สหชัย เจียรเสริมสิน (โจ้ ปัตตานี) – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 19 Jul 2024 12:24:48 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ออกหมายจับ ‘โจ้ ปัตตานี’ พร้อมพวก ฐานบงการคดีเรือน้ำมันเถื่อนหาย ตำรวจมั่นใจตามจับได้แน่นอน https://thestandard.co/arrest-warrant-joe-pattani/ Fri, 19 Jul 2024 12:24:48 +0000 https://thestandard.co/?p=960375

วันนี้ (19 กรกฎาคม) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต. […]

The post ออกหมายจับ ‘โจ้ ปัตตานี’ พร้อมพวก ฐานบงการคดีเรือน้ำมันเถื่อนหาย ตำรวจมั่นใจตามจับได้แน่นอน appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (19 กรกฎาคม) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.อ. ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และคณะ ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีเรือน้ำมันเถื่อนของกลางสูญหายจากท่าเรือของกองบังคับการตำรวจน้ำ จังหวัดชลบุรี

 

พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวว่า จากการสืบสวนพบผู้ที่เกี่ยวข้องกับการนำเรือออกไปจากท่าเรือจำนวน 15 คน แบ่งเป็นลูกเรือ 14 คน ที่เป็นผู้ต้องหาในคดีจับกุมเรือน้ำมันเถื่อนเดิม ส่วนอีก 1 คน เป็นบุคคลภายนอก ซึ่งได้ออกหมายจับไปแล้ว จากนั้นกองบังคับการตำรวจน้ำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนติดตามจับกุมเรือที่หายไปทั้ง 3 ลำ พร้อมลูกเรือที่เกี่ยวข้องได้อีก 8 คน นำมาดำเนินคดี 

 

จากนั้นได้ขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการหายไปของเรือทั้ง 3 ลำ โดยพบข้อมูลว่า เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สมเกียรติ หรือ เสี่ยเล็ก และ สำเริง ที่เป็นผู้ดำเนินการตามคำสั่ง โจ้ ปัตตานี หรือ โจ้ น้ำมันเถื่อน ได้ร่วมกันนัดหมายให้ไต้ก๋งเรือไปพบกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในอำเภอสัตหีบ และได้นำวิทยุสื่อสาร พร้อมเครื่อง GPS สำหรับเดินเรือ 3 ชุดไปให้ เพื่อให้นำเรือน้ำมัน 3 ลำที่เป็นของโจ้หลบหนีไปจากท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบในวันที่ 11 มิถุนายน เวลา 20.00 น. ตามที่นัดหมายไว้ 

 

พ.ต.อ. เอนก กล่าวต่อว่า ในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่พบข้อมูลการติดต่อสื่อสารและเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับโจ้ด้วย ประกอบกับจากการสืบสวนและสอบปากคำผู้ต้องหาพบว่า มีการสั่งการจากสมเกียรติ, โจ้ และสำเริง จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 3 คนในความผิดฐานร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดโดยนำทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐาน

 

ต่อมาได้ยื่นขอศาลออกหมายค้นเพื่อตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้อง 13 จุดในจังหวัดสมุทรปราการ, สมุทรสาคร, เพชรบุรี, สงขลา และปัตตานี ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักของผู้ต้องหา ที่ทำงาน อู่ต่อเรือ เพื่อคุมตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม 2 คน คือ อนันตญา และ นรินทร ที่เป็นฝ่ายการเงินของโจ้ และเป็นผู้โอนเงินให้กับกลุ่มไต้ก๋งเรือทั้ง 3 ลำ ส่วนอีก 1 คนคือ ลดาวัลย์ หรือ เล็ก ได้หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว หลังจากนี้จะพิจารณาออกหมายจับต่อไป

 

ด้าน พล.ต.อ. ไกรบุญ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของพยานหลักฐานได้ แต่ยืนยันว่ามีพยานหลักฐานที่ชัดเจน หลังจากนี้เตรียมขอออกหมายจับตำรวจสากล โจ้ ปัตตานี รวมถึงผู้ที่หลบหนีหมายจับรวม 3 คน ยืนยันไม่มีความกังวลใจที่จะดำเนินคดีกับกลุ่มคนเหล่านี้ มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

The post ออกหมายจับ ‘โจ้ ปัตตานี’ พร้อมพวก ฐานบงการคดีเรือน้ำมันเถื่อนหาย ตำรวจมั่นใจตามจับได้แน่นอน appeared first on THE STANDARD.

]]>
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ยอมรับเรื่องน้ำมันเถื่อนตำรวจกวาดล้างได้ไม่หมด เหตุเรือของกลางหายเหมือนตบหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ https://thestandard.co/police-were-unable-to-clear-out-all-the-illegal-oil/ Wed, 19 Jun 2024 07:12:54 +0000 https://thestandard.co/?p=947071

วันนี้ (19 มิถุนายน) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้ […]

The post พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ยอมรับเรื่องน้ำมันเถื่อนตำรวจกวาดล้างได้ไม่หมด เหตุเรือของกลางหายเหมือนตบหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (19 มิถุนายน) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดี เรือน้ำมันของกลางจำนวน 3 ลำหายว่า ยอมรับว่านายเล็กเป็นผู้สั่งการ มีตัวตนจริง โดยเป็นชาวไทยและผู้จัดการของ โจ้ ปัตตานี พ่อค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ ที่รับคำสั่งมาเพื่อคอยดูแลบริหารจัดการทุกอย่าง  

 

รวมถึงเป็นบุคคลเดียวกับที่จัดหาทนายความมาประกบลูกเรือที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และเป็นคนเตรียมเงินสด 3.1 ล้านบาทมาประกันตัว รวมถึงเป็นผู้ที่ได้รับคำสั่งให้นำเรือของกลางออกจากท่าเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 

 

พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ยอมรับว่า ในช่วงที่มีการจับกุมได้พยายามติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อช่วยเหลือแต่เจ้าหน้าที่ได้ปฏิเสธไป

 

ส่วนความคืบหน้าในการสอบปากคำลูกเรือทั้ง 8 คนนั้นได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แม้ช่วงแรกจะมีความกังวล แต่ไต้ก๋งเรือได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แล้ว

 

ส่วนเรื่องแชตไลน์การสนทนาของ โจ้ ปัตตานี กับผู้กำกับ น. เรื่องการจ่ายส่วยนั้น เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นของจริง แต่ขอตรวจสอบเพิ่มเติมก่อน และจะเรียกชุดสืบสวนมาคุย หากพบว่ามีความชัดเจนก็จะเตรียมเรียกผู้กำกับ น. มาสอบสวน พิจารณาตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ หรือย้ายให้เข้ามาปฏิบัติราชการที่ส่วนกลางตามสมควร 

 

ส่วนกรณีที่มีการพาดพิงไปถึงนายตำรวจใหญ่ในระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวว่า ก็อยากให้ไปถึงเช่นกัน ยืนยันว่าที่ผ่านมายังไม่มีคนกล้าโทรหาตนเอง หากมีหลักฐานที่พาดพิงไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด

 

พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ย้ำว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นการตบหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างแรง จะต้องทำทุกวิถีทางในการตรวจสอบโดยไม่ปิดบังข้อเท็จจริง และไม่กังวลเกี่ยวกับการดำเนินคดีนอกราชอาณาจักร เพราะจากการสอบปากคำและพยานหลักฐานต่างๆ พบความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันมาถึงการกระทำผิดในไทย 

 

เชื่อมั่นในพยานหลักฐานว่าสามารถชี้แจงได้ แต่ขณะนี้จะต้องสอบลูกเรือให้ครบถ้วนก่อน เพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมด ยอมรับว่าปัญหาเรื่องน้ำมันเถื่อนอาจไม่จบที่รุ่นของตนเอง เพราะทะเลเป็นแดนสนธยาที่มีผลประโยชน์มหาศาล เจ้าหน้าที่อาจตรวจสอบได้ไม่หมด

The post พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ยอมรับเรื่องน้ำมันเถื่อนตำรวจกวาดล้างได้ไม่หมด เหตุเรือของกลางหายเหมือนตบหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ลูกเรือรับสารภาพ โจ้ ปัตตานี โทรมาสั่งการย้ายเรือน้ำมันเถื่อนไปขายกลางทะเล แปลงสภาพหนีการจับกุม มีเจ้าหน้าที่เอี่ยวในขบวนการ https://thestandard.co/crew-confessed-jo-pattani-oil/ Tue, 18 Jun 2024 12:20:52 +0000 https://thestandard.co/?p=946753

ความคืบหน้าหลังจากช่วงเช้าวันนี้ (18 มิถุนายน) พล.ต.ต. […]

The post ลูกเรือรับสารภาพ โจ้ ปัตตานี โทรมาสั่งการย้ายเรือน้ำมันเถื่อนไปขายกลางทะเล แปลงสภาพหนีการจับกุม มีเจ้าหน้าที่เอี่ยวในขบวนการ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ความคืบหน้าหลังจากช่วงเช้าวันนี้ (18 มิถุนายน) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาซึ่งเป็นลูกเรือบนเรือขนน้ำมันเถื่อนของกลาง 8 คนด้วยตนเอง โดยหลังสอบปากคำเสร็จ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจกับการสอบปากคำในครั้งนี้ 

 

เพราะผู้ต้องหาให้การที่เป็นประโยชน์ ยอมรับว่าผู้ต้องหาบางส่วนรู้สึกเกรงกลัวอิทธิพลของ โจ้ ปัตตานี พ่อค้าน้ำมันเถื่อน จึงไม่กล้าให้การเพราะกลัวว่าครอบครัวจะได้รับอันตราย ซึ่ง พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ระบุว่า ผู้บงการหรือเจ้าของเรือมีอิทธิพลจริง ซึ่งก็คือบุคคลเดียวกับที่สื่อมีการนำเสนอมาตลอด

 

ทั้งนี้ผู้ต้องหา 3 ใน 8 คนเป็นไต้ก๋งเรือ ในที่นี้มี 1 คนที่ได้รับคำสั่งจากเจ้าของเรือให้นำเรือออกจากฝั่งท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบในวันที่ 11 มิถุนายน เพื่อเอาน้ำมันไปขายกลางทะเลให้กับเรือขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุน้ำมันได้ 1-2 ล้านลิตรซึ่งลอยอยู่กลางทะเล โดยลูกเรือ 7 คนจากเรือทั้งสามลำได้ขึ้นไปบนเรือขนาดใหญ่ด้วย ก่อนที่เรือทั้ง 3 ลำจะมุ่งหน้าไปกัมพูชาเพื่อเปลี่ยนสภาพเรือ 

 

และมุ่งหน้าไปที่จังหวัดปัตตานี ซึ่งมีเรือ เจ.พี. เป็นเรือนำทาง เพราะเป็นเรือลำเดียวที่มีระบบนำทาง (GPS) โดยผู้ต้องหาได้นำ GPS นี้แอบซ่อนไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ถูกจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจไม่พบ

 

พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวยืนยันว่า การจับกุมครั้งนี้ไม่ได้เป็นการจัดฉากหรือสร้างภาพ หรือประสานกับทางผู้บงการเพื่อส่งมอบเรือคืนให้กับทางเจ้าหน้าที่ 

 

นอกจากนี้ไต้ก๋งเรือให้การรับสารภาพว่าได้รับการประสานทางโทรศัพท์ดาวเทียมกับเจ้าของเรือซึ่งเป็นบุคคลตามที่กระแสข่าวระบุว่าคือ โจ้ ปัตตานี จริง

 

กลุ่มผู้ต้องหามีการวางแผนมาก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่งแต่ทำไม่สำเร็จ จนกระทั่งวันที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหาสบโอกาสจากสภาพอากาศที่แปรปรวน และจากการโทรสั่งการของผู้บงการให้นำเรือออกไปโดยที่ไม่มีใครเห็น

 

ส่วนการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำทั้ง 4 นาย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตหรือไม่ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งจะเสร็จภายใน 7 วัน ยอมรับว่าวงการค้าน้ำมันเถื่อนมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นขบวนการที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง แต่ยืนยันว่าหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดเข้าไปเกี่ยวข้องหรือกระทำผิดชัดเจนจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด

The post ลูกเรือรับสารภาพ โจ้ ปัตตานี โทรมาสั่งการย้ายเรือน้ำมันเถื่อนไปขายกลางทะเล แปลงสภาพหนีการจับกุม มีเจ้าหน้าที่เอี่ยวในขบวนการ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ย้อนรอยก่อนหาย ‘เรือน้ำมันเถื่อน 3 แสนลิตร’ https://thestandard.co/before-illicit-oil-disappears/ Thu, 13 Jun 2024 11:00:49 +0000 https://thestandard.co/?p=944913 น้ำมันเถื่อน

เรารู้อะไรแล้วบ้างเรื่อง ‘เรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำ […]

The post ย้อนรอยก่อนหาย ‘เรือน้ำมันเถื่อน 3 แสนลิตร’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
น้ำมันเถื่อน

เรารู้อะไรแล้วบ้างเรื่อง ‘เรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำ รวมกว่า 3.3 แสนลิตรหาย’

 

THE STANDARD รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถึงเหตุการณ์ความบกพร่องของตำรวจน้ำที่ปล่อยให้ของกลางมูลค่ากว่า 10 ล้านบาทหายไปภายในคืนเดียว (11 มิถุนายน) ซึ่งทางการข่าวระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความเชื่อมโยงกับ ‘โจ้ น้ำมันเถื่อน’ ผู้ต้องหาหลายคดีที่มีอิทธิพลในภาคใต้

 

 

ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร

The post ย้อนรอยก่อนหาย ‘เรือน้ำมันเถื่อน 3 แสนลิตร’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตำรวจเชื่อ ‘โจ้ ปัตตานี’ พ่อค้าน้ำมันเถื่อนภาคใต้ อยู่เบื้องหลังเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 แสนลิตรหาย https://thestandard.co/joe-pattani-is-behind-illegal-oil/ Thu, 13 Jun 2024 09:36:25 +0000 https://thestandard.co/?p=944850 โจ้ ปัตตานี

จากกรณีที่กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) รายงานว่า เรือบ […]

The post ตำรวจเชื่อ ‘โจ้ ปัตตานี’ พ่อค้าน้ำมันเถื่อนภาคใต้ อยู่เบื้องหลังเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 แสนลิตรหาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
โจ้ ปัตตานี

จากกรณีที่กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) รายงานว่า เรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ ซึ่งบรรจุน้ำมันรวมกว่า 3.3 แสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ตำรวจเชื่อ โจ้ ปัตตานี อยู่เบื้องหลัง ตั้งแต่ช่วงกลางดึกของวันที่ 11 มิถุนายน 2567

 

วันนี้ (13 มิถุนายน) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ให้ข้อมูลระบุว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเรือของกลางที่สูญหายเป็นของ ‘โจ้ ปัตตานี’ พ่อค้าน้ำมันเถื่อนภาคใต้ ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสูญหายครั้งนี้ด้วย

 

THE STANDARD สืบค้นข้อมูลของ โจ้ ปัตตานี หรือ โจ้ พ่อค้าน้ำมันเถื่อน พบว่า ชื่อจริงคือ สหชัย เจียรเสริมสิน เป็นนักธุรกิจที่มีอิทธิพลมากในภาคใต้

ประกอบกิจการค้าไม้ต่อเรือประมง

 

สหชัยกระทำความผิดคดีทางอาญาตั้งแต่ปี 2546-2554 รวมทั้งหมด 14 คดี ส่วนมากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเถื่อน เมื่อปลายปี 2557 หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ระหว่างส่งตัวไปดำเนินคดีที่ศาล

 

โดยล่าสุดเมื่อปี 2564 ตำรวจสอบสวนกลางสามารถจับกุมตัวสหชัยได้ที่เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีที่จังหวัดปัตตานี แต่ได้รับการประกันตัวในชั้นศาล 

 

หลังจากได้รับการประกันตัว ในเวลาต่อมามีรายงานว่า สหชัยหายตัวไป ก่อนทางการข่าวยืนยันว่า ไปหลบซ่อนอยู่ที่ประเทศกัมพูชาจนถึงปัจจุบัน

 

สำหรับ 14 คดีที่สหชัยถูกดำเนินคดีมีดังนี้

 

  1. คดีแจ้งความอันเป็นเท็จหรือให้ถ้อยคำเท็จต่อเจ้าพนักงาน โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (พนักงานสอบสวนสั่งฟ้อง แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ทำให้ขาดอายุความ)
  2. คดีเล่นการพนันสลากกินรวบหรือหวยเถื่อน
  3. คดีร่วมกันนำของที่ยังไม่ได้เสียภาษีเข้ามาในราชอาณาจักร
  4. คดีร่วมกันทำให้เสียหายซึ่งเรือของกลางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึด
  5. คดีร่วมกันนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่ได้เสียภาษีเข้ามาในราชอาณาจักร
  6. คดีปลอมขึ้นซึ่งดวงตราประทับสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ
  7. คดีเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สหชัยมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
  8. คดีตั้งและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
  9. คดีปลอมแปลงเอกสาร
  10. คดีหลบหนีไประหว่างการควบคุมตัวของเจ้าพนักงานตำรวจ
  11. คดีขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน
  12. คดีหลบหนีระหว่างคุมขังตามอำนาจศาล
  13. คดีเป็นเจ้าของเรือไม่ได้ติดตั้งระบบติดตามเรือ
  14. คดีเรือไม่มีใบอนุญาตทำการประมง แต่ใช้ทำการประมง 

 

ทั้งนี้ แต่ละคดีไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่เดียวกันทั้งหมด

The post ตำรวจเชื่อ ‘โจ้ ปัตตานี’ พ่อค้าน้ำมันเถื่อนภาคใต้ อยู่เบื้องหลังเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 แสนลิตรหาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตำรวจเชื่อ เรือของกลางน้ำมันเถื่อนที่หายเป็นของ ‘โจ้ ปัตตานี’ กำลังมุ่งหน้ากัมพูชา ยืนยันหลังจับกุมถอดพวงมาลัย-ระบบจีพีเอสแล้ว https://thestandard.co/joe-pattani-illicit-oil/ Thu, 13 Jun 2024 09:01:20 +0000 https://thestandard.co/?p=944825 โจ้ ปัตตานี

วันนี้ (13 มิถุนายน) ที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ พล.ต […]

The post ตำรวจเชื่อ เรือของกลางน้ำมันเถื่อนที่หายเป็นของ ‘โจ้ ปัตตานี’ กำลังมุ่งหน้ากัมพูชา ยืนยันหลังจับกุมถอดพวงมาลัย-ระบบจีพีเอสแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
โจ้ ปัตตานี

วันนี้ (13 มิถุนายน) ที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้ากรณีเรือบรรทุกน้ำมันของกลางจำนวน 3 ลำ สูญหายพร้อมน้ำมันกว่า 300,000 ลิตร เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมตรวจสอบเรือที่เหลืออยู่อีก 2 ลำ ที่จอดอยู่ที่บริเวณท่าเทียบเรือ

 

โดย พล.ต.ต. จรูญเกียรติทำการสอบสวนนายตำรวจที่เข้าเวรรักษาการณ์ในคืนเกิดเหตุทั้ง 2 นาย สั่งให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสอบปากคำลูกเรือที่เหลืออยู่ทั้งหมดจำนวน 10 คน

 

พล.ต.ต. จรูญเกียรติระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหายหรือเจ้าของเรือมาแสดงตัวเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ ส่วนการติดตามเรือที่สูญหายเป็นการบูรณาการร่วมกันของตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าเรือบรรทุกน้ำมันทั้ง 3 ลำไม่ได้จมทะเลตอนที่สภาพอากาศแปรปรวน แต่เชื่อว่ามีการนำพาไปโดยคนขับที่มีความรู้เฉพาะทาง เนื่องจากก่อนหน้านั้นตำรวจได้ตรวจยึดและถอดอุปกรณ์เดินเรือและ ระบบนำทาง (จีพีเอส) ออกจากตัวเรือแล้ว

 

ในเบื้องต้นพบว่ามีนายตำรวจที่จะต้องถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ฯ ตามมาตรา 157 และมาตรา 148 ส่วนจะเป็นใครบ้าง ขอเวลาในการตรวจสอบในรายละเอียด ซึ่งขณะนี้สั่งการให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เร่งคลี่คลายคดี

 

พล.ต.ต. จรูญเกียรติกล่าวต่อว่า การสืบสวนพบว่าเรือทั้ง 3 ลำที่หายไปเป็นของ ‘โจ้ ปัตตานี’ ผู้มีอิทธิพลค้าน้ำมันเถื่อนของภาคใต้ ส่วนเส้นทางการหลบหนีคาดว่าเดินทางจากท่าเทียบเรือสัตหีบมุ่งไปยังน่านน้ำของประเทศกัมพูชา ระยะทางรวมประมาณ 240 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 ชั่วโมง เนื่องจากเรือมีน้ำหนักมาก ทำความเร็วได้ไม่เกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

ทั้งนี้ เชื่อว่าจะไม่มีการปล่อยทิ้งน้ำมันในทะเลเนื่องจากมีมูลค่า ดังนั้นต้องมีการนำไปจำหน่ายที่ประเทศกัมพูชา เพราะทางการข่าวรายงานว่า โจ้ ปัตตานี พักอาศัยอยู่ประเทศกัมพูชา

 

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ภายในวันนี้จะมีการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่ส่วนกลาง จำนวน 5 นาย ประกอบด้วย ตำรวจชั้นประทวนที่เฝ้าเวรรักษาการณ์ในวันเกิดเหตุ จำนวน 2 นาย ผู้บริหารสถานี 1 นาย และผู้บังคับบัญชา 2 นาย เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างโปร่งใส

 

เมื่อถามว่าภาพลักษณ์ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะเป็นหน่วยใหญ่ของกองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) จะเสียหายหรือไม่ พล.ต.ต. จรูญเกียรติยืนยันว่าไม่ใช่การเสียหน้า แต่ทุกอย่างจะต้องมีการสอบสวนอย่างละเอียด ว่ามีบุคคลใดที่เข้าข่ายบกพร่องหรือทุจริต ซึ่งจะดำเนินการลงโทษโดยไม่ละเว้น

 

ด้าน พ.ต.อ. อินทรัตน์ ปัญญา ผู้กำกับการ 5 บก.รน. เปิดเผยว่า สำหรับคดีน้ำมันเถื่อนที่ตรวจยึดทั้ง 5 ลำ เป็นการจับกุมของตำรวจ บก.ปอศ. ยืนยันว่าถอดชิ้นส่วนการเดินเรือ เช่น พวงมาลัยเดินเรือ และระบบนำทางออกแล้ว

 

ตามระเบียบการเก็บรักษาของกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ระบุไว้ว่า ต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาตลอด 24 ชั่วโมง แต่ในวันดังกล่าวเกิดสภาวะอากาศแปรปรวนและมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ จึงมอบหมายให้ผู้ต้องหานำเรือออกไปจอดและทอดสมอกลางทะเล แต่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บนสะพานสังเกตการณ์อย่างชัดเจน ซึ่งวันดังกล่าวในช่วงเวลากลางคืน เวลา 20.11 น. ยังพบเรือทอดสมออยู่

 

ไต้ก๋งหนึ่งในเรือสองลำที่ไม่ได้สูญหายเล่าว่า เรือของตัวเองมีน้ำหนักเบา ไม่มีน้ำมันบรรทุก จึงจอดอยู่บริเวณริมท่าเทียบเรือฯ ส่วนอีก 3 ลำที่สูญหายบรรทุกน้ำมัน เมื่อเกิดลมพายุรุนแรงจึงถูกย้ายไปทอดสมออยู่กลางทะเล ซึ่งตัวเองไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สั่งการ ยอมรับว่าหากเป็นสถานการณ์ปกติ ถ้ามีสภาพอากาศแปรปรวนเลวร้าย เรือที่มีน้ำหนักก็จะถูกสั่งให้ไปทอดสมอห่างจากท่าเทียบเรือ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุกระแทกกับท่าเทียบเรือเสียหาย

The post ตำรวจเชื่อ เรือของกลางน้ำมันเถื่อนที่หายเป็นของ ‘โจ้ ปัตตานี’ กำลังมุ่งหน้ากัมพูชา ยืนยันหลังจับกุมถอดพวงมาลัย-ระบบจีพีเอสแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>