าและมีแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาตัวเอง เช่น สมมติว่าคุณกำลังลังเลที่จะสมัครงานใหม่เพราะกลัวว่าตัวเองไม่เก่งพอ เพื่อนที่มองโลกในแง่ดีอาจชี้ให้เห็นถึงความสามารถที่คุณมีและเชียร์ให้ลองสมัครดู

 

5. การมองโลกในแง่ดี การสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

 

คนที่มีทัศนคติเชิงบวกมักจะสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นมิตร พวกเขามักจะมีอารมณ์ขันและทำให้สถานการณ์ตึงเครียดผ่อนคลายลงได้ การอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เช่น ในการประชุมที่เริ่มมีความขัดแย้งหรือมีคนเห็นไม่ตรงกัน คนที่มองโลกในแง่ดีอาจใช้อารมณ์ขันเพื่อลดความตึงเครียด และนำการสนทนากลับมาสู่จุดที่สร้างสรรค์ได้

The post แม่เหล็กแห่งความสุข 5 เหตุผลที่เราถูกดึงดูดด้วยพลังบวก appeared first on THE STANDARD.

]]>
เธอแค่เหงาหรือรักเขากันแน่? https://thestandard.co/life/lonely-or-love-check Sun, 14 Jul 2024 02:26:05 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=957522 เธอแค่เหงาหรือรักเขากันแน่?

สิ่งที่ค่อนข้างอันตรายต่อความรู้สึกของคนสองคนคือความไม่ […]

The post เธอแค่เหงาหรือรักเขากันแน่? appeared first on THE STANDARD.

]]>
เธอแค่เหงาหรือรักเขากันแน่?

สิ่งที่ค่อนข้างอันตรายต่อความรู้สึกของคนสองคนคือความไม่ชัดเจนระหว่าง ‘ความเหงา’ หรือ ‘ความรัก’​ เพราะความรักและความเหงาเป็นอารมณ์ที่มักเกิดขึ้นควบคู่กัน แต่การแยกแยะระหว่างสองสิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ การที่คนสองคนรู้ใจตัวเองว่ากำลังรู้สึกอย่างไรจริงๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เราเห็นแก่ตัวและไม่ทำให้ผู้อื่นต้องเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ไปเช็กกันเลยว่ามีสัญญาณอะไรบ้างที่อาจบ่งบอกว่าเราอาจแค่เหงาแต่ไม่ได้รัก

 

 

สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจแค่เหงา คือรู้สึกว้าเหว่เมื่ออยู่คนเดียวและต้องการใครสักคนมาอยู่ด้วยตลอดเวลา

 

เธอแค่เหงาหรือรักเขากันแน่?

 

คุณใช้เวลาส่วนใหญ่กับการหาคนคุยหรือเล่นแอปหาคู่ แทนที่จะพัฒนาตัวเองหรือทำกิจกรรมที่ชอบอื่นๆ

 

 

คุณไม่สนใจที่จะรู้จักอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง แค่ต้องการให้เขาอยู่ข้างๆ คุณไม่ได้มองถึงอนาคตร่วมกันอย่างจริงจัง

 

เธอแค่เหงาหรือรักเขากันแน่?

 

ความรู้สึกของคุณเปลี่ยนแปลงง่าย ขึ้นอยู่กับว่ามีคนอื่นอยู่รอบตัวหรือไม่

 

คุณมักจะรู้สึกหงุดหงิดหรือเศร้าเมื่อคู่ของคุณไม่มีเวลาหรือติดธุระ ขณะที่ถ้าเป็นรักแท้ คุณจะสามารถมีความสุขได้แม้อยู่คนเดียว

 

เธอแค่เหงาหรือรักเขากันแน่?


คุณมักจะรีบเร่งความสัมพันธ์โดยไม่ให้เวลากับการทำความรู้จักกันอย่างแท้จริง ความเหงาทำให้ตัดสินใจเร็วและผิดพลาดได้

 

 

คุณมักจะเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่นที่มีคู่ และรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าเมื่อไม่มีใคร

 

เธอแค่เหงาหรือรักเขากันแน่?

 

วิธีแก้ไขคือให้เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับตัวเอง และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนและครอบครัว จะเป็นทางออกที่ดีกว่าการรีบหาคู่เพียงเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่า

 

 

มีสติและรู้ความรู้สึกของตัวเอง จะช่วยให้ความสัมพันธ์มีคุณค่าและยั่งยืนโดยไม่ต้องทำร้ายความรู้สึกของทั้งตัวคุณเองและผู้อื่น

The post เธอแค่เหงาหรือรักเขากันแน่? appeared first on THE STANDARD.

]]>
KEY SUCCESS: Positive Influence https://thestandard.co/key-success-positive-influence/ Wed, 17 Apr 2024 00:50:17 +0000 https://thestandard.co/?p=923454

โอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนก […]

The post KEY SUCCESS: Positive Influence appeared first on THE STANDARD.

]]>

โอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ จะเป็นการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์สมัยที่ 3 และน่าจะเป็นสมัยสุดท้ายของ เอเลียด คิปโชเก ตำนานนักวิ่งมาราธอน เจ้าของสองเหรียญทองโอลิมปิก ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกที่วิ่งระยะมาราธอนได้ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง 

 

ในการแข่งขันครั้งนี้ เอเลียด คิปโชเก ยังคงเชื่อมั่นในคำพูดที่เขากล่าวเอาไว้เองว่า “No Human is limited” หรือมนุษย์ไร้ขีดจำกัด ทำให้เขาตั้งเป้าที่การสร้างสถิติคว้าเหรียญทองมาราธอนในกีฬาโอลิมปิกเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ 

 

แต่นอกจากความเชื่อมั่นในเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่แล้ว คิปโชเกยังมีหลักคิดอีกหนึ่งอย่างคือ 

 

“คนที่มีระเบียบวินัยในชีวิตเท่านั้นถึงจะได้รับอิสรภาพ ถ้าคุณไม่มีระเบียบวินัย คุณจะเป็นทาสของของอารมณ์และแพสชัน”

 

ประโยคดังกล่าวเป็นเหมือนกับเข็มทิศนำทางในทุกๆ วันที่เขายึดตามแผนฝึกซ้อมในแคมป์ที่บ้านเกิดประเทศเคนยา 

 

ซึ่งแนวคิดนี้ตรงกับหลักการภายในหนังสือ Sports Mind ซึ่งเขียนโดย เจฟฟรีย์ ฮอดเจส ที่อธิบายถึงหลักการในการสร้างแรงบันดาลใจในแต่ละวันที่แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ Positive Influence และ Negative Influence

 

ทุกคนอาจจะคุ้นเคยกับการสร้างแรงบันดาลใจว่าเป็นเพียงสิ่งเดียว แต่ความจริงแล้วแรงบันดาลใจทำงานได้ทั้งด้านบวกและด้านลบ 

 

ข้อแตกต่างระหว่าง Positive Influence และ Negative Influence คือ

 

Positive Influence เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากเบื้องลึกของจิตใจที่ตอบสนองต่อความปรารถนาและเป็นแรงผลักดันในมุมมองที่ดี

 

ยกตัวอย่างเช่น Positive Influence เป็นแรงผลักดันให้เราทำกิจวัตรประจำวันอะไรบางอย่าง โดยคาดหวังให้ได้ผลตอบแทนที่ดีต่อตัวเองในอนาคต อย่างเช่น คนที่เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหรือออกกำลังกายในทุกวัน เพราะรู้สึกดีจากการทำสิ่งเหล่านี้ 

 

นักกีฬาบางคนอาจเลือกที่จะตื่นเช้ามาซ้อมเพิ่มครึ่งชั่วโมงทุกวัน เพราะเขาต้องการจะพัฒนาเกมของตัวเองให้ดีขึ้น

 

Negative Influence จะมาจากการที่รู้สึกถูกบังคับให้ทำ เพราะหวาดกลัวผลเสียที่จะเกิดขึ้นหากไม่ทำหรือจะโดนลงโทษถ้าไม่ทำ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าไม่จ่ายภาษีจะโดนปรับ บางคนเลือกที่จะไม่สูบบุหรี่เพราะกลัวที่จะป่วยเป็นโรคมะเร็ง 

 

ทั้งสองด้านของแรงบันดาลใจต่างก็มีบทบาทในชีวิตของเรา เพราะเราก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบของการตัดสินใจในแต่ละวัน 

 

แต่มีหลายครั้งที่ Negative Influence ครอบงำจิตใจเสียจนคนคนนั้นไม่กล้าที่จะก้าวไปสู่ขีดความสามารถที่เขาควรจะเป็น หรือกดดันตัวเองจนไม่สามารถทำผลงานที่ดีที่สุดออกมาได้ 

 

Sports Mind ได้ยกตัวอย่างว่า นักกีฬามีทั้งคนที่ใช้แรงผลักดันแบบ Positive เพื่อไปสู่ความสำเร็จ แต่ขณะเดียวกันก็มีนักกีฬาที่เลือกใช้ Negative ด้วยการกดดันตัวเองอย่างหนัก เพื่อทำให้ผลงานให้ออกมาดีที่สุด เช่น จอห์น แมคเอ็นโร ตำนานนักเทนนิสชาวอเมริกันที่มักจะกดดันตัวเองอยู่เสมอ เพราะต้องการเป็นคนที่เก่งที่สุด 

 

แต่ในระยะยาวเจฟฟรีย์เชื่อว่า Positive Influence จะนำพาความสำเร็จมาได้อย่างยั่งยืนกว่า

 

เพราะการใช้ Negative Influence คือการกดดันตัวเองตลอดเวลาเพื่อทำผลงานให้ดีขึ้น ผลักตัวเองให้ออกไปทำทุกอย่างที่ทำได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็อาจจะขาดแรงดึงดูดให้ทำในสิ่งนั้น เพราะพวกเขามองว่านี่เป็นสิ่งที่ ‘ต้องทำ’ เท่านั้น 

 

และเมื่อถูกผลักด้วยพลังลบตลอดเวลา สุดท้ายก็มีโอกาสสูงที่เราจะไปถึงจุดที่เรียกว่า Burnout ทั้งร่างกายและจิตใจได้รวดเร็วกว่า

 

ในมุมกลับกัน หากเลือกใช้ Positive Influence เป็นแรงดึงดูด โดยยึดความคิดที่ว่า เราเองเป็นคนกำหนดชีวิตของเราในแต่ละวัน 

 

เมื่อนั้นแรงกดดันจะน้อยลง แต่แรงดึงดูดให้ทำในสิ่งที่สำคัญต่อเป้าหมายของเราจะเพิ่มมากขึ้น เพราะการตัดสินใจของเราจะถูกดึงดูดด้วยเป้าหมายระยะยาวที่ยึดจากความปรารถนาที่แท้จริง 

 

วิธีการหนึ่งที่ดีที่สุดจากเจฟฟรีย์ที่เขาได้ให้คำแนะนำภายในหนังสือ Sports Mind ก็คือ ให้เริ่มต้นจากการมองเห็นสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจทำอะไรก็ตามในแต่ละวัน มากกว่าผลเสียที่จะตามมาหากคุณไม่ทำสิ่งนั้น 

 

ซึ่งการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงจาก Negative Influence เป็น Positive Influence ก็อาจนำพามาซึ่งมุมมองใหม่ในการผลักดันตัวเองไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้ 

 

และแน่นอนว่าไม่มีเวลาที่จะเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงความคิดได้ดีที่สุดเท่ากับวันนี้ เหมือนกับที่ เอเลียด คิปโชเก เคยกล่าวไว้ว่า 

 

“ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นปลูกต้นไม้คือ 25 ปีก่อน และช่วงเวลาที่ดีที่สุดรองลงมาคือการเริ่มต้นวันนี้”

The post KEY SUCCESS: Positive Influence appeared first on THE STANDARD.

]]>
รู้จักการถอดรหัสลับด้วยศาสตร์วิเคราะห์ใบหน้า (Emotional Attributes) https://thestandard.co/life/emotional-attributes Tue, 05 Mar 2024 01:35:48 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=907187

การถอดรหัสลับด้วยศาสตร์ที่เรียกว่าการ ‘วิเคราะห์ใ […]

The post รู้จักการถอดรหัสลับด้วยศาสตร์วิเคราะห์ใบหน้า (Emotional Attributes) appeared first on THE STANDARD.

]]>

การถอดรหัสลับด้วยศาสตร์ที่เรียกว่าการ ‘วิเคราะห์ใบหน้า’ (Emotional Attributes) คืออะไร? มันจะสร้างผลลัพธ์ออกมาได้น่าทึ่งขนาดไหนกันนะ?

 

ต้องถือว่านี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างว้าว! และน่าสนใจมากกับก้าวใหม่ๆ ในวงการความงาม ซึ่งความรู้ดีๆ แบบนี้ส่งตรงถึงคนไทยได้เนื่องจาก Allergan Aesthetics ได้รับเกียรติจาก ดร.เมาริซิโอ เดอ ไมโอ ศัลยแพทย์ความงามชื่อดังระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญในเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อชะลอวัยและปรับรูปหน้า ที่มาเยือนเมืองไทยเพื่อแบ่งปันความรู้ และเผยถึงศาสตร์ใหม่ของการถอดรหัสและวิเคราะห์รูปหน้าจากคุณลักษณะทางอารมณ์ หรือ Emotional Attributes ที่จะช่วยค้นหาความต้องการที่ใช่ที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคลสู่ผลลัพธ์ที่ตรงจุด พร้อมไขข้อสงสัยถึงทริกในการเลือกใช้หัตถการความงามให้สวยในแบบที่ต้องการ ส่วนการวิเคราะห์ใบหน้าจะมีหลักการอย่างไรไปรู้จักพร้อมๆ กันเลย 

 

 

การพัฒนาหลักการถอดรหัสใบหน้าด้วยคุณลักษณะทางอารมณ์เกิดจากประสบการณ์กว่า 25 ปีในวิชาชีพศัลยแพทย์ความงามของ ดร.เมาริซิโอ เดอ ไมโอ พบว่ามีข้อจำกัดในการฉีดเพื่อลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าที่ผลลัพธ์ไม่แน่นอนและยากที่จะแก้ไขหรือทำซ้ำ

 

 

แม้ว่าแพทย์ส่วนใหญ่จะมีความเข้าใจในคุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ แต่ก็ไม่สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ที่แน่นอนและเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขหรือทำซ้ำ การเลือกผลิตภัณฑ์ เครื่องมือ และตำแหน่งในการฉีด จึงกลายเป็นสิ่งที่ต้องการความพิถีพิถันและความสำคัญจากแพทย์

 

 

การมีระบบวิเคราะห์ใบหน้าอย่างละเอียดเป็นเทคนิคช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำหัตถการ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนอย่างครอบคลุมได้ดีขึ้นกว่าเดิม 

 

 

หลักการถอดรหัสรูปหน้านี้มุ่งเน้นการวิเคราะห์ ให้คำปรึกษา และทำความเข้าใจถึง 8 คุณลักษณะทางอารมณ์ที่แตกต่างกันของแต่ละคน

 

 

ดร.เมาริซิโอ เดอ ไมโอ ค้นพบว่าคุณลักษณะทางอารมณ์ด้านลบที่ต้องการแก้ไข ได้แก่ ความหย่อนคล้อย ดูเหนื่อยล้า ดูเศร้า และดูดุ

 

 

คุณลักษณะทางอารมณ์ด้านบวกที่ต้องการเพิ่มเติม ได้แก่ กรอบหน้าคมชัด ความน่าดึงดูด ดูอ่อนวัยขึ้น และให้ดูเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายมากยิ่งขึ้น

 

 

ความสำคัญของการใช้ Emotional Attributes ในการทำหัตถการความงามเพื่อผลลัพธ์ที่ตรงใจและสอดคล้องกับตัวตน รวมถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อความงามที่ดูเป็นธรรมชาติและคงทน

 

 

การเข้าใจความต้องการของตนเองและการเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและการฝึกฝนในการวิเคราะห์ Emotional Attributes อย่างครอบคลุมเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างผลลัพธ์ที่ให้ความมั่นใจและความสุข ให้เป็นตัวเองที่ดีที่สุด

 

The post รู้จักการถอดรหัสลับด้วยศาสตร์วิเคราะห์ใบหน้า (Emotional Attributes) appeared first on THE STANDARD.

]]>
“ผลวิจัยชี้ การชอบใครสักคนทำให้เราอารมณ์ดีขึ้น” https://thestandard.co/life/liking-someone-makes-you-feel-better Fri, 16 Feb 2024 13:55:35 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=900949

“ผลวิจัยชี้ การชอบใครสักคนทำให้เราอารมณ์ดีขึ้น”  & […]

The post “ผลวิจัยชี้ การชอบใครสักคนทำให้เราอารมณ์ดีขึ้น” appeared first on THE STANDARD.

]]>

“ผลวิจัยชี้ การชอบใครสักคนทำให้เราอารมณ์ดีขึ้น” 

 

และจะยิ่งอารมณ์ดีมากขึ้นอีก หากชวนกันไปออกกำลังกาย เพราะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนแห่งความสุข ที่ร่างกายจะปล่อยฮอร์โมน เช่น เอ็นดอร์ฟิน และออกซิโตซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เรารู้สึกดี มีความสุข และรู้สึกผูกพัน

 

มีหลายงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึงผลลัพธ์เชิงบวกของการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นต่อสุขภาพจิตและอารมณ์โดยรวม เมื่อเรามีความรู้สึกชอบหรือรักใครสักคน ร่างกายจะปล่อยฮอร์โมน เช่น เอ็นดอร์ฟิน และออกซิโตซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เรารู้สึกดี มีความสุข และรู้สึกผูกพัน และยังมีข้อดีอื่นๆ อีกเพียบ เช่น ลดความเครียดและความวิตกกังวล เสริมสร้างความมั่นใจและคุณค่าในตนเอง สุขภาพทางจิตใจดีขึ้น ช่วยให้เรารู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย และเชื่อมต่อกับผู้อื่นได้ดีขึ้น

The post “ผลวิจัยชี้ การชอบใครสักคนทำให้เราอารมณ์ดีขึ้น” appeared first on THE STANDARD.

]]>
หลักการทั้ง 7 ของการดูแลตนเอง (Self-Care) สำหรับคนยุคนี้ https://thestandard.co/life/7-self-care-tips Sun, 03 Dec 2023 18:54:11 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=872973 การดูแลตนเอง (Self-Care)

LIFE ของพาผู้อ่านไปสำรวจหลักการทั้ง 7 ของการดูแลตนเอง ( […]

The post หลักการทั้ง 7 ของการดูแลตนเอง (Self-Care) สำหรับคนยุคนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
การดูแลตนเอง (Self-Care)

LIFE ของพาผู้อ่านไปสำรวจหลักการทั้ง 7 ของการดูแลตนเอง (Self-Care) ซึ่งประกอบด้วย Physical, Emotional, Intellectual, Social, Spiritual, Environmental และ Financial Self-Care แต่ละหลักการมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ ช่วยสร้างความสมดุลในชีวิตของเรา และเสริมสร้างความสามารถในการจัดการกับความท้าทายในชีวิตด้วย ลองค่อยๆ ปรับเปลี่ยนวิธีการดูแลตัวเองแบบค่อยเป็นค่อยไป เลือกทำสิ่งที่ง่ายก่อน แล้วค่อยเพิ่มความท้าทายทำข้ออื่นๆ ให้ได้ นี่คือแนวคิดของการดูแลตนเองที่ครอบคลุมการดูแลตนเองแบบองค์รวม เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน 

 

1. Physical Self-Care

การดูแลตนเองด้านร่างกายคือพื้นฐานที่เริ่มต้นได้เลย ชีวิตคนเราควรได้ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนอย่างเพียงพอ และได้รับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ เป้าหมายคือการรักษาและเสริมสร้างสุขภาพที่ดีทั้งในและนอกร่างกาย

 

2. Emotional Self-Care

การดูแลสุขภาพทางอารมณ์เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ต้องฝึกสังเกตอารมณ์ของตนเองและรู้เท่าทัน รวมถึงพัฒนาอารมณ์ให้มีสุขภาพทางอารมณ์ที่ดี ซึ่งทำได้จากการผ่อนคลาย ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ พยายามหลีกหนีเรื่องเครียดๆ มองโลกในแง่ดี 

 

3. Intellectual Self-Care

การพัฒนาและดูแลสุขภาพทางปัญญาคือการที่เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เช่น การอ่าน การทำกิจกรรมที่กระตุ้นความคิด เป็นการเสริมสร้างและรักษาสุขภาพทางปัญญาที่ดี อย่าลืมว่าคนเราจำเป็นต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิต

 

4. Social Self-Care

การมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นนับเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลตนเอง มันคือการใช้เวลากับครอบครัว เพื่อน หรือการเข้าร่วมกลุ่มสังคมที่มีความชอบเหมือนๆ กัน จะช่วยให้หลีกหนีจากความโดดเดี่ยว ความเครียด หรืออาการซึมเศร้าได้ 

 

5. Spiritual Self-Care

ไม่ว่าจะเป็นการทำสมาธิ การฝึกโยคะ หรือการทำกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับความเชื่อหรือการมองโลกในแง่จิตวิญญาณ การดูแลทางจิตวิญญาณช่วยให้จิตใจสงบและมีความมั่นคงได้เป็นอย่างดี 

 

6. Environmental Self-Care

พยายามให้ตัวเองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ มีการจัดระเบียบพื้นที่ทำงานหรือที่อยู่อาศัยให้สวยงาม น่าอยู่ น่าทำงาน หาเวลาไปอยู่กับธรรมชาติบ้าง และพยายามใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ทำในสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม

 

7. Financial Self-Care

ควรรู้จักจัดการเรื่องการเงินของตนเองอย่างมีความรับผิดชอบ ควรมีการวางแผนการเงินระยะสั้นและระยะยาว ควรมีความรู้เกี่ยวกับการเงิน บริหารเงินสำหรับชีวิตตนเองให้เป็น สิ่งนี้จะสามารถลดความเครียดที่เกี่ยวข้องกับการเงิน และเพิ่มความมั่นคงทางการเงินได้ ทำให้สุขภาพทางใจดี ไม่เครียดด้วย

The post หลักการทั้ง 7 ของการดูแลตนเอง (Self-Care) สำหรับคนยุคนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
On Cloud Nine นิทรรศการก้อนเมฆที่ชวนผจญภัยสู่หลายอารมณ์ความรู้สึก https://thestandard.co/life/on-cloud-nine Sun, 03 Dec 2023 18:49:27 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=872960 On Cloud Nine

จากห้องแรกจนห้องสุดท้ายในนิทรรศการ On Cloud Nine เรารู้ […]

The post On Cloud Nine นิทรรศการก้อนเมฆที่ชวนผจญภัยสู่หลายอารมณ์ความรู้สึก appeared first on THE STANDARD.

]]>
On Cloud Nine

จากห้องแรกจนห้องสุดท้ายในนิทรรศการ On Cloud Nine เรารู้สึกเหมือนได้เดินผ่านเรื่องราวหลายอารมณ์ หลายความรู้สึกของ Tuagomstudio หรือ พศุตม์ วุฒิกรสมบัติกุล ศิลปินเจ้าของคาแรกเตอร์ ‘ตัวกลมและบิงซู’ พระเอกของนิทรรศการนี้

 

 

On Cloud Nine เป็นนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของพศุตม์ เขาพา ตัวกลม เด็กชายตัวจิ๋วผู้มองโลกในแง่ดี และ บิงซู เจ้าหมาคู่ใจที่ไปไหนไปกันเสมอ มาเป็นตัวแทนเล่าถึงการผจญภัยครั้งใหญ่ที่ทำให้ชีวิตของตัวกลมเปลี่ยนไป จากโลกใบเดิมที่เรียบง่าย มีความสุข ก็ต้องเผชิญกับความเหงา ความเศร้า ความโดดเดี่ยว เพราะการจากลาที่จะไม่ได้พบกันอีก

 

นิทรรศการแบ่งเป็น 4 ห้อง เริ่มจากห้องสีเหลืองสดใส เต็มไปด้วยความทรงจำที่มีความสุขของตัวกลมและบิงซู ห้องถัดไปมี Sculpture ตัวกลมสุดน่ารัก และภาพวาดตัวกลมที่กำลังรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว

 

 

ห้องต่อมาเต็มไปด้วยภาพท้องฟ้าและก้อนเมฆที่ชวนรู้สึกเคว้งคว้างแต่ก็อบอุ่น พร้อมกับเสียงเปียโนประกอบที่ โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร แต่งขึ้นมาเพื่อนิทรรศการนี้โดยเฉพาะ แล้วยังมีก้อนเมฆกลางห้องให้ทุกคนขึ้นไปนั่งมองท้องฟ้า เผื่อว่าจะนึกถึงใครสักคนขึ้นมา

 

สุดท้ายเป็นห้องเก็บความทรงจำของก้อนเมฆ เป็นภาพยนตร์สั้นน่ารักๆ ของตัวกลมและบิงซูที่เราอยากให้ทุกคนนั่งชม ก่อนเดินออกจากนิทรรศการไปตามหาก้อนเมฆแห่งความสุขของตัวเองดูบ้าง

 

 

On Cloud Nine เปิดให้เข้าชมฟรีตั้งแต่วันนี้ – 21 มกราคม 2567 ที่ RCB Photographers’ Gallery ชั้น 2 River City Bangkok

The post On Cloud Nine นิทรรศการก้อนเมฆที่ชวนผจญภัยสู่หลายอารมณ์ความรู้สึก appeared first on THE STANDARD.

]]>
LIFE TIP: Good Mood Tips วิธีรักษาอารมณ์เชิงบวกเพื่อสุขภาพจิตใจที่ดี https://thestandard.co/life/life-tip-07052023 Sun, 07 May 2023 03:02:18 +0000 https://thestandard.co/?p=786274

Good Mood Tips เปิดวิธีรักษาอารมณ์เชิงบวกเพื่อสุขภาพจิต […]

The post LIFE TIP: Good Mood Tips วิธีรักษาอารมณ์เชิงบวกเพื่อสุขภาพจิตใจที่ดี appeared first on THE STANDARD.

]]>

Good Mood Tips เปิดวิธีรักษาอารมณ์เชิงบวกเพื่อสุขภาพจิตใจที่ดี

 

การรักษาอารมณ์เชิงบวกเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคนยุคนี้ เพราะมีหลายครั้งที่อารมณ์เชิงลบชั่ววูบนำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าเดิม เพราะขาดการจัดการอารมณ์ที่ดี การเสริมความแข็งแรงให้อารมณ์เชิงบวกจะเป็นเกราะป้องกันที่ดี หากคุณรู้สึกว่าเหนื่อยล้า หงุดหงิด และไม่มีแรงจูงใจ แต่เราสามารถปรับปรุงและเพิ่มอารมณ์ที่ดีได้ด้วยการผสมผสานระหว่างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพและการดูแลตนเองต่อไปนี้ เป็นเคล็ดลับในการรักษาอารมณ์ที่ดีที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทุกวัน 

 

มองเห็นสิ่งที่ตัวเอง ‘มี’

 

ลองใช้เวลา 2-3 นาทีในแต่ละวันเพื่อไตร่ตรองถึงสิ่งที่คุณมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพที่แข็งแรง ครอบครัวที่อบอุ่น เตียงนอนที่นุ่มสบาย มีบ้านที่สงบ มีงานที่มั่นคง หรือสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้คุณมีความสุข 

 

เข้าสังคมบ้าง

 

การเชื่อมต่อทางสังคมมีความสำคัญต่อความสุขทางอารมณ์ได้ดี ลองใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัว หรือกลุ่มที่คุณสนใจให้มากขึ้น ลองไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ทำให้คุณมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ เล่นเซิร์ฟ ไปปีนเขา เรียนทำขนม ฯลฯ หรือหาเวลาให้กับสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข การทำสิ่งที่คุณชอบร่วมกับเพื่อนๆ สามารถช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและเติมเต็มมากขึ้น

 

นอนหลับให้เพียงพอ

 

การอดนอนอาจทำให้อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย และอ่อนล้าได้ พยายามนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงในแต่ละคืน และจัดตารางเวลานอนให้สม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้คุณรักษากิจวัตรการนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพ 

 

ออกกำลังกายเป็นประจำ

 

การออกกำลังกายเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ตามธรรมชาติที่สามารถช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ ไม่ว่าจะเป็นการไปเดินเล่น ฝึกโยคะ หรือเข้ายิม ให้หากิจวัตรการออกกำลังกายที่เหมาะกับตัวเองและทำตามนั้น

 

กินอาหารเพื่อสุขภาพ

 

อาหารที่คุณกินอาจส่งผลต่ออารมณ์ของคุณ การกินอาหารที่มีผัก ผลไม้ และเมล็ดธัญพืชสูง และอาหารแปรรูปและน้ำตาลต่ำ สามารถช่วยให้คุณมีอารมณ์ที่ดีและรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น

 

ฝึกสติ

 

สติคือการฝึกอยู่กับปัจจุบันและให้ความสนใจกับความคิดและความรู้สึกนึกคิดโดยไม่ตัดสิน การฝึกสติอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยลดความเครียด ทำให้อารมณ์ดีขึ้น และเพิ่มความรู้สึกเป็นอยู่ที่ดีโดยรวม

The post LIFE TIP: Good Mood Tips วิธีรักษาอารมณ์เชิงบวกเพื่อสุขภาพจิตใจที่ดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
กทม. หารือผู้บริหาร TTA เรื่องแอปพลิเคชันเช็กสภาพอารมณ์ของเด็ก ก่อนนำไปใช้งานจริง https://thestandard.co/application-to-check-the-emotional-state-of-children/ Thu, 11 Aug 2022 02:05:01 +0000 https://thestandard.co/?p=665755 แอปพลิเคชันเช็กสภาพอารมณ์ของเด็ก

วานนี้ (10 สิงหาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุ […]

The post กทม. หารือผู้บริหาร TTA เรื่องแอปพลิเคชันเช็กสภาพอารมณ์ของเด็ก ก่อนนำไปใช้งานจริง appeared first on THE STANDARD.

]]>
แอปพลิเคชันเช็กสภาพอารมณ์ของเด็ก

วานนี้ (10 สิงหาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.)  ประชุมร่วมกับ เฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) ณ ห้องนพรัตน์ ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) โดยเป็นการหารือและนำเสนอแอปพลิเคชันสำหรับตรวจสภาพอารมณ์ของเด็ก ส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง รวมทั้งส่งเสริมให้มีความเข้าใจอารมณ์ตัวเองและผู้อื่นมากขึ้น มีความกล้าที่จะทำสิ่งที่ดีและถูกต้อง เรียนรู้ทักษะชีวิต ทักษะการแก้ปัญหา และการจัดการอารมณ์ตนเองได้อย่างเหมาะสม

 

รวมถึงเสริมทักษะในการรับมือสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันและร่วมแก้ปัญหาการรังแกกันในโรงเรียน และโลกออนไลน์ พร้อมทั้งช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่อาจโดนรังแก มีภาวะเครียด หาทางออกไม่ได้ มีความเสี่ยงทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย ซึ่งสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินจากทีมนักจิตวิทยาได้ ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครรับทราบ และรับพิจารณาศึกษาแอปพลิเคชันในรายละเอียดก่อนนำไปใช้งาน 

 

สำหรับการประชุมมี ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม., ภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าฯ กทม., พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์, ผู้บริหารสำนักการศึกษา, ผู้บริหารบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย 

The post กทม. หารือผู้บริหาร TTA เรื่องแอปพลิเคชันเช็กสภาพอารมณ์ของเด็ก ก่อนนำไปใช้งานจริง appeared first on THE STANDARD.

]]>