หุ้น เถ้าแก่น้อย – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 14 May 2021 03:42:30 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘ต๊อบ’ หวัง ‘จัสท์ดริ้งค์’ ฮีโร่กอบกู้รายได้เถ้าแก่น้อย ให้คำมั่นยังไม่ทิ้งบริษัท อย่างน้อยในช่วง 2-3 ปีนี้ https://thestandard.co/just-drink-hero-saves-income-not-leaving-tao-kae-noi/ Thu, 13 May 2021 16:14:53 +0000 https://thestandard.co/?p=488630 เถ้าแก่น้อย

ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ซึ่งเป็นวันที่บริษัท เถ้าแก่น้ […]

The post ‘ต๊อบ’ หวัง ‘จัสท์ดริ้งค์’ ฮีโร่กอบกู้รายได้เถ้าแก่น้อย ให้คำมั่นยังไม่ทิ้งบริษัท อย่างน้อยในช่วง 2-3 ปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เถ้าแก่น้อย

ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 ซึ่งเป็นวันที่บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1/64 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งพบว่ามีรายได้จากการขาย 919.9 ล้านบาท ลดลง 17.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 55.9 ล้านบาท ลดลง 34.8%

 

แม้จะสามารถทำ ‘กำไร’ ได้ก็จริง แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มนักลงทุนจะ ‘ไม่ปลื้ม’ กับผลประกอบการที่ออกมา ซึ่งลดลงทั้งในแง่ของรายได้และกำไร แม้ว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านั้นคือไตรมาส 4/63 รายได้เพิ่มขึ้น 4.2% และกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 367.8% ก็ตาม เพราะเมื่อสิ้นสุดวันแล้วราคาของหุ้นได้ลดลงมากถึง 16.39% ทุบราคาจาก 9.05 บาท เป็นราคา 7.65 บาท

 

‘จัสท์ดริ้งค์’ ช่วยอุ้มตลาดภายในประเทศ

กระนั้นในมุมมองของ อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN ผู้ที่ปลุกปั้นบริษัทที่เริ่มจาก 0 จนวันนี้มีมูลค่า ‘หลักหมื่นล้าน’ ได้กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ตัวเขาค่อนข้างพึงพอใจกับผลประกอบการในไตรมาส 1 ที่เกิดขึ้น 

 

อิทธิพัทธ์อธิบายว่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ของเถ้าแก่น้อยยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวมาช่วย ซึ่งปกติแล้วจะอยู่ที่ราว 500 ล้านบาทด้วยกัน ดังนั้นเมื่อเทียบกับปีนี้ซึ่งไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเลย รายได้ที่ลดลงจึงไม่ได้เป็นเรื่องแปลก แต่หากมองเข้าไปในผลกระกอบการจริงๆ จะพบว่ารายได้จากในประเทศนั้นเรียกว่า ‘ฟื้นตัว’ แล้ว ด้วยตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้น 23.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/63

 

Hero Product ที่เข้ามาอุ้มรายได้ภายในประเทศของเถ้าแก่น้อยคือ ชานมสูตรไต้หวัน ‘จัสท์ดริ้งค์’ (Just Drink) ซึ่งเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์อย่างมากเมื่อเปิดตัวในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2563 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะสามารถเพิ่มการกระจายสินค้าในช่องทางร้านสะดวกซื้อ จาก 6,000 สาขาเมื่อปลายปี 2563 เป็น 12,000 สาขา เรียบร้อยแล้ว ณ เดือนมีนาคม 2564

 

“จัสท์ดริ้งค์มียอดขายไปแล้ว 6 ล้านขวด ซึ่งหากคิดเป็นยอดขายจะอยู่ที่ราวๆ 100 กว่าล้านบาท”

 

อิทธิพัทธ์  พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN 

อิทธิพัทธ์  พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN 

 

ต่างประเทศยอดขายลดลง โดยเฉพาะที่ ‘จีน’

‘ต่างประเทศ’ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้กว่า 60% จากทั้งหมด เป็นกลุ่มที่อิทธิพัทธ์ยอมรับว่ายอดขายลดลงจริงๆ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสภาวะขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งยังมีผลต่อเนื่องอยู่ จึงทำให้การส่งสินค้าลดลงในระดับ 2 ดิจิด้วยกัน

 

ขณะที่จีนเองซึ่งคิดเป็นสัดส่วยรายได้ 40% จากรายได้ทั้งหมดนั้น ก็เจอความท้าทายเข้ามาหลากหลายด้าน โดยเฉพาะการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น จากการที่แบรนด์จีนเองก็หันมาทุ่มตลาดภายในประเทศเช่นกัน 

 

“อุปสรรคที่สำคัญในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาในตลาดจีนคือการประสานงานกับบริษัท โอริออน คอร์ป ซึ่งเป็นดิสทริบิวเตอร์อย่างเป็นทางการที่นั่น ด้วยที่ผ่านมาบริษัทดังกล่าวสินขายสินค้าแมสมาตลอด แต่เมื่อมาจับสินค้าที่พรีเมียมขึ้นมาอย่างเถ้าแก่น้อยจึงต้อง Educated กันพอสมควร

 

“ยิ่งตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2563 ที่จีนได้รับผลกระทบจากโควิดทำให้โอริออนหันไปโฟกัสสินค้าหลักของตัวเอง สินค้าของเถ้าแก่น้อยจึงถูกลดความสำคัญลง ยอดขายจึงได้ประผลกระทบพอสมควร”

 

ปรับเกมใหม่ที่จีน

ทว่าในตลาดจีนที่เถ้าแก่น้อยครองส่วนแบ่งกว่า 10% อิทธิพัทธ์มองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพียงแต่ต้องปรับกลยุทธ์กันใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาได้เริ่มทำมาแล้ว แต่จะเห็นทิศทางอย่างชัดเจนในไตรมาส 2 นี้ โดยมีเป้าหมายที่จะเจาะช่องทาง Traditional Trade หรือช่องทางกระจายสินค้าแบบการตลาดดั้งเดิม และช่องทาง E-Commerce ให้มากขึ้น 

 

แม่ทัพเถ้าแก่น้อยอธิบายว่า จุดที่ต้องแก้ไขเป็นอันดับแรกคือข้อมูลของตลาด ที่ผ่านมาทีมการตลาดมักจะบินไปดูอยู่เสมอ หากนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ทีมไม่สามารถบินไปได้ สิ่งที่ขาดไปจึงเป็นข้อมูลของตลาดที่เกิดขึ้นจริงๆ ดังนั้น นอกจากเรื่องข้อมูลในตลาดจีนที่จะลงทุนเพิ่มขึ้นแล้ว จึงจะมีการตั้ง General Manager หรือ GM เพื่อดูแลตลาดจีนโดยเฉพาะ 

 

“เชื่อว่าผลของการปรับตัวจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง” อิทธิพัทธ์กล่าว พร้อมกับขยายความว่า จะมีการเพิ่มรายได้ที่จีนด้วยการจับมือกับบริษัทขนาดใหญ่ของไทยที่ต้องการสินค้าไปขายที่จีน 

 

สาหร่าย เถ้าแก่น้อย

 

โดยอิทธิพัทธ์ย้ำว่า ไม่ได้วางตัวเองเป็นดิสทริบิวเตอร์ แต่มองเป็นคู่ค้ามากกว่า โดยเถ้าแก่น้อยจะใช้ Know-how ตลอดจนประสบการณ์ที่ล้มจริง เจ็บจริง มาใช้ในการนำสินค้าดังกล่าวเข้าไปวางขาย

 

“ถ้าเราต้องการโตในจีนระดับ 30% ที่เคยทำได้ การขายแค่สินค้าตัวเองไม่เพียงพออีกแล้ว ดังนั้นเราจึงต้องหาสินค้าใหม่ๆ ที่ยังมีช่องวางในตลาดและอยากบุกจีนเสริมเข้าไป ช่วงแรกอาจจะเป็นการนำสินค้าเข้าไปวางขายก่อน หลังจากนั้นอาจจะร่วมกันพัฒนาสินค้า ซึ่งในที่สุดอาจจะตั้งเป็นกิจการร่วมค้า หรือ Joint Venture เกิดขึ้นได้”

 

ตอนนี้มีคุยกับเรียบร้อยแล้ว 2 ราย เป็นบริษัทสแน็กและเครื่องดื่มอย่างละ 1 บริษัท โดยเร็วสุดจะสามารถนำสินค้าเข้าไปในจีนภายในปีนี้ ช้าสุดอาจเป็นต้นปีหน้า

 

ขยายโปรดักต์ไลน์ของ ‘จัสท์ดริ้งค์’ 

ด้านตลาดภายในประเทศ หลังจากความสำเร็จของ ‘จัสท์ดริ้งค์’ ที่เข้ามาช่วยชดเชยรายได้จากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ปกติแล้วจะอยู่ที่ราว 40 ล้านบาทต่อเดือน โดยช่วงที่ผ่านมานั้นยอดขายของจัสท์ดริ้งค์อยู่ที่ราว 30 ล้านบาทต่อเดือน จึงถือว่าเข้ามาชดเชยได้ระดับหนึ่ง

 

โดยหากผลงานยังรักษาโมเมนตัมเอาไว้ได้ คาดว่าจัสท์ดริ้งค์อาจทำยอดขายได้ถึง 300 ล้านบาทในปีนี้ ทำให้แบรนด์ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากไต้หวันนี้กลายเป็นความหวังที่จะกอบกู้รายได้ภายในประเทศของเถ้าแก่น้อยในทันที 

 

โดยอิทธิพัทธ์ได้วางแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์จัสท์ดริ้งค์อีก 2-3 เอสเคยู โดยจะเห็นแน่ๆ 2 เอสเคยูด้วยกัน

 

“ตัวแบรนด์จริงๆ ที่ไต้หวันมีสินค้ากลุ่มยอดนิยม 4-5 ตัวด้วยกัน ซึ่งเราจะนำเข้ามาทั้งหมด โดยทยอยเปิดตัวไปเรื่อยๆ โดยสินค้าแรกที่จะเห็นเร็วๆ นี้คือ กาแฟลาเต้”

 

ชานมไต้หวัน

 

ยืนยันไม่ขายกิจการในช่วง 2-3 ปีนี้แน่นอน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้มีข่าวลือว่า ‘อิทธิพัทธ์’ ซึ่งเป็นผู้ปลุกปั้นเถ้าแก่น้อยมากับมือได้เตรียมขายบริษัท หลังจากที่มีข้อมูลพบว่า ครอบครัวพีระเดชาพันธ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้รายงานการขายหุ้น TKN ระหว่างวันที่ 20-22 มกราคม 2564 ออกมารวม 11.75 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 138.31 ล้านบาท 

 

“ผมยังไม่มีความคิดว่าจะขายบริษัทเถ้าแก่น้อยแน่นอน อย่างน้อยก็ในช่วง 2-3 ปีนี้ ครอบครัวเราคุยกับว่า จะโฟกัสให้บริษัทกลับมาให้แข็งแรงเสียก่อน” 

 

โดยคำว่า ‘แข็งแรง’ ของอิทธิพัทธ์นั้น หมายถึงการทำให้เถ้าแก่น้อยกลับมามี Market Cap ระดับ ‘3 หมื่นล้านบาท’ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2559 ซึ่งปัจจุบันนั้นความมั่งคั่งดังกล่าวได้ลดลงเหลือระดับ 1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ซึ่งการจะพลิกกลับไปสู่ระดับเดิมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน 

 

อิทธิพัทธ์ยอมรับกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ที่ผ่านมามีบริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ของโลกติดต่อเข้ามาเพื่อซื้อกิจการเหมือนกัน แต่อิทธิพัทธ์ก็ยืนยันว่า “ยังไม่ขาย” แต่หากเป็น ‘การร่วมลงทุน’ ก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถคุยกันลงตัวหรือไม่ ซึ่งช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็มีบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ เข้ามาคุยอยู่เรื่อยๆ 

 

เป้าหมายในวันนี้ของอิทธิพัทธ์คือการทำให้เถ้าแก่น้อยแข็งแรงในระดับโลกเสียก่อน อิทธิพัทธ์มองว่า ‘สาหร่าย’ ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทกว่า 90% ยังไม่หมด ‘ความเซ็กซี่’ แต่สิ่งที่ต้องทำคือการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปให้ไกลกว่าที่เป็นอยู่

 

“เรายอมรับว่าในระดับ Regional เราทำได้แข็งแรงแล้วทั้งใน CLMV หรือจีนก็ตาม แต่การจะทำให้ธุรกิจสาหร่ายไปไกลกว่านี้ ต้องมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่มากกว่านี้ โดยต้องเป็นช่องทางที่เป็นเมนสตรีมของต่างประเทศ และเข้าถึงไม่ใช่แค่คนเอเชีย แต่เป็นลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ด้วย”

 

เป้าหมายในปี 2564 ของอิทธิพัทธ์คือการทำให้เถ้าแก่น้อยยังสามารถรักษายอดขายและกำไรให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2563 โดยที่ยังไม่หวังไกลถึงขั้นเติบโต แต่ในปี 2565 ที่สถานการณ์กลับมาคลี่คลายแล้ว อิทธิพัทธ์ก็หวังว่า ‘เถ้าแก่น้อย’ จะสามารถกลับมาเติบโตในระดับ 2 ดิจิได้อีกครั้ง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

The post ‘ต๊อบ’ หวัง ‘จัสท์ดริ้งค์’ ฮีโร่กอบกู้รายได้เถ้าแก่น้อย ให้คำมั่นยังไม่ทิ้งบริษัท อย่างน้อยในช่วง 2-3 ปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เถ้าแก่น้อยปัดข่าวเตรียมถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ ย้ำการหาพันธมิตรใหม่ยังไม่คืบหน้า https://thestandard.co/tkn-refuse-to-prepare-to-withdraw-shares-from-the-stock-exchange/ Mon, 08 Feb 2021 02:36:05 +0000 https://thestandard.co/?p=451821 เถ้าแก่น้อย

จิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เถ้าแก่ […]

The post เถ้าแก่น้อยปัดข่าวเตรียมถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ ย้ำการหาพันธมิตรใหม่ยังไม่คืบหน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
เถ้าแก่น้อย

จิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า กรณีที่มีข่าวในสื่อออนไลน์บางแห่งว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทได้ปิดดีลขายหุ้นให้แก่บริษัทแห่งหนึ่ง และจะดำเนินการเพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น

 

จากกลยุทธ์การดำเนินงานประจำปี บริษัทมีแผนการในการขยายธุรกิจเพื่อให้ทันกับคู่แข่งในตลาด ซึ่งหนึ่งในแนวทางนั้นคือ การหาพันธมิตรทางธุรกิจที่เหมาะสม แต่ในปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนแต่ประการใด

 

กรณีข่าวที่เกิดขึ้น บริษัทขอชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยังคงสัดส่วนการถือหุ้นมากกว่า 50% ในบริษัท และไม่มีนโยบายเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใด

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

The post เถ้าแก่น้อยปัดข่าวเตรียมถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ ย้ำการหาพันธมิตรใหม่ยังไม่คืบหน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตระกูลพีระเดชาพันธ์ เทขายหุ้น ‘เถ้าแก่น้อย’ เก็บเงินเข้ากระเป๋ากว่า 138 ล้านบาท https://thestandard.co/peeradechapan-family-selling-tkn/ Tue, 26 Jan 2021 01:25:21 +0000 https://thestandard.co/?p=447319 ตระกูลพีระเดชาพันธ์ เทขายหุ้น ‘เถ้าแก่น้อย’ เก็บเงินเข้ากระเป๋ากว่า 138 ล้านบาท

ครอบครัวพีระเดชาพันธ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ. เก […]

The post ตระกูลพีระเดชาพันธ์ เทขายหุ้น ‘เถ้าแก่น้อย’ เก็บเงินเข้ากระเป๋ากว่า 138 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตระกูลพีระเดชาพันธ์ เทขายหุ้น ‘เถ้าแก่น้อย’ เก็บเงินเข้ากระเป๋ากว่า 138 ล้านบาท

ครอบครัวพีระเดชาพันธ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ. เก้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ได้รายงานการขายหุ้น TKN ระหว่างวันที่ 20-22 มกราคม 2564 ออกมารวม 11.75 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 138.31 ล้านบาท 

 

รายการขายหุ้นดังกล่าวแบ่งออกเป็น อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ขายออกมา 2 รายการ รวมจำนวนหุ้น 5.7 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 67.32 ล้านบาท โดยอิทธิพัทธ์ได้ขายหุ้นออกมาเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 จำนวน 4.5 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 12 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 54 ล้านบาท และในวันที่ 22 มกราคม 2564 ขายออกมาอีก 1.2 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11.10 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 13.32 ล้านบาท 

 

ณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์ ขายหุ้นออกมาทั้งหมด 3 รายการ คิดเป็นจำนวนหุ้นรวม 3.55 ล้านหุ้น และคิดเป็นมูลค่ารวม 41.14 ล้านบาท แบ่งเป็น วันที่ 20 มกราคม 2564 ขายออกมา 1.65 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11.95 บาท คิดเป็นมูลค่า 19.77 ล้านบาท วันที่ 21 มกราคม 2564 ขายออกมา 5 แสนหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11.49 บาท คิดเป็นมูลค่า 5.74 ล้านบาท และวันที่ 22 มกราคม 2564 ขายออกมา 1.39 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11.17 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวม 15.63 ล้านบาท

 

ด้าน อรพันธ์ พีระเดชาพันธ์ ขายหุ้นออกมา 1 รายการ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 จำนวน 2.5 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 11.94 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 29.85 ล้านบาท 

 

สำหรับหุ้น TKN เพิ่งถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขึ้นบัญชีหุ้นที่ต้องซื้อขายด้วยเงินสด (Cash Balance) ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม-5 มีนาคม 2564 เนื่องจากพบการซื้อขายสูงผิดปกติในช่วงที่ผ่านมา 

 

ส่วนการเคลื่อนไหวของหุ้น TKN ตั้งแต่เปิดปี 2564 เป็นต้นมาพบว่า ราคาหุ้นปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยมาทำจุดสูงสุดในรอบปีนี้เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 ที่ระดับ 12.20 บาท เทียบกับราคาปิดสิ้นปี 2563 อยู่ที่ระดับ 10.40 บาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นราว 17.3% ก่อนจะมีแรงขายออกมาอย่างหนักในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาหุ้นเมื่อวานนี้ (25 มกราคม) ปิดตลาดที่ระดับ 11.00 บาท 

 

ด้านแนวโน้มผลดำเนินงานของ TKN ทางโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ยังมีมุมมองเชิงบวก โดย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส ประเมินว่า แม้กำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2563 ยังอ่อนลง แต่คาดว่าปี 2563 ที่อยู่ในเกณฑ์ย่ำแย่ได้ผ่านไปแล้ว 

 

นอกจากนี้ทางบริษัทได้ให้แนวทางในปี 2564 ไว้ในเชิงที่เป็นบวกมากขึ้น โดยรายการยอดขาย ซึ่งมีการออกสินค้าใหม่ รวมถึงการปรับประสิทธิภาพการทำกำไรที่สูงขึ้น จะเป็นแรงผลักดันให้กำไรกลับมาฟื้นตัวได้ดี

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post ตระกูลพีระเดชาพันธ์ เทขายหุ้น ‘เถ้าแก่น้อย’ เก็บเงินเข้ากระเป๋ากว่า 138 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>