วีซ่าพำนักระยะยาว (LTR Visa) – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 19 Sep 2023 09:38:58 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ไม่เป็นรองสิงคโปร์! 1 ปี ‘LTR Visa’ ไทยดึงดูดชาวต่างชาติผู้มีความมั่งคั่ง-ทักษะสูงแตะ 5,000 คน รั้งอันดับ 6 ประเทศที่ต่างชาติมาทำงานมากสุดในโลก https://thestandard.co/ltr-visa-2/ Tue, 19 Sep 2023 09:38:58 +0000 https://thestandard.co/?p=843454 LTR Visa

กระแสย้ายฐานการลงทุนทั่วโลกเคลื่อนมายังภูมิภาคเอเชีย โด […]

The post ไม่เป็นรองสิงคโปร์! 1 ปี ‘LTR Visa’ ไทยดึงดูดชาวต่างชาติผู้มีความมั่งคั่ง-ทักษะสูงแตะ 5,000 คน รั้งอันดับ 6 ประเทศที่ต่างชาติมาทำงานมากสุดในโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
LTR Visa

กระแสย้ายฐานการลงทุนทั่วโลกเคลื่อนมายังภูมิภาคเอเชีย โดยสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ต่างผลักดันมาตรการวีซ่าระยะยาวเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ เผยไทยไม่เป็นรองเพื่อนบ้าน ข้อมูลระบุ 1 ปี ‘LTR Visa’ หรือวีซ่าพำนักระยะยาว ดึงดูดชาวต่างชาติกลุ่มใหม่มาไทยแตะ 5,000 ราย โดยมีชาวยุโรป อเมริกัน และจีน ยื่นขอสูงสุดตามลำดับ ชี้ผู้เกษียณอายุที่มีบำนาญเป็นกลุ่มใหญ่ยื่นเข้ามามากที่สุดถึงร้อยละ 30

นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ออกวีซ่าประเภทใหม่ ได้แก่ วีซ่าพำนักระยะยาว หรือ Long-Term Resident Visa (LTR Visa) ที่บีโอไอเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการให้บริการ ซึ่งนอกจากจะช่วยดึงดูดชาวต่างชาติกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพสูง ยังสนับสนุนให้เกิดการตั้งฐานธุรกิจและลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจใหม่

 

ซึ่งปัจจุบันประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ต่างผลักดันมาตรการวีซ่าระยะยาวเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพ เช่น ชาวต่างชาติที่มีทักษะสูง ผู้เกษียณอายุชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ  

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

สำหรับ LTR Visa ของไทย มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดผู้พำนักชาวต่างชาติกลุ่มใหม่ที่มีศักยภาพสูง ทั้งด้านทักษะและความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผู้ที่มีความมั่งคั่ง รวมไปถึงกลุ่มคนที่ต้องการทำงานจากที่ใดก็ได้ในโลก

 

เนื่องจากไทยเป็นจุดหมายสำคัญของนักเดินทางท่องเที่ยวและผู้ที่เดินทางเพื่อการทำงานจากทั่วโลก การให้ LTR Visa จะช่วยดึงดูดผู้ที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญพิเศษ เกิดการลงทุนและตั้งฐานธุรกิจใหม่ๆ ที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยไปสู่ประเทศที่ใช้ฐานเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 

 

ยุโรปและสหรัฐอเมริกายื่นขอ LTR Visa มากสุด 

 

นฤตม์ระบุว่า หลังเปิดตัว LTR Visa อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2022 โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา (1 กันยายน 2022 – 31 สิงหาคม 2023) มีผู้ยื่นขอ LTR Visa รวม 4,842 ราย โดยชาวต่างชาติ 3 อันดับแรก ได้แก่ ยุโรป 2,179 ราย อเมริกัน 810 ราย และจีน 507 ราย 

 

แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้ 

  • ผู้เกษียณอายุที่มีบำนาญหรือรายได้อื่นๆ ไม่น้อยกว่า 80,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี จำนวน 1,451 ราย คิดเป็นร้อยละ 30 
  • ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย จำนวน 1,228 ราย คิดเป็นร้อยละ 25.4 
  • ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ จำนวน 757 ราย คิดเป็นร้อยละ 15.6
  • ผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี มีรายได้อย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จำนวน 304 ราย คิดเป็นร้อยละ 6.3
  • คู่สมรสและผู้ติดตาม จำนวน 1,102 ราย คิดเป็นร้อยละ 22.8

 

ส่ององค์กรชั้นนำระดับโลกตั้งสำนักงานในไทย

 

ทั้งนี้ ตลอด 1 ปีของการดำเนินงานพบว่า ผู้ยื่นขอใช้สิทธิ์ตามมาตรการ LTR Visa ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่มาจากองค์กรชั้นนำระดับโลกที่มีการตั้งสำนักงานในประเทศไทย เช่น บริษัท ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไอเอชไอ พาวเวอร์ ซิสเต็ม (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช ออโตโมทีฟ เทคโนโลยีส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท ดูคาติ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท นิวลี่ เว็ดส์ ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด รวมถึงบริษัทไทยที่ต้องการบุคลากรทักษะสูงจากต่างประเทศ เช่น บริษัท เอสซีบี เดต้า เอกซ์ จำกัด (SCB DataX) เป็นต้น ซึ่งบีโอไอประเมินว่าบุคลากรที่ยื่นขอ LTR Visa จะมีการใช้จ่ายราว 1 ล้านบาทต่อคนต่อปี ปัจจุบันมีผู้ยื่นขอวีซ่ากว่า 4,000 ราย คาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาท

 

“LTR Visa เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญที่สามารถดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะกลุ่มพำนักระยะยาว การอำนวยความสะดวกให้กับชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้ามาทำงานในประเทศไทยจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนภายในประเทศได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ๆ ที่จะก่อให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ ยกระดับการพัฒนาศักยภาพแรงงานในประเทศไทย ดีต่อการลงทุนในไทย เพื่อพัฒนากำลังคนรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจใหม่ที่เติบโตยั่งยืน” นฤตม์กล่าว

 

ไทยติดอันดับ 6 ประเทศจุดหมายปลายทางของชาวต่างชาติมาทำงานมากที่สุดในโลก

 

นอกจากนี้ จากรายงาน Expat Insider 2023 ที่จัดทำโดยเว็บไซต์ InterNations ซึ่งมีเครือข่าย Expat เป็นสมาชิกกว่า 5 ล้านคนทั่วโลก จัดให้ไทยอยู่ในอันดับ 6 ของประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าอยู่และเหมาะให้ชาวต่างชาติมาทำงานมากที่สุดในโลก จากทั้งหมด 53 ประเทศ ขยับจากปี 2022 ที่อยู่อันดับ 8 และปี 2021 อยู่ในอันดับ 12 

 

รายงานฉบับดังกล่าวระบุด้วยว่า ประเทศไทยมีระดับความสุขของการทำงานของ Expat ถึง 86% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 72% ดัชนีดังกล่าวสะท้อนถึงความสำเร็จในการดำเนินนโยบายดึงดูดผู้พำนักชาวต่างชาติของไทย

 

 

The post ไม่เป็นรองสิงคโปร์! 1 ปี ‘LTR Visa’ ไทยดึงดูดชาวต่างชาติผู้มีความมั่งคั่ง-ทักษะสูงแตะ 5,000 คน รั้งอันดับ 6 ประเทศที่ต่างชาติมาทำงานมากสุดในโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
BOI เปิดทางต่างชาติ LTR Visa เพิ่มแม็กเน็ตดูดคนเก่ง ‘AI – การเงิน’ ย้ายมาไทย เผยอเมริกัน-จีนยื่นขอมากสุด คาดสิ้นปีทะลุ 9,000 คน https://thestandard.co/boi-ltr-visa/ Mon, 20 Mar 2023 12:36:46 +0000 https://thestandard.co/?p=765854 LTR Visa

บอร์ด BOI ทิ้งทวนรัฐบาล! ขยายขอบเขตกลุ่มนักลงทุนขอ LTR […]

The post BOI เปิดทางต่างชาติ LTR Visa เพิ่มแม็กเน็ตดูดคนเก่ง ‘AI – การเงิน’ ย้ายมาไทย เผยอเมริกัน-จีนยื่นขอมากสุด คาดสิ้นปีทะลุ 9,000 คน appeared first on THE STANDARD.

]]>
LTR Visa

บอร์ด BOI ทิ้งทวนรัฐบาล! ขยายขอบเขตกลุ่มนักลงทุนขอ LTR Visa เน้นความเชี่ยวชาญพิเศษ 15 สาขา ไม่จำกัดแค่ S-Curve หวังเป็นแม็กเน็ตดูดคนเก่ง AI การเงิน และการตลาด เข้าประเทศ สอดรับบิ๊กคอร์ปย้ายฐานผลิตในไทย เผยอเมริกัน-จีนยื่นขอมากสุด คาดสิ้นปีทะลุ 9,000 คน พร้อมไฟเขียวลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท เน้นด้านพลังงานและดิจิทัล ลั่นนักลงทุนไม่สนยุบสภา

 

วันนี้ (20 มีนาคม) นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ด BOI) ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบในการปรับปรุงคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย (Long-Term Resident Visa: LTR Visa) เพื่อให้การดึงดูดผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด อีกทั้งมีความยืดหยุ่นในการรับรองคุณสมบัติมากขึ้น 


บทความที่เกี่ยวข้อง


โดย BOI ได้เสนอให้เพิ่มเติมและปรับปรุงอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อรับรองคุณสมบัติแก่ชาวต่างชาติที่มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษในสาขาที่ประเทศยังขาดแคลน (Highly Skilled Professional) รวม 15 สาขา ดังต่อไปนี้ 

 

  1. อุตสาหกรรมยานยนต์ 
  2. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ 
  3. อุตสาหกรรมท่องเที่ยวระดับคุณภาพ 
  4. อุตสาหกรรมการเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพ 
  5. อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ 
  6. อุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ 
  7. อุตสาหกรรมการบิน อากาศยาน และอวกาศ 
  8. อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 
  9. อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 
  10. อุตสาหกรรมดิจิทัล
  11. อุตสาหกรรมการแพทย์ 
  12. อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ 
  13. อุตสาหกรรมที่สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยตรง เช่น การผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 
  14. ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (IBC)
  15. อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ต้องทำงานโดยใช้ทักษะเชี่ยวชาญพิเศษในด้านใดด้านหนึ่ง เช่น นักวิจัยในสาขาอุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีเป้าหมาย หรือผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ทั้งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบดิจิทัล การเงิน สิ่งแวดล้อม และพลังงาน ผู้เชี่ยวชาญในโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ รวมทั้งองค์กรส่งเสริมการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ 

 

เสริมแกร่งดิจิทัลฮับ-ทุ่ม 5 หมื่นล้านบาทดันบิ๊กโปรเจกต์

โดยการเพิ่มและปรับปรุงอุตสาหกรรมเป้าหมายของ LTR Visa ในครั้งนี้ เพื่อให้ครอบคลุมอุตสาหกรรมเป้าหมาย และทักษะความเชี่ยวชาญในสาขาที่มีความสำคัญและประเทศยังขาดแคลน โดยเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงกลุ่มนี้ สามารถได้รับ LTR Visa เพื่อเข้ามาทำงานร่วมกับบุคลากรไทย จะเป็นประโยชน์ต่อการถ่ายทอดองค์ความรู้และการพัฒนาเศรษฐกิจการลงทุนของไทยได้ในระยะยาว โดยปัจจุบันมีชาวต่างชาติมายื่นขอ LTR Visa แล้วกว่า 3,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกัน จีน และยุโรป

 

“ดังนั้นเมื่อขยายขอบเขตไปหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่จำกัดแค่ S-Curve จะทำให้เราได้คนเก่งทางด้านการเงิน การตลาด AI ดิจิทัล จะเป็นแม็กเน็ตใหม่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และธุรกิจรายใหญ่โยกย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย อีกทั้งจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการเป็นดิจิทัลฮับของประเทศไทยด้วย ซึ่งไทยต้องการคนเหล่านี้มาก คาดว่าอีก 6 เดือนนับจากนี้ จะมีผู้มายื่นขอ LTR Visa เพิ่มเป็น 2 เท่า หรือสิ้นปี 2566 จะอยู่ที่ 9,000 คน”

 

นอกจากนี้ บอร์ดยังอนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ รวมมูลค่า 56,615 ล้านบาท เช่น โครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มูลค่าเงินลงทุน 32,710 ล้านบาท และโครงการโรงไฟฟ้าระบบ Cogeneration ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างไทยและสิงคโปร์ มูลค่าเงินลงทุน 5,005 ล้านบาท รวมถึงกิจการดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ 2 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวม 10,371 ล้านบาท โดยหนึ่งในนั้นเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างอังกฤษและสิงคโปร์ที่เน้นความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และจะใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินต์ 

 

อีกทั้งยังมีโครงการผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า โครงการผลิตโลหะทองคำและเงินภายใต้รูปแบบโลหะผสม และโครงการกำจัดของเสียอุตสาหกรรม มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 8,500 ล้านบาท

 

นฤตม์กล่าวว่า การลงทุนระยะนี้ยังพบว่าเอกชนสนใจตั้งสำนักงานภูมิภาค ดังนั้น BOI จึงร่วมกับกรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดให้บริการระบบ HQ Biz Portal ซึ่งเป็นศูนย์รวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งสำนักงานภูมิภาค และระบบนัดหมายออนไลน์ รวมทั้งได้จัดตั้งทีมงานร่วมกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในประเทศไทย 

สำหรับยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนกิจการสำนักงานภูมิภาคตั้งแต่ปี 2543 มีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมกว่า 500 โครงการ รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 13,000 ล้านบาท โดยบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นมีสัดส่วนโครงการที่ได้รับการส่งเสริมสูงสุด 40% รองลงมาได้แก่ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และฮ่องกง โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริม 3 อันดับแรก ได้แก่ ยานยนต์ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 

 

“ในช่วงวันที่ 3-7 เมษายน 2566 BOI จะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศจีน เพื่อดึงอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เข้ามาลงทุนในไทย จากนั้นเดือนมิถุนายน 2566 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนักธุรกิจชาวจีน ครั้งที่ 16 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจะมีนักธุรกิจจีนทั้งที่ลงทุนในประเทศไทยและลงทุนในประเทศอื่นๆ เดินทางมาร่วมประชุมมากกว่า 4,000 คน” นฤตม์กล่าว

 

ยุบสภา! ไม่ทำให้นักลงทุนชะลอแผน

นฤตม์กล่าวอีกว่า หลังจากที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาไปเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วันที่ 20 มีนาคม 2566 นั้น มั่นใจว่าสถานการณ์การเมืองของไทยในครั้งนี้ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ได้ติดตามเรื่องการเมือง และรับทราบมาโดยตลอดว่าไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ โดยช่วงรัฐบาลรักษาการนี้ ทุกอย่างจะยังคงดำเนินได้ตามปกติ

 

ทั้งการอนุมัติโครงการที่ขอรับส่งเสริมไว้ การเดินสายพบนักลงทุนทั่วประเทศทั้ง 4 ภาค การโรดโชว์ต่างประเทศที่จะมีขึ้นช่วงต้นเดือนเมษายน 2566 ที่ประเทศจีน การทำโปรโมชัน รวมถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งหมด

 

“การที่ BOI ได้ประกาศนโยบายใหม่เมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา มันก็ชัดเจนแล้ว นักลงทุนเขารู้นโยบาย และมันไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแม้จะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ นักลงทุนเขารับรู้ว่าเราจะมีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ แบบนี้เขายิ่งรีบยื่นขอรับส่งเสริม เพราะการลงทุนมันรอไม่ได้

 

“จากการที่พบนักลงทุนมาโดยตลอด นักลงทุนเองพอใจกับสิทธิประโยชน์ที่ BOI มี นโยบายของไทยมีแต่ปรับให้มีประสิทธิภาพให้ดี และสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น สิ่งนี้จะใช้เป็นกลไกเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ นอกจากนี้นักลงทุนเองไม่ได้พิจารณาจากแค่สิทธิประโยชน์ของ BOI แต่จะพิจารณาจากตลาด โครงสร้างพื้นฐาน Ecosystem และความพร้อมด้านพลังงานสะอาด ซึ่งไทยได้เปรียบเพื่อนแทบทุกเรื่อง จึงไม่ใช่เรื่องกังวลใจว่านักลงทุนจะเปลี่ยนใจเลือกประเทศเพื่อนบ้านลงทุนแทนไทย” นฤตม์กล่าวทิ้งท้าย

The post BOI เปิดทางต่างชาติ LTR Visa เพิ่มแม็กเน็ตดูดคนเก่ง ‘AI – การเงิน’ ย้ายมาไทย เผยอเมริกัน-จีนยื่นขอมากสุด คาดสิ้นปีทะลุ 9,000 คน appeared first on THE STANDARD.

]]>
โฆษกรัฐบาลยืนยัน ต่างชาติที่ได้สิทธิ LTR Visa ต้องมีมูลค่าการลงทุน 40 ล้าน จึงได้สิทธิขอถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัย 1 ไร่ https://thestandard.co/ltr-visa/ Wed, 26 Oct 2022 13:25:12 +0000 https://thestandard.co/?p=700593 อนุชา บูรพชัยศรี

วันนี้ (26 ตุลาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐ […]

The post โฆษกรัฐบาลยืนยัน ต่างชาติที่ได้สิทธิ LTR Visa ต้องมีมูลค่าการลงทุน 40 ล้าน จึงได้สิทธิขอถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัย 1 ไร่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุชา บูรพชัยศรี

วันนี้ (26 ตุลาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. …. มีหลักเกณฑ์รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย โดยมุ่งเป้าเฉพาะเจาะจงกลุ่มคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภท ได้แก่

 

  1. กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง
  2. กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
  3. กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
  4. กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ

 

ที่ได้สิทธิวีซ่าพำนักระยะยาว หรือ LTR Visa ภายใต้เงื่อนไขต้องมีจำนวนเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ในธุรกิจหรือกิจการประเภทหนึ่งประเภทใด และต้องดำรงการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี เช่น การซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทย การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ถึงจะได้สิทธิขอถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยไม่เกิน 1 ไร่ (400 ตารางวา) ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาล หรืออยู่ภายในบริเวณที่กำหนดเป็นเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง

 

อนุชายังได้กล่าวถึงร่างกฎกระทรวงนี้ว่ามีรายละเอียดขั้นตอนที่กำกับไว้อย่างชัดเจนในเรื่องการขอสิทธิถือครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยได้รายละไม่เกิน 1 ไร่ เช่น กรณีต่างชาติที่ได้สิทธิ LTR และได้รับอนุญาตให้ซื้อที่ดินพร้อมบ้านเนื้อที่ 200 ตารางวา หากจะขอใช้สิทธิการถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัยเพิ่มอีก 200 ตารางวา ก็จะต้องดำเนินการภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเดิม คือต้องมีการลงทุนให้ครบจำนวน 40 ล้านบาท และคงการลงทุนไว้ 3 ปี สำหรับชาวต่างชาติที่ได้สิทธิการถือครองที่ดินไปแล้วยังสามารถขออนุญาตขายที่ดินพร้อมบ้านให้คนไทยหรือชาวต่างชาติที่เข้าหลักเกณฑ์ได้รับสิทธิตามกฎหมายด้วย

 

“การให้สิทธิในการถือครองที่ดินจำกัดเฉพาะการใช้เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยรายละไม่เกิน 1 ไร่ หากได้รับสิทธิครบ 1 ไร่ แล้ว แม้จะมีการลงทุนเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ก็จะไม่สามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวได้อีก ทั้งนี้ หากชาวต่างชาติรายใดไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจสั่งให้จัดการจำหน่ายที่ดินนั้นได้” อนุชากล่าว

The post โฆษกรัฐบาลยืนยัน ต่างชาติที่ได้สิทธิ LTR Visa ต้องมีมูลค่าการลงทุน 40 ล้าน จึงได้สิทธิขอถือครองที่ดินเพื่ออยู่อาศัย 1 ไร่ appeared first on THE STANDARD.

]]>