สุเทพ เพชรมาก – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sun, 26 Mar 2023 05:11:47 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 สธ. แจง เด็กนักเรียนใกล้โรงหลอมเหล็กป่วย 30 คน อาการโรคระบบทางเดินหายใจ ไม่เกี่ยวกับซีเซียม-137 https://thestandard.co/moph-announced-cesium-137-students/ Sun, 26 Mar 2023 05:11:47 +0000 https://thestandard.co/?p=768707 สุเทพ เพชรมาก

วานนี้ (25 มีนาคม) นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรว […]

The post สธ. แจง เด็กนักเรียนใกล้โรงหลอมเหล็กป่วย 30 คน อาการโรคระบบทางเดินหายใจ ไม่เกี่ยวกับซีเซียม-137 appeared first on THE STANDARD.

]]>
สุเทพ เพชรมาก

วานนี้ (25 มีนาคม) นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 กล่าวถึงความคืบหน้าการเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพผู้ที่มีความเสี่ยงสัมผัสกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ว่า ได้รับรายงานจาก นพ.สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข จังหวัดปราจีนบุรี ถึงผลการดำเนินการกรณีเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านโคกกระท้อน หมู่ 10 ตำบลลาดตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา ตั้งอยู่ห่างจากโรงหลอมเหล็กประมาณ 3 กิโลเมตร ทยอยมีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 21-24 มีนาคม 2566 รวม 30 คน ว่าได้ให้ทีมแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลกบินทร์บุรี ประสานงานกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี จัดทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ เข้าร่วมประเมินอาการและให้การรักษา โดยผลการตรวจเด็กนักเรียนทั้ง 30 คน ไม่พบการติดเชื้อโควิด

 

ในจำนวนนี้มีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจ 23 คน ส่วนใหญ่มีไข้ ไอ เจ็บคอ และมีน้ำมูก บางรายมีผื่นแดง ตาแดง ที่เหลืออีก 7 คน ไม่มีอาการใดๆ จึงได้ให้ยารักษาตามอาการ และเจาะเลือดเพื่อตรวจโลหิต จำนวน 13 คน พบว่า ผลเลือดปกติ

 

นพ.สุเทพกล่าวต่อไปว่า กรณีดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการได้รับผลกระทบจากซีเซียม-137 แต่อย่างใด คาดว่ามาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 (สคร.) จังหวัดชลบุรี ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการสอบสวนโรคเพื่อหาสาเหตุแล้ว

 

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรีจะเฝ้าระวังสุขภาพและติดตามอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยอาการที่พบจากการได้รับรังสี เช่น ผิวหนังเป็นแผล คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ท้องเสีย หากประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงโรงหลอมเหล็กมีข้อสงสัยหรือวิตกกังวล สามารถเข้ารับการปรึกษาได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือติดต่อสายด่วน 1422 ของกรมควบคุมโรค

The post สธ. แจง เด็กนักเรียนใกล้โรงหลอมเหล็กป่วย 30 คน อาการโรคระบบทางเดินหายใจ ไม่เกี่ยวกับซีเซียม-137 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปลัด สธ. ลงพื้นที่เรือนจำนราธิวาส มอบวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยง 5 พันโดส พร้อมเปิดโรงพยาบาลสนามในเรือนจำ https://thestandard.co/give-the-covid-vaccine-to-5000-doses-at-narathiwat-prison/ Sun, 04 Apr 2021 16:07:28 +0000 https://thestandard.co/?p=472295 ปลัด-สธ.-ลงพื้นที่เรือนจำนราธิวาส

วันนี้ (4 เมษายน) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสา […]

The post ปลัด สธ. ลงพื้นที่เรือนจำนราธิวาส มอบวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยง 5 พันโดส พร้อมเปิดโรงพยาบาลสนามในเรือนจำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปลัด-สธ.-ลงพื้นที่เรือนจำนราธิวาส

วันนี้ (4 เมษายน) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 12 ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการควบคุมโรคโควิด-19 ในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้จังหวัดนราธิวาสจำนวน 5,000 โดส เพื่อฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข, เจ้าหน้าที่ด่านหน้า, อสม., กลุ่มเสี่ยง รวมทั้งเจ้าหน้าที่เรือนจำทั้ง 73 คน

      

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ในวันนี้ได้ลงพื้นที่เพื่อสนับสนุนการทำงาน และวางแผนจัดการสถานการณ์ร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัด, ราชทัณฑ์, ตำรวจ และหน่วยงานในพื้นที่ ล่าสุดได้รับรายงานพบผู้ติดโควิด-19 ในเรือนจำจังหวัดนราธิวาสรวม 116 ราย เป็นผู้ต้องขัง 92 ราย และเจ้าหน้าที่ในเรือนจำ 24 ราย ในจำนวนนี้เป็นพยาบาลประจำเรือนจำ 1 ราย โดยมีเป้าหมายดูแลกลุ่มผู้ต้องขังที่ติดเชื้อเพื่อลดอัตราการป่วยตาย กลุ่มเจ้าหน้าที่เรือนจำเพื่อลดอัตราการป่วยตาย ลดการแพร่เชื้อ ส่วนกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ มีเป้าหมายลดการติดเชื้อ ส่วนผู้สัมผัสกว่า 1,000 ราย ได้มีการติดตามและปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคแล้ว

 

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า เรือนจำถือเป็นสถานที่มีความเสี่ยงสูง จึงเน้นการควบคุมโรคภายในเรือนจำ ซึ่งเป็นพื้นที่ปิด อยู่ห่างไกลชุมชน ควบคุมพื้นที่จำกัดการเข้าออกได้ง่าย สามารถนำยุทธศาสตร์ Bubble and Seal เช่นเดียวกับที่ใช้ควบคุมการติดเชื้อในโรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งได้ผลดีมาแล้ว มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อควบคุมไม่ให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มภายใน 28 วัน โดยมอบหมายให้ นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.นเรศฤทธิ์ ขันทะสีมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ที่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการสถานการณ์และการดูแลผู้ติดเชื้อ ทำงานร่วมกับกรมราชทัณฑ์ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส บริหารจัดการในพื้นที่ต่อไป

 

นอกจากนี้กรมราชทัณฑ์ได้จัดพื้นที่ในเรือนจำใหม่ให้เป็นโรงพยาบาลสนาม เบื้องต้นสามารถเปิดได้ 291 เตียง หากมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากจะขยายสูงสุดได้เกือบ 900 เตียง โดยแยกผู้ติดเชื้อเข้ารักษาในโรงพยาบาลสนาม ส่วนผู้ที่มีอาการหนักจะส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาล และแยกกลุ่มเปราะบางที่มีสภาพร่างกายอ่อนแอ ผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว จำนวน 52 ราย ออกมาดูแลในพื้นที่เฉพาะ ส่วนนักโทษรอจำหน่ายจะเข้ารับการกักตัวใน Local Quarantine เป็นเวลา 14 วันก่อนกลับคืนสู่สังคม

 

นพ.เกียรติภูมิ ยังได้กล่าวถึงเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ จังหวัดนราธิวาส มั่นใจว่ามีเพียงพอ ทั้งยารักษา หน้ากากอนามัยทางการแพทย์สำรองไว้ใช้ได้ 2 เดือน หน้ากาก N95 ใช้ได้ 40 วัน ชุด Cover All ใช้ได้ 4 เดือน มีชุดตรวจเชื้อทางโพรงจมูก 3,000 ตัวอย่าง และส่วนกลางพร้อมสนับสนุนเพิ่มเติมให้ทันทีที่พื้นที่แจ้งความต้องการ

The post ปลัด สธ. ลงพื้นที่เรือนจำนราธิวาส มอบวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยง 5 พันโดส พร้อมเปิดโรงพยาบาลสนามในเรือนจำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สธ. เผยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายเพิ่ม 2 ราย พร้อมคุมเข้มมาตรการกักตัวแรงงานไทยจากเกาหลีใต้ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ https://thestandard.co/ministry-of-public-health-say-coronavirus-infected-healed-2-person/ Sun, 08 Mar 2020 08:45:50 +0000 https://thestandard.co/?p=339020

วันนี้ (8 มีนาคม) นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวง […]

The post สธ. เผยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายเพิ่ม 2 ราย พร้อมคุมเข้มมาตรการกักตัวแรงงานไทยจากเกาหลีใต้ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (8 มีนาคม) นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 และ นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยระบุว่า วันนี้มีผู้ป่วยหายดีกลับบ้านได้ 2 ราย ซึ่งไม่มีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ทำให้มีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 33 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 16 ราย เสียชีวิต 1 ราย จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม 50 รายเท่าเดิม ขณะนี้สถานการณ์ผู้ป่วยในประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 27 ของโลก 

 

สำหรับกรณีแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศเกาหลีใต้ ตั้งแต่วันที่ 7 จนถึงเวลา 02.45 น. ของวันที่ 8 มีนาคม 2563 ได้ทำการตรวจเฝ้าระวังเที่ยวบินจากเกาหลีรวม 4 เที่ยวบิน มีผู้เดินทางทั้งหมด 537 คน เป็นแรงงานไทยจากเกาหลีใต้ 133 คน ในจำนวนนี้พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง 6 ราย ส่งรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐเรียบร้อยแล้ว มีผู้เดินทางจากเมืองแทกูและคยองซังเหนือส่งไปสังเกตอาการที่ฐานทัพเรือสัตหีบเป็นเวลา 14 วัน จำนวน 60 คน เป็นชาย 27 คน หญิง 33 คน ส่วนที่เหลือ 67 คนส่งไปสถานที่รับไว้สังเกตอาการตามภูมิลำเนา ภายใต้การกำกับสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเวลา 14 วัน

 

สำหรับการแก้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ กระทรวงพาณิชย์ได้แจ้งว่า ปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัยชนิด Surgical Mask ในประเทศ สามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้วันละ 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน โดยได้จัดสรรให้กับบุคลากรสาธารณสุขในสถานพยาบาลจำนวน 700,000 แสนชิ้นต่อวันให้กับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 400,000 ชิ้นต่อวัน โรงพยาบาลนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 30,000 ชิ้นต่อวัน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย/คณะทันตแพทย์/โรงพยาบาลและคลินิกเอกชน/โรงพยาบาลสังกัด กทม. 270,000 ชิ้นต่อวัน

 

ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขยังคงเข้มระบบคัดกรองคนเข้าประเทศทุกช่องทาง ทั้งด่านท่าอากาศยาน ท่าเรือ พรมแดนทางบก และตรวจคนเข้าเมืองอย่างต่อเนื่อง ผลการคัดกรองทุกด่าน เฉพาะวันที่ 7 มีนาคม 2563 คัดกรองไป 140,380 คน โดยผู้เดินทางจากท่าอากาศยานลดลง ผลการคัดกรองสะสมตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม ถึง 7 มีนาคม 2563 รวม 4,499,264 คน เป็นผู้อยู่ในข่ายเฝ้าระวัง (PUI) 4,366 คน

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post สธ. เผยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายเพิ่ม 2 ราย พร้อมคุมเข้มมาตรการกักตัวแรงงานไทยจากเกาหลีใต้ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นำคนไทย 2 รายที่กลับจากอู่ฮั่น ส่งโรงพยาบาล ตรวจเพิ่มหลังมีไข้ ที่เหลืออีก 132 คน สบายดี https://thestandard.co/2-thai-from-wuhan-take-into-hospital/ Fri, 07 Feb 2020 06:46:05 +0000 https://thestandard.co/?p=328540

วันนี้ (7กุมภาพันธ์) ที่สโมสรโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ […]

The post นำคนไทย 2 รายที่กลับจากอู่ฮั่น ส่งโรงพยาบาล ตรวจเพิ่มหลังมีไข้ ที่เหลืออีก 132 คน สบายดี appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (7กุมภาพันธ์) ที่สโมสรโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ จังหวัดชลบุรี นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 6 พร้อมด้วย พล.ร.ท. ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ, พล.ร.ต. เกิดศักดิ์ วียะโยธิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ แถลงความคืบหน้าการดูแลคนไทยกลับบ้าน ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ว่า วันนี้เป็นวันที่ 3 ของการเฝ้าระวังกลุ่มคนไทยกลับบ้าน กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกองทัพเรือจะดูแลคนไทยกลับบ้านให้ดีที่สุด ตามนโยบายของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้มาเยี่ยมให้กำลังใจ ‘คนไทยกลับบ้าน’ มอบโทรศัพท์พร้อมซิมโทรฟรีให้ ทุกคนขอบคุณและมีความสุขมาก พร้อมกันนี้รองนายกฯ ได้ขอบคุณ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ที่ทุ่มเทเสียสละทำงานเพื่อให้คนไทยกลับบ้าน และคนไทยในประเทศปลอดภัย เมื่อบ่ายวานนี้ 

 

โดยในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะส่งทีมส่งเสริมสุขภาพ ตรวจสุขภาพหญิงตั้งครรภ์เพิ่มเติม ทำการฝากครรภ์ แนะนำข้อควรปฏิบัติระหว่างตั้งครรภ์ พร้อมมอบสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก ยาวิตามินบำรุงร่างกายสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ในส่วนเด็กเล็กที่เดินทางมาพร้อมมารดา จะดูแลเรื่องนม อาหารเสริมที่เหมาะกับวัย วัคซีน และมอบกระเป๋าชุดของขวัญสำหรับเด็ก ข้างในมีหนังสือนิทาน ตุ๊กตา ชุดความรู้กิน กอด เล่น เล่า เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็ก เป็นการอำนวยความสะดวกให้กลุ่มที่ต้องดูแลเป็นพิเศษในระหว่างที่ต้องอยู่ในระบบเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคตามมาตรฐานสากล 

 

ด้านการดูแลสุขภาพคนไทยที่พักในอาคารรับรองที่มีโรคประจำตัวเดิม โรงพยาบาลชลบุรีได้นำยามามอบให้ไว้เพื่อการดูแลรักษาต่อเนื่อง และเมื่อค่ำวานนี้ มีคนไทยกลับบ้าน 2 ราย ที่มีไข้ ไอ น้ำมูก ได้ส่งตัวไปตรวจเพิ่มเติมตามระบบที่โรงพยาบาลชลบุรี และโรงพยาบาลสัตหีบ เก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ส่วนที่เหลืออีก 132 คนสบายดี ไม่มีไข้ รับประทานอาหารได้ ทั้งหมดยังอยู่ในระบบการเฝ้าระวังตามมาตรฐานสากล  

 

สำหรับ 4 รายที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อาการดีขึ้น ไม่มีไข้ ผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการปกติ ยังเฝ้าระวังตรวจติดตามต่อเนื่อง 

 

ทั้งนี้ ฝากถึงประชาชนทั่วไปให้ดูแลสุขภาพ และสุขลักษณะส่วนบุคคลด้วยการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ เมื่อมีอาการไอหรือจามควรใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า หากพบอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์ทันที

 

The post นำคนไทย 2 รายที่กลับจากอู่ฮั่น ส่งโรงพยาบาล ตรวจเพิ่มหลังมีไข้ ที่เหลืออีก 132 คน สบายดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
สาธารณสุข เผยผลตรวจสุขภาพ 138 คนไทยจากอู่ฮั่น ทุกคนไม่มีไข้ สภาพจิตใจดี https://thestandard.co/public-health-unveil-thai-wuhan-check-up-result/ Thu, 06 Feb 2020 05:21:02 +0000 https://thestandard.co/?p=328087

วันนี้ (6 กุมภาพันธ์ ) ที่สโมสรโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวง […]

The post สาธารณสุข เผยผลตรวจสุขภาพ 138 คนไทยจากอู่ฮั่น ทุกคนไม่มีไข้ สภาพจิตใจดี appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (6 กุมภาพันธ์ ) ที่สโมสรโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 พร้อมด้วย พล.ร.ท. ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ พล.ร.ต. เกิดศักดิ์ วียะโยธิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ แถลงความคืบหน้าการดูแลคนไทยกลับบ้าน ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ว่ากระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสุขภาพคนไทยจากอู่ฮั่น ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นชาย 30 คน หญิง 104 คน อายุระหว่าง 6 เดือนถึง 53 ปี โดยได้ร่วมกับกองทัพเรือ จัดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดูแลผู้เข้าเกณฑ์สงสัยเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต พร้อมให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง ทุกคนได้รับการตรวจสุขภาพ พร้อมจัดยาให้ผู้ที่ต้องรับประทานยาต่อเนื่อง 4 คน ได้แก่ โรคหอบหืด ไทรอยด์เป็นพิษ ฮอร์โมนรักษามะเร็งไทรอยด์ กระเพาะอาหารอักเสบ ยาบำรุงครรภ์ 

 

“จากการพูดคุยกับคนไทยกลุ่มนี้ พบว่า มีกำลังใจดี คิดถึงบ้าน มีนอนไม่หลับบ้าง แต่ก็ขอบคุณและพร้อมให้ความร่วมมือ ปฏิบัติตามข้อกำหนดเพื่อให้การควบคุมป้องกันมีประสิทธิภาพ” นพ.สุเทพ กล่าว 

 

ทั้งนี้ ทีม MCATT กรมสุขภาพจิต ได้เข้าไปประเมินสุขภาพจิต พบว่า ส่วนใหญ่ สภาพจิตใจดี ไม่พบความเครียด นอนหลับได้ดีขึ้น มีกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด เช่น ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ ทำการบ้าน เล่นเกม พูดคุยกับเพื่อนร่วมห้องได้ ส่วนสิ่งที่ต้องการเพิ่มเติมคือ ขอมีช่องทางสื่อสารกับภายนอก เช่น ญาติ ที่ทำงาน และขออุปกรณ์ออกกำลังกาย โดยในวันนี้จะคืนโทรศัพท์ให้ผู้ที่อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังทุกคน เพื่อให้ติดต่อสื่อสารกับญาติ

 

สำหรับคำแนะนำการปฏิบัติตนระหว่างอยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังอาการ มีดังนี้ 

 

  1. ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข

 

  1. รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ล้างมือบ่อยๆ ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ อุปกรณ์รับประทานอาหาร ผ้าเช็ดหน้า อื่นๆ

 

  1. การทิ้งขยะต้องทิ้งในบริเวณที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ 

 

  1. สังเกตอาการตนเอง ถ้ามีไข้ ไอ เจ็บคอ หายใจหอบเหนื่อย รีบแจ้งผู้ดูแล เพื่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เข้าสู่ระบบการรักษาทันที

       

ด้าน พล.ร.ต. เกิดศักดิ์ วีระโยธิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ แถลงอาการคนไทย 4 คน ที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ เช้าวันนี้ ทุกรายไม่มีไข้ อาการไอลดลง อาการท้องเสียลดลง ผลเอกซเรย์ปอดพบผิดปกติเล็กน้อย 1 คน ส่วนผลตรวจไวรัสทางห้องปฏิบัติการเบื้องต้นไม่พบเชื้อ ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขจะดูแลคนไทยกลับบ้านให้ดีที่สุด และฝากถึงประชาชนทั่วไปให้ดูแลสุขภาพ และสุขลักษณะส่วนบุคคลด้วยการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ เมื่อมีอาการไอหรือจามควรใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า หากพบอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์ทันที

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post สาธารณสุข เผยผลตรวจสุขภาพ 138 คนไทยจากอู่ฮั่น ทุกคนไม่มีไข้ สภาพจิตใจดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘บุหรี่ไฟฟ้า’ แฟชั่นอันตราย หรือทางเลือกใหม่ของนิโคติน? https://thestandard.co/ecigarette/ https://thestandard.co/ecigarette/#respond Wed, 16 Aug 2017 08:06:53 +0000 https://thestandard.co/?p=20595

ปฏิเสธไม่ได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่พบเห็นได้ห […]

The post ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ แฟชั่นอันตราย หรือทางเลือกใหม่ของนิโคติน? appeared first on THE STANDARD.

]]>

ปฏิเสธไม่ได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่พบเห็นได้หลากหลายในประเทศไทย

     

ทั้งผู้สูบ และข่าวการจับกุมต่างๆ ในฐานะ ‘สินค้าต้องห้าม’

     

รวมไปถึงมีบทลงโทษสำหรับผู้ขาย ผู้ให้บริการ คือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

     

หากผู้ฝ่าฝืนเป็นผู้ผลิต ผู้สั่ง ผู้นำเข้าเพื่อขาย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

     

บุหรี่ไฟฟ้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘อีซิก’ (E-cigarette) และ ‘เวเปอร์ไรเซอร์’ (Vaporizer) มักถูกกล่าวอ้างโดยบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศไทยว่า ‘อันตรายเทียบเท่าบุหรี่มวน’ หรืออาจมากกว่า

     

บทลงโทษและข้อมูลดังกล่าว ดูจะสวนทางกับนโยบายและผลวิจัยในอังกฤษและอเมริกา

     

คำถามคือ ทางการไทยกำลังทำให้ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ เป็น ‘ยมฑูตอำมหิต’ เกินจริง

     

หรือแท้จริงแล้วมันเป็นเช่นนั้นกันแน่?

นิโคตินไม่ใช่สาเหตุหลักของมะเร็ง โรคปอด โรคหัวใจ ซึ่งคร่าชีวิตคนอเมริกานับพันในแต่ละปี แต่เป็นสารประกอบอื่นๆ ในยาสูบและควันที่เกิดจากการเผาไหม้โดยตรง

 

อเมริกา-อังกฤษ ยอมรับบุหรี่ไฟฟ้า?

ก่อนหน้านี้บุหรี่ไฟฟ้า แม้จะไม่ได้รับการรับรองในอเมริกา เนื่องจากมีรายงานที่ชื่อ E-cigarette use among youth and young adults ซึ่งจัดทำโดยองค์กร Surgeon General ภายใต้การดูแลของ Vivek Murthy แต่แล้วไม่นานมานี้เขากลับถูกปลดออกจากตำแหน่งในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตามมาด้วยนโยบายใหม่ของ FDA หรือองค์กรอาหารและยาของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนท่าทีเป็นผลักดันให้นักสูบบุหรี่หันไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทน ด้วยเหตุผลว่าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวน

     

Scott Gottlieb ตัวแทนของ FDA ให้เหตุผลว่า “โดยตัวมันเองนิโคตินไม่ใช่สาเหตุหลักของมะเร็ง โรคปอด โรคหัวใจ ซึ่งคร่าชีวิตคนอเมริกานับพันในแต่ละปี แต่เป็นสารประกอบอื่นๆ ในยาสูบและควันที่เกิดจากการเผาไหม้โดยตรง (1)

 

 

ในรายงานของ Public Health England ภายใต้การดูแลของกระทรวงสาธารณสุขประเทศอังกฤษได้ตีพิมพ์รายงานชื่อ E-cigarettes: an evidence update อธิบายว่าบุหรี่ไฟฟ้านั้นปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน และเป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยเลิกบุหรี่มวน เนื่องจากสารประกอบในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสารประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร รวมเข้ากับนิโคติน และใช้การให้ความร้อนทำให้ของเหลวระเหยมาเป็นไอ ผิดกับบุหรี่มวนที่ใช้การเผาไหม้ให้เกิดควัน ทั้งยังมีสารเคมีประเภททาร์ (น้ำมันดิน) ไซยาไนด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ เป็นต้น

ทางกรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานว่า บุหรี่ไฟฟ้าช่วยคนเลิกสูบบุหรี่ได้

 

บทวิจัยชื่อ Nicotine without smoke: Tobacco harm reduction จาก Royal College of physicians ประเทศอังกฤษ ซึ่งตีพิมพ์ เมษายน ปี 2016 ยังระบุในส่วนบทสรุปหน้า 189 ว่า

     

อัตราส่วนสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกายโดยวัดจากผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นระยะเวลานาน มีการอธิบายว่ามีไม่ถึง 5% ของบุหรี่มวน เนื่องจากสารพิษหลักมีเพียงนิโคตินซึ่งทำให้คนเสพติดบุหรี่มวนเท่านั้น ประกอบกับสารอื่นๆ ที่เป็นสารประเภท Food grade materials หรือสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ได้แก่ Propylene Glycol (PG) และ Vegetable Glycerin (VG) ทั้งนี้ในบทวิจัยดังกล่าวยังอธิบายว่า การที่ผู้สูบบุหรี่มวนเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้ายังมีแนวโน้มจะทำให้เลิกการเสพติดนิโคตินได้

 

 

ในกรณีของอันตรายต่อสุขภาพนั้น ด้านประเทศมหาอำนาจอย่างอังกฤษและสหรัฐอเมริกาเองก็ได้ระบุจากงานวิจัย และกำหนดลงไปในนโยบายที่ยอมรับบุหรี่ไฟฟ้า ในฐานะทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าสำหรับนักสูบบุหรี่แล้ว

     

ส่วนในกรณีของการเสพติดบุหรี่ในหมู่เด็กและเยาวชนนั้น ได้มีการกล่าวถึงใน Postnotes ของรัฐสภาอังกฤษในส่วนของสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่า หลักฐานที่ยอมรับได้จำนวนมากชี้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ส่งเสริมให้เกิดการสูบบุหรี่มวนในกลุ่มผู้ที่ไม่สูบบุหรี่มาก่อน และเยาวชน  (postnote 533 August 2016–House of parliament–parliamentary office of science and technology, UK) ทั้งยังอธิบายถึงภัยต่อคนรอบข้างไว้ในหน้าที่ 2-3 ว่าไม่เพียงแต่สารพิษที่ผู้ใช้ได้รับจะไม่ถึง 5% ของบุหรี่มวน สารพิษที่ถูกพ่นออกมาก็เป็นจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น

ไอน้ำจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกพ่นออกมา นอกจากไอน้ำและนิโคตินแล้วยังมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอีกมาก

 

ความจริงอีกด้านของ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ในสายตาทางการไทย

หันกลับมามองที่ประเทศไทย นพ. สุเทพ เพชรมาก รองอธิบดี กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวในวันที่ 25 กรกฎาคม 2560 ว่า ปัจจุบันมีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายในกลุ่มวัยรุ่นไทย เหตุเพราะรูปลักษณ์และองค์ประกอบที่ดึงดูดใจให้วัยรุ่นหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้า และกระแสการเลียนแบบในกลุ่มเพื่อนอย่างรวดเร็ว ทางกรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานว่า บุหรี่ไฟฟ้าช่วยคนเลิกสูบบุหรี่ได้ ที่สำคัญในบุหรี่ไฟฟ้าก็มีสารพิษต่างๆ โดยเฉพาะสารนิโคตินเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ปกติทั่วไป ซึ่งมีอันตรายและส่งผลกระทบต่อสุขภาพเหมือนกัน ทั้งยังกล่าวเพิ่มว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้ายังเป็นจุดเริ่มต้นในการเสพติดบุหรี่ หรือสารเสพติดประเภทอื่นๆ ในเด็กและเยาวชนด้วย”

     

ด้าน ศ.นพ. ประกิต  วาทีสาธกกิจ เลขาธิการ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  เปิดเผยว่า มีหลายฝ่ายที่เข้าใจว่าควันบุหรี่ไฟฟ้ามีแต่ไอน้ำกับนิโคติน ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และวัยรุ่นนิยมสูบ เพราะว่ามีควันเยอะดี ซึ่งตนคิดว่า ความเข้าใจตามที่ผู้ขายกล่าวอ้างไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

     

ไอน้ำจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกพ่นออกมา นอกจากไอน้ำและนิโคตินแล้วยังมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอีกมาก

     

จากการตรวจสอบของกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น สารโพรพิลีน ไกลคอล เมนทอล ไซโคลเฮกซานอล ไตรอะซิติน อนุพันธ์เบนซีน ตะกั่ว และสารก่อมะเร็ง เช่น โครเมียม สารหนู และแคดเมียม

เราควรเลิกโทษอุปกรณ์ มันเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องให้ความรู้ ควบคุม และปกป้องสิทธิของประชาชน เหมือนอย่างที่เรารู้กันว่ายาพาราเซตามอลหากรับในปริมาณมากๆ แล้วมีผลร้ายแรงกับร่างกาย

 

นักสูบแนะ ‘เลิกโทษอุปกรณ์-หันมาให้ความรู้’

ด้าน มาริษ กรัณยวัฒน์ แอดมินเพจ ‘บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร’ กล่าวว่า ในประเด็นที่บุหรี่ไฟฟ้าเป็นที่นิยมในหมู่เยาวชน และเป็นเหตุให้เด็กหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพราะตามเพื่อนและแฟชั่นว่า

     

เราควรเลิกโทษอุปกรณ์ มันเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องให้ความรู้ ควบคุม และปกป้องสิทธิของประชาชน เหมือนอย่างที่เรารู้กันว่ายาพาราเซตามอลหากรับในปริมาณมากๆ แล้วมีผลร้ายแรงกับร่างกาย แต่คงไม่มีใครเกิดปวดหัวมากแล้วกินทีเดียว 5 เม็ด เพราะคนรู้ว่าถ้าใช้ในปริมาณมากในครั้งเดียวแน่นอนว่ามันอันตราย

     

“ไม่มีประเทศไหนที่เด็กไม่อยากลอง ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แล้ววิธีไหนล่ะที่เราจะกันเด็กออกจากสิ่งเหล่านี้ ผมคิดว่ามันควรอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกับบุหรี่มวน มีภาษีที่ถูกต้อง ควบคุมการซื้อขาย เช็กบัตรประชาชน มันก็จะสามารถกันเด็กและเยาวชนออกจากบุหรี่ไฟฟ้าได้ในระดับหนึ่ง

     

“โดยทางกลุ่ม ‘บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร’ ก็ไม่สนับสนุนให้เด็กและเยาวชนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า”

     

หากดูจากผลวิจัยในอังกฤษ-อเมริกา บุหรี่ไฟฟ้าดูจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าสำหรับสิงห์อมควัน ทั้งยังช่วยในการเลิกบุหรี่มวน

     

แต่ข้อมูลดังกล่าวดูจะสวนทางกับข้อมูลของทางการไทยโดยสิ้นเชิง

     

คำถามสำคัญคือ เราควรจะเลือกมองบุหรี่ไฟฟ้าในมุมไหน?

   

และเราควรจะตอบคำถาม ‘บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกแบนหรือไม่?’ ที่สังคมไทยยังถกเถียงไม่จบนี้อย่างไร

     

เมื่อต่างฝ่ายต่างเสนอข้อมูลไปคนละทิศทาง สุดท้ายคงขึ้นอยู่กับ ‘คนที่บรรลุนิติภาวะ’ จะตัดสินใจรับฟัง

 

ภาพ: วรุตม์ พงศ์พิพัฒน์

อ้างอิง :

The post ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ แฟชั่นอันตราย หรือทางเลือกใหม่ของนิโคติน? appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/ecigarette/feed/ 0