สิงห์ศึก สิงห์ไพร – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 24 Jul 2024 04:24:19 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 สว. ชุดใหม่ ต่างจากเดิมอย่างไร หรือแค่เปลี่ยนสี? https://thestandard.co/how-new-set-of-senators-different/ Wed, 24 Jul 2024 04:23:32 +0000 https://thestandard.co/?p=962001 สว. ชุดใหม่

ช่วงหนึ่งในการแสดงวิสัยทัศน์ของ มงคล สุระสัจจะ ประธานวุ […]

The post สว. ชุดใหม่ ต่างจากเดิมอย่างไร หรือแค่เปลี่ยนสี? appeared first on THE STANDARD.

]]>
สว. ชุดใหม่

ช่วงหนึ่งในการแสดงวิสัยทัศน์ของ มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภาคนใหม่ ก่อนที่ประชุมจะทุ่มเสียงโหวตให้ถึง 159 เสียง เขาชวนสมาชิกทุกคนมาเดินหน้าให้วุฒิสภาบรรลุความเป็น ‘สภาสามัญชน’ เป็นสภาที่ประนอมอำนาจดับวิกฤตของสังคมไทย

 

“วุฒิสภาชุดปัจจุบันใครจะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ แต่เป็นครั้งแรกที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ปฏิรูปให้เป็นสภาของคนทุกหมู่เหล่า แบ่งเป็น 20 กลุ่มอาชีพ เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามาทำหน้าที่แทนประชาชน จึงขอให้ทุกท่านรักษาไว้”

 

เป็นความจริงที่วุฒิสภาชุดใหม่นี้เรียกได้ว่ามีประชาชน ‘พลเรือน’ เป็นองค์ประกอบสำคัญ จากทั้งหมด 200 คน มีอดีตข้าราชการทหารเพียง 6 นาย ต่างจากวุฒิสภาชุดที่ คสช. แต่งตั้ง ที่มีนายทหารอยู่ถึง 90 คน ตลอดจนบรรดา ‘ผู้นำเหล่าทัพ’

 

แต่ขณะเดียวกัน จริงหรือไม่ที่สภาชุดใหม่อันประกอบไปด้วย ‘ประชาชนที่เข้ามาทำหน้าที่แทนประชาชน’ จะสามารถเป็นอิสระอย่างแท้จริง หรือเพียงแต่เปลี่ยนจากชุดลายพรางเป็นชุดน้ำเงิน (หรือชุดเหลือง) เท่านั้น? THE STANDARD ชวนหาคำตอบจากผลการเลือกประธานวุฒิสภา สังเวียนแรกของ สว. ชุดใหม่

 

 

“ดูเหมือนเสียงส่วนน้อยไม่มีค่าอะไรเลย”

 

ช่วงเย็นวานนี้ (23 กรกฎาคม) ที่ประชุมยังอยู่ระหว่างการนับคะแนนการเลือกรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ปรากฏว่า อังคณา นีละไพจิตร หนึ่งในแคนดิเดตรองประธานวุฒิสภา ที่เสนอโดยกลุ่ม ‘สว. พันธุ์ใหม่’ กลับออกจากห้องประชุม เตรียมเดินทางกลับโดยไม่รอฟังผล ด้วยเหตุว่าคะแนนของ บุญส่ง น้อยโสภณ ที่เสนอโดยกลุ่ม ‘สว. สีน้ำเงิน’ นำลิ่วทิ้งห่างแคนดิเดตคนอื่น

 

“จะได้ถึง 20 คะแนนหรือเปล่าก็ไม่รู้” อังคณาพูดติดตลกกับสื่อมวลชนที่มารอสัมภาษณ์ถึงคะแนนที่ตนเองอาจจะได้ 

 

ท้ายที่สุดผลก็เป็นไปตามนั้น บุญส่งกวาดคะแนนไปมากถึง 167 เสียง ขณะที่อังคณาตามมาเป็นอันดับรองได้เพียง 18 คะแนน

 

ไม่ใช่เพียงบุญส่งเท่านั้น แต่แคนดิเดตที่คว้าตำแหน่งประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาทุกคนล้วนได้รับคะแนนท่วมท้นจากที่ประชุม มงคลได้ 159 คะแนน และ พล.อ. เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ได้ 150 คะแนน 

 

ใช้คำว่า ‘ชนะขาด’ ยังอาจน้อยไป เพราะแม้จะมีผู้เสนอตัวชิงตำแหน่งถึง 3-4 คน ซึ่งสำหรับการโหวตในสภาแล้วถือเป็นการแข่งขันที่น่าจะดุเดือด ทว่าเสียงข้างน้อยที่พ่ายแพ้นั้นกลับได้คะแนนของทุกคนรวมกันไม่ถึงครึ่งของผู้ชนะคนเดียวด้วยซ้ำ

 

 

อังคณาเปรียบเทียบการเลือกประธานวุฒิสภาครั้งนี้ว่าไม่ต่างอะไรจากการเลือก สว. ระดับประเทศ ที่ใครมีคะแนนมาสูงก็สูงลิ่ว และเหมือนที่กำหนดมาให้เป็นแบบนี้ ก็ขึ้นอยู่กับคนที่กำหนดว่าจะชี้นำตลอดไปหรือจะรับฟังเสียงคนข้างนอกบ้างหรือไม่

 

“สิ่งหนึ่งที่ทำให้เห็นได้ชัดในวันนี้อีกครั้งก็คือความไม่เป็นอิสระ” สว. อดีตนักสิทธิมนุษยชน ระบุ “เพราะไม่น่าจะเป็นไปได้ที่คะแนนจะเทไปให้คนใดคนหนึ่งจนมากแบบนี้ จนทำให้ดูเหมือนว่าคนที่ได้คะแนนน้อยดูไม่มีค่าอะไรเลย”

 

อังคณาพยายามชี้ให้เห็นว่า ความไม่เป็นธรรมชาติและไม่สมดุลของคะแนนเสียงเป็นข้อบ่งชี้สำคัญว่าวุฒิสภาแห่งนี้น่าจะมี ‘ใบสั่ง’ ซึ่งจะว่าไปก็เป็นสิ่งที่เห็นชัดประจักษ์มายาวนานตั้งแต่ก่อนประชุมนัดแรกแล้ว แต่ผลการเลือกประธานฯ และรองประธานฯ ในวันนี้ก็เป็นการตอกย้ำให้ตราตรึงยิ่งกว่าเดิม

 

สว. ใหม่ แต่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ‘เปลี่ยนสี’?

 

เมื่อมองลึกลงไปถึงกระบวนการเสนอชื่อและลงคะแนนเลือกประธานวุฒิสภาในรอบนี้เทียบกับของวุฒิสภาชุดที่เพิ่งหมดวาระไป มีหลายจุดที่แตกต่างกันมาก ทว่าก็มองเห็น ‘ความเหมือน’ ในผลลัพธ์เช่นเดียวกัน ซึ่งอาจสะท้อนแนวโน้มว่าการทำงานของวุฒิสภาชุดเก่าและชุดใหม่จะต่างหรือเหมือนกันอย่างไรบ้าง

 

 

การเลือกประธานวุฒิสภาชุดที่ผ่านมามีการเสนอชื่อแคนดิเดตเพียงคนเดียวทั้ง 3 ตำแหน่ง ตามข้อบังคับกำหนดไว้ว่า กรณีที่ไม่มีผู้เสนอชื่อบุคคลอื่นมาแข่งขัน จะทำให้บุคคลเดียวที่ได้รับการเสนอชื่อนั้นได้รับตำแหน่งไปโดยปริยาย และอย่างที่ทราบกันว่าประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาชุดที่ 12 จึงประกอบด้วย

 

  • พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา
  • พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1
  • ศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2

 

กลับมามองวุฒิสภาชุดปัจจุบัน นอกจากการเสนอชื่อแคนดิเดตของกลุ่ม สว. สีน้ำเงิน และ สว. พันธุ์ใหม่ ที่ตรงตามโผการนำเสนอของสื่อมวลชนแล้ว ยังมีแคนดิเดตจากกลุ่ม ‘สว. อิสระ’ ที่นำโดย นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ และแคนดิเดตที่ไม่เคยแสดงออกว่าสนใจจะลงชิงตำแหน่งมาก่อนด้วยอย่าง ปฏิมา จีระแพทย์ ที่ออกปากเองว่า เพิ่งรู้จากสมาชิกเมื่อช่วงเช้าว่าจะมีการเสนอชื่อตนเองในวันนี้

 

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ชัยชนะจะเป็นของแคนดิเดตทั้ง 3 คนจากกลุ่ม สว. สีน้ำเงิน ที่สับเปลี่ยนเสนอชื่อกันเองเพื่อแสดงความโยงใยสู่กันอย่างเป็นเอกภาพ การเสนอชื่อแคนดิเดตที่หลากหลายก็ทำให้พอมองเห็นการต่อสู้ที่เกิดเป็นคลื่นใต้น้ำ ทว่าก็เบาแรงเกินกว่าจะต้านนาวาของ ‘บ้านใหญ่’

 

 

เมื่อถอยออกมาพิจารณาว่าวุฒิสภาชุดที่แต่งตั้งโดย คสช. และวุฒิสภาจากการเลือกกันเองภายใต้กติกาพิสดาร ต่างกำเนิดขึ้นมาในช่วงเวลาที่บริบทของสังคมและการเมืองค่อนข้างต่างกัน

 

กล่าวคือ วุฒิสภาสมัย คสช. แม้การเสนอชื่อตลอดจนการเลือกประธานจะมีเอกภาพสูง ไม่แตกแถว แต่ในช่วงท้ายปลายสมัยของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กระทั่งถึงช่วงหาเสียงเลือกตั้งและโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คะแนนเสียงของ สว. ทั้ง 250 คนเริ่มขาดความเป็นปึกแผ่นและแบ่งแยกกันอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนว่าความเหนียวแน่นของวุฒิสภาชุดเดิมขึ้นอยู่กับเสถียรภาพของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ด้วย

 

ขณะที่ สว. ชุดปัจจุบัน ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ในสภาส่งตรงมาจากอาณาจักร ‘บุรีรัมย์’ ถึงจะมีสายอื่นกระเซ็นมาบ้าง แต่ท้ายที่สุดก็รวมเสียงข้างมากได้อย่างไม่ยากเย็นนัก วัตถุประสงค์หลักของวุฒิสภาชุดนี้น่าจะเป็นการเสริมบารมีให้กับพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่งเป็นการเฉพาะ และยังเป็นหอกข้างแคร่ของรัฐบาลที่กุมเสียงข้างมากในสภาล่างด้วย

 

ดังนั้นความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ วุฒิสภาชุดใหม่มีการแบ่งฝักฝ่ายมาตั้งแต่ต้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด แต่กลับเป็นภาพสะท้อนของวัฒนธรรมประชาธิปไตยด้วยซ้ำ แต่ปัญหาคือ ฝ่ายที่กุมเสียงข้างมาก ‘ขาดความเป็นอิสระ’ อย่างชัดเจน ยิ่งทำให้ต้องติดตามต่อไปว่าความแตกต่างหลากหลายที่กำลังถูก ‘กดทับ’ และ ‘ดูดกลืน’ จะสามารถขับเคลื่อนได้มากน้อยเพียงใดในวาระ 5 ต่อไปนี้

 

 

ประเมินขุมคะแนนเสียง สว. แต่ละสาย

 

ก่อนจะเข้าสู่การเลือกประธานวุฒิสภา เกิดข้อถกเถียงกันในที่ประชุมเรื่องการจำกัดเวลาให้แคนดิเดตแต่ละคนได้แสดงวิสัยทัศน์ เทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. กลุ่มสื่อฯ ในสาย ‘สว. พันธุ์ใหม่’ เสนอให้ใช้เวลาไม่เกิน 7 นาที ขณะที่ พล.ต.ท. บุญจันทร์ นวลสาย สว. กลุ่มการกฎหมายฯ ซึ่งคาดว่าอยู่ในสาย ‘สว. สีน้ำเงิน’ เสนอให้ไม่เกิน 5 นาที ทำให้ที่ประชุมต้องลงมติ

 

ดูเผินๆ อาจเหมือนเถียงกันด้วยเรื่องเล็กน้อย แต่การลงมติตั้งแต่ก่อนเลือกประธานวุฒิสภา ความจริงแล้วคือวิธีการเช็กเสียงของแต่ละฝ่ายว่ามีอยู่เท่าไร เสมือนเป็นการซักซ้อมให้สมาชิกแต่ละฝ่ายได้เตรียมตัวก่อนขึ้นชกจริง

 

ผลการลงมติครั้งแรกในวุฒิสภาชุดนี้ ฝ่ายที่โหวตเห็นด้วยกับญัตติของ พล.ต.ท. บุญจันทร์ มี 143 เสียง ซึ่งเดาได้ว่าเป็นสายสีน้ำเงิน และฝ่ายที่โหวตเห็นชอบกับญัตติของเทวฤทธิ์มี 54 เสียง คาดว่าเป็นกลุ่มอื่นๆ ที่มีทั้งกลุ่มพันธุ์ใหม่และกลุ่มอิสระ

 

เมื่อประมวลจากผลคะแนนในการเลือกประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภา ก็สามารถคาดการณ์จำนวนที่ สว. แต่ละสายมีอยู่ ดังนี้

 

สว. สีน้ำเงิน (และแนวร่วม) มากกว่า 150 เสียง

สว. พันธุ์ใหม่ 18-20 เสียง

สว. อิสระ ประมาณ 25-30 คน

สว. ไร้กลุ่ม ไม่เกิน 5 คน

 

อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงว่าผลดังกล่าวไม่ได้วัดตายตัวเหมือน สส. ที่สังกัดพรรคการเมือง เพราะ สว. 1 คนอาจสังกัดอยู่หลายกลุ่มหรือเปลี่ยนใจไปเรื่อยๆ ในการโหวตแต่ละครั้ง ทำให้จำนวนรวมอาจไม่เท่ากับ 200 คนพอดี

 

 

The post สว. ชุดใหม่ ต่างจากเดิมอย่างไร หรือแค่เปลี่ยนสี? appeared first on THE STANDARD.

]]>
สว.ตัวตึง ‘สมชาย-คำนูณ-ถวิล’ เข้าชื่อเตรียมซักฟอกรัฐบาล ‘เสรี’ ชี้นายกฯ ควรมาตอบด้วยตัวเอง https://thestandard.co/somchai-khamnoon-tawin-29012024/ Mon, 29 Jan 2024 05:53:30 +0000 https://thestandard.co/?p=893356 สมชาย-คำนูณ-ถวิล

วันนี้ (29 มกราคม) ที่รัฐสภา เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุ […]

The post สว.ตัวตึง ‘สมชาย-คำนูณ-ถวิล’ เข้าชื่อเตรียมซักฟอกรัฐบาล ‘เสรี’ ชี้นายกฯ ควรมาตอบด้วยตัวเอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมชาย-คำนูณ-ถวิล

วันนี้ (29 มกราคม) ที่รัฐสภา เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงความคืบหน้าขออภิปรายทั่วไปคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 ว่าได้นำเข้าที่ประชุมวิปวุฒิสภาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (25 มกราคม) และได้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อดำเนินการประสานงานกับสมาชิกวุฒิสภาที่จะอภิปรายในญัตติดังกล่าว 

 

โดยมี พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นหัวหน้าคณะ ตนเองและ สมชาย แสวงการ สว. เพื่อรวบรวมประเด็นที่สมาชิกจะอภิปรายและได้จัดทำแบบสอบถามเพื่อความชัดเจน ให้เห็นประเด็นของแต่ละคน และจัดอันดับกำหนดเวลาให้สามารถทำงานได้โดยสะดวก

 

เสรีกล่าวว่า วุฒิสภาเสนอแนวทางระยะเวลาการอภิปราย 2 วัน ถ้าเป็นไปได้จะเริ่มอภิปรายภายในเดือนกุมภาพันธ์ โดยอยู่ที่ความพร้อม สะดวก และความสุจริตใจของรัฐบาล ระยะเวลาวุฒิสภาชุดนี้จะครบสมัยประชุมคือวันที่ 9 เมษายน เจตจำนงเราไม่อยากให้ชักช้า ต้องการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ หรือเดือนมีนาคม

 

เสรีกล่าวอีกว่า มีสมาชิกหลายท่านแสดงความจำนงต้องการลงชื่อเพื่อร่วมอภิปราย แต่ สว. ต้องการความชัดเจนเรื่องระยะเวลา ซึ่งบุคคลที่อภิปรายจะเป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ เช่น ถวิล เปลี่ยนศรี, สมชาย แสวงการ, คำนูณ สิทธิสมาน, นพ.ทวีวงษ์ จุลกมนตรี, กำพล เลิศเกียรติดำรงค์ เป็นต้น

 

เสรียังกล่าวถึงความแตกต่างของการอภิปรายทั่วไปของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรว่า สภาผู้แทนราษฎรจะมีแนวทางที่เข้มข้นและให้เห็นว่ารัฐบาลทำงานล้มเหลวอย่างไร ส่วนทาง สว. จะเป็นการนำเสนอประเด็นปัญหาเพื่อให้รัฐบาลนำไปแก้ไขในการบริหารประเทศ ความเข้มข้นดุเดือดจึงจะไม่เหมือนกับฝั่งสภาผู้แทนราษฎร เราจะพูดในเหตุผล เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและพี่น้องประชาชนเป็นหลัก

 

เสรีกล่าวอีกว่า ด้วยเหตุผลและสภาพปัญหา นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล ควรเดินทางมาชี้แจงด้วยตนเอง สว. อภิปรายพูดกับรัฐบาล ถ้าหัวหน้าไม่มาก็อาจจะทำให้ความชัดเจนของเนื้อหาที่จะตอบไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ดีที่สุดคือ หวังว่านายกรัฐมนตรีจะมาชี้แจงแถลงต่อวุฒิสภาด้วยตนเอง แล้วจะมีคณะรัฐมนตรีมากี่คนก็สุดแท้แต่

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รายชื่อของ สว. ที่ร่วมยื่นญัตติอภิปราย เสรีกล่าวว่า ไม่ทราบว่าสื่อรายงานว่าอย่างไร แต่โดยเบื้องต้นเท่าที่ทราบยังไม่มี สว. รายใดถอนรายชื่อออก

The post สว.ตัวตึง ‘สมชาย-คำนูณ-ถวิล’ เข้าชื่อเตรียมซักฟอกรัฐบาล ‘เสรี’ ชี้นายกฯ ควรมาตอบด้วยตัวเอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปธ.คณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา เผยสอบจริยธรรม ‘กิตติศักดิ์’ ปมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลขวางเจ้าอาวาสเข้าวัดบางคลาน ขอรอมติ 18 ก.ย. นี้ https://thestandard.co/singsuk-singpai-kittisak-ethic/ Thu, 14 Sep 2023 13:21:03 +0000 https://thestandard.co/?p=841786

วันนี้ (14 กันยายน) พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุ […]

The post ปธ.คณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา เผยสอบจริยธรรม ‘กิตติศักดิ์’ ปมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลขวางเจ้าอาวาสเข้าวัดบางคลาน ขอรอมติ 18 ก.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (14 กันยายน) พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา เปิดเผยถึงการรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบข้อร้องเรียนเรื่องจริยธรรมของ กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา ว่าเข้าข่ายผิดประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 หรือไม่ จากกรณีปัญหาความขัดแย้งที่วัดหิรัญญาราม หรือ วัดบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ซึ่งกิตติศักดิ์ถูกร้องเรียนว่าทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ไม่ยอมให้เจ้าอาวาสวัดบางคลานที่ถูกแต่งตั้งอย่างถูกต้องเข้าไปปฏิบัติหน้าที่

 

พล.อ. สิงห์ศึกระบุว่า ตอนนี้คณะกรรมการจริยธรรมฯ ได้มีความเห็นเรียบร้อยแล้ว และได้ส่งเรื่องให้ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในวันจันทร์ที่ 18 กันยายนนี้ เพื่อให้ที่ประชุมลงมติว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการจริยธรรมฯ ส่วนความเห็นของคณะกรรมการจริยธรรมฯ เป็นอย่างไรนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นการประชุมลับ 

 

สำหรับวัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร เดิมมีชื่อว่า ‘วัดวังตะโก’ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านเก่า หลวงพ่อเงินเป็นผู้สร้างไว้ เมื่อประมาณปี 2377 มีพิพิธภัณฑ์นครไชยบวรเป็นพิพิธภัณฑ์รูปมณฑป 2 ชั้น ชั้นบนประดิษฐานรูปหล่อเท่าองค์จริงของหลวงพ่อเงิน เกจิอาจารย์ที่ชาวไทยรู้จัก เคารพนับถือ และเลื่อมใสศรัทธา

 

โดยปมปัญหาความขัดแย้งวัดบางคลานเริ่มจากปัญหาในการบริหารงานและเงินของวัดตั้งแต่ปี 2557 หลังเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรมีคำสั่งปลดอดีตเจ้าอาวาส เนื่องจากมีการใช้เงินวัดผิดวัตถุประสงค์ และตั้งรักษาการแทนเจ้าอาวาสให้เข้ามาบริหารจัดการเงินบริจาคและทรัพย์สินของวัด 

 

แต่ก็มีความเห็นชาวบ้านไม่ตรงกันระหว่าง 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกไม่เชื่อใจรักษาการเจ้าอาวาสใหม่ เนื่องจากมีพฤติกรรมเกี่ยวกับเรื่องเงินเช่นเดียวกัน กับอีกฝ่ายที่ต้องการเข้ามาตรวจสอบทรัพย์สินของวัด เพื่อความโปร่งใส จนมีเรื่องฟ้องร้องหลายคดี โดยฝ่ายคัดค้านเจ้าอาวาสใหม่มีกิตติศักดิ์เข้ามาช่วยแก้ปัญหา 

 

กระทั่งเกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้าไปในวัดบางคลาน ก่อนจะทำร้ายไวยาวัจกรและกลุ่มคนงานบาดเจ็บกว่า 10 คน มีการแจ้งความดำเนินคดี ต่อมาตำรวจออกหมายจับกลุ่มชาย 21 คน รวมถึงออกหมายเรียกกิตติศักดิ์ 3 ข้อหา คือ เป็นผู้ใช้และจ้างวาน บุกรุกเคหสถาน และทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส 

 

กิตติศักดิ์ได้ใช้เอกสิทธิ์ความเป็น สว. คุ้มครอง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย ส่งผลให้ไวยาวัจกรวัดบางคลาน ชมรมรักษ์พุทธศาสน์นานาชาติ ตัวแทนองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาฯ และชาวบ้านบางคลาน ร่วมกันยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินและประธานวุฒิสภา เพื่อให้ไต่สวนจริยธรรมของกิตติศักดิ์ และพิจารณาถอดถอนออกจากตำแหน่ง 

 

ล่าสุดเจ้าอาวาสวัดคนปัจจุบันก็ยังไม่สามารถเข้าวัดบางคลานได้ แม้จะมีการนำคำสั่งประกาศของเจ้าอาวาสวัดบางคลานมาติดประกาศให้ผู้ที่ฝ่าฝืนปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดแล้วก็ตาม

The post ปธ.คณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา เผยสอบจริยธรรม ‘กิตติศักดิ์’ ปมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลขวางเจ้าอาวาสเข้าวัดบางคลาน ขอรอมติ 18 ก.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
วุฒิสภาเห็นชอบ ‘พศวัจณ์ กนกนาก’ นั่ง ป.ป.ช. คนใหม่ https://thestandard.co/possawat-new-nacc/ Mon, 07 Aug 2023 07:38:29 +0000 https://thestandard.co/?p=826390

วันนี้ (7 สิงหาคม) พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒ […]

The post วุฒิสภาเห็นชอบ ‘พศวัจณ์ กนกนาก’ นั่ง ป.ป.ช. คนใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (7 สิงหาคม) พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561) 

 

โดยคณะกรรมการสรรหาได้เสนอชื่อ พศวัจณ์ กนกนาก เพียงคนเดียว ให้ที่ประชุมให้ความเห็นชอบ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบได้คะแนน 168 ต่อ 25 เสียง ไม่ออกเสียง 20 เสียง เท่ากับว่าได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่ง จึงถือว่าที่ประชุมวุฒิสภาให้ความเห็นชอบให้ พศวัจณ์ กนกนาก เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป

 

สำหรับพศวัจณ์ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น ประธานศาลอุทธรณ์, อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งกรุงเทพใต้, ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 6, ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา, ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา และรองประธานศาลฎีกา

The post วุฒิสภาเห็นชอบ ‘พศวัจณ์ กนกนาก’ นั่ง ป.ป.ช. คนใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ส.ว. เริ่มสอบปม ส.ต.ท.หญิง เตรียมสรุปผลภายใน 60 วัน พร้อมเชิญมาสอบไม่ว่าเป็นใครหากมีส่วนเกี่ยวข้อง https://thestandard.co/maid-abuser-60-days-investigation/ Fri, 02 Sep 2022 04:31:21 +0000 https://thestandard.co/?p=675344

วันนี้ (2 กันยายน) พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒ […]

The post ส.ว. เริ่มสอบปม ส.ต.ท.หญิง เตรียมสรุปผลภายใน 60 วัน พร้อมเชิญมาสอบไม่ว่าเป็นใครหากมีส่วนเกี่ยวข้อง appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (2 กันยายน) พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา เปิดเผยว่า การประชุมวันนี้นับเป็นวันแรกที่เริ่มพิจารณากรณี ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม หรือ เจ๊นุช เชื่อมโยงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หรือไม่ โดยมีกรอบเวลาในการพิจารณา 60 วัน เริ่มนับวันนี้เป็นวันแรก

 

สำหรับประเด็นที่จะพิจารณาวันนี้ จะหยิบยกคำแถลงของ ธานี อ่อนละเอียด ส.ว. ที่ถูกโยงชื่อเกี่ยวข้องกับ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ซึ่งขั้นตอนในการพิจารณาเป็นไปตามข้อบังคับประมวลจริยธรรม

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นที่จะต้องเชิญธานีเข้ามาชี้แจงด้วยหรือไม่ พล.อ. สิงห์ศึกบอกว่า หากดูเอกสารแล้วเกี่ยวข้องจะต้องเชิญทั้งสองฝ่ายคือ ธานี และ วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ยื่นคำร้องขอให้สอบจริยธรรม เข้ามาทั้งคู่ ย้ำว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความเกี่ยวข้องกันจริงก็จะเชิญมาชี้แจงแน่นอน และตามหลักการการประชุมในวันนี้จะพิจารณาต่อว่าจะเชิญใครมาสอบถามอีกบ้าง

 

ส่วนกรณีมีการขอตัวทั้ง ส.ต.ท.หญิง และ ส.ท.หญิง มาช่วยงาน ทางกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบ และเสริมสร้างธรรมาภิบาลของวุฒิสภา จะต้องเชิญประธาน กมธ. ชุดดังกล่าว คือ พล.ร.อ. ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ มาสอบถามด้วยหรือไม่ พล.อ. สิงห์ศึกยืนยันว่าหากมีหลักฐานเกี่ยวข้องถึงใครจะเชิญมาชี้แจงทั้งหมด

 

พล.อ. สิงห์ศึกยังเปิดเผยว่า ตนมีความเป็นห่วงหลังจากทราบข่าวที่สื่อมวลชนรายงานว่าคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภาอาจจะไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่เป็นเพราะกระบวนการยังไม่เริ่ม ซึ่งเมื่อหลังมีคำแถลงของธานีแล้วจึงสามารถเริ่มกระบวนการได้ ทั้งนี้ยังต้องขอขอบคุณวัชระที่มีความห่วงใยต่อหลักธรรมาภิบาลขององค์กรรัฐสภาและได้แสวงหาข้อมูลส่งมาให้

 

สำหรับหลักฐานเพิ่มเติมที่วัชระจะนำมาเปิดเผยในเวลา 10.30 น. ของวันนี้นั้น ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่จะนำข้อมูลดังกล่าวเข้าสู่คณะกรรมการเพื่อพิจารณาร่วมกัน

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่กรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ส.ต.ท.หญิง และ ส.ท.หญิง แล้วพบว่าทั้งคู่ถูกเรียกตัวมาทำงานที่คณะกรรมาธิการในวุฒิสภา พล.อ. สิงห์ศึก ระบุว่า ตนก็ยังไม่ทราบรายละเอียด ต้องรอประชุมวันนี้ แต่คาดว่าน่าจะมีข้อมูลที่ประสานร่วมกันกับ กมธ. ฝั่ง ส.ส. ทั้ง 3 คณะได้ ส่วนจะมีการนำข้อมูลที่ได้มาเชื่อมโยงเพื่อพิจารณาหรือไม่ พล.อ. สิงห์ศึก ระบุว่า ขึ้นอยู่กับที่ประชุม แต่เชื่อว่าสามารถบูรณาการร่วมกันได้

 

พล.อ. สิงห์ศึกยังขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจว่าการพิจารณาในวันนี้จะทำให้เกิดประโยชน์อย่างแน่นอน ทุกอย่างดำเนินการตามที่กฎหมายระบุอย่างถูกต้อง โดยการประชุมวันนี้ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นผู้ส่งตัวอย่างมาให้ด้วยตนเอง ถือเป็นการประชุมด่วน คณะกรรมการเพิ่งทราบข้อมูลจากเลขาธิการวุฒิสภาช่วงเย็นเมื่อวานนี้ หลายคนที่ติดภารกิจก็ยังมาร่วมประชุม

 

“จะไปเอาความรู้สึกหรือกระแสสังคมแล้วทำนอกกฎหมาย ซึ่งผมเองจะไปสั่งคณะกรรมการไม่ได้เลย ต้องอาศัยอำนาจและหน้าที่ตามที่กฎหมายรองรับ ตอนนี้กระบวนการถูกต้องแล้ว” พล.อ. สิงห์ศึกกล่าว

The post ส.ว. เริ่มสอบปม ส.ต.ท.หญิง เตรียมสรุปผลภายใน 60 วัน พร้อมเชิญมาสอบไม่ว่าเป็นใครหากมีส่วนเกี่ยวข้อง appeared first on THE STANDARD.

]]>
รองประธาน ส.ว. ชี้ คำร้องอดีต ส.ส. ไม่ระบุชัดว่าร้องใคร กรณีฝาก ส.ต.ท.หญิงรับราชการ ขอสังคมให้ความเป็นธรรม https://thestandard.co/senate-address-police-abuse-case/ Mon, 29 Aug 2022 06:33:59 +0000 https://thestandard.co/?p=673273

วันนี้ (29 สิงหาคม) ที่วุฒิสภา พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร […]

The post รองประธาน ส.ว. ชี้ คำร้องอดีต ส.ส. ไม่ระบุชัดว่าร้องใคร กรณีฝาก ส.ต.ท.หญิงรับราชการ ขอสังคมให้ความเป็นธรรม appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (29 สิงหาคม) ที่วุฒิสภา พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่ วัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องขอให้สอบสวนสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฝาก ส.ต.ท.หญิงเข้ารับราชการ และทารุณทหารหญิง ว่าตามคำร้องนั้น ทราบว่าไม่ได้ระบุผู้ถูกร้อง เรื่อง และข้อบังคับที่ผิด ซึ่งไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์

 

ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมข้อมูล และในช่วงสัปดาห์นี้ประสานกลับไปยัง วัชระผู้ร้อง ว่าร้องใคร เรื่องอะไร และผิดข้อบังคับใด วันไหนที่ส่งข้อมูลมา วันนั้นจะเริ่มนับ 1 ตามกรอบเวลา 60 วัน หากไม่เสร็จสามารถขยายได้สูงสุด 120 วัน ถ้าไม่ระบุผู้ถูกร้องแล้ว เราไม่มีหน้าที่จะไปไล่สอบสวนหาข้อมูลว่าจะเป็นใคร จะไปเหมารวมว่าเป็น ส.ว. ก็ไม่ใช่ ดังนั้นต้องระบุว่าผู้ถูกร้องเป็นใคร นาย ก นาย ข เราก็จะไปถามว่าใช่หรือไม่

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางการดำเนินการหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร พล.อ. สิงห์ศึกกล่าวว่า จะแยกเป็นสอบจริยธรรม และสอบประเด็นการแต่งตั้ง ส.ต.ท.หญิงคนดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหาหลักฐานและสืบสวนตามข้อเท็จจริง หากตรวจสอบชัดเจนว่าผู้ร้องระบุว่าเป็นใคร ถึงจะดำเนินการต่อ

 

พล.อ. สิงห์ศึกกล่าวต่อไปว่า วุฒิสภานั้นมีหลักเกณฑ์ มีวิธีการ มีประมวลจริยธรรมเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ สังคมและสื่อต้องช่วยกัน ตอนนี้ระบุแค่ ส.ว. จะจริงเท็จหรือไม่ หากไม่ใช่ ส.ว. แล้วสังคมหรือสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปใครจะรับผิดชอบ จะมีใครสักคนไหมที่จะมาขอโทษ ส.ว. แต่ถ้าใช่ ก็จะดำเนินการตามประมวลจริยธรรม ส.ว. ยืนยันว่า ส.ว. มีจริยธรรมอยู่ ดำเนินการตามขั้นตอน อย่าเหมารวมว่าสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด ขอให้ความเป็นธรรม เราทำงานให้ประชาชนเช่นกัน

 

ทั้งนี้ หากกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องจริง โทษจะมีตั้งแต่ร้ายแรง คือพ้นสภาพ ส.ว. โดยจะต้องยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รองลงมาคือการตักเตือน ซึ่งโทษจะมีเป็นลำดับชั้นอยู่แล้ว

The post รองประธาน ส.ว. ชี้ คำร้องอดีต ส.ส. ไม่ระบุชัดว่าร้องใคร กรณีฝาก ส.ต.ท.หญิงรับราชการ ขอสังคมให้ความเป็นธรรม appeared first on THE STANDARD.

]]>
รองประธานวุฒิสภายืนยัน ส.ว. เป็นกลาง ไม่มีฝ่ายค้าน หรือหนุนรัฐบาล ทำงานตามรัฐธรรมนูญกำหนด ประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง https://thestandard.co/vice-president-of-the-senate-confirmed-senate-is-neutral/ Thu, 23 Jun 2022 06:14:19 +0000 https://thestandard.co/?p=645317 สิงห์ศึก สิงห์ไพร

วันนี้ (23 มิถุนายน) พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานว […]

The post รองประธานวุฒิสภายืนยัน ส.ว. เป็นกลาง ไม่มีฝ่ายค้าน หรือหนุนรัฐบาล ทำงานตามรัฐธรรมนูญกำหนด ประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
สิงห์ศึก สิงห์ไพร

วันนี้ (23 มิถุนายน) พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา (ส.ว.) คนที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ส.ว. ชุดนี้ถูกแต่งตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 บัญญัติให้หน้าที่และอำนาจของ ส.ว. ในการกลั่นกรองกฎหมาย การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน การพิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่งในองค์กรต่างๆ และอำนาจต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นที่หลายฝ่ายมองว่าวุฒิสภามีอำนาจในการชี้เป็นชี้ตายจึงไม่มี

 

สำหรับกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า ส.ว. มีหน้าที่ในการสนับสนุนรัฐบาลนั้น ขอให้มองว่า ส.ว. มีหน้าที่เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย ดังนั้นการทำงานจึงจะต้องเป็นกลาง ไม่มีฝ่ายรัฐบาล ไม่มีฝ่ายค้าน 

   

“สิ่งใดที่เป็นความถูกต้อง และเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด หรือสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ จะเป็นสิ่งที่ ส.ว. เห็นด้วย ไม่ใช่อะไรก็คัดค้านไปหมดทุกเรื่อง” พล.อ. สิงห์ศึกกล่าวทิ้งท้าย

The post รองประธานวุฒิสภายืนยัน ส.ว. เป็นกลาง ไม่มีฝ่ายค้าน หรือหนุนรัฐบาล ทำงานตามรัฐธรรมนูญกำหนด ประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
รองประธานวุฒิสภายืนยัน ส.ว. ยังไม่ยื่นอภิปรายรัฐบาลแบบไม่ลงมติ มองว่ารัฐบาลบริหารราชการดีอยู่แล้ว https://thestandard.co/senate-not-submitted-vote-free-gov-debate/ Mon, 13 Jun 2022 06:07:03 +0000 https://thestandard.co/?p=641114 สิงห์ศึก สิงห์ไพร

วันนี้ (13 มิถุนายน) พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานว […]

The post รองประธานวุฒิสภายืนยัน ส.ว. ยังไม่ยื่นอภิปรายรัฐบาลแบบไม่ลงมติ มองว่ารัฐบาลบริหารราชการดีอยู่แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
สิงห์ศึก สิงห์ไพร

วันนี้ (13 มิถุนายน) พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กล่าวถึง กรณีที่วุฒิสภา (ส.ว.) เตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเสนอญัตติของสมาชิกวุฒิสภาเข้ามา ซึ่งยอมรับว่าตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ได้มีการบัญญัติไว้ แต่จะทำหรือไม่ทำอยู่ที่สมาชิก

 

พล.อ. สิงห์ศึกกล่าวว่า สถานการณ์การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลในขณะนี้ทำดีอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องให้เปิดอภิปรายทั่วไป จึงเห็นว่าการอภิปรายก็ให้เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ว่ากันไป

 

นอกจากนั้น พล.อ. สิงห์ศึกได้กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าการเปิดอภิปรายตามมาตรา 153 ของวุฒิสภาเป็นการเปิดเวทีให้รัฐบาลชี้แจงผลงานก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านหรือเป็นการฟอกขาวให้รัฐบาลว่า ตามรัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้วุฒิสภาสามารถเปิดอภิปรายรัฐบาลได้ แต่จะดำเนินการหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มี โดย ส.ว. ส่วนใหญ่เห็นด้วยว่ารัฐบาลพยายามทำในสิ่งที่ดีเพื่อประชาชน

The post รองประธานวุฒิสภายืนยัน ส.ว. ยังไม่ยื่นอภิปรายรัฐบาลแบบไม่ลงมติ มองว่ารัฐบาลบริหารราชการดีอยู่แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
รองประธาน ส.ว. ชี้ แก้ รธน. ตัดอำนาจโหวตเลือกนายกฯ ต้องทำประชามติเนื่องจากเป็นอำนาจหน้าที่ที่ประชาชนให้มา https://thestandard.co/senate-vice-president-say-constitution-fixing-on-banning-pm-vote-must-come-from-referendum/ Wed, 23 Jun 2021 04:48:43 +0000 https://thestandard.co/?p=503662 สิงห์ศึก สิงห์ไพร

วันนี้ (23 มิถุนายน) พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานว […]

The post รองประธาน ส.ว. ชี้ แก้ รธน. ตัดอำนาจโหวตเลือกนายกฯ ต้องทำประชามติเนื่องจากเป็นอำนาจหน้าที่ที่ประชาชนให้มา appeared first on THE STANDARD.

]]>
สิงห์ศึก สิงห์ไพร

วันนี้ (23 มิถุนายน) พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา (ส.ว.) คนที่หนึ่ง กล่าวถึงจุดยืนการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) ทั้ง 13 ฉบับ ที่ประชุมร่วมรัฐสภาจะพิจารณาในวันนี้ว่า ส.ว. ได้ศึกษาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาก่อน ซึ่งการแสดงความเห็นของ ส.ว. ก่อนหน้านี้ ถือเป็นความเห็นส่วนตัวของแต่ละท่าน โดยเป็นเรื่องธรรมดา และเมื่อวานนี้ (22 มิถุนายน) ไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะผู้เสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เข้าหารือและพูดคุยกับสมาชิกวุฒิสภา ในรายละเอียดเรื่องญัตติแก้ไขและธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งจากการหารือ ทางพรรคพลังประชารัฐได้ยอมถอยในส่วนของมาตรา 144 และมาตรา 185 โดยไพบูลย์ได้ขอให้ ส.ว. ช่วยลงมติรับหลักการในวาระหนึ่งไปก่อน ในประเด็นใดที่สามารถปรับแก้ได้ตามความเห็นของวุฒิสภาก็จะนำสู่การจะปรับแก้ในชั้นกรรมาธิการในวาระ 2 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีและต้องขอขอบคุณไพบูลย์

 

“ต้องขอขอบคุณท่าน เมื่อพูดคุยกับ ส.ว. แล้ว ท่านได้พูดว่าให้ ส.ว. ช่วยรับไปแก้ไขในวาระ 2 เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 หากไม่เป็นไปตามที่พูดคุยกันจะยอมให้ ส.ว. ล้มในวาระ 3 ได้ ทำให้ในขณะนี้ ส.ว. ได้คลายความกังวล เพราะมีความชัดเจนว่า ส.ว. จะได้ไม่เป็นแพะรับบาปในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ” พล.อ. สิงห์ศึกกล่าว

 

สำหรับการลงมติในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรีนั้นต้องกล่าวว่า มาตรา 272 เป็นมาตราที่มาจากการทำประชามติของประชาชน ดังนั้นการจะแก้ไขต้องกลับไปถามประชาชนก่อนและต้องมาดูว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

 

อย่างไรก็ตาม พล.อ. สิงห์ศึกกล่าวว่า ส.ว. ไม่มีความหนักใจ เพราะได้พิจารณากลั่นกรองร่างรัฐธรรมนูญทุกร่างแล้ว เราเป็นตัวแทนประชาชน มีวุฒิภาวะที่จะตัดสินใจ อะไรที่ถูกที่ดีมีประโยชน์ก็รับได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ส.ว. แต่ละท่าน โดยตนคงไม่สามารถตัดสินใจประเด็นเรื่องการลงมติแทนสมาชิกท่านอื่นได้ แต่เมื่อแก้ไขรายมาตราได้อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อันนั้นเราเห็นด้วย

 

พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น

The post รองประธาน ส.ว. ชี้ แก้ รธน. ตัดอำนาจโหวตเลือกนายกฯ ต้องทำประชามติเนื่องจากเป็นอำนาจหน้าที่ที่ประชาชนให้มา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประชุม ส.ว. มาตรการป้องกันโควิด-19 เข้ม ให้จัดโพเดียม แผ่นใสล้อม หากประสงค์อภิปรายแบบไม่สวมหน้ากาก https://thestandard.co/covid-19-prevention-measures-on-senators-meeting/ Mon, 24 May 2021 06:37:49 +0000 https://thestandard.co/?p=492283 มาตรการป้องกันโควิด-19

วันนี้ (24 พฤษภาคม) บรรยากาศการประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ […]

The post ประชุม ส.ว. มาตรการป้องกันโควิด-19 เข้ม ให้จัดโพเดียม แผ่นใสล้อม หากประสงค์อภิปรายแบบไม่สวมหน้ากาก appeared first on THE STANDARD.

]]>
มาตรการป้องกันโควิด-19

วันนี้ (24 พฤษภาคม) บรรยากาศการประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มี ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมได้รับทราบพระบรมราชโองการประกาศพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา สมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 1 พ.ศ. 2564 

 

จากนั้น พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเกี่ยวกับการบริหารจัดการประชุมในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยกำหนดมาตรการป้องกันภายในอาคารรัฐสภา ฝั่งวุฒิสภา เพื่อความปลอดภัยของสมาชิก จำนวน 12 ข้อ อาทิ การคัดกรองบุคคลเข้า-ออกต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในอาคาร

 

กรณี ส.ว. 1 คน มีผู้ติดตามได้ 1 คน คนขับรถ 1 คน โดยบุคคลที่เข้ามาจะต้องกรอกแบบคัดกรองล่วงหน้า เพื่อรับรองตนเองว่าไม่มีความเสี่ยงหรือไม่มีอาการของโรค 

 

ส่วนลิฟต์โดยสารนั้นให้ใช้ได้ครั้งละ 8 คน ขณะที่การอภิปรายของสมาชิกจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา แต่หากสมาชิกประสงค์อภิปรายโดยไม่สวมหน้ากากอนามัยขอให้มาอภิปรายจุดที่จัดเตรียมไว้เฉพาะด้านหน้าบัลลังก์ ซึ่งเป็นโพเดียม มีแผ่นอะคริลิกใสล้อมรอบขณะสมาชิกอภิปราย โดยให้อภิปรายคนละ 5 นาที พร้อมกับนั่งเว้นระยะห่างเก้าอี้ตัวเว้นตัว 

 

ขณะเดียวกันก็ใช้วิธีแจกคูปองรับประทานอาหารให้สมาชิกจำนวน 6 รอบ รอบละ 42 คน ซึ่งจะใช้เวลารับประทานอาหาร 30 นาที ขณะที่ความสะอาดของห้องน้ำจะทำความสะอาดทุก 20 นาที เป็นต้น

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

The post ประชุม ส.ว. มาตรการป้องกันโควิด-19 เข้ม ให้จัดโพเดียม แผ่นใสล้อม หากประสงค์อภิปรายแบบไม่สวมหน้ากาก appeared first on THE STANDARD.

]]>