อนุชา บูรพชัยศรี – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 15 Aug 2023 07:07:20 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ราชกิจจาฯ ประกาศเลื่อน ‘สุเทพ’ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก้าวไกล และเลื่อน ‘อนุชา’ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมไทยสร้างชาติ https://thestandard.co/royal-gazette-postponed-suthep-and-anucha-mp-listing/ Mon, 10 Jul 2023 14:24:58 +0000 https://thestandard.co/?p=814937 อนุชา

วันนี้ (10 กรกฎาคม) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประก […]

The post ราชกิจจาฯ ประกาศเลื่อน ‘สุเทพ’ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก้าวไกล และเลื่อน ‘อนุชา’ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมไทยสร้างชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุชา

วันนี้ (10 กรกฎาคม) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ให้ผู้มีชื่ออยู่ในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองเลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง ลงนามโดย วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร

 

ประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่า ตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ซึ่งได้ประกาศให้ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกล ลำดับที่ 27 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น

 

เนื่องจากศาลอาญามีนบุรีได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ ที่ อ. 1824/2566 และคดีหมายเลขแดงที่ อ. 1989/2566 เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 พิพากษาให้จำคุก ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เป็นเวลา 2 เดือน และปรับ 4,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และคดีได้ถึงที่สุดแล้วตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2566 ตามหนังสือศาลอาญามีนบุรี ที่ ศย 300.027(ค)อ5419 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2566

 

ดังนั้น สมาชิกภาพของ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกล ลำดับที่ 27 จึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 101 (13) ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2566

 

ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 105 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จึงประกาศให้ผู้มีชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคก้าวไกล ได้แก่ สุเทพ อู่อ้น เลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทน

 

ขณะที่วันเดียวกันนี้ ราชกิจจานุเบกษายังได้เผยแพร่ประกาศสภาผู้แทนราษฎรอีกฉบับ เลื่อนลำดับ อนุชา บูรพชัยศรี ผู้มีชื่อในลำดับถัดไปของพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นเป็น ส.ส.ใหม่ แทน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และทำให้สมาชิกภาพของพีระพันธุ์สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 101 (3)

 

อนุชา อนุชา

The post ราชกิจจาฯ ประกาศเลื่อน ‘สุเทพ’ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก้าวไกล และเลื่อน ‘อนุชา’ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมไทยสร้างชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ ตรวจความพร้อมรถไฟฟ้าสายสีชมพู ก่อนเปิดใช้จริงปลายปี 66 ขอให้ประชาชนมั่นใจความปลอดภัย เผยที่จอดรถรองรับได้ 2,000-3,000 คัน https://thestandard.co/prayut-trial-run-pink-line/ Mon, 10 Jul 2023 08:48:32 +0000 https://thestandard.co/?p=814790

วันนี้ (10 กรกฎาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมน […]

The post นายกฯ ตรวจความพร้อมรถไฟฟ้าสายสีชมพู ก่อนเปิดใช้จริงปลายปี 66 ขอให้ประชาชนมั่นใจความปลอดภัย เผยที่จอดรถรองรับได้ 2,000-3,000 คัน appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (10 กรกฎาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ อนุชา บูรพชัยศรี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงสถานีรถไฟฟ้ามีนบุรี (PK30) เพื่อร่วมตรวจสอบความพร้อมก่อนทดสอบการเดินรถไฟฟ้า (Trial Run) โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี โดยมี คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ผู้ให้บริการระบบขนส่งมวลชนทางรางสายแรกของประเทศไทย ให้การต้อนรับ

 

โดยนายกรัฐมนตรีได้รับฟังบรรยายสรุปโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูจาก ภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พร้อมเยี่ยมชมจุดเชื่อมต่อโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในอนาคต และร่วมทดสอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู เดินทางจากสถานีมีนบุรี (PK30) ไปยังสถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (PK12) โดยจอดดูทางเชื่อม Skywalk เข้าสู่ศูนย์ราชการ และย้อนกลับมาลงที่สถานีลาดปลาเค้า (PK18) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 

 

พล.อ. ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมทดสอบการเดินรถโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู เส้นทางสถานีมีนบุรี (PK30) – สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (PK12) – สถานีลาดปลาเค้า (PK18) ว่า วันนี้พาคณะที่มีรัฐมนตรีมาด้วย มาร่วมกันทดสอบนั่งรถไฟฟ้าสายสีชมพู ก่อนที่จะเปิดใช้งานจริงในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งวันนี้เดินหน้าไปแล้ว 97% ยังเหลืออีก 2-3% ที่บางสถานียังมีปัญหาเรื่องระบบทางเชื่อมอยู่ และจะเปิดให้บริการครบทั้งหมด 30 สถานี 34.5 กิโลเมตร 

 

โดยมีการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2560 และจะเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2566 ใช้เวลามากพอสมควร ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกระบวนการเยอะ เริ่มโครงการกำหนด TOR และประกวดราคา ซึ่งก็เป็นไปตามขั้นตอน ที่สำคัญต้องขอบคุณภาคประชาชนในเรื่องของที่ดินที่มีการเวนคืนที่ดินได้สำเร็จ 

 

“ถ้าเราอยากได้อะไรจะต้องร่วมมือกันจะได้ผลสำเร็จ โดยให้ความเป็นธรรมและดูแลซึ่งกันและกันให้เป็นไปตามกระบวนการและเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งครั้งที่แล้วเป็นสายสีเหลือง และครั้งนี้เป็นสายสีชมพู เราจะเห็นว่ามีการใช้เทคนิคที่เหมือนกันเพื่อความปลอดภัย ก็ขอให้มั่นใจก็แล้วกัน เพราะอาจไม่คุ้นชิน จะเห็นว่าเราก็พยายามทำให้มีการเชื่อมต่อไปยังสถานที่สำคัญข้างล่าง ในหลายสถานีก็มีที่จอดรถรองรับได้ 2,000-3,000 คัน ก็ถือว่าดีเหมือนกันเอื้ออำนวยความสะดวก 

 

“อย่างไรก็ตาม วันนี้ได้ทำตามโครงสร้างที่ได้ร่างไว้ คงไม่ใช่เฉพาะรถไฟฟ้า แต่ต้องดูโครงสร้างทั้งหมดทั้งประเทศมาดู ทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรอง ตะวันตก ตะวันออก ภาคเหนือ ภาคใต้ เป็นต้น ที่เรียกว่าคำเชื่อมโยงนั่นคือนโยบายเรื่องการทำโครงสร้างพื้นฐานและกายภาพ หวังว่าเราจะได้ใช้ประโยชน์ต่อไปก็แล้วกัน” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว

The post นายกฯ ตรวจความพร้อมรถไฟฟ้าสายสีชมพู ก่อนเปิดใช้จริงปลายปี 66 ขอให้ประชาชนมั่นใจความปลอดภัย เผยที่จอดรถรองรับได้ 2,000-3,000 คัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘อนุชา’ ลาออกโฆษกรัฐบาลแล้ว บอกขอทำหน้าที่ ส.ส. เตรียมโหวตนายกฯ 13 ก.ค. นี้ เผยนายกฯ ให้กำลังใจทำงานสภา https://thestandard.co/anucha-resigns-as-government-spokesman/ Mon, 10 Jul 2023 03:57:41 +0000 https://thestandard.co/?p=814633 อนุชา บูรพชัยศรี

วันนี้ (10 กรกฎาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุชา บูรพชัยศรี ร […]

The post ‘อนุชา’ ลาออกโฆษกรัฐบาลแล้ว บอกขอทำหน้าที่ ส.ส. เตรียมโหวตนายกฯ 13 ก.ค. นี้ เผยนายกฯ ให้กำลังใจทำงานสภา appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุชา บูรพชัยศรี

วันนี้ (10 กรกฎาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ตนได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และได้กราบลา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อไปทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)ในสภา 

 

โดยนายกฯ อวยพรให้มีกำลังกายกำลังใจที่ดีเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ได้อย่างเต็มความสามารถ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน ทั้งนี้ ขอขอบคุณนายกฯ ที่กรุณาให้ความไว้วางใจตลอดเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา ให้ดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง และมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กำกับดูแลงานสำคัญทั้งเรื่องต่างประเทศ เรื่องนโยบายและยุทธศาสตร์ การประสานงานการเมือง และภารกิจของนายกรัฐมนตรีในด้านต่างๆ รวมถึงกำกับดูแลสำนักโฆษกฯ

 

“ขอบคุณนายกฯ ที่ไว้วางใจให้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา และขอบคุณเพื่อนร่วมงานที่ทำงานมากว่า 3 ปี ในสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ปฏิบัติภารกิจร่วมกันมา และขอบคุณสื่อมวลชนที่กรุณานำเสนอข่าวเพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชนตลอดเวลาที่ผ่านมา ส่วนภารกิจจากนี้ไป นายกฯ ได้มอบหมายให้รองโฆษกฯ ที่เหลืออยู่ 3 คน ทำงานไปอย่างต่อเนื่อง” อนุชากล่าว

 

อนุชากล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างรอเอกสารจากสภาที่จะส่งไปที่พรรครวมไทยสร้างชาติในวันเดียวกันนี้ เพื่อเตรียมนำไปรายงานตัวต่อสภาในวันที่ 12 กรกฎาคม และจะได้ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าในการประชุมพรรค รทสช. ในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ จะมีทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม อนุชากล่าวว่า ยังไม่ทราบวาระการประชุม เพราะที่ผ่านมาตนไปร่วมในฐานะผู้ติดตามของนายกฯ จึงไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องใดบ้าง ต้องรอดูว่าในพรรคจะเสนอความเห็นอย่างไร จากนั้นโฆษกพรรคจะเป็นผู้แถลงรายละเอียดเพื่อให้ ส.ส. ทุกคนเข้าใจก่อนประชุมสภา

The post ‘อนุชา’ ลาออกโฆษกรัฐบาลแล้ว บอกขอทำหน้าที่ ส.ส. เตรียมโหวตนายกฯ 13 ก.ค. นี้ เผยนายกฯ ให้กำลังใจทำงานสภา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประยุทธ์สั่งประเมินวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม-แล้ง ล่วงหน้า 6 เดือน ย้ำเตือนประชาชนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เตรียมพร้อมรับมือได้ทันท่วงที https://thestandard.co/prayut-assess-water-situation/ Fri, 07 Jul 2023 04:04:29 +0000 https://thestandard.co/?p=813519 ประยุทธ์ จันทร์โอชา

วันนี้ (7 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐ […]

The post ประยุทธ์สั่งประเมินวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม-แล้ง ล่วงหน้า 6 เดือน ย้ำเตือนประชาชนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เตรียมพร้อมรับมือได้ทันท่วงที appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประยุทธ์ จันทร์โอชา

วันนี้ (7 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการประเมินสถานการณ์น้ำของประเทศ ซึ่งกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา, สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน), กรมทรัพยากรน้ำ, กรมชลประทาน, กรมทรัพยากรธรณี, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ฯลฯ พบว่าปัจจุบันภาพรวมปริมาณฝนทั้งประเทศต่ำกว่าค่าปกติ 25% ซึ่งที่ผ่านมาในหลายพื้นที่ยังมีฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ย โดยฝนจะตกในพื้นที่ภาคใต้เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันตก

 

ขณะที่สถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวม 40,808 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 50% ของความจุรวมทั้งหมด ในปริมาณนี้เป็นน้ำใช้การ 16,698 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 29% ซึ่งปัจจุบันมีการใช้น้ำนับจากช่วงต้นฤดูฝนไปแล้วประมาณ 10% โดยภาคกลางเป็นพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำต้นทุนน้อยที่สุดในขณะนี้ สำหรับการจัดสรรน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่งให้แก่พื้นที่ต่างๆ มีการจัดสรรแล้วรวม 6,604 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 42% ของแผนทั้งหมด โดยภาคที่มีการจัดสรรน้ำมากที่สุด ได้แก่ ภาคเหนือ โดยจัดสรรไปแล้ว 54% ของแผน

 

อนุชากล่าวว่า รัฐบาล โดย กอนช. ได้จำลองปริมาณน้ำจากปี 2562 เพื่อใช้คาดการณ์ปริมาณน้ำใช้การของอ่างฯ ขนาดใหญ่ ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 พบว่า จะมีปริมาณน้ำใช้การ 26,071 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 55% ซึ่งน้อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว และคาดว่า ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 จะมีอ่างฯ ขนาดใหญ่ จำนวน 21 แห่ง มีโอกาสเสี่ยงน้ำน้อย ได้แก่ ภาคเหนือ 7 แห่ง ภาคตะวันออก 6 แห่ง ภาคตะวันตก 4 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 แห่ง และภาคกลาง 2 แห่ง 

 

นอกจากนี้ จากการคาดการณ์ปริมาณน้ำใช้การล่วงหน้าในปี 2567 พบว่า ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2567 จะมีปริมาณน้ำใช้การ 12,162 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 26% และ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 จะมีปริมาณน้ำใช้การ 11,646 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 25% ซึ่งลดลงไปประมาณครึ่งหนึ่งจากวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 โดย กอนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องติดตามเฝ้าระวังการใช้น้ำ 

 

รวมทั้งติดตามในเรื่องแผนการจัดสรรน้ำอย่างเคร่งครัด โดยระบายน้ำให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ และใช้เสริมจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาเท่านั้น เพื่อให้มีน้ำสำรองกักเก็บไว้ในแหล่งน้ำ โดยเฉพาะในอ่างฯ ขนาดใหญ่ให้ได้มากที่สุด รวมถึงมีการจัดรอบเวรการรับน้ำ แบ่งออกเป็น ต้นคลอง กลางคลอง และปลายคลอง เพื่อให้สามารถกระจายน้ำให้แก่ทุกพื้นที่ที่ต้องการใช้น้ำได้อย่างทั่วถึง ขณะนี้มีพื้นที่ซึ่งมีการจัดรอบเวรการส่งน้ำโดยกรมชลประทานแล้ว ได้แก่ คลองมะขามเฒ่าอู่ทอง ตั้งแต่จังหวัดชัยนาทถึงจังหวัดสุพรรณบุรี และคลองชัยนาท-ป่าสัก 

 

พร้อมกันนี้ รัฐบาล โดย กอนช. ได้ประเมิน วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม น้ำแล้ง ล่วงหน้า 6 เดือน ตามปริมาณฝนคาดการณ์ ONE MAP พบว่า มีพื้นที่ที่มีภาวะความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ตอนกลางของประเทศ และยังคงมีพื้นที่ซึ่งเป็นแนวรับลมที่มีความเสี่ยงน้ำท่วมจากฝนตกหนัก โดยในเดือนกรกฎาคม 2566 พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมในบริเวณชายขอบของประเทศ ได้แก่ พื้นที่ภาคเหนือตอนบนในจังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา และจังหวัดน่าน พื้นที่บริเวณชายขอบของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นที่ภาคกลางในจังหวัดเพชรบูรณ์ บริเวณลุ่มน้ำป่าสัก และพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดระนองลงไป และพบพื้นที่เสี่ยงแล้ง เช่น จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดเพชรบุรี จึงขอย้ำให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดผ่านช่องทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน National ThaiWater เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

The post ประยุทธ์สั่งประเมินวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม-แล้ง ล่วงหน้า 6 เดือน ย้ำเตือนประชาชนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เตรียมพร้อมรับมือได้ทันท่วงที appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุชาไม่คอนเฟิร์ม รวมไทยสร้างชาติส่งชื่อชิงนายกฯ หรือไม่ ชี้ 11 ก.ค. นี้มีประชุมพรรค ถกวาระสภา แนวทางลงมติ รู้พร้อมกันวันนั้น https://thestandard.co/anucha-not-confirm-nominated-pm/ Thu, 06 Jul 2023 04:17:45 +0000 https://thestandard.co/?p=813032 อนุชา บูรพชัยศรี

วันนี้ (6 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองหัวหน้าพรรครวมไท […]

The post อนุชาไม่คอนเฟิร์ม รวมไทยสร้างชาติส่งชื่อชิงนายกฯ หรือไม่ ชี้ 11 ก.ค. นี้มีประชุมพรรค ถกวาระสภา แนวทางลงมติ รู้พร้อมกันวันนั้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุชา บูรพชัยศรี

วันนี้ (6 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติจะมีการประชุมกำหนดทิศทางในการโหวตนายกรัฐมนตรี จะต้องมีการพูดคุยหารือกัน ตอนนี้ขอดูภาพรวมสถานการณ์ทางการเมืองก่อน เชื่อว่าในวันนั้นจะได้ข้อสรุป พร้อมปฏิเสธกระแสข่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะเสนอนายกรัฐมนตรีเป็น พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แทน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 ของพรรค ซึ่งเรื่องนี้จะต้องหารือกันก่อน ซึ่งจะหารือในแง่มุมต่างๆ และในวันเดียวกันจะมีความชัดเจนอย่างแน่นอน โดยผลการประชุมจะแถลงแจ้งให้ทราบ ส่วนตัวไม่ทราบว่าจะส่งใครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับพรรค 

 

ส่วนการเตรียมตั้งวิปประสานงานในซีกพรรคขั้วรัฐบาลเดิมนั้น อนุชากล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการตั้งขึ้นมาเพื่อประสานงานกัน ไม่ว่าจะเป็นซีกรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แนวคิดนี้ได้มีการพูดคุยกันเบื้องต้น และเป็นการนำเสนอแนวคิดเท่านั้น ยังไม่ได้ประสานกันอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ในรายละเอียดก็จะไปดูกันอีกครั้งหลังจากที่มีการประชุมพรรคในวันอังคารหน้า ว่าจะมีท่าทีและดำเนินการต่อไปอย่างไร ซึ่งต้องดูในแต่ละจังหวะเวลาและแต่ละสัปดาห์ก่อน ขณะนี้ยังไม่มีการนัดพูดคุยกัน แต่ย้ำว่าเป็นแนวคิดในการทำงานร่วมกันของพรรคการเมืองในการลงมติต่างๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ต่อไปจะต้องมีการประสานงานกัน 

 

ส่วนพรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่นั้น อนุชากล่าวว่า ตนเองไม่ได้พูดคุยรายละเอียดกับพรรคภูมิใจไทย

The post อนุชาไม่คอนเฟิร์ม รวมไทยสร้างชาติส่งชื่อชิงนายกฯ หรือไม่ ชี้ 11 ก.ค. นี้มีประชุมพรรค ถกวาระสภา แนวทางลงมติ รู้พร้อมกันวันนั้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
ครม. เห็นชอบเปลี่ยนชื่อ ‘กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม’ เป็น ‘กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม’ พร้อมปรับโครงสร้างหน่วยงานใหม่ https://thestandard.co/cabinet-agreed-changed-deqp-name/ Wed, 05 Jul 2023 09:43:02 +0000 https://thestandard.co/?p=812769 กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

วันนี้ (5 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐ […]

The post ครม. เห็นชอบเปลี่ยนชื่อ ‘กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม’ เป็น ‘กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม’ พร้อมปรับโครงสร้างหน่วยงานใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

วันนี้ (5 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนชื่อ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็น กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการ ที่เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ

 

ทั้งนี้ จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกซึ่งส่งผลให้ไทยต้องรับมือกับปัญหาที่ตามมา ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงได้ทบทวนและปรับปรุงบทบาท ภารกิจ และโครงสร้างหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้สอดคล้องกับบริบทด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป 

 

โดยนำภารกิจของกองประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมารวมกับภารกิจของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงหน้าที่และอำนาจ และเปลี่ยนชื่อ ‘กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม’ เป็น ‘กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (Department of Climate Change and Environment)’

 

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวทำให้เกิดการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของหน่วยงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนี้

 

  1. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. …
  2. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ …) พ.ศ. … 

 

โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีความเห็น ดังนี้

 

  1. ร่างกฎกระทรวง 
  2. ฉบับที่เสนอมานั้นเป็นผลจากการปรับปรุงหน้าที่และอำนาจ และเปลี่ยนชื่อ ‘กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม’ เป็น ‘กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม’ โดยถือเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการบริหารราชการแผ่นดิน 
  3. ร่างกฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับไม่เป็นการตัดโอนงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้ จึงไม่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงงบประมาณเพิ่มเติม เพิ่มวงเงิน หรือก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ ที่จะเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป

The post ครม. เห็นชอบเปลี่ยนชื่อ ‘กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม’ เป็น ‘กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม’ พร้อมปรับโครงสร้างหน่วยงานใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ครม. รับทราบความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง-สำนักงบฯ ดำเนินการให้เกิดความชัดเจน https://thestandard.co/cabinet-aware-of-green-line/ Wed, 05 Jul 2023 07:50:44 +0000 https://thestandard.co/?p=812668

วันนี้ (5 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐ […]

The post ครม. รับทราบความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง-สำนักงบฯ ดำเนินการให้เกิดความชัดเจน appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (5 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สรุปได้ดังนี้ 

 

  1. กรุงเทพมหานคร (พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในขณะนั้น) ยืนยันว่า ได้ดำเนินการครบถ้วนและถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ มติ ครม. และหลักธรรมาภิบาลที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินการโครงการฯ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2562 ลงวันที่ 11 เมษายน 2562 เรื่อง การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว

 

  1. กรุงเทพมหานคร (ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร) มีแนวทางดำเนินโครงการฯ ดังนี้ 

 

2.1 กทม. เห็นพ้องด้วยกับนโยบายการลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชน และทำให้การบริการสาธารณะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เป็นโครงข่ายเดียวกัน (Through Operation) จึงเห็นควรสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและงานติดตั้งระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) ของโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ในกำกับดูแลของ กทม. เช่นเดียวกับโครงการรถไฟฟ้าสายอื่นที่รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้ค่าโดยสารอยู่ในระดับที่ประชาชนสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้ โดยเฉพาะส่วนต่อขยายที่ 2 (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ) ที่เป็นส่วนต่อขยายพื้นที่ให้บริการนอกเขต กทม. และยังมีผู้โดยสารไม่มาก

 

2.2 กทม. เห็นควรที่จะดำเนินการโครงการฯ ตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 เพื่อให้การพิจารณาคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนมีความรอบคอบ มีการพิจารณาข้อมูลรอบด้านและตรวจสอบได้ อันจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในการได้รับการบริการของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ

 

2.3 จากกรณีที่คณะกรรมการดำเนินการโครงการฯ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เจรจากับบริษัทเอกชนไว้ว่า บริษัทฯ จะเป็นผู้รับภาระส่วนต่างค่าเดินรถที่ค้างจ่ายอยู่ทั้งหมด กทม. จึงได้หยุดชำระค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลานานกว่า 4 ปี ก่อให้เกิดภาระต่อเอกชนผู้ให้บริการ รวมถึงมีภาระดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นกับ กทม. ในอนาคต การหาข้อยุติตามการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวของ ครม. จะช่วยทำให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการและประโยชน์สูงสุดของทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนซึ่งเป็นผู้ใช้บริการสาธารณะ

 

  1. กทม. เห็นควรให้มีการนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการฯ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณสำหรับค่าก่อสร้างและดอกเบี้ยในอนาคตทั้งหมด โดยปัจจุบัน กทม. มีภาระหนี้จากงานโครงสร้างพื้นฐานและงานซื้อ-ขาย พร้อมติดตั้งระบบการเดินรถ รวมทั้งสิ้น 78,830.86 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 13 มีนาคม 2566) ดังนี้ 

 

รายการ 

 

  1. ค่างานโครงสร้างพื้นฐานและค่าจัดกรรมสิทธิ์ 55,034.70 ล้านบาท
  2. ค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมสำหรับเงินกู้โครงสร้างพื้นฐานที่ กทม. ได้จ่ายตั้งแต่ปี 2562-2565 จำนวน 1,508.93 ล้านบาท
  3. ค่าจ้างงานซื้อ-ขาย พร้อมติดตั้งระบบการเดินรถ 22,287.23 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีความเห็นให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้กรุงเทพมหานคร (มท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาให้เกิดความชัดเจนในประเด็นต่างๆ ดังนี้ 

 

  1. ความชัดเจนของการดำเนินโครงการ ให้กรุงเทพมหานครหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมในประเด็นของระบบตั๋วร่วมการกำหนดอัตราค่าโดยสารการเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทางและรายละเอียดอื่นๆ ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความพร้อมของกรุงเทพมหานครในการรับมอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ตามมติ ครม. (26 พฤศจิกายน 2561) และความชัดเจนในประเด็นข้อกฎหมาย โดยให้ กทม. ประสานงานกับ สงป. ในรายละเอียด รวมทั้งสถานะหรือแนวทางการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทและภาระหนี้และการเปลี่ยนแปลง การปฏิบัติจากการปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2562 เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2562

 

  1. สำนักงบประมาณเห็นว่า กระทรวงมหาดไทย (กทม.) ควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำข้อมูลประมาณการวงเงินภาระหนี้สินที่คาดว่าจะเกิดขึ้นทั้งหมดจนจบสัญญาสัมปทาน (พ.ศ. 2572) เปรียบเทียบกับประมาณการรายได้ / สถานะทางการเงินของ กทม. และจัดทำข้อเสนอแผนการชำระหนี้ดังกล่าวเป็นรายปี เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของ ครม. ในโอกาสแรก

The post ครม. รับทราบความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง-สำนักงบฯ ดำเนินการให้เกิดความชัดเจน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประยุทธ์ยินดี ได้ประธาน-รองประธานสภาคนใหม่ ชี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามกระบวนการประชาธิปไตย https://thestandard.co/congrats-speaker-of-the-house-of-representatives/ Tue, 04 Jul 2023 10:32:26 +0000 https://thestandard.co/?p=812254 ประยุทธ์ จันทร์โอชา

วันนี้ (4 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐ […]

The post ประยุทธ์ยินดี ได้ประธาน-รองประธานสภาคนใหม่ ชี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามกระบวนการประชาธิปไตย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประยุทธ์ จันทร์โอชา

วันนี้ (4 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความยินดีที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 1 ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ได้มีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามกระบวนการประชาธิปไตย 

 

โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบให้ วันมูหะมัดนอร์ มะทา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร, ปดิพัทธ์ สันติภาดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก พรรคก้าวไกล ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทย ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2

 

“นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่การเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามกระบวนการประชาธิปไตย โดยนายกรัฐมนตรีย้ำขอให้ได้รัฐบาลใหม่โดยเร็ว เพื่อส่งผลดีต่อประเทศ พร้อมขอให้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ เรียบร้อย ปลอดภัย ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่รักษาการจนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่” อนุชากล่าว

The post ประยุทธ์ยินดี ได้ประธาน-รองประธานสภาคนใหม่ ชี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามกระบวนการประชาธิปไตย appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐบาลย้ำประกาศเรื่องการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 มีผลใช้บังคับ 1 พ.ย. นี้ ส่วนผู้ก่อกำเนิด-ผู้รับดำเนินการ มีผลใช้ตั้งแต่ 1 มิ.ย. https://thestandard.co/government-repeat-trashing-issue/ Sun, 02 Jul 2023 03:31:22 +0000 https://thestandard.co/?p=810598 อนุชา บูรพชัยศรี

วันนี้ (2 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐ […]

The post รัฐบาลย้ำประกาศเรื่องการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 มีผลใช้บังคับ 1 พ.ย. นี้ ส่วนผู้ก่อกำเนิด-ผู้รับดำเนินการ มีผลใช้ตั้งแต่ 1 มิ.ย. appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุชา บูรพชัยศรี

วันนี้ (2 กรกฎาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 

 

ซึ่งประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป เว้นแต่ในส่วนหน้าที่ของผู้ก่อกำเนิด (WG) ตามข้อ 13 และหน้าที่ของผู้รับดำเนินการ (WP) ตามข้อ 22 ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 

 

ซึ่งการปรับปรุงกฎหมายฉบับดังกล่าว กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายหรือเป็นผู้รับผิดชอบ (Polluter Pays Principle: PPP) มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ โดยกำหนดความรับผิดตั้งแต่ต้นทางโรงงานผู้ก่อกำเนิด ไปจนกว่าสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจะได้รับการจัดการจนแล้วเสร็จ 

 

อนุชากล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดให้โรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสียทุกโรงงาน ต้องรายงานข้อมูลผ่านระบบการรายงานข้อมูลกลางของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ iSingleForm (https://isingleform.go.th/home) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ใช้ในการกำหนดนโยบาย การกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงาน การป้องกันและปราบปรามการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อม

 

จากข้อมูลกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสียจำนวน 60,638 โรงงานทั่วประเทศ โดยมีโรงงานที่ยังไม่ได้รายงานข้อมูลกว่า 27,000 แห่ง ดังนั้นรัฐบาลโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จึงขอให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ ได้เร่งประสาน ติดตาม และเน้นย้ำให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานรายงานข้อมูลการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้แล้ว ผ่านระบบข้อมูลกลางของกระทรวงอุตสาหกรรม 

 

อนุชากล่าวต่อว่า การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครั้งนี้ สอดคล้องและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการพัฒนาและการสร้างความเจริญเติบโตที่ต้องดำเนินการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการปกป้อง รักษา ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ การแก้ปัญหาก๊าซเรือนกระจก และผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาระบบจัดการสิ่งแวดล้อมภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน 

 

รวมถึงการแก้ไขการจัดการขยะและของเสียอย่างเป็นระบบ ตลอดจนการพัฒนาโรงงานกำจัดขยะและของเสียอันตรายที่ได้มาตรฐาน ซึ่งการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม จำเป็นต้องใช้กฎหมายในการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด และต้องมีการจัดการอย่างถูกต้องและเหมาะสมตามหลักวิทยาศาสตร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ของเสียจากภาคอุตสาหกรรมหลุดออกจากระบบ และอาจส่งผลกระทบกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง

The post รัฐบาลย้ำประกาศเรื่องการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2566 มีผลใช้บังคับ 1 พ.ย. นี้ ส่วนผู้ก่อกำเนิด-ผู้รับดำเนินการ มีผลใช้ตั้งแต่ 1 มิ.ย. appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐบาลไทยเตรียมรับ ‘พลายศักดิ์สุรินทร์’ กลับมาตุภูมิ 2 ก.ค. นี้ หลังทำหน้าที่ทูตสันถวไมตรีที่ศรีลังกากว่า 22 ปี https://thestandard.co/plaisaksurin-to-return-2-july/ Sat, 01 Jul 2023 03:02:01 +0000 https://thestandard.co/?p=810173

วันนี้ (30 มิถุนายน) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกร […]

The post รัฐบาลไทยเตรียมรับ ‘พลายศักดิ์สุรินทร์’ กลับมาตุภูมิ 2 ก.ค. นี้ หลังทำหน้าที่ทูตสันถวไมตรีที่ศรีลังกากว่า 22 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (30 มิถุนายน) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการพาพลายศักดิ์สุรินทร์กลับสู่ยังมาตุภูมิ หลังจากที่ได้ไปทำหน้าที่ทูตสันถวไมตรีที่ประเทศศรีลังกาตั้งแต่ปี 2544 พร้อมกำชับให้ดูแลใกล้ชิด และขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมมือในการดำเนินการครั้งนี้ 

 

อนุชากล่าวว่า หน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อมในการฝึกพลายศักดิ์สุรินทร์ให้คุ้นชินกับการขนย้าย เช่น ฝึกให้คุ้นเคยกับกรงที่ใช้ในการขนย้าย เสียงดังของเครื่องบิน และได้รักษาพยาบาลอาการบาดเจ็บในเบื้องต้น 

 

โดยมีกำหนดออกเดินทางจากประเทศศรีลังกาในวันที่ 2 กรกฎาคม 2566 เวลา 07.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง เนื่องจากต้องใช้เพดานบินและความเร็วต่ำ โดยพลายศักดิ์สุรินทร์จะอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสัตวแพทย์และควาญช้าง 

 

เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้วจะเคลื่อนย้ายพลายศักดิ์สุรินทร์ไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) จังหวัดลำปาง โดยพลายศักดิ์สุรินทร์จะใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อเฝ้าระวังและสังเกตอาการเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน ภายใต้ระเบียบการควบคุมโรคระบาดสัตว์ กรมปศุสัตว์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อบางชนิด และให้การรักษาควบคู่ไปด้วย เพื่อฟื้นฟูสุขภาพและสร้างความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยอีกครั้ง 

 

ในการนี้สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ ได้จัดให้ไลฟ์ผ่านทางแฟนเพจศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง The Thai Elephant Conservation Center Lampang (https://www.facebook.com/elephantcenter/)

 

อนุชากล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีกำชับให้ดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์กลับประเทศไทยอย่างใกล้ชิด และขอบคุณความร่วมมือร่วมใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการดำเนินการที่เป็นระบบในการพาพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมายังประเทศไทย 

 

ทั้งนี้ พร้อมเชิญชวนประชาชนคนไทยร่วมส่งกำลังใจให้กับพลายศักดิ์สุรินทร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถนำพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมายังประเทศไทยอย่างปลอดภัย เพื่อฟื้นฟูรักษาสุขภาพและรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป

 

ภาพ: กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

The post รัฐบาลไทยเตรียมรับ ‘พลายศักดิ์สุรินทร์’ กลับมาตุภูมิ 2 ก.ค. นี้ หลังทำหน้าที่ทูตสันถวไมตรีที่ศรีลังกากว่า 22 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>