วีเจ นักแสดง นางแบบ นักธุรกิจ หากจะเติมคำว่านักชิมไปด้วยก็คงไม่ผิด เพราะ วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์ ได้ตบเท้าเข้าสู่วงการอาหารเป็นที่เรียบร้อยด้วยหัวใจที่รักในการกินของอร่อย หากไถฟีดอินสตาแกรมของเธอก็จะพบกับภาพไลฟ์สไตล์กินหรูอยู่ดีแบบแน่นๆ ทว่าความจริงแล้วเธอเอ็นจอยกับการกิน ‘ทุกอย่างที่อร่อย’ 

“ของอร่อย…ไม่ว่าจะเป็นสตรีทฟู้ดหรือไฟน์ไดนิ่งก็กินได้หมด แต่ขอให้มันคุณภาพดีและก็เป็นแบบที่เราชอบจริงๆ” วุ้นเส้นกล่าว 

ความอร่อยที่ไม่ขึ้นกับมูลค่า…แต่วัดด้วยความรู้สึกของตัวเองล้วนๆ อะไรที่ดีก็อยากแนะนำ อะไรที่ไม่ถูกปากก็ขอเลือกที่จะไม่ฝืนรีวิว ชนิดที่ยอมควักกระเป๋าจ่ายมื้อนั้นเอง ความจริงจังและจริงใจกลายเป็นมาตรฐานของเธอในการบอกต่อของอร่อยให้ใครต่อใครได้ไปตามรอย เหมือนกับครั้งนี้ที่ THE STANDARD LIFE มีโอกาสได้ตามรอยเธอไปกับ 4 HOURS LIFE with ‘Woonsen’ ในย่านละแวกบ้านอย่างถนนจันทน์-นางลิ้นจี่ มาดูกันว่าร้านไหน เมนูอะไร ที่ผู้หญิงคนนี้กล้าการันตีความอร่อยบ้าง!

Craftsman Roastery & Brew Bar

คาเฟ่ที่เป็นทั้งโรงคั่วและบาร์ในซอยสาธุประดิษฐ์ 20 ถูกเนรมิตจากโรงกลึงเก่าที่ยังคงกลิ่นอายอินดัสเทรียล ดิบ เท่ ไว้เป็นเอกลักษณ์ เป็นคาเฟ่ที่วุ้นเส้นนึกถึงเป็นที่แรก ด้วยความที่หลงรักในเอกลักษณ์รสชาติกาแฟของทางร้านตั้งแต่สมัยยังไม่ย้ายมาย่านนี้

เธอเผยว่าวันที่เธอตักบาตรเสร็จช่วง 7 โมงเช้า และอยากจะแวะดื่มกาแฟสักที่แต่ร้านส่วนใหญ่ยังไม่เปิด แต่ที่นี่เป็นร้านที่เปิดตั้งแต่เช้า จึงทำให้เธอไม่ลังเลที่จะมุ่งตรงมาที่นี่เป็นประจำ

เมนูกาแฟที่วุ้นเส้นสั่งเป็นประจำคือ อเมริกาโนร้อน เอสเพรสโซ โดยส่วนใหญ่จะเลือกดื่มเป็นช่วงเช้า แต่หากมาบ่ายจะสั่งเป็นเมนู Dirty แทน 

นอกจากกาแฟแล้ว Craftsman Roastery & Brew Bar ก็ยังมีอาหารเช้าและขนมเสิร์ฟครบในที่เดียวอีกด้วย 

Open: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-18.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.30-18.00 น.

Address: ซอยสาธุประดิษฐ์ 20  

Budget: กาแฟเริ่มต้นที่ 100 บาท

Tel.: 08 5820 4010

WOLF984 

ไฟน์ไดนิ่งโมเดิร์นยุโรปย่านนราธิวาสราชนครินทร์ที่สร้างภาพจำกับพระจันทร์ดวงใหญ่ในร้านและบรรยากาศสุดโรแมนติก แต่ที่สำคัญสุดคือคุณภาพของอาหารและรสชาติที่ตราตรึง จนวุ้นเส้นแวะไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนพนักงานในร้านต่างจำเมนูโปรดของเธอได้

“ชอบร้านนี้ ชอบสไตล์อาหารของเขา มันไม่ได้มีเป็นคอร์สอย่างเดียว ยังมีอะลาคาร์ตด้วย เราสามารถไปกับเพื่อนๆ แฮงเอาต์กันได้หลายๆ คน ถ้าเราอยากกินข้าวแล้วอร่อยชัวร์แน่นอน ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิด มาร้านนี้วุ้นว่าเป็นคำตอบที่ดี คือยอมรับเลยว่ามันไม่มีคำไหนพลาด”  

เมนูที่วุ้นเส้นสั่งกินบ่อยคือ Uni Toast หรือพักหลังที่เริ่มมีวัตถุดิบใหม่จำพวกปลาไหล เธอก็จะลองด้วยเช่นกัน แต่ที่สั่งบ่อยที่สุดคือสลัด เธอติดใจในรสชาติน้ำสลัดจนถึงขั้นขอซื้อน้ำสลัดเลยทีเดียว (แต่ทางร้านไม่มีขาย)

สีหน้าและแววตาขณะที่เธอเล่าถึงความดีงามของน้ำสลัดทำให้เราเชื่อเต็มอกว่าเธอชอบน้ำสลัดของทางร้านจริงๆ “มันเป็นน้ำสลัดญี่ปุ่นแบบน้ำใสที่ไม่เลี่ยน แล้วมันก็เข้ากับผักที่เขาเลือกมาทุกอย่าง สลัดของเขามีแต่ผักนะ ไม่ได้มีเนื้อสัตว์ ไม่ได้มีอะไรหวือหวาเลย เออ ทำไมเราต้องสั่งทุกครั้ง ก็น่าจะเป็นเพราะน้ำสลัด”  

นอกจากนี้ก็พาสต้าล็อบสเตอร์ที่สั่งประจำ รวมถึง Kinmedai ปลากะพงแดงตาโตที่อร่อยถึงขั้นที่เธอกำชับที่ร้านว่าห้ามตัดออกจากเมนู  

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00-21.30 น. 

Address: 984 ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 17 แยก 7  

Budget: สลัดเริ่มต้นที่ 390 บาท 

Tel.: 08 0939 4973

Savelberg 

อีกร้านไฟน์ไดนิ่งที่วุ้นเส้นอยากให้ทุกคนได้ลองคือ Savelberg ร้านหนึ่งดาวมิชลินที่เธอได้แวะเวียนไปตั้งแต่ยุคที่ยังอยู่ Oriental Residence Bangkok ก่อนที่จะย้ายมาปักหลักที่ซอยเย็นอากาศ 2 บังเหียนความอร่อยของร้านนี้ถูกกุมโดยเชฟระดับมิชลิน Henk Savelberg  

“เชฟเขาเป็นคนเนเธอร์แลนด์ แต่ทำอาหารออกมาเป็นสไตล์ฝรั่งเศสได้แบบลงตัว หน้าตาอาหารพี่เห็นรูปอย่างเดียวอาจจะคิดว่าจืด แต่พอกินเข้าไปทุกคำคืออร่อยหมด” 

Open: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00-22.00 น.วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00-14.00 น. และ 18.00-22.00 น.

Address: 136/1 ซอยเย็นอากาศ 2   

Budget: เริ่มต้นที่ 1,600 บาท

Tel.: 0 2252 8001

El Mercado Suan Phlu Grocery & Bistro 

นอกจากการกินอาหารนอกบ้านแล้ว บางครั้งวุ้นเส้นก็จะชอบแวะซื้อวัตถุดิบกลับไปทำกินเองที่บ้านเช่นกัน อย่าง El Mercado Suan Phlu Grocery & Bistro ที่เธอจะเลือกซื้อชีสกลับไปทำโคลด์คัตเป็นประจำ รวมไปถึงวัตถุดิบสำหรับทำไอศกรีมอีกด้วย

ใช่แล้ว เธอกำลังอยู่ในช่วงทดลองทำไอศกรีมสำหรับธุรกิจใหม่ โดยหนึ่งในนั้นคือรสน้ำมันมะกอก ซึ่งการได้แวะมาเลือกช้อปที่นี่ทำให้เธอมีโอกาสได้ลองน้ำมันมะกอกจากหลากหลายแหล่ง 

นอกจากนี้ เวลาที่อยากกินเบเกอรีอบสดใหม่แบบด่วนๆ ก็ยังสามารถซื้อได้จากที่นี่เช่นกัน

Open: ทุกวัน เวลา 08.00-22.00 น.

Address: 722 ถนนสวนพลู 

Tel.: 0 2125 3320

อันเกิม-อันก๋า

เปลี่ยนแนวจากยุโรปมาเป็นอาหารเวียดนามกันบ้าง เธอได้แวะไปอันเกิม-อันก๋าตั้งแต่สมัยที่ร้านยังมีชั้นเดียว ซึ่งใครที่จะไปช่วงนั้นก็ต้องจองล่วงหน้านานพอประมาณ แต่หลังจากที่ร้านขยายเพิ่มชั้นสองแล้วก็ไม่ต้องรอนานเท่าเดิม 

ที่นี่มีทั้งอาหารเวียดนามแบบออริจินัลและแบบฟิวชัน โดยมีวัตถุดิบเด่นเป็นซีฟู้ด และรสชาติอันจัดจ้านที่น่าจะถูกปากคนไทยไม่น้อย เป็นร้านที่เหมาะจะไปกันหลายๆ คน เพราะมีเมนูให้เลือกหลากหลายและที่สำคัญคือดูยั่วน้ำลายไปหมด  

Open: ทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.

Address: ซอยงามดูพลี สาทร 1  

Budget: เริ่มต้นที่ 200 บาท

Tel.: 0 2286 1256

ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นไก่ฉีกนางลิ้นจี่

อย่างที่บอกข้างต้นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ยึดติดกับการกินมื้อหรูติดดาวมิชลินเท่านั้น ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระนี่แหละคือคอมฟอร์ตฟู้ดชั้นดีสำหรับเธอ โดยเฉพาะมื้อดึก! 

“เวลาที่เรากลับมาจากทำงานดึกๆ ก็คือก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ สมมติงานเสร็จ 4 ทุ่ม มันจะมีอะไรเปิดอยู่แถวนี้ ไม่ได้อยากรอนาน แล้วถ้ามันไปไกลกว่านี้ก็คือโมโหหิวไปแล้ว ก็เลยลองเสิร์ชหาก๋วยเตี๋ยวไก่ดู” 

“แล้วก็มีฟู้ดดี้คนหนึ่งเขาบอกว่า ทำไมไม่ลองก๋วยเตี๋ยวไก่มะระล่ะ อยู่หน้าบ้านเลย สามารถเดินไปได้ เราก็ไม่เคยกินเลย พอสั่งมาก็กลายเป็นอาหารประจำมื้อดึกของเราเวลาก่อนนอน รสชาติดี ไม่ต้องปรุงเลย”

แม้จะเป็นการสั่งมากินที่บ้าน แต่เธอก็ยังต้องยกนิ้วให้กับความอร่อยอยู่ยงของก๋วยเตี๋ยวไก่มะระย่านนางลิ้นจี่ร้านนี้ ที่ปีนี้ก็มีอายุย่างเข้า 37 ปีแล้ว ทั้งความเข้มข้นของมะระกับไก่ มะระที่รสชาติไม่ขมเกินไป โดยเธอจะเลือกสั่งเป็นเส้นเล็กไม่ก็บะหมี่เป็นประจำ

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 15.00-23.00 น.

Address: ซอยนางลิ้นจี่ 3

Budget: เริ่มต้นที่ 40 บาท

Tel.: 08 4155 7587 

โรตีนางลิ้นจี่ 

หากแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่มะระนางลิ้นจี่แล้วจะไม่เดินไปซื้อโรตีนางลิ้นจี่ที่กลิ่นหอมฉุยใกล้ๆ ก็คงพลาด โรตีร้านนี้เปิดมานานกว่า 36 ปี 

“วุ้นว่าโรตีร้านนี้เป็นโรตีที่อร่อยที่สุดในกรุงเทพฯ จริงๆ คือเมื่อก่อนก็คิดว่าเพื่อนเวอร์ จริงเหรอ ฉันกินมาเยอะนะ ไม่เชื่อหรอก แต่ว่าพอสั่งมาแล้วมันใช่จริงๆ” 

ความอร่อยของโรตีร้านคือ เนื้อแป้งสีเขียวที่ทำจากใบเตยซึ่งแตกต่างจากโรตีทั่วไป ขณะที่ยืนชมคุณลุงหน้าร้าน ก็อดที่จะเพลินไปกับลีลาการทอดของแกไม่ได้ คุณลุงใช้ตะหลิวพลิกโรตีไปมาอย่างคล่องแคล่ว แล้วช้อนโรตีส่งต่อให้คุณป้าผู้เป็นภรรยาปรุงรสต่อ คุณป้าเองก็ปรุงรสตามที่ลูกค้าสั่งอย่างตามใจ หากอยากได้นมข้นหรือน้ำตาลฉ่ำๆ คุณป้าก็จัดให้แบบไม่ยั้ง

เมนูที่เธอสั่งเป็นประจำคือโรตีธรรมดาราดนม-น้ำตาล “พอเรามาอยู่แถวนี้ก็กลายเป็นว่าเราสั่งกินบ่อยขนาดไหนก็ได้ แล้วทุกอย่างมันร้อนกำลังดี สมมติซื้อมาให้เพื่อน 10 ชิ้น ไม่มีชิ้นไหนที่ไม่อร่อย มาตรฐานเขาเท่ากันหมด” 

แม้จะกินตอนที่ไม่ร้อนแล้วก็ยังอร่อย หากใครชอบกินไส้กล้วยรับรองได้ว่าไม่ผิดหวัง เพราะที่นี่ให้ไส้แน่นจริงๆ

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 16.00-22.30 น.

Address: ซอยนางลิ้นจี่ 3

Budget: เริ่มต้นที่ 12 บาท

Tel.: 06 5969 2803 

พิรุณลักษณ์ตามสั่ง

กะเพรา อาหารจานด่วนจานง่ายเคียงคู่คนไทยที่ร้านข้าวตามสั่งร้านไหนก็ต้องมี ทว่าพิรุณลักษณ์ ร้านเก่าแก่ที่เปิดมากว่า 27 ปี มีรสชาติกะเพราที่โดดเด่นและถูกปากจนวุ้นเส้นต้องซ้ำอยู่บ่อยๆ 

“รสชาติมันจะไม่เผ็ดมากสำหรับวุ้น กำลังดี ที่อื่นเราอาจจะไปกินกะเพราแล้วเหมือนขาดรสอะไรไปสักอย่าง แต่ร้านนี้เขาเด่นเรื่องกะเพราจริงๆ ลองไปดู เขาจะมีกะเพราทุกอย่าง”

“อีกอย่างหนึ่งที่เราชอบก็คือเขาใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ กุ้งเป็นตัว ปูเป็นชิ้นใหญ่ๆ ทุกอย่างมันดูน่ากิน สั่งมาก็ไม่ผิดหวัง” 

Open: ทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.

Address: ซอยสาธุประดิษฐ์ 16

Budget: กะเพราราดข้าว เริ่มต้นที่ 60 บาท

Tel.: 08 1314 3310

ข้าวต้มปลากิมโป้

หากเอ่ยถึงข้าวต้มปลาเจ้าดัง เชื่อว่าใครหลายคนคงต้องนึกถึงข้าวต้มปลากิมโป้เป็นอันดับแรกๆ การันตีความอร่อยกับรางวัลมิชลิน ไกด์ 5 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2018 และยังสร้างภาพจำด้วยปลาเก๋าตัวยักษ์ที่แขวนอยู่หน้าร้าน แต่บางครั้งก็จะไม่มีโชว์เพราะขายหมดไว 

หากให้นับอายุตั้งแต่ร้านยังขายอยู่ฝั่งตรงข้าม สมัยยังไม่มีโรงแรม Chatrium Hotel Riverside Bangkok และที่ปัจจุบันบริเวณหัวมุมตรอกจันทน์ รวมอายุได้เบ็ดเสร็จกว่า 70 ปีเลยทีเดียว

“วุ้นชอบข้าวต้มปลาร้านกิมโป้มาก” ประโยคแรกที่วุ้นเส้นกล่าวอย่างตื่นเต้นเมื่อพูดถึงร้านข้าวต้มสุดโปรด 

เธอเริ่มรู้จักร้านนี้เพราะมีเพื่อนบ้านพูดถึงและสั่งบ่อยมาก จนเริ่มเอะใจว่าทำไมเขาไม่รู้สึกเบื่อ แต่พอได้ลองด้วยตัวเองก็เลยเข้าใจ

“มันมีปลาหลายชนิดมาก เริ่มจากเราสั่ง Grab มาก่อน จนเราเริ่มอยากไปกินที่ร้าน

ซึ่งร้านเขาก็ดีมากนะ สะอาด อาหารมีให้เลือกเยอะ คิดว่ากินที่ร้านอร่อยกว่าอยู่แล้ว แต่ว่าก็ไม่ต่างจาก Grab มาก”

เมนูที่เธอสั่งบ่อยที่สุดคือยำปลาเต๋าเต้ย แล้วสั่งข้าวต้มเปล่าอีกชามมากินด้วยกัน เพราะเธอชอบกินแบบรสชาติแซ่บเน้นๆ

จากที่เราได้ลองตามรอยแล้ว ก็ต้องยอมจริงๆ ว่ายำปลาเต๋าเต้ยคือแซ่บและสด อร่อยสมคำร่ำลือ

Open: ทุกวัน เวลา 16.30-23.00 น.

Address: ถนนเจริญกรุง 73 สามแยกปากตรอกจันทน์

Budget: เริ่มต้นที่ 100 บาท

Tel.: 06 4195 6665

The post 4 HOURS LIFE with ‘Woonsen’ พาป้ายยาร้านไฟน์ไดนิ่ง-สตรีทฟู้ดย่านถนนจันทน์-นางลิ้นจี่ appeared first on THE STANDARD.

อย่างที่พอจะรู้กันว่าละครเรื่อง แค้น ทางช่อง 3 สร้างจากบทประพันธ์เรื่อง พรหมจารีสีดำ ของชลาลัย ที่เคยถูกนำมาสร้างทั้งในเวอร์ชันละครและภาพยนตร์ แต่ดูเหมือนในเวอร์ชันล่าสุดทางผู้จัดตั้งใจปรับปรุงให้ทันสมัย และใส่มิติตัวละครเข้าไป ซึ่งไม่มีอะไรเหมาะสมไปกว่าชื่อ ‘แค้น’ อย่างที่ตั้งใหม่เอาไว้เลย 

ถ้าหากย้อนกลับไปที่บทประพันธ์ พรหมจารีสีดำ คือเรื่องราวของ เหมือนแพร เด็กสาววัยรุ่นที่เผลอใจไปมีรักกับ อรรณพ หนุ่มรุ่นใหญ่จอมเจ้าชู้ จนถึงขั้นหมั้นหมาย แต่สุดท้ายอรรณพกลับหักหลังด้วยการไปคว้า ปรางทอง น้าสาวของเธอมาเป็นภรรยา จนเหมือนแพรพยายามฆ่าตัวตาย และต้องหนีไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ แล้วกลับมาล้างแค้นในอีกหลายปีต่อมา 

ในขณะที่โลกปัจจุบันประเด็นเรื่องการ ‘แย่งผู้ชาย’ คงไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้ผู้หญิงยุคนี้อินได้อีกต่อไป แต่มันต้องเป็นการทำลายชีวิตกันและกันอย่างมีเหตุมีผล ความแค้นระหว่างเหมือนแพรและปรางทองในเวอร์ชันนี้จึงเป็นผลจากการกระทำจากรุ่นสู่รุ่น

เริ่มกันที่พื้นฐานของตัวละคร ปรางทอง (แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) ที่ก้าวเข้ามาในบ้านพิพัฒน์ผลในฐานะลูกติดของเมียน้อยของพ่อปิ่นมณี (วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์) หลังจากแม่ของปิ่นมณีตายไปหมาดๆ ทำให้ปิ่นมณีเกลียดทั้งปรางทองและแม่ของเธอจนจัดให้อยู่ในสถานภาพหัวหน้าแม่บ้าน พอมีเหมือนแพร แม่ของปรางทองก็ทุ่มเทความรักให้เหมือนแพร นั่นคือดอกแรกที่เธอถูกแย่งความรักไป แล้วพอแม่ตายก็ไม่ได้สมบัติอะไร และต้องกลายเป็นคนรับใช้ในบ้านเต็มรูปแบบ เธอตกเป็นเบี้ยล่างของปิ่นมณีแบบไร้ทางสู้ ยิ่งเมื่อมีคนรักคืออรรณพ ก็ถูกแย่งความรักไปอีกครั้ง ทำให้ปรางทองยิ่งแค้นเหมือนแพร ผนวกกับการถูกกดขี่ข่มเหงจึงอยากจะแย่งทุกอย่าง ทั้งๆ ที่สมบัติเหล่านั้นพ่อและแม่ของปิ่นมณีเป็นผู้สร้างขึ้นมา 

ในขณะที่เหมือนแพร (แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์) เวอร์ชันนี้คือเด็กสาววัย 17 ปี อ่อนต่อโลก และหลงกลโกงของคนที่เคยเชื่อใจที่สุดอย่างปรางทองและอรรณพ แตกต่างจากเวอร์ชันเดิมที่เป็นเด็กมุทะลุ เอาแต่ใจ และความเจ็บปวดไม่ได้ทิ้งไว้แค่รอยแผลจากการฆ่าตัวตาย แต่เป็นอาการทางจิตเวชที่ติดตัวมา แล้วไหนจะปมเรื่องน้องสาวอีก ยิ่งทำให้ความแค้นฝังลึกรอวันเอาคืน 

การขับเคี่ยวกันระหว่างผู้หญิงสองคนจึงไม่ใช่แค่การถลึงตาใส่กัน (แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าแอฟเน้นถลึงตา แต่ด้วยกายภาพของแอฟที่ตาโตอยู่แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลก) แต่สื่อสารผ่านสายตาด้วยอารมณ์ความรู้สึก โดยเฉพาะแต้วที่ตัดสลับสายตาของลูกกวางน้อยในวัยเด็กกับเหมือนแพรที่ดุดันพร้อมจะเอาคืนในปัจจุบันได้ดีทีเดียว 

ความสนุกของ แค้น ยังรวมถึงการแก้เกมกันไปมา โดยที่ปรางทองถือไพ่เหนือกว่าในทุกประตู ทำให้เหมือนแพรไม่ต่างจากปรางทองที่ไร้ทางสู้ปิ่นมณีเมื่อครั้งที่เธอยังเด็ก รวมถึงการเกือบจะเข้าเส้นชัยในหลายๆ ครั้งของเหมือนแพร แต่ก็ถูกแก้เกมได้ตลอดและกลับไปอ่อนแอเหมือนเดิม ตรงจุดนี้เป็นหัวเชื้อสั่งสมความแค้นที่น่าสนใจ คอยบีบให้เหมือนแพรเลือกจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามทั้งที่มีบางจังหวะที่ไม่อยากทำ นั่นคือ เก่งกาจ (แซม-พฤฒิชัย รวยฟูพันธ์)

คาแรกเตอร์ของเก่งกาจในเวอร์ชันนี้ถอดแบบมาจากเหมือนแพรตอนเด็ก นั่นคือเด็กหนุ่มใสซื่อ อ่อนต่อโลก และเหมือนผู้สร้างก็ตั้งใจให้เขาอยู่ในวัยเดียวกับเหมือนแพรเมื่อครั้งที่ถูกหลอกตอนวัยรุ่น ซึ่งน่าจะเป็นการเน้นย้ำถึงกงกรรมที่วนลูปมาที่จุดเดิม เพียงแต่เปลี่ยนผู้กระทำ และก็แทบไม่ต่างกัน เพียงแต่ความเลวร้ายไม่เท่ากันเท่านั้นเอง

หลายเสียงวิจารณ์เรื่องความไม่เหมาะสมในบางฉากระหว่างเหมือนแพรและเก่งกาจในเรื่อง เช่น พฤติกรรมยั่วเพศ หรือการกระทำต่อบุคคลที่เปรียบเสมือนญาติ แต่สำหรับผู้เขียน หากมองในมุมกลับสิ่งเหล่านี้ก็เคยเกิดขึ้นกับเหมือนแพรเหมือนกัน หนำซ้ำยังคิดว่าประเด็นนี้ช่วยสนับสนุเนื้อหาได้ดีด้วย เพราะการล้างแค้นไม่ได้มีแต่เรื่องที่สนุก แต่ความสะใจมักมาพร้อมกับความกระอักกระอ่วนเสมอ

ประเด็นเรื่องความแค้นยังไม่จบอยู่แค่ตัวละครหญิงหลักทั้งสองคน แต่กำลังจะเกิดขึ้นกับ พิธาน (นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ) ที่ในเรื่องพยายามจะเน้นย้ำจากคำพูดของปรางทองในแทบทุกตอนว่าเขากำลังจะถูกหลอก ซึ่งก็พอจะเดาได้ว่าในท้ายที่สุดผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือในเวอร์ชันนี้การสะสางความแค้นจะเป็นแบบในเวอร์ชันเดิมหรือไม่ ในยุคที่การปู้ยี่ปู้ยำ ล่วงละเมิดผู้หญิง เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นบนหน้าจอทีวีอีกต่อไป ตรงจุดนี้ก็ต้องลุ้นกันว่า เมื่อ ‘แค้น’ ปูทางมาสมัยใหม่ขนาดนี้จะมีทางลงที่ออกมาดูดีมากน้อยแค่ไหนโดยไม่ให้เสียอรรถรสของบทประพันธ์เดิม  

นอกจากบทโทรทัศน์ที่ถูกปรับให้ร่วมสมัย สิ่งที่น่าชื่นชมอีกอย่างก็คืองานด้านภาพและการจัดองค์ประกอบที่ทำออกมาได้สวย มีกลิ่นอายซีรีส์เกาหลี ขณะเดียวกันก็มีกลิ่นของละครอินเดียด้วยจังหวะ ‘ซูม 3 เด้ง’ ในอีพีแรกๆ จนไม่รู้ว่าอยากทำให้คนดูอึ้ง ทึ่ง ตกใจ อะไรนักหนา และความต่อเนื่องในบางฉากยังดูโดดๆ อยู่บ้าง แต่โดยภาพรวม แค้น คือละครรสแซ่บ ชวนติดตาม และน่าสนใจสำหรับละครล็อตใหม่ในช่วงนี้

The post ‘แค้น’ วงเวียนชีวิตเมื่อผลกรรมทำงาน appeared first on THE STANDARD.

THE STANDARD Daily ประจำวันที่ 28 มกราคม 2563  เวลา 20.00 น. 

• THE STANDARD Daily พาไปอัปเดตข่าวสารไวรัสโคโรนากับผลกระทบในภาคเศรษฐกิจของไทย และพูดคุยสดๆ กับสาวสุดเซ็กซี่ของวงการ วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์ พร้อมเปิดตัวตนและมุมมองการทำธุรกิจของเธอ

สามารถติดตาม THE STANDARD Daily ได้เป็นประจำทุกวันจันทร์–ศุกร์ เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ที่ Facebook Live และ Youtube Live ของ thestandardth

The post วุ้นเส้น-วิริฒิพา พร้อมเปิดตัวตนและมุมมองการทำธุรกิจของเธอ – THE STANDARD Daily 28 มกราคม 2563 appeared first on THE STANDARD.

หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก เวลาว่าผ่านไปเร็วแล้ว แฟชั่นนั้นผ่านไปเร็วกว่า ในปี 2018 มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย คอลเล็กชันใหม่ๆ ออกมาให้อัปเดตกันแทบไม่ทัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากปี 2018 ก็คือ วงการแฟชั่นไทยยังคงมีคนคุณภาพที่คอยสร้างผลงานดีๆ และเราหวังว่าวงการแฟชั่นไทยจะก้าวต่อไป สร้างชื่อและผลงานให้ได้รู้จักกันไปในวงกว้าง

10 Years Asava

08.08.08 คือวันที่ หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้ง ได้ก่อตั้งแบรนด์ Asava ขึ้นมา ถึงปีนี้ก็ครบ 10 ปีพอดี ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่ หมู พลพัฒน์ เริ่มเข้ามาเป็นที่รู้จักมากขึ้นในบทบาทคนหน้ากล้อง จากการรับหน้าที่เมนเทอร์ #TeamMoo ในรายการ The Face Men Thailand เราต้องยอมรับว่า หมู พลพัฒน์ ไม่ได้มีดีแค่เรื่องของการดีไซน์เสื้อผ้าเพียงอย่างเดียว เขายังมีความสามารถในการทำโชว์ มองรูปแบบของรายการออก ชนะแคมเปญในซีซันแรกไปถึง 4 ครั้ง จากครั้งหมด 8 ครั้ง และถึงแม้ลูกทีมหมู Asava จะไม่ได้เป็นผู้ชนะเลิศ แต่ลูกทีมหลายคนก็ได้โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงอย่าง เติร์ด, แซม หรือแบงค์

รวมถึงซีซันที่สอง The Face Men Thailand หมู Asava ก็ได้กลับมาสร้างชื่อและความสนุกสนานอีกครั้ง ด้วยการสร้างผลงานดีตลอดทั้งรายการ จนทำให้สัปดาห์สุดท้ายจึงมี 2 คนของทีม คิมและป๊อปปี้ ได้เข้าสู่รอบไฟนอลวอล์ก

ส่วนที่สร้างกระแสแห่งปี หนีไม่พ้นงานครบรอบ 10 ปีแบรนด์ Asava ‘Asava 10th Anniversary’ ที่เซเลบริตี้มากมาย ที่เรียกได้ว่าเป็นเหมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Asava มาร่วมชมโชว์คอลเล็กชัน 10 ปีของ Asava ที่มีชื่อว่า Solitude (ความสันโดษ) ซึ่งมีทั้งสิ้น 11 ชุด ออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อผู้หญิง Asava โดยเฉพาะ รวมถึงการโชว์แสดงผลงานตลอด 10 ปีที่ผ่านมาของ Asava ให้ได้ชม พร้อมกับการฉายภาพยนตร์สั้น 080808 Faithfully yours ที่ร่วมมือกับผู้กำกับ เป็นเอก รัตนเรือง ถ่ายทอดเรื่องราวของความซื่อสัตย์และสร้างศรัทธาในตัวเอง นำแสดงโดย บี น้ำทิพย์

“คอลเล็กชัน 10 ปีของ Asava ครั้งนี้ใช้ชื่อว่า Solitude หรือความสันโดษ พี่เชื่อว่าคนที่จะคิดเป็นต้องอยู่กับตัวเองเป็น ต้องมีสติในการใช้ชีวิต ต้องอยู่กับตัวเองให้ได้ ต้องมีความสันโดษประมาณหนึ่ง เพื่อที่จะปิดเสียงรอบข้าง ปิดตา แล้วก็เอาสิ่งที่เห็น สิ่งที่ฟัง มาย่อยในตัวเรา เพื่อที่จะกลั่นกรองออกมาว่า สุดท้ายแล้วเราอยากจะอยู่ในโลกนี้อย่างไร” หมู พลพัฒน์ ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD

อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่ thestandard.co/polpat-asavaprapha-of-asava

และนับว่าเป็นปีที่ 4 แล้วที่ หมู พลพัฒน์ ได้รับเชิญให้ได้ออกแบบชุดราตรีให้ Miss Universe Thailand และปีนี้ Asava ได้ออกแบบชุดให้ นิ้ง-โศภิดา กาญจนรินทร์ สำหรับการประกวด Miss Universe 2018 โดยได้แรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เพื่อให้เหมาะสมกับรูปร่างของ นิ้ง โศภิดา ที่สุด โดยมาในชุดสีแดงสดปักคริสตัลจาก Swarovski รับกับผิวของนิ้งได้เป็นอย่างดี พร้อมดีไซน์ที่ยังคงการโชว์สัดส่วนของผู้ที่สวมใส่ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

หมู พลพัฒน์ ยังคงขับเคลื่อน Asava Group อย่างต่อเนื่อง ทั้งการแตกไลน์ ASV อีกทั้งยังมีการออกแบบชุดยูนิฟอร์มให้กับองค์กรต่างๆ รวมไปถึงต่อยอดจากงานแฟชั่นกับกิจการร้านอาหาร Sava Dining ที่ได้แรงบันดาลใจจากคอมฟอร์ตฟู้ดของที่บ้าน นำมาผสมผสานให้ออกมาเป็นเมนูประจำร้านที่ใครต่อใครก็ติดใจไปตามๆ กัน

12 Years Poem

จากร้านตัดเสื้อของแม่ มาจนถึงห้องเสื้อหรู Poem ของ ฌอน-ชวนล ไคสิริ ก็มีอายุครบ 12 ปี ในปี 2018 ในการเดินทางอยู่บนถนนสายแฟชั่นไทย จากเด็กที่ทำเสื้อผ้าในละครคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนได้ค้นพบความชอบทางใหม่ กลายเป็นดีไซเนอร์และผู้ออกแบบชุดสุดคลาสสิกตลอดกาล

เอกลักษณ์ของ Poem ที่ไม่มีใครเหมือนคือ ความแข็งแรงของโครงชุดที่ถูกดีเทลของความอ่อนหวานทับไว้ คอยสร้างซิลูเอตให้ผู้สวมใส่ได้มีความสุขทุกครั้งเมื่อมองเห็นรูปร่างที่เพอร์เฟกต์ของตัวเอง โดย Poem ได้ออกคอลเล็กชันครบรอบ 12 ปี ชื่อ ‘Tale of The Luminaries’ นิทานพระจันทร์: วัฏจักรแห่งแสงและอารมณ์ผู้หญิง แฟชั่นคอลเล็กชันแห่งปี ซึ่งเกิดจากฌอนมองเห็นถึงแกนลึกสุดของความเป็น Poem ว่า นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงและจักรวาล โดยมีมิวส์ของแบรนด์อย่าง สู่ขวัญ บูลกุล, สาวิตรี โรจนพฤกษ์ และ วรัทยา นิลคูหา ที่มักจะสวมใส่ชุดของแบรนด์ถ่ายภาพลงอินสตาแกรมให้สาวๆ คนอื่นอิจฉาอยู่เป็นประจำ

และที่กลายเป็นมากกว่าแบรนด์เสื้อ คือการขยายโชว์รูมที่เกษรพลาซ่า เพิ่มบริการช่างเสื้อมืออาชีพในการวัดตัว ตัดชุด ฟิตติ้งชุด รวมถึงให้คำแนะนำอันน่าประทับใจ ซึ่งบรรดาเดรสเมกเกอร์ทุกคนจะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกจากร้านด้วยความรู้สึกมั่นใจจากชุดที่เข้ารูปและส่งเสริมรูปร่างให้ดูดียิ่งขึ้นในแบบที่ไม่เหมือนใคร

This Is Me Vatanika

จากแฟชั่นก้าวข้ามสู่แพลตฟอร์มรายการยูทูบ หลังจากที่สร้างแบรนด์ Vatanika จนโด่งดัง เหล่าเซเลบริตี้ทั้งไทยและต่างประเทศเป็นที่รู้จักมายาวนาน เราเชื่อว่าโดยส่วนตัวของ แพร วทานิกา เอง ก็เป็นอีกหนึ่งในเซเลบริตี้ที่มีคนติดตามทางอินสตาแกรมจำนวนไม่น้อย ดูได้จากฟอลโลเวอร์เกือบ 800,000 คน ซึ่งฐานแฟนเหนียวแน่นอาจเป็นหนึ่งแรงส่งที่ทำให้ แพร วทานิกา สร้างสรรค์รายการที่เปิดเผยเบื้องหลังชีวิตของเธอทุกด้าน ทั้งมุมสวยหรู มุมอารมณ์ มุมร้ายๆ จนทำให้เกิดกระแสและมีมมากมายให้คนโซเชียลใช้เล่นกัน

รายการ This Is Me Vatanika ออนแอร์ทางยูทูบแชนแนล โดยเฉลี่ยแต่ละอีพีมีคนเข้าชมไม่ต่ำกว่า 7 แสนวิว โดยอีพีแรกมียอดวิวพุ่งสูงถึง 3.3 ล้านวิว พร้อมทั้งยังมีตอนพิเศษในการสอนแต่งหน้าตามฉบับของ แพร วทานิกา หรือจะจัด Challenge สำหรับแฟนๆ ได้ลองส่งคลิปสั้นๆ ที่ทำล้อกับวิดีโอของตัวเอง นับว่าเป็นเส้นทางใหม่ที่ไทยดีไซเนอร์คนไหนก็ยังไม่เคยทำ เป็นการก้าวข้ามจากแฟชั่นมาสู่แพลตฟอร์มวิดีโอ

อ่านบทความ This Is Me Vatanika รายการเรียลิตี้โชว์ของ แพร วทานิกา ที่เป็นมากกว่ากระแส #สาจ๋า ได้ที่ thestandard.co/this-is-me-vatanika

https://www.youtube.com/watch?v=bkuZviLEaXE

International Events

ทุกวันนี้แบรนด์แฟชั่นเมืองนอกต่างให้ความสนใจกับเซเลบริตี้และดาราไทยไม่น้อย ทั้งมีการเชิญไปออกงาน เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ หรือถึงขั้นให้ร่วมเดินในแฟชั่นโชว์ นับว่าเป็นทิศทางที่ดี เพราะถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ต่างชาติได้รู้จักเราไปอีกขั้นหนึ่ง

Cannes Film Festival

ถูกพูดถึงทุกปีเมื่อมีงานประกาศ Cannes Film Festival สำหรับ ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต แทบจะเรียกว่าเธอเป็นตัวแทนประเทศไทยเลยก็ว่าได้ เนื่องจาก ชมพู่ อารยา ตัวแทนของ L’Oréal Paris ประเทศไทย เหยียบพรมแดงเมื่อไร ก็จะมีกระแสตามมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องชุด หน้า ผม ให้เป็นประเด็นสำหรับคนไทยได้พูดถึงกันอยู่เสมอ และในปีนี้ก็ยังมีนางเอกสาว ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก ที่ไปเดินให้กับแบรนด์ de Grisogono แบรนด์เครื่องประดับชื่อดังของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ 3 สาว เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ, วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์ และ โยเกิร์ต-ณัฐฐชาช์ บุญประชม ได้ร่วมตบเท้าเข้าร่วมงานครั้งนี้ ด้วยการเป็นตัวแทนจากแบรนด์ลักชัวรีแชมเปญเฮาส์ฝรั่งเศส Piper-Heidsieck พร้อมสวมชุดจากไทยดีไซเนอร์อีกด้วย

Golden Globe Awards

น้อยนักจะได้เห็นดาราไทยออกสื่อในงาน Golden Globe Awards ในปี 2018 ปู ไปรยา ได้ไปร่วมเดินโชว์ตัวบนพรมแดงให้กับแบรนด์เครื่องประดับ Chopard ด้วยชุดจากแบรนด์ Alexandre Vauthier

Chanel

มาถึงแบรนด์ระดับตำนานอย่าง Chanel ที่ปีล่าสุดได้สนับสนุนนางเอกหน้าใหม่อย่าง ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง โดยให้เธอเป็น Friend of House ประจำประเทศไทย โดยเธอจะได้ไปดูโชว์ของ Chanel ในหลายๆ ครั้ง รวมถึงโชว์ Chanel Cruise 2018/2019 ในประเทศไทย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Chanel ได้ที่ thestandard.co/chanel

Dolce & Gabbana

เป็นอีกแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับเหล่าเซเลบริตี้ไทย ก่อนหน้านี้ ปู ไปรยา ก็เคยได้รับเชิญไปเดินแฟชั่นโชว์ให้กับแบรนด์ด้วย ส่วนในปีนี้ มาริโอ้ เมาเร่อ และ ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ ได้รับเชิญให้ไปเดินแฟชั่นโชว์คอลเล็กชัน Spring/Summer 2018 ไกลถึงนครมิลาน ประเทศอิตาลี ในเดือนกันยายน และเนื่องจากกระแสตอบรับดี ทั้งคู่จึงถูกทาบทามเชิญให้ไปร่วมเดินโชว์อีกครั้งที่เซี่ยงไฮ้ แต่โปรเจกต์นี้ไม่เกิดขึ้น เพราะปัญหาที่ทางแบรนด์โดนถล่มทางออนไลน์เรื่องการเหยียดเชื้อชาติ ทำให้ต้องล้มเลิกโชว์กะทันหัน

อ่านเพิ่มเติมเรื่อง Dolce & Gabbana ได้ที่ thestandard.co/dolce-gabbana-cancel-china-show-amid-racism-outcry

Louis Vuitton

เป็นอีกแบรนด์ที่ดึงเอานางเอกแถวหน้าของประเทศไทยอย่าง ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ มาเป็น Friend of Louis Vuitton โดยเธอได้รับเชิญให้ไปนั่งเป็นฟรอนต์โรว์มากมายของแบรนด์ในปีที่ผ่านมา จึงทำให้เธอถูกสื่อและนิตยสารหัวนอกมากมายสนใจ อย่างการได้เป็น 11 It Girl สาวที่น่าจับตามองอย่างมากแห่งโลกแฟชั่น โดย Elle Australia หรือจะเป็น 1 ใน 10 Best Dress of the Week จากนิตยสาร Style Magazine อีกทั้งยังถูกพูดถึงในนิตยสาร Vogue US ว่าเธอมีสไตล์ที่ดี เลือกแมตช์ชุดได้ดูสวยและลงตัว ส่วนที่ฮือฮาที่สุดก็เมื่อ Business of Fashion (BoF) ลิสต์บุคคลสำคัญผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่นโลก BoF 500 ของปี 2018 และมี ญาญ่า อุรัสยา เป็นหนึ่งในนั้น โดยถูกจัดอยู่ในสาขาผู้ขับเคลื่อนวงการแฟชั่นในฐานะ Models & Muses และเป็น Friend of Louis Vuitton

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post เกิดอะไรขึ้นบ้างในวงการแฟชั่นไทยปี 2018 appeared first on THE STANDARD.

ลิซ่า BLACKPINK แซง อั้ม พัชราภา ขึ้นอันดับหนึ่งซูเปอร์สตาร์ที่มียอด IG Followers สูงที่สุดในประเทศไทย  

วันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ลิซ่าที่เพิ่งเปิดแอ็กเคานต์อินสตาแกรมได้เพียง 4 เดือน ก็สามารถทำยอด Followers ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 แซงรุ่นพี่ แบมแบม GOT7 โดยตามหลังอันดับหนึ่งอย่างอั้ม พัชราภา อยู่ประมาณ 1.2 ล้าน Followers

ล่าสุดวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 (อัปเดตเวลา 14.00 น.) พบว่า ลิซ่าที่มีอัตราการเติบโตของยอด Followers อยู่ที่ประมาณวันละ 30,000-40,000 Followers ก็สามารถขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยจำนวน 9,758,030 Followers  แทนคุณแม่ที่มียอดอยู่ที่ 9,756,623 Followers ได้เป็นที่เรียบร้อย

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ลิซ่ามียอดผู้ติดตามมากขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะฐานแฟนคลับที่กว้างกว่า ทั้งคนไทย คนเกาหลี และคนต่างชาติ ผิดกับอั้ม พัชราภา ที่เสียเปรียบ เพราะยอด Followers มาจากแอ็กเคานต์ที่เป็นของคนไทยแทบทั้งหมด

แต่อย่างไรก็ตาม การเติบโตของลิซ่าในฐานะศิลปินเกาหลีสัญชาติไทย ที่กำลังมีผู้ติดตามในระดับโลกมากขึ้นแบบก้าวกระโดด น่าสนใจว่าเธอจะทำลายสถิติอะไรต่อไปอีกบ้าง ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์สะท้อนความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในวงการบันเทิงได้อย่างสนใจ

ส่วนอันดับผู้ติดตามคนอื่นๆ ยังคงเหมือนเดิม ยกเว้นอันดับ 10 ที่ มาร์กี้-ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์ เพิ่งขึ้นมาแซง คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ

ภาพประกอบ: Pichamon W.

The post 10 อันดับซูเปอร์สตาร์ไทยที่มียอด IG Followers สูงที่สุด appeared first on THE STANDARD.

มาแรงแบบสุดๆ ทั้งผลงาน และในอินสตาแกรม สำหรับสาวน้อยมหัศจรรย์ ลิซ่า BLACKPINK ที่กำลังทำยอด Followers แบบก้าวกระโดด จนแซง แบมแบม GOT7 ขึ้นมาอยู่ในลิสต์อันดับสอง ของดาราที่มียอด Followers มากที่สุดในประเทศไทย เป็นรองเพียงแค่ อั้ม-พัชราภา ที่ครองอันดับ 1 ยาวนานเพียงคนเดียวเท่านั้น

ความน่าสนใจคือ บัลลังก์ของ ‘แม่’ อาจเริ่มสั่นคลอน ถ้ามองจากสถิติการเติบโตของลิซ่าจากฐานแฟนคลับที่ไม่ได้มีแค่ในประเทศไทย ทำให้ในช่วง 31 วันของเดือนสิงหาคม เธอมียอด Followers เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านคน และจนถึงวันที่ 27 กันยายน ยอด Followers ก็เพิ่มขึ้นไปอีก 900,000 คน ในขณะที่ยอดของ Followers ของอั้มเพิ่มมาเพียง 94,000 คนเท่านั้น

แถมยอดไลก์ในแต่ละรูปที่ลิซ่าลง ยังมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านไลก์ต่อโพสต์ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าเราอาจเห็นเธอขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งภายในสิ้นปีนี้ก็ได้

ภาพประกอบ: Pichamon W.

The post 10 อันดับซูเปอร์สตาร์ที่มียอด Followers สูงที่สุด appeared first on THE STANDARD.

สำหรับความคืบหน้ากรณีทลายเครือข่ายบริษัท เมจิก สกิน จำกัด ในวันนี้ (25 เม.ย.) ตำรวจได้นำกำลังบุกค้นโรงงานที่มีการจดแจ้งกับทาง อย. เพิ่มเติม เมื่อตรวจค้นพบว่าบ้านเลขที่ 55/134 หมู่ที่ 1 อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เป็นเพียงที่พักอาศัยเท่านั้น ไม่ได้เปิดเป็นโรงงานเพื่อผลิตตามที่ได้จดแจ้งไว้ รวมทั้งยังเป็นสถานที่ส่งเอกสารต่างๆ ทั้งคำเตือนจากทาง อย. รวมถึงหมายศาล ซึ่งตำรวจจะเรียกคนในบ้าน และเจ้าของบ้านมาทำการสอบสวนอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการชี้ชัดความผิด

ขณะที่เมื่อวานนี้มีการตรวจค้นโรงงานพีโอเอส คอสเมติกส์ (ไทยแลนด์) ที่รับผลิตเครื่องสำอางครบวงจรในเครือข่ายบริษัท เมจิก สกิน บริเวณอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยโรงงานดังกล่าวเป็น 1 ใน 5 โรงงานที่จดทะเบียนในชื่อของ นายกสิทธิ์ วรชิงตัน หรือหญิงย้วย หนึ่งในผู้ต้องหาที่มีการจับกุมไปก่อนหน้านี้ ภายหลังการตรวจค้นพบว่าโรงงานดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตการจัดตั้งโรงงาน ขณะที่พื้นที่ตั้งที่ขออนุญาตจดประกอบกิจการเป็นที่รกร้าง มีการใช้อุปกรณ์การผลิตไม่ตรงกับภาพที่ใช้โฆษณา เข้าข่ายการหลอกลวงและฉ้อโกงประชาชน ซึ่งตำรวจได้นำของกลางที่พบในโรงงานทั้งหมดไปตรวจสอบว่ามีสารเคมีที่เป็นอันตรายหรือไม่แล้ว

ด้านความคืบหน้ากรณีดารา นักแสดง เน็ตไอดอลที่รับรีวิวสินค้าของเมจิก สกิน เบื้องต้นจะมีการออกหมายเรียก 7 คน โดยแต่ละคนมีพฤติการณ์เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในเครือบริษัท เมจิก สกิน จำกัด ประกอบไปด้วย 1. ลีเดีย-ศรัณย์รัชต์ ดีน 2. แพทตี้-อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา 3. มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล 4. ไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา 5. วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์ 6. พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน และ 7. ม้า-อรนภา กฤษฎี

โดยตำรวจจะทำการสอบสวนและพิจารณาใน 3 ข้อหาคือ พ.ร.บ. เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 มาตรา 41 การโฆษณาเครื่องสำอางต้องไม่ใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค หรือใช้ข้อความที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมส่วนรวม มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท พ.ร.บ. อาหารและยา พ.ศ. 2522 มาตรา 40 ผู้ใดโฆษณาคุณประโยชน์สุขภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ เป็นการหลอกลวงให้หลงเชื่อโดยไม่สมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งมาตรา 41 โฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพหรือสรรพคุณ เพื่อประโยชน์ทางการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

อ้างอิง:

• www.komchadluek.net/news/crime/322930
• www.thairath.co.th/content/1264644

The post บุกโรงงานเมจิก สกินเพิ่ม พบเป็นที่อยู่อาศัย ไม่มีโรงงาน เตรียมออกหมายเรียก 7 ดาราเข้าข่ายเป็นพรีเซนเตอร์มาสอบสวน appeared first on THE STANDARD.