สึนามิ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 10 Oct 2025 04:35:50 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ประกาศแจ้งเตือนเฝ้าระวังภัย ‘สึนามิ’ หลังเผชิญแผ่นดินไหวแมกนิจูด 7.4 https://thestandard.co/philippines-mass-evacuation-davao-earthquake/ Fri, 10 Oct 2025 04:35:50 +0000 https://thestandard.co/?p=1128928 philippines-mass-evacuation-davao-earthquake

วันนี้ (10 ตุลาคม 2025) ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ประกาศ […]

The post ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ประกาศแจ้งเตือนเฝ้าระวังภัย ‘สึนามิ’ หลังเผชิญแผ่นดินไหวแมกนิจูด 7.4 appeared first on THE STANDARD.

]]>
philippines-mass-evacuation-davao-earthquake

วันนี้ (10 ตุลาคม 2025) ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ประกาศแจ้งเตือนเฝ้าระวังภัย ‘สึนามิ’ หลังเผชิญแผ่นดินไหวแมกนิจูด 7.4 โดยฟากอินโดนีเซียกำลังจับตามองความรุนแรงสถานการณ์ พร้อมขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ ขณะที่ฟิลิปปินส์เตือนให้ประชาชนอพยพโดยด่วน

 

เมื่อเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เกิดเหตุแผ่นดินไหวบนเกาะมินดาเนาในฟิลิปปินส์ขนาด 7.4 โดยศูนย์แจ้งเตือนสึนามิ และทางการฟิลิปปินส์ประกาศเตือนว่า อาจเกิดคลื่นสึนามิสูงถึง 3 เมตรในชายฝั่งฟิลิปปินส์ และพื้นที่บางแห่งในอินโดนีเซีย เช่น เกาะสุลาเวสี และปาปัว ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว 300 กิโลเมตร

 

นอกจากนี้ หน่วยงานแจ้งเตือนสึนามิฟิลิปปินส์ยังคาดการณ์ว่า ฟิลิปปินส์จะเผชิญเหตุสึนามิระลอกแรกในเวลา 11.43 น. ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงอพยพโดยด่วน

 

สำหรับสถานการณ์ล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดดาเวาตะวันออกออกแถลงการณ์ว่า ประชาชนกำลังตื่นตระหนกจากเหตุแผ่นดินไหว โดยปรากฏฟุตเทจและภาพถ่ายจากโรงพยาบาล Southern Philippines Medical Center ในเมืองดาเวา ซึ่งพบว่า บรรยากาศเต็มไปด้วยความชุลมุน ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่กำลังเร่งอพยพหนีเหตุแผ่นดินไหวออกมาจากข้างนอก

 

ล่าสุด เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์สั่งการอพยพประชาชนที่อาศัยตามแนวชายฝั่งตอนกลางและตอนใต้ของประเทศ จนกว่าเจ้าหน้าที่จะประกาศว่า สถานการณ์อยู่ในความสงบ

 

ขณะที่สถานการณ์ในอินโดนีเซียอยู่ในขั้นจับตามอง โดยทางการขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ และงดกระจายข่าวหรือข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยัน พร้อมออกคำเตือนให้อยู่ห่างจากอาคารที่มีรอยร้าว หรือเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับรายงานถึงความเสียหายใดๆ อย่างไรก็ดี มีรายงานล่าสุดถึงเหตุสึนามิขนาดเล็กขนาด 17 เซนติเมตรในน่านน้ำของประเทศ

 

ในช่วงที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับภัยพิบัติธรรมชาติหลายระลอก โดยสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เกิดแผ่นดินไหวที่เมืองโบโก จังหวัดเซบู ทำให้มีผู้เสียชีวิต 74 คน และบาดเจ็บอีก 500 คน ขณะที่เดือนกันยายนที่ผ่านมา มีการอพยพผู้คนนับแสนจากพายุไต้ฝุ่นรากาซาที่จังหวัดคากายัน รวมถึงมีผู้เสียชีวิตประมาณ 11 คน เพราะพายุบัวลอย

 

 

ภาพ: Francis Magbanua / Reuters

 

อ้างอิง:

The post ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ประกาศแจ้งเตือนเฝ้าระวังภัย ‘สึนามิ’ หลังเผชิญแผ่นดินไหวแมกนิจูด 7.4 appeared first on THE STANDARD.

]]>
สึนามิซัด 3 ประเทศ เรารู้อะไรบ้าง สรุปความเสียหาย https://thestandard.co/tsunami-pacific-alert/ Wed, 30 Jul 2025 12:10:47 +0000 https://thestandard.co/?p=1101865 tsunami-pacific-alert

หัวข้อในเนื้อหานี้ ศูนย์กลางอยู่ที่ไหน ประเทศใดได้รับผล […]

The post สึนามิซัด 3 ประเทศ เรารู้อะไรบ้าง สรุปความเสียหาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
tsunami-pacific-alert

 

วันนี้ (30 กรกฎาคม) เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงแมกนิจูด 8.8 เขย่าชายฝั่งตะวันออกไกลของรัสเซีย ณ เวลา 11.24 น. ตามเวลาท้องถิ่น แรงสั่นสะเทือนมหาศาลก่อให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้า 3 ประเทศได้แก่ รัสเซีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา โดยสำนักข่าว CNN รายงานว่า นี่คือแผ่นดินไหวที่รุนแรงสุดอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์

 

ศูนย์กลางอยู่ที่ไหน

 

หน่วยสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ​ รายงานว่าศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นที่ระดับความลึก 19.3 กิโลเมตร นอกชายฝั่งคาบสมุทรคัมชัตกา แถบตะวันออกไกลของรัสเซีย ห่างจากเมืองเปโตรปัฟลอฟสค์-คัมชัตสกี (Petropavlovsk-Kamchatsky) ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 119 กิโลเมตร โดยเมืองนี้มีประชากรราว 165,000 คนด้วยกัน

 

ภายหลังจากนั้นได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกอีกหลายครั้ง โดยความรุนแรงมากสุดอยู่ที่แมกนิจูด 6.9

 

ทั้งนี้ คาบสมุทรคัมชัตกาตั้งอยู่ในเขตวงแหวนแห่งไฟ (Ring of Fire) ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นเกือกม้า ความยาวรวมประมาณ 40,000 กิโลเมตร โดยมีภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ภายในวงแหวนแห่งนี้กว่า 450 ลูก และบริเวณนี้มักเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่หลายครั้งด้วยกัน

 

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงสุดในภูมิภาคดังกล่าวนับตั้งแต่ปี 1952 อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของสถาบันวิทยาศาสตร์รัสเซียและกรมธรณีฟิสิกส์คัมชัตการะบุว่า เหตุการณ์นี้มีแรงสั่นสะเทือนน้อยกว่าที่ควรจะเป็นหากวัดจากตัวเลขแมกนิจูดที่เกิดขึ้น

 

ประเทศใดได้รับผลกระทบบ้าง

 

รัสเซีย 

 

เริ่มจากรัสเซียซึ่งเป็นชาติที่เผชิญกับแผ่นดินไหวโดยตรง โดยรัสเซียเจอกับคลื่นสูงสุดถึง 5 เมตร ภาพจากสื่อต่างๆ เผยให้เห็นว่ามีเมืองและหลายพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงศูนย์กลางแผ่นดินไหวได้รับความเสียหาย สิ่งปลูกสร้างพังทลาย ท่าเรือจมอยู่ใต้น้ำ ขณะเจ้าหน้าที่เร่งอพยพประชาชนไปยังสถานที่ปลอดภัย 

 

ชาวรัสเซียรายหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองเปโตรปัฟลอฟสค์-คัมชัตสกี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters ว่า แผ่นดินไหวรุนแรงมากจนเขาคิดว่ากำแพงอาจถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ และสั่นแรงอยู่อย่างน้อย 3 นาที จนเขาตัดสินใจวิ่งหนีออกมานอกอาคาร ขณะภาพถ่ายจากโดรนเผยให้เห็นว่าแนวชายฝั่งของเมืองจมอยู่ใต้น้ำเป็นบริเวณกว้าง ส่วนอาคารสูงก็ถูกโอบล้อมไปด้วยน้ำทะเล

 

เจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาคและกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียรายงานว่าท่าเรือและโรงงานแปรรูปปลาในเมืองเซเวโร-คูริลสค์ (Severo-Kurilsk) ถูกน้ำท่วมบางส่วน และแรงคลื่นได้ซัดเรือหลายลำพัดลอยออกจากท่า

 

อย่างไรก็ตาม ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลิน กล่าวว่าไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในรัสเซียจากแผ่นดินไหว เนื่องจากรัสเซียมีการก่อสร้างอาคารที่มั่นคงและระบบแจ้งเตือนที่มีประสิทธิภาพ

 

ญี่ปุ่น

 

หลายพื้นที่ของญี่ปุ่นเผชิญกับคลื่นสึนามิ โดยทางการได้ประกาศเตือนภัยตั้งแต่เกาะฮอกไกโดซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ไล่ไปจนถึงจังหวัดวากายามะทางตะวันตก พร้อมสั่งอพยพประชาชนเกือบ 2 ล้านคนไปยังพื้นที่ปลอดภัย

 

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ญี่ปุ่นเผชิญกับคลื่นสึนามิ 3 ระลอกด้วยกัน โดยคลื่นที่สูงสุดอยู่ที่ 1.3 เมตร พบที่จังหวัดอิวาเตะ ขณะฮอกไกโดเจอคลื่นสูงสุด 80 เซนติเมตร และจังหวัดมิยากิเจอคลื่นสูง 70 เซนติเมตร อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นได้ปรับลดระดับการเตือนภัยลงสู่ระดับ Advisory แล้ว หรือเตือนให้ประชาชนอยู่ห่างจากแนวชายฝั่ง

 

ด้านสถานีโทรทัศน์ NHK รายงานว่า คลื่นสึนามิที่มีความสูงระหว่าง 1-3 เมตรอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากเกิดอุบัติเหตุที่มีคนถูกคลื่นซัด และอาจก่อให้เกิดน้ำท่วม รวมถึงสิ่งปลูกสร้างจากไม้อาจพังเสียหาย ส่วนวัตถุขนาดใหญ่ที่ลอยตามน้ำมาก็เสี่ยงที่จะกระแทกร่างผู้คนเสียชีวิตได้

 

นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อสร้างหลักประกันว่าประชาชนจะปลอดภัย พร้อมสั่งการกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้เร่งบรรเทาความเสียหายจากคลื่นสึนามิ ขณะที่โยชิมาสะ ฮายาชิ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่าไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายใดๆ และไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์

 

อย่างไรก็ตาม สถานีโทรทัศน์ Asahi TV รายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นหญิงวัย 58 ปี โดยรถของเธอตกหน้าผาขณะที่กำลังเดินทางอพยพในเขตจังหวัดมิเอะ ทางตอนกลางของญี่ปุ่น

 

สหรัฐฯ

 

แรงสั่นสะเทือนมหาศาลก่อให้เกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าพื้นที่ในหลายรัฐของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน รวมถึงหมู่เกาะฮาวายและชายฝั่งทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย

 

ก่อนที่คลื่นสึนามิจะเคลื่อนตัวสู่หมู่เกาะฮาวาย เจ้าหน้าที่เตือนประชาชนให้ขึ้นที่สูง ผู้ใดที่อาศัยอยู่ในอาคารให้ขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 4 เป็นอย่างน้อย และราว 07.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิกระบุว่าคลื่นสึนามิสูง 1.7 เมตรได้พัดเข้าสู่หมู่เกาะฮาวาย 

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันนี้ ศูนย์เตือนภัยฯ ได้ปรับลดระดับการเตือนภัยลงแล้ว โดยระบุว่าไม่น่าจะเกิดสึนามิขนาดใหญ่อีกแล้วในวันนี้ แต่เจ้าหน้าที่ยังคงจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารต่อไป โดยยังขอให้ประชาชนอยู่ห่างจากชายฝั่ง 

 

พอสถานการณ์เริ่มเข้าสู่จุดปลอดภัย เที่ยวบินต่างๆ ก็ทยอยกลับมาดำเนินการตามปกติอีกครั้ง โดยกรมขนส่งรายงานว่า เที่ยวบินที่เดินทางออกจากสนามบินโฮโนลูลูได้กลับมาเปิดให้บริการแล้ว แต่สนามบินหลักที่เกาะเมาวียังคงปิดให้บริการ 

 

นอกจากฮาวายแล้ว แคลิฟอร์เนีย โอเรกอน วอชิงตันและอะแลสกา ก็เผชิญกับคลื่นสึนามิด้วยเช่นกัน โดยในขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายหนัก และยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

 

ยังมีพื้นที่ใดเสี่ยงอีกบ้าง

 

ณ เวลา 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ยังมีบางประเทศที่ประกาศเตือนภัยและอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย อาทิ:

 

  • โคลอมเบีย: สั่งอพยพประชาชนที่อยู่ตามแนวชายฝั่ง มีการปิดชายหาดและใช้มาตรการความปลอดภัยสำหรับการสัญจรทางทะเลในพื้นที่ดังกล่าว
  • เฟรนช์โปลินีเซีย: คาดว่าคลื่นสูงถึง 4 เมตรอาจพัดเข้าสู่เกาะอูอาฮูกา นูกูฮีวา และฮีวาโออาในช่วงเช้าวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ขอให้ประชาชนอพยพสู่ที่สูง และทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
  • ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียประกาศเตือนภัยสึนามิในวันนี้ ก่อนที่ฟิลิปปินส์จะยกเลิกประกาศเตือนในภายหลัง
  • ชิลี: ระบบเตือนภัยสึนามิแห่งชาติเตือนว่าอาจเผชิญสึนามิได้ในพื้นที่ชายฝั่งทั้งหมดของประเทศ 
  • เอกวาดอร์: หมู่เกาะกาลาปากอสอาจเผชิญกับคลื่นสูง 1.4 เมตรภายในเวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น

 

ภาพ: Kamchatka branch of the Geophysical Survey of the Russian Academy of Sciences/Handout via REUTERS

 

อ้างอิง:

The post สึนามิซัด 3 ประเทศ เรารู้อะไรบ้าง สรุปความเสียหาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
สึนามิซัดเข้าฝั่งฮาวาย และหลายรัฐของสหรัฐฯ พบบางลูกสูงกว่า 1.5 เมตร https://thestandard.co/tsunami-russia-hawaii-japan/ Wed, 30 Jul 2025 08:43:32 +0000 https://thestandard.co/?p=1101773 tsunami-russia-hawaii-japan

คลื่นสึนามิที่เกิดจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.8 นอกชายฝั่งต […]

The post สึนามิซัดเข้าฝั่งฮาวาย และหลายรัฐของสหรัฐฯ พบบางลูกสูงกว่า 1.5 เมตร appeared first on THE STANDARD.

]]>
tsunami-russia-hawaii-japan

คลื่นสึนามิที่เกิดจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.8 นอกชายฝั่งตะวันออกไกลของรัสเซีย ซัดกระหน่ำชายฝั่งในหลายรัฐทางตะวันตกของสหรัฐฯ โดยเกาะโอวาฮู (Oahu) ในฮาวาย เป็นจุดแรกที่เผชิญสึนามิขนาด 1.2 เมตร หลังจากนั้นพบสึนามิความสูงกว่า 1.5 เมตรที่เกาะเมาวี (Maui) ขณะที่ล่าสุดที่เกาะกวม และรัฐแคลิฟอร์เนีย มีรายงานพบสึนามิความสูงราว 30 เซนติเมตร

 

ทั้งนี้ ทางการท้องถิ่นในรัฐฮาวาย ได้ประกาศให้ประชาชนอพยพขึ้นที่สูง ภายหลังประกาศเตือนการเกิดสึนามิ ขณะที่จอช กรีน ผู้ว่าการรัฐฮาวาย แถลงว่ายังไม่พบความเสียหายใดๆ และยังไม่พบว่ามีสึนามิขนาดใหญ่ ซึ่งทางการกำลังอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ความปลอดภัย และคาดว่าจะใช้เวลาราว 2-3 ชั่วโมง ขณะที่หลายเที่ยวบินในฮาวาย เริ่มกลับมาให้บริการแล้วหลังจากที่ระงับชั่วคราว

 

ส่วนที่ญี่ปุ่น ซึ่งก่อนหน้านี้มีการประกาศเตือนภัยสึนามิสูงไม่เกิน 3 เมตรตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งแต่จังหวัดฮอกไกโดไปจนถึงวากายามะ และมีการสั่งอพยพประชาชนกว่า 1.9 ล้านคน พบว่ามีสึนามิความสูงราว 1.3 เมตร ซัดเข้าชายฝั่งทางภาคเหนือและตะวันออก รวมถึงบริเวณท่าเรือในจังหวัดอิวาเตะ โดยล่าสุด ทางการญี่ปุ่นยังคงขอให้ประชาชนอพยพอยู่ในที่ปลอดภัยจนกว่าจะมีการยกเลิกการแจ้งเตือนทั้งหมด

 

อ้างอิง: 

The post สึนามิซัดเข้าฝั่งฮาวาย และหลายรัฐของสหรัฐฯ พบบางลูกสูงกว่า 1.5 เมตร appeared first on THE STANDARD.

]]>
คาด สึนามิ สูงกว่า 3 เมตร ซัดชายฝั่งหมู่เกาะฮาวายตอนเหนือในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า https://thestandard.co/hawaii-braces-for-3-meter-tsunami/ Wed, 30 Jul 2025 05:02:35 +0000 https://thestandard.co/?p=1101620

ศูนย์เตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิก ประกาศว่าอาจมีคลื่ […]

The post คาด สึนามิ สูงกว่า 3 เมตร ซัดชายฝั่งหมู่เกาะฮาวายตอนเหนือในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>

ศูนย์เตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิก ประกาศว่าอาจมีคลื่น สึนามิ ขนาดความสูงกว่า 3 เมตร ซัดเข้าในบางชายฝั่งของหมู่เกาะฮาวายตอนเหนือ ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า โดยถือเป็นจุดที่อาจเผชิญคลื่นสึนามิสูงสุด เช่นเดียวกับบางชายฝั่งในรัสเซียและเอกวาดอร์

 

ก่อนหน้านี้สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้ประกาศเตือนการเกิดคลื่นสึนามิในรัฐฮาวาย อะแลสกา และหลายรัฐแถบชายฝั่งตะวันตก หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.8 นอกชายฝั่งตะวันออกไกลของรัสเซีย ในคาบสมุทรคัมชัตคา

 

โดยทางการท้องถิ่นในรัฐฮาวาย ประกาศเตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากพื้นที่ชายฝั่งและรีบอพยพขึ้นที่สูง และโรงแรมหลายแห่งเตือนประชาชนให้อพยพขึ้นไปอยู่เหนือชั้น 3 ขึ้นไป

 

ขณะที่จอช กรีน ผู้ว่าการรัฐฮาวาย เตือนประชาชนให้ออกห่างชายฝั่ง และเผยว่าคลื่นสึนามิอาจซัดเข้ารอบเกาะในอีกราว 2-3 ชั่วโมง และทำให้เกิดน้ำท่วม โดยศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทั่วรัฐเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนและรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น

 

Screenshot

 

อ้างอิง:

The post คาด สึนามิ สูงกว่า 3 เมตร ซัดชายฝั่งหมู่เกาะฮาวายตอนเหนือในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
สถานทูตแนะคนไทยในญี่ปุ่น เฝ้าระวังสถานการณ์สึนามิ ติดตามข่าวสารจากทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด https://thestandard.co/thai-embassy-japan-tsunami/ Wed, 30 Jul 2025 03:12:48 +0000 https://thestandard.co/?p=1101552

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว โพสต์ข้อความผ่าน Fac […]

The post สถานทูตแนะคนไทยในญี่ปุ่น เฝ้าระวังสถานการณ์สึนามิ ติดตามข่าวสารจากทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด appeared first on THE STANDARD.

]]>

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว โพสต์ข้อความผ่าน Facebook เตือนคนไทยในญี่ปุ่น ให้เฝ้าระวังสถานการณ์ ภายหลังกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิความสูง 3 เมตร บริเวณชายฝั่งทะเลแปซิฟิกตั้งแต่จังหวัดฮอกไกโดถึงจังหวัดวาคายามะ ซึ่งเป็นผลกระทบจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่บริเวณนอกชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรคัมชัตคา ประเทศรัสเซีย พร้อมทั้งขอให้ติดตามข่าวสารของทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

 

“ด้วยวันนี้ (30 กรกฎาคม 2568) เวลา 09.40 น. ตามเวลาท้องถิ่นในประเทศญี่ปุ่น (เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง) กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิความสูง 3 เมตร บริเวณชายฝั่งทะเลแปซิฟิกตั้งแต่จังหวัดฮอกไกโดถึงจังหวัดวาคายามะ ซึ่งเป็นผลกระทบจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่บริเวณนอกชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรคัมชัตคา ประเทศรัสเซีย

 

ในการนี้ ขอให้ชาวไทย โปรดดูแลรักษาตัวและเฝ้าระวังสถานการณ์ โดยติดตามข่าวสารของทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

 

กรณีฉุกเฉิน สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ HOTLINE 090-4435-7812

 

อ้างอิง:

The post สถานทูตแนะคนไทยในญี่ปุ่น เฝ้าระวังสถานการณ์สึนามิ ติดตามข่าวสารจากทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ญี่ปุ่น อะแลสกา ฮาวาย เตือนภัยสึนามิ 3-4 เมตรซัดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก หลังเกิดแผ่นดินไหว 8.7 นอกชายฝั่งตะวันออกไกลของรัสเซีย https://thestandard.co/japan-hawaii-alaska-tsunami-threat-russian-earthquake/ Wed, 30 Jul 2025 02:46:10 +0000 https://thestandard.co/?p=1101535 เตือนภัยสึนามิ

เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.7 นอกชายฝั่งตะวันออกไกลของรัสเ […]

The post ญี่ปุ่น อะแลสกา ฮาวาย เตือนภัยสึนามิ 3-4 เมตรซัดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก หลังเกิดแผ่นดินไหว 8.7 นอกชายฝั่งตะวันออกไกลของรัสเซีย appeared first on THE STANDARD.

]]>
เตือนภัยสึนามิ

เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.7 นอกชายฝั่งตะวันออกไกลของรัสเซีย เมื่อเวลาประมาณ 08.25 น. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิความสูงราว 3-4 เมตร และทำให้มีการประกาศเตือนภัยสึนามิในบางพื้นที่ชายฝั่งของรัสเซีย 

 

ขณะที่ญี่ปุ่น ประกาศเตือนสึนามิสูง 3 เมตร ในพื้นที่ตลอดแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งแต่ฮอกไกโดไปจนถึงวากายามะ ซึ่งคาดว่าสึนามิจะซัดเข้าชายฝั่งในเวลาประมาณ 10.00-11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นได้ประกาศเตือนประชาชนให้อยู่ห่างจากชายฝั่ง

 

ส่วนที่สหรัฐฯ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ ออกประกาศเตือนสึนามิในรัฐอะแลสกา ฮาวาย และพื้นที่แนวชายฝั่งตะวันตกทั้งหมด รวมถึงเกาะกวม โดยคาดว่าคลื่นสึนามิจะซัดถึงชายฝั่งฮาวายในเวลาประมาณ 19.17 น. ตามเวลาท้องถิ่น 

 

นอกจากนี้ยังมีการเฝ้าระวังสึนามิ ในพื้นที่แนวชายฝั่งตะวันตกตั้งแต่แคนาดาไปจนถึงเม็กซิโก

 

หน่วยสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ​ รายงานว่าศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้น ที่ระดับความลึก 18.2 กิโลเมตร นอกชายฝั่งคาบสมุทรคัมชัตกา แถบตะวันออกไกลของรัสเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลที่มีประชากรเบาบาง ซึ่งห่างจากเมืองเปโตรปัฟลอฟสค์-คัมชัตสกี (Petropavlovsk-Kamchatsky) ประเทศรัสเซีย ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 126 กิโลเมตร 

โดยแผ่นดินไหวครั้งนี้ ถือเป็นแผ่นดินไหวที่มีขนาดรุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในโลก นับตั้งแต่ปี 2011 ที่เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.0 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งก่อให้เกิดสึนามิขนาดใหญ่ที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง

 

ภาพ: Reuters / Issei Kato TPX IMAGES OF THE DAY

อ้างอิง: 

The post ญี่ปุ่น อะแลสกา ฮาวาย เตือนภัยสึนามิ 3-4 เมตรซัดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก หลังเกิดแผ่นดินไหว 8.7 นอกชายฝั่งตะวันออกไกลของรัสเซีย appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ดีอี’ เตือนข่าวปลอม สึนามิ-แผ่นดินไหวรุนแรงจากภูเขาไฟใต้น้ำ สร้างความตื่นตระหนกสูงสุดประจำสัปดาห์ https://thestandard.co/de-tsunami-earthquake-fake-news/ Sat, 12 Jul 2025 08:39:45 +0000 https://thestandard.co/?p=1095797

วันนี้ (12 กรกฎาคม) เวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรม […]

The post ‘ดีอี’ เตือนข่าวปลอม สึนามิ-แผ่นดินไหวรุนแรงจากภูเขาไฟใต้น้ำ สร้างความตื่นตระหนกสูงสุดประจำสัปดาห์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (12 กรกฎาคม) เวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) และโฆษกกระทรวงดีอี เปิดเผยผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 4-10 กรกฎาคม 2568

 

พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 1,039,175 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องตรวจสอบ 638 ข้อความ และจากทั้งหมด 209 เรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 87 เรื่อง

 

กระทรวงดีอีได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจออกเป็น 5 กลุ่ม

 

กลุ่มที่ 1: นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 98 เรื่อง

 

กลุ่มที่ 2: ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมาย จำนวน 31 เรื่อง

 

กลุ่มที่ 3: ภัยพิบัติ จำนวน 14 เรื่อง

 

กลุ่มที่ 4: เศรษฐกิจ จำนวน 7 เรื่อง

 

กลุ่มที่ 5: อาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 59 เรื่อง

 

เวทางค์กล่าวว่า ข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจสูงสุดในสัปดาห์นี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องภัย พิบัติ ความมั่นคง และการให้บริการของหน่วยงานรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคม ทำให้เกิดความตื่นตระหนกและเข้าใจผิด โดย 10 อันดับแรก

 

อันดับ 1: ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ เฝ้าระวังสึนามิ และแผ่นดินไหวรุนแรง ที่ภูเขาไฟใต้น้ำ

 

อันดับ 2: รัฐบาลใช้ฝนเทียม เพื่อสลายการชุมนุม

 

อันดับ 3: เดือนกรกฎาคม 68 จะมีคนชุมพรและนราธิวาส เสียชีวิตเพราะสึนามิเป็นแสนคน

 

อันดับ 4: เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 แมกนิจูด ลึก 10 กม. ในแนววงแหวนแห่งไฟบริเวณทะเลอันดามัน

 

อันดับ 5: แจ้งผู้ว่าฯ 7 จังหวัด ชายแดนไทย-กัมพูชา เตรียมแผนอพยพประชาชน

 

อันดับ 6: เกิดแผ่นดินไหวล้อมไทย ภาคเหนือ-อีสาน-ใต้ ต้องเฝ้าระวัง

 

อันดับ 7: คนต่างด้าวทำบัตรประชาชนคนไทยได้แล้ว

 

อันดับ 8: กัมพูชาสั่งห้ามไทย ส่งยาให้ผู้ป่วยผ่านด่านช่องจอม

 

อันดับ 9: ธนาคารออมสิน เปิดโครงการใหม่ กู้ออนไลน์ ได้ทุกอาชีพ วงเงิน 70,000 บาท

 

อันดับ 10: เผยคลิปลับ เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นเพื่อนกับเจ้าของร้านอาหารชาวจีน

 

สำหรับข่าวปลอมอันดับ 1 เรื่อง ‘ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ เฝ้าระวังสึนามิ และแผ่นดินไหวรุนแรง ที่ภูเขาไฟใต้น้ำ’ กระทรวงดีอี โดยกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยชี้แจงว่าในช่วง 10 วันที่ผ่านมา (นับจากวันที่ 3 กรกฎาคม 2568) ไม่พบรายงานการปะทุของภูเขาไฟบนเกาะนิโคบาร์ หรือบริเวณหมู่เกาะอันดามัน และจากแหล่งข้อมูลภูเขาไฟสำคัญ เช่น Global Volcanism Program ก็ไม่พบบันทึกเหตุการณ์เชิงลึกหรือแผนที่ความร้อนใหม่ใด ๆ อย่างไรก็ตาม กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าระวังแผ่นดินไหวและสึนามิอย่างต่อเนื่อง

 

ส่วนข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง ‘รัฐบาลใช้ฝนเทียม เพื่อสลายการชุมนุม’ กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อปลุกปั่นยุยง โดยชี้แจงว่ามีการปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 เพียง 1 หน่วยปฏิบัติการ ที่จังหวัดลพบุรี และมีฝนตกในพื้นที่การเกษตรจังหวัดลพบุรี นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ ซึ่งไม่มีผลกระทบกับพื้นที่กรุงเทพมหานครแต่อย่างใด

 

กระทรวงดีอีมีความห่วงใยประชาชนเรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่แพร่กระจายบนสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย โดยย้ำเตือนว่าหากขาดความรู้เท่าทันและส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด วิตกกังวล หรือสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัดก่อนเชื่อหรือแชร์ต่อ

The post ‘ดีอี’ เตือนข่าวปลอม สึนามิ-แผ่นดินไหวรุนแรงจากภูเขาไฟใต้น้ำ สร้างความตื่นตระหนกสูงสุดประจำสัปดาห์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภัยพิบัติ 2567: สูตรไม่สำเร็จของการตั้งรับภัยพิบัติ รัฐต้องคิดเวอร์อีกเท่าตัว https://thestandard.co/disaster-recap-2024/ Tue, 31 Dec 2024 04:06:27 +0000 https://thestandard.co/?p=1025931 ภัยพิบัติ 2567

ในปี 2567 ไทยเผชิญกับวิกฤตหมอกควัน น้ำท่วมตั้งแต่ภาคอีส […]

The post ภัยพิบัติ 2567: สูตรไม่สำเร็จของการตั้งรับภัยพิบัติ รัฐต้องคิดเวอร์อีกเท่าตัว appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภัยพิบัติ 2567

ในปี 2567 ไทยเผชิญกับวิกฤตหมอกควัน น้ำท่วมตั้งแต่ภาคอีสาน ภาคเหนือ จรดภาคใต้ ขณะเดียวกันดินโคลนถล่มซ้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ภัยพิบัติที่ไม่มีใครคาดคิด ทำให้ประชาชนสูญเสียบ้าน ทรัพย์สิน รวมถึงชีวิต

 

หลายคนบอกว่าไม่ได้รับการเตือนหรือแจ้งอพยพที่ละเอียดพอ คำถามคือ การเตือนภัยและการเตรียมการแบบไหนถึงจะมากพอในการป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้น ทำไมภาครัฐของไทยถึงไม่สามารถรับมือได้ทุกครั้งที่เกิดเหตุรุนแรง

 

เพื่อหาทางรับมือกับภัยพิบัติที่คาดว่าจะเกิดขึ้น THE STANDARD ชวน รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้เชี่ยวชาญการจัดการภัยพิบัติ ร่วมพูดคุยย้อนถึงการรับมือในยามโลกแปรปรวน รวมถึงอะไรคือสิ่งที่ประชาชนและรัฐต้องเรียนรู้ เลือกที่จะลงมือทำหรือไม่ทำในยามที่ภัยพิบัติจ่อรออยู่หน้าบ้าน 

 

และการรับมือภาวะโลกเดือดกับ ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม 

 

นาฬิกาสภาพอากาศหากอุณหภูมิเกิน 1.5 องศาเซลเซียส 

 

Nature Climate Change หน่วยงานดูแลด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เปิดเผยว่า โลกร้อนขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสไปเรียบร้อยแล้ว 

 

ทำไมต้อง 1.5 องศาเซลเซียส เพราะตัวเลขนี้ถือเป็น ‘จุดเปลี่ยนสำคัญ’ ที่ทั่วโลกพยายามจำกัดอุณหภูมิไม่ให้ร้อนเกิน เนื่องจากจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศครั้งสำคัญ และหายนะจะเกิดขึ้นบนโลกโดยไม่อาจย้อนกลับได้ 

 

ตลอดปี 2567 ไทยเผชิญกับหายนะทางธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น ยาวนานขึ้น และถี่ขึ้น

 

ในฤดูร้อน ปัญหาหมอกควันที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับความร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 44.6-44.9 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีมา กระทบระบบนิเวศทางทะเล หญ้าทะเลตายกว่า 10,000 ไร่ ปะการังฟอกขาวกระทบต่อแหล่งอนุบาลและที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ 

 

ครึ่งปีหลังเมื่อเข้าสู่ฤดูมรสุม โลกเดือดทำให้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ ภาคเหนือมีปริมาณฝนมากกว่าปกติ ส่งผลให้น้ำไหลทะลักท่วมบ้านเรือน และที่ไม่มีใครคาดคิด น้ำได้นำพาโคลนเข้าปกคลุมในพื้นที่อำเภอแม่สายและบริเวณโดยรอบ   

 

ภาคใต้ได้รับความเสียหายครั้งร้ายแรง น้ำท่วม ฝนตกหนัก ตกนาน จนถึงขณะนี้หลายจังหวัดทางภาคใต้ก็ยังคงประสบอุทกภัย

 

เมื่อสถานการณ์รุนแรง จาก ‘ภัย’ ถูกอัปเกรดขึ้นเป็น ‘ภัยพิบัติ’ เราจะเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างไร

 

สภาพบ้านเรือนหลังพายุโซนร้อนแฮเรียตถล่มแหลมตะลุมพุก นครศรีธรรมราช

ภาพ: คุณครูตรึก พฤกษะศรี 

 

กฎหมายสาธารณภัยที่ไม่ยืดหยุ่น

 

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารสาธารณะและนโยบาย โดยเฉพาะการจัดการภัยพิบัติ วิเคราะห์ถึงการรับมือภัยพิบัติของไทยในยามโลกแปรปรวนกับ THE STANDARD ว่า ตอนปี 2547 สึนามิไม่อยู่ในทะเบียนสาธารณภัยของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 พอมาปี 2554 สึนามิอยู่ แต่สิ่งที่ไม่อยู่คือ PM2.5 

 

ทำให้เห็นว่ากฎหมายไม่ยืดหยุ่นและมักจะออกตามหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แผน หรือระเบียบจะยืดหยุ่นกว่ากฎหมาย เพราะสามารถที่จะแก้ไขตามพลวัตของเหตุการณ์ได้  

 

รศ.ทวิดา อธิบายด้วยว่า กฎหมายเขียนไว้แบบกว้างๆ และการนำมาใช้ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เช่น ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ไม่ถูกนำมาใช้ แต่กลับใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ โดยรัฐมนตรีสาธารณสุขมีอำนาจสูงสุด เพราะในกฎหมายไม่มีรายละเอียดเรื่องโรค ต่อมาจึงมีการแก้ไขเพิ่มโรคระบาดในมนุษย์ และให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสูงสุดในการบริหารจัดการสาธารณภัยระดับ 4 

 

ที่เป็นเช่นนี้เพราะการกำหนดใช้อำนาจมีผล การตีความว่าอะไรคือสาธารณภัยจะเป็นตัวเปิดช่องทางว่าใช้อำนาจได้แค่ไหน 

 

ภัยพิบัติ 2567

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สาธิตการทำเมนูอาหารด้วย ‘ปลาหมอคางดำ’

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

ช่วงที่ปลาหมอคางดำระบาด รศ.ทวิดา เล่าว่า ทุกคนบอกว่าให้อาจารย์ทำเรื่องไปเลย สิ่งที่เกิดขึ้นสามารถเป็นสาธารณภัยได้ แต่ตามกระบวนการจะต้องรอกรมประมงตีความ รอกรมบัญชีกลางกำหนดเป็นสาธารณภัยเหตุเดือดร้อน เจ้าหน้าที่จึงต้องแบ่งรับแบ่งสู้โดยการทำเรื่องรอ หรือเหตุการณ์สะพานลาดกระบังถล่ม ก็ไม่ถูกตีความเป็นสาธารณภัย ทำให้เกิดข้อจำกัดในการชดเชยหรือให้ความช่วยเหลือ 

 

รศ.ทวิดา บอกด้วยว่า ในความหมายที่แท้จริง พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ไม่ควรใช้ในการจัดการภาวะฉุกเฉิน เพราะตามเนื้อหาเป็นการป้องกันสาธารณภัยไม่ให้เป็นภัยพิบัติ ดังนั้น พ.ร.บ. ฉบับนี้จึงหมายความถึงการป้องกันและลดความเสี่ยง ไม่ใช่พรที่ให้อำนาจเฉพาะเวลาเกิดเรื่อง ขณะเดียวกันการใช้อำนาจตามกฎหมายมักเกิดช่องว่างเมื่อกฎหมายระบุไม่ชัดเจน เช่น การจัดการมวลน้ำข้ามจังหวัด ขณะเดียวกันแต่ละกระทรวงก็ต่างแก้ไขกฎหมายตามมุมมองของตนเอง การแก้ไขกฎหมายจึงควรต้องตอบสนองต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและมองเห็นทุกคน 

 

ขณะเดียวกันหากแปรตรงตัว ‘ภัยพิบัติ’ คืออันตรายที่เกิดในพื้นที่ส่วนรวมเกินกว่ากำลังความสามารถในการรับมือของชุมชนนั้นๆ ซึ่งมีความน่ากลัวอย่างหนึ่งคือ คนไทยชอบถอดบทเรียนแล้วหยุด โดยลืมไปว่าสถานการณ์ครั้งต่อไปไม่มีวันมาเหมือนเดิม 

 

“เมื่อมี Global Warming (ภาวะโลกร้อน) Global Boiling (โลกเดือด) สภาพภูมิอากาศจะทำให้เลวร้ายลงไปจนคุณตามมันไม่ทัน แล้วคุณจะบอกว่าเหตุการณ์จะเกิดเหมือนเดิมได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”

 

ถ้าเราเรียนรู้กับมันจริง เราก็จะสร้างมาตรการขึ้นมาทำให้เราแข็งแรงกับเหตุการณ์นั้น ถ้าเหตุการณ์เหมือนเดิมเป๊ะเราจะไม่เป็นไร แต่ทำไมเราถึงพังทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ต่อไป เพราะสิ่งที่เตรียมไว้มันหย่อนยานลงไปแล้ว ถ้าเหตุการณ์มาแบบเดิมมันจะไม่มีความหมาย 

 

นักท่องเที่ยวกำลังหนีคลื่นยักษ์สึนามิที่จังหวัดภูเก็ต 26 ธันวาคม 2547

ภาพ: Getty Images

 

ใครจะเชื่อว่าเกิด ‘ภัยพิบัติ’ 

 

รศ.ทวิดา ระบุว่า ปี 2547 ที่เกิดสึนามิ ไม่มีใครพร้อม น้ำลดก็ยังลงไปดู ส่วนตัวเรียนมาเอง ถ้าวันนั้นอยู่ที่ชายหาดก็คงตาย เพราะเวลานั้นคงไปเดินเล่น พอเห็นน้ำลดก็รู้ว่ามีโอกาสเกิดสึนามิ แต่ถามว่าเคยมีข้อมูลอะไรมาให้เราเชื่อไหม เช้าวันนั้นแผ่นดินไหวที่ไหน ประเทศไทยไม่เคยพัฒนาอะไรอย่างนี้ไว้ แล้วจะบอกว่าให้ประชาชนรู้เอาเองว่าน้ำลดคือสึนามิ มันก็ใจร้ายอยู่นะ

แล้วลองคิด สมมติว่าถ้าอาจารย์กดเช็กข่าวแล้วบอกพ่อกับแม่ว่า เดี๋ยวมีคลื่นยักษ์ขึ้นมา ให้ไปที่สูง แม่จะเชื่อหรือไม่ น้ำท่วมปี 2554 จำได้ว่าให้พ่อออกจากบ้าน พ่อไม่ออก ฉะนั้นการบอกให้ไปที่สูง ต้องสูงแค่ไหน วันนั้นไม่มีความรู้อะไรเลย พื้นทะเลสูงเท่าไร คนอยู่ภูเก็ตต้องไปตรงไหน อยู่พังงาไปตรงไหน ไม่มีใครรู้เลย 

 

แต่กลับกัน เด็กหญิงชาวอังกฤษซึ่งตะโกนบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือสึนามิ เพราะในระบบการศึกษาของยุโรปเด็กเรียนรู้ชีวิตในห้องเป็นเนเจอร์ของการเติบโตแบบหนึ่ง 

 

เช่นเดียวกัน วันนั้นเราไม่รู้จักสึนามิ ถ้ามีคนมาบอกว่าต้องใช้เงินประมาณ 50-100 ล้านบาทในการลงทุนระบบเตือนภัย 6 จังหวัดภาคใต้ โดยที่ไม่เคยมีบันทึกที่ไหนเลยว่าจะเกิดสึนามิในภาคใต้ของประเทศไทย มีเพียง ดร.สมิทธ ธรรมสโรช เตือนคุณ เป็นคุณจะอนุมัติเงินหรือไม่ 

 

รศ.ทวิดา กล่าวด้วยว่า และต้องไม่ลืมว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติในช่วงปี 2540 เป็นเรื่องของการท่องเที่ยว เรามีความเชื่อว่าสถานที่ท่องเที่ยวต้องไม่บอกว่ามีความเสี่ยงอะไร ซึ่งเป็นมุมมองที่ผิด 

 

ฮาวาย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มีแผ่นดินไหวทุกวัน มีความเสี่ยงภูเขาไฟระเบิด ทำไมคนยังไปเที่ยวกัน เพราะเขาเชื่อว่าหากเกิดอะไรใน 2 ประเทศนี้จะมีระบบเตือนภัยและการอพยพที่เป็นระบบ 

 

“เวลาพูดว่าประชาชนรู้แค่ไหน บางทีต้องยุติธรรมกับประชาชนเหมือนกันว่า มันไม่มีอะไรจากใครเลยไปให้ประชาชนด้วยเหมือนกัน ในการจัดการภัยพิบัติ ความรู้ ข้อมูล ความพร้อม เป็น 3 อย่างที่ต้องติดตัวประชาชน มีความรู้ ไม่ว่าความรู้จะมาจากการถ่ายทอดเรื่องเล่า ความรู้ในห้องเรียน หรือการเรียนรู้เสริมก็ตาม ส่วนข้อมูล รัฐเป็นฝ่ายฟัง และรัฐต้องแข่งรับมือกับพวกข่าวลือ และความพร้อม ซึ่งคำถามคือ ความพร้อมที่จะให้เราไปแค่ไหน” 

 

รศ.ทวิดา ย้ำด้วยว่า การเรียนรู้เป็นอย่างเดียวที่จะทำให้ประชาชนเปลี่ยนวิธีคิด ไม่ใช่แค่ในห้องเรียน แต่เกิดจากใครสักคนหรือกลไกบางอย่างปรับปรุงเรื่องใหม่ๆ หรือข้อมูลใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นให้กลายเป็นความรู้ที่ถ่ายทอดได้ 

 

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ภาพ: กทม.

 

เผื่อแค่ไหนกับภัยพิบัติ

 

เมื่อมองย้อนไปในสถานการณ์ภัยพิบัติต่างๆ เราจะพบว่าสิ่งที่ขาดหายไปคือแผนรับมือภัยพิบัติ รศ.ทวิดา ระบุว่า ส่วนตัวมองว่าน้ำท่วมโคลนถล่มเชียงรายคล้ายสึนามิในปี 2547 มาก วันนั้นตนมีความรู้เรื่องสึนามิแต่ไม่เห็นข้อมูล ส่วนน้ำท่วมเชียงรายก็รู้เรื่องน้ำท่วม รู้เรื่องแผ่นดินไหว รู้เรื่องสัณฐานวิทยา เพราะทำวิจัยอยู่ที่นั่น แต่ไม่เคยรู้เลยว่าจะมีโคลนถล่มได้ขนาดนั้น 

 

ขณะเดียวกันแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของจังหวัดเชียงรายมีแผนการสำหรับน้ำท่วม แต่ไม่มีแผนรองรับเรื่องโคลน 

 

ด้านสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ หากให้เปรียบคงเหมือนน้ำท่วมปี 2554 ของจังหวัดนครสวรรค์ที่รับน้ำมากเกินไป ทุกพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักพร้อมกันหมดในเวลาอันสั้น จึงไม่มีใครอยู่ในศักยภาพที่ไปช่วยใครได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนต้องช่วยตัวเองก่อน 

 

รศ.ทวิดา ระบุด้วยว่า แม้จะไม่สามารถบอกได้ว่าในพื้นที่มีการเตรียมพร้อมมากแค่ไหน แต่หากสิ่งที่เตรียมไว้รับมือแล้วไม่เพียงพอ ต่อจากนี้ไปคงต้องเริ่มทำให้เวอร์ขึ้นไปอีก และต้องฟังให้มากขึ้น ฟังทั้งประชาชนที่ฝังตัวอยู่ในพื้นที่ ฟังนักวิชาการให้มากขึ้น อะไรที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดมากที่สุดและน้อยที่สุด หลักฐานการยืนยัน มีสถิติ 

 

“หากจังหวัดบอกว่า นี่คือเต็มศักยภาพของเขาแล้ว แสดงว่าคราวหน้าต้องไม่ใช่แบบนี้ ก็ต้องยินยอมให้การเพ้อเจ้อเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับรัฐว่าจะยอมแค่ไหน เพราะมาตรการยิ่งมากเท่าไรจะมีการลงทุนทางด้านทรัพยากรเยอะ ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่คือการใช้เวลา การใช้อัตรากำลัง การทำให้คนมีศักยภาพ การให้ความรู้และสื่อสารกับคน การจัดระบบพื้นที่ใหม่ทั้งหมด หากวันนั้นเตรียมมาในแบบที่คิดกันแล้วว่าพอ งวดหน้าก็อาจต้องคิดเกินวิธีคิดเดิมไปอีกสักเท่าตัว”

 

ภาพสถิติการเกิดพายุตั้งแต่ปี 2528-2548

ภาพ: Joint Typhoon Warning Center (JTWC)

 

‘ไม่รู้-หย่อนยาน-บกพร่อง’ บทเรียนจากสึนามิ

 

จากพายุโซนร้อนแฮเรียตถล่มแหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราช ในปี 2505 สู่ ‘พายุไต้ฝุ่นเกย์’ พายุลูกประวัติศาสตร์และทรงพลังที่สุดที่เข้าถล่มภาคใต้ของไทยในปี 2532 

 

รศ.ทวิดา ชี้ให้เห็นว่า เหตุวาตภัยที่เกิดขึ้นอาจเป็นช่องว่างความเข้าใจของทั้งประชาชนและการศึกษา เพราะคนเข้าใจว่ายากที่จะเกิดแบบนี้ นานๆ ครั้งจะเกิดพายุลูกใหญ่อย่างไต้ฝุ่นเกย์ แค่สร้างบ้านให้แข็งแรง แต่ยังไม่อยากย้ายถิ่นไปไหน ทำให้คนใส่ใจมากขึ้น นำความรู้ทางพยากรณ์อากาศมาใช้ ติดตั้งระบบมากขึ้น และสุดท้ายเหตุการณ์เงียบไป  

 

จนกระทั่งปี 2541 ดร.สมิทธ ธรรมสโรช รองปลัดกระทรวงคมนาคมสมัยนั้น เคยออกปากเตือนว่าประเทศไทยมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิอย่างที่เคยเกิดขึ้นที่ปาปัวนิวกินี ถ้าไม่ถูกสอนในระบบการศึกษาคนจะเชื่อหรือไม่ ยกเว้นเป็นชาวมอแกนที่มีเรื่องเล่าว่า คืนพระจันทร์เต็มดวงถ้าน้ำลดไปเยอะ ปีศาจจะขึ้นมากินคนบนชายหาด ให้หนีขึ้นที่สูง และในปี 2547 ก็เกิดสึนามิ 

 

รศ.ทวิดา ยังชี้ให้เห็นว่า จากปี 2547 เรามีบทเรียนเยอะ ประชาชนมีทักษะเอาตัวรอด เรามีคนที่รู้ว่าควรต้องทำงานอย่างไร แต่ที่คิดว่าเราพลาดคือการไปเข้าใจว่าที่สูญเสียมากเป็นเพราะการไม่รู้จักสึนามิ เราเลยเรียนรู้กันแต่ว่าสึนามิคืออะไร จนเราหย่อนยานการจัดตั้งระบบบริหารจัดการ 

 

ในการเตือนแผ่นดินไหว สึนามิใช้เครื่องมือต่างกัน และแต่ละประเทศก็มีรูปแบบไม่เหมือนกัน หากเลือกที่จะเตือนเร็วความถูกต้องจะน้อยมาก แต่ถ้าเลือกความถูกต้องเวลาจะเหลือน้อยมาก อย่างฮาวายหรืออินโดนีเซีย เมื่อเกิดแผ่นดินไหวจะเตือนทันที เพราะเป็นสึนามิท้องถิ่น (Local Tsunami) มีระยะห่างระหว่างจุดกำเนิดกับชายฝั่งน้อยกว่า 100 กิโลเมตร คลื่นลูกแรกจะมาภายใน 10-20 นาที ความเร็วสูงสุดของสึนามิที่เคยบันทึกไว้คือเท่ากับเครื่องบิน Air Force One หรือความเร็ว 600-700 ไมล์ต่อชั่วโมง (หรือราว 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และไทยก็ได้นำระบบการเตือนภัยแบบฮาวายมาใช้ อย่างไรก็ตาม บางวัฒนธรรมถ้าเตือนแล้วไม่เกิดบ่อยๆ ก็ไม่ทำแล้ว 

 

ในปี 2547 เพราะความไม่รู้ หน่วยกู้ชีพบางหน่วยถูกสั่งให้ไปช่วยเพราะน้ำท่วม อุปกรณ์ที่นำลงไปก็เป็นคนละเรื่องกับที่ไปงัดรถหรือเรือประมงที่มาเกยบ้าน ในคลิปคลื่นซัดใส่ฝรั่งสวมกางเกงว่ายน้ำที่ตะโกนว่าน้ำท่วม วันนั้นไม่มีคำว่าสึนามิ 

 

แต่วันนี้ต่างกันเยอะ เมื่อเรามีความรู้คนจะฟังคำเตือน วันนี้เรามีข้อมูล ระบบเตือนภัยในพื้นที่ทุกทะเลอันดามันเชื่อมกันหมดแล้ว ระบบมี ขอแค่ให้ใช้ได้ ท้องถิ่นมีกระบวนการ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แม้จะเป็นปี 2550 แต่ก็เขียนมาบนความพร้อมที่ถูกยกระดับขึ้นไปแล้ว แต่ไม่เท่าปี 2548 

 

“ต้องถามว่าการ์ดตกหรือเปล่า ช่วงที่ระบบเตือนภัยเริ่มทำงานในเดือนมิถุนายน 2548 ถ้ามาเหมือนเดิมรับประกันคนไม่ตายเท่าเดิม คนไม่หาย บ้านอาจยังพังอยู่บ้าง แต่มาถึงวันนี้คนชิน เพราะว่ามันไม่เกิดสักที ป้ายเตือนเลือนไปบ้าง หอเตือนภัยเสียงอาจเบาลงบ้าง ตรวจสอบไหม อาจมีที่ย่อหย่อนลง นักท่องเที่ยวเปลี่ยนหน้า คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นอาจไม่อยู่แล้ว เด็กรุ่นใหม่อาจมีบทเรียน เจ้าหน้าที่รู้แค่ไหน โรงแรมแต่ละที่สร้างไว้สูงแค่ไหน พื้นที่อพยพมีแค่ไหน คลื่นจะมา 12-14 เมตรเหมือนเดิม หรือเราจะเผื่อไว้ที่ 20 เมตร”

 

ฉะนั้นอยู่ที่ฝีมือว่าเราให้ศักยภาพท้องถิ่นพอหรือไม่ ให้เขาแค่ไหนแล้ว ทรัพยากร งบประมาณ ความรู้ เวลา ความเชี่ยวชาญ ทักษะที่ไปฝึกให้ คนยังอยู่ที่เดิมหรือไม่ ได้เสริมสร้างชุมชนเหมือนเดิมหรือไม่ ขณะเดียวกันสึนามิจะเกิดเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะมีการคาดการณ์ว่ามีโอกาสที่สึนามิจะเกิดขึ้นบริเวณจังหวัดระนอง ซึ่งระยะห่างจากจุดกำเนิดน้อยกว่าเดิม ยังไม่นับพายุคลื่นซัดฝั่งแบบพายุไต้ฝุ่นเกย์จะมาอีกหรือไม่ 

 

ภัยพิบัติ 2567

ซอยบ้านไม้ลุงขน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย พื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายจากดินโคลนถล่ม

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

รศ.ทวิดา ย้ำว่า การปรับปรุงและกระตือรือร้นจึงต้องมีตลอดเวลา เราต้องเลิกพูดว่าคาดไม่ถึง นักวิทยาศาสตร์เราเก่ง เอาเรื่องคาดไม่ถึงมากองไว้ให้ได้เห็น แล้วก็ต้องคาดการณ์เกินไปสักหน่อย แต่วันนี้ขอให้ช่วยทำข้อมูลขึ้นมาหน่อย กลุ่มเปราะบางอยู่ตรงไหน ความเปราะบางล่อแหลมอยู่ที่ไหน ไม่ใช่ทำแค่ภัยจะเกิดที่ไหนได้บ้าง 

 

แล้วบริหารจัดการตามนั้น ใช้ข้อมูลในการสร้างมาตรการที่รับได้มากที่สุดที่จะผ่อนเบาให้เกิดขึ้นได้ ทำให้ปลอดภัยขึ้นได้ เพราะประชาชนจะยอมแบบสู้ เขาสามารถเก็บกวาดบ้านเองได้ถ้าผลกระทบไม่มาก ฉะนั้นจะต้องเป็นมาตรการที่เขาพอจะได้รับผลกระทบบ้างแต่ฟื้นตัวได้เร็ว นั่นหมายความว่าประชาชนต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐล่วงหน้า เมื่อประชาชนจัดการตัวเองได้แข็งแรงเขาจะโอบรับมาตรการของรัฐมากขึ้น เชื่อในการตัดสินใจของรัฐมากขึ้น

 

ขณะเดียวกันในการเกิดสาธารณภัยแต่ละระดับ ผู้ที่ใหญ่ที่สุดหรือมีอำนาจสั่งการจะไม่เหมือนกัน อยากจะให้จำหลักการนี้ให้แม่น ‘เรามีนายได้แค่คนเดียว และเราไม่จำเป็นต้องมีนายคนเดียวกัน’ แม้อาจารย์จะเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. แต่เมื่อลงไปหน้างานก็ต้องฟังผู้บัญชาการหน้างาน คอยสนับสนุน และเชื่อมั่นให้มากพอว่าคนที่มีอำนาจทำได้

 

กรุงเทพมหานครปกคลุมไปด้วยฝุ่น PM2.5

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

กทม. ตั้งการ์ดรับความเสี่ยง 

 

รศ.ทวิดา เปิดเผยถึงสถานการณ์อหิวาตกโรคที่แม่สอด จังหวัดตาก ว่าแม้สาธารณสุขก็ยังไม่ยืนยันว่าเข้าไทย แต่ได้รับคำสั่งจากผู้ว่าฯ กทม. แล้วว่าต้องออกสื่อเตือนให้ประชาชนระวัง เพราะจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ และไม่แน่ว่าคนไปเที่ยวเมียนมาอาจมาเคานต์ดาวน์ที่กรุงเทพฯ 

 

ตอนนี้เราจึงตั้งการ์ดแล้วว่า ถ้าเกิดจริงจะทำอย่างไร จะเคลื่อนไหวอย่างไร การเตรียมพร้อมไว้ก่อนได้เปรียบ ส่วนที่คิดล่วงหน้าเวลาของจริงมาแล้วไม่เหมือนเดิม แต่ส่วนที่ไม่เหมือนจะเหลือน้อย เพราะเราคิดไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นเอาสมองที่เหลือคิดอีกส่วนที่ไม่เหมือนแล้วแก้โจทย์เฉพาะหน้า 

 

“คนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าบทเรียนมันจะไม่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นเตรียมไปก็เท่านั้น ไม่จริง แม้บทเรียนจะไม่เหมือนเดิมเลยสักครั้ง แต่ไม่น้อยกว่า 5-60% ของบทเรียนจะเหมือนเดิมทุกครั้ง และจะมีองค์ความรู้หลักบางอย่างที่ให้เราไปเตรียมพร้อมได้”  

 

เช่นเดียวกับสถานการณ์อุทกภัย น้ำเหนือ-อีสานจะมาก่อน ตอนที่น้ำท่วมอีสาน กทม. ลุกขึ้นมาเตรียมหนักมาก เพราะแม้จะลอกท่อระบายน้ำ แก้จุดต่ำ ปรับฟันหลอ แต่เราก็กลัวน้ำเหนือ และ Rain Bomb จากภาวะโลกร้อน โลกเดือด ซึ่งจะตกประมาณ 100 มิลลิเมตร แต่ความสามารถในการรับน้ำของ กทม. อยู่ที่ 60 มิลลิเมตร จึงต้องตั้งรับให้ดี

 

รศ.ทวิดา ยังกล่าวถึงการรับมือฝุ่นของ กทม. ว่านโยบายหรือมาตรการที่ออกมาได้รับการทดลอง วิเคราะห์และหารือกับผู้คนจำนวนมาก เราลองทำทุกทางเพื่อหาทางป้องกัน ตั้งแต่การกวดขันรถบรรทุก ส่งรถอัดฟางให้เกษตรกรเช่าเพื่อที่จะไม่ต้องเผา ติดตั้งจุดตรวจวัดฝุ่นทั่ว กทม. ปลูกต้นไม้ เตรียมความพร้อมตั้งแต่เดือนกันยายน-ตุลาคม เพราะเรารู้ว่าเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ค่าฝุ่นจะเป็นสีแดง  

 

ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม 

 

ไม่เพียงการรับมือภัยพิบัติ แต่ ‘ภาวะโลกเดือด’ นับเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม กล่าวกับ THE STANDARD ว่าปีที่ผ่านมาเกิดสภาพภูมิอากาศสุดขีด ส่งผลกระทบที่เห็นชัดมากที่สุดคือเรื่องน้ำท่วมฉับพลันและฝนตกหนัก 

 

สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปยังส่งผลกระทบทางอ้อม พืชไม่ออกผลตามฤดูกาล รวมถึงส่งผลกระทบไปจนถึงปลายน้ำก็คือทะเล น้ำท่วมทำให้ความเค็มทะเลเปลี่ยน มีตะกอนลงไปทับปะการัง หญ้าทะเล รวมถึงขยะที่โดนน้ำท่วมกวาดลงไปในทะเลจำนวนมหาศาล 

 

ขณะที่ทางระบบนิเวศเกิดปรากฏการณ์ Ecosystem Collapse หรือความพินาศของระบบนิเวศ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เราเห็นตั้งแต่ต้นปีเช่นกัน การฟอกขาวของปะการัง 90% ของประเทศเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ที่สุดที่ไทยเคยเจอมา รวมถึงพบปะการังในบริเวณน้ำตื้นตายไปจำนวนมาก มากกว่า 50-60% และไม่มีวี่แววว่าจะฟื้น

 

ในปี 2050 ต่างชาติพูดถึงปะการังทั่วโลกว่า 97% จะตายหากโลกยังเป็นอย่างนี้อยู่ และใน 10-20 ปีข้างหน้าหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป ปะการังในประเทศไทยจะเหลือน้อยกว่า 10% 

 

หญ้าทะเลก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน ผศ. ดร.ธรณ์ ระบุว่า หญ้าทะเลลดลงจำนวนมหาศาลส่งผลกระทบต่อพะยูน ทำให้อดอาหารและต้องอพยพ ซึ่งพบว่าในปีนี้มีพะยูนตายลงอย่างที่ยังไม่เคยเจอมาก่อนถึง 45 ตัว สูงสุดตั้งแต่เคยมีการบันทึกมา จากเดิมที่เฉลี่ยสูงสุดปีละ 12 ตัว

 

ในปีนี้ ครบรอบ 20 ปีสึนามิ ผศ. ดร.ธรณ์ ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่าระบบนิเวศได้รับผลกระทบรุนแรง แต่หนักสุดคือแนวปะการังบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ โดนทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก โดยเฉพาะในเขตที่เป็นช่องแคบระหว่างเกาะซึ่งเต็มไปด้วยปะการังโขด มีปลาการ์ตูนนีโม่อยู่เป็นร้อยๆ เป็นจุดที่สวยมากและมาง่ายมากสำหรับทุกคน”

 

คลื่นเข้ามาตามทะเลระหว่างเกาะ ภาพที่เห็นคือปะการังก้อนขนาดใหญ่ที่ถูกพัดกระจัดกระจาย บางก้อนกลิ้งไปไกล 200 เมตรหรือไกลกว่านั้น หลายอย่างเปลี่ยนสภาพไปไม่เหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง

 

ผ่านไป 20 ปี บริเวณนี้ก็ยังไม่เหมือนเดิม และไม่มีวันเหมือน ทุกอย่างเปลี่ยนสภาพไปถาวร คลื่นสึนามิทำลายทุกสิ่ง

 

“นั่นคือสึนามิ คือปรากฏการณ์ที่เกิดตามธรรมชาติ เราอาจไม่ชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มันเป็นไปตามวัฏจักร ทว่าสิ่งที่ผมเห็นในวันนั้นเทียบไม่ได้กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในวันนี้ ทะเลที่พินาศเพราะโลกร้อน หากให้จัดลำดับความพินาศของแนวปะการังที่เห็นมา โลกร้อนตอนนี้นับเป็นอันดับหนึ่ง สึนามิยังเบากว่าและเกิดเป็นที่เท่านั้น” 

 

ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ กำลังเก็บกิ่งปะการังเขากวางที่โดนคลื่นสึนามิถล่ม

ภาพ: Thon Thamrongnawasawat / Facebook  

 

ผศ. ดร.ธรณ์ เปิดเผยว่า 8 หมื่นล้านบาทต่อปี คือตัวเลขที่บ่งชี้ว่าไทยอาจสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวหากสูญเสียระบบนิเวศทางทะเล จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ผ่านมา เรายังห่างไกลสำหรับการวางแผนระยะยาว มีเพียงการแถลงข่าวแต่ในแง่ของการปฏิบัติ สำหรับการรับมือภัยพิบัตินั้นไม่เพียงพอ 

 

เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ปะการังจะฟอกขาวขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคาดว่าจะหนักสุดในปีที่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญที่ไม่รู้จะมาเมื่อไร แต่คาดการณ์ว่าจะมาภายใน 5-6 ปีจากนี้ ในปีนั้นจะมีปะการังตายอีกจำนวนมาก 

 

“ผมพูดถึงโลกร้อนมา 30 ปีกว่าปีแล้ว ผมบอกว่าสิ่งเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้นและให้เตรียมรับมือกันนะ ก็ไม่มีใครสนใจหรือให้งบประมาณในการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการรับมือหรือปรับตัว พอปะการังตายไปเกือบหมดถึงค่อยพูดกัน ปัญหาโลกร้อนไม่ได้แก้ไขได้เร็วขนาดนั้น และต่อให้มีงบประมาณที่จะโยนเข้ามาก็ไม่มีเวลาหรือทรัพยากรบุคคลที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ทัน เพราะปัญหาจากก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ”

 

ป้ายการประชุม World Economic Forum ที่ดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ภาพ: Getty Images

 

ผศ. ดร.ธรณ์ เปิดเผยว่า ในการประชุม World Economic Forum ที่ดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยกให้ปัญหาโลกร้อนติด Top 4 อันดับความเสี่ยงต่อเนื่องไปอีก 10 ปีเป็นอย่างน้อย ซึ่งเป็นปัญหาที่ร้ายแรงกว่าคอลเซ็นเตอร์และ AI 

 

ประกอบด้วย 1. Extreme Weather 2. ความพินาศของกระบวนการโลก 3. ปรากฏการณ์ Ecosystem Collapse และ 4. Natural Short ไม่มีน้ำ 

 

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า หากมันเป็นปัญหาธรรมดาภาคธุรกิจคงไม่ยกให้เป็น Top 4 ความเสี่ยงระดับภัยพิบัติของมนุษยชาติ ขณะเดียวกันเลขาธิการสหประชาชาติออกมาตะโกนบอกว่าโลกเดือดโลกร้อน 

 

แต่การเดินหน้าแก้ปัญหาของผู้มีอำนาจในรัฐบาลยังไม่เพียงพอ ไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ แต่รวมถึงรัฐบาลที่ผ่านมา หากให้เป็นคะแนนคงสอบตกทั้งหมด เพราะปัญหาโลกร้อนต้องใช้พลังในการแก้ไขปัญหาเป็น 10 ปี การวางแผนรับมือกับน้ำท่วมฝนตกหนักก็ต้องใช้เวลา 10-20 ปีและใช้เงินจำนวนมหาศาล

 

ผศ. ดร.ธรณ์ ระบุว่า สิ่งสำคัญคือการสอนให้เด็กมีความรู้ ทุกคนรู้ว่าก๊าซเรือนกระจกมีกี่ชนิด สามารถท่องได้หมด แต่ไม่มีความรู้เรื่องการปรับตัว หากกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนว่า ฝนตกหนักเมื่อดูแอปพลิเคชันและข้อมูลต่างๆ ติดตามเว็บต่างๆ ดูว่าพื้นที่มีดินถล่ม-น้ำไหลบ่าหรือไม่ แล้วให้พยายามลากพ่อแม่ออกจากพื้นที่เสี่ยง 

 

เยาวชนต้องนำเอาความรู้ที่มีอยู่ตอนนี้ไปปรับตัวรับมือกับสภาพโลกร้อนที่กำลังรุนแรงขึ้น รวมถึงการปรับตัวในด้านอาชีพต่างๆ ขณะเดียวกันสื่อมวลชนก็ต้องมีการปรับวิธีการนำเสนอ ไม่ใช่ว่ารายงานแค่น้ำท่วมแค่ไหน แต่จะต้องเชื่อมโยงเพื่อแนะนำวิธีการปรับตัวกับผู้คน

 

น้ำท่วมหลังฝนตกหนักในพื้นที่เมืองเชียงใหม่

ภาพ: พงศ์มนัส ทาศิริ

 

ผศ. ดร.ธรณ์ ย้ำว่าสิ่งที่เราจะทำได้เพื่อเตรียมรับมือกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงในวันข้างหน้า คือการรักษาปะการังเฉพาะจุดไข่แดง ในจุดที่ยังพอมีทางที่จะช่วยเหลือ เช่น ปะการังบริเวณเกาะสีชังจนถึงพัทยาในจังหวัดชลบุรีประมาณ 10% ซึ่งไม่ค่อยฟอกขาว และมีข้อมูลยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบมากมาย 

 

นอกจากนี้ยังมีปะการังบริเวณทะเลอันดามันเหนือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ และหมู่เกาะสิมิลัน 

 

ขณะเดียวกันเรากำลังพยายามทำนวัตกรรมต่างๆ เช่น การปลูกหญ้าทะเลให้พะยูนกิน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อาจต้องทำคอกให้พะยูนเข้ามาอาศัย เนื่องจากหากปล่อยให้ว่ายน้ำในทะเลก็ไม่รู้จะไปหาอาหารได้จากที่ไหน 

 

ส่วนประชาชนนั้น ผศ. ดร.ธรณ์ ระบุว่า ต้องเริ่มจากการโยนคำว่า ไม่ได้ติดตามข้อมูล, ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้, เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น และเตรียมการรับมือ ทิ้งไป หากมั่นใจว่าฝนจะตกหนัก เตือนกันมาว่าวันนี้ตกหนักแน่ ก็ต้องทำอะไรสักอย่าง 

 

“ทุกคนมีข้ออ้างทั้งนั้น แต่ ณ วันนี้ภัยพิบัติมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อย่างที่เราเห็นภาพกันอยู่ คนแก่ติดเตียงติดบ้านออกจากบ้านไม่ได้อาจมีแค่ 1% อีก 99% อาจเป็นพ่อแม่เราที่กู้ภัยไปช่วยไม่ทัน ฉะนั้นเราต้องวางแผนคิดในกรณีฉุกเฉิน กรณีที่เลวร้ายที่สุด และบวกเพิ่มจากประสบการณ์เข้าไปอีก เพราะเราอาจไม่เคยประสบเหตุการณ์อย่างที่คนชุมพรเจอ ฉะนั้นขอให้ท่องไว้ว่า สิ่งที่ผ่านมาในอดีตอาจไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในอนาคตให้เราคูณสองเข้าไป”

The post ภัยพิบัติ 2567: สูตรไม่สำเร็จของการตั้งรับภัยพิบัติ รัฐต้องคิดเวอร์อีกเท่าตัว appeared first on THE STANDARD.

]]>
รำลึก 20 ปีสึนามิ ‘UNDP และ ปภ.’ เสริมแกร่ง-สร้างองค์รู้รับมือภัยพิบัติสึนามิ จากระดับท้องถิ่นสู่ระดับชาติ https://thestandard.co/20-years-tsunami-undp-disaster/ Thu, 26 Dec 2024 08:40:53 +0000 https://thestandard.co/?p=1024118

วันนี้ (26 ธันวาคม) ที่จังหวัดพังงา โครงการพัฒนาแห่งสหป […]

The post รำลึก 20 ปีสึนามิ ‘UNDP และ ปภ.’ เสริมแกร่ง-สร้างองค์รู้รับมือภัยพิบัติสึนามิ จากระดับท้องถิ่นสู่ระดับชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (26 ธันวาคม) ที่จังหวัดพังงา โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) และสหภาพยุโรป จัดงานรำลึกครบรอบ 20  ปีสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ในวันที่ 26-27 ธันวาคม 2567 เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 

 

นับเป็นเหตุภัยพิบัติที่สูญเสียมากที่สุดครั้งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยงานรำลึกนำผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้เชี่ยวชาญ นักปฏิบัติการ และชุมชน มาหารือและส่งเสริมการเตรียมพร้อม ลดความเสี่ยง และรับมือกับภัยพิบัติใน 5 หัวข้อหลักคือ สาธารณสุขและเหตุฉุกเฉิน ระบบการเตือนภัยล่วงหน้า การวิจัยและนวัตกรรม การเตรียมพร้อมและรับมือกับภัยพิบัติอย่างครอบคลุม และเมืองที่สามารถตั้งรับกับภัยพิบัติ

 

มีกิจกรรมการวิ่งและเดินตามเส้นทางการรำลึกเหตุการณ์สึนามิ เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สึนามิปี 2547 และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการสร้างความเข้มแข็งในการรับมือกับภัยพิบัติ, จัดเวทีเสวนาโดยวงเสวนาได้นำชุมชน เยาวชน และนักปฏิบัติการจากหลายภาคส่วนมาหารือร่วมกันในหัวข้อ ฟังเสียงจากชุมชน: พลังความร่วมมือสู่การจัดการภัยพิบัติอย่างมีส่วนร่วม

 

ประกอบด้วย สรณัฐ ลือโสภณ ผู้อำนวยการส่วนสนับสนุนการมีส่วนร่วม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, ปุณฑริกา เกื้อสกุล เลขานุการสมาคมคนพิการภูเก็ต, ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, พรรณราย จรุงการ ผู้อำนวยการโรงเรียนเกาะไม้ไผ่ จังหวัดพังงา และ ตะวัน ทรายอ่อน (เยาวชน ทีมอาสาสมัครในหมู่บ้าน ปัจจุบันฝึกงานอยู่ ปภ.จังหวัดพังงา)

 

โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติเริ่มทำโครงการโรงเรียนเข้มแข็งเพื่อการเตรียมความพร้อมรับมือสึนามิในเอเชียแปซิฟิกตั้งแต่ปี 2560 โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น ที่มุ่งเน้นการสร้างความปลอดภัยของโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยสึนามิ ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสภากาชาดไทย โดยโครงการนี้พัฒนาแผนการอพยพสึนามิของโรงเรียนที่นำไปทดลองและซ้อมในโรงเรียน 209 โรงเรียนตามแนวชายฝั่ง รวมถึงการซ้อมอพยพสึนามิกับนักเรียน 7,593 คน และเจ้าหน้าที่โรงเรียน 471 คน 

 

นอกจากนี้แผนการอพยพยังคำนึงการสื่อสารกับคนพิการทั้ง 7 ประเภทในเหตุฉุกเฉิน ซึ่งแผนอพยพสึนามิดังกล่าวพัฒนาเป็นคู่มือการอพยพสึนามิระดับชาติ ที่มีโรงเรียน 27,000 โรงเรียนนำไปปฏิบัติใช้ ในขณะที่ UNDP และรัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนโรงเรียนมากกว่า 700 โรงเรียนใน 24 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซ้อมอพยพสึนามิและจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับภัยพิบัติกับนักเรียน ครู เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และชุมชน 218,800 คน

 

สำหรับเหตุการณ์สึนามิในวันที่ 26 ธันวาคม 2547 มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 230,000 รายใน 14 ประเทศ โดยมีผู้เสียชีวิต 5,395 รายในประเทศไทย การสูญเสียจากเหตุการณ์นี้ยังนับเป็นหนึ่งในเหตุภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยปัจจุบันมีผู้คนทั่วโลก 700 ล้านคนที่เสี่ยงกับสึนามิ

 

โอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย กล่าวว่า ญี่ปุ่นเองก็เคยประสบกับเหตุการณ์สึนามิในปี 2011 ซึ่งในสถานการณ์นั้นมีโรงเรียนแห่งหนึ่งที่สามารถอพยพนักเรียนทั้งหมดได้สำเร็จ เราเรียกเหตุการณ์นี้ว่า ‘ปาฏิหาริย์แห่งคามาอิชิ’ 

 

ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะพวกเขาปฏิบัติตามคำแนะนำ แต่เป็นเพราะพวกเขาสามารถปรับตัวและลงมือทำได้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์จริง โดยอาศัยความตระหนักรู้ในวิธีการตอบสนองทันทีหลังเกิดแผ่นดินไหว นักเรียนแต่ละคนจึงมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจอพยพไปยังพื้นที่สูงและปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยตัวเอง และเชื่อว่านี่คือบทเรียนสำคัญที่เราสามารถแบ่งปันให้กับประเทศไทยได้ และเป็นสิ่งที่เราได้ร่วมดำเนินการกับ UNDP ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

 

“เรามุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยในโรงเรียน เพราะโรงเรียนเป็นสถานที่ที่เยาวชนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่มากที่สุด ซึ่งต้องการคำแนะนำในสถานการณ์ฉุกเฉิน นอกจากนี้โรงเรียนยังเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาชุมชน และเราไม่สามารถสูญเสียคนรุ่นใหม่ไปกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงได้อีก”

 

นีฟ คอลิเออร์-สมิธ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย กล่าวว่า หลังเหตุการณ์สึนามิ โลกแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันผ่านการตอบสนองอย่างรวดเร็วเพื่อสนับสนุนประเทศที่ได้รับผลกระทบ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประมาณร้อยละ 40 มาจากการบริจาคของบุคคล ทรัสต์ และภาคเอกชน

 

นับเป็นการตอบสนองที่รวดเร็วที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของการบรรเทาภัยพิบัติ จากการสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่น UNDP ผ่านสำนักงานใน 5 ประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย ศรีลังกา มัลดีฟส์ และอินเดีย ซึ่งตอบสนองอย่างทันท่วงทีต่อความต้องการเร่งด่วนของรัฐบาลและชุมชนในการช่วยชีวิตและลดความสูญเสียและความเสียหาย UNDP ไม่เพียงมุ่งมั่นสนับสนุนการฟื้นฟูเร่งด่วนเท่านั้น แต่ยังสร้างรากฐานสำหรับความเข้มแข็งในการรับมือภัยพิบัติในระยะยาวอีกด้วย

 

ทั้งนี้ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติทำงานผ่านโครงการระดับภูมิภาคเพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความตระหนักรู้ของชุมชนผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การซ้อมอพยพสึนามิ การปรับปรุงแผนฉุกเฉินของโรงเรียน และการบูรณาการแผนเหล่านี้เข้ากับกรอบการจัดการภัยพิบัติระดับชาติ ขณะนี้เรากำลังขยายความพยายามของเราโดยสนับสนุนให้ประเทศต่างๆ บูรณาการการเตรียมพร้อมรับมือสึนามิเข้ากับนโยบายระดับชาติและหลักสูตรโรงเรียน เพื่อให้มั่นใจว่าโรงเรียนและชุมชนทั้งหมดมีศักยภาพในการลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยในกรณีที่เกิดเหตุการณ์สึนามิ

The post รำลึก 20 ปีสึนามิ ‘UNDP และ ปภ.’ เสริมแกร่ง-สร้างองค์รู้รับมือภัยพิบัติสึนามิ จากระดับท้องถิ่นสู่ระดับชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
26 ธันวาคม 2547 – ครบรอบ 20 ปี สึนามิซัดถล่มไทย https://thestandard.co/on-this-day-26122547/ Thu, 26 Dec 2024 00:56:25 +0000 https://thestandard.co/?p=1023881 สึนามิ

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลขนาดปร […]

The post 26 ธันวาคม 2547 – ครบรอบ 20 ปี สึนามิซัดถล่มไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
สึนามิ

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลขนาดประมาณ 9.1-9.3 ช่วงเวลาราว 07.58 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปในมหาสมุทรอินเดีย ใกล้ด้านตะวันตกของตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย 

 

แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกใต้มหาสมุทรอินเดีย นับเป็นแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงเป็นอันดับที่ 3 ตามที่เคยวัดได้จากเครื่องวัดแผ่นดินไหว (Seismometer) กระตุ้นให้เกิดคลื่นสึนามิสูงราว 30 เมตร ซัดทำลายบ้านเรือนตามแนวชายฝั่งรอบมหาสมุทรอินเดีย รวมถึง 6 จังหวัดภาคใต้ของไทย ได้แก่ ภูเก็ต, พังงา, ระนอง, กระบี่, ตรัง และสตูล 

 

คาดว่ามีผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ใน 14 ประเทศมากกว่า 2.3-2.8 แสนคน ในไทยประมาณ 5,400 คน นับเป็นหนึ่งในภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยประเทศที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดได้แก่ อินโดนีเซีย, ศรีลังกา, อินเดีย และไทย ตามลำดับ

 

ผ่านมา 20 ปี โศกนาฏกรรมครั้งนั้นดูเลือนรางไปจากความรับรู้ของใครหลายคน มีเพียงภาพความสูญเสียและคำบอกเล่าของผู้ประสบเหตุการณ์ แต่แทบไม่รู้เลยว่าหากเกิดสึนามิขึ้นอีกครั้ง เราควรทำอย่างไร

 

ON THIS DAY ชวนรำลึกถึงภัยพิบัติครั้งรุนแรงที่สุดของมวลมนุษยชาติ แนวทางจัดการวิกฤต รวมถึงความรู้ในการเอาตัวรอด เพื่อไม่ให้ความสูญเสียในครั้งนั้นต้องเกิดซ้ำอีกครั้ง

 

คำเตือน: วิดีโอนี้อาจมีภาพและเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับศพ

 

ชมวิดีโอ: https://youtu.be/kWJLYS2c1H4?si=B0xFyZObb5ndqfwb

The post 26 ธันวาคม 2547 – ครบรอบ 20 ปี สึนามิซัดถล่มไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>