ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 18 Feb 2025 07:00:20 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 อว. เผย ไทยทำสำเร็จ พัฒนา ‘เซรั่มน้ำยางพารา’ ปฏิวัติอุตสาหกรรมยางพาราไทย https://thestandard.co/thai-latex-serum-innovation/ Tue, 18 Feb 2025 07:00:20 +0000 https://thestandard.co/?p=1043257

วันนี้ (18 กุมภาพันธ์) ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการก […]

The post อว. เผย ไทยทำสำเร็จ พัฒนา ‘เซรั่มน้ำยางพารา’ ปฏิวัติอุตสาหกรรมยางพาราไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (18 กุมภาพันธ์) ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (สงขลา ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง) ที่จังหวัดสงขลาว่า ขณะนี้ อว. โดยอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคใต้ และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) รวมทั้งภาคเอกชนได้สนับสนุนให้ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเซรั่มน้ำยางพารา (CERB) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พัฒนานวัตกรรมการใช้ เซรั่มน้ำยางพารา เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ภาคอุตสาหกรรมและการแพทย์ ซึ่งเป็นการนำเซรั่มน้ำยางพารามาผ่านกระบวนการได้เป็นสารต้านอัลไซเมอร์ มะเร็ง ป้องกันโรคกระดูกพรุน ป้องกันโรคเบาหวาน โดยผลิตภัณฑ์นี้สามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์จากเดิมได้ไม่น้อยกว่า 100 เท่า สามารถเพิ่มมูลค่าราคายางพาราแก่ผู้ประกอบการได้มากขึ้น คาดว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่ภูมิภาคไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทในปี 2570 ทั้งยังส่งผลให้เกิดนวัตกรรมและสิทธิบัตรนานาชาติเกี่ยวกับเทคโนโลยีการสกัดสารที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพมูลค่าสูงหลายรายการ

 

ศุภมาสกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ แต่เดิมที่อุตสาหกรรมยางพารามุ่งเน้นการส่งออกในรูปวัตถุดิบต้นน้ำ ต่อมา CERB ได้ศึกษาคุณสมบัติของเซรั่มน้ำยางพารา ซึ่งเป็นองค์ประกอบของน้ำยางประกอบด้วยเซรั่มน้ำยางพาราคิดเป็น 65% โดยเป็นผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมผลิตยาง เพื่อพัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพและการแพทย์ เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) โดยแบ่งออกเป็น 2 แพลตฟอร์มเทคโนโลยี ได้แก่ 1. แพลตฟอร์มการสกัดแยกส่วน (Separation-based Technology) โดยการแยกสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากเซรั่มน้ำยางพารา และ 2. แพลตฟอร์มการย่อยด้วยเอนไซม์ (Digestion-based Technology) โดยการใช้เอนไซม์เฉพาะเพื่อสกัดสารชีวภาพที่มีมูลค่าสูง เพื่อนำสารสำคัญมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ เช่น สารสกัด Hb-extract เพื่อใช้ในเวชสำอาง มีสารพฤกษเคมีช่วยบำรุงผิว, Hevea latex oligosaccharides (HLOs) มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกส์ คล้าย Human Milk Oligosaccharides (HMO) และช่วยต้านอัลไซเมอร์และมะเร็ง, Beta-glucan oligosaccharide (BGOs) มีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดริ้วรอย และต้านมะเร็ง, Quebrachitol มีศักยภาพช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และป้องกันโรคเบาหวาน และ 5’-Methylthioadenosine (MTA) มีฤทธิ์ต้านมาลาเรีย วัณโรค และมะเร็ง เป็นต้น

 

“ปัจจุบัน CERB ได้พัฒนาโรงงานต้นแบบผลิตสารชีววัตถุจาก เซรั่มน้ำยางพารา ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ บริษัท อินโนซุส จำกัด ซึ่งมีการลงทุนแล้วกว่า 100 ล้านบาท เพื่อรองรับการผลิตในระดับอุตสาหกรรมในอนาคต โดยโครงการดังกล่าวคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านบาทต่อปี แน่นอนว่าการพัฒนาเทคโนโลยีนี้นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำแล้ว ยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมยางพาราไทยให้ก้าวสู่ตลาดผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และสุขภาพระดับสากล ที่สำคัญยังเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมขยายโอกาสทางเศรษฐกิจและการแพทย์ของประเทศ นอกจากนี้โครงการนี้ยังเปิดโอกาสให้ภาคเกษตรกรมีช่องทางรายได้เพิ่มขึ้น ผ่านการจำหน่ายเซรั่มน้ำยางพาราไปยังโรงงานแปรรูป ตลอดจนกระตุ้นการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น อาหารเสริม ยาชีวภาพ และเวชสำอาง ที่มีศักยภาพแข่งขันในตลาดโลก” ศุภมาสกล่าว พร้อมเสริมว่า สำหรับแผนในอนาคต CERB ตั้งเป้าผลักดันการขึ้นทะเบียนสารชีวภาพจากเซรั่มน้ำยางพาราเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และส่งเสริมการจัดตั้งโรงงานผลิตระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP โดยคาดว่าภายในไม่กี่ปีข้างหน้าประเทศไทยจะสามารถสร้างอุตสาหกรรมใหม่และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากทรัพยากรยางพาราได้อย่างยั่งยืน

The post อว. เผย ไทยทำสำเร็จ พัฒนา ‘เซรั่มน้ำยางพารา’ ปฏิวัติอุตสาหกรรมยางพาราไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
เศรษฐายืนยัน ไม่ทิ้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยังพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่เสียกำลังใจ ทำงานหนักแต่ยังโดนคดี https://thestandard.co/srettha-digital-wallet-project-continues-legal-challenges/ Mon, 08 Jul 2024 06:19:32 +0000 https://thestandard.co/?p=954773 เศรษฐา

วันนี้ (8 กรกฎาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกร […]

The post เศรษฐายืนยัน ไม่ทิ้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยังพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่เสียกำลังใจ ทำงานหนักแต่ยังโดนคดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
เศรษฐา

วันนี้ (8 กรกฎาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเรื่องการดำเนินนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กรณีการกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่า ได้พูดคุยกันตลอดเวลา จึงเข้าใจว่าหากมีความเรียบร้อยก็จะแถลงชี้แจงให้ได้ทราบ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้สอบถามความเห็นเกี่ยวกับการใช้งบกับคณะกรรมการกฤษฎีกาไปแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไม่ทราบ แต่หากพร้อมก็จะส่งไปสอบถามทุกเรื่อง โดยย้ำว่าทุกอย่างจะต้องถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงแหล่งที่มาของเงินทั้ง 3 ช่องทางด้วย

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

เศรษฐายังกล่าวถึงกรณีการรับซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ซึ่งก่อนหน้านี้ออกมาระบุว่า สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามขอให้คณะรัฐมนตรีแก้ข้อตกลง 2 ข้อ​ ว่า​ ตนได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกัน และได้สอบถามไป ซึ่งสุทิน​บอกว่า ยังไม่ได้ลงนาม

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การที่สุทิน​ออกมาระบุว่ายังติดขัดในเรื่องข้อกฎหมาย​ โดยขณะนี้คณะทำงานของนายกรัฐมนตรีกำลังดูอยู่นั้น เศรษฐา​กล่าวว่า ไม่ได้ติดขัดที่คณะทำงานของตน​ แต่ติดขัดอยู่ที่ข้อกฎหมาย​ พร้อมย้ำว่า ทุกอย่างต้องถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าพบกลิ่นไม่ดีใช่หรือไม่​ โครงการจึงถูกเลื่อนออกไป​ ตนไม่เข้าใจว่ากลิ่นไม่ดีคืออะไร​ ถ้าเป็นเรื่องทุจริต ตนไม่ยอมอยู่แล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามความชอบธรรม ยึดหลักกฎหมายเป็นหลัก

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า​ หากท้ายที่สุดต้องการแก้สัญญาใน 2 เรื่องคือ เรื่องเครื่องยนต์ เป็นเครื่องยนต์จีน และขอขยายระยะเวลาการส่งมอบออกไป​ นายกรัฐมนตรี​กล่าวว่า​ ตนว่าอย่าไปคาดเดาดีกว่าว่าจะแก้ตรงไหน​ ขอให้เซ็นมาก่อนแล้วค่อยไปถามคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่ทุกอย่างต้องผ่านคณะรัฐมนตรี และยืนยันว่าต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่กองทัพเรืออยากให้การลงนามแล้วเสร็จภายในเดือนนี้​ ทุกอย่างหากสามารถทำได้ ถูกต้องตามกฎหมาย และผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกา มีความชอบธรรม ก็จะดำเนินการโดยเร็วที่สุดในทุกๆ เรื่อง

 

เศรษฐายังกล่าวถึงกรณีเพลิงไหม้ที่ถนนเยาวราชว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาผู้เสียหายอย่างไรว่า ขอรับทราบรายงานก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบรายงาน ส่วนกรณีที่มีความเป็นห่วงเรื่องการเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว แต่ไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลไม่ทำ ซึ่งรัฐบาลก็ดูแลเรื่องนี้อยู่ตลอด

 

นอกจากนี้ เศรษฐา​ยังกล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานอย่างหนัก แต่ก็มีคดีเกิดขึ้นมากมายว่า ก็ตื่นเช้ามาทำงานเหมือนเดิม ให้ว่าไปตามกฎหมาย หากมีข้อข้องใจหรือข้อไม่สบายใจ เรามีองค์กรอิสระที่ต้องมาตรวจสอบการทำงานของนักการเมือง ตนเองก็ต้องยอมรับในกระบวนการที่เราก้าวเข้ามาเป็นนักการเมือง และไม่ได้เสียกำลังใจ ก็ทำงานต่อไป

The post เศรษฐายืนยัน ไม่ทิ้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยังพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่เสียกำลังใจ ทำงานหนักแต่ยังโดนคดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประชาชนต่อคิวหน้า ธ.ก.ส. ในพื้นที่สุไหงโก-ลกตั้งแต่เที่ยงคืน หวังเปิดบัญชี ผูกพร้อมเพย์ รับเงินเยียวยา https://thestandard.co/people-queuing-up-for-remedy-money-in-front-of-baac/ Tue, 12 May 2020 11:15:08 +0000 https://thestandard.co/?p=362822

บรรยากาศการต่อแถวรอคิวของประชาชนอย่างหนาแน่นที่บริเวณหน […]

The post ประชาชนต่อคิวหน้า ธ.ก.ส. ในพื้นที่สุไหงโก-ลกตั้งแต่เที่ยงคืน หวังเปิดบัญชี ผูกพร้อมเพย์ รับเงินเยียวยา appeared first on THE STANDARD.

]]>

บรรยากาศการต่อแถวรอคิวของประชาชนอย่างหนาแน่นที่บริเวณหน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เป็นภาพที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมานานนับสัปดาห์แล้ว เช่นเดียวกับวันนี้ (12 พฤษภาคม) เป้าหมายของทุกคนที่ยอมต่อแถวเข้าคิวยาวขนาดนี้ ก็เพื่อทำธุรกรรมต่างๆ ทั้งการเปิดบัญชี ผูกพร้อมเพย์ หรือใช้บริการฝาก-ถอน และหวังรับเงินเยียวยาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งในส่วนของโครงการเราไม่ทิ้งกัน และโครงการเยียวยาเกษตรกร

 

แม้ว่าช่วงนี้จะอยู่ในเดือนรอมฎอน หรือเดือนของการถือศีลอด ซึ่งผู้มาใช้บริการส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาอิสลาม นอกจากจะต้องอดทนต่องการรอคิวและสภาพอากาศแล้ว พวกเขายังอยู่ในช่วงที่ต้องอดอาหารและน้ำ หลายคนตั้งใจมาต่อคิวใช้บริการตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน ซึ่งอยู่ในช่วงการประกาศเคอร์ฟิว ปักหลักนอนรอคอย

 

THE STANDARD พูดคุยกับผู้มารอคิวรายแรก ทราบว่าต้องการมาเปิดบัญชีเพื่อรับเบี้ยผู้สูงอายุ เนื่องจากตนเองอายุครบ 60 ปีพอดี มารอคิวตั้งแต่เที่ยงคืน เนื่องจากบ้านอยู่ไกลและอยากจะได้คิวของวันนี้ ส่วนรายต่อมาก็เป็นชายวัย 45 ป่วยอัมพฤกษ์ที่ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาเราไม่ทิ้งกัน และต้องการผูกพร้อมเพย์กับบัญชีธนาคาร จึงเดินทางมารอคิวตั้งแต่ตี 4 

 

ทั้งนี้ธนาคารได้มีการกางเต็นท์เพื่อให้ประชาชนที่มารอคิวได้หลบแดด และได้ชี้แจงเหตุผลในการแจกคิวทำรายการต่างๆ ตั้งแต่ 08.00 น. เป็นคิวแบบวันต่อวัน เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการแจกคิวแบบล่วงหน้า 1 วัน ทำให้ผู้ที่มาทำรายการในวันนั้นๆ แล้วไม่มีคิว เกิดความไม่พอใจ มีการประท้วงว่ากล่าวพนักงาน จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นระบบคิวแบบวันต่อวัน โดยกำหนดคิวเปิดบัญชีวันละ 15 คิว บริการผูกพร้อมเพย์กับบัญชีธนาคารวันละ 20 คิว และบริการฝาก-ถอน ช่วงเช้า 150 คิว ช่วงบ่าย 150 คิว

 

ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum

 

 

ภาพ: พงษ์พัฒน์ มะหะหมัด

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post ประชาชนต่อคิวหน้า ธ.ก.ส. ในพื้นที่สุไหงโก-ลกตั้งแต่เที่ยงคืน หวังเปิดบัญชี ผูกพร้อมเพย์ รับเงินเยียวยา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. เผย พ.ค. นี้ ข้าวฯ-มันสำปะหลังราคาขึ้น แต่ยางแผ่นดิบราคาลง https://thestandard.co/baac-crop-prices/ Wed, 29 Apr 2020 03:34:48 +0000 https://thestandard.co/?p=358842 ธกส

วันนี้ (29 เมษายน) สมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคาร […]

The post ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. เผย พ.ค. นี้ ข้าวฯ-มันสำปะหลังราคาขึ้น แต่ยางแผ่นดิบราคาลง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธกส

วันนี้ (29 เมษายน) สมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนพฤษภาคม 2563 ว่าส่วนมากมีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า ได้แก่ 

 

ข้าว สาเหตุเพราะการระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกอย่างอินเดียและเวียดนามมีมาตรการล็อกดาวน์และชะลอการส่งออกข้าว ขณะที่ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวอันดับ 1 ของโลก อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าข้าวเพิ่มเติม ขณะที่ภัยแล้งยังทำให้ผลผลิตข้าวเหนียวนาปรังลดลง

 

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 9,525-10,412 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้น 1.10-10.52% จากเดือนก่อนหน้า

 

ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 14,496-14,579 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้น 0.88-1.46% จากเดือนก่อนหน้า

 

ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 15,774-15,912 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้น  1.85-2.73% จากเดือนก่อนหน้า

 

ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 7.54-7.60 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 0.30-1% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ขณะที่ความต้องการใช้ในการผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น จากปัญหาด้านการขนส่งจากมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ผู้ประกอบการมีอุปสรรคในการนำเข้าวัตถุดิบอื่นมาผลิตอาหารสัตว์

 

ด้านน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 10.24-10.73 เซนต์ต่อปอนด์ (7.35-7.70 บาทต่อกิโลกรัม) เพิ่มขึ้น 5-10% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากความกังวลต่อปริมาณผลผลิตอ้อยทั่วโลกที่ลดลง จากสภาพอากาศที่แห้งแล้งในประเทศผู้ผลิตสำคัญ จึงมีการคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำตาลจะลดลง ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อเพิ่มขึ้น  

 

มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.75-1.80 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 0.57-3.45% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากประเทศคู่ค้าของไทยเริ่มมีการเปิดเมืองและผ่อนปรนด้านการขนส่งระหว่างประเทศ จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลาย ส่งผลให้การส่งออกมันสำปะหลังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น  

 

ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 3.09-3.14 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 0.32-2.27% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากคาดว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้กิจการบางส่วนสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ จึงเป็นโอกาสให้ความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลและน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น  

 

สุกร ราคาอยู่ที่ 68.89-69.09 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 2.79-3.09% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากสภาพอากาศของไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อน ส่งผลให้สุกรเติบโตช้า ทำให้ผลผลิตสุกรออกสู่ตลาดน้อยลง ขณะที่ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นจากแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งคาดว่าธุรกิจบางประเภทจะกลับมาเปิดให้บริการหลังสิ้นสุดมาตรการดังกล่าว  

 

กุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม ราคาอยู่ที่ 127-129 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 1.60-3.20% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งและการเฝ้าระวังโรคระบาด ทำให้เกษตรกรปรับลดพื้นที่และชะลอการลงลูกกุ้ง รวมถึงชะลอการจับกุ้งออกจำหน่าย ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง    

                                            

ทั้งนี้ สินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ยางพาราแผ่นดิบ ซึ่งคาดว่าราคาจะอยู่ที่ 31.50-32.95 บาทต่อกิโลกรัม ลดลง 0.60-4.98% จากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมจะมีการเปิดหน้ากรีดยางพาราทั่วประเทศ ทำให้มีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ยางพาราธรรมชาติลดลงจากราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ อีกทั้งประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ายางพารารายใหญ่ยังใช้มาตรการล็อกดาวน์ จึงทำให้ผู้ประกอบการชะลอรับซื้อน้ำยางสดในประเทศ

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. เผย พ.ค. นี้ ข้าวฯ-มันสำปะหลังราคาขึ้น แต่ยางแผ่นดิบราคาลง appeared first on THE STANDARD.

]]>