สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 29 Nov 2025 08:00:08 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ชูศักดิ์ย้ำเพื่อไทยหวังฟื้น สสร. หวั่นสูตร 20 หยิบ 1 ทำเสียงข้างมากครอบงำ https://thestandard.co/pheu-thai-20-1-domination/ Sat, 29 Nov 2025 08:00:08 +0000 https://thestandard.co/?p=1149536 ชูศักดิ์ย้ำ เพื่อไทยหวังฟื้น สสร. หวั่นสูตร 20 หยิบ 1 ทำเสียงข้างมากครอบงำ

วันนี้ (29 พฤศจิกายน) ชูศักดิ์ ศิรินิล สส. แบบบัญชีรายช […]

The post ชูศักดิ์ย้ำเพื่อไทยหวังฟื้น สสร. หวั่นสูตร 20 หยิบ 1 ทำเสียงข้างมากครอบงำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชูศักดิ์ย้ำ เพื่อไทยหวังฟื้น สสร. หวั่นสูตร 20 หยิบ 1 ทำเสียงข้างมากครอบงำ

วันนี้ (29 พฤศจิกายน) ชูศักดิ์ ศิรินิล สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐสภา กล่าวว่า ถึงขณะนี้ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เสร็จสิ้นในชั้นกรรมาธิการแล้ว พร้อมที่จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 10 และ 11 ธันวาคมนี้

 

โดยประเด็นสำคัญที่พิจารณากันมาและใช้เวลามากที่สุด คือองค์กรยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่กรรมาธิการมีมติเสียงข้างมากให้ใช้รูปแบบกรรมาธิการยกร่าง และให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก โดยตัดกระบวนการเลือกโดยประชาชนออก และปฏิเสธกระบวนการยกร่างที่ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยเสนอสูตร 20 หยิบ 1 ในการคัดเลือกกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญโดยรัฐสภา

 

ชูศักดิ์กล่าวว่า สาระสำคัญที่ใช้กระบวนการดังกล่าว โดยตัดการเลือกชั้นต้นโดยประชาชนออก เพราะเกรงว่าจะขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ห้ามเลือกผู้ร่างโดยตรง โดยกรรมาธิการในส่วนของเพื่อไทย แม้แต่ของพรรคประชาชนซึ่งเป็นร่างหลักเห็นว่าไม่ขัดต่อคำวินิจฉัย เพราะเป็นการให้ประชาชนเลือกผู้สมัครมาก่อนแล้วให้รัฐสภาเลือก เป็นการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในชั้นต้น มิใช่การให้ประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรงแต่อย่างใด

 

ชูศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ในส่วนกรรมาธิการของพรรคเพื่อไทย เราสงวนคำแปรญัตติในส่วนสำคัญสองส่วน ส่วนแรกเราสงวนให้องค์กรยกร่างเป็น สสร. ตามร่างเดิมของเรา ที่แม้จะตกไปในวาระที่ 1 เพราะได้เสียงสนับสนุนจาก สว. ไม่ถึง โดยเราเห็นว่าการมี สสร. ที่มาจากการเลือกของประชาชนเป็นเบื้องต้น บวกกับมาจากการเสนอชื่อขององค์กรต่างๆ จะตอบโจทย์ได้มากกว่า ทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชน และการมีสภาฯ มากลั่นกรองร่างรัฐธรรมนูญก่อนเสนอรัฐสภา และไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยแต่อย่างใด

 

ส่วนที่สอง คือหาก สสร. ตามที่เราสงวนความเห็นไม่ได้รับการยอมรับ เราขอสงวนความเห็นต่อองค์กรยกร่างในรูปแบบกรรมาธิการ ทั้งในส่วนกรรมาธิการยกร่างและกรรมาธิการรับฟังความเห็นฯ โดยเฉพาะการให้รัฐสภาเลือกโดยใช้วิธีให้มาสมัคร และใช้วิธีให้รัฐสภารวมตัวกันให้ได้ 20 คนแล้วเลือกกรรมาธิการได้ 1 คน หรือสูตร ‘20 หยิบ 1’ จะนำไปสู่กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญของเสียงข้างมากนั่นเอง

 

“ถ้าใครรวมตัว สส. และ สว. ได้เกินครึ่งค่อนของรัฐสภา ก็ไม่ยากที่จะตกลงกันให้ใครเป็นกรรมาธิการใน 35 คนนั้น รัฐธรรมนูญใหม่ก็จะเป็นไปตามข้างมากของรัฐสภานั่นเอง มิใช่รัฐธรรมนูญที่ตอบสนอง และสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน เราจึงเสนอให้นอกจากให้รัฐสภาจับอย่างเดียวใน 35 คนทั้งหมด ก็ให้เลือกจากผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ด้วย กรรมาธิการบางท่านก็เสนอสูตรการจับให้รอบคอบรัดกุมขึ้น ทั้งหมดเพื่อป้องกันมิให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญถูกผูกขาดโดยเสียงข้างมากฝ่ายเดียว” ชูศักดิ์กล่าว

 

ชูศักดิ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีกรรมาธิการและ สส. ของพรรคขอสงวนและแปรญัตติอีกหลายประเด็น ซึ่งล้วนอยู่ในกรอบความรอบคอบ การมีส่วนร่วมของประชาชน และให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นประชาธิปไตยมากกว่าเดิม

 

ส่วนการพิจารณาของรัฐสภาในวาระ 2 และ 3 จะผ่านรัฐสภาหรือไม่ สถานการณ์ขณะนี้ประเมินยาก เช่น จะได้เสียง สว. ถึง 1 ใน 3 หรือไม่ ยิ่งมีเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ทางใต้ เหตุการณ์ที่หาดใหญ่มีประชาชนสูญเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก มีความเสียหายเดือดร้อนแก่ประชาชนมหาศาล เข้าใจว่าอารมณ์ความรู้สึกของคนไทยต่อเรื่องรัฐธรรมนูญในขณะนี้จะเป็นอย่างไร ต้องเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องเอามาประเมินกันด้วย

The post ชูศักดิ์ย้ำเพื่อไทยหวังฟื้น สสร. หวั่นสูตร 20 หยิบ 1 ทำเสียงข้างมากครอบงำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กมธ. สัดส่วนเพื่อไทยสงวนความเห็น ฟื้นประเด็น สสร. เข้าถกในรัฐสภาวาระ 2 หวั่นประชาชนขาดส่วนร่วมแก้ รธน. https://thestandard.co/pheu-thai-cda-public-participation/ Wed, 26 Nov 2025 07:53:06 +0000 https://thestandard.co/?p=1147919 กมธ. สัดส่วนเพื่อไทยสงวนความเห็น ฟื้นประเด็น สสร. เข้าถกในรัฐสภาวาระ 2 หวั่นประชาชนขาดส่วนร่วมแก้ รธน.

วันนี้ (26 พฤศจิกายน) ที่อาคารรัฐสภา ชูศักดิ์ ศิรินิล ส […]

The post กมธ. สัดส่วนเพื่อไทยสงวนความเห็น ฟื้นประเด็น สสร. เข้าถกในรัฐสภาวาระ 2 หวั่นประชาชนขาดส่วนร่วมแก้ รธน. appeared first on THE STANDARD.

]]>
กมธ. สัดส่วนเพื่อไทยสงวนความเห็น ฟื้นประเด็น สสร. เข้าถกในรัฐสภาวาระ 2 หวั่นประชาชนขาดส่วนร่วมแก้ รธน.

วันนี้ (26 พฤศจิกายน) ที่อาคารรัฐสภา ชูศักดิ์ ศิรินิล สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว สส. น่าน และ จาตุรนต์ ฉายแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ ร่วมกันแถลงข่าวในนามของคณะกรรมาธิการฯ สัดส่วนพรรคเพื่อไทย

 

ชูศักดิ์ระบุว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้ข้อสรุปสาระสำคัญของร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่จะนำสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวาระ 2 และ 3 ทุกครั้งกรรมาธิการของพรรคเพื่อไทยก็ให้ความสนใจร่วมประชุมโดยตลอด และวันนี้จะได้สรุปการแปรญัตติของกรรมาธิการของพรรคเพื่อไทยในหลายประเด็นด้วยกัน เพื่อนำไปสู่การอภิปรายในรัฐสภาวันที่ 10-11 ธันวาคมนี้

 

ชูศักดิ์กล่าวว่า ประเด็นแรกคือ ที่ประชุมกรรมาธิการฯ ไม่ได้นำเอาประเด็นเรื่องสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอเข้าสู่การพิจาณา กรรมาธิการของพรรคเพื่อไทยจึงสงวนความเห็นว่า ขอให้มี สสร. ตามร่างที่เราเคยนำเสนอ เพราะเห็นว่าจะเป็นคำตอบของสภาที่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราเชื่อว่า สสร. จะทำหน้าที่ได้ดีกว่ามีเพียงกรรมาธิการ

 

“สสร ที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทยให้มีการเลือกตั้งโดยประชาชนมา 300 คน รัฐสภาคัดเลือกให้เหลือ 100 คน เป็นสสร. จากนั้น สสร. จะตั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา”

 

ชูศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่ 2 เมื่อกรรมาธิการฯ ไม่เห็นชอบให้มี สสร. และกำหนดให้มีกรรมาธิการ 2 ประเภท คือกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการรับฟังความเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กรรมาธิการชุดละ 35 คน แต่เราเห็นว่า เขาตัดการเลือกตั้งโดยประชาชนออก จึงไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่ยึดโยงกับประชาชน การให้รัฐสภาคัดเลือกโดยตรงด้วยระบบ 20 หยิบ 1 เสี่ยงทำให้ในที่สุดผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้น จะเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญของรัฐสภาเสียงข้างมาก เราจึงได้สงวนความเห็นในประเด็นนี้ไว้ด้วย

 

“แทนที่จะใช้ 20 หยิบ 1 ทั้งหมด เราเสนอให้มาจากรัฐสภาเพียง 25 คน จึงต้องใช้สูตรคำนวณ 28 หยิบ 1 แต่ที่เหลืออีก 10 คนให้มาจากการแต่งตั้งโดยผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ให้เป็น 35 คน เพราะเราต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถมาถ่วงดุลในกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เป็นกรรมาธิการของรัฐสภาเสียทั้งหมด ส่วนคณะกรรมาธิการรับฟังความเห็นฯ ก็ใช้วิธีแบบเดียวกัน คือให้มาจากการคัดเลือกขององค์กร หรือสมาคมต่างๆด้วย 10 คน” ชูศักดิ์กล่าว

 

ชูศักดิ์เชื่อว่า สสร. วิธีนี้ ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ได้เป็นการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง แต่ให้ประชาชนเสนอตัวเป็นผู้สมัคร แล้วให้รัฐสภาหยิบมาให้เหลือ 100 คน ตรงกันข้าม หากเราตัดประชาชนออกจากกระบวนการเหล่านี้ อาจทำให้ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

 

แก้รายละเอียดป้องกันเสียงข้างมากครอบงำ

 

ด้าน นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในหลักการที่คณะกรรมาธิการสัดส่วนพรรคเพื่อไทยวางไว้ คือการสงวนความเห็นในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม แบ่งเป็น 2 ลักษณะใหญ่ คือ 1.หลักการใหญ่โดยรวม เช่น องค์กรผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่เราเห็นต่างกับกรรมาธิการส่วนใหญ่ชัดเจน บวกกับมาตราที่ต่อเนื่อง และ 2.เป็นการสงวนความเห็นหลายประเด็น หลายมาตรา กับที่ร่างกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว แต่เราเห็นควรว่าควรเห็นด้วยอย่างอื่น

 

เราจึงเสนอสงวนความเห็น ดังนี้ เรื่องที่มาของผู้เป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการรับฟังความเห็นฯ ซึ่งมีที่มาจะแตกต่างกับร่างของกรรมาธิการ แต่ส่วนของตนคือมีลักษณะเป็นการทั่วไป ตามความเชี่ยวชาญ และแบ่งสัดส่วนชัดเจน คือ คุณสมบัติทั่วไป 20 คน และผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาต่างๆ อีก 15 คน

 

ส่วนกรณีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ในสัดส่วนกรรมาธิการยกร่างฯ และกรรมาธิการรับฟังความเห็นฯ นั้น กรรมาธิการทำร่างแบบเปิดกว้างให้มีเฉพาะเรื่องสัญชาติการเกิด คือสัญชาติไทย มีอายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ส่วนตัวเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสําคัญ การกําหนดถิ่นที่อยู่ภูมิลําเนามีผลสําคัญ จึงขอสงวนความเห็นไว้ว่า ผู้ที่จะเข้ามาเป็นจะต้องมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยหรือมีทะเบียนบ้านในประเทศไทยที่ตรวจสอบได้ แม้ตัวอยู่ต่างประเทศ แต่ต้องมีทะเบียนบ้านในประเทศ เพื่อเป็นหลักประกันในการตรวจสอบ เรื่องความเป็นอยู่ และที่มาที่ไป ความรับผิดรับผิดชอบที่เกิดขึ้น จะต้องติดตามได้

 

สำหรับการคัดเลือกกรรมาธิการของรัฐสภา เพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมาธิการ สูตร 20 หยิบ 1 นั้น เราเห็นภาพแล้วว่า อนาคตรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นอย่างไร หากผ่านวาระ 2 เราพอเห็นเงาแล้วว่า กรรมาธิการ 35 คนนั้น จะถูกเสมือนจัดตั้งในระบบรัฐสภาชุดหน้า และเห็นภาพว่าใครคุมเสียงข้างมาก ซึ่งเสียงข้างมากก็ย่อมเลือกกรรมาธิการยกร่างฯ ในสัดส่วนที่เป็นกรรมาธิการเสียงข้างมากได้เช่นกัน แม้มีเพียงแค่ 20 คน ก็สามารถกําหนดเกณฑ์วิธีการเขียนรัฐธรรมนูญด้านใดด้านหนึ่งได้อยู่แล้ว

 

“เราจึงเป็นห่วง และเป็นที่มาที่ผมจะสงวนความเห็น ให้เลือกจากรัฐสภาโดยการลงคะแนนจากเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่แสนยากนี้มาใช้ ซึ่งมีหลักการว่า ทุกภาคส่วนของสมาชิกรัฐสภาต้องให้ความเห็นชอบ คือมีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง และต้องมี สว. เห็นชอบด้วยในกึ่งนั้น แต่ข้อเสนอของผม ใช้แค่ 1 ใน 5 หรือคือ 40 คน และสัดส่วนฝ่ายค้านอีกไม่น้อยกว่า 20% มาเลือก 1 คน เชื่อว่า เสียงข้างมากไม่สามารถครอบงําชี้นําได้ ถ้า สส. สว. ตามสัดส่วนดังกล่าวไม่เห็นด้วย ก็จะไม่มีทางได้เป็น” นพ. ชลน่านกล่าว

 

นพ. ชลน่านยังเสนอประเด็นการให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของที่ประชุมรัฐสภา เมื่อกรรมาธิการยกร่างฯ เสร็จแล้ว ให้ส่งมาให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบ ถ้าเห็นชอบแล้ว ก็ส่งร่างนั้นไปทําประชามติเลย แต่หากพิจารณาแล้วยังมีสิ่งควรแก้ไข รัฐสภาก็ส่งสิ่งที่ควรแก้ไขไปให้กรรมาธิการยกร่างฯ พิจารณาแก้ไข แล้วส่งกลับมาให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง

 

ประเมินเนื้อหา-ท่าทีหลังวาระ 2 จะได้ รธน. ยึดโยงประชาชนหรือไม่

 

ขณะที่ จาตุรนต์ระบุว่า ในขณะนี้เราเห็นปัญหา เราก็จะไปทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการพิจารณาวาระ 2 คืออภิปรายให้ที่ประชุมรัฐสภา เห็นว่า ปัญหาคืออะไรและมีทางออกอย่างไร เมื่อพิจารณาวาระ 2 เสร็จแล้วจึงจะเห็นแนวโน้มว่า รางแก้ไขรัฐธรรมนูญควรให้ประชาชนมีส่วนร่วมและมีเนื้อหา ที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นนั้นจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ มีเงื่อนไข 2 ข้อ

 

ประกอบด้วย เนื้อหาสุดท้ายจะออกมาอย่างไร และท่าทีของสมาชิกรัฐสภาส่วนต่างๆ ได้แสดงความเห็นในมาตราสำคัญๆ ไว้อย่างไร จึงจะมีแนวโน้มให้เห็นได้ว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาหรือไม่ เราต้องการให้พิจารณาอย่างรอบคอบจริงจัง ใช้เหตุผล หลักการของเราคือ ต้องการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีเนื้อหาเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

ส่วนการสงวนคำแปรญัตติ ได้มีการประเมิน หรือไม่ว่าจะมีโอกาสชนะหรือไม่ จาตุรนต์มองว่า มีโอกาสชนะและไม่ชนะ เพราะข้อเสนอมีความหลากหลายมาก บางเรื่องก็เห็นชัดว่ากรรมาธิการในส่วนของพรรคใหญ่มองตรงกัน หากยังยันยืนยันตามที่สงวนนั้น แล้วเสียงของส่วนอื่นไม่มากกว่า บางเรื่องก็อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เราสงวนเป็นฝ่ายเสียงข้างมากก็ได้ โดยผลการพิจารณาในวาระสอง จะเป็นผลต่อการตัดสินใจของสมาชิกพรรค ว่าจะลงมติอย่างไร ในวาระ 3

The post กมธ. สัดส่วนเพื่อไทยสงวนความเห็น ฟื้นประเด็น สสร. เข้าถกในรัฐสภาวาระ 2 หวั่นประชาชนขาดส่วนร่วมแก้ รธน. appeared first on THE STANDARD.

]]>
ขัตติยา ชี้ กมธ.ตีตกข้อเสนอ ‘สสร.’ เพื่อไทยกังวลไม่ยึดโยงประชาชน https://thestandard.co/kattiya-pheu-thai-proposal-rejected/ Sun, 16 Nov 2025 05:56:38 +0000 https://thestandard.co/?p=1143856 ขัตติยา ชี้ กมธ. ตีตกข้อเสนอ ‘สสร.’ เพื่อไทย กังวลไม่ยึดโยงประชาชน

วันนี้ (16 พฤศจิกายน) ขัตติยา สวัสดิผล รองเลขาธิการพรรค […]

The post ขัตติยา ชี้ กมธ.ตีตกข้อเสนอ ‘สสร.’ เพื่อไทยกังวลไม่ยึดโยงประชาชน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ขัตติยา ชี้ กมธ. ตีตกข้อเสนอ ‘สสร.’ เพื่อไทย กังวลไม่ยึดโยงประชาชน

วันนี้ (16 พฤศจิกายน) ขัตติยา สวัสดิผล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ แถลงความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) โดยเปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการได้พิจารณาไปแล้วประมาณ 14 มาตรา จากทั้งหมดกว่า 30 มาตรา และในฐานะที่ดิฉันเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการ ขอรายงานความคืบหน้าว่า ขณะนี้กรรมาธิการได้พิจารณาไปแล้วประมาณ 14 มาตรา จากทั้งหมด 30 กว่ามาตราในร่าง

 

ขัตติยา แสดงความกังวลต่อมติของกรรมาธิการเสียงข้างมากที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. (สภาร่างรัฐธรรมนูญ) เพื่อทำงานคู่กับกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งที่พรรคเพื่อไทยเห็นว่า สสร. เป็นกลไกที่ผูกพันกับประชาชนมากกว่า สะท้อนความหลากหลาย และสร้างการมีส่วนร่วมได้จริง

 

ขัตติยา กล่าวต่อว่า แม้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยจะตกไปตอนพิจารณาวาระ 1 ก็ตาม แต่เราก็เห็นว่า การมี สสร. นั้นมีข้อดีอยู่มาก เพราะเป็นรูปแบบการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ ‘เป็นที่ผูกพันกับประชาชน’ และสะท้อนความหลากหลายของสังคม พร้อมย้ำถึงความสำเร็จของ สสร. ปี 2540 ที่สร้างการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง และสร้างความน่าเชื่อถือในกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสสร. ยังเป็นกลไกที่สาธารณชนคุ้นเคย และช่วยสร้างความเชื่อมั่นในความเป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสภาใด เป็นการลดข้อกังขาว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคนกลุ่มใดโดยเฉพาะ

 

อย่างไรก็ดี ข้อเสนอนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบในชั้น กมธ. โดย กมธ. เสียงข้างมากเลือกใช้กลไก ‘กมธ.ยกร่าง’ เพียงระดับเดียว มีสมาชิก 35 คน มาจากการเสนอชื่อแบบ ‘20 หยิบ 1’ (สมาชิก 20 คนเสนอชื่อได้ 1 คน) และตั้ง ‘กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ’ อีก 35 คน ซึ่งคัดเลือกโดยรัฐสภาจากบัญชีรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือก

 

โดยพรรคเพื่อไทยยังมีความกังวลว่า โครงสร้างทั้งสองชุดไม่มีความยึดโยงกับประชาชนเหมือน สสร. ไม่สะท้อนความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องคุณสมบัติของกรรมาธิการ เพราะไม่ได้มีที่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมของประชาชนเหมือน สสร.

 

ขัตติยา กล่าวอีกว่าในสัปดาห์หน้า พรรคเพื่อไทยจะผลักดันให้ปรับที่มาของกรรมาธิการให้ยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงที่กลุ่มการเมืองอาจจัดตั้ง เพื่อควบคุมกระบวนการ เช่นกรณีฮั้ว ที่เพิ่งเกิดขึ้น

 

ส่วนประเด็นที่พรรคเพื่อไทยถูกกล่าวหาว่าจงใจถ่วงเวลากระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ ขัตติยาปฏิเสธ พร้อมกล่าวว่า “ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก ไม่มีเหตุผลอะไรที่พรรคเพื่อไทยต้องถ่วงเวลา เพราะถ้าดูจากอดีต พรรคเพื่อไทยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญปี 2560 ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งปี 2566 แล้ว สาเหตุของความล่าช้าอาจมาจาก พรรคการเมืองบางพรรคจงใจใช้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น ‘ตัวประกัน’ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ให้มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่

 

“หากย้อนประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่มีพรรคใดได้รับผลกระทบจากกลไกที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมากเท่าพรรคเพื่อไทย แต่เรายังคงต่อสู้และผลักดันรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ย่อท้อ” ขัตติยา กล่าว

 

รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยยังคงเรียกร้องให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญเดินหน้าได้ทันกำหนดก่อนการยุบสภาตามข้อตกลงบันทึกความเข้าใจร่วม (MOA : บันทึกความเข้าใจร่วมกัน) และให้สามารถจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปได้ตามแผน

 

ขัตติยา ทิ้งท้ายว่า พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายจริงใจและจริงจังร่วมกันแก้ไขกติกาสำคัญของประเทศในโอกาสที่มาถึงในครั้งนี้ และขอเรียกร้องเพื่อนๆ สมาชิกรัฐสภาที่ประกาศว่า มีความมุ่งมั่นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญกว่าใคร ให้ความสำคัญและเรียกร้องความรับผิดชอบจากพรรคการเมืองบางพรรคและสมาชิกรัฐสภาที่เกี่ยวข้อง ในฐานะที่มีข้อตกลงร่วมกันว่าจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แลกกับความไว้วางใจโดยไปสนับสนุนคุณอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้สำเร็จ และอย่าให้ข้อตกลงนั้น กลายเป็นความสูญเปล่า และสร้างความผิดหวังให้ประชาชนไปมากกว่านี้

The post ขัตติยา ชี้ กมธ.ตีตกข้อเสนอ ‘สสร.’ เพื่อไทยกังวลไม่ยึดโยงประชาชน appeared first on THE STANDARD.

]]>
พริษฐ์ ยืนยันพรรคประชาชนไม่ได้กลับลำเรื่อง สสร. แต่โหวตแพ้ ถูกตัดโมเดล ‘สภาที่ปรึกษา’ กลไกที่ยึดโยงประชาชน https://thestandard.co/parit-on-losing-advisory-model/ Thu, 13 Nov 2025 01:52:53 +0000 https://thestandard.co/?p=1142722 พริษฐ์ ยืนยัน พรรคประชาชน ไม่ได้กลับลำ เรื่อง สสร. แต่โหวตแพ้ ถูกตัดโมเดล ‘สภาที่ปรึกษา’ กลไกที่ยึดโยงประชาชน

วันนี้ (13 พฤศจิกายน) พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายช […]

The post พริษฐ์ ยืนยันพรรคประชาชนไม่ได้กลับลำเรื่อง สสร. แต่โหวตแพ้ ถูกตัดโมเดล ‘สภาที่ปรึกษา’ กลไกที่ยึดโยงประชาชน appeared first on THE STANDARD.

]]>
พริษฐ์ ยืนยัน พรรคประชาชน ไม่ได้กลับลำ เรื่อง สสร. แต่โหวตแพ้ ถูกตัดโมเดล ‘สภาที่ปรึกษา’ กลไกที่ยึดโยงประชาชน

วันนี้ (13 พฤศจิกายน) พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ รัฐสภา โพสต์ข้อความระบุถึงการลงมติเกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า ขออย่าเข้าใจผิดว่าพรรคประชาชนลงมติเกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่แตกต่างไปจากร่างที่พรรคเสนอมาตั้งแต่ต้น

 

พรรคประชาชนยังคงยึดมั่นตามร่างหลักที่เสนอตั้งแต่วาระ 1 ซึ่งรัฐสภารับหลักการและให้เป็นร่างหลักในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.)

 

พริษฐ์อธิบายเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาพรรคตั้งใจเสนอให้มี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อเดือนกันยายนที่ระบุว่า “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง” ทำให้ทุกพรรคไม่สามารถเสนอกลไกดังกล่าวได้อีก พรรคประชาชนจึงจำเป็นต้องออกแบบกลไกใหม่เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุดภายใต้ข้อจำกัดดังกล่าว คือ

 

1. คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน มีหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ และมาจากการเลือกตั้งทางอ้อม และ 2. สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมมนูญ 100 คน มีหน้าที่รับฟังความเห็น และมาจากการเลือกตั้งโดยตรง เพื่อให้ยังคงมีการยึดโยงกับประชาชน

 

ในการประชุม กมธ. ล่าสุด กมธ. พรรคประชาชนได้ลงมติให้คงไว้ตามร่างของพรรค ซึ่งในส่วนของกลไกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ กมธ. มีมติ 21-9 เห็นด้วยกับร่างของพรรคประชาชน ให้มี คณะกรรมาธิการยกร่าง 35 คน
ขณะที่ กลไกผู้รับฟังความเห็น กมธ. มีมติ 23-8 ให้ตัดออก ซึ่งข้อเสนอ สภาที่ปรึกษา 100 คน ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง

 

“สิ่งที่ กมธ. พรรคประชาชน โหวตแพ้ และถูกตัดออกไปจากร่างในวันนี้ คือ สภาที่ปรึกษา ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน”

 

พริษฐ์ระบุด้วยว่า สิ่งที่ถูกตัดออกไปไม่ใช่ สสร. แต่คือ ‘สภาที่ปรึกษา’ ซึ่งเป็นกลไกที่พรรคพยายามออกแบบเพื่อรักษาการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนไว้ จึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย แม้ กมธ. 8 คนของพรรคจะพยายามยืนยันหลักการแล้ว แต่ยังไม่สามารถโน้มน้าว กมธ. ส่วนใหญ่ให้คล้อยตามได้

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงมติของ กมธ. ว่าด้วยการให้มี ‘คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ’ เสียงข้างน้อย 9 เสียง ส่วนใหญ่เป็นกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยที่เข้าประชุม รวมถึง พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ และ นพ. เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.

 

ส่วนการลงมติให้มี ‘สภาที่ปรึกษา’ ที่ประชุมลงมติเห็นชอบตามร่างเดิม 8 เสียง คือให้มีสภาที่ปรึกษามาจากการเลือกตั้ง ขณะที่กรรมาธิการอีก 23 เสียง เห็นว่าควรแก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ 8 เสียงที่เห็นชอบ คือ กรรมาธิการในสัดส่วนพรรคประชาชน 8 คน ยกเว้น ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ ซึ่งงดออกเสียง

The post พริษฐ์ ยืนยันพรรคประชาชนไม่ได้กลับลำเรื่อง สสร. แต่โหวตแพ้ ถูกตัดโมเดล ‘สภาที่ปรึกษา’ กลไกที่ยึดโยงประชาชน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภราดรเสนอเปิดสภาวิสามัญ 8-10 ธ.ค. พิจารณาแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 เสร็จภายในปีนี้ หาทางรอดคำวินิจฉัยศาล เล็งใช้สูตรคนละครึ่ง ลดความขัดแย้ง https://thestandard.co/paradon-charter-reform-half-half-deal/ Wed, 05 Nov 2025 00:19:42 +0000 https://thestandard.co/?p=1139773 ภราดรเสนอเปิด สภาวิสามัญ 8-10 ธ.ค. พิจารณาแก้ รัฐธรรมนูญวาระ 3 เสร็จภายในปีนี้ หาทางรอดคำวินิจฉัยศาล เล็งใช้ สูตรคนละครึ่ง ลดความขัดแย้ง

วานนี้ (4 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภราดร ปริศนานันทก […]

The post ภราดรเสนอเปิดสภาวิสามัญ 8-10 ธ.ค. พิจารณาแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 เสร็จภายในปีนี้ หาทางรอดคำวินิจฉัยศาล เล็งใช้สูตรคนละครึ่ง ลดความขัดแย้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภราดรเสนอเปิด สภาวิสามัญ 8-10 ธ.ค. พิจารณาแก้ รัฐธรรมนูญวาระ 3 เสร็จภายในปีนี้ หาทางรอดคำวินิจฉัยศาล เล็งใช้ สูตรคนละครึ่ง ลดความขัดแย้ง

วานนี้ (4 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในชั้น กมธ. โดยเฉพาะประเด็น ที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ว่าขณะนี้ไม่มีปัญหาใหญ่ ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันเกือบทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 35 คน ยืนยันว่า มีแน่นอน

 

ภราดรกล่าวว่า ส่วนเรื่องสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยังมีความเห็นต่างกันเล็กน้อย บางฝ่ายเห็นว่ายังควรมีอยู่ ขณะที่บางฝ่ายเห็นว่าไม่จำเป็น เนื่องจากมีกรรมการยกร่างอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกังวลว่าที่มาของ ส.ส.ร. อาจขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ภราดรกล่าวว่า แนวคิดของพรรคประชาชนต้องการให้เข้าคูหาเลือกตั้ง ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม อย่างไรก็ตามเสียงส่วนใหญ่ใน กมธ. เห็นตรงกันว่า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงพยายามหาวิธีไม่ให้เข้าคูหาเลือกตั้งโดยตรง แต่ใช้รูปแบบอื่นแทน

 

แนวทางที่หารือกันคือ แบบผสมระหว่างร่างของพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน โดยให้ผู้ประสงค์จะเป็น ส.ส.ร. สมัครเข้ามาเอง และให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกรัฐสภา 20 คนรวมตัวกันเลือก 1 คนเข้าสู่กระบวนการ ถือเป็นสูตรคนละครึ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าจะช่วยลดความขัดแย้งได้ ขณะเดียวกันก็ยังมีบางส่วนเสนอว่า ควรคงการเลือกตั้งบางรูปแบบไว้ แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดสามารถตกลงกันได้

 

สำหรับกรอบเวลา ภราดรระบุว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอเวลา 75 วันก่อนทำประชามติ หรือประมาณกลางเดือนมกราคม 2569 ดังนั้น กมธ. และรัฐสภายังมีเวลาทำงานเพียงพอ แม้ไม่เปิดสมัยประชุมวิสามัญ แต่หากต้องการเร่งให้แล้วเสร็จก่อนปีใหม่ ส่วนตัวเห็นว่า สามารถเปิดประชุมวิสามัญได้ในช่วง 8-10 ธันวาคม ก่อนเปิดสมัยประชุมสามัญวันที่ 12 ธันวาคม เพื่อให้ลงมติวาระสามได้ทันในปีนี้ เพราะหากไม่เปิด จะต้องเลื่อนมติวาระสามไปหลังปีใหม่ ซึ่งอาจกระทบต่อการทำประชามติและการเลือกตั้ง

 

ส่วนข้อกังวลว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจไม่ผ่านเสียงเห็นชอบของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในวาระสาม ภราดรกล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันแล้ว โดย ส.ว.ส่วนใหญ่ห่วงในประเด็นห้ามแตะหมวด 1-2 และ “ไม่ให้ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ” เรื่องการห้ามเลือกตั้งทางตรง ซึ่ง กมธ.เข้าใจในสิ่งที่ ส.ว.กังวล และจะพยายามถอยกันคนละก้าว เพื่อให้ได้เสียง สว.ถึง 67 เสียงตามเกณฑ์ที่กำหนด

 

“เป้าหมายคือให้โหวตร่างรัฐธรรมนูญวาระสามเสร็จก่อนปีใหม่ เพื่อให้ กกต. มีเวลาทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งได้ทัน” ภราดร กล่าวย้ำ

The post ภราดรเสนอเปิดสภาวิสามัญ 8-10 ธ.ค. พิจารณาแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 เสร็จภายในปีนี้ หาทางรอดคำวินิจฉัยศาล เล็งใช้สูตรคนละครึ่ง ลดความขัดแย้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
วันแรกถกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 พรรค สส.-สว. เห็นพ้องรับหลักการวาระ 1 ทุกร่าง https://thestandard.co/constitution-amendment-debate-day1/ Tue, 14 Oct 2025 11:51:58 +0000 https://thestandard.co/?p=1130407 COVER - Constitutional draft accepted first reading

วันนี้ (14 ตุลาคม) วันแรกของการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ท […]

The post วันแรกถกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 พรรค สส.-สว. เห็นพ้องรับหลักการวาระ 1 ทุกร่าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
COVER - Constitutional draft accepted first reading

วันนี้ (14 ตุลาคม) วันแรกของการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่ทั้ง สส. และ สว. ต่างอภิปรายแสดงความเห็นต่อร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่เสนอโดย 3 พรรคการเมือง คือ พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีการเพิ่มเติมสาระสำคัญว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และโมเดลของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

 

ตลอดทั้งวัน ทั้ง สส. และ สว. ส่วนใหญ่ได้อภิปรายไปในทิศทางเดียวกันว่า สมาชิกรัฐสภาควรลงมติให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขฯ ทั้ง 3 ฉบับ ในวาระที่ 1 ชั้นรับหลักการ เพื่อเปิดทางสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่ามีปัญหาต่อเสถียรภาพทางการเมืองไทย โดยเฉพาะอำนาจขององค์กรอิสระ

 

ขณะที่สมาชิกบางส่วนย้ำในจุดยืนว่า ไม่เห็นชอบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 1 และหมวด 2 เช่น จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์

 

ทั้งนี้ ในช่วงบ่าย พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงษ์ สว. ตั้งคำถามถึงร่างแก้ไขเพิ่มเติมฯ ฉบับพรรคประชาชน ว่าข้อความในบางมาตราบ่งบอกเจตนาต้องการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 หรือไม่ รวมถึงการตั้งสภาที่ปรึกษาจากการเลือกตั้งของประชาชน ก็ไม่มีความจำเป็น และเสี่ยงขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จนถึงขั้นตั้งฉายาว่า “ร่างเซาะกร่อนบ่อนทำลาย”

 

ด้าน นันทนา นันทวโรภาส สว. ตั้งข้อสังเกตว่า ร่างแก้ไขฯ ของพรรคภูมิใจไทย ขาดความยึดโยงกับประชาชน อาศัยเสียงในรัฐสภา โดยเฉพาะเมื่อ สว. จำนวนมาก กำลังถูกตรวจสอบในข้อกล่าวหาเรื่องคดีฮั้วเลือก สว.

 

จากนั้น ในช่วงเย็น ภัณฑิล น่วมเจิม สส. กทม. พรรคประชาชน อภิปรายถึงความเหมาะสมของที่มาและอำนาจของ สว. ที่ล้นเกิน จนทำให้ สว. หลายคนลุกขึ้นประท้วง อย่าง พ.ต.อ. กอบ อัจนากิตติ สว. ที่กล่าวว่า “น้องคนนี้ไม่ควรสามหาว” จน วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ต้องไกล่เกลี่ย เพราะการแก้ไจรัฐธรรมนูญต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย

 

สำหรับคืนนี้ยังต้องจับตาการอภิปรายของ สว. ทั้งเสียงข้างมาก และเสียงข้างน้อย ว่าจะมีจุดยืนอย่างไรต่อร่างแก้ไขฯ แต่ละฉบับ อาทิ อลงกต วรกี, อังคณา นีละไพจิตร โดยคาดว่าการอภิปรายจะมีไปจนถึงเวลา 00.00 น. ของวันนี้ และประชุมต่ออีกครั้งตั้งแต่ 9.00 น. วันรุ่งขึ้น (18 ตุลาคม) เพื่อให้สามารถลงมติด้วยการขานชื่อภายในเวลาประมาณ 14.00 น.

 

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17

The post วันแรกถกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 พรรค สส.-สว. เห็นพ้องรับหลักการวาระ 1 ทุกร่าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
สว. เทวฤทธิ์ชวนสมาชิกพยายามขึ้นอีก มองคำวินิจฉัยศาลชี้ รัฐสภาริเริ่มหรือแสดงความต้องการให้มี สสร. จากประชาชนเลือกตั้งโดยตรงได้ https://thestandard.co/senator-tewarit-constitutional-amendment-scrutinize/ Tue, 14 Oct 2025 08:47:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1130276 สว. เทวฤทธิ์ ชวนสมาชิกพยายามขึ้นอีก มองคำวินิจฉัยศาลชี้ รัฐสภาริเริ่มหรือแสดงความต้องการให้มี สสร. จากประชาชนเลือกตั้งโดยตรงได้

วันนี้ (14 ตุลาคม) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภานัดพิเศษ […]

The post สว. เทวฤทธิ์ชวนสมาชิกพยายามขึ้นอีก มองคำวินิจฉัยศาลชี้ รัฐสภาริเริ่มหรือแสดงความต้องการให้มี สสร. จากประชาชนเลือกตั้งโดยตรงได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สว. เทวฤทธิ์ ชวนสมาชิกพยายามขึ้นอีก มองคำวินิจฉัยศาลชี้ รัฐสภาริเริ่มหรือแสดงความต้องการให้มี สสร. จากประชาชนเลือกตั้งโดยตรงได้

วันนี้ (14 ตุลาคม) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภานัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เสนอโดย 3 พรรคการเมือง เทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายว่า ภายหลังรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้ มีความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ 26 ร่าง มีผ่านเพียง 1 ร่าง คือ ร่างแก้ระบบเลือกตั้ง ที่เหลือ 25 ร่างตกหมด ในจำนวนนี้มี 11 ร่างที่ผ่านเกณฑ์กึ่งหนึ่งของรัฐสภา แต่ไม่ผ่าน 1 ใน 3 ของเสียง สว. ชุดที่แล้ว จนถูกขนานนามว่าเป็น ‘องครักษ์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ’ แต่ด้วยเนื้อนาบุญของ สว. ชุดปัจจุบัน ทำให้เชื่อว่า จะสามารถเปิดประตูสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่พยายามมาตั้งแต่ปี 2550

 

เทวฤทธิ์ชี้ว่า ทั้ง 3 ร่าง ไม่ได้มีส่วนขัดกันเรื่องที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และพยายามหาทางอ้อมเรื่องที่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกตั้ง สสร. ได้โดยตรง แต่เราพยายามน้อยไปหรือไม่ คำวินิจฉัยส่วนนั้นเป็นความเห็นแถม ไม่ใช่คำถามที่รัฐสภาส่งไปด้วยซ้ำ หากพิจารณาคำวินิจฉัยทั้งย่อหน้า จะเห็นว่า อำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่สามารถทำได้โดยรัฐสภาเพียงลำพัง รัฐสภาสามารถเป็นผู้ริเริ่มหรือแสดงความต้องการให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งโดยตรงได้ โดยไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

 

“ผมยังหวังว่า เมื่อเรารับหลักการในร่างที่ไม่ล็อกเรื่องการเลือกตั้ง สสร. โดยตรง กรรมาธิการจะพิจารณาเปิดโอกาสให้ประชาชน ในฐานะผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญดั้งเดิม ตามที่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุไว้ ให้เขามีโอกาสเลือกตั้ง สสร. โดยตรงได้หรือไม่ เราควรจะพยายามมากกว่านี้อีกสักนิด” เทวฤทธิ์กล่าว

 

นอกจากนี้ หากรัฐสภาหรือกรรมาธิการยังไม่มั่นใจ ยังมีคำถามที่ประชาชนรวมรายชื่อกว่า 200,000 รายชื่อ เมื่อปี 2566 เสนอคำถามไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปิดเผยคำถามประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ควรใช้คำถามนี้ถามประชาชนเลยว่า ในฐานะเป็นผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญดั้งเดิม ท่านประสงค์จะให้มี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือไม่ เป็นคำถามที่ 3

 

เทวฤทธิ์กล่าวต่อไปว่า ถึงนาทีนี้ ร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ยังไม่มีการประกาศใช้ลงราชกิจจานุเบกษา ที่ได้แก้ไขปลดล็อกเรื่องเสียงข้างมาก 2 ชั้น และเรื่องอื่นๆ ต้องถามผู้เสนอร่าง หากจะต้องจัดทำประชามติภายใต้เงื่อนไขนี้ มีประเด็นใดบ้างที่ต้องพิจารณา เรื่องเสียงข้างมาก 2 ชั้น อาจไม่มีปัญหา เพราะจัดประชามติพร้อมวันเลือกตั้ง แต่ต้องยืนยันว่า แม้ร่าง พ.ร.บ. ประชามติฯ เดิม จะไม่ได้กำหนดไว้ แต่ก็ไม่ได้ห้าม จึงต้องยืนยันว่า สามารถเลือกพร้อมกันในวันเลือกตั้งได้

 

สำหรับกรอบเวลาการจัดทำประชามติหลังมีมติ ครม. ให้มีการจัดทำประชามติตามกรอบเดิมคือ ไม่เร็วไปกว่า 90 วันหลัง มติ ครม. แต่ไม่ช้าไปกว่า 120 วัน ส่วนฉบับที่แก้ไข กำหนดให้ยืดหยุ่นเป็น 60-150 วัน ดังนั้น หากจะมีเลือกตั้งปลายเดือนมีนาคม 2569 รัฐสภาต้องมีมติเสนอให้ ครม. จัดทำประชามติก่อนสิ้นเดือนธันวาคม 2568

 

ขณะที่ประเด็นการออกเสียงประชามติทางไปรษณีย์ ตามมาตรา 12 ของ พ.ร.บ. ประชามติฯ ฉบับเดิมนั้น เห็นว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควรทำระเบียบให้ชัด เพราะที่ผ่านมา มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตในปี 2566 กว่า 2 ล้านคน หากไม่มีระบบนี้มารองรับ คนกลุ่มนี้อาจไม่สามารถใช้สิทธิออกเสียงประชามติได้ ซึ่งจะมีนัยสำคัญแน่นอน ดังนั้น เมื่อประชามติจะเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้ง การใช้สิทธิล่วงหน้าก็ควรอำนวยความสะดวกให้ออกเสียงประชามติทางไปรษณีย์ได้ด้วย และนำบัตรมานับที่ส่วนกลางได้เลย เพราะโจทย์เหมือนกันทั้งประเทศ

The post สว. เทวฤทธิ์ชวนสมาชิกพยายามขึ้นอีก มองคำวินิจฉัยศาลชี้ รัฐสภาริเริ่มหรือแสดงความต้องการให้มี สสร. จากประชาชนเลือกตั้งโดยตรงได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐสภานัด 14-15 ต.ค. นี้ พิจารณา 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้าน สว. ชี้หากไม่แตะหมวด 1-2 ยินดีเห็นชอบ https://thestandard.co/14-15-oct-constitution-amendment-approval/ Wed, 08 Oct 2025 09:10:24 +0000 https://thestandard.co/?p=1128123 รัฐสภานัด 14-15 ต.ค. นี้ พิจารณา 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้าน สว. ชี้หากไม่แตะหมวด 1-2 ยินดีเห็นชอบ

วันนี้ (8 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา ภายหลังการประชุมเพื่อห […]

The post รัฐสภานัด 14-15 ต.ค. นี้ พิจารณา 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้าน สว. ชี้หากไม่แตะหมวด 1-2 ยินดีเห็นชอบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐสภานัด 14-15 ต.ค. นี้ พิจารณา 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้าน สว. ชี้หากไม่แตะหมวด 1-2 ยินดีเห็นชอบ

วันนี้ (8 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา ภายหลังการประชุมเพื่อหารือร่วมกันระหว่างคณะรัฐมนตรี (ครม.), คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน รวมถึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อหารือกรอบเวลาในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาวาระพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 ที่ 3 พรรคการเมืองเสนอ โดยมี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประในการประชุม

 

ภายหลังใช้เวลาประมาณ 40 นาที วันมูหะมัดนอร์เปิดเผยผลการประชุมว่า ที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย เห็นว่า จะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับรวมกัน แต่การลงมติในวาระที่ 1 จะแยกกันลงมติ และจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 จำนวน 42 คน โดยจะใช้เวลาในการอภิปรายทั้งหมดรวมการเสนอร่างทั้ง 3 ฉบับ 19 ชั่วโมงครึ่ง

 

แบ่งเป็นเวลาของประธานในที่ประชุม 1 ชั่วโมง สว. 5 ชั่วโมงครึ่ง พรรคร่วมรัฐบาล 3 ชั่วโมง และพรรคร่วมฝ่ายค้าน 10 ชั่วโมง ทั้งนี้ การลงมติอาจจะใช้เวลานาน เนื่องจากเป็นการลงมติแบบขานชื่อทีละบุคคลว่าจะรับหรือไม่รับหลักการร่างใด หรือรับหรือไม่รับหลักการทั้ง 3 ร่าง

 

ขณะที่ วุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา หรือวิปวุฒิสภา ระบุถึงแนวโน้มการลงมติของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 1 โดยระบุว่า ดูจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็ม ซึ่งจะต้องปฏิบัติตาม เพราะคำนิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร ซึ่งประเด็นของ สว. เราเห็นด้วยว่า รัฐธรรมนูญบางมาตราที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาทางการเมือง เรายินดี แต่ สว. ส่วนใหญ่ 80-90% มีความเห็นตรงกันคือ ไม่เห็นด้วยกับการแตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่ง สว. ไม่เอาด้วยแน่นอน

 

ส่วนติดใจที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มีที่มาจากประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อมหรือไม่ วุฒิชาติกล่าวว่า ส่วนตัวไม่ติดใจ เพราะความจริงต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นหลักว่า การได้มาซึ่ง สสร. ให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก โดยประชาชนไม่สามารถเลือกได้โดยตรง

 

“เชื่อว่า คร่าวๆ ที่ดู คงไม่เป็นประเด็นปัญหาทั้ง 3 ร่าง ส่วนรายละเอียดค่อยไปว่ากัน” วุฒิชาติกล่าว

 

ด้าน ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส. อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรอบเวลาของการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่าจะเสร็จทันก่อนการยุบสภาภายใน 4 เดือน หรือต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

 

ภราดรกล่าวว่า หลังจากการพิจารณาวาระที่ 1 ในวันที่ 14 และ 15 นี้ก็จะมีการตั้งกรรมาธิการ ซึ่งทางสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ก็แสดงออกแล้วว่า ไม่ติดใจในหลักการในการแก้ไข แปลว่าทุกฝ่ายเห็นไปในทางเดียวกัน แต่ในส่วนของสาระทั้ง 3 ด้านยังแตกต่างกันอยู

 

ภราดรชี้ว่า ปลายทางของทุกฝ่ายเห็นตรงกันแล้วว่าจะเดินหน้าอย่างไร เพียงแต่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นที่ตั้ง สิ่งใดที่ดูแล้วอาจจะขัดต่อกับวินิจฉัยกรรมาธิการก็ต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน และไม่ควรจะเลือกเดินในทิศทางนั้น เพราะจะนำไปสู่ความล้มเหลวของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

 

ทั้งนี้ เมื่อทุกฝ่ายเห็นตรงกัน คาดว่าจะใช้เวลาในชั้นกรรมาธิการไม่นานนัก และสามารถจะพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนเปิดสมัยประชุมหน้า คือประมาณเดือนธันวาคมเพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3

 

สำหรับความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติที่ผ่านสภาฯ แล้ว และได้พ้น 90 วัน ก่อนการประกาศบังคับใช้นั้น ภราดรกล่าวว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่าสภาฯ อยู่ในขั้นตอนรอการโปรดเกล้าฯ ในตัวร่างกฎหมายที่ทูลเกล้าฯ ไปจะอยู่ในกรอบเวลาที่พอจะเป็นไปได้อยู่ แต่ก็ต้องอาศัยการหารือของกรรมาธิการ รวมถึงต้องคุยเรื่องกรอบเวลาในการทำประชามติซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ

 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการพิจารณาในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ จะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. และจะเลิกประมาณเวลา 22.00-23.30 น. ส่วนวันที่ 15 ตุลาคม คาดว่าจะสามารถเริ่มลงมติได้วาระ 1 ชั้นรับหลักการได้ในเวลา 14.00 น.

The post รัฐสภานัด 14-15 ต.ค. นี้ พิจารณา 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้าน สว. ชี้หากไม่แตะหมวด 1-2 ยินดีเห็นชอบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
บวรศักดิ์ยืนยันรัฐบาลไม่ยุ่งเกี่ยวเนื้อหารัฐธรรมนูญใหม่ แก้หมวด 1-2 หรือไม่รอดู สสร. ย้ำไม่แทรกแซงคดีที่มีอยู่แล้ว https://thestandard.co/borwornsak-said-no-interference/ Mon, 29 Sep 2025 07:22:53 +0000 https://thestandard.co/?p=1124273

วันนี้ (29 กันยายน) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที […]

The post บวรศักดิ์ยืนยันรัฐบาลไม่ยุ่งเกี่ยวเนื้อหารัฐธรรมนูญใหม่ แก้หมวด 1-2 หรือไม่รอดู สสร. ย้ำไม่แทรกแซงคดีที่มีอยู่แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (29 กันยายน) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 วาระคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ศ. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภา โดยตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า หากมีแก้ไขหมวด 1-2 จะทำอย่างไร ซึ่งในนโยบายของรัฐบาลเขียนไว้ชัดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะรับฟังเสียงประชาชนทุกภาคส่วน และรัฐบาลนี้ไม่ต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งการแก้ไขหมวด 15/1 เป็นขั้นตอนแรก แล้วหลังจากนั้นจึงจะมาพิจารณาว่าจะแก้หมวด 1-2 หรือไม่ เพราะหากแตะจะมีปัญหาทันที

 

“ชัดเจนอยู่ในตัวแล้วว่า ประชามติที่รัฐบาลนี้จะทำพร้อมวันเลือกตั้ง มี 2 ข้อ เท่านั้น คือประชาชนเห็นชอบให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเห็นชอบกับวิธีการและสาระของการแก้ไขหรือไม่ จะไม่มีการลงไปถึงเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อาจจะต้องรอว่า สสร. ที่มาจากหมวด 15/1 เขาจะเขียนอะไร แต่ที่แน่สุดคือ พรรคภูมิใจไทยกับอีกพรรคใหญ่ เขาประกาศไว้แล้วว่าจะไม่แก้หมวด 1-2” ศ. บวรศักดิ์กล่าว

 

สำหรับเรื่องคุณสมบัติลักษณะต้องห้าม ศ. บวรศักดิ์ชี้ว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 256 (8) พูดไว้ชัดว่า จะต้องทำประชามติก่อน เรื่องนี้รัฐบาลไม่แตะ ส่วน สสร. จะแตะหรือไม่ ก็ต้องตามไปดูในขั้นตอนที่ 2

 

ถามประชาชนควรยกเลิก MOU กับกัมพูชาหรือไม่

 

ส่วนเรื่องการจัดทำประชามติเกี่ยวกับ MOU 43-44 นั้น ในการทำประชามติแต่ละครั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) บอกว่าใช้เงิน 6 พันล้านบาท ดังนั้น เพื่อให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดิน จึงจะทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้ง และมีประชามติ 2 เรื่อง คือเรื่องจัดทำรัฐธรรมนูญ มี 2 คำถาม ซึ่งจะอยู่ในบัตรแผ่นเดียวกัน

 

สำหรับอีกบัตรหนึ่ง จะถามประชามติว่า เห็นชอบให้ยกเลิก MOU กับประเทศกัมพูชาหรือไม่ จึงต้องประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจนว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปหลังยุบสภา ประชาชนจะมีบัตรทั้งสิ้น 4 ใบ ใบที่ 1 เลือก สส. เขต ใบที่ 2 เลือก สส. บัญชีรายชื่อ ใบที่ 3 ประชามติเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ มี 2 คำถาม และใบที่ 4 เพื่อวินิจฉัยว่า ประชาชนจะให้เลิก MOU กับกัมพูชาหรือไม่

 

“เนื่องจากรัฐบาลนี้เห็นว่า เป็นเรื่องสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลเฉพาะกิจไม่ควรตัดสินใจเอง แต่ควรขอฉันทานุมัติจากประชาชนตามมาตรา 166 ของรัฐธรรมนูญ จึงต้องถามประชามติ เพราะประชาชนคือเจ้าของอำนาจอธิปไตย เขาต้องตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง” ศ. บวรศักดิ์กล่าว

 

คดีฮั้ว สว.-เขากระโดง ปล่อยไปตามกระบวนการ

 

ขณะที่ข้อเสนอว่า อย่าเล่นพรรคเล่นพวก โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้ง ศ. บวรศักดิ์ระบุว่า ความจริงรัฐบาลที่แล้วได้ลงมติตั้งอธิบดีหลายคน และตำแหน่งบริหารอีกหลายตำแหน่ง เมื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง หลังแถลงนโยบายเสร็จ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรียืนยันเรื่องการแต่งตั้งผู้บริหารที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลชุดที่แล้วไปทุกตำแหน่ง เกือบ 10 ตำแหน่ง

 

“นี่คงจะทำให้ท่านเห็นว่า การเริ่มต้นรัฐบาลนี้ เมื่อเรื่องไหนผ่าน ครม. ไปแล้ว รัฐบาลก็เดินต่อ ไม่มีเจตนาจะดึงกลับมา แล้วต้องเอาพรรคพวกหรือพรรคการเมืองของตัวเสียบเข้าไปใหม่ ยกเลิกมติ ครม. เดิม แล้วตั้งมติ ครม. ใหม่ ก็คงจะทำให้ท่านอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง” ศ. บวรศักดิ์กล่าว

 

สำหรับข้อเสนอว่าอย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนั้น เมื่อนายกรัฐมนตรีมาชวนตนเองให้ร่วม ครม. ก็ได้กราบเรียนไปว่า เรื่องไหนที่เป็นอยู่ในเวลานี้ เช่น สว. หรือเขากระโดง ก็ขอให้ปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรมที่ควรจะเป็น ซึ่งท่านก็รับปาก

 

นอกจากนี้ รัฐบาลแถลงชัดว่า จะไม่ให้ใช้กฎหมาย หน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง เรื่องนี้สำคัญเพราะในอดีต เคยมีคนนำคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ที่อยู่ฝ่ายไม่เอื้อต่อรัฐบาล จะเป็นคุณหรือเป็นโทษต่อประโยชน์ทางการเมือง ต้องมีหน่วยงานเข้ามากำกับการใช้ดุลยพินิจให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ซึ่งอาจจะต้องแก้กฎหมาย แล้วขอความร่วมมือกับ สส. และ สว. โดยยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการแทรกแซง แต่เป็นการป้องกันไม่ให้หน่วยงานนั้นเป็นเครื่องมือทางการเมือง

The post บวรศักดิ์ยืนยันรัฐบาลไม่ยุ่งเกี่ยวเนื้อหารัฐธรรมนูญใหม่ แก้หมวด 1-2 หรือไม่รอดู สสร. ย้ำไม่แทรกแซงคดีที่มีอยู่แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
เทียบ 3 พรรค 3 โมเดล กำหนดที่มาผู้ร่างรัฐธรรมนูญ https://thestandard.co/constitution-amendment-3-parties/ Tue, 23 Sep 2025 08:21:32 +0000 https://thestandard.co/?p=1121826 แก้ไขรัฐธรรมนูญ

พรรคประชาชนได้นำร่องยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ว่า […]

The post เทียบ 3 พรรค 3 โมเดล กำหนดที่มาผู้ร่างรัฐธรรมนูญ appeared first on THE STANDARD.

]]>
แก้ไขรัฐธรรมนูญ

พรรคประชาชนได้นำร่องยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีสาระสำคัญคือการออกแบบ ‘โมเดล’ การสรรหาหรือเลือกเฟ้นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง”

 

พร้อมกันนี้ พรรคประชาชนยังได้เรียกร้องให้อีก 2 พรรคการเมืองหลัก คือพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเข้าสู่สภาฯ เนื่องจากใกล้ครบกำหนดที่จะต้องเตรียมเสนอให้รัฐสภาพิจารณาร่างฯ ดังกล่าว เพื่อให้กรอบเวลาทันกับข้อตกลง MOA ที่รัฐบาลต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน และคาดว่าจะมีการทำประชามติครั้งแรกช่วงเดือนมกราคมปี 2569 พร้อมการเลือกตั้ง

 

THE STANDARD รวบรวมแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของทั้ง 3 พรรคการเมือง ซึ่งมีรายละเอียดและโมเดลที่นำเสนอแตกต่างกันไป ก่อนจะถูกบรรจุให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ

 

 

ภาพประกอบ: กันยกร กาญจนวิไล

The post เทียบ 3 พรรค 3 โมเดล กำหนดที่มาผู้ร่างรัฐธรรมนูญ appeared first on THE STANDARD.

]]>