สมาคมศูนย์การค้าไทย – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 16 Dec 2022 14:29:58 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล ขึ้นแท่นนายกสมาคมศูนย์การค้าไทย วางเป้าดันธุรกิจหลายแสนล้านให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง https://thestandard.co/tsca-new-president/ Fri, 16 Dec 2022 08:59:31 +0000 https://thestandard.co/?p=724613

สมาคมศูนย์การค้าไทยแต่งตั้ง ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล ขึ้น […]

The post ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล ขึ้นแท่นนายกสมาคมศูนย์การค้าไทย วางเป้าดันธุรกิจหลายแสนล้านให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>

สมาคมศูนย์การค้าไทยแต่งตั้ง ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล ขึ้นเป็นนายกสมาคมฯ สมัยแรก พร้อมชูนโยบายภายใต้โรดแมป 3 ปี มุ่งสร้างความยั่งยืน-แข็งแกร่ง หวังขับเคลื่อนให้เติบโตไปพร้อมกัน 

 

สมาคมศูนย์การค้าไทย (Thai Shopping Center Association) หรือ TSCA มีมติเป็นเอกฉันท์ในการลงคะแนนการเลือกตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ มีการเสนอชื่อและประกาศให้ ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมศูนย์การค้าไทยเป็นสมัยแรกอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศวิสัยทัศน์สร้าง Sustainable Ecosystem ที่ยั่งยืนและแข็งแกร่ง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

สำหรับทิศทางและนโยบาย 3 ปี ระหว่างปี 2565-2567 อยู่ภายใต้โรดแมป 4 แนวคิด ประกอบด้วย

 

  1. Springboard Effects พัฒนาศูนย์การค้าให้เป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง ทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 2.4 ล้านคน ควบคู่กับการสร้าง Wealth Distribution การค้าขาย มีร้านค้าและ SMEs กว่า 120,000 ราย สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน 750,000 ล้านบาทต่อปี พร้อมผลักดันให้ศูนย์การค้าไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวในระดับโลก ซึ่งจะเพิ่มการจับจ่ายมากกว่าเท่าตัว จากหัวละ 1,200 บาท เป็น 3,000 บาท

 

  1. Recovery with Synergy สร้างความแข็งแกร่งให้สมาชิกศูนย์การค้า โดยได้ร่วมกันหารืออย่างเร่งด่วนกับคณะกรรมการฯ เรื่องการฟื้นฟูธุรกิจและเศรษฐกิจในภาพรวมหลังวิกฤตโควิด พร้อมทุ่มงบช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้าเกือบ 200,000 ล้านบาท เพื่อรองรับกับสถานการณ์เงินเฟ้อของประเทศไทยที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง 7.86% ถือเป็นสถิติอัตราเงินเฟ้อไทยที่สูงที่สุดในรอบ 14 ปี จากสงครามรัสเซียและยูเครนส่งผลให้ราคาน้ำมันและอัตราค่าไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก

 

  1. Empowering Entrepreneurs and SMEs พัฒนาและส่งเสริมให้คนมีความรู้ ความสามารถ ในระดับสากล ผ่านการแบ่งปันข้อมูล ประสบการณ์ เพิ่มพูนความรู้ ทักษะ สนับสนุน และส่งเสริมทุก Stakeholder ให้สามารถกลับมาค้าขายได้

 

  1. Journey to Sustainability ผลักดันให้สมาชิกศูนย์การค้าวางแผนประหยัดพลังงานทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาว และส่งเสริมนโยบาย NET Zero อย่างยั่งยืน อาทิ การติดตั้งแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น Solar Rooftop, Solar Street Light และ Solar Carport พร้อมใช้ระบบอัจฉริยะอย่าง Motion Sensor Switch สำหรับระบบไฟแสงสว่าง รวมถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคในการคัดแยกขยะไป จนถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และพัฒนาศูนย์การค้าในรูปแบบ Eco-Friendly Mall เพื่อใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันธุรกิจศูนย์การค้าไทยที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาทให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะการตอกย้ำบทบาทศูนย์การค้าในการเป็น Key Driving Force เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและให้ทุกคนตลอดทั้ง Value Chain เติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ผู้ประกอบการ SMEs ตามด้วยระบบการจัดการด้านโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมการผลิตสินค้า ไปจนถึงแหล่งผลิตวัตถุดิบต่างๆ

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสมาคมศูนย์การค้าไทยมีผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์การค้าทั้งหมด 13 ราย ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), บริษัท เดอะมอลล์ชอปปิ้งคอมเพล็กซ์ จำกัด, บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด, บริษัท แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด, บริษัท เฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท พิริยา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด, บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา จำกัด

 

The post ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล ขึ้นแท่นนายกสมาคมศูนย์การค้าไทย วางเป้าดันธุรกิจหลายแสนล้านให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
เตรียมประชุม ศบค. ผ่อนปรนธนาคาร-ธุรกิจสื่อสาร-ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า หาข้อสรุป 16 ส.ค. นี้ https://thestandard.co/crc-conference-on-easing-banks-communication-business-and-electronic-retails/ Fri, 13 Aug 2021 08:17:46 +0000 https://thestandard.co/?p=524776 ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

วันนี้ (13 สิงหาคม 2564) เวลา 12.30 น. ณ โถงกลาง ตึกสัน […]

The post เตรียมประชุม ศบค. ผ่อนปรนธนาคาร-ธุรกิจสื่อสาร-ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า หาข้อสรุป 16 ส.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

วันนี้ (13 สิงหาคม 2564) เวลา 12.30 น. ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงข้อเสนอจากสมาคมศูนย์การค้าไทย ที่เสนอให้มีการผ่อนปรนธุรกิจที่มีความจำเป็น อาทิ ธนาคาร ธุรกิจสื่อสาร ร้านเครื่องไฟฟ้า หรือร้านเครื่องใช้เบ็ดเตล็ดต่างๆ โดย ผอ.ศปก.ศบค. ได้รับทราบข้อเสนอต่างๆ แล้ว และหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข โดย EOC เพื่อนำไปพิจารณาว่าการผ่อนคลายในกลุ่มธุรกิจจำเป็นเหล่านี้จะมีผลในการป้องกันควบคุมโรคอย่างไรบ้าง

 

โฆษก ศบค. ระบุว่ารับทราบความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอยู่เสมอ พร้อมเผยว่าในวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564 จะมีการประชุม ศบค. ชุดใหญ่โดยมีนายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค. เป็นประธานการประชุม ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจน และจะมีการรายงานผลการประชุมให้พี่น้องประชาชนทราบโดยเร็ว

 

“มาตรการ ณ ตอนนี้การเข้มที่สุดก็ยังมีประเด็นปัญหาอยู่ แต่อย่างไรก็ตามเรารับทราบความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในแต่ละกลุ่มแต่ละที่อยู่เสมอ เราจะมองในภาพรวมและภาพย่อย ซึ่งการตัดสินใจจริงๆ จะเกิดขึ้นในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ จะมีการประชุม ศบค. ซึ่งเราก็คงจะได้ข้อสรุปกันในวันนั้น” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

The post เตรียมประชุม ศบค. ผ่อนปรนธนาคาร-ธุรกิจสื่อสาร-ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า หาข้อสรุป 16 ส.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมาคมศูนย์การค้าไทย เสนอให้ภาครัฐผ่อนปรนให้เปิด ‘ธนาคาร ธุรกิจสื่อสาร และร้านเบ็ดเตล็ด’ เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน https://thestandard.co/tsca-measures-to-ease-3-main-businesses/ Wed, 11 Aug 2021 13:48:11 +0000 https://thestandard.co/?p=524364 ธนาคาร

สมาคมศูนย์การค้าไทย (TSCA) เสนอภาครัฐให้มีการทบทวนมาตรก […]

The post สมาคมศูนย์การค้าไทย เสนอให้ภาครัฐผ่อนปรนให้เปิด ‘ธนาคาร ธุรกิจสื่อสาร และร้านเบ็ดเตล็ด’ เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธนาคาร

สมาคมศูนย์การค้าไทย (TSCA) เสนอภาครัฐให้มีการทบทวนมาตรการเพื่อผ่อนปรนให้ 3 ธุรกิจหลักที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของประชาชนสามารถเปิดให้บริการได้ในศูนย์การค้า ได้แก่

  1. ธนาคาร สถาบันการเงิน
  2. ธุรกิจสื่อสาร ไอที
  3. ร้านเบ็ดเตล็ดและร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น

 

นพพร วิฑูรชาติ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทยและประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากปัญหาความแออัดในการให้บริการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่มีลูกค้าต่อคิวใช้บริการธนาคารเป็นจำนวนมาก สมาคมศูนย์การค้าไทยมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าวและมุ่งมั่นลดความแออัดในการใช้บริการให้ประชาชน จึงขอเสนอภาครัฐให้ทบทวนการเปิดให้บริการ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธนาคาร ธุรกิจสื่อสาร และร้านเบ็ดเตล็ดรวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าในศูนย์การค้า เพื่อกระจายช่องทางการใช้บริการและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน 

 

“จากสถิติการติดเชื้อของพนักงานในศูนย์การค้านั้นพบว่า มีอัตราส่วนที่ต่ำมาก เพราะมีมาตรการในการควบคุมที่ชัดเจน พร้อมทั้งมาตรการป้องกันเชิงรุก Intensive Tracking บริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพในการแยกกลุ่มเสี่ยง กักตัว 14 วันดูอาการ เปลี่ยนพนักงานชุดใหม่ เพื่อควบคุมความเสี่ยงตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด”

 

ขณะเดียวกันสมาคมฯ จึงได้ริเริ่มจัดทำ ‘แผนแม่บทมาตรการธนาคารและธุรกิจสื่อสาร สะอาด มั่นใจ’ กว่า  26 ข้อปฏิบัติ โดยมุ่งหวังเพื่ออำนวยความสะดวก ลดความแออัด และลดเวลาการใช้บริการของประชาชนหากภาครัฐผ่อนปรนให้เปิดให้บริการได้ ดังนี้

 

  • พนักงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว (Sinovac 2 เข็ม, AstraZeneca หรือวัคซีนอื่นๆ อย่างน้อย 1 เข็ม)
  • ก่อนเข้าทำงาน พนักงานทุกคนต้องตรวจหาเชื้อโดย Antigen Test Kit และมีผลเป็นลบ โดยผลตรวจต้องไม่เกิน 3 วัน หลังจากนั้นจะต้องตรวจหาเชื้อโดยวิธี Antigen Test Kit เป็นประจำทุก 2 สัปดาห์
  • บันทึกและประเมินประวัติของพนักงานทุกคน ทุกวัน
  • เข้มงวด ห้ามพนักงานจับกลุ่มหรือนั่งทานอาหารร่วมกัน
  • พนักงานทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้น หรือหน้ากากอนามัยและ Face Shield ตลอดการให้บริการ
  • ส่งเสริมให้ลูกค้าลงทะเบียนจองคิวล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์
  • จำกัดจำนวนคน 1 คน ต่อ 5 ตร.ม. และลดความแออัด 100% Social Distancing
  • จัดให้มีเจ้าหน้าที่นับและควบคุมจำนวนลูกค้าหรืออุปกรณ์ในการนับจำนวนลูกค้าให้เป็นไปตามกำหนด
  • ส่งเสริมการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ E-Banking
  • บริการถุงมือพลาสติกสำหรับลูกค้าที่มาใช้บริการ
  • ธนาคารงดให้บริการแลกเหรียญและธนบัตรย่อย เพื่อลดการสัมผัส
  • มีพนักงานจัดระบบคิวหน้าร้าน
  • กำหนดจุดรอคิวในบริเวณที่กำหนด หากบริเวณหน้าร้านไม่มีพื้นที่ ให้ทางร้านแจกบัตรคิวพร้อมขอเบอร์โทรศัพท์ลูกค้าและให้ลูกค้าไปนั่งรอที่ Rest Area ที่ทางศูนย์ฯ จัดไว้
  • กำหนดการจัดคิวและมีสัญลักษณ์เว้นระยะอยู่ข้างหน้าตู้ ATM หรือ E-Booth ห่าง 1-2 เมตร
  • ตรวจวัดอุณหภูมิลูกค้าทุกคนอย่างเคร่งครัดทุกครั้งก่อนเข้าพื้นที่
  • ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์ทั้งก่อน-หลังเข้ารับบริการ
  • ธนาคารจัดเจลแอลกอฮอลล์บริเวณเคาน์เตอร์ให้บริการ 2 ช่อง ต่อ 1 ขวด
  • กำหนดเส้นทางเดินของลูกค้าในร้านค้า
  • สำหรับร้านค้า จำกัดการรับลูกค้าและผู้ติดตามรวมแล้วไม่เกิน 2 คนต่อกลุ่ม
  • จัดระเบียบการเข้าคิวแคชเชียร์และจุดบริการต่างๆ กำหนดระยะห่าง 1-2 เมตร
  • ส่งเสริมการชำระเงินแบบ Cashless Payment
  • สำหรับอุปกรณ์ Demo ต้องเช็ดน้ำยาฆ่าเชื้อหลังจากลูกค้าสัมผัสทันที
  • ทำความสะอาดบริเวณจุดที่มีการสัมผัสร่วมสูง ทุกๆ 30 นาที
  • ทำความสะอาดและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อพื้นที่ร้านค้าอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องทุกวันหลังปิดให้บริการ
  • ทำความสะอาด Big Cleaning อบโอโซนฆ่าเชื้อทันทีหากพบว่ามีผู้ติดเชื้อมาใช้บริการ และพนักงานที่มีความเสี่ยงสูงต้องกักตัว 14 วันเพื่อดูอาการ และเปลี่ยนพนักงานชุดใหม่ทั้งหมด
  • มี Counter Shield ในจุดให้บริการลูกค้า

The post สมาคมศูนย์การค้าไทย เสนอให้ภาครัฐผ่อนปรนให้เปิด ‘ธนาคาร ธุรกิจสื่อสาร และร้านเบ็ดเตล็ด’ เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมาคมศูนย์การค้าไทย ชงรัฐเร่งเยียวยา รักษาการจ้างงาน พร้อมเสนอให้ออกมาตรการที่ชัดเจน ลดผลกระทบจากคำสั่งเปลี่ยนแปลงกะทันหัน https://thestandard.co/tsca-request-government-help-on-employment/ Thu, 22 Jul 2021 08:32:31 +0000 https://thestandard.co/?p=515946 สมาคมศูนย์การค้าไทย

สมาคมศูนย์การค้าไทย หรือ TSCA นำเสนอมาตรการเยียวยาผู้ปร […]

The post สมาคมศูนย์การค้าไทย ชงรัฐเร่งเยียวยา รักษาการจ้างงาน พร้อมเสนอให้ออกมาตรการที่ชัดเจน ลดผลกระทบจากคำสั่งเปลี่ยนแปลงกะทันหัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมาคมศูนย์การค้าไทย

สมาคมศูนย์การค้าไทย หรือ TSCA นำเสนอมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการภาคธุรกิจศูนย์การค้าและการค้าปลีกในโอกาสประชุมกับนายกรัฐมนตรี โดยเสนอภาครัฐให้มีมาตรการเยียวยาเร่งด่วน ทั้งรักษาอัตราการจ้างงาน ส่งเสริมการลงทุนต่อเนื่องสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนในระยะยาว เร่งฉีดวัคซีนเพื่อให้ธุรกิจเปิดดำเนินการได้ และลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อมุ่งเน้นช่วยลดผลกระทบที่ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบต่อเนื่อง 

 

นพพร วิฑูรชาติ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ที่ผ่านมา สมาคมได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งที่เป็นคู่ค้าผู้เช่าและผู้ประกอบการอาชีพอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อให้ทุกฝ่ายรอดพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน โดยนับรวมแล้วได้ให้ความช่วยเหลือไปแล้วกว่า 2 แสนล้านบาท

 

ขณะที่ วัลยา จิราธิวัฒน์ อดีตนายกสมาคมศูนย์การค้าไทย 2 สมัย (ปี 2557-2561) และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางสมาคมได้นำเสนอมาตรการเยียวยาภาคธุรกิจศูนย์การค้า ดังนี้ 

 

  1. สนับสนุนค่าใช้จ่ายที่ธุรกิจศูนย์การค้าได้ช่วยเหลือเพื่อพยุงธุรกิจอื่นๆ เช่น ช่วยพยุงการจ้างงาน โดยสามารถนำรายจ่ายเงินเดือนพนักงานมาหักภาษีได้ 2 เท่า สามารถนำส่วนลดค่าเช่าผู้ประกอบการมาลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า 

 

  1. กระตุ้นการลงทุนต่อเนื่อง ให้เกิดการลงทุนในทรัพย์สิน อาคารถาวร เครื่องจักร อุปกรณ์ รวมถึงการรซ่อมบำรุง เพื่อให้ทรัพย์สินมีอายุการใช้งานมากกว่า 1 ปี สามารถลงเป็นรายจ่ายเพิ่มได้ 2 เท่า (ดังเช่นปีที่แล้ว) 

 

  1. เยียวยาแก่ภาคธุรกิจที่ต้องปิดกิจการชั่วคราวโคยคำสั่ง ศบค. หากธุรกิจสามารถบริหารจัดการให้พนักงานได้รับวัคซีนครบ 70% แล้ว ขอให้ธุรกิจเหล่านั้นสามารถประกอบการได้ตามปกติ 

 

  1. ช่วยลดค่าใช้จ่าย เช่น ขยายเวลาลดหย่อนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 90% อีก 1 ปี ลดค่าไฟฟ้า 50% ยกเว้นภาษีป้ายและค่าเช่าที่ดินที่เช่าจากภาครัฐ

 

นอกจากนี้ยังขอให้ภาครัฐพิจารณากำหนดแผนการเปิด-ปิดธุรกิจในสถานการณ์แต่ละเฟสให้ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางให้ธุรกิจต่างๆ เตรียมความพร้อม ลดผลกระทบที่เกิดจากคำสั่งเปลี่ยนแปลงกะทันหัน โดยแบ่งระดับความรุนแรงของการระบาด มี Indicator ที่ชัดเจน เช่น จำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน เปอร์เซ็นต์ประชาชนได้รับวัคซีนครบโดส ความสามารถในการรองรับของโรงพยาบาลและบุคลากรการแพทย์ 

 

และด้วย Indicator เหล่านี้ สามารถกำหนดได้ว่าสถานการณ์ในเฟสไหนจะมีธุรกิจอะไรเปิดให้บริการได้บ้าง หรือเปิดได้ภายใต้เงื่อนไขอะไรบ้าง แบ่งพื้นที่ปลอดภัยให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการมีกำลังใจ สามารถเตรียมการและวางแผนการดำเนินธุรกิจของตนเองในแต่ละพื้นที่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น 

 

ปัจจุบันสมาคมศูนย์การค้าไทยประกอบด้วยผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์การค้าทั้งหมด 13 ราย ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด, บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), บริษัท เดอะมอลล์ชอปปิ้งคอมเพล็กซ์ จำกัด สำนักงานใหญ่, บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท เดอะ เคอี กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท พิริยา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด, บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา จำกัด 

The post สมาคมศูนย์การค้าไทย ชงรัฐเร่งเยียวยา รักษาการจ้างงาน พร้อมเสนอให้ออกมาตรการที่ชัดเจน ลดผลกระทบจากคำสั่งเปลี่ยนแปลงกะทันหัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมาคมศูนย์การค้าไทยเสนอแผนแม่บทนายกฯ ช่วยผู้ประกอบการร้านอาหาร ‘เปิดให้กลับมานั่งกินที่ร้านได้’ https://thestandard.co/offer-plans-to-help-restaurant-operators/ Thu, 13 May 2021 11:29:15 +0000 https://thestandard.co/?p=488498 ผู้ประกอบการร้านอาหาร

หลังจากที่คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. ได้มีมติยืดระยะเวลาค […]

The post สมาคมศูนย์การค้าไทยเสนอแผนแม่บทนายกฯ ช่วยผู้ประกอบการร้านอาหาร ‘เปิดให้กลับมานั่งกินที่ร้านได้’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้ประกอบการร้านอาหาร

หลังจากที่คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. ได้มีมติยืดระยะเวลาคำสั่งห้ามนั่งกินในร้านอาหารต่อไปจนถึงวันที่ 17 พฤษภาคมนั้น วันนี้ (13 พฤษภาคม) นพพร วิฑูรชาติ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย ได้เปิดเผยว่า ทางสมาคมได้ส่งจดหมายถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอแนวทางการยกระดับมาตรการขั้นสูงสุดด้านสุขอนามัยในร้านอาหาร เพื่อเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การสร้างแนวป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 และช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารใน 6 จังหวัด 

 

สมาคมระบุว่าได้ตระหนักถึงมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของรัฐบาลที่ทำมาโดยตลอด โดยจะคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงผลกระทบและความสูญเสียทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ด้วยเหตุนี้จึงได้เสนอการยกระดับมาตรการขั้นสูงสุดด้านสุขอนามัยในร้านอาหารเพิ่มขึ้นกว่ามาตรการปกติ เพื่อเป็นแนวทางให้ร้านอาหารทุกร้านทั้งภายในและภายนอกศูนย์การค้าสามารถปฏิบัติร่วมกันได้

 

สำหรับแผนแม่บทเชิงรุก ‘มาตรการร้านอาหารเข้มข้นยกระดับสูงสุด’ ประกอบไปด้วย 5 แนวทาง คือ 

 

  1. นั่งกินอาหารมีระยะห่างและฉากกั้น (Social Distancing) – นั่งได้ไม่เกิน 4 คนต่อโต๊ะ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลในโต๊ะไม่ให้ใกล้ชิดกัน เว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะไม่ต่ำกว่า 1-2 เมตร และมีฉากกั้น โดยหม้อต้ม หรือปิ้งย่าง และอุปกรณ์การกิน ต้องใช้ 1 ชุดต่อ 1 คน 

 

  1. สะอาดคุมเข้มทุกจุดในเชิงรุกระดับร้านอาหารในโรงพยาบาล (Deep Cleaning) – เช็ดและฆ่าเชื้อโต๊ะเก้าอี้ด้วยน้ำยาประสิทธิภาพสูงทันที ทั้งก่อนลูกค้านั่ง และหลังลูกค้าใช้บริการ พนักงานต้องล้างมือด้วยสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์เข้มข้นอย่างน้อย 70% ทั้งก่อนเตรียมอาหาร และก่อน-หลังให้บริการลูกค้า พนักงานต้องสวมถุงมือขณะให้บริการและเปลี่ยนถุงมือทุกๆ 1 ชั่วโมง เป็นต้น

 

  1. คัดกรองเข้มงวดสูงสุด (Extra Screening) – ทั้งลูกค้าและพนักงานทุกคนที่เดินเข้า-ออกร้านต้องล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์และตรวจวัดอุณหภูมิทุกครั้ง และพนักงานจะต้องป้องกัน 2 ชั้นโดยใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น หรือใส่หน้ากากอนามัย 1 ชั้นและสวมเฟซชิลด์ตลอดเวลาที่ให้บริการ

 

  1. ตรวจสอบพนักงานอย่างเคร่งครัด ระบุที่มาที่ไปได้ (Safety Tracking) – โดยพนักงานร้านค้าทั้งหมดต้องระบุไทม์ไลน์ในการเดินทางและตอบแบบสอบถามก่อนเข้างานทุกวัน และจัดเก็บประวัติที่พักอาศัยของพนักงานทุกคนในศูนย์การค้า ส่วนลูกค้าให้ลงทะเบียนเพื่อสะดวกต่อการแจ้งข้อมูลลูกค้าหากมีกรณีติดเชี้อเกิดขึ้น 

 

  1. ส่งเสริมสังคมไร้สัมผัส (Touchless Experience) – ด้วย Touchless เมนู และ e-Payment และหากมีการทอนเป็นเงินสด ต้องป้องกันการสัมผัส

 

ทั้งนี้ ทางสมาคม ผู้ประกอบการร้านอาหาร และศูนย์การค้าต่างๆ จะร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งในการปฏิบัติตามแผนยกระดับมาตรการนี้อย่างเคร่งครัดเพื่อนำไปสู่การทบทวนมาตรการเพื่ออนุญาตให้ร้านอาหารในพื้นที่ 6 จังหวัด (กรุงเทพฯ, ชลบุรี, เชียงใหม่, ปทุมธานี และสมุทรปราการ) สามารถกลับมาให้บริการแบบนั่งกินในร้านได้อย่างปลอดภัยอีกครั้งโดยเร็วที่สุด



พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ

 

The post สมาคมศูนย์การค้าไทยเสนอแผนแม่บทนายกฯ ช่วยผู้ประกอบการร้านอาหาร ‘เปิดให้กลับมานั่งกินที่ร้านได้’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ห้างในพื้นที่ 18 จังหวัดสีแดง เลื่อนปิดเป็นเวลา 20.00 น. ตั้งแต่ 25 เม.ย.-2 พ.ค. นี้ https://thestandard.co/malls-in-red-area-18-provinces-postpone-close-time/ Sat, 24 Apr 2021 03:53:40 +0000 https://thestandard.co/?p=479552 ห้างในพื้นที่ 18 จังหวัดสีแดง เลื่อนปิดเป็นเวลา 20.00 น. ตั้งแต่ 25 เม.ย.-2 พ.ค. นี้

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสมาคมศูนย์การค้าไทย ประกาศเพิ่มมา […]

The post ห้างในพื้นที่ 18 จังหวัดสีแดง เลื่อนปิดเป็นเวลา 20.00 น. ตั้งแต่ 25 เม.ย.-2 พ.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ห้างในพื้นที่ 18 จังหวัดสีแดง เลื่อนปิดเป็นเวลา 20.00 น. ตั้งแต่ 25 เม.ย.-2 พ.ค. นี้

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสมาคมศูนย์การค้าไทย ประกาศเพิ่มมาตรการเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 โดยสมาชิกสมาคมทั้งสองแห่งและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ จะเพิ่มมาตรการเข้มข้นในการคัดกรองผู้บริโภคเข้าศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าในระดับสูงสุด โดยประกาศเลื่อนการเปิด-ปิดศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศเป็นเวลา 11.00-20.00 น. ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์ต และร้านอาหารที่ตั้งในศูนย์การค้า จะยังคงให้บริการถึงเวลา 21.00 น. ส่วนร้านค้าสะดวกซื้อจะให้บริการตามเวลา 05.00-22.00 น.

 

ทั้งนี้มีผลครอบคลุมเฉพาะพื้นที่สีแดง 18 จังหวัดเท่านั้น ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน จนถึงวันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 (ยกเว้นจะมีประกาศของจังหวัด ระบุอื่นใดนอกเหนือจากนี้)

 

ประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในวันนี้มีอัตราการติดเชื้อทั่วโลกประมาณ 8 แสนคน และมีแนวโน้มยังคงอยู่ในอัตราที่สูง ขณะเดียวกันในวันเสาร์ที่ 24 เมษายน ประเทศไทยมียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 2,839 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดที่เคยปรากฏมานับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดเมื่อปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าการแพร่ระบาดมีความรุนแรงและเป็นวงกว้างกว่าระลอกที่ผ่านๆ มา จากข้อมูลการแพร่ระบาด สัปดาห์หน้า (25 เมษายน ถึง 2 พฤษภาคม) จะเป็นช่วงพีกของความเสี่ยงสูงสุดแล้ว สองสัปดาห์หลังจากนั้นเป็นช่วงที่จะเห็นกราฟชัดเจนว่าจะชี้ขึ้นหรือชี้ลง

The post ห้างในพื้นที่ 18 จังหวัดสีแดง เลื่อนปิดเป็นเวลา 20.00 น. ตั้งแต่ 25 เม.ย.-2 พ.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
คืนแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ กับมาตรการปิดห้างสามทุ่มตรง หลังโควิด-19 กลับมาระบาดรอบใหม่ https://thestandard.co/ctw-measures-to-close-the-mall-3-pm/ Fri, 16 Apr 2021 00:24:13 +0000 https://thestandard.co/?p=476185 มาตรการปิดห้าง

วันนี้ (15 เมษายน) เป็นวันแรกที่ศูนย์การค้าและห้างสรรพส […]

The post คืนแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ กับมาตรการปิดห้างสามทุ่มตรง หลังโควิด-19 กลับมาระบาดรอบใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
มาตรการปิดห้าง

วันนี้ (15 เมษายน) เป็นวันแรกที่ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าต่างๆ กลับมาปิดทำการในเวลา 21.00 น. หลังเมื่อวานนี้ (14 เมษายน) สมาคมผู้ค้าปลีกไทยและสมาคมศูนย์การค้าไทย ประกาศยกระดับมาตรการการเฝ้าระวังการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ที่ตัวเลขผู้ป่วยพุ่งไปที่หลักพันกว่าแล้ว

 

โดยสมาชิกสมาคมทั้งสองแห่งและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศจะเพิ่มมาตรการเข้มข้นในการคัดกรองผู้บริโภคเข้าศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าในระดับสูงสุด และได้ประกาศเลื่อนปิดศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศเป็นเวลา 21.00 น. ทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

 

THE STANDARD สำรวจบรรยากาศที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อถึงเวลา 21.00 น. ที่ต้องปิดทำการ เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้ประชาชนทราบ และมีการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนออกจากศูนย์การค้าก่อนทำการปิดล็อก รวมถึงพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบางส่วนก็เริ่มทยอยกลับ โดยพื้นที่ป้ายรอรถเมล์บริเวณฝั่งทางออกประตูน้ำมีผู้คนยืนรวมตัวรอรถหนาแน่นในช่วงเวลาดังกล่าว 

 

มาตรการปิดห้าง มาตรการปิดห้าง มาตรการปิดห้าง มาตรการปิดห้าง มาตรการปิดห้าง

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post คืนแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ กับมาตรการปิดห้างสามทุ่มตรง หลังโควิด-19 กลับมาระบาดรอบใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Shopping Paradise ที่ยังไปไม่ถึงของสนามบินสุวรรณภูมิ ทำได้หรือไม่ได้ทำ? https://thestandard.co/thailand-shopping-paradise/ https://thestandard.co/thailand-shopping-paradise/#respond Mon, 19 Mar 2018 12:23:18 +0000 https://thestandard.co/?p=78372

ความฝันของรัฐบาลที่จะผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นสวรรค์แห […]

The post Shopping Paradise ที่ยังไปไม่ถึงของสนามบินสุวรรณภูมิ ทำได้หรือไม่ได้ทำ? appeared first on THE STANDARD.

]]>

ความฝันของรัฐบาลที่จะผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นสวรรค์แห่งการช้อปปิ้ง (Thailand Shopping Paradise) ยังห่างไกลจากความเป็นจริง แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นมหาศาลและสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับประเทศ แต่สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ของสนามบินสุวรรณภูมิกลับไม่เทียบเท่ากับสนามบินชั้นนำของประเทศอื่นในเอเชียด้วยกันอย่างเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น

 

วันนี้ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมศูนย์การค้าไทย และสมาคมดิวตี้ฟรี ผนึกกำลังเรียกร้องให้ภาครัฐทบทวน ‘กติกา’ ของท่าอากาศยานไทย เรื่องสัมปทานร้านค้าปลอดภาษีอากรเพื่อสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ทัดเทียมกับต่างประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การผลประโยชน์ของชาติที่เพิ่มขึ้นด้วย

 

ทำไมถึงต้องเปลี่ยน? นี่อาจเป็นจิ๊กซอว์อีกตัวที่ทำให้ภาพของเรื่องนี้ชัดเจนขึ้น

 

สนามบินสุวรรณภูมิและความ(ไม่)หลากหลายของสินค้าในสายตานักช้อป

ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสร้างรายได้มหาศาล ปี 2560 ที่ผ่านมากองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยมากกว่า 35 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้ถึงกว่า 1.8 ล้านล้านบาท เฉพาะรายได้ส่วนของการช้อปปิ้งสูงกว่า 4 แสนล้านบาท

   

 

เมื่อเปรียบเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปจุดหมายปลายทางทั่วโลกในปี 2559 จากการสำรวจข้อมูลของ Mastercard พบว่า นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางมาประเทศไทยมากกว่า 32.6 ล้านคน ซึ่งติดอันดับ 9 ของโลก เป็นรองเพียงจีนเท่านั้นสำหรับกลุ่มประเทศเอเชีย แต่เมื่อพิจารณาลงไปในระดับเมืองพบว่า กรุงเทพมหานครมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมากที่สุดอันดับ 1 ของโลกถึงกว่า 21 ล้านคน มากกว่าเมืองท่องเที่ยวตลอดกาลอย่างปารีส ดูไบ หรือนิวยอร์ก เสียอีก

 

 

สิ่งที่น่าสังเกตคือแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้น แต่จากการจัดอันดับของ Skytrax Airport Ranking สนามบินแห่งชาติของไทยคือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกลับถูกจัดอันดับอยู่ที่ 38 ในปี 2560 โดยตกลงมาจากอันดับที่ 36 ในปี 2559 ขณะที่สนามบินชางงีที่สิงคโปร์ยังเป็นอันดับ 1 ของโลกอย่างต่อเนื่อง ยังไม่นับรวมท่าอากาศยานอื่นในเมืองสำคัญของเอเชียอย่างสนามบินอินชอนของเกาหลีใต้ สนามบินฮ่องกง หรือสนามบินฮาเนดะ ประเทศญี่ปุ่น ที่ยังคงติดอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อพิจารณาคะแนนโดยรวมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกลับพบว่าได้เพียง 3.5 จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน ซึ่งต่ำกว่าสนามบินชั้นนำอื่นในเอเชียอย่างชัดเจน

 

จากงานสัมมนา สัมปทานดิวตี้ฟรี ก้าวสู่สากล (Best Practice) ซึ่งจัดโดยคณะนิติศาสตร์ ร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ตั้งข้อสังเกตประเด็นดังกล่าวและพิจารณาโอกาสที่น่าจะปรับปรุงสนามบินสุวรรณภูมิให้ดีขึ้นได้ในด้านของสินค้าและบริการ โดยเมื่อพิจารณาคะแนนส่วนความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอย (Shopping Facilities) สนามบินสุวรรณภูมิได้คะแนน 4.0 ซึ่งน้อยกว่าสนามบินอื่นในเอเชียด้วยกันที่ได้ 4.5 คะแนนขึ้นไป

 

 

แม้จำนวนนักท่องเที่ยวของประเทศไทยจะสูงติดอันดับโลกถึงกว่า 32 ล้านคน แต่รายได้จากยอดขายสินค้าปลอดภาษีอากรกลับอยู่ที่ 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 6 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับสนามบินอินชอนของเกาหลีใต้ซึ่งมีนักท่องเที่ยว 16.9 ล้านคน แต่กลับสร้างรายได้จากสินค้าปลอดภาษีอากรได้ 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.5 แสนล้านบาท นั่นคือนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปที่เกาหลีใต้น้อยกว่าประเทศไทยเกือบเท่าตัว แต่มีรายได้ยอดขายดิวตี้ฟรีกลับมากกว่าเกือบ 6 เท่าตัว

 

ผู้เชี่ยวชาญในงานสัมมนาตั้งคำถามเรื่องความหลากหลายของแบรนด์สินค้าในพื้นที่ร้านค้าปลอดภาษีอากร หรือดิวตี้ฟรี ที่มีไม่เทียบเท่ากับประเทศอื่น รวมทั้งจำนวนร้านค้าระดับราคาปานกลางที่นักท่องเที่ยวมีกำลังจับจ่ายได้มีน้อยกว่าที่ควรจะเป็น สมาคมผู้ค้าปลีกไทยจึงประเมินว่าธุรกิจค้าปลีกในสนามบินสุวรรณภูมิดำเนินการได้ต่ำกว่าเกณฑ์ โดยมองประเด็นสำคัญคือธุรกิจปลอดภาษีที่ขาดการแข่งขัน จึงทำให้ผู้ใช้บริการไม่ได้รับประสบการณ์ช้อปปิ้งเทียบเท่ากับสนามบินอื่นในต่างประเทศ และโอกาสในการสร้างรายได้ของสนามบินสุวรรณภูมิในส่วนนี้ก็ยังไม่เต็มศักยภาพนัก

 

เมื่อเปรียบเทียบจำนวนผู้รับสัมปทานจากสนามบินและยอดขายของสนามบินอื่นๆ ในต่างประเทศพบว่า สนามบินอินชอน เกาหลีใต้ มีผู้รับสัมปทานทั้งหมด 6 ราย สนามบินฮ่องกงมีผู้รับสัมปทาน 4 ราย และสนามบินชางงี สิงคโปร์ มีผู้รับสัมปทาน 3 ราย ซึ่งทั้ง 3 แห่งใช้สัญญาสัมปทานตามกลุ่มสินค้า (Multiple Concessions by Category) ขณะที่สนามบินสุวรรณภูมิของไทยมีผู้รับสัมปทานเพียง 1 ราย เป็นลักษณะสัมปทานรายใหญ่รายเดียวจัดการทั้งหมด (Master Concession)

 

 

นอกจากนี้ส่วนที่เป็นรายได้จากสัมปทานร้านค้าปลอดภาษีอากร ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ของประเทศที่บริหารจัดการโดย บมจ. ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. พบว่าอัตราการเรียกเก็บที่สนามบินสุวรรณภูมิอยู่ที่ 15% ขณะที่อัตราเรียกเก็บที่สนามบินดอนเมืองและภูเก็ตอยู่ที่ 19% ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับอัตราค่าสัมปทานทั่วโลกเฉลี่ย 30-40% ซึ่งสนามบินชางงี สิงคโปร์ เรียกเก็บถึง 46% หรือสนามบินอินชอน เกาหลีใต้ ก็เรียกเก็บ 40% ถือว่าต้นทุนค่าสัมปทานของผู้ประกอบการไทยนั้นค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ในทางกลับกันก็คือรายได้ส่วนที่ท่าอากาศยานไทยจะได้รับด้วย

 

 

ผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านค้าปลีกและกฎหมาย รวมถึงนักเศรษฐศาสตร์มองว่า ส่วนนี้เป็น ‘ช่องว่าง’ สำคัญที่ต้องเปลี่ยนแปลงเสียที ไม่เพียงแต่การยกระดับเรื่องรายได้เข้ารัฐเท่านั้น แต่เป็นเรื่องการแข่งขันที่สมดุลของระบบธุรกิจด้วย

 

ภาคเอกชนยื่นหนังสือถึงนายกฯ ขอให้ทบทวน TOR ดิวตี้ฟรีใหม่

เมื่อช่วงสิ้นปี 2560 ที่ผ่านมา ทอท. ให้ข้อมูลว่าจะเปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อทดแทนสัญญาสัมปทานของผู้ประกอบการปัจจุบันที่จะหมดอายุในปี 2563 นี้ โดยคาดว่าจะเปิดประมูลการร้านค้าดิวตี้ฟรีแบบสัญญาเดียว และให้ผู้ประกอบการนำรายได้จากทุกพื้นที่มาเฉลี่ยกัน


ปัจจุบันมีรายได้จากธุรกิจดิวตี้ฟรี 6 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งกว่า 66% หรือ 4 พันล้านบาทมาจากสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งคาดว่าจะกำหนดอัตราผลตอบแทนสัญญารอบใหม่นี้ที่ 20% จากเดิม 15% คาดว่าจะประกาศเงื่อนไขการประมูล หรือ TOR  ได้ในเดือนมีนาคม และจะทราบผลการประมูลในช่วงกลางปี 2561 นี้


สำหรับการประมูลพื้นที่บริการส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Pick Up Counter) ในสนามบินสุวรรณภูมิจะมีนโยบายเปิดประมูลแบบสัญญาเดียวเช่นกัน เพราะต้องการให้มีพื้นที่เคาน์เตอร์เดียว ไม่สามารถรองรับผู้ประกอบการทุกรายได้ ต้องใช้เคาน์เตอร์ร่วมกัน (Common Use) ซึ่งคาดว่าจะสามารถประมูลได้ในปี 2562

 

เมื่อประเมินจากข้อมูลที่ผู้บริหาร ทอท. ชี้แจงแล้วค่อนข้างชัดเจนว่า สัญญาสัมปทานที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นจะมาในรูปแบบ ‘หนังม้วนเดิม’ ซึ่งสามารถคาดเดาทิศทางของผลการประมูลได้ไม่ยากนัก ภาคเอกชนจึงเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดย ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ให้ข้อมูลว่า สมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมศูนย์การค้าไทยและสมาคมดิวตี้ฟรี วางแผนยื่นหนังสือเปิดผนึกต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อเรียกร้องให้สร้างความเป็นธรรมและความโปร่งใสในการแข่งขันประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรี โดยขอให้ ทอท. เปิดให้ผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกองค์กรเข้ามาร่วมพิจารณาด้วย เพื่อการแข่งขันที่เท่าเทียมทางธุรกิจบนผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ

 

สิ่งที่สำคัญคือการเปลี่ยนรูปแบบของการสัมปทานจากเดิมเป็นรายใหญ่เพียงรายเดียวให้เป็นการสัมปทานตามกลุ่มสินค้า (Multiple Concessions by Category) ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่สามารถเข้ามามาทำตลาดและเกิดการแข่งขันอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังเสนอให้อายุสัมปทานสั้นลงจาก 10 ปี เป็น 5-7 ปีเหมือนกับต่างประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวและนำเสนอสินค้าและบริการที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลาด้วย

 

ดร.ฉัตรชัย ประเมินว่า ถ้าสามารถเปลี่ยนรูปแบบการสัมปทานธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีตามกลุ่มสินค้าได้จะเกิดการแข่งขันที่สมดุล ซึ่งเป็นผลดีกับผู้บริโภค เพราะผู้ประกอบการที่เชี่ยวชาญการบริหารจัดการสินค้าเฉพาะด้าน ทั้งเครื่องสำอาง สินค้าแฟชั่น สุรา และบุหรี่ จะนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีที่สุดกับลูกค้า และทำให้ยอดขายสินค้าดิวตี้ฟรีเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาทต่อปี ดึงให้ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวไทยก็จะหันกลับมาใช้จ่ายสินค้าจากร้านดิวตี้ฟรีในประเทศเพิ่มขึ้นด้วย

 

นี่เป็นเสียงสะท้อนจากภาคเอกชนที่ส่งผ่านไปถึงรัฐบาลและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวเพื่อเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทุกเกมธุรกิจ ผู้เล่นต่างต้องการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันเพื่อยืนให้เหนือกว่าคู่แข่งทั้งสิ้น เป็นเรื่องสากลที่ทุกคนยอมรับ หากแต่การแข่งขันควรอยู่บนพื้นฐานของกติกาที่เป็นธรรม โดยกรรมการที่ควบคุมเกมอย่างเป็นกลาง

 

ไม่มีใครลงแข่งในเกมที่ตัวเองไม่มีวันชนะอย่างเด็ดขาด

 

อ้างอิง:

The post Shopping Paradise ที่ยังไปไม่ถึงของสนามบินสุวรรณภูมิ ทำได้หรือไม่ได้ทำ? appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/thailand-shopping-paradise/feed/ 0