หุ้น – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 03 Mar 2025 02:15:14 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ชมคลิป: วิกฤต ‘หุ้นไทย’ หลุด 1,200 จุดรอบนี้ ต่างกับ 12 ปีที่ผ่านมาอย่างไร | Morning Wealth 3 มี.ค. 2568 https://thestandard.co/morning-wealth-03032025/ Mon, 03 Mar 2025 02:15:14 +0000 https://thestandard.co/?p=1047778

มองหุ้นไทยผ่านสายตานักลงทุนและนักวิเคราะห์รุ่นใหญ่ หลุด […]

The post ชมคลิป: วิกฤต ‘หุ้นไทย’ หลุด 1,200 จุดรอบนี้ ต่างกับ 12 ปีที่ผ่านมาอย่างไร | Morning Wealth 3 มี.ค. 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>

มองหุ้นไทยผ่านสายตานักลงทุนและนักวิเคราะห์รุ่นใหญ่ หลุด 1,200 จุดรอบนี้แตกต่างอย่างไรกับ 3 รอบก่อนในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา

 

วิเคราะห์หุ้นไทย เสี่ยงลงต่อแค่ไหน พูดคุยกับ ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์

 

‘คลัง’ เตรียมหารือ ‘สมาคมธนาคารไทย’ จี้ผ่อนคลายเกณฑ์ปล่อยสินเชื่อให้รายเล็กเพิ่ม รายละเอียดเป็นอย่างไร

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: วิกฤต ‘หุ้นไทย’ หลุด 1,200 จุดรอบนี้ ต่างกับ 12 ปีที่ผ่านมาอย่างไร | Morning Wealth 3 มี.ค. 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: สร้างพอร์ตปันผลให้ได้ Passive Income ต่อเนื่อง ต้องรู้อะไรบ้าง! I NEW GEN INVESTOR (HL) https://thestandard.co/new-gen-investor-ep-43-2/ Sun, 02 Mar 2025 06:00:29 +0000 https://thestandard.co/?p=1047115 new-gen-investor-ep-43-2

เจาะเคล็ดลับการสร้างพอร์ตหุ้นปันผลที่มั่นคง เรียนรู้วิธ […]

The post ชมคลิป: สร้างพอร์ตปันผลให้ได้ Passive Income ต่อเนื่อง ต้องรู้อะไรบ้าง! I NEW GEN INVESTOR (HL) appeared first on THE STANDARD.

]]>
new-gen-investor-ep-43-2

เจาะเคล็ดลับการสร้างพอร์ตหุ้นปันผลที่มั่นคง เรียนรู้วิธีเลือกหุ้นปันผลที่สร้างกำไรระยะยาวได้จริง

 

พอร์ตหุ้นปันผลไม่ยาก ถ้ารู้จักการเลือกอย่างถูกต้อง เริ่มต้นอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างอนาคตการเงินที่เติบโตทุกปี!

 

รับชมคลิปเต็มๆ ได้ที่ เคล็ดลับเลือก ‘หุ้นปันผลดีๆ’ ให้เสี่ยงน้อยและมี Passive Income ต่อเนื่อง | NEW GEN INVESTOR EP.42

 

ติดตามรายการ NEW GEN INVESTOR ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

The post ชมคลิป: สร้างพอร์ตปันผลให้ได้ Passive Income ต่อเนื่อง ต้องรู้อะไรบ้าง! I NEW GEN INVESTOR (HL) appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: สร้าง Passive Income เดือนละ 4 หมื่นบาท ทำได้จริงไหม และทำอย่างไรดี? | NEW GEN INVESTOR EP.43 https://thestandard.co/new-gen-investor-ep-43/ Sat, 01 Mar 2025 03:00:36 +0000 https://thestandard.co/?p=1047099 new-gen-investor-ep-43

Passive Income คำที่ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ในโลกการเงิน การ […]

The post ชมคลิป: สร้าง Passive Income เดือนละ 4 หมื่นบาท ทำได้จริงไหม และทำอย่างไรดี? | NEW GEN INVESTOR EP.43 appeared first on THE STANDARD.

]]>
new-gen-investor-ep-43

Passive Income คำที่ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ในโลกการเงิน การลงทุน

แล้วถ้าอยากจะสร้าง Passive Income ให้เกิดขึ้นได้จริง ต้องทำยังไง?

 

New Gen Investor เอพิโสดนี้ เฟิร์น – ศิรัถยา อิศรภักดี อยากชวนทุกคนมาสร้าง Passive Income ของตัวเอง ผ่านแหล่งลงทุนสำคัญๆ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอให้กับเราได้ในระยะยาว จะเป็นอะไรบ้างนั้น หาคำตอบได้จากคลิปนี้เลย

 

ติดตามรายการ NEW GEN INVESTOR ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

The post ชมคลิป: สร้าง Passive Income เดือนละ 4 หมื่นบาท ทำได้จริงไหม และทำอย่างไรดี? | NEW GEN INVESTOR EP.43 appeared first on THE STANDARD.

]]>
เคาะรายชื่อบอร์ดใหม่ ‘การบินไทย’ ปลดล็อกเงื่อนไขสุดท้าย พาหุ้นกลับเข้าเทรดในเดือน มิ.ย. นี้ https://thestandard.co/thai-airways-new-board/ Thu, 27 Feb 2025 03:07:05 +0000 https://thestandard.co/?p=1046203 thai-airways-new-board

บมจ.การบินไทย ประกาศผลการดำเนินงาน ปี 2567 มีกำไรจากการ […]

The post เคาะรายชื่อบอร์ดใหม่ ‘การบินไทย’ ปลดล็อกเงื่อนไขสุดท้าย พาหุ้นกลับเข้าเทรดในเดือน มิ.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
thai-airways-new-board

บมจ.การบินไทย ประกาศผลการดำเนินงาน ปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงานกว่า 4 หมื่นล้านบาทในปี 2567 เพิ่มขึ้น 3.2% จาก ปี 2566 แม้งบการเงินจะมีผลการขาดทุนสุทธิ กว่า 2.6 หมื่นล้านบาท แต่ก็เป็นผลขาดทุนทางบัญชีซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวไม่ได้ส่งผลต่อการออกจากการฟื้นฟูกิจการ

 

ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.การบินไทยหรือ THAI เปิดเผยในงานแถลงข่าว “ผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567” ระบุว่า ผลการดำเนินงานในปี 2567 ของบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ 187,989 ล้านบาท เพิ่มจาก 16.7% จากปี 2566 โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน และไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวอยู่ที่ 41,515 ล้านบาทในปี 2567 เพิ่มขึ้น 3.2% จาก ปี 2566 

 

“ในปี 2567 มีผู้โดยสารทั้งหมดประมาณ 16 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17% จากปี 2566 แต่ก็ยังน้อยกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงปีที่ก่อนที่จะมีโควิดระบาด เพราะปัจจุบันเรามีเครื่องบิน 79 ลำ ส่วนในปี 2562 เรามีเครื่องบิน 103 ลำ แต่รายได้ของการบินไทยในปี 2567 ก็ยังสูงกว่าปี 2562 เพราะได้อานิสงส์จากราคาตั๋วโดยสารที่ปรับตัวขึ้นมากเป็นไปตามดีมานด์กับซัพพลาย” ดร.ปิยสวัสดิ์ กล่าว

 

สรุปข้อมูลผลการดำเนินงาน ปี 2567 ของ บมจ.การบินไทย

สรุปข้อมูลผลการดำเนินงาน ปี 2567 ของ บมจ.การบินไทย

 

ขณะที่มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (EBIT Margin) ในปี 2567 อยู่ที่ 22.1% ซึ่งดีกว่าประมาณการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ทั้งนี้ ตามงบการเงินรวมสำหรับปี 2567 การบินไทยมีผลขาดทุนสุทธิ จำนวน 26,901 ล้านบาท เกิดจากผลขาดทุนทางบัญชีที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการจำนวน 45,271 ล้านบาท ที่บริษัทฯ ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา 

 

โดยผลขาดทุนทางบัญชีส่วนใหญ่ประมาณ 40,582 ล้านบาท เกิดจากการใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้ที่ราคาตามแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม และส่วนที่เหลือมาจากการแปลงหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้ที่ได้รับการชำระหนี้ที่เร็วกว่ากำหนดที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูฯ 

 

อย่างไรก็ดี รายการดังกล่าวเป็นผลขาดทุนทางบัญชีซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และไม่ได้ส่งผลต่อการออกจากการฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ภายหลังการปรับโครงสร้างทุนยังคงเป็นบวกจากที่เคยติดลบประมาณ 43,000 ล้านบาท มาเป็นบวก 45,589 ล้านบาท

 

บรรยากาศงานแถลงข่าว "ผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567 ของ บมจ.การบินไทย

บรรยากาศงานแถลงข่าว “ผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567 ของ บมจ.การบินไทย

 

ประกาศนำหุ้น ‘การบินไทย’ พร้อมกลับเข้าเทรดในเดือน มิ.ย.นี้

 

ดร.ปิยสวัสดิ์ ยังย้ำว่า ปัจจุบันบริษัทฯ สามารถดำเนินการเงื่อนไข 3 หลัก จากทั้ง 4 เงื่อนไข เพื่อให้ดำเนินการออกจากฟื้นฟูฯ ครบแล้ว ดังนี้

  1. จดทะเบียนเพิ่มทุนเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุน ซึ่ง บมจ.การบินไทย ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565
  1. ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูฯ โดยไม่เกิดเหตุผิดนัดชำระหนี้ โดย บมจ.การบินไทย ยังไม่เกิดเหตุผิดนัดชำระหนี้ นับตั้งแต่วันที่เข้าแผนฟื้นฟูฯ ถึงปัจจุบัน
  1. มี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบิน (EBITDA – Aircraft Lease Payment) ไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาทในรอบ 12 เดือนย้อนหลัง โดยปัจจุบันสามารถทำได้ที่ 41,839 หมื่นล้านบาท รวมทั้งส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินเฉพาะกิจการเป็นบวก โดยภายหลังการแปลงหนี้เป็นทุน ส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของ บมจ.การบินไทย จากเดิมที่เคยติดลบในสิ้นปี 2566 ที่เดิมเคยติดลบ 43,352 ล้านบาท พลิกมาเป็นบวก 45,495 ล้านบาท

 

เปิด 9 รายชื่อว่าที่บอร์ดชุดใหม่ ‘การบินไทย’

 

โดยขณะนี้เหลือเพียงเงื่อนไขสุดข้อสุดท้าย ข้อที่ 4 เพียงข้อเดียว คือ การแต่งตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) ชุดใหม่ซึ่งคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ จะมีการเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ให้พิจารณาในวันที่ 18 เมษายนนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวน 11-12 คน ซึ่งประกอบด้วยบอร์ดเดิมจำนวน 3 คน คือ

  • ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์
  • ชาญศิลป์ ตรีนุชกร 
  • พลอากาศเอก อำนาจ จีระมณีมัย 

 

รวมทั้งมีบอร์ดใหม่จำนวน 8-9 คน ที่เตรียมเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาจำนวน 6 คน ได้แก่ 

  • ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง

 

ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง

 

  • ดร. กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต

 

ดร. กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต แทรกรูป

 

  • ชาครีย์ บำรุงวงศ์
  • พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร
  • ชาติชาย โรจน์รัตนางกูร 
  •  ชาย เอี่ยมศิริ 

 

อีกทั้งมีกรรมการอิสระจำนวน 3 คน ได้แก่ ณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม, ยรรยง เดชภิรัตนมงคล และสัมฤทธิ์ สำเนียง

 

รายชื่อบอร์ดใหม่ บมจ.การบินไทย

รายชื่อบอร์ดใหม่ บมจ.การบินไทย

 

ทั้งนี้ ภายหลังจากบริษัทฯ ได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นแล้ว 

เตรียมที่จะยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการในเดือนเมษายนนี้ โดยคาดว่าศาลฯ จะมีคำสั่งในเดือนพฤษภาคมนี้ จากนั้นคาดว่าจะนำหุ้น ของ THAI กลับเข้าไปเทรดอีกครั้งในภายในเดือนมิถุนายนนี้

 

ลด Par Value ปูทางพร้อมกับมาจ่ายปันผล

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะผู้บริหารแผนเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมามีมติอนุมัติการลดมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) ของหุ้นของบริษัทฯ จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1.30 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมทางบัญชีของบริษัทฯ ให้ใกล้เคียงศูนย์มากที่สุด ทำให้ผลขาดทุนสะสมลดลงจากสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 104,096 ล้านบาท ลงมาเหลือ 180 ล้านบาท และหากรวมกับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 คาดว่าจะส่งผลให้กำไรสะสมกลับมาเป็นบวก ส่งผลให้ในอนาคตบริษัทฯ จะสามารถพิจารณาจ่ายเงินปันผลในอนาคตให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ รวมถึงเจ้าหนี้จากการแปลงหนี้เป็นทุนด้วย 

 

ด้านชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.การบินไทย กล่าวว่า ในปี 2568 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้รวมสูงกว่าปี 2567 ที่ทำได้ 187,989 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทฯ จะมีการรับมอบเครื่องบินเข้ามาเพิ่ม 9 ลำ ได้แก่ เครื่องบินแอร์บัส A330 จำนวน 7 ลำ, แอร์บัส A321 จำนวน 1 ลำ และ แอร์บัส A330-300 จำนวน 1 ลำ โดยจะเริ่มทยอยรับมอบตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2568 ทำให้สิ้นปี 2568 บริษัทฯ จะมีฝูงบิน 87 ลำ ส่งผลให้ในปีนี้จะมีความสามารถในการรองรับจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 2% จากปี 2567 ขณะที่จำนวนผู้โดยสารรวมในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 16.5 ล้านคน จากปี 2567 อยู่ที่ 16 ล้านคน    

 

พร้อมทั้งคาดว่า ในปี 2568 จะสามารถรักษาระดับ EBITDA ไว้ไม่ต่ำกว่าปี 2567 ที่ 41,839 และส่วนรักษาระดับ EBIT Margin ในปีนี้ไม่ให้ต่ำกว่าปี 2567 อยู่ที่ 22.1% จากกลยุทธ์ที่เน้นเพิ่มสัดส่วนการขายตั๋วโดยสารแบบ Network มากขึ้นเป็น 40% ส่วนการขายแบบ Point to Point จะอยู่ที่ 60% สนับสนุนให้มีรายได้จากการขายตั๋วโดยสารเพิ่มสูงขึ้น

      

ขณะที่ในปีนี้ยังมีความเสี่ยงของอุตสาหกรรมการบินในช่วง 2568-2570 ที่เผชิญปัญหาด้านซัพพลาย เนื่องจากยังมีจำนวนเครื่องบินใหม่เข้ามาไม่เพียงพอในการรับรองรับการเติบโตของผู้โดยสารทั่วโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องบินที่ยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการของอุตสาหกรรมการบินที่กำลังขยายตัว

 

ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.การบินไทย

ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.การบินไทย

 

อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ไม่ได้มีความกังวลกับสถานการณ์ภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมการบินที่กำลังเกิดขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบทุกสายการบินทั่วโลกก็ต้องเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน 

 

เดินหน้าทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน-อัตราแลกเปลี่ยน

 

สำหรับปัจจัยต้นทุนน้ำมันซึ่งถือเป็นต้นทุนหลักของบริษัทฯ ในสัดส่วนประมาณ 40% ของต้นทุนทั้งหมด ปัจจุบันยังสามารถบริหารจัดการได้ดี โดยคณะผู้บริหารแผนได้มีการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันไว้แล้ว รวมทั้งมีการเริ่มทำประกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนบางส่วนเพื่อใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงลดผลกระทบต่อความผันผวนต่องบการเงินของบริษัทฯ 

 

ชาย กล่าวต่อถึง ประเด็นจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลงไปจากช่วงก่อนโควิด รวมทั้งล่าสุดที่มีกระแสข่าวว่านักท่องเที่ยวชาวจีนยกเลิกเดินทางมาไทยนั้น ปัจจุบันบริษัทฯ มีการพึ่งพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่มาก โดยขณะนี้มีสัดส่วนเพียงราว 2-3% ของรายได้รวมลดลงจากในอดีตที่เคยสูงสุดอยู่ที่สัดส่วนไม่เกิน 5% ดังนั้นจึงคาดว่าจะไม่ผลกระทบจากประเด็นนี้

 

ขณะที่ปัจจุบันมีจุดบินในจีนปัจจุบันเหลือจำนวน 5 เมือง มีจำนวน 35 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากเดิมมีจำนวน 8 เมืองและมีจำนวน 70 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทำให้รายได้จากเส้นทางจีนมีสัดส่วนลดลงเหลือ 2-3% โดยหันไปเน้นขยายตลาดอินเดียกับปากีสถานแทนที่มีความต้องการเดินทางที่สูง ซึ่งอินเดียปัจจุบันมีจุดบิน 10 เมือง โดยมีแผนเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมุมไบ จากจำนวน 11 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น จำนวน 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ขณะที่เส้นทางการบินยุโรป และออสเตรเลีย ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้สูงสุด อีกทั้งยังมีแผนจะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินเส้นทางมิวนิก อีกด้วย

                 

จ่อ MOU กับ ‘การบินกรุงเทพ’ ลุยโครงการ MRO ใน EEC

 

ชาย กล่าวต่อถึงความคืบหน้าของแผนการลงทุนโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) ที่สนามบินอู่ตะเภา มูลค่าโครงการ 1 หมื่นล้านบาท ในเร็วๆ นี้ บริษัทฯ เตรียมนัดวันเพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) เพื่อร่วมศึกษาและร่วมทุนโครงการ MRO นี้ 

 

อย่างไรก็ดีสำหรับสัดส่วนการถือหุ้นร่วมทุน รวมทั้งเงินลงทุนที่จะใช้ลงทุนในโครงการขึ้นกับผลของการเจรจาระหว่างบริษัทฯ กับ BA โดยโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่จะเปิดให้ผู้ประกอบการไทยที่สนใจยื่นข้อเสนอโครงการ MRO โดยหากบริษัทฯ มีการร่วมทุนกับ BA แล้วได้รับการคัดเลือกจาก EEC ก็คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างโครงการ EEC ได้ภายในปีนี้

The post เคาะรายชื่อบอร์ดใหม่ ‘การบินไทย’ ปลดล็อกเงื่อนไขสุดท้าย พาหุ้นกลับเข้าเทรดในเดือน มิ.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
หาคำตอบ นโยบายทรัมป์เดินหน้า ‘ปฏิรูป’ ลดขนาดหน่วยงานภาครัฐ สะเทือนผลประกอบการหุ้นกลุ่มไหนบ้าง https://thestandard.co/trump-2-0-stock-impact/ Tue, 25 Feb 2025 12:34:24 +0000 https://thestandard.co/?p=1045665

จากนโยบายลดขนาดปฏิรูปหน่วยงานรัฐสหรัฐฯ ของ โดนัลด์ ทรัม […]

The post หาคำตอบ นโยบายทรัมป์เดินหน้า ‘ปฏิรูป’ ลดขนาดหน่วยงานภาครัฐ สะเทือนผลประกอบการหุ้นกลุ่มไหนบ้าง appeared first on THE STANDARD.

]]>

จากนโยบายลดขนาดปฏิรูปหน่วยงานรัฐสหรัฐฯ ของ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเป็นอีกความเสี่ยงที่จะมาเขย่าผลประกอบการกับบริษัทที่เกี่ยวข้อง และมีความเสี่ยงที่ทำให้ตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ สูงขึ้น 

 

สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Morning Wealth ว่า ประเด็นที่สหรัฐฯ มีนโยบายปฏิรูปหน่วยงานภาครัฐ โดยจะลดขนาดของหน่วยงานภาครัฐลงจากปัจจุบันมองว่าใหญ่เกินไป โดยคาดว่าจะช่วยประหยัดงบประมาณรายจ่ายได้ประมาณ 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

 

ทั้งนี้ มาจากนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมทั้งข้อเสนอของ อีลอน มัสก์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยเรียนรู้โครงสร้างของหน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ ตั้งแต่ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยแรก โดยในช่วงดังกล่าวมีเหตุการณ์ Government Shutdown ทำให้ทราบถึงความจำเป็นในการทำงานของหน่วยงานต่างๆ 

 

นโยบายลดงบประมาณรายจ่ายสหรัฐฯ สะเทือนใครบ้าง

 

โดยจากนโยบายดังกล่าวจะมีการดำเนินการเรื่องสำคัญ ได้แก่ การลดงบประมาณรายจ่ายทางการทหารลง การลดงบประมาณรายจ่ายด้านไอที การลดงบประมาณรายจ่ายของสวัสดิการทหารผ่านศึกของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านสวัสดิการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก

 

ขณะที่ประเด็นการลดงบประมาณรายจ่ายด้านไอทีของสหรัฐฯ จะผลกระทบให้มีการเปลี่ยนแปลงสัญญาเกี่ยวกับงานระบบ IT and Services ให้มีแนวโน้มการใช้งานลดลง ซึ่งอาจจะมีผลกระทบผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีความเกี่ยวข้อง

 

อย่างไรก็ดี จากนโยบายลดขนาดหน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ ดังกล่าว งบประมาณรายจ่ายประมาณ 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยหากเปรียบเทียบกับงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ กับจำนวนหนี้คงค้างของสหรัฐฯ ที่มีจำนวน 29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากนโยบายดังกล่าวถือว่าไม่มาก จึงเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มากนัก

 

นโยบายทรัมป์ส่อดันตัวเลขว่างงานสหรัฐฯ ขยับขึ้น

 

สิทธิชัยยังประเมินต่อว่า ประเด็นการลดขนาดหน่วยงานและงบประมาณของของภาครัฐดังกล่าวของสหรัฐฯ จะมีผลต่ออัตราการว่างงานให้เพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง แต่บุคคลกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่ม Skilled Labour

 

สำหรับภาพต่อมา ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แนะนำให้มีความระมัดระวังในกลุ่มที่มีการพึ่งพิงรายได้จากภาครัฐของสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่สูง เช่น กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศและไอที

 

หุ้นเทคสหรัฐฯ กับจีน ตลาดไหนน่าลงทุนมากกว่ากัน

 

สำหรับผลประกอบการในหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 หรือบริษัท 7 หุ้นนางฟ้า ผลประกอบการในไตรมาส 4/24 ที่รายงานออกมาอยู่ในทิศทางที่ดี สะท้อนภาพถึงปัจจัยพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัวในกลุ่มนี้ โดยมีการเติบโตของรายได้ที่เติบโตขึ้นในทุกบริษัทที่ทยอยประกาศผลประกอบการออกมา

 

ทั้งนี้ หากเทียบเคียงกับหุ้น 8 บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของตลาดหุ้นจีนซึ่งมีผลประกอบการที่ออกมาในภาพที่คล้ายกันสะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานที่ยังเติบโต ขณะที่ภาพการเติบโตของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) กลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มอัตราการเติบโตที่สูงกว่า บจ. กลุ่มเทคของจีนซึ่งมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่ยังต่ำกว่า 10%

 

อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างร้อนแรงในช่วงก่อนหน้านี้มีสัดส่วนประมาณ 50% มาจากแรงผลักดันของหุ้น 2 ตัว คือ Tencent กับ Alibaba โดยการแนะนำการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีของจีน แนะนำให้ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ เพราะมีความเสี่ยงทางฐานะการเงินที่ต่ำ อีกทั้งมีความทนทานจากปัจจัยภายนอกมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบของหุ้นขนาดเล็ก

 

ส่วนกรณีของผลกระทบการเข้ามาของ DeepSeek มองว่าเป็นสัญญาณเตือนว่า การพัฒนาการแข่งขันของ AI จะมีความชัดเจนขึ้น เนื่องจากมองว่าหลังจากสหรัฐฯ กดดันจีนบีบให้มีข้อจำกัดในการพัฒนา AI ซึ่งหากจีนสามารถทลายข้อจำกัดดังกล่าว และสามารถพัฒนา AI ออกมาได้ ส่งผลให้สามารถพัฒนา AI ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง

 

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ Tencent กับ Alibaba นำโมเดลการพัฒนา AI ของ DeepSeek ไปศึกษาและประยุกต์พัฒนา AI ของบริษัทในอนาคตข้างหน้า

 

อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผู้พัฒนา AI สามารถประสบความสำเร็จทางธุรกิจได้ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้ 

 

  1. การมีใช้บริการจำนวนมาก
  2. การมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากให้กับผู้ใช้บริการ

 

ทั้งนี้ แนะนำให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่ม Magnificent 7 มากกว่า 8 หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีน โดยมีมุมมองว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่มีความชัดเจนมากกว่า

 

อีกทั้งภาพของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีทิศทางและภาพที่ดีกว่าเศรษฐกิจของจีน รวมถึงรัฐบาลของสหรัฐฯ ยังมีนโยบายเชิงรุกในการจำกัดการพัฒนาเทคโนโลยีของจีน ดังนั้นจึงมีมุมมองว่าหุ้น Magnificent 7 จะมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าแม้จะมีมูลค่าหุ้นหรือราคาที่แพงกว่า แต่มีมุมมองว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่มีความแข็งแรงมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ 8 หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีน

 

ขณะที่มุมมองต่อตลาดหุ้นจีน A-Shares หากพิจารณาถึงภาพจากการท่องเที่ยวในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา รวมถึงตัวเลขข้อมูลของตลาดที่อยู่อาศัยของจีนจะพบว่า การฟื้นตัวของตลาดหุ้นจีนจะเป็นลักษณะฐานฟื้นตัวแบบยูเชฟ ซึ่งการฟื้นตัวยังต้องใช้ระยะเวลาที่นาน ขณะที่ความเสี่ยงของ Downside ของเศรษฐกิจคาดว่าจะไม่ได้ย่ำแย่ไปกว่าปัจจุบันที่เป็นอยู่

 

“ภาพรวมของตลาดหุ้นจีนยังตอบได้ยาก เพราะขึ้นกับ Sentiment ของเศรษฐกิจจีนว่าจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าถามว่าตลาดหุ้นจีนยังลงทุนได้ไหม ก็อยากให้เริ่มลงทุนจากสินค้าอุตสาหกรรมที่มีความชัดเจนอยู่อย่าง เช่น หุ้น Xiaomi หรือกลุ่มที่ทำโทรศัพท์มือถือก็ยังมีแนวโน้มที่จะมีอัตราการเติบโตได้เช่นกัน”

 

ภาพ: Phil Mistry / Shutterstock

The post หาคำตอบ นโยบายทรัมป์เดินหน้า ‘ปฏิรูป’ ลดขนาดหน่วยงานภาครัฐ สะเทือนผลประกอบการหุ้นกลุ่มไหนบ้าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
หุ้นไทยเข้าตลาดหมีเต็มตัว! SET ดิ่ง 30% ภายใน 3 ปี นักวิเคราะห์เผย กำไร บจ. ปี 67 ส่อแววต่ำกว่าคาด https://thestandard.co/thai-stock-market-bear-market-set-plummet-30-percent/ Tue, 25 Feb 2025 12:08:19 +0000 https://thestandard.co/?p=1045653 หุ้นไทย ตลาดหมี

ดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 กุมภาพันธ์) ลดลง 29. […]

The post หุ้นไทยเข้าตลาดหมีเต็มตัว! SET ดิ่ง 30% ภายใน 3 ปี นักวิเคราะห์เผย กำไร บจ. ปี 67 ส่อแววต่ำกว่าคาด appeared first on THE STANDARD.

]]>
หุ้นไทย ตลาดหมี

ดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 กุมภาพันธ์) ลดลง 29.46 จุด ลดลง 2.38% จากวันก่อนหน้า ปิดที่ 1,206.39 จุด ต่ำสุดในรอบ 4 ปี 3 เดือน นับแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 และส่อแววว่าจะปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน 

 

หนึ่งในแรงกดดันต่อหุ้นไทยมาจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ออกมาไม่ดีนัก โดย ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันมีบริษัทรายงานกำไรออกมาแล้วประมาณ 60% ของทั้งตลาด คาดว่ากำไรของปี 2567 น่าจะอยู่ที่ 85-86 บาทต่อหุ้น ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ 87-88 บาทต่อหุ้น และคาดการณ์กำไรปี 2568 ก็ลดลงจาก 97 บาทต่อหุ้น มาเหลือ 95 บาทต่อหุ้น 

 

“จากหุ้นที่รายงานออกมาแล้ว มีประมาณ 8% ของบริษัททั้งหมดที่กำไรต่ำกว่าคาด และส่วนใหญ่จะทำได้แค่ตามคาด ไม่ค่อยมีบริษัทที่ทำได้ดีกว่าคาด” 

 

สำหรับปี 2567 หลายบริษัทขนาดใหญ่มีกำไรแย่กว่าคาด เช่น DELTA ที่กำไรไตรมาส 4 ทำได้ราว 2,155 ล้านบาท ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 5,000 ล้านบาท รวมทั้งแรงกดดันจาก AOT หุ้นกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี

 

อย่างไรก็ดี ภาดลเชื่อว่าอาจจะเห็นหุ้นไทยฟื้นตัวได้จากบริเวณ 1,200 จุด โดยเฉพาะถ้าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยในวันพรุ่งนี้ และปัจจุบันหุ้นไทยปรับลงมาซื้อขายที่ระดับ P/E 12.7 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของ MSCI EM 

 

“ตอนนี้หุ้นไทยขาดข่าวดี แรงซื้อในประเทศน้อย เมื่อมีแรงขายออกมาทำให้หุ้นไหลลงเร็ว ปัจจัยกดดันยังเป็นเรื่องเดิมๆ ทั้งแรงขายจากกองทุน LTF ที่ครบกำหนด กำไรที่ต่ำกว่าคาด และการเมืองที่เริ่มมีประเด็นขาดเสถียรภาพ” 

 

นอกจากนี้ ถ้ามองไปยังเดือนมีนาคมจะเห็นว่ายังขาดปัจจัยบวก และยังมีปัจจัยกดดันจากการที่หุ้นจำนวนมากจะทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อปิดสมุดทะเบียนจ่ายเงินปันผล

 

ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า กำไรของ บจ. ไตรมาส 4 ออกมาเซอร์ไพรส์ในทางลบต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นยอดขายหรือกำไร เป็นปัจจัยซ้ำเติมตลาดหุ้นไทยจากที่ถูกกดดันจาก Sentiment ในตลาดที่แย่อยู่ก่อน 

 

หลังจากนี้น่าจะเห็นนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรลงต่อเนื่อง แม้ว่าตอนนี้หุ้นจะถูกทั้งกระดาน แต่ตอนนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง และสภาพคล่องที่หดหายไป 

 

“โดยปกติด้วยโวลุ่มซื้อขาย 3-4 หมื่นล้านบาท ไม่น่าจะทำให้ SET ลงเกิน 2% แต่ที่เกิดขึ้นวันนี้สะท้อนว่าแรงซื้อหายไป และเป็นเรื่องความเชื่อมั่นเป็นหลัก” 

 

ตอนนี้นักลงทุนให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานน้อยลง แม้ว่าหุ้นจะถูกจนต่ำสุดนับแต่วิกฤตโควิด-19 ในระยะสั้นถ้า กนง. ลดดอกเบี้ยอาจเห็นหุ้นไทยฟื้นตัวได้ประมาณ 3% หรือราว 30 จุด 

The post หุ้นไทยเข้าตลาดหมีเต็มตัว! SET ดิ่ง 30% ภายใน 3 ปี นักวิเคราะห์เผย กำไร บจ. ปี 67 ส่อแววต่ำกว่าคาด appeared first on THE STANDARD.

]]>
เกิดอะไรขึ้นกับ ‘WHA’ วันเดียวหุ้นร่วง 20% หลังตัดสินใจสปินออฟ ส่ง WHAID เข้าตลาด ลั่น “ถ้าไม่ดี เราไม่ทำ” https://thestandard.co/wha-stock-drops-20-percent-spin-off-whaid-market/ Mon, 24 Feb 2025 11:49:59 +0000 https://thestandard.co/?p=1045314 WHA

หลังจากที่ WHA ให้เหตุผลในการสปินออฟบริษัทลูก WHAID เข้ […]

The post เกิดอะไรขึ้นกับ ‘WHA’ วันเดียวหุ้นร่วง 20% หลังตัดสินใจสปินออฟ ส่ง WHAID เข้าตลาด ลั่น “ถ้าไม่ดี เราไม่ทำ” appeared first on THE STANDARD.

]]>
WHA

หลังจากที่ WHA ให้เหตุผลในการสปินออฟบริษัทลูก WHAID เข้าตลาดหุ้น ในวันนี้ (24 กุมภาพันธ์) ว่า เพื่อช่วยให้ WHAID นำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นมาใช้ลงทุนในการขยายธุรกิจและรับอานิสงส์ทุนต่างชาติย้ายฐานผลิตมาไทย 

 

ประกอบกับใช้ในการปรับโครงสร้างทางการเงิน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของ WHAID ช่วยเพิ่มช่องทางการระดมทุนให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ด้วยตนเอง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันนั้น

 

ส่งผลให้ราคาหุ้น WHA ร่วงลงกว่า 20%!

 

เมื่อเวลา 15.30 น. จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม WHA ระบุว่า “การที่ WHA ตัดสินใจสปินออฟ นำบริษัทลูก WHAID เข้าตลาดหุ้นในวันนี้ ขอย้ำว่า ถ้าไม่ดี เราไม่ทำ เพราะเรามองเห็นการเติบโตระยะยาวทั้งในและต่างประเทศ ไม่แน่ใจว่านักลงทุนอาจจะกังวลหรือตกใจกับบทวิเคราะห์มากไปหรือไม่ ซึ่งอยากให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า WHA Group ตัดสินใจมาอย่างดี มองระยะยาว อีกทั้งก่อนหน้านี้เรามีแผนธุรกิจระยะยาว 5 ปี มูลค่า 1.19 แสนล้านบาท

 

“การที่จะดูผลประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นรายได้หรือกำไร เราไม่อยากให้มองเพียงรายไตรมาส แต่เราอยากให้มองภาพรวมทั้งปีมากกว่า โดยเฉพาะแผนธุรกิจที่เราได้ประกาศไปแล้วก็ยังคงเดินหน้าตามแผน

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

“ดังนั้นราคาหุ้นที่ร่วงลงกว่า 20% ในวันนี้ เป็นแรง Panic Sell ไม่ทราบเช่นกันว่า สาเหตุที่แน่ชัดว่าจะเป็นเพราะกระแสข่าวความผิดหวังงบไตรมาส 4/67 แต่เราขอยืนยันว่า การนำบริษัท IPO ควรจะเป็นข่าวดีของประเทศไทยไม่ใช่หรือ

 

“ทั้งนี้ บริษัทมีการวางแผน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประเมินว่าแนวโน้มธุรกิจนิคมฯ จะเติบโตได้ดีทั้งในประเทศและต่างประเทศในอีกหลายปี ซึ่งบริษัทมีการลงทุนทั้งไทยและเวียดนาม และยังมองหาโอกาสลงทุนในประเทศอื่นๆ อีก และด้วยอานิสงส์เทรดวอร์ ภูมิรัฐศาสตร์ บริษัทจึงเห็นว่าถึงเวลาที่เหมาะสมที่ควรเข้าจดทะเบียนเพื่อระดมทุนด้วยตัวเอง 

 

“WHA Group ไม่ใช่บริษัท Holding แต่เป็นบริษัทหลักที่จะสร้างธุรกิจใหม่”

 

จรีพรกล่าวอีกว่า บริษัทยังมีดีลใหญ่ 2 ดีล ขายที่ไปกว่า 400 ไร่ ซึ่งส่วนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเซนสิทีฟ ซึ่งเป็นการลงทุนมูลค่าสูง ต้องให้ลูกค้าเป็นผู้เปิดเผย ดังนั้น ไม่เข้าใจว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น อย่าเอาแต่ละเรื่อง เอารายไตรมาส มาเทียบ มาปะปนกัน

 

ขณะเดียวกัน หากย้อนดูผลประกอบการทั้งปี 2567 บริษัทมีกำไรปกติ 4,526 ล้านบาท ทุบสถิติใหม่ (New Record High) แม้ช่วงกลางปีบริษัทตัดสินใจชะลอการขายสินทรัพย์เข้ากอง WHART เนื่องจาก Sentiment (ภาวะตลาด) ไม่ค่อยดี แต่ในช่วงท้ายปีมีการขายสินทรัพย์เข้ากอง WHAIR ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 67 ปรับสูงขึ้นเป็น 61.9%

 

“หุ้น WHA ที่ลงไปกว่า 20% ไม่ต้องกังวล พี่ไม่ได้เล่นหุ้น พี่ไม่มีมาร์จิ้น ถ้าทำแล้วไม่โต ทำแล้วฉุดบริษัทแม่ลง เราก็จะไม่ทำ” จรีพรกล่าวย้ำ

The post เกิดอะไรขึ้นกับ ‘WHA’ วันเดียวหุ้นร่วง 20% หลังตัดสินใจสปินออฟ ส่ง WHAID เข้าตลาด ลั่น “ถ้าไม่ดี เราไม่ทำ” appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตลาดหลักทรัพย์ฯ จ่อปรับเกณฑ์ Uptick เฉพาะหุ้นร่วงหนักจากวันก่อน คาดเริ่มใช้ไตรมาส 2 นี้ https://thestandard.co/set-uptick-rule-revision-2025/ Wed, 19 Feb 2025 12:10:28 +0000 https://thestandard.co/?p=1043847 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับเกณฑ์ Uptick Rule และจำกัดการ Short Sell เฉพาะหุ้น SET100

วันนี้ (19 กุมภาพันธ์) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแถลงเ […]

The post ตลาดหลักทรัพย์ฯ จ่อปรับเกณฑ์ Uptick เฉพาะหุ้นร่วงหนักจากวันก่อน คาดเริ่มใช้ไตรมาส 2 นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับเกณฑ์ Uptick Rule และจำกัดการ Short Sell เฉพาะหุ้น SET100

วันนี้ (19 กุมภาพันธ์) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแถลงเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงมาตรการเพื่อยกระดับความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์เห็นชอบให้ปรับมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์

 

ก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้ใช้มาตรการ Uptick Rule หรือให้ขายชอร์ตหุ้นได้ในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายในทุกหลักทรัพย์ แต่ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ฯ จะกำหนดให้ใช้กับบางหลักทรัพย์ที่ราคาลดลงมากกว่าหรือเท่า X% จากราคาวันก่อนหน้า ส่วนหลักทรัพย์ที่ราคาลดลงไม่ถึง X% จะใช้เกณฑ์ Zero-Plus Tick Rule

 

นอกจากเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเสนอให้การ Short Selling สามารถทำได้เฉพาะหุ้นใน SET100 เท่านั้น จากเดิมที่สามารถทำได้กับหุ้นใน SET100 และหุ้นนอก SET100 ที่มีขนาดใหญ่และสภาพคล่องสูง

 

รวมทั้งการชะลอการใช้มาตรการ Dynamic Price Band ออกไปก่อน 

 

ส่วนมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการกำกับพฤติกรรมการซื้อขายที่ไม่เหมาะสม ตลาดหลักทรัพย์ฯ เสนอให้จำกัดผู้ลงทุนกลุ่ม High Frequency Trading (HFT) สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ได้เฉพาะหุ้นในกลุ่ม SET100 รวมทั้งยกเลิกมาตรการ Minimum Resting Time หรือการที่ผู้ลงทุนจะสามารถแก้ไขหรือยกเลิกการเสนอซื้อขายของตนได้ภายหลังจากที่มีการส่งหรือแก้ไขการเสนอซื้อขายแล้ว เป็นระยะเวลาขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 250 มิลลิวินาที

 

อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการจัดให้รับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด (Stakeholder Hearings) และคาดว่าจะประกาศใช้ได้ภายในไตรมาส 2 นี้

 

การปรับปรุงมาตรการครั้งนี้ “อยากจะเพิ่มสภาพคล่องในตลาด เราหวังว่าจะมีวอลุ่มกลับเข้ามา แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย หลังจากนี้จะไม่ปรับเกณฑ์อีกจนถึงต้นปีหน้า เพราะนักลงทุนไม่อยากให้เปลี่ยนแปลงมาตรการบ่อย ซึ่งเป็น Regulatory Risk และลดความน่าสนใจในตลาดทุน” อัสสเดชกล่าว

The post ตลาดหลักทรัพย์ฯ จ่อปรับเกณฑ์ Uptick เฉพาะหุ้นร่วงหนักจากวันก่อน คาดเริ่มใช้ไตรมาส 2 นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
คัด 10 หุ้นปันผลไทยที่กำไรยังสม่ำเสมอ https://thestandard.co/10-thai-stocks-stable-profits/ Wed, 19 Feb 2025 11:15:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1043826

ดัชนีหุ้นไทย (SET) ให้ผลตอบแทนจากต้นปี (YTD) อยู่ที่ -1 […]

The post คัด 10 หุ้นปันผลไทยที่กำไรยังสม่ำเสมอ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ดัชนีหุ้นไทย (SET) ให้ผลตอบแทนจากต้นปี (YTD) อยู่ที่ -10% หลังจากร่วงลงมาต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา จากที่เคยขึ้นไปแตะ 1,700 จุด ในช่วงปี 2022 ก่อนจะปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจนแตะ 1,241 จุด ในช่วงกุมภาพันธ์ 2025

 

จากปัจจัยลบจำนวนมากที่เข้ามาซ้ำเติมตลาดหุ้นไทย ทั้งแนวโน้มการเกิดของประชากรที่น้อยมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน ความไม่แน่นอนทางการเมือง นำไปสู่การเทขายหุ้นจากนักลงทุนต่างชาติ ลามมาจนถึงกองทุนในไทย ที่ผู้จัดการกองทุนต้องเทขายตามการดึงเงินออกของนักลงทุน เพื่อย้ายไปยังตลาดหุ้นแห่งอื่นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนได้ดีกว่า

 

หุ้นจำนวนมากถูกเทขายออกมาจากแนวโน้มกำไรที่ไม่สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องได้อีก บางบริษัทที่เคยถูกคาดหวังการเติบโตที่สูงเกินศักยภาพก็ถูกเทขายลงมา ขณะที่หุ้นบางกลุ่มที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตก็กลับถูกเทขายจากความตื่นกลัวเกินกว่าความเป็นจริงไปพร้อมตลาดเช่นกัน

 

ซึ่ง ณ จุดนี้เองอาจเข้าตำราของเหล่านักลงทุนที่เน้นการประเมินมูลค่าบริษัท ที่บางบริษัทแม้จะไม่สามารถเติบโตได้มาก แต่ความแข็งแกร่งของบริษัทในระยะยาวก็ยังมีอยู่ และสามารถทำกำไรในระดับเดิมได้อย่างสม่ำเสมอ ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสของนักลงทุนบางส่วนที่กำลังมองหาหุ้นที่อาจมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม หรือแม้แต่หุ้นที่จ่ายเงินปันผลในอัตราที่น่าสนใจ

 

ในบทความนี้ทีมงาน THE STANDARD WEALTH จะพาไปสำรวจ 10 หุ้นบริษัทไทย (ที่ไม่เป็นวัฏจักร) ที่ยังให้ปันผลในระดับที่สูง

 

ทั้งนี้ วิธีการหาหุ้นของทีมงานดำเนินโดยใช้แอปพลิเคชัน TradingView เพื่อให้กรองหุ้นที่จ่ายอัตราปันผลมากที่สุดในตลาดหุ้นไทย 200 ร้อยตัวแรก และกรองหุ้นต่ออีกหนึ่งชั้น เพื่อไม่ให้ติดกับดักปันผล โดยการนำหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมาเยอะแต่แนวโน้มกำไรจะแย่ลงออกไปแล้ว คัดเลือกหุ้นที่โมเดลธุรกิจ และคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ว่าจะสามารถจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ ไม่เป็นวัฏจักร และสามารถรักษาฐานกำไรเดิมไว้ได้อย่างต่อเนื่องหรืออาจเติบโตต่อได้

 

นอกจากนี้หุ้นที่อยู่ในลิสต์เหล่านี้อาจไม่ได้การันตีอัตราผลตอบแทนเท่านี้ไปตลอด อาจมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นกับผลประกอบการ อัตราการจ่ายปันผล และราคาของหุ้นในอนาคต ในขณะที่หุ้นที่อยู่นอกลิสต์นี้ไม่ได้แปลว่าไม่มีศักยภาพเช่นกัน อาจมีโอกาสเติบโตมากกว่าหรือน้อยกว่าหุ้นในลิสต์ดังกล่าวได้เช่นกัน

 

 

ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร

The post คัด 10 หุ้นปันผลไทยที่กำไรยังสม่ำเสมอ appeared first on THE STANDARD.

]]>
อาการ ‘หวั่นไหว’ ในตลาดหุ้น บททดสอบอารมณ์นักลงทุน! เจาะลึกผลวิจัยจากวิกฤตการเงินโลก พร้อมบทเรียนสำคัญจากผู้เกษียณที่มีความสุขที่สุด https://thestandard.co/stock-market-volatility-test/ Tue, 18 Feb 2025 05:10:19 +0000 https://thestandard.co/?p=1043176

อาการ ‘หวั่นไหว’ ในตลาดหุ้น บททดสอบอารมณ์นักลงทุน! เจาะ […]

The post อาการ ‘หวั่นไหว’ ในตลาดหุ้น บททดสอบอารมณ์นักลงทุน! เจาะลึกผลวิจัยจากวิกฤตการเงินโลก พร้อมบทเรียนสำคัญจากผู้เกษียณที่มีความสุขที่สุด appeared first on THE STANDARD.

]]>

อาการ ‘หวั่นไหว’ ในตลาดหุ้น บททดสอบอารมณ์นักลงทุน! เจาะลึกผลวิจัยจากวิกฤตการเงินโลก พร้อมบทเรียนสำคัญจากผู้เกษียณที่มีความสุขที่สุด

 

ความกลัวและความหวาดระแวงในการลงทุนเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของนักลงทุน โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดผันผวน ซึ่งเป็นสัญชาตญาณการตอบสนองต่อความเครียดที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่ยุคโบราณ ดังที่ Harvard Medical School ระบุว่า “กลไกการต่อสู้หรือหนีพัฒนามาเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์คับขันได้อย่างรวดเร็ว” แต่กลไกนี้กลับเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนในปัจจุบัน

 

Benjamin Graham ผู้เขียนหนังสือ The Intelligent Investor และบิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า กล่าวว่า “ปัญหาใหญ่ที่สุดของนักลงทุน และอาจเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด คือตัวของเขาเอง” จากการศึกษาผู้เกษียณชาวอเมริกันเกือบ 2,000 คน พบว่าผู้เกษียณที่มีความสุขที่สุดมักไม่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ แต่ใช้ข้อมูลและมุมมองระยะยาวในการพิจารณา

 

Daniel Kahneman และ Amos Tversky นักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมผู้ได้รับรางวัลโนเบล ได้ศึกษาพบว่า การขาดทุนสร้างผลกระทบทางจิตวิทยามากกว่าการได้กำไรถึงสองเท่า ตามทฤษฎี Prospect Theory 

 

ยกตัวอย่างเช่น พอร์ตการลงทุนที่เติบโตจาก 1 ล้านดอลลาร์เป็น 1.5 ล้านดอลลาร์ แล้วปรับตัวลงมาที่ 1.3 ล้านดอลลาร์ นักลงทุนมักจะรู้สึกเสียใจกับการขาดทุน 2 แสนดอลลาร์ มากกว่าความยินดีที่ได้กำไร 3 แสนดอลลาร์

 

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือช่วงวิกฤตต่างๆ อย่างฟองสบู่ดอทคอมปี 2000-2002 ที่ดัชนี S&P 500 ร่วงถึง 49% หากลงทุน 10,000 ดอลลาร์ในจังหวะแย่ที่สุด เงินจะเติบโตเป็น 61,000 ดอลลาร์

 

หรือแม้แต่ในวิกฤต The Great Recession ปี 2007-2009 ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ Great Depression ดัชนีร่วงถึง 57% แต่การลงทุนในจังหวะแย่ที่สุดยังให้ผลตอบแทนดีกว่าการถือเงินสด

 

จากการศึกษาพบว่า การลงทุนในหุ้นปันผลระยะยาวมีศักยภาพในการเอาชนะเงินเฟ้อ โดยข้อมูลระหว่างปี 1980-2024 แสดงให้เห็นว่า การลงทุน 10,000 ดอลลาร์ในดัชนี S&P 500 จะได้เงินปันผลรายปีเพิ่มขึ้นจาก 529 ดอลลาร์เป็น 6,837 ดอลลาร์ และมูลค่าการลงทุนมีโอกาสเติบโตเป็น 544,898 ดอลลาร์ ในขณะที่การลงทุนในดัชนีพันธบัตร Lehman/Barclays Aggregate Bond Index จะเติบโตเป็น 13,902 ดอลลาร์

 

ผู้เกษียณที่มีความสุขมักเข้าใจว่าความผันผวนเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน พวกเขามองการลงทุนเหมือนต้นแอปเปิ้ล ที่เมื่อดูแลอย่างเหมาะสมจะออกผลให้เก็บเกี่ยวได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องโค่นต้นทิ้ง ‘ความอดทน’ จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการลงทุนระยะยาว

 

นอกจากนี้ผู้เกษียณที่มีความสุขยังมองว่าการลงทุนไม่ใช่แค่การเพิ่มมูลค่าเงินออม แต่เป็นการรักษา ‘อำนาจซื้อ’ ให้คงอยู่ หากในช่วงทำงานใช้ชีวิตด้วยเงิน 75,000 ดอลลาร์ต่อปี พวกเขาต้องการรักษาระดับการใช้ชีวิตนี้ไว้ได้อีก 20-30 ปีหลังเกษียณ โดยคำนึงถึงผลกระทบของเงินเฟ้อที่จะทำให้ต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อรักษามาตรฐานการครองชีพเดิม 

 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน พิจารณาเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตนเอง รวมถึงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะแม้ประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นว่าการลงทุนในหุ้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีศักยภาพในการรักษาอำนาจซื้อระยะยาว แต่ผลการดำเนินงานในอดีตก็ไม่ได้เป็นสิ่งรับประกันผลตอบแทนในอนาคต

 

อ้างอิง:

The post อาการ ‘หวั่นไหว’ ในตลาดหุ้น บททดสอบอารมณ์นักลงทุน! เจาะลึกผลวิจัยจากวิกฤตการเงินโลก พร้อมบทเรียนสำคัญจากผู้เกษียณที่มีความสุขที่สุด appeared first on THE STANDARD.

]]>