สุขภาพ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 06 Nov 2025 05:23:07 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Before the Glory กว่าจะมาเป็นนักกีฬา เส้นทางที่แลกมาด้วยหัวใจ https://thestandard.co/before-glory-athlete-path/ Thu, 06 Nov 2025 05:23:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1140249 Before the Glory กว่าจะมาเป็น นักกีฬา เส้นทางที่แลกมาด้วย หัวใจ

เรามักเห็นภาพนักกีฬาขึ้นรับเหรียญทองบนโพเดียม ซึ่งตามมา […]

The post Before the Glory กว่าจะมาเป็นนักกีฬา เส้นทางที่แลกมาด้วยหัวใจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Before the Glory กว่าจะมาเป็น นักกีฬา เส้นทางที่แลกมาด้วย หัวใจ

เรามักเห็นภาพนักกีฬาขึ้นรับเหรียญทองบนโพเดียม ซึ่งตามมาด้วยรอยยิ้ม เสียงเชียร์ และคำว่ายินดี

 

แต่หลังฉากเหล่านั้น…น้อยคนที่ได้เห็น “วันที่พวกเขาต้องเสียสละ”

 

กว่าจะมายืนตรงนั้นได้ ต้องผ่านทั้งความเหนื่อย ความเจ็บ ความกดดัน และการสละสิ่งที่คนธรรมดาอาจมองข้าม ทั้งเวลา, สุขภาพ, ครอบครัว, หรือแม้แต่โอกาสในชีวิตอื่นๆ

 

ทั้งหมดคือราคาที่พวกเขายอมจ่าย เพื่อให้ได้ทำหน้าที่แทนในชาติและเส้นทางที่พวกเขาเลือกแล้ว

 

เพราะการเป็นนักกีฬา ไม่ใช่แค่ “ความฝัน” แต่มันคือ “ภาระหน้าที่” ที่ต้องแลกด้วยหัวใจทั้งหมด

 

และสิ่งที่พวกเขาควรได้รับคือ “การสนับสนุนที่ดีและเป็นธรรม” จากทุกระบบที่อยู่รายล้อม เพื่อให้พวกเขายังสามารถสู้ต่อได้…แม้ในวันที่ไม่มีใครมองเห็นแล้วก็ตาม

 

Before the Glory กว่าจะมาเป็น นักกีฬา เส้นทางที่แลกมาด้วย หัวใจ 1
Before the Glory กว่าจะมาเป็น นักกีฬา เส้นทางที่แลกมาด้วย หัวใจ 2
Before the Glory กว่าจะมาเป็น นักกีฬา เส้นทางที่แลกมาด้วย หัวใจ 3
Before the Glory กว่าจะมาเป็น นักกีฬา เส้นทางที่แลกมาด้วย หัวใจ 4
Before the Glory กว่าจะมาเป็น นักกีฬา เส้นทางที่แลกมาด้วย หัวใจ 5
Before the Glory กว่าจะมาเป็น นักกีฬา เส้นทางที่แลกมาด้วย หัวใจ 6
Before the Glory กว่าจะมาเป็น นักกีฬา เส้นทางที่แลกมาด้วย หัวใจ 7

The post Before the Glory กว่าจะมาเป็นนักกีฬา เส้นทางที่แลกมาด้วยหัวใจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ทรงชี้ ‘ความปลอดภัย – สุขภาพ – มรดกไทย’ คือกุญแจยกระดับไทยสู่ Tourism Hub โลก https://thestandard.co/safety-health-heritage-tourism/ Thu, 06 Nov 2025 01:13:06 +0000 https://thestandard.co/?p=1140103 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ทรงชี้ ‘ความปลอดภัย - สุขภาพ - มรดกไทย’ คือกุญแจยกระดับไทยสู่ Tourism Hub โลก

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราช […]

The post ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ทรงชี้ ‘ความปลอดภัย – สุขภาพ – มรดกไทย’ คือกุญแจยกระดับไทยสู่ Tourism Hub โลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ทรงชี้ ‘ความปลอดภัย - สุขภาพ - มรดกไทย’ คือกุญแจยกระดับไทยสู่ Tourism Hub โลก

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระราชทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนไทยในงาน World Travel Market (WTM) 2025 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ทรงฉายภาพอนาคตการท่องเที่ยวไทยที่ต้องมุ่งสู่ความยั่งยืน และทรงเน้นย้ำว่า “ประเทศไทยมีเสน่ห์อยู่แล้ว ทั้งธรรมชาติ วัดวาอาราม ศิลปวัฒนธรรม แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือการสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว”

 

‘Safe-Sure-Secure’ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว

 

ทูลกระหม่อมหญิงฯ ทรงย้ำถึงความสำคัญสูงสุดของ ‘ความเชื่อมั่นและความปลอดภัย’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความยุ่งยาก

 

“ประเทศไทยมีความหลากหลายและมีเสน่ห์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของธรรมชาติ วัดวาอาราม ศิลปะ และวัฒนธรรม แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว” ทูลกระหม่อมฯ ทรงเน้นย้ำ

 

มาตรการที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือการสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่ามาแล้วจะปลอดภัย ไม่ตาย ไม่ถูกจับ หรือไม่ถูกหลอก ซึ่งรวมถึงการลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี และการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ในทุกสถานที่ที่ทำได้

 

นอกจากมาตรการทางเทคนิคแล้ว ทูลกระหม่อมฯ ยังทรงชี้ว่า ‘น้ำใจของคนไทย’ คือ Soft Power ที่แข็งแกร่งที่สุด

 

“คนไทยมีเสน่ห์และมีน้ำใจอยู่แล้ว และเป็นเจ้าบ้านที่ดี เสน่ห์ของ ‘ยิ้มสยาม’ ยังคงไม่ล้าสมัย การดูแลนักท่องเที่ยวให้ดีและมอบความปลอดภัย จะช่วยให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และทำให้การท่องเที่ยวประสบความสำเร็จมากขึ้นในปัจจุบันและอนาคต”

 

โดยเฉพาะบทบาทของตำรวจท่องเที่ยวที่ทรงเน้นย้ำว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการดูแลและสร้างความอุ่นใจให้กับผู้มาเยือน

 

Health & Wellness Destination: ไทยคือ ‘ฮับ’ สุขภาพที่เหนือกว่า

 

สำหรับเทรนด์โลกที่นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทูลกระหม่อมฯ ทรงมองเห็นศักยภาพอันโดดเด่นของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพและความงาม (Health & Wellness Destination) ที่ครอบคลุม ทั้งกายและใจ

 

ทูลกระหม่อมฯ ทรงยกตัวอย่างความเข้มแข็งที่มาจากรากฐานของภูมิปัญญา เช่น แพทย์แผนไทย ยาไทย และ อาหารไทย ที่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพซึ่งอุดมไปด้วยสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งยังรวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการจากภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างการนวดแผนไทย และ ลูกประคบ ที่สามารถสร้างอาชีพให้กับคนไทยได้

 

อีกหนึ่งจุดแข็งที่ทรงเน้นย้ำคือ การรักษาพยาบาล เพราะโรงพยาบาลและวิทยาการทางการแพทย์ของไทยไม่แพ้ประเทศใหญ่ๆ อย่างอเมริกาหรืออังกฤษ และอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้ไทยเป็นที่นิยมอย่างสูงสำหรับบริการทางการแพทย์, การเสริมสวย และการแปลงเพศ

 

ขณะเดียวกัน ทูลกระหม่อมฯ ทรงชี้ให้เห็นถึงมิติทางเศรษฐกิจว่า นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการทางการแพทย์มักจะพาญาติมาด้วย ซึ่งญาติเหล่านี้มักเป็นนักท่องเที่ยวชั้นดีและร่ำรวย การผลักดันไทยเป็นศูนย์กลาง Health and Wellness Destination จึงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ

 

นอกจากนี้ ยังทรงยกตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่น่าสนใจ เช่น บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน และบ่อน้ำแร่ของจังหวัดระนอง โดยทรงเปรียบเทียบว่า ‘บ่อน้ำร้อนของไทยไม่แพ้ญี่ปุ่น โดยมีข้อดีคืออากาศอุ่นกว่า’

 

‘พระพันปีหลวง’ ทรงเป็นผู้นำทางวัฒนธรรม ผู้ฟื้นฟูมรดกชาติ

 

ทูลกระหม่อมหญิงฯ ได้ทรงให้ความสำคัญกับบทบาทของสมเด็จพระพันปีหลวงในการเป็นผู้นำทางด้านการส่งเสริมวัฒนธรรม และเผยแพร่เสน่ห์ไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ซึ่งถือเป็นรากฐานของ Soft Power ไทยที่หยั่งรากลึก

 

ทูลกระหม่อมฯ ทรงชี้ว่า สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงตระหนักถึงความสามารถของชาวบ้านในการทอผ้าและหัตถกรรมที่เกือบจะสูญหายไปแล้ว และทรงฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ เช่น ผ้าไหม, ถมทอง, และงานจักสาน การสนับสนุนของพระองค์ช่วยสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านอย่างยั่งยืน และทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้กลายเป็นสินค้าที่ได้ส่งออกในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีการอนุรักษ์โขน และผลักดันให้สู่มรดกโลก

 

“โขนเป็นศิลปะชั้นสูงที่จัดยากและค่าใช้จ่ายสูง ทำให้การแสดงลดลง แต่สมเด็จพระพันปีหลวงทรงสนับสนุนโขนอย่างยิ่ง โดยจัดเป็นโขนพระราชทาน มีการพัฒนาชุดโขน และพัฒนาการแต่งหน้าโขนให้มีลักษณะเฉพาะ”

 

ความพยายามของพระองค์ทำให้โขนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี พ.ศ. 2560 ซึ่งทูลกระหม่อมฯ ทรงแสดงความยินดีที่ปัจจุบัน ‘เด็กไทยหลายคนอยากมาเต้นโขน’ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงเสน่ห์ของความเป็นไทยที่ได้รับการสืบสานอย่างต่อเนื่อง

 

‘เสน่ห์ไทย’ เข้ากับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

 

ทูลกระหม่อมหญิงฯ ทรงเน้นย้ำถึงแนวทางที่ประเทศไทยต้องเดินหน้าอย่างบูรณาการ โดยใช้เสน่ห์และความหลากหลายที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดด้วยการ สร้างความปลอดภัย ให้เป็นมาตรฐานโลก, ยกระดับ Health & Wellness ให้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจมูลค่าสูง, และ สืบสานมรดกทางวัฒนธรรม ที่จะสร้างอัตลักษณ์อันแข็งแกร่งและโอกาสทางอาชีพให้กับคนไทยทุกคน

The post ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ทรงชี้ ‘ความปลอดภัย – สุขภาพ – มรดกไทย’ คือกุญแจยกระดับไทยสู่ Tourism Hub โลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
กทม. เดินหน้ายกระดับการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ติดตั้งชุดตรวจขั้นสูง แยกมลพิษในเมือง-ข้ามแดน แม่นยำขึ้น https://thestandard.co/bangkok-air-monitoring-precision-upgrade/ Wed, 29 Oct 2025 10:55:39 +0000 https://thestandard.co/?p=1137069 กทม. เดินหน้ายกระดับการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ติดตั้ง ชุดตรวจขั้นสูง แยก มลพิษในเมือง-ข้ามแดน แม่นยำขึ้น

วันนี้ (29 ตุลาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุง […]

The post กทม. เดินหน้ายกระดับการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ติดตั้งชุดตรวจขั้นสูง แยกมลพิษในเมือง-ข้ามแดน แม่นยำขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
กทม. เดินหน้ายกระดับการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ติดตั้ง ชุดตรวจขั้นสูง แยก มลพิษในเมือง-ข้ามแดน แม่นยำขึ้น

วันนี้ (29 ตุลาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้หารือร่วมกับหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ GEMS-based Asian Air Quality (GEMS-AQ)

 

โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง GISTDA (สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ), สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐเกาหลี และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศที่สามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกของมลพิษในบรรยากาศ

 

ระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศขั้นสูงนี้มีจุดเด่นคือความสามารถในการตรวจวัด ข้อมูลแนวดิ่งของชั้นบรรยากาศ (Vertical Profile) ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ กทม. สามารถ:

 

  1. แยกแหล่งกำเนิดมลพิษ: สามารถแยกแหล่งกำเนิดมลพิษที่เกิดขึ้นภายในพื้นที่กรุงเทพฯ ออกจากมลพิษที่พัดพามาจากภายนอกพื้นที่หรือข้ามพรมแดนได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
  2. เพิ่มประสิทธิภาพการพยากรณ์: ช่วยให้การพยากรณ์สถานการณ์ PM2.5 ในเขตเมืองใหญ่มีความถูกต้องมากขึ้น

 

เบื้องต้น พื้นที่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาใช้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์ ได้แก่

 

  • บริเวณลานพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง
  • ภายใน สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ

 

กรุงเทพมหานครได้แสดงความเห็นชอบในหลักการของโครงการ และพร้อมอำนวยความสะดวกด้านสถานที่ติดตั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคำนึงถึง ความปลอดภัย ในการติดตั้ง, การบริหารพื้นที่ และ ข้อกำหนดด้านการบิน โดย GISTDA จะรับผิดชอบในการยื่นเรื่องต่อสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เพื่อขออนุญาตต่อไป

 

ความร่วมมือครั้งนี้คาดว่าจะช่วย ยกระดับขีดความสามารถของ กทม. ในการติดตามมลพิษอากาศแบบเรียลไทม์ และสร้างฐานข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการวางมาตรการป้องกันและคุ้มครองสุขภาพของประชาชนในระยะยาว

The post กทม. เดินหน้ายกระดับการตรวจวัดคุณภาพอากาศ ติดตั้งชุดตรวจขั้นสูง แยกมลพิษในเมือง-ข้ามแดน แม่นยำขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
Oura กระโดดร่วมศึกวัดความดันโลหิต เปิดตัวการศึกษา Blood Pressure Profile ผ่านแหวน ท้าชิง Apple Watch ที่เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ตรวจจับความดันสูง https://thestandard.co/oura-blood-pressure-challenges-apple-watch/ Wed, 29 Oct 2025 07:12:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1136984 Oura กระโดดร่วมศึกวัดความดันโลหิต เปิดตัวการศึกษา Blood Pressure Profile ผ่านแหวน ท้าชิง Apple Watch ที่เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ตรวจจับความดันสูง

Oura Health Oy ผู้ผลิตแหวนอัจฉริยะชื่อดังจากฟินแลนด์ กล […]

The post Oura กระโดดร่วมศึกวัดความดันโลหิต เปิดตัวการศึกษา Blood Pressure Profile ผ่านแหวน ท้าชิง Apple Watch ที่เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ตรวจจับความดันสูง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Oura กระโดดร่วมศึกวัดความดันโลหิต เปิดตัวการศึกษา Blood Pressure Profile ผ่านแหวน ท้าชิง Apple Watch ที่เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ตรวจจับความดันสูง

Oura Health Oy ผู้ผลิตแหวนอัจฉริยะชื่อดังจากฟินแลนด์ กลายเป็นบริษัทอุปกรณ์สวมใส่รายล่าสุดที่กระโดดเข้าสู่สมรภูมิการตรวจวัดความดันโลหิต โดยได้ประกาศแผนการศึกษา Blood Pressure Profile ซึ่งจะเริ่มต้นภายในสิ้นปีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อตรวจจับสัญญาณเริ่มต้นของภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension)

 

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณท้าชิงกับ Apple ซึ่งเพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ตรวจจับภาวะความดันโลหิตสูงสำหรับ Apple Watch ไปเมื่อเดือนก่อน และยังเป็นการตอกย้ำถึงแนวโน้มที่ชัดเจนของอุตสาหกรรม ที่อุปกรณ์สวมใส่กำลังขยับจากการเป็นเพียงเครื่องติดตามการออกกำลังกาย สู่การเป็นเครื่องมือ ‘ตรวจสุขภาพ’ เชิงรุก

 

ริคกี้ บลูมฟิลด์ (Ricky Bloomfield) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์ของ Oura กล่าวว่า การศึกษาครั้งนี้จะใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากแหวน Oura โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์วัดความดันแบบดั้งเดิม (Cuff) เพื่อ “ระบุสัญญาณเริ่มต้นของภาวะความดันโลหิตสูง โดยติดตามสัญญาณชีพที่สำคัญอย่างต่อเนื่องอยู่เบื้องหลัง”

 

เป้าหมายสูงสุดคือการนำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาและตรวจสอบความถูกต้องของฟีเจอร์สำหรับผู้บริโภคในอนาคต เพื่อยื่นขอการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเทคโนโลยีดังกล่าว ภาวะความดันโลหิตสูงส่งผลกระทบต่อผู้ใหญ่ราว 1.3 พันล้านคนทั่วโลก และเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ

 

บลูมฟิลด์ยังได้ชี้ให้เห็นถึงข้อได้เปรียบของการออกแบบในรูปแบบแหวนว่า สามารถเก็บข้อมูลสัญญาณทางสรีรวิทยาได้แม่นยำกว่า เนื่องจากตัวแหวนจะสัมผัสโดยตรงกับหลอดเลือดแดงที่นิ้ว ซึ่งเป็นจุดที่วัดสัญญาณชีพได้ดี การศึกษานี้ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยแล้ว และจะเปิดให้ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ เข้าร่วมผ่านส่วน Oura Labs ในแอปพลิเคชันเร็วๆ นี้

 

การรุกคืบเข้าสู่ตลาดการตรวจวัดความดันโลหิตนี้สะท้อนถึง ‘แนวโน้ม’ ที่ใหญ่ขึ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคต่างกำลังเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจวัดสุขภาพที่ซับซ้อนเข้าไปในอุปกรณ์ของตนเอง ทำให้เส้นแบ่งระหว่างแกดเจ็ตทั่วไปกับอุปกรณ์ทางการแพทย์เริ่มเลือนรางลง

 

อย่างไรก็ตาม การเดินทางสายนี้ก็เต็มไปด้วยความท้าทาย โดยเฉพาะในแง่ของกฎระเบียบ ดังกรณีของ Whoop Inc. ผู้ผลิตสายรัดข้อมือฟิตเนส ที่กำลังคัดค้านคำสั่งของ FDA ซึ่งสั่งให้ระงับฟีเจอร์ตรวจวัดความดันโลหิต เนื่องจากมองว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเข้าข่ายเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ยังไม่ได้รับการรับรอง

 

นอกเหนือจากการพัฒนาฟีเจอร์วัดความดันโลหิตแล้ว Oura ยังได้เปิดตัวการอัปเดตครั้งใหญ่สำหรับแอปพลิเคชันของตนเอง โดยมีฟีเจอร์เด่นคือ Cumulative Stress ที่จะช่วยให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมว่าร่างกายจัดการและฟื้นตัวจากความเครียดสะสมในแต่ละสัปดาห์ได้อย่างไร โดยวิเคราะห์จากข้อมูลการนอนหลับ, อัตราการเต้นของหัวใจ, อุณหภูมิ และกิจกรรมต่างๆ

 

แอปพลิเคชันที่ออกแบบใหม่นี้ยังมีการเพิ่มหน้าแดชบอร์ดสำหรับติดตามข้อมูลสุขภาพ ที่สำคัญ เช่น แนวโน้มการนอนหลับ, ความเครียด และสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงแท็บใหม่ Habits และ Routines ที่จะแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมในแต่ละวันส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมอย่างไร นอกจากนี้ ฟีเจอร์ติดตามรอบเดือนและการตกไข่ยังถูกขยายมุมมองจาก 1 เดือนเป็น 12 เดือนอีกด้วย

 

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมการศึกษา Blood Pressure Profile จะต้องมีอายุ 22 ปีขึ้นไป อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ และใช้แหวน Oura Ring Gen 3 ขึ้นไป โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมได้ผ่านส่วน Oura Labs ในแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้เข้าร่วมจะต้องตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับประวัติสุขภาพและพฤติกรรมบางส่วน ควบคู่ไปกับการสวมใส่แหวนตามปกติ

 

Oura ย้ำว่าการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานในการศึกษานี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะข้อมูลและผลตอบรับที่ได้จะช่วยให้นักวิจัยเข้าใจถึงแนวทางใหม่ๆ ที่เทคโนโลยีสวมใส่จะสามารถนำมาใช้สนับสนุนการวิจัยด้านสุขภาพหัวใจในอนาคตได้
ภาพ: T3 / Contributor/Getty Images

 

อ้างอิง:

The post Oura กระโดดร่วมศึกวัดความดันโลหิต เปิดตัวการศึกษา Blood Pressure Profile ผ่านแหวน ท้าชิง Apple Watch ที่เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ตรวจจับความดันสูง appeared first on THE STANDARD.

]]>
อย. เผยผลตรวจยาดมผสมสมุนไพร หงส์ไทย สูตร 2 รุ่นผลิต 000332 ปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ สั่งระวังการบริโภค https://thestandard.co/hong-thai-inhaler-microbe-warning/ Tue, 28 Oct 2025 09:24:21 +0000 https://thestandard.co/?p=1136573 อย. เผยผลตรวจยาดมผสมสมุนไพร **หงส์ไทย** สูตร 2 รุ่นผลิต 000332 ปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ สั่งระวังการบริโภค

วานนี้ (27 ตุลาคม) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไ […]

The post อย. เผยผลตรวจยาดมผสมสมุนไพร หงส์ไทย สูตร 2 รุ่นผลิต 000332 ปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ สั่งระวังการบริโภค appeared first on THE STANDARD.

]]>
อย. เผยผลตรวจยาดมผสมสมุนไพร **หงส์ไทย** สูตร 2 รุ่นผลิต 000332 ปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ สั่งระวังการบริโภค

วานนี้ (27 ตุลาคม) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกประกาศเรื่องผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์สมุนไพร (ยาดมผสมสมุนไพร ตราหงส์ไทย สูตร 2 เลขทะเบียนที่ G 309/62) ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2568 มี วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เป็นผู้ลงนาม โดยมีรายละเอียดที่สำคัญระบุว่า

 

แจ้งผลการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ ยาดมผสมสมุนไพร ตราหงส์ไทย สูตร 2 เลขทะเบียนที่ G 309/62 สถานที่ผลิต หงส์ไทยพาณิชย์ เลขที่ 434 ถนนพุทธมณฑลสาย 2 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 10160 รุ่นการผลิต 000332 วันที่ผลิต 9 ธันวาคม 2567 วันที่สิ้นอายุ 8 ธันวาคม 2570 ให้ประชาชนรับทราบ

 

ทั้งนี้ อย. ได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากสถานที่ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร หงส์ไทยพาณิชย์ และส่งตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

 

ผลการตรวจวิเคราะห์ปรากฏว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็น ผลิตภัณฑ์สมุนไพรผิดมาตรฐาน ในรายการทดสอบการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ โดยพบความผิดปกติในรายการ Total Aerobic Microbial Count, Total Combined Yeasts and Mould Count และ Clostridium spp.

 

การตรวจสอบนี้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เกณฑ์มาตรฐาน ค่าความบริสุทธิ์ หรือคุณลักษณะอื่นอันมีความสำคัญต่อคุณภาพ สำหรับตำรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ขึ้นทะเบียน แจ้งรายละเอียด หรือจดแจ้ง พ.ศ. 2564

 

ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถือเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรผิดมาตรฐานตามมาตรา 60 (2) แห่งพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 การผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรผิดมาตรฐานเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 58 (2) ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท ตามมาตรา 103

 

ส่วนผู้ใดขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรผิดมาตรฐาน อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 58 (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 104 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน

 

อย. ระบุว่า เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค จึงขอประกาศให้ประชาชนระมัดระวังในการซื้อหรือบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรดังกล่าว และขณะนี้สำนักงานอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป

The post อย. เผยผลตรวจยาดมผสมสมุนไพร หงส์ไทย สูตร 2 รุ่นผลิต 000332 ปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ สั่งระวังการบริโภค appeared first on THE STANDARD.

]]>
สหราชอาณาจักร-อาเซียน เปิดตัวโครงการหุ้นส่วนความมั่นคงด้านสุขภาพ หวังลดผลกระทบจากภาวะฉุกเฉิน https://thestandard.co/uk-asean-health-security-partnership-launch/ Tue, 08 Jul 2025 04:21:30 +0000 https://thestandard.co/?p=1094100 โครงการหุ้นส่วนความมั่นคงด้านสุขภาพ

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ‘อาเซียน’ […]

The post สหราชอาณาจักร-อาเซียน เปิดตัวโครงการหุ้นส่วนความมั่นคงด้านสุขภาพ หวังลดผลกระทบจากภาวะฉุกเฉิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
โครงการหุ้นส่วนความมั่นคงด้านสุขภาพ

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ‘อาเซียน’ (ASEAN) และสหราชอาณาจักร ได้เปิดตัวโครงการหุ้นส่วนความมั่นคงด้านสุขภาพอาเซียน-สหราชอาณาจักร (HSP) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นโครงการระยะเวลา 5 ปี ที่มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการป้องกัน ตรวจจับ และตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านสุขภาพ

 

โครงการ HSP ได้รับทุนสนับสนุนจากสหราชอาณาจักร จะให้เงินทุนสนับสนุนแก่โครงการต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนที่สามารถพัฒนาระบบสุขภาพ เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพ และเสริมสร้างขีดความสามารถของอาเซียนในการรับมือกับภัยคุกคามใหม่ๆ เช่น ผลกระทบด้านสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

 

HSP จะจัดตั้งความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันในอาเซียนและส่วนอื่น ๆ ของโลก รวมถึงสหราชอาณาจักร เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนานวัตกรรมร่วมกัน องค์ประกอบที่สามของโครงการจะทำงานร่วมกับกลุ่ม Quadripartite (WHO, FAO, WOAH, UNEP) เพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการร่วม One Health ของอาเซียน ช่วยรับมือกับภัยคุกคาม เช่น การดื้อยาต้านจุลชีพ ซึ่งต้องอาศัยแนวทาง ‘One Health’ ที่ประสานงานกันระหว่างสุขภาพมนุษย์ สัตว์ สิ่งแวดล้อม และพืช

 

ดร. เกา กิม ฮวน เลขาธิการอาเซียน กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่า “โครงการหุ้นส่วนความมั่นคงด้านสุขภาพอาเซียน-สหราชอาณาจักร เป็นโครงการที่เหมาะสมในช่วงเวลานี้ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความพยายามร่วมกันของอาเซียนในการเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดและสร้างระบบสุขภาพที่เข้มแข็ง เราให้ความสำคัญกับความมุ่งมั่นของสหราชอาณาจักรในการร่วมมือกับอาเซียนอย่างมีความหมายและยั่งยืน”

 

ซาราห์ ทิฟฟิน เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำอาเซียน กล่าวว่า “การระบาดของโควิด-19 แสดงให้เห็นว่าไม่มีประเทศใดปลอดภัยจากภัยคุกคามด้านสุขภาพระดับโลก ผ่านโครงการนี้ สหราชอาณาจักรภูมิใจที่ได้ทำงานร่วมกับอาเซียนเพื่อสร้างความเข้มแข็งในระยะยาว และสร้างอนาคตที่มีสุขภาพดีและปลอดภัยยิ่งขึ้นให้กับชุมชนในภูมิภาคและทั่วโลก”

 

โดยการมุ่งเน้นในประเด็นต่างๆ เช่น การเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาด โรคอุบัติใหม่ และความยืดหยุ่นของระบบสุขภาพ โครงการ HSP จะระดมความเชี่ยวชาญจากสหราชอาณาจักรและอาเซียนเพื่อรับมือกับความท้าทายร่วมกันและตอบสนองต่อความต้องการของประเทศสมาชิกอาเซียน การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญภายใต้แผนปฏิบัติการอาเซียน-สหราชอาณาจักร (2022–2026) ตอกย้ำบทบาทของสหราชอาณาจักรในฐานะหุ้นส่วนสนทนาอาเซียน และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องต่อความสำคัญของอาเซียนภายใต้เสาหลักความร่วมมือด้านสุขภาพ

 

ภาพ: British Embassy Bangkok

อ้างอิง: 

  • British Embassy Bangkok

The post สหราชอาณาจักร-อาเซียน เปิดตัวโครงการหุ้นส่วนความมั่นคงด้านสุขภาพ หวังลดผลกระทบจากภาวะฉุกเฉิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ส่อง 7 เทรนด์สุขภาพที่จะมาแรงยิ่งขึ้นในปี 2025 https://thestandard.co/life/health-wellness-trend-2025/ Wed, 01 Jan 2025 12:31:45 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1026356 เทรนด์สุขภาพ

ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ทีไร เรื่องสุขภาพมักจะติด 1 ใน 3 เป้าห […]

The post ส่อง 7 เทรนด์สุขภาพที่จะมาแรงยิ่งขึ้นในปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
เทรนด์สุขภาพ

ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ทีไร เรื่องสุขภาพมักจะติด 1 ใน 3 เป้าหมายอันดับต้นๆ ที่เราตั้งไว้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูแลรูปร่าง ลดน้ำหนัก หรือปรับลดและละพฤติกรรมอะไรบางอย่าง เพื่อสุขภาพองค์รวมที่ดีขึ้น แต่ต่อให้ไม่มีเรื่องของ New Year’s Resolutions เข้ามา เราก็เชื่อว่าประเด็นเรื่องสุขภาพยังคงเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญ ด้วยการเติบโตของตลาดสุขภาพทั่วโลกจากปี 2019 ที่ขยายตัวจาก 4.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 6.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไปหลังยุคโควิด ซึ่งคาดว่าตลาดจะเติบโตถึงเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2028 เลยทีเดียว

 

งานนี้เราเลยรวบรวม 7 เทรนด์สุขภาพในปี 2025 มาฝากผู้อ่านชาว LIFE ทุกคน มาดูกันว่าเทรนด์ไหนจะมาแรงจนฉุดไม่อยู่กันบ้าง

 

 

  1. Longevity ฉันจะไม่ยอมแก่!

 

การมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอกยังคงเป็นเทรนด์ที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสำหรับชาว Millennials ที่เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพมากขึ้น ด้วยความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายตัวเอง รวมไปถึงปัญหาสุขภาพที่เห็นจากคนในครอบครัว 

 

ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงจะมองหาวิธีการดูแลสุขภาพในเชิงป้องกัน (Preventive) เพื่อให้ตัวเองมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืนและดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญกับอาหารเสริม, ทำ IF (Intermittent Fasting), ดริปวิตามิน, พึ่งพาทรีตเมนต์ชะลอวัย ใช้เสียงหรือความเย็นอย่าง Ice Bath บำบัดร่างกาย เป็นต้น

 

 

  1. AI-Fitness เทรนกับ AI ที่ไหนก็ได้

 

ตั้งแต่ยุคโควิดที่เราติดแหง็กอยู่กับบ้านก็เห็นได้ชัดเจนว่าอุตสาหกรรมฟิตเนสมีการปรับตัวมากขึ้น และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องการเปิดเทรนนิ่งออนไลน์ ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคยาวมาถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะยุคนี้ที่ AI ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเราไปเสียแล้ว 

 

ผู้คนหันมาใช้ AI หรือแอปพลิเคชัน ในการวางแผนออกกำลังกายกันมากขึ้นด้วยความสะดวก อยู่ที่ไหน เวลาใด ก็ออกกำลังกายได้ แถมราคายังเข้าถึงง่ายกว่าการจ่ายค่าสมาชิกในยิมเป็นประจำเสียอีก

 

แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากสรีระและพื้นฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน นี่อาจเป็นจุดที่ทำให้เทรนเนอร์ในเวอร์ชันมนุษย์ยังคงเป็นที่ต้องการในแวดวงฟิตเนสอยู่เสมอ

 

 

  1. Wearable Health Tech ล้ำกว่าเดิม

 

ยุคนี้เราไม่ได้สวมใส่สมาร์ทวอทช์แค่เอาไว้นับก้าวเดินเท่านั้น แต่เราให้ความสำคัญกับสุขภาพในเชิงลึกกว่านั้น เราจึงเห็นได้ว่า Wearable Health Tech รุ่นใหม่มักมีฟังก์ชันของการตรวจวัดความเครียด ระดับน้ำตาลในเลือด และความดัน ที่ล้วนวัดผลได้ง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้น ถือเป็นอีกความก้าวหน้าที่ช่วยให้เราต่างรับมือกับปัญหาสุขภาพที่ไม่คาดคิดได้ดียิ่งขึ้น 

 

 

 

  1. Gut Health สุขภาพลำไส้สำคัญกว่าที่คิด

 

Microbiome หรือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ถูกกล่าวถึงไม่น้อยในช่วงที่ผ่านมา ผลวิจัยเผยว่า Microbiome ในลำไส้เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญต่อสุขภาพโดยรวม โดยมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการย่อยอาหารไปจนถึงผลกระทบต่อสุขภาพจิต ซึ่งปีนี้คาดว่าเราจะได้เห็นการพัฒนาของผลิตภัณฑ์จำพวก Probiotic และ Prebiotic ที่มีคุณภาพสูงมากขึ้นในท้องตลาดกันอย่างแน่นอน

 

 

  1. Weight Management นวัตกรรมช่วยลดน้ำหนักเยอะขึ้น

 

ถ้าลองเสิร์ชวิธีลดน้ำหนักในปัจจุบัน คุณจะเจอกับสารพันนวัตกรรมตั้งแต่กิน ฉีด ยันผ่า ซึ่งเราย้ำอยู่เสมอว่าวิธีลดน้ำหนักที่ช่วยให้สุขภาพดีอย่างยั่งยืนคือการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีนวัตกรรมมากมายที่ช่วยพิชิตรูปร่างที่หมายปองได้ง่ายยิ่งขึ้น 

 

การใช้ยาที่ควบคุมโดยแพทย์อย่าง GLP-1 ที่ยังคงเป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมู่คนดังฮอลลีวูด หรือการเข้าโปรแกรมลดน้ำหนักอย่างจริงจัง ที่ตรวจวัดตั้งแต่ค่าเลือดไปจนถึงฮอร์โมน เพื่อโปรแกรมลดน้ำหนักระยะยาว

 

 

  1. Women’s Health โลกตื่นตัวกับสุขภาพผู้หญิงมากขึ้น

 

ในอดีตสุขภาพของผู้หญิงมักเป็นประเด็นที่ไม่ถูกหยิบยกมาเป็นกรณีศึกษาเมื่อเทียบกับผู้ชาย แต่ในปีนี้เราจะเห็นได้ว่าโลกให้ความสำคัญกับสุขภาพผู้หญิงมากขึ้นด้วยความครอบคลุมของบริการด้านสุขภาพ เช่น โปรแกรมสุขภาพสำหรับวัยทอง โปรแกรมฝากไข่ และโปรแกรมตรวจสุขภาพฮอร์โมน 

 

 

  1. Genomic Wellness วางแผนดูแลสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล

 

การวางแผนดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลอย่างการตรวจพันธุกรรม จะเป็นที่นิยมและแพร่หลายในปีนี้มากขึ้น เนื่องด้วยประสิทธิภาพในการรักษาที่ตรงจุดและแม่นยำ ทั้งยังเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการแพ้ยาได้ดี 

 

อ้างอิง: 

The post ส่อง 7 เทรนด์สุขภาพที่จะมาแรงยิ่งขึ้นในปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Walking Benefits เดินแล้วได้อะไร? https://thestandard.co/life/walking-benefits/ Tue, 24 Dec 2024 05:11:22 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1022927 ประโยชน์ของ การเดิน

เทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง ผู้คนมองหาวิธีที่ทำให้สุขภาพของต […]

The post Walking Benefits เดินแล้วได้อะไร? appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประโยชน์ของ การเดิน

เทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง ผู้คนมองหาวิธีที่ทำให้สุขภาพของตัวเองดีขึ้น สำหรับคนที่อยากเริ่มทำได้เลย การเดินคือคำตอบที่ลงตัวที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดออกกำลังกาย คนทำงานที่มีเวลาจำกัด หรือผู้ที่ต้องการปรับไลฟ์สไตล์ให้เฮลตี้ขึ้น การเดินคือจุดเริ่มต้นที่เวิร์กสุดๆ

 

จากผลการวิจัยต่างๆ ล้วนพบว่าการเดินไม่เพียงแต่เป็นการออกกำลังกายที่ปลอดภัยและทำได้ทุกเพศทุกวัย แต่ยังเป็นกิจกรรมที่สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับร่างกายตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเท้า ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต การเผาผลาญพลังงาน การลดความเครียด ไปจนถึงการสร้างสมดุลให้ฮอร์โมนในร่างกาย

 

ที่สำคัญการเดินยังเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างแท้จริง คุณสามารถผสมผสานเข้ากับกิจวัตรประจำวันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการเดินระหว่างรอรถไฟฟ้า การเดินในห้างสรรพสินค้า หรือการเดินในสวนสาธารณะหลังเลิกงาน ทุกก้าวล้วนมีคุณค่าและสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับสุขภาพของคุณ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


 

มาดูกันว่าการเดินในแต่ละช่วงเวลาสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับร่างกายของเราบ้าง และทำไมการเดินจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในวิธีการออกกำลังกายที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในปัจจุบัน

 

นาทีที่ 1 เลือดเริ่มสูบฉีดดีขึ้นทันที ร่างกายตื่นตัว

 

เมื่อคุณเริ่มก้าวเดินในนาทีแรก กล้ามเนื้อทั่วร่างกายจะเริ่มทำงานทันที โดยเฉพาะกล้ามเนื้อขา สะโพก และแกนกลางลำตัว การเคลื่อนไหวนี้ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้เลือดถูกสูบฉีดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น หลอดเลือดจะขยายตัว ทำให้ออกซิเจนและสารอาหารถูกลำเลียงไปยังเซลล์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในสมองและกล้ามเนื้อที่กำลังทำงาน

 

นาทีที่ 5 อารมณ์ดีขึ้นจนรู้สึกได้

 

เมื่อเดินต่อเนื่องถึง 5 นาที สมองเริ่มหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขตามธรรมชาติ ร่วมกับการเพิ่มขึ้นของสารเซโรโทนิน ส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความตึงเครียดในกล้ามเนื้อเริ่มผ่อนคลาย การหายใจที่สม่ำเสมอขณะเดินยังช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิมากขึ้น นอกจากนี้ การได้เปลี่ยนบรรยากาศ โดยเฉพาะการเดินในที่โล่ง ยังช่วยให้รู้สึกสดชื่นและมีพลังงานเพิ่มขึ้น

 

นาทีที่ 10 ระดับคอร์ติซอล ฮอร์โมนแห่งความเครียดลดลง

 

ที่ 10 นาที ระดับคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนความเครียดในร่างกายเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ซึ่งช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย ความดันโลหิตเริ่มปรับสู่ระดับที่เหมาะสม การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับความเครียด เช่น โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง

 

นาทีที่ 15 น้ำตาลในเลือดเริ่มลดลง

 

การเดินต่อเนื่องถึง 15 นาที ร่างกายเริ่มใช้น้ำตาลในเลือดเป็นพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ กล้ามเนื้อที่ทำงานจะดึงกลูโคสจากกระแสเลือดไปใช้มากขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลิน ทำให้เซลล์สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้ดีขึ้น เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานหรือผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน

 

นาทีที่ 30 ร่างกายเริ่มเข้าสู่โหมดเผาผลาญไขมัน

 

ที่ 30 นาที ร่างกายเริ่มเข้าสู่ช่วงการเผาผลาญไขมันอย่างจริงจัง เมื่อแหล่งพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตถูกใช้ไปในระดับหนึ่ง ร่างกายจะเริ่มดึงไขมันสะสมมาใช้เป็นพลังงาน กระบวนการนี้ไม่เพียงช่วยในการควบคุมน้ำหนัก แต่ยังช่วยปรับสมดุลของเมตาบอลิซึมในร่างกาย เพิ่มการเผาผลาญพลังงานแม้ในยามพัก และช่วยลดไขมันในช่องท้อง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและเบาหวาน

 

นาทีที่ 45 สมองเข้าสู่ภาวะมีสมาธิ

 

เมื่อเดินต่อเนื่องถึง 45 นาที สมองเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า Walking Meditation โดยธรรมชาติ จังหวะการเดินที่สม่ำเสมอช่วยให้จิตใจจดจ่อกับปัจจุบันขณะ ลดความคิดฟุ้งซ่าน วิตกกังวล และความเครียดสะสม การหลั่งสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการผ่อนคลายเพิ่มขึ้น ทำให้มีสมาธิดีขึ้น มองเห็นทางออกของปัญหาชัดเจนขึ้น และช่วยในการตัดสินใจได้ดีขึ้น

 

นาทีที่ 60 สมองหลั่งโดพามีน ทำให้รู้สึกความสุข

 

ครบ 1 ชั่วโมงของการเดิน เป็นจุดที่ร่างกายหลั่งโดพามีนในปริมาณที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน โดพามีนเป็นสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับระบบรางวัลในสมอง ทำให้รู้สึกมีความสุข กระตือรือร้น และมีแรงจูงใจ นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบประสาท เพิ่มความจำ และความสามารถในการเรียนรู้ การเดินต่อเนื่องถึง 1 ชั่วโมงยังช่วยสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อและกระดูก เพิ่มความทนทานของร่างกาย และช่วยให้การทรงตัวดีขึ้น

The post Walking Benefits เดินแล้วได้อะไร? appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้เชี่ยวชาญชี้ กุญแจสู่ Healthspan ดี อยู่ที่การนอนหลับ https://thestandard.co/life/sleep-longevity-live-longer-health/ Sat, 16 Nov 2024 05:43:12 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1009329 Healthspan

ในยุคที่ผู้คนแสวงหาความยั่งยืนของสุขภาพและอายุขัย (Long […]

The post ผู้เชี่ยวชาญชี้ กุญแจสู่ Healthspan ดี อยู่ที่การนอนหลับ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Healthspan

ในยุคที่ผู้คนแสวงหาความยั่งยืนของสุขภาพและอายุขัย (Longevity) การนอนหลับกลับเป็นปัจจัยสำคัญที่มักถูกมองข้าม Matthew Walker ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การนอนหลับมนุษย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ เน้นย้ำว่าการนอนคือกลไกทรงประสิทธิภาพที่สุดในการรีเซ็ตสุขภาพกายและใจ โดยคุณภาพการนอนมีความสัมพันธ์โดยตรงกับอายุขัย การนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืนสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญ

 

Healthspan คือมิติใหม่ของการมีชีวิตที่ยืนยาว ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่การมีอายุมาก แต่คือช่วงเวลาที่เราใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี ปราศจากโรคภัย สามารถทำกิจกรรมต่างๆ อย่างมีคุณภาพ แนวคิดนี้กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในวงการการแพทย์และการวิจัยด้านชะลอวัย เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยยืดอายุขัย แต่ยังช่วยให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีไปพร้อมๆ กัน

 

นักวิจัยชี้ว่าการจะมีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งกายและใจไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา แต่เป็นผลจากการให้ความสำคัญกับ Healthspan อย่างจริงจัง ผ่านการศึกษาวิจัยอย่างลึกซึ้งในด้านเทคโนโลยีชีวภาพ โภชนาการ การออกกำลังกาย การนอนหลับ และการประยุกต์ใช้ AI เพื่อเสริมด้านสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น

 

การนอนหลับที่มีคุณภาพจึงเป็นรากฐานสำคัญของ Healthspan เพราะช่วยฟื้นฟูร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพการรู้คิด และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน การนอนครบ 8 ชั่วโมงเป็นประจำนั้นมีประโยชน์มหาศาลต่อร่างกายและจิตใจ โดยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความจำและการเรียนรู้ พัฒนาสมาธิและความคิดสร้างสรรค์ให้แจ่มชัด อีกทั้งยังช่วยสร้างความสมดุลทางอารมณ์ ทำให้จิตใจมั่นคง ในด้านร่างกาย การนอนหลับที่เพียงพอจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ยกระดับสมรรถภาพทางกายให้พร้อมรับมือกับกิจกรรมต่างๆ และที่สำคัญคือช่วยลดความเสี่ยงของโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งและโรคหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

 

ภาพ: Shutterstock
อ้างอิง:

 

The post ผู้เชี่ยวชาญชี้ กุญแจสู่ Healthspan ดี อยู่ที่การนอนหลับ appeared first on THE STANDARD.

]]>
อธิการบดี ม.มหิดล เผย ‘3 เทรนด์สำคัญ’ เปิดพรมแดนใหม่ พลิกวงการสุขภาพในสังคมไทย https://thestandard.co/the-standard-economic-forum-2024-young-leaders-dialogue-8/ Wed, 13 Nov 2024 14:08:53 +0000 https://thestandard.co/?p=1008299

วันนี้ (13 พฤศจิกายน) ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธ […]

The post อธิการบดี ม.มหิดล เผย ‘3 เทรนด์สำคัญ’ เปิดพรมแดนใหม่ พลิกวงการสุขภาพในสังคมไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (13 พฤศจิกายน) ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ขึ้นกล่าวสปีชในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2024: BRAVE NEW WORLD เศรษฐกิจไทย ไล่กวดโลกใหม่ ในหัวข้อ The Next Frontier: Game-Changing Trends in Healthcare พรมแดนใหม่ เทรนด์พลิกวงการสุขภาพ โดยระบุว่า ‘ตัวเปลี่ยนเกม’ (Game Changer) ในวงการสุขภาพขณะนี้มีอยู่ 3 ด้านสำคัญ นั่นคือ

 

  1. นวัตกรรมการรักษา เทรนด์ใหม่น่าจับตาในวงการสุขภาพ

 

ตลาดยาและอาหารเสริมเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดยามีมูลค่าอยู่ที่ 2.2 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาดอาหารเสริมมีมูลค่าสูงถึง 8.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่าค่าใช้จ่ายด้านเฮลท์แคร์ในปัจจุบัน

 

ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร ชี้ว่านวัตกรรมการรักษาใหม่ๆ ที่ใช้ตัว ‘ยาใหม่’ ซึ่งเป็น Game Changer คือ ‘ยาที่มีชีวิต’ ที่เรียกว่า ‘Advanced Therapy Medicinal Products’ (ATMP) โดยนำเซลล์ในร่างกายคนมาใช้รักษาโรคผ่านการตัดต่อยีน เช่น การตัดต่อยีนในเม็ดเลือดขาว CAR T-cell Therapy เพื่อทำให้เม็ดเลือดขาวจัดการกับมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนนำไปสู่การจัดตั้งบริษัท Genepeutic Bio Company Limited (GNPT) โดยเป็นการร่วมทุนของ Thai Foods Group Public Company Limited กับ สวทช.

 

การตัดต่อยีนยังทำได้ในอีกหลายโรค เช่น ธาลัสซีเมีย โดยตัดต่อยีนธาลัสซีเมียให้ปกติแล้วใส่กลับไปในร่างกายคนเดียว เพื่อให้ผลิตเม็ดเลือดแดงที่ปกติได้ นอกจากนี้ Xenotransplantation ก็จะเป็นอีกหนึ่งแนวทางการรักษาที่น่าสนใจ โดยการนำอวัยวะหมูมาตัดต่อยีน เพื่อให้ความสามารถในการทำปฏิกิริยาจำเพาะ (Antigenicity) ของหมูลดลง เหมือนได้เนื้อเยื่อ (Tissue) ของคนมากขึ้น ในอนาคตไทยอาจมีฟาร์มหมูที่มีคุณภาพสูง มีการติดเชื้อน้อยมากๆ หรือเลี้ยงหมูปลอดเชื้อได้ ก็จะเป็นแหล่งผลิตอวัยวะสำคัญๆ อย่างหัวใจ ไต และตับ ให้กับพวกเราในอนาคต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลอง

 

ขณะที่สมุนไพรถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ เพราะไทยมีความหลากหลายทางสมุนไพรเป็นอย่างมาก และควรได้รับการสนับสนุน เพื่อลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ

 

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจะผลักดันนโยบายเพิ่มการเบิกจ่ายสมุนไพรเพิ่มขึ้นอีก 10% ในปีนี้ และลดการเบิกจ่ายยาที่มีสรรพคุณด้านเดียวกันกับสมุนไพรลดลงอีก 5% เพื่อสนับสนุนให้คนมาใช้สมุนไพรมากขึ้น เช่น ขมิ้นชันที่มีสรรพคุณแก้ท้องอืดท้องเฟ้อได้ดี จากขมิ้นชันที่อาจมีมูลค่าราว 20 บาทต่อกิโลกรัม อาจเพิ่มขึ้นเป็น 80,000 บาทต่อกิโลกรัมได้ ถ้านำไปสกัดเป็น Facial Oil และเวชสำอางที่สำคัญ โดยการศึกษาล่าสุดของศิริราชพบว่าขมิ้นชันยังมีคุณสมบัติชะลอการแตกของเม็ดเลือดแดงในคนไข้ที่เป็นธาลัสซีเมียได้ อีกทั้งพืชสมุนไพรอย่างพรมมิยังมีสรรพคุณช่วยรักษาสมองเสื่อม ขณะที่ใบบัวบกสายพันธุ์ศาลายา 1 มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการผิวหนังอักเสบได้

 

นอกจากนี้ ยังจัดตั้งองค์กรอย่าง Clinixir ซึ่งเป็นความร่วมมือของ Bualuang Ventures และโรงเรียนแพทย์อีก 8 แห่ง โดยองค์กรนี้จะทำหน้าที่เป็น ‘ผู้จัดการในการทำวิจัย’ ให้เกิดการขึ้นทะเบียน จะเป็น Game Changer ของไทยที่ทำให้มีวิธีการผลิตยาใหม่ได้ตลอดขั้นตอน

 

  1. Wellness Center กับการแก้โจทย์ ‘สังคมผู้สูงอายุ’ ของไทย

 

ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร ระบุว่าไทยต้องเน้นเรื่อง ‘ความเป็นอยู่ที่ดี’ (Wellness) ให้เพิ่มมากขึ้น เพราะในอีก 100 ปีข้างหน้า ประชากรไทยราว 66 ล้านคน ตัวเลขคาดการณ์จะเหลือเพียงแค่ราว 27 ล้านคนเท่านั้น

 

ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์อาเซียนในปี 2050 จะมีประชากรสูงอายุสูงถึง 21% แต่ถ้าดูเฉพาะประเทศไทยขณะนี้เรามีประชากร 20% ที่อายุเกิน 60 ปีแล้ว ไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีประชากรสูงอายุสูงมาก โดยในอีก 20 ปีข้างหน้า 1 ใน 3 ของประชากรไทยจะเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งจะตามมาด้วยค่ารักษาพยาบาลที่แพงมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การเปลี่ยนหรือซ่อมลิ้นหัวใจโดยไม่ผ่าตัด จึงทำให้แนวคิดที่อยากทำให้ผู้สูงอายุมาอยู่ร่วมกันหรือทำงานให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้กลายเป็นเรื่องสำคัญ ตัวอย่างที่จะนำมาใช้แก้โจทย์สังคมผู้สูงอายุของไทย เช่น การสร้าง Wellness Center อย่างที่พักผู้สูงอายุ รามาฯ-ธนารักษ์ รวมถึงส่งเสริมการอบรมและเสริมอาชีพ ‘นักบริบาล’ (Caregiver) และสนับสนุน Living Will ให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ายเสียชีวิตที่บ้านแทนโรงพยาบาล

 

  1. เทคโนโลยีล้ำสมัยปฏิวัติการรักษาพยาบาล

 

ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร กล่าวว่าแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model: LLM) กลายมาเป็นผู้ช่วยการรักษาทางการแพทย์ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันมีการใช้ LLM รวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง ChatGPT มาใช้ในการช่วยรักษาและให้คำปรึกษาคนไข้ ทั้งยังพยายามสนับสนุนการรักษาทางไกล (Telemedicine) ส่งยาทางไปรษณีย์ และเพิ่มศูนย์เจาะเลือดตามจุดต่างๆ เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล

 

ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร ยังระบุว่าในอนาคต Game Changer ที่สำคัญคงจะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนการรักษาแบบที่ต้องไปโรงพยาบาล เอารองเท้าไปเข้าคิวแบบในภาพยนตร์ หลานม่า มาเป็นการรักษาแนวใหม่ที่มี AI มาช่วยหมอในเรื่องต่างๆ เช่น อ่านฟิล์มเอ็กซเรย์ หรือแปลผลแล็บ

 

The post อธิการบดี ม.มหิดล เผย ‘3 เทรนด์สำคัญ’ เปิดพรมแดนใหม่ พลิกวงการสุขภาพในสังคมไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>