สมชาย กาญจนเพชรรัตน์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 05 Apr 2021 05:02:52 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 หุ้นไทยดิ่งหนัก 17 จุด ยืนระดับ 1,600 ไม่ไหว! นักวิเคราะห์ชี้แรงกดดันจากโควิด-19 รอบใหม่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากช่วงหยุดยาว https://thestandard.co/thai-stocks-plummet-17-points-cant-stand-at-1600/ Mon, 05 Apr 2021 05:02:27 +0000 https://thestandard.co/?p=472436 หุ้นไทยดิ่งหนัก 17 จุด ยืนระดับ 1,600 ไม่ไหว! นักวิเคราะห์ชี้แรงกดดันจากโควิด-19 รอบใหม่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากช่วงหยุดยาว

ความเคลื่อนไหวหุ้นไทย (SET) หลังเปิดในช่วงเช้าวันนี้ (5 […]

The post หุ้นไทยดิ่งหนัก 17 จุด ยืนระดับ 1,600 ไม่ไหว! นักวิเคราะห์ชี้แรงกดดันจากโควิด-19 รอบใหม่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากช่วงหยุดยาว appeared first on THE STANDARD.

]]>
หุ้นไทยดิ่งหนัก 17 จุด ยืนระดับ 1,600 ไม่ไหว! นักวิเคราะห์ชี้แรงกดดันจากโควิด-19 รอบใหม่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากช่วงหยุดยาว

ความเคลื่อนไหวหุ้นไทย (SET) หลังเปิดในช่วงเช้าวันนี้ (5 เมษายน) ปรับตัวลดลงไปต่ำสุดที่ 1,578.96 จุด ติดลบไป 17.31 จุด โดยกลุ่มที่กดดันตลาดหลักๆ ได้แก่ พลังงาน พาณิชย์ ขนส่ง ปิโตรเคมี และธนาคาร

 

สมชาย กาญจนเพชรรัตน์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจหลักทรัพย์บุคคล บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้อ่อนตัวลงมาหลังจากที่ไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย ที่เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และตลาดหุ้นกำลังจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ทำให้นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อ ส่วนนักลงทุนที่มีกำไรอยู่ก็ขายทำกำไรออกมา

 

“การเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวทำให้ไทยมีความเสี่ยงเรื่องของโควิด-19 เพิ่มขึ้นด้วย จนนักลงทุนที่จะเข้าซื้อตอนนี้ชะลอการซื้อไปก่อน ทำให้ตลาดขาดแรงผลักดัน และอีกมุมหนึ่งก็ถูกขายทำกำไรออกมาด้วย”

 

อย่างไรก็ดี ในระยะถัดไปตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ ซึ่งการปรับฐานลงมาที่บริเวณ 1,560-1,570 จุด น่าจะเป็นระดับที่เข้าซื้อสะสมได้ โดยเน้นไปที่หุ้นซึ่งโดดเด่นกว่าตลาด (Outperform) ในช่วงที่ผ่านมา

 

“การปรับฐานในรอบนี้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นที่ Outperform และมีแนวโน้มว่ากำไรไตรมาส 1/64 จะออกมาดี ส่วนหุ้นที่ยัง Laggard นั้น ส่วนตัวมองว่ายังไม่น่าจะกลับมาโดดเด่นได้ โดยเฉพาะหุ้นที่ถูกกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ”

 

สอดคล้องกับมุมมองของ ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ซึ่งมองว่า แรงกดดันส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ที่เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเราจะเห็นว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยววันนี้ลดลงค่อนข้างชัดเจน อย่าง AOT -2.15%, MINT -3.10%, CENTEL -3.52% และ ERW -3.86% 

 

“การเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีเพียงใด จึงเห็นการชิงจังหวะขายเพื่อถือเงินสดก่อน ประกอบกับที่หลายประเทศเป็นวันหยุดในวันนี้ จึงขาดแรงเข้ารับไปด้วยส่วนหนึ่ง” 

 

ทั้งนี้ การอ่อนตัวรอบนี้น่าจะเป็นการลดพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงเท่านั้น โดยประเมินแนวรับบริเวณ 1,550-1,560 จุด เป็นจุดที่น่าเข้าซื้อในหุ้นกลุ่มที่ผลประกอบการไตรมาส 1/64 จะออกมาดี และได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น IRPC รวมถึงหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่น ICHI ซึ่งจะมีการเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ช่วงปลายเดือนเมษายน และเป็นไฮซีซันของกลุ่มเครื่องดื่ม 

 

“การลงทุนช่วงนี้แนะนำว่าไม่ควรใส่เงินลงทุนเต็มจำนวน เพราะภาพตลาดโดยรวมยังค่อนข้างแพง ด้วยค่า Forword P/E ที่สูงถึง 19 เท่า มากกว่าค่าเฉลี่ยที่ผ่านมาถึง +2SD เป็นระดับที่ค่อนข้างตึงตัวแล้ว”

The post หุ้นไทยดิ่งหนัก 17 จุด ยืนระดับ 1,600 ไม่ไหว! นักวิเคราะห์ชี้แรงกดดันจากโควิด-19 รอบใหม่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากช่วงหยุดยาว appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘หุ้นไทย’ พุ่ง 27 จุด ทำสถิติสูงสุดรอบ 7 สัปดาห์ ขานรับ ‘ไบเดน’ ชนะเลือกตั้ง https://thestandard.co/thai-stocks-jumped-27-points-responding-biden-won-the-election/ Mon, 09 Nov 2020 05:25:01 +0000 https://thestandard.co/?p=418746 ‘หุ้นไทย’ พุ่ง 27 จุด ทำสถิติสูงสุดรอบ 7 สัปดาห์ ขานรับ ‘ไบเดน’ ชนะเลือกตั้ง

หลังจากที่ โจ ไบเดน คว้าชัยชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ และเตร […]

The post ‘หุ้นไทย’ พุ่ง 27 จุด ทำสถิติสูงสุดรอบ 7 สัปดาห์ ขานรับ ‘ไบเดน’ ชนะเลือกตั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘หุ้นไทย’ พุ่ง 27 จุด ทำสถิติสูงสุดรอบ 7 สัปดาห์ ขานรับ ‘ไบเดน’ ชนะเลือกตั้ง

หลังจากที่ โจ ไบเดน คว้าชัยชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ และเตรียมก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ดูเหมือนว่าตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่จะตอบรับในเชิงบวก โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น (Nikkei 225) และตลาดหุ้นจีน (Shanghai) ปรับขึ้นราว 2% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง (Hang Seng) ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) และตลาดหุ้นไต้หวัน (Taiwan Weighted) เพิ่มขึ้นราว 0.5-1.5%

 

ส่วนตลาดหุ้นไทย (SET) ปรับขึ้นได้ในทิศทางเดียวกัน เปิดการซื้อขายช่วงเช้ากระโดดขึ้นราว 27 จุด และไปทำจุดสูงสุดที่ 1,287.83 จุด เพิ่มขึ้นราว 2% จากวันทำการก่อนหน้า ขณะที่อีก 2 ตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP คืออินโดนีเซีย ค่อนข้างทรงตัว และฟิลิปปินส์หดตัวเกือบ 1%

 

ความเคลื่อนไหวของดัชนี SET ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

 

สมชาย กาญจนเพชรรัตน์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจหลักทรัพย์รายย่อย บล.เคจีไอ มองว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้น่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้น โดยกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่จะเป็นกลุ่มที่เริ่มกลับมาโดดเด่น หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากในช่วงก่อนหน้านี้ โดยน่าจะเห็นการซื้อกลับเพื่อปิดสถานะชอร์ต (Short Covering) โดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างชาติ

 

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นในรอบนี้อาจจะยังไปได้ไม่ไกลนัก โดยอาจจะขึ้นไปทดสอบระดับ 1,300 จุด แต่ยังไม่น่าจะทะลุผ่านขึ้นไปได้ ก่อนจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,250-1,300 จุด เนื่องจากปัจจัยการเมืองภายในประเทศยังเป็นประเด็นที่ทำให้นักลงทุนยังคงกังวล

 

“ทิศทางของหุ้นไทยหลังจากนี้คงต้องรอดูปัจจัยในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะประเด็นการเมือง ส่วนตัวมองว่าหากไม่มีประเด็นนี้ หุ้นไทยอาจจะไปได้ไกลกว่านี้ ส่วนทิศทาง Fund Flow ที่แต่เดิมเล่นในฝั่งชอร์ต อาจจะเห็นแรงซื้อ Cover Short ทำให้หุ้นไทยที่ Underperform หุ้นในภูมิภาคมาก่อนหน้านี้ น่าจะเริ่ม Underperform ในอัตราที่น้อยลง เพราะในเชิงปัจจัยพื้นฐานแล้ว หุ้นไทยขนาดใหญ่หลายตัวก็ยัง Undervalue อยู่พอสมควร”

 

กลยุทธ์การลงทุนในขณะนี้คงต้องเน้นไปที่หุ้นใหญ่ แต่หากดัชนี SET ปรับตัวเข้าใกล้ 1,300 จุด อาจจะทยอยลดพอร์ตลงมาก่อน เพื่อรอประเมินปัจจัยแวดล้อมอีกครั้งหนึ่ง

 

ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า การที่ไบเดนชนะการเลือกตั้งจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) ในเอเชีย เนื่องจากจุดยืนด้านนโยบายต่อจีนจะอ่อนลง โดยใช้แนวทางแบบพหุภาคี (Multilateral Approach) ในการเจรจากับจีน แทนที่จะใช้เรื่องภาษีนำเข้า

 

ทั้งนี้คาดว่านโยบายของไบเดนจะเหมือนสมัย บารัก โอบามา ที่กลับมาสานสัมพันธ์กับเอเชีย เพิ่มความร่วมมือกันในด้านภูมิรัฐศาสตร์และกลาโหมมากขึ้น นอกจากนี้ ไบเดนยังสนับสนุนพลังงานสะอาด ซึ่งราคาน้ำมันที่ต่ำลงจะส่งผลดีต่อเกาหลีใต้ที่มีอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นอีก 10% ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำเพิ่มน้ำหนักหุ้นอีก 5% เนื่องจากการปรับฐานในเดือนก่อน ทำให้มูลค่าหุ้นในปัจจุบันเข้าสู่โซนซื้อสะสม โดยนักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวม แนะนำเข้าลงทุนในกองทุน TMBCOF หรือ B-ASIA จากการเติบโตในเอเชียเหนือที่โดดเด่น เนื่องจากมีสัดส่วนหุ้นเทคโนโลยีสูง

 

ส่วนธีมการลงทุนใน ‘ตลาดหุ้นไทย’ ช่วงสัปดาห์ที่จะถึงนี้ (9-13 พฤศจิกายน 2563) จะเน้นไปใน 5 กลุ่มหุ้น ได้แก่ 1. กลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานสะอาด อาทิ GULF, BCPG, RATCH, KSL, TVO 2. กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ กลางน้ำถึงปลายน้ำ อาทิ TOP, SPCG, IVL, VNT 3. กลุ่มอาหาร อาทิ CPF, TU 4. กลุ่มที่มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง เช่น OSP, INTUCH, ADVANC, BBL, TISCO และ 5. กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ได้แก่ KCE, HANA, DELTA, SMT

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post ‘หุ้นไทย’ พุ่ง 27 จุด ทำสถิติสูงสุดรอบ 7 สัปดาห์ ขานรับ ‘ไบเดน’ ชนะเลือกตั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>