BOI ระงับบัตรส่งเสริมลงทุนโรงงานเหล็กจีน ‘ซิน เคอ หยวน’ พบผิดทั้ง พ.ร.บ.โรงงาน-พ.ร.บ.มอก. ป้องกันความเสียหายระหว่างสอบสวนปมตึก สตง. ย้ำจุดยืนปกป้องเหล็กในประเทศ เสริมกิจการที่มีความสำคัญต่อการสร้าง ซัพพลายเชน 

นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีหนังสือถึงบีโอไอ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 แจ้งว่า บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายตาม พ.ร.บ.โรงงานอุตสาหกรรมฯ และ พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฯ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณากรณีดังกล่าวและมีมติให้เพิกถอนการใช้สิทธิประโยชน์เป็นการชั่วคราว 

โดยไม่กระทบกับสิทธิประโยชน์ที่ได้ใช้ไปแล้ว ของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ซึ่งได้รับการส่งเสริมในกิจการผลิตเหล็กแท่ง (Billet) ตามบัตรส่งเสริมเลขที่ 1235(2)/2556 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 โดยให้มีผลนับแต่วันที่คณะกรรมการมีมติ จนกว่ากระทรวงอุตสาหกรรมจะมีหนังสือแจ้งมายังสำนักงานว่าอนุญาตให้บริษัทกลับมาดำเนินการผลิตได้ และหากกระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการเพิกถอนหนังสือรับรองการประกอบกิจการโรงงานแล้ว สำนักงานจะนำเสนอคณะกรรมการเพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ในระหว่างที่กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานอื่นๆ ยังตรวจสอบรายละเอียดและดำเนินการตามกฎหมายไม่แล้วเสร็จ

“ที่ผ่านมาบีโอไอไม่ได้นิ่งนอนใจกับกรณีดังกล่าว โดยได้เข้าตรวจสอบโรงงานของบริษัท ซิน เคอ หยวน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริง และได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้บริษัทต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในบัตรส่งเสริม รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด จากนั้นได้เร่งนัดประชุมร่วมกันระหว่างบีโอไอและกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีท่านรองนายกฯ พิชัย ชุณหวชิร เป็นประธาน เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 เพื่อพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ ก่อนจัดประชุมบอร์ดบีโอไอในวันนี้เพื่อดำเนินการในทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างที่กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานต่างๆ กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง” นฤตม์กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

• เหล็กไทยน่าห่วงแค่ไหน? ในวันที่ทรัมป์ขึ้นภาษี โรงงานจีนถล่ม ธุรกิจทยอยปิด เหลือกำลังผลิตแค่ 28%

• จากอินทรีเหล็กสู่ผู้ป่วยแห่งยุโรป thyssenkrupp ยักษ์เหล็กเยอรมนีปลดพนักงานครั้งใหญ่ 11,000 คน หลังสู้เหล็กจีนไม่ไหว เหล็กไทยก็อาจไม่รอด

• ‘Nippon Steel’ ขึ้นแท่นผู้ผลิตเหล็กเบอร์ 2 ของโลก ควัก 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เทกโอเวอร์คู่แข่ง ‘U.S. Steel’ ปิดตำนานผู้บุกเบิกโรงเหล็ก อดีตสัญลักษณ์ความมั่งคั่งของสหรัฐฯ

ยันเฝ้าระวังเหล็ก ‘ใกล้ชิด’

สำหรับประเด็นการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล็ก บีโอไอได้ยกเลิกการส่งเสริมเหล็กเส้นสำหรับงานก่อสร้าง เช่น เหล็กเส้น และเหล็กข้ออ้อย มาตั้งแต่ปี 2543 ส่วนผลิตภัณฑ์เหล็กอื่นๆ บีโอไอได้เฝ้าระวังและได้หารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อรับมือกับภาวะผลิตภัณฑ์เหล็กล้นตลาด และปัญหาการทุ่มตลาดในอุตสาหกรรมเหล็กแผ่นรีดร้อนและเหล็กก่อสร้าง

โดยในปีที่ผ่านมา บอร์ดบีโอไอได้ออกประกาศยกเลิกการส่งเสริมการผลิตเหล็กหลายประเภท เช่น เหล็กแท่ง เหล็กลวด เหล็กแผ่นรีดร้อน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะการแข่งขันอย่างรุนแรง อีกทั้งได้ลดสิทธิประโยชน์เหลือเฉพาะสิทธิที่มิใช่ภาษี (Non-Tax) สำหรับกิจการผลิตเหล็กทรงแบน (เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นไร้สนิมรีดร้อนหรือรีดเย็น เหล็กแผ่นหนา เหล็กแผ่นเคลือบ) และกิจการผลิตเหล็กทรงยาว (เหล็กรูปพรรณ เหล็กเพลา ลวดเหล็ก) เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กไทย และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในประเทศ

ทั้งนี้ บีโอไอย้ำจุดยืนในการส่งเสริมกิจการที่มีความสำคัญต่อการสร้างซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย กิจการที่มีความสำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเกิดประโยชน์ต่อประเทศ ในด้านต่างๆ เช่น การจ้างงาน การพัฒนาบุคลากรไทย การถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ การวิจัยและพัฒนา การเพิ่มมูลค่าจากวัตถุดิบในประเทศ การส่งออกเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของซัพพลายเชน รวมทั้งการพัฒนาผู้ประกอบการในประเทศ

The post BOI ระงับบัตรส่งเสริมการลงทุน ‘ซิน เคอ หยวน’ พบผิดทั้ง พ.ร.บ.โรงงาน-พ.ร.บ.มอก. ป้องกันความเสียหายระหว่างสอบสวนปมตึก สตง. appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (11 เมษายน) เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเหล็กของบริษัท ซิน เคอ หยวน (SKY) ที่ถูกนำมาใช้ในอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่ถล่ม โดยสั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ‘สุดซอย’ นำหมายศาลเข้าค้นบริษัท SKY พร้อมกับเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และตำรวจสอบสวนกลาง

เอกนัฏ กล่าวว่า ไม่ว่าผลการสอบสวนสาเหตุการถล่มของอาคารโดยคณะกรรมการจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ผลการทดสอบเหล็กของ SKY ถือว่าสอบตกแล้ว โดยระบุถึงผลการทดสอบ ดังนี้

1. ตัวอย่างเหล็กใหม่ที่เก็บจากโรงงานที่ถูกปิดตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา (จนถึงปัจจุบัน) สอบตกถึงสองครั้ง และไม่อนุญาตให้มีการทดสอบซ้ำเป็นครั้งที่สาม
2. ตัวอย่างเหล็กที่ทีมงานได้ลงพื้นที่เก็บจากบริเวณอาคารถล่ม ท่ามกลางสื่อมวลชน โดยในวันนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นเหล็กยี่ห้อใด ได้ทำการตัดเหล็กจากท่อนยาวที่ประเมินว่าไม่ได้รับผลกระทบจากการถล่ม และปรากฏว่าเหล็กข้ออ้อยของ SKY สอบตกไปถึงสองรายการ ในขณะที่เหล็กของยี่ห้ออื่นผ่านการทดสอบ

“สอบตกก็คือตก แม้ผลสอบสาเหตุตึกถล่มจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ผลทดสอบของเหล็ก SKY ก็ไม่ผ่านอยู่ดี” เอกนัฏ ยืนยัน พร้อมระบุว่า หากเจ้าหน้าที่ต้องการให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมเก็บหลักฐานเพิ่มเติมก็ยินดีให้ความร่วมมือ

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเร่งสืบค้นข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะเหล็กที่ถูกนำออกสู่ตลาดไปก่อนที่โรงงานจะถูกปิดในช่วงเดือนธันวาคม เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบโดยเร็วที่สุด และเพื่อระงับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อไป

ก่อนหน้านี้ ทีมสุดซอย ได้เข้าตรวจสอบโรงงานของบริษัท SKY และขอข้อมูลเกี่ยวกับการจำหน่ายเหล็ก แต่กลับพบความผิดปกติเกี่ยวกับกาก ฝุ่นแดงในปริมาณมากถึงประมาณ 40,000-50,000 ตัน ซึ่งเกินกว่าปริมาณที่เคยแจ้งไว้ในระบบหลายเท่า จึงสั่งให้บริษัทชี้แจง แต่จนถึงปัจจุบัน ข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับการจำหน่ายเหล็กยังไม่เป็นประโยชน์ และไม่ได้รับการชี้แจงเรื่องฝุ่นแดงภายในระยะเวลาที่กำหนด

ด้วยเหตุนี้ เอกนัฏ จึงได้สั่งการให้ทีมสุดซอย ปรับภารกิจในวันนี้ จากเดิมที่จะไปร่วมเก็บหลักฐานที่บริเวณอาคารถล่ม เปลี่ยนเป็นการนำหมายศาลเข้าค้นบริษัท SKY พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง และ DSI เพื่อนำคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดมาสืบค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยขณะนี้ทีมงานได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการแล้ว

อ้างอิง:

• https://www.facebook.com/share/p/1CUsMVwCTW/?mibextid=wwXIfr

The post ‘เอกนัฏ’ สั่งลุยค้น บ.ซิน เคอ หยวน (SKY) ร่วมกับ DSI และตำรวจสอบสวนกลาง หลังคุณภาพเหล็กสอบตกซ้ำซ้อน พบพิรุธฝุ่นแดง appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (10 เมษายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยและผู้สูญหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ถล่มในพื้นที่เขตจตุจักร

พิธีดังกล่าวจัดขึ้น ณ บริเวณลานจอดรถ สถานที่ก่อสร้างอาคาร สตง. ถนนกำแพงเพชร 2 โดยมีสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (เจ้าคุณธงชัย) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร จำนวน 103 รูป ร่วมสวดพระพุทธมนต์

โดยมีคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ญาติของผู้ประสบภัย เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากเข้าร่วมในพิธีสำคัญนี้ พิธีนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายที่ยังติดอยู่ใต้ซากอาคาร พร้อมทั้งเป็นการเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้กับญาติพี่น้องของผู้ประสบภัย เจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงานอย่างหนัก รวมถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

สำหรับบทสวดพระพุทธมนต์ในครั้งนี้ มีระยะเวลาประมาณ 20 นาที ประกอบด้วยบทสวดสำคัญ ได้แก่ บทสวดปัพพะโตปะมะคาถา ซึ่งสื่อถึงความไม่เที่ยงของชีวิต บทสวดอริยธนาคาถา ว่าด้วยอริยทรัพย์อันประเสริฐ บทสวดขัดธรรมนิยามะสูตร และบทสวดธัมมนิยามสุตตุง ซึ่งแสดงถึงความแน่นอนแห่งสภาวะธรรม

การจัดพิธีสวดพระพุทธมนต์ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของกรุงเทพมหานครในการเยียวยาจิตใจและให้กำลังใจแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้ โดยหวังว่าจะเป็นการเสริมสิริมงคลและเป็นพลังใจให้ทุกฝ่ายสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้

ชัชชาติ เผยว่า มีโอกาสได้คุยกับญาติได้แจ้งว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่หน้างานแล้ว ถึงแม้จะเจอผู้รอดชีวิตแต่ก็ต้องไปโรงพยาบาลก่อน และสามารถแจ้งได้ว่าให้ไปพักที่ไหน หรือหากโชคร้ายเป็นผู้เสียชีวิตก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวตนพอสมควร เพราะอย่างไรก็ตามก็สามารถแจ้งเอาไว้ได้ แต่ถ้าหากจะอยากอยู่ที่นี่ก็พร้อมจะให้อยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไรหรืออยากอยู่ที่สบายขึ้นก็มีที่พักพิงแบบเต็มรูปแบบที่วัดเสมียนนารีให้พักพิงได้ 

ยืนยันจะดูแลญาติผู้เสียหายเหมือนกับญาติของตัวเอง หากมีความเจ็บไข้ได้ป่วยก็ขอให้บอกไม่ต้องกังวลหรือคนไหนต้องการหางานนั้นก็ให้สามารถบอกได้อย่างญาติผู้เสียชีวิตที่ขาดผู้นำในครอบครัวก็สามารถประสานเจ้าหน้าที่ได้เพื่อให้ข้อมูลต่างๆ ซึ่งทางญาติก็รู้สึกว่ามีจิตใจดีขึ้นได้เห็นจุดเกิดเหตุและการทำงานของเจ้าหน้าที่ก็ทำงานอย่างเต็มที่

The post กทม. จัดพิธีสวดพระพุทธมนต์ใหญ่ คณะสงฆ์ 103 รูป นำโดยเจ้าคุณธงชัย อุทิศบุญกุศลให้ผู้สูญเสีย-สูญหายเหตุตึก สตง. ถล่ม appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (10 เมษายน) ในงานพิธีสวดพระพุทธมนต์เพื่ออุทิศส่วนกุศล เสริมความเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบภัย ผู้สูญหาย และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มในพื้นที่เขตจตุจักร ซึ่งจัดขึ้น ณ บริเวณลานจอดรถ สถานที่ก่อสร้างอาคาร สตง. ถนนกำแพงเพชร 2

มณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้เดินทางมาร่วมพิธีด้วยตนเอง โดยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีดำ และผูกเนกไทสีดำ โดยไม่ได้กล่าวหรือตอบคำถามใดๆ ต่อสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว

และทันทีที่พิธีเสร็จสิ้น มณเฑียรได้เดินทางกลับในทันที โดยไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์หรือเปิดเผยข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ หรือแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของผู้ว่าฯ สตง. ในครั้งนี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวต่อสาธารณะครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์อาคารถล่ม สร้างความสนใจให้กับสื่อมวลชนและประชาชนที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

The post ‘มณเฑียร เจริญผล’ ผู้ว่าฯ สตง. ปรากฏตัวครั้งแรกหลังเหตุอาคารกว่า 30 ชั้นถล่ม appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (10 เมษายน) กระทรวงอุตสาหกรรมแถลงข่าวเตรียมเข้าตรวจสอบคุณภาพเหล็กเส้นที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หลังเกิดเหตุถล่ม เพื่อหาสาเหตุว่าเหล็กดังกล่าวได้มาตรฐานหรือไม่ พร้อมยืนยันหากพบการกระทำผิดกฎหมาย จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างถึงที่สุด

ในการแถลงข่าวนำโดย พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวง ร่วมด้วย เอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม, วิโรจน์ โรจน์วัฒนชัย ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย, สุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และ วิรงรอง พรพิมลเทพ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)

พงศ์พลเปิดเผยว่า ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการตรวจสอบและยึดอายัดเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานจากโรงงานผู้ผลิต 7 แห่งในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี นครราชสีมา และสระแก้ว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 331 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงเหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ

กรณีที่มีข่าวว่าทาง สมอ. ได้ต่ออายุใบอนุญาต มอก. ให้กับบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด โฆษกกระทรวงชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยบริษัทดังกล่าวยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการแจ้งเตือน และมีคำสั่งเตรียมพักใช้ใบอนุญาตตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 เนื่องจากสินค้าไม่ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน

ในส่วนของขั้นตอนตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองจะเป็นหน่วยงานแรกที่เข้าตรวจสอบ ส่วน สมอ. จะเข้าดำเนินการเก็บตัวอย่างเหล็กเพิ่มเติมในวันที่ 11 เมษายนนี้ แม้เหล็กบางส่วนจะบิดเบี้ยวจากแรงกระแทก แต่จะมีการดัดแปลงเพื่อให้สามารถนำไปตรวจสอบคุณภาพและส่วนผสมได้อย่างครบถ้วน

พงศ์พลย้ำว่า กระทรวงอุตสาหกรรมจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหารือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อพิจารณาให้กรณีนี้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมีความซับซ้อนและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง

“หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายใดๆ จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อให้กรณีนี้เป็นต้นแบบในการต่อสู้กับธุรกิจผิดกฎหมาย และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของอุตสาหกรรมไทย” โฆษกกระทรวงกล่าวทิ้งท้าย

The post กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าตรวจสอบเหล็กเส้นก่อสร้างอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำหากพบผิดกฎหมาย ดำเนินคดีถึงที่สุด appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (10 เมษายน) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ร.ต. สกาย เภกะนันทน์ เป็นผู้เชิญสิ่งของพระราชทาน ซึ่งประกอบด้วย เงินจำนวน 300,000 บาท พร้อมตะกร้าสิ่งของผลิตภัณฑ์อาหารและบำรุงสุขภาพสำหรับสุนัข เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ แก่สุนัขค้นหาและกู้ภัย (K9) จำนวน 3 หน่วยงาน ได้แก่ สุนัขตำรวจ สุนัขทหาร และสุนัขทีม USA Thailand 

โดยมี ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการเขตจตุจักร และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ เขตจตุจักร 

ทั้งนี้ หลังเสร็จพิธีรับมอบสิ่งของพระราชทาน ดร.อลงกต ชูแก้ว รองผู้อำนวยการองค์การสุนัขกู้ภัยแห่งชาติ หรือ K9 USAR THAILAND ได้มอบอาร์มสัญลักษณ์ K9s Saving Lives ให้ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ (Incident Commander) และเป็นผู้ดูแลทีม K9 USAR ระหว่างปฏิบัติภารกิจค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม หลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568

สัญลักษณ์ K9s Saving Lives เป็นแผ่นปักที่ออกแบบมาเพื่อยกย่องและแสดงความเคารพต่อทีมสุนัขตำรวจหรือสุนัขกู้ภัย (K9) ไม่เพียงแต่แสดงถึงการสนับสนุนและเคารพต่อทีมเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความตระหนักรู้ถึงบทบาทสำคัญของพวกเขาในการปกป้องและช่วยเหลือชีวิตมนุษย์อีกด้วย

The post ในหลวง-ราชินี พระราชทานสิ่งของแก่ทีมกู้ภัยตึก สตง. ถล่ม ผู้ว่าฯ ชัชชาติ รับมอบอาร์ม K9s Saving Lives appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (10 เมษายน) ที่อาคารรัฐสภา อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส. ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมาธิการเมื่อวานนี้ หลังเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงปัญหาเหล็กในการสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) 

อัครเดชเปิดเผยว่า อาคาร สตง. พังทลายลงในช่วงแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ซึ่งสร้างความสูญเสียในชีวิตให้กับประชาชนเป็นจำนวนมากนั้น คณะกรรมาธิการได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาในประเด็นคุณภาพของการผลิตสินค้าที่ออกจากโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้าง

สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมได้ชี้แจงว่า เหล็กที่นำไปตรวจสอบ มาจากสุ่มตรวจสอบ 9 รายการ เป็นเหล็กข้ออ้อย และลวดเหล็กกล้าตีเกลียว ผลปรากฏว่าตกสเปกจำนวน 2 รายการ ได้แก่ DB20 และ DB32 โดยรองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติมีข้อกังวลว่า เหล็กที่ใช้ตรวจไม่ใช่เหล็กใหม่ เป็นเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างแล้ว เมื่อเกิดแผ่นดินไหวก่อนอาคารพังถล่มเหล็กได้ทำหน้าที่รับแรงดึง เหล็กเมื่อมีการใช้งานไปแล้ว อาจมีปัญหาในการตรวจสอบ 

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการจึงมีข้อเสนอแนะว่า ข้อมูลที่จะถูกส่งไปยังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งโดยรัฐบาลนั้น จะต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลให้รอบคอบรัดกุม และมีความเชื่อถือทางวิชาการทางวิทยาศาสตร์ที่จะสามารถเปรียบเทียบได้ เพื่อป้องกันช่องโหว่และช่องว่างทางกฎหมายในการดำเนินคดีบริษัทผู้ผลิตทั้ง 2 รายการ 

ขณะที่กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ชี้แจงว่า ก่อนจะมีการก่อสร้าง หน่วยงานก่อสร้างจะต้องตัดชิ้นตัวอย่างไปตรวจสอบ คณะกรรมาธิการจะทำหนังสือเพื่อขอข้อมูลในการควบคุมการก่อสร้างจากกรมโยธาธิการฯ ด้วย เนื่องจากการก่อสร้างหน่วยงานราชการ ไม่ต้องขออนุญาต เพียงแต่แจ้งให้ทราบว่าจะมีการสร้างอาคารเท่านั้น

ส่วนกรณีที่มีการกล่าวในสื่อโซเชียลว่า สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมสั่งอายัดเหล็กที่ตกสเปกจากผู้ผลิตเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างอาคาร สตง. ตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นกระบวนการตรวจสอบควบคุมคุณภาพตามพระราชบัญญัติมาตรฐานอุตสาหกรรม โดยโรงงานดังกล่าวยังถูกสั่งปิดจากเหตุเพลิงไหม้อยู่ด้วย การอนุญาตจึงเป็นไปไม่ได้ที่การแก้ไขเรื่องเหล็กผิดสเปกจะได้รับการแก้ไข เนื่องจากโรงงานดังกล่าวยังไม่ได้เปิดการผลิต

ส่วนกรณีสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมมีคำสั่งให้โรงงานดังกล่าวปรับปรุงคุณภาพก่อนจะจำหน่ายเหล็กได้อีกครั้ง ส่วนที่จะผลิตใหม่และจำหน่ายให้กับประชาชน ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่า หากไม่มีการแก้ไขก็จะไม่สามารถผลิตได้ ขณะที่การเพิกถอนสิทธิประโยชน์การลงทุน (BOI) คณะกรรมาธิการได้ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมเพิกถอน BOI บริษัทผู้ผลิตเหล็กก่อนที่จะมีการเกิดแผ่นดินไหว 

ทั้งนี้ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ชี้แจงว่าตามกฎหมายสามารถถอนได้ก็ต่อเมื่อผู้ประกอบการนั้นละเมิดกฎหมาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ผู้ประกอบการได้ละเมิดกฎหมาย โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องทำบันทึกไปถึง BOI  เพื่อให้พิจารณาถอนสิทธิประโยชน์ จึงอยากให้ BOI ได้พิจารณาตามอำนาจหน้าที่

The post กมธ.อุตสาหกรรม แนะคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงตึก สตง. ถล่ม พิจารณาข้อมูลให้รอบคอบ ป้องกันช่องโหว่ดำเนินคดีผู้กระทำผิด เห็นด้วยถอน BOI บริษัทผลิตเหล็ก appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (10 เมษายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่กำลังเร่งใช้รถแบ็กโฮ SK1000 ขนาด 120 ตัน เพื่อเปิดพื้นที่บริเวณยอดซากอาคาร (โซน E) ซึ่งเป็นจุดที่คาดว่าจะพบผู้สูญหายเพิ่มเติม

การปฏิบัติงานวันนี้เริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. โดยเจ้าหน้าที่ได้กลับมาเดินเครื่องจักรอย่างต่อเนื่องหลังพักในช่วงเช้ามืด และยังคงเน้นการเปิดพื้นที่ในทุกโซน โดยเฉพาะบริเวณจุด E ที่เป็นยอดของซากปรักหักพัง

ชัชชาติกล่าวว่า หัวใจสำคัญของการนำรถแบ็กโฮ SK1000 ซึ่งมีแขนยาวกว่า 30 เมตรมาใช้ คือต้องการรื้อถอนเศษซากบริเวณยอดอาคาร เนื่องจากรถแบ็กโฮขนาดเล็กยังไม่สามารถขึ้นไปถึงได้ โดยจะนำรถขนาดใหญ่มาตั้งในโซน A หรือ B แล้วใช้แขนยาวเอื้อมไปโกยเศษซากจากชั้น 28-29 ลงมา เพราะเชื่อว่าอาจมีผู้สูญหายติดค้างอยู่

ขณะนี้จุดที่เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ บริเวณยอดอาคาร (โซน E) และทางเชื่อมระหว่างโซน B กับโซน C ซึ่งเป็นจุดที่พบร่างผู้เสียชีวิตเมื่อวานนี้ (9 เมษายน) และยังมีกลิ่นค่อนข้างแรง คาดว่าหากเปิดพื้นที่ส่วนนี้ได้จะพบผู้ติดอยู่ภายในเพิ่มเติม นอกจากนี้ การลดระดับความสูงของยอดอาคารจะช่วยให้การทำงานสะดวกยิ่งขึ้น

ชัชชาติยอมรับว่า การปฏิบัติงานมีอุปสรรคบ้าง เนื่องจากระบบไฮดรอลิกของรถแบ็กโฮมีปัญหารั่วในบางครั้ง เพราะสายอาจไปเกี่ยวกับเหล็ก แต่มีระบบซ่อมบำรุงพร้อมดำเนินการในพื้นที่อยู่แล้ว และยืนยันว่าปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องจักรมีเพียงพอประมาณวันละ 4,000 ลิตร ส่วนน้ำมันไฮดรอลิกก็สั่งการให้เตรียมพร้อมอย่างเพียงพอทุกวัน

สำหรับกรณีที่มีฝนตกลงมา ผู้ว่าฯ ชัชชาติยืนยันว่า ไม่เป็นปัญหาต่อการปฏิบัติงาน แต่อาจมีน้ำท่วมขังบริเวณรอบพื้นที่บ้าง ซึ่งสั่งการให้สำนักระบายน้ำดำเนินการแก้ไขแล้ว นอกจากนี้ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังเรื่องความไม่มั่นคงของกองซากอาคาร โดยเฉพาะในพื้นที่ลาดชันที่อาจมีการสไลด์ตัวได้

นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติยังเปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการนิมนต์พระสงฆ์ 103 รูป มาทำบุญ สวดมนต์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ประสบภัย และเป็นขวัญกำลังใจแก่ญาติพี่น้อง โดยย้ำว่าการทำบุญจะไม่กระทบต่อการปฏิบัติงาน และจะไม่ทำให้งานล่าช้า เนื่องจากมีการแบ่งพื้นที่การทำบุญและการทำงานอย่างชัดเจน และจะเชิญญาติของผู้ประสบภัยมาร่วมในพิธีเพื่อให้เกิดความสบายใจมากยิ่งขึ้น

สำหรับตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ณ เวลา 10.00 น. ได้เพิ่มขึ้นเป็น 23 ราย หลังนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจยืนยันเอกลักษณ์บุคคล ส่วนจำนวนผู้สูญหายยังคงอยู่ที่ 71 ราย

The post ชัชชาติเร่งใช้แบ็กโฮยักษ์ 120 ตัน เปิดยอดตึก สตง. ถล่ม คาดพบผู้สูญหายเพิ่ม บ่ายนี้ทำบุญใหญ่ appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (10 เมษายน) พล.อ. ชนะทัพ อินทามระ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินถล่ม โดยระบุว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการหลังเทศกาลสงกรานต์ เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนแก่สาธารณชน

พล.อ. ชนะทัพ กล่าวว่า ผู้ว่าการ สตง. ได้ให้นโยบายให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแสวงหาความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขณะนี้ได้สั่งการให้มีการรวบรวมรายงานและรายละเอียดต่างๆ แล้ว ส่วนประเด็นเรื่องแรงงานที่ได้รับผลกระทบ ผู้ว่าการ สตง. ได้ประสานงานกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) แล้ว ขณะที่เรื่องการว่าจ้างบริษัทผู้รับเหมายังต้องรอรายละเอียดจากรายงานอีกครั้ง

ประธานกรรมการ สตง. กล่าวถึงการตรวจสอบภายในว่า สตง. มีคณะกรรมการควบคุมการตรวจสอบที่ดำเนินการเป็นปกติอยู่แล้ว สำหรับการตรวจสอบเหตุการณ์อาคารถล่มนั้น เนื่องจากเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น จึงต้องรอรายงานเบื้องต้นก่อน และจะพิจารณาผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการชุดที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้แต่งตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดการตรวจสอบที่ซ้ำซ้อนกัน

เมื่อถามถึงความคืบหน้าหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปเกือบ 2 สัปดาห์ พล.อ. ชนะทัพ ระบุว่า ต้องรอผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการของรัฐบาลก่อน จากนั้น สตง. จะพิจารณารายละเอียดเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับผู้ว่าการ สตง. แล้ว และมีความห่วงใยและเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้ โดย สตง. ได้ติดต่อพูดคุยกับญาติของผู้เสียหายแล้ว และในวันนี้ (10 เมษายน) จะเดินทางไปร่วมงานทำบุญใหญ่ ณ จุดเกิดเหตุด้วย

พล.อ. ชนะทัพ ยืนยันว่า สตง. ไม่ได้นิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อประชาชนและประเทศชาติ แต่ยังไม่สามารถแถลงข่าวอย่างเป็นทางการได้ในทันที เนื่องจากต้องรอรายละเอียดที่ชัดเจน เพื่อป้องกันความผิดพลาดหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล ส่วนประเด็นการเชื่อมโยงกับนายทหารและบริษัทจีนนั้น ตนคิดว่าไม่เป็นความจริง และขอให้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ารู้จักกับนายทหารที่ถูกกล่าวอ้างและมีชื่ออยู่ใน บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เนื่องจากเคยทำงานอยู่ในกองทัพด้วยกัน แต่ไม่ได้มีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัว และไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใดๆ โดยยึดหลักการทำงานเป็นหลัก พร้อมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็นที่ถูกกล่าวถึง การดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ สตง. เป็นไปตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ โดยสมัครเข้ามาในรูปแบบของคณะกรรมการ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ใหญ่หรือใช้เส้นสายใดๆ 

ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถามถึงการมีนายทหารเข้ามาอยู่ในกรรมการบอร์ดหลายคน พล.อ. ชนะทัพ ชี้แจงว่า ตนมีความสนใจและเคยทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ ประกอบกับกฎหมายเปิดโอกาสในช่วงนั้น จึงตัดสินใจสมัครเข้ามา

สำหรับประเด็นที่ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เคยถูกกระทรวงอุตสาหกรรมตรวจสอบเรื่องการใช้เหล็กไม่ได้มาตรฐานนั้น พล.อ. ชนะทัพ กล่าวว่า ในฐานะประธานกรรมการฯ ยังไม่เคยได้รับรายงานในเรื่องนี้ในส่วนของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ต้องพิจารณาถึงขอบเขตความรับผิดชอบที่ชัดเจน จะโยนความรับผิดชอบทั้งหมดไม่ได้ ตนและกรรมการทุกคนมีความโปร่งใส ไม่มีประวัติด่างพร้อย และทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน

พล.อ. ชนะทัพ กล่าวถึงกระแสข่าวเรื่องการรับเงินใต้โต๊ะในหน่วยงาน สตง. ว่า ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตามพระบรมราโชวาทของรัชกาลที่ 9 ที่ว่าเงินแผ่นดินคือเงินของประชาชน

เมื่อถามต่อถึงหน่วยงานที่ตรวจสอบ สตง. พล.อ. ชนะทัพ กล่าวว่า มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมบัญชีกลาง ซึ่งมีการตรวจสอบ สตง. เป็นประจำทุกปี และมีหน่วยงานที่ให้แนวทางแก่กรมบัญชีกลางในการตรวจสอบอีกด้วย นอกจากนี้ คณะกรรมการ สตง. ก็สามารถตรวจสอบการทำงานของผู้ว่าการ สตง. ได้ โดยมีการประเมินผลการปฏิบัติงานและสามารถถอดถอนได้

ส่วนประเด็นการแก้ไขกฎหมายในการกำกับดูแลการทำงานของผู้ว่าการ สตง. นั้น พล.อ. ชนะทัพ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องรอความเห็นของคณะกรรมการฯ และเสนอไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาแก้ไขกฎหมายต่อไป ซึ่งยังไม่สามารถประเมินได้ว่ากฎหมายฉบับเดิมและฉบับใหม่มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร เนื่องจากกฎหมายฉบับใหม่เพิ่งมีการบังคับใช้มา 8 ปี ขณะที่ฉบับเดิมใช้มาถึง 20 ปี

พล.อ. ชนะทัพ กล่าวถึงการพูดคุยกับผู้ว่าการ สตง. เกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เรื่องการบริหารจัดการภายในสำนักงานเป็นอำนาจของผู้ว่าการฯ โดยที่กรรมการฯ ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ ซึ่งขณะนี้ได้ให้ผู้ว่าการฯ สรุปข้อมูลและรายงานให้กรรมการฯ ทราบ เมื่อผู้ว่าการฯ พร้อมก็จะเข้ามารายงานต่อไป

สำหรับความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับการรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ พล.อ. ชนะทัพ กล่าวว่า ต้องพิจารณาข้อกฎหมายอีกครั้ง และหารือกับคณะกรรมการฯ เพื่อให้ข้อคิดเห็นและสรุปเป็นมติ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประชุม และต้องรอการสรุปข้อมูลจากรายงานที่จะส่งมา

The post สตง. พร้อมแถลงข่าวเหตุตึกถล่มหลังสงกรานต์ ขอรอผลสอบรัฐบาลก่อนตรวจสอบซ้ำ ยืนยันโปร่งใส ไร้เอี่ยวทหาร-บริษัทจีน appeared first on THE STANDARD.

ความคืบหน้าคดีอาคารถล่มที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) วันนี้ (9 เมษายน) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้วทั้งสิ้น 98 ปาก เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

โดยการดำเนินคดีแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนแรกเป็นการชันสูตรพลิกศพเพื่อยืนยันอัตลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิต ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จเนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้ที่อาจติดค้างอยู่ใต้ซากอาคาร

ส่วนที่สองคือการดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้ตึกพังถล่ม

สำหรับการสอบปากคำพยานนั้น เบื้องต้นได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่จากบริษัทที่เกี่ยวข้องจำนวน 13 ปาก, ญาติของผู้เสียชีวิต 15 ปาก, ประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุและญาติของผู้ประสบเหตุ 64 ปาก และผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ปาก รวมทั้งสิ้น 98 ปาก

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งไม่ได้มีเพียงคำให้การของพยานบุคคลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัตถุพยานที่พบในที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรอผลการตรวจพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการในทุกมิติของคดี แต่ยังไม่สามารถกำหนดกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนว่าจะสามารถดำเนินคดีหรือตั้งข้อหากับผู้ใดได้ในขณะนี้

The post ตำรวจสอบพยาน 98 ปาก คดีตึก สตง. ถล่ม เร่งรวบรวมหลักฐาน รอผลตรวจพิสูจน์วัตถุพยาน appeared first on THE STANDARD.