สายประสิทธิ์ เกิดนิยม – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 27 Feb 2024 06:31:04 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 อัยการสูงสุด สั่งฟ้อง ‘สมยศ’ กับพวก 8 ราย ช่วยเหลือคดี บอส อยู่วิทยา https://thestandard.co/order-to-sue-somyot-and-others/ Tue, 27 Feb 2024 06:31:04 +0000 https://thestandard.co/?p=904680

วันนี้ (27 กุมภาพันธ์) ประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยก […]

The post อัยการสูงสุด สั่งฟ้อง ‘สมยศ’ กับพวก 8 ราย ช่วยเหลือคดี บอส อยู่วิทยา appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (27 กุมภาพันธ์) ประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด, วัชรินทร์ ภาณุรัตน์, ณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าวในคดีที่อัยการสูงสุดรับดำเนินคดีอาญาฟ้อง พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กับพวก รวม 8 คน ตามมติสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 

 

ประยุทธ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ตามที่ ป.ป.ช. มีหนังสือถึงอัยการสูงสุด แจ้งมติ ป.ป.ช. ขอให้ดำเนินคดีอาญาฟ้อง พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1, พล.ต.ต. ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5, พ.ต.อ. วิรดล ทับทิมดี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7, เนตร นาคสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10, ชัยณรงค์ แสงทองอร่าม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9, ธนิต บัวเขียว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12, ชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13 และ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19

 

ซึ่งวันนี้อัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวแล้ว มีคำสั่งรับดำเนินคดีอาญาฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 ราย ตามมติ ป.ป.ช. ดังนี้

 

  1. รับดำเนินคดี พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ ในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1) และ พล.ต.อ. ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5) 
  • ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต 
  • ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลง 
  • ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 157, 200 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1, พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 65 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172

 

  1. รับดำเนินคดี พ.ต.อ. วิรดล ทับทิมดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานสืบสวนสอบสวน (สบ 3) สน.ทองหล่อ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7) 
  • ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
  • ฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง
  • ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157, 200, พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1, พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 65 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172

 

  1. รับดำเนินคดี เนตร นาคสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุด (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10) 
  • ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต 
  • ฐานเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลง
  • ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200, พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172

 

  1. รับดำเนินคดี ชัยณรงค์ แสงทองอร่าม พนักงานอัยการ (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9), ธนิต บัวเขียว (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12), ชูชัย หรือ พิชัย เลิศพงศ์อดิศร (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13), รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม (ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19) 
  • ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต 
  • ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลง
  • ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 157, 200, พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1, พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 65 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172

 

อัยการสูงสุดมอบหมายให้พนักงานอัยการ และสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เป็นผู้ฟ้องและดำเนินคดี ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คนแทนอัยการสูงสุด และให้แจ้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบ เพื่อให้ดำเนินการส่งผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 ราย ที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งรับดำเนินคดีฟ้อง โดยให้ส่งตัวไปยังสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เพื่อฟ้องคดีภายในอายุความตามกฎหมายต่อไป

 

ประยุทธกล่าวว่า สำหรับผู้ถูกกล่าวหาอื่นๆ ได้แก่ พล.ต.ท. มนู เมฆหมอก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และ พ.ต.อ. วิวัฒน์ สิทธิสรเดช ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติกันไว้เป็นพยาน 

 

พ.ต.ท. ปัณณ์ณภณ นามเมือง หรือ คทาธร พัชรนามเมือง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 พล.อ.ท. จักรกฤช ถนอมกุลบุตร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 14 และ พล.อ.ท. สุรเชษฐ ทองสลวย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 15 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตาม ป.วิอาญา และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 63 

 

สำหรับ พล.ต.ท. เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ถูกกล่าวที่ 11 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 64 

 

ในส่วน ธานี อ่อนละเอียด สมาชิกวุฒิสภา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พ.ต.ท. ทรงวุฒิ เจริญวิชยเดช ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 วรพล โสคติยานุรักษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 16 อุสาห์ ชูสินธ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 17 และ ณัฏณิชา ทองชื่น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 18 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติไม่ชี้มูลความผิด

 

ประยุทธกล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปการดำเนินการของอัยการสูงสุดจะมีหนังสือแจ้งไปที่ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการให้ได้ตัวมาตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งรับดำเนินคดี ซึ่งคดีนี้เข้าเขตอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบฯ 

 

สำหรับคำสั่งของอัยการสูงสุดครั้งนี้ถือว่าเสร็จสิ้นการสั่งคดีตามขั้นตอนกฎหมาย ต่อไปเป็นการพิจารณาคดีในชั้นศาล

 

สำหรับคดีนี้ก่อนที่อัยการสูงสุดจะรับดำเนินคดีมีรายงานว่า เดิมสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้เสนอความเห็นต่ออัยการสูงสุดเกี่ยวกับข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนการสอบสวนคดีนี้ และขอให้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน 2 ฝ่ายเพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อสำนวนมาถึง อำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ พิจารณาแล้วมีคำสั่งรับดำเนินคดีโดยไม่ต้องตั้งข้อไม่สมบูรณ์

The post อัยการสูงสุด สั่งฟ้อง ‘สมยศ’ กับพวก 8 ราย ช่วยเหลือคดี บอส อยู่วิทยา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธนสิทธิ์เปิดชื่ออดีต ผบ.ตร. พา ดร.สายประสิทธิ์ มาพบ เสนอรายงานเปลี่ยนความเร็วรถในคดีบอส อยู่วิทยา https://thestandard.co/report-of-the-car-speed-change-boss-yoovidhya/ Fri, 14 Aug 2020 10:32:00 +0000 https://thestandard.co/?p=388602

เมื่อวานนี้ (13 สิงหาคม) ในห้องประชุมกรรมาธิการกฎหมาย พ […]

The post ธนสิทธิ์เปิดชื่ออดีต ผบ.ตร. พา ดร.สายประสิทธิ์ มาพบ เสนอรายงานเปลี่ยนความเร็วรถในคดีบอส อยู่วิทยา appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อวานนี้ (13 สิงหาคม) ในห้องประชุมกรรมาธิการกฎหมาย พ.ต.อ. ธนสิทธิ์ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐานคดีบอส อยู่วิทยา คนที่เปลี่ยนความเห็นเรื่องความเร็วจาก 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหลือ 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้องในคดีบอส อยู่วิทยา 

 

พ.ต.อ. ธนสิทธิ์ได้กล่าวในห้องประชุมกรรมาธิการฯ ว่า มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงนำตัวอาจารย์สายประสิทธิ์ เกิดนิยม มาพบในห้องทำงานของผู้บังคับบัญชาระดับสูงของหน่วย และนำสมมติฐานของคดีว่าเป็นวิธีใหม่ที่คำนวณได้ และนำส่งเอกสาร 10 หน้าที่ระบุความเร็วที่ 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะนั้นเจ้าตัวมีเวลาจำกัด และเกิดแรงกดดันจนทำให้มีการเปลี่ยนความเห็นเรื่องความเร็วต่อพนักงานสอบสวน

 

ทั้งนี้เอกสารดังกล่าวได้เปิดเผยบันทึกคำให้การของ พ.ต.อ. ธนสิทธิ์ ซึ่งสรุปลำดับเหตุการณ์พอสังเขปดังนี้

 

  1. พ.ต.ท. ธนสิทธิ์ แตงจั่น (ยศในขณะนั้น) เป็นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ 3 กันยายน 2555 และเป็นผู้ออกรายงานการตรวจพิสูจน์ยืนยันความเร็วที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลงวันที่ 26 กันยายน 2555

 

  1. หลังจากนั้นอีก 4 ปี คือเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 พ.ต.อ. วิรดล ทับทิมดี ผกก. สอบสวน สน.ทองหล่อ ได้เดินทางมาพร้อมกับ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. และ อาจารย์สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ขอเข้าพบ พล.ต.ท. มนู เมฆหมอก ผบ. สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ที่สำนักงาน ผบช.สพฐ.ตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

  1. ในวันเดียวกันนั้น พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ได้แนะนำอาจารย์สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ให้ผู้แทนกองพิสูจน์หลักฐานกลางทำความรู้จัก และแจ้งว่า อาจารย์สายประสิทธิ์มีสมมติฐานอีกวิธีมานำเสนอการหาอัตราความเร็วของรถยนต์ที่วรยุทธเป็นผู้ขับขี่ โดยนำเสนอรายงานการวิเคราะห์จำนวน 10 หน้า ระบุความเร็ว 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และได้มอบเอกสารดังกล่าวให้กับกองพิสูจน์หลักฐานกลาง 

 

  1. ในวันเดียวกันนั้นได้มีการสั่งการให้ พ.ต.ท. ธนสิทธิ์ แตงจั่น เข้าร่วมพิจารณากับพ.ต.อ. วิรดล ในสำนักงานกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ซึ่ง พ.ต.อ. วิรดล ได้ส่งเอกสารสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ ลงวันที่ 14 มกราคม 2559 โดยข้อความท้ายหนังสือดังกล่าวระบุว่า พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้สอบสวนเพิ่มเติม พ.ต.ท. ธนสิทธิ์ และส่งผลการสอบสวนให้พนักงานอัยการภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 พ.ต.ท. ธนสิทธิ์ได้มีการคำนวณความเร็วตามสมมติฐานของอาจารย์สายประสิทธิ์ในกระดาษอีกแผ่น ซึ่งได้ค่าใกล้เคียงกัน พ.ต.ท. ธนสิทธิ์ ลงนามไว้ว่าเป็นการคำนวณของตนเอง

 

  1. พร้อมกันนั้น พ.ต.อ. วิรดล ให้ พ.ต.ท. ธนสิทธิ์ ให้ปากคำเรื่องการคำนวณตามสมมติฐานของอาจารย์สายประสิทธิ์ โดยถามถึงความคลาดเคลื่อนที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการคำนวณตามรายงานการตรวจพิสูจน์ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2555 ที่ได้ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่ง พ.ต.ท. ธนสิทธิ์ ได้ให้ปากคำว่า อาจเกิดขึ้นได้ตามหลักทางวิทยาศาสตร์ ส่วนในเรื่องความคลาดเคลื่อนตามสมมติฐานของอาจารย์สายประสิทธิ์ในเวลานั้น ซึ่งเพิ่งได้เห็นสมมติฐานของอาจารย์สายประสิทธิ์เป็นครั้งแรก จึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีความคลาดเคลื่อนหรือความบกพร่องอย่างไร

 

  1. พ.ต.ท. ธนสิทธิ์ได้ให้ปากคำในวันนั้นจนถึงเวลาประมาณ 22.00 น. สุดท้ายจึงลงนามในเอกสารสองฉบับ ฉบับแรกลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 อีกฉบับลงวันที่ 2 มีนาคม 2559 โดยมีการให้เหตุผลว่า ถูกเร่งรัดให้รีบดำเนินการ เนื่องจากผู้บังคับบัญชาที่อยู่ด้วยไม่ได้ทักท้วง พ.ต.ท. ธนสิทธิ์จึงลงนามในเอกสาร

 

  1. ต่อมา 29 มีนาคม 2559 พ.ต.ท. ธนสิทธิ์ ได้ร่วมกับทีมพิสูจน์หลักฐานเดิม ทำรายงานพิสูจน์สมมติฐานของอาจารย์สายประสิทธิ์ พบว่าการกำหนดให้ค่าตัวแปรต่างๆ ผิดไปจากความเป็นจริงมาก โดยวิธีการดังกล่าวมีความผิดพลาดถึง 46% จึงทำให้ความเร็วที่ได้เท่ากับ 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นค่าคำนวณที่ไม่ถูกต้อง จึงได้นำรายงานดังกล่าวเสนอต่อผู้บังคับบัญชา ขอให้ประสานไปยัง พ.ต.อ. วิรดล ผกก. สอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อขอให้ปากคำเพิ่มเติม ยืนยันผลการตรวจพิสูจน์ที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งในวันนั้นผู้บังคับบัญชาได้โทรประสาน พ.ต.อ. วิรดล ทันที แต่ พ.ต.อ. วิรดล ปฏิเสธว่าไม่สามารถสอบปากคำเพิ่มเติมได้ และได้ส่งเอกสารการให้ปากคำให้กับพนักงานอัยการแล้ว พร้อมทั้งยังได้อ้างเหตุว่า คดีเรื่องขับรถเร็วขาดอายุความไปแล้ว ทำให้ผู้บังคับบัญชาและ พ.ต.ท. ธนสิทธิ์ สำคัญผิดว่าเอกสารดังกล่าวไม่ถูกใช้ในสำนวนแล้ว แต่ พ.ต.ท. ธนสิทธิ์ ยืนยันกับผู้บังคับบัญชาว่าจะให้ปากคำเพิ่มเติมเพื่อความถูกต้องในสำนวน

 

  1. ต่อมาเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 พ.ต.อ. ธนสิทธิ์ได้เดินทางไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการการกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ แต่เมื่อไปถึงห้องประชุม ได้มีเจ้าหน้าที่สภามาแจ้งว่าขอเลื่อนการประชุมออกไปก่อน และไม่เคยมีใครติดต่อไปจนปัจจุบัน

 

  1. ต่อมา พ.ต.อ. ธนสิทธิ์ เดินทางไปให้ถ้อยคำกับคณะอนุกรรมการไต่สวนที่สำนักงาน ป.ป.ช. และได้แจ้งให้คณะอนุกรรมการไต่สวนบันทึกไว้ในเอกสารว่า ขอเพิ่มเติมความเห็นในกรณีความเร็วของรถว่าสามารถพบความบกพร่องของสมมติฐานในการคำนวณความเร็วของอาจารย์สายประสิทธิ์ ดังนั้นความเร็ว 79.22 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจึงไม่ถูกต้อง ซึ่งทั้งมีบันทึกคำให้การถูกคัดถ่ายเป็นสำเนาไว้

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post ธนสิทธิ์เปิดชื่ออดีต ผบ.ตร. พา ดร.สายประสิทธิ์ มาพบ เสนอรายงานเปลี่ยนความเร็วรถในคดีบอส อยู่วิทยา appeared first on THE STANDARD.

]]>