วิโรจน์ ลักขณาอดิศร – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 05 Apr 2024 11:49:33 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.3.1 ปดิพัทธ์ และ สส. ก้าวไกล พร้อมใจโพสต์ข้อความ ‘อาจเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย’ หลังพิธาอภิปราย https://thestandard.co/it-may-be-the-last-debate-for-mfp/ Fri, 05 Apr 2024 11:49:21 +0000 https://thestandard.co/?p=919986

วันนี้ (5 เมษายน) ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทน […]

The post ปดิพัทธ์ และ สส. ก้าวไกล พร้อมใจโพสต์ข้อความ ‘อาจเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย’ หลังพิธาอภิปราย appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (5 เมษายน) ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ได้โพสต์ผ่านแอปพลิเคชัน X เป็นภาพ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระหว่างอภิปรายสรุปในการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 พร้อมระบุข้อความว่า “It might be the last day!” (มันอาจจะเป็นวันสุดท้าย) และใส่แฮชแท็ก #ประชุมสภา

 

จากนั้นได้มี สส. พรรคก้าวไกล แชร์โพสต์ดังกล่าว เช่น วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ระบุข้อความว่า “ผมเองก็ใกล้แล้วเช่นกัน ดังนั้นพวกเราจงมาร่วมกันทำในสิ่งที่เราจะไม่รู้สึกเสียใจเมื่อนึกย้อนกลับไปกันเถอะครับ” 

 

เช่นเดียวกับ กรุณพล เทียนสุวรรณ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ระบุว่า .เมื่อเลือกที่จะจุดไฟในสายลม ความท้าทายเพื่อการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ย่อมยากลำบากเสมอ เป็นกำลังใจให้หมออ๋องเสมอนะครับ”

 

ทั้งนี้ ในการอภิปรายทั่วไปเมื่อคืนวานนี้ พิธาได้กล่าวในบางช่วงบางตอนว่า “ผมไม่เคยเสียใจว่าการอภิปรายในครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตการเมืองของผม ทุกคนทราบดีอยู่ว่า ชีวิตทางการเมืองของผมตอนนี้แขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ผมพร้อมที่จะเดินจากไปอย่างผู้ชนะ ไม่ได้มีอะไรติดค้างใจต่อไป”

The post ปดิพัทธ์ และ สส. ก้าวไกล พร้อมใจโพสต์ข้อความ ‘อาจเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย’ หลังพิธาอภิปราย appeared first on THE STANDARD.

]]>
สุทินตอบวิโรจน์ ปฏิวัติกับปฏิรูปต้องแยกให้ออก เผยกลาโหมใช้ไม้อ่อนปฏิรูปกองทัพจากภายใน https://thestandard.co/sutin-answered-wiroj-revolution-and-reform/ Thu, 04 Apr 2024 06:51:40 +0000 https://thestandard.co/?p=919191 สุทิน คลังแสง

วันนี้ (4 เมษายน) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 32 […]

The post สุทินตอบวิโรจน์ ปฏิวัติกับปฏิรูปต้องแยกให้ออก เผยกลาโหมใช้ไม้อ่อนปฏิรูปกองทัพจากภายใน appeared first on THE STANDARD.

]]>
สุทิน คลังแสง

วันนี้ (4 เมษายน) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 32 สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 วาระพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ซึ่งสมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เข้าชื่อกันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง

 

ในช่วงหนึ่ง สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงหลังสมาชิกได้อภิปรายวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของกระทรวงกลาโหม โดยระบุว่า การอภิปรายทั่วไปคือการซักถามหรือเสนอแนะต่อรัฐบาล แต่ฟังการอภิปรายแล้วก็พบว่าเป็นข้อกล่าวหา โดยเฉพาะที่ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อภิปรายกล่าวหากระทรวงกลาโหมว่า รัฐบาลหลอกลวงตบตาประชาชน 

 

“ท่านวิโรจน์จั่วหัวว่า เราหลอกลวงประชาชนบ้าง ตบตาประชาชนบ้าง จริงๆ แล้วถ้าฟังวันนี้คนที่หลอกลวงประชาชน คนที่ตบตาประชาชน คือท่านวิโรจน์ ตบตาอย่างไร ท่านไปโฆษณาไว้ว่า การอภิปรายวันนี้จะคุณภาพคับแก้ว ชวนให้คนติดตามฟังเต็มบ้านเต็มเมือง แต่เอาเข้าจริงแล้วเป็นเรื่องเก่าๆ มาก เรื่องเดิมที่ท่านเคยพูด ผมเคยตอบ และ 90% เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐบาลเก่า”

 

สุทินยังกล่าวด้วยว่า ประเด็นที่วิโรจน์ยกมาเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ถ้าจะให้ตอบทั้งหมดคงใช้เวลานานมาก แต่ทุกกรณีที่ยกมาทั้งหมดสะท้อนโครงสร้างที่ล้มเหลวของกองทัพที่มีมายาวนาน ซึ่งถ้ารัฐบาลแก้โครงสร้างได้ดี เรื่องเหล่านี้จะหายไป และขอให้วิโรจน์เสนอแนะการทำงานร่วมกับรัฐบาลต่อไปในอนาคต เพียงแต่ต้องยืนยันตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังจำเป็นต้องมีกองทัพอยู่และต้องทำกองทัพให้ดีและมีคุณภาพ

 

สุทินกล่าวต่อไปว่า เดิมทีต้องการจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปกองทัพ โดยเอาผู้เชี่ยวชาญที่เป็นบุคคลภายนอกเข้าไปจัดการ แต่ก็คิดได้ว่าควรดูข้างในก่อนว่าในกองทัพได้มีการปฏิรูปหรือตระหนักถึงปัญหาและดำเนินการแล้วหรือไม่ ซึ่งถ้าเขายังไม่ตระหนักเลยอาจต้องใช้ไม้แข็งคือใช้กระบวนทัศน์จากภายนอก โดยเมื่อเข้าไปดูภายในก็พบว่า หลายสิ่งกองทัพได้ทำอยู่แล้วเหมือนที่วิโรจน์บอก

 

“ท่านบอกว่าลุงตู่ทำอยู่แล้ว กองทัพทำอยู่แล้ว คุณสุทินไม่เห็นทำอะไร นั่นท่านก็ยอมรับว่าเขาทำอยู่แล้วนะ ซึ่งผมก็เห็นเหมือนกับท่านอยู่ ผมจึงเปลี่ยนใจว่าเอาไม้อ่อนก่อน ให้คนภายในเขาคิดและปฏิรูปเองก่อน ถ้าเขาไม่ทำหรือทำไม่ได้ดั่งใจเรา ค่อยกลับมาว่ากันที่กรรมการปฏิรูปจากภายนอก

 

“ปฏิรูปกับปฏิวัติท่านต้องคิดให้ต่างกันนะ นโยบายของท่านคือปฏิวัติกองทัพ ไม่ใช่ปฏิรูปกองทัพ ถ้าปฏิวัติก็คือฉับพลันทันด่วน ทำเองเปรี้ยงเลย ไม่ต้องให้มีส่วนร่วมทำงาน ปฏิรูปต้องค่อยเป็นค่อยไป ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ ดังนั้นท่านไปดูว่า ที่ท่านเขียนไว้คือปฏิวัติหรือปฏิรูป ของผมเนี่ยปฏิรูป”

 

สุทินกล่าวต่อไปว่า หากตนเองอายุเท่าวิโรจน์คงจะเลือกใช้วิธีแบบปฏิวัติ แต่เมื่ออายุเท่านี้แล้ว คิดว่าการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ ดีที่สุด ให้เขาทำเอง ถ้าเขาทำไม่ได้เราค่อยว่า แล้วได้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปกองทัพขึ้นมา 8 ชุด ซึ่งลงนามตั้งในเดือนที่ 2 หลังเป็นรัฐมนตรี ประกอบด้วย

 

  1. คณะทำงานขับเคลื่อนการปรับปรุงโครงสร้างการจัดส่วนราชการของ นขต.กห. และเหล่าทัพ
  2. คณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนารูปแบบการตรวจเลือกทหารกองประจำการและการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร
  3. คณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินการและสวัสดิการของกำลังพล
  4. คณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
  5. คณะทำงานขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ที่ดินในความครอบครองของกระทรวงกลาโหม
  6. คณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินการด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
  7. คณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินการด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
  8. คณะกรรมการศึกษาแนวทางที่เหมาะสมโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ระยะที่ 1

The post สุทินตอบวิโรจน์ ปฏิวัติกับปฏิรูปต้องแยกให้ออก เผยกลาโหมใช้ไม้อ่อนปฏิรูปกองทัพจากภายใน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เศรษฐางงฝ่ายค้าน หนุนซื้อเรือรบ หลังวิโรจน์ข้องใจรัฐบาลยื้อเวลาปฏิรูปกองทัพ https://thestandard.co/srettha-opposition-wiroj-warships/ Thu, 04 Apr 2024 04:53:34 +0000 https://thestandard.co/?p=919120 เศรษฐา งงฝ่ายค้าน หนุนซื้อ เรือรบ

วันนี้ (4 เมษายน) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 33 […]

The post เศรษฐางงฝ่ายค้าน หนุนซื้อเรือรบ หลังวิโรจน์ข้องใจรัฐบาลยื้อเวลาปฏิรูปกองทัพ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เศรษฐา งงฝ่ายค้าน หนุนซื้อ เรือรบ

วันนี้ (4 เมษายน) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 33 สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 วาระพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ซึ่งสมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เข้าชื่อกันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2

 

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยให้คำสัญญาไว้ว่า จะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารให้เป็นรูปแบบสมัครใจ จะลดจำนวนนายพลลง และลดการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงจะเอาพื้นที่ที่เกินจำเป็นของกองทัพมาให้ประชาชนใช้ประโยชน์

 

“แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นแค่การสมยอมกับกองทัพ เพื่อปรุงแต่ง ตบตาประชาชน นโยบายที่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ทำแล้ว ทำอยู่ มาทำต่อ แล้วใช้คำโฆษณาให้ประชาชนหลงเชื่อว่านี่คือการปฏิรูปกองทัพแล้ว”

 

แม้รัฐบาลจะอ้างถึงยอดสมัครทหารออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น แต่เมื่อนำมารวมกับยอดสมัครแบบวอล์กอินแล้ว กลับมีแนวโน้มลดลง ส่วนการลดจำนวนความต้องการกำลังพลนั้นก็ไม่มีอะไรใหม่ แต่เป็นสิ่งที่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ทำอยู่แล้ว คือการบรรจุกำลังพล 70% ของความต้องการจริง การลดกำลังพลแบบต้วมเตี้ยมเช่นนี้ เป็นเพียงการซื้อเวลาในการปฏิรูปกองทัพออกไป

 

วิโรจน์ยังตั้งข้อสังเกตถึงการลดจำนวนนายพลว่า ความจริงโรงเรียนเตรียมทหารรับนักเรียนลดลงอยู่แล้ว 150 คนต่อรุ่น รัฐบาลไม่ควรฉกฉวยจำนวนดังกล่าวมาเคลมเป็นผลงาน เช่นเดียวกับโครงการ Early Retire ที่ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ตั้งแต่ปี 2563 สมัยรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ แบบตั้งคำถามว่าหากโครงการนี้สำเร็จงบประมาณของกองทัพจะลดลงหรือไม่

 

ส่วนเรื่องที่ดินราชพัสดุ 12 ล้านไร่ ถูกครอบครองโดยกองทัพถึง 6.25 ล้านไร่ มีที่ดินรกร้างหรือใช้ประโยชน์ไม่เต็มประสิทธิภาพ ที่ดินบางส่วนนำไปใช้ทำสวัสดิการธุรกิจ ทั้งสนามกอล์ฟ สถานพักตากอากาศ สนามมวย โดยไม่มีความโปร่งใส และกิจการของกองทัพมีกำไรเพียงน้อยนิด ขณะที่ภาคเกษตรกำลังขาดที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง

 

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเศรษฐาตั้งโครงการนำที่ดินของกองทัพมาให้ประชาชนใช้ประโยชน์ โดยตั้งชื่อว่า ‘โครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ หรือหนองวัวซอโมเดล’ แต่แท้จริงไม่ใช่โครงการใหม่ แต่ทำมาตั้งแต่ปี 2547 แทนที่รัฐบาลจะเร่งพิสูจน์สิทธิให้ประชาชนที่ยืนยันว่าครอบครองที่ดินมาก่อนจะมีกฎหมายต่างๆ ด้วยซ้ำ กลับเอาโครงการเก่ามาปัดฝุ่นเปลี่ยนชื่อ แล้วบีบให้ประชาชนมาเช่าที่ดิน

 

วิโรจน์ยังระบุว่า ควรพอได้แล้วกับการนำภาษีของประชาชนไปแลกอาวุธมาดื้อๆ แต่รัฐบาลควรมีข้อแลกเปลี่ยน หรือชดเชยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจปากท้องให้ประชาชน แต่เรือฟริเกตวงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท ที่กองทัพเรือขอจัดซื้อแต่ถูกตัดงบทิ้ง ทั้งที่เรือฟริเกตมีความจำเป็นในการคุ้มครองความมั่นคงทางทะเลมาก แล้วเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านตอนนี้กองทัพเรือของไทยมีประสิทธิภาพต่ำกว่าที่ควร

 

“การตัดงบประมาณเรือฟริเกตลำนี้ เป็นการตัดโอกาสการพัฒนาของประเทศ ตัดโอกาสด้านวิศวกรรมการต่อเรือของคนไทย แล้วกว่างบประมาณก้อนนี้จะเข้ามาใหม่ได้ ผมตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานก็ยังไม่พบ เป็นไปได้ว่างบประมาณปี 2568 ก็อาจยังไม่ทัน เข้าอีกทีก็ปี 2569 เพราะงบประมาณรายการการก่อหนี้ผูกพันวงเงินเกินตั้งแต่พันล้านบาทขึ้นไปต้องผ่านหลายขั้นตอน” วิโรจน์กล่าว

 

เศรษฐางงฝ่ายค้าน หนุนซื้อเรือรบ

 

ต่อมา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลุกขึ้นกล่าวชี้แจงทันที โดยระบุว่า วันนี้อุตส่าห์มาฟังฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของกระทรวงกลาโหม กองทัพ ความจริงแล้วก็เรื่องเดิมๆ ผิดหวังนิดหน่อย เพราะมีแต่อะไรที่น้ำๆ ทั้งนั้น พร้อมยืนยันว่ากองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่เพื่อความมั่งคั่งของใครคนใดคนหนึ่ง

 

“เรื่องวาทกรรมด้อยค่าต่างๆ ที่บอกว่าภาพลักษณ์ตกต่ำ ใช้ IO ดำมืดล้ำลึก เรื่องต่างๆ เหล่านี้ผมว่าให้เวลาเถอะครับ ให้เวลารัฐบาลบริหารงานให้ครบ 4 ปี จริงๆ แล้วประชาชนก็จะตระหนักดีตอนจบเองแล้วกัน ว่าคนที่ใช้ IO พยายามครอบงำให้คนหน้ามืดตามัวจริงๆ แล้วคือใคร” เศรษฐากล่าว

 

เศรษฐากล่าวต่อว่า เรื่องของ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่พยายามทำอยู่คือการพัฒนาร่วมกัน แม้ฝ่ายค้านจะใช้คำว่า ‘ปฏิรูป’ แต่ตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลมีการพัฒนากองทัพที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสมัครใจเกณฑ์ทหาร และการจัดหาอาวุธที่ได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เชื่อว่าให้ระยะเวลารัฐบาลอีกสักพัก เราคงเห็นผลงานที่พยายามทำอยู่อย่างต่อเนื่อง 

 

เศรษฐาระบุอีกว่า รัฐบาลนี้ได้มีการดำเนินการในเรื่องการขอคืนพื้นที่ทหาร เช่น หนองวัวซอโมเดล แม้จะผ่านมาหลายรัฐบาลแต่ยังไม่คืบหน้า แต่ตนได้มีการเชิญผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มาพูดคุย นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ทหารในจังหวัดลพบุรี ที่ทหารจะคืนพื้นที่มาใช้ทำระบบชลประทานให้กับประชาชนด้วยเหมือนกัน ยืนยันเรื่องกองทัพมีความคืบหน้าเรื่องคืนพื้นที่ต่างๆ ให้ประชาชนมีพื้นที่ทำกินมากขึ้น 

 

“เรื่องของเงินทอนจากการจัดหายุทโธปกรณ์ ท่านก็พูดมาหลายหน ก็ขอให้มีหลักฐานมาพูดคุยกัน อย่างเรื่องเรือฟริเกตที่ท่านเชียร์เหลือเกิน หากผมพูดกลับไปว่าท่านก็คงมีเงินทอน ท่านก็คงไม่พอใจเหมือนกัน ผมว่าเรื่องนี้เอาหลักฐานมาพูดกันดีกว่า และเรื่องของเรือฟริเกตนั้นที่สนับสนุนให้มีการต่อเรือในประเทศไทยเป็นหลักการที่ถูกต้อง แต่ยังมีเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหลายมิติที่ต้องพูดคุยกันอยู่ เพื่อให้กองทัพได้ของที่ดีที่สุด ผมฟังการอภิปรายมา 40 นาทีแล้ว ก็ยังเห็นว่าเป็นฝ่ายค้านที่งงอยู่ เพราะก่อนหน้านี้เคยบอกว่า ให้เอาเรือประมงมาแทนเรือรบ แต่วันนี้กลับสนับสนุนให้ซื้อเรือรบอีก ก็งุนงงมาก”

 

เศรษฐาทิ้งท้ายว่า นอกจากเรื่องวาทกรรม เรามาคุยเรื่องเนื้องานดีกว่า รัฐบาลพยายามที่จะพัฒนากองทัพต่อไปในเรื่องของการซื้ออาวุธให้โปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์กับภาคธุรกิจอื่นๆ ยืนยันอีกครั้งว่ากองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคง ไม่ได้มีไว้เพื่อความมั่งคั่งของใครคนใดคนหนึ่ง

The post เศรษฐางงฝ่ายค้าน หนุนซื้อเรือรบ หลังวิโรจน์ข้องใจรัฐบาลยื้อเวลาปฏิรูปกองทัพ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: วิโรจน์ไม่หวั่นไหวคดียุบพรรค-ตัดสิทธิ “ผมอาจซวย แต่พร้อมเป็นสะพานให้คนรุ่นใหม่” | THE STANDARD NOW https://thestandard.co/thestandardnow190467-3/ Tue, 19 Mar 2024 13:33:38 +0000 https://thestandard.co/?p=913065

วิโรจน์ไม่หวั่นไหวคดียุบพรรค-ตัดสิทธิ “ผมอาจซวย แต่พร้อ […]

The post ชมคลิป: วิโรจน์ไม่หวั่นไหวคดียุบพรรค-ตัดสิทธิ “ผมอาจซวย แต่พร้อมเป็นสะพานให้คนรุ่นใหม่” | THE STANDARD NOW appeared first on THE STANDARD.

]]>

วิโรจน์ไม่หวั่นไหวคดียุบพรรค-ตัดสิทธิ “ผมอาจซวย แต่พร้อมเป็นสะพานให้คนรุ่นใหม่” ย้ำ ต่อให้ยุบพรรค ก็หยุดการเติบโตของยุคสมัยไม่ได้

The post ชมคลิป: วิโรจน์ไม่หวั่นไหวคดียุบพรรค-ตัดสิทธิ “ผมอาจซวย แต่พร้อมเป็นสะพานให้คนรุ่นใหม่” | THE STANDARD NOW appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: วิโรจน์เล่านิทานหมา ต้องดูยาวๆ ไม่ได้ว่า ตร. แต่เป็นผู้ร้ายทะเลาะกันเอง! | THE STANDARD NOW https://thestandard.co/thestandardnow190467-2/ Tue, 19 Mar 2024 13:31:12 +0000 https://thestandard.co/?p=913062

วิโรจน์เล่านิทานหมา ต้องดูยาวๆ ไม่ได้ว่ ตร. แต่เป็นผู้ร […]

The post ชมคลิป: วิโรจน์เล่านิทานหมา ต้องดูยาวๆ ไม่ได้ว่า ตร. แต่เป็นผู้ร้ายทะเลาะกันเอง! | THE STANDARD NOW appeared first on THE STANDARD.

]]>

วิโรจน์เล่านิทานหมา ต้องดูยาวๆ ไม่ได้ว่ ตร. แต่เป็นผู้ร้ายทะเลาะกันเอง สุดท้ายประชาชนคือคนซวย ก่อนหน้านี้อย่าคิดว่าประชาชนไม่รู้!

The post ชมคลิป: วิโรจน์เล่านิทานหมา ต้องดูยาวๆ ไม่ได้ว่า ตร. แต่เป็นผู้ร้ายทะเลาะกันเอง! | THE STANDARD NOW appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ทนายบิ๊กโจ๊กแฉตำรวจรับเงินเว็บพนัน 28 คน ภาพใหญ่คอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง https://thestandard.co/thestandardnow190467/ Tue, 19 Mar 2024 12:03:15 +0000 https://thestandard.co/?p=913002

ทนายบิ๊กโจ๊กแฉตำรวจรับเงินเว็บพนัน 28 คน ภาพใหญ่คอร์รัป […]

The post ชมคลิป: ทนายบิ๊กโจ๊กแฉตำรวจรับเงินเว็บพนัน 28 คน ภาพใหญ่คอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง appeared first on THE STANDARD.

]]>

ทนายบิ๊กโจ๊กแฉตำรวจรับเงินเว็บพนัน 28 คน ภาพใหญ่คอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง

 

คุยกับ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

 

พบกันในรายการ THE STANDARD NOW กับ อ๊อฟ ชัยนนท์ วันที่ 19 มีนาคม 2567 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD

The post ชมคลิป: ทนายบิ๊กโจ๊กแฉตำรวจรับเงินเว็บพนัน 28 คน ภาพใหญ่คอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘เศรษฐา’ บอก รบ. พร้อมทำทุกอย่างให้ ทอ. ไม่มีใครทัดเทียม ด้าน ‘วิโรจน์’ แนะลดเงื่อนไข TOR ส่งเสริมบริษัทคนไทยผลิตยุทโธปกรณ์ https://thestandard.co/srettha-rtaf-symposium-2024/ Thu, 29 Feb 2024 12:57:42 +0000 https://thestandard.co/?p=905862 เศรษฐา ทวีสิน

วันนี้ (29 กุมภาพันธ์) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรั […]

The post ‘เศรษฐา’ บอก รบ. พร้อมทำทุกอย่างให้ ทอ. ไม่มีใครทัดเทียม ด้าน ‘วิโรจน์’ แนะลดเงื่อนไข TOR ส่งเสริมบริษัทคนไทยผลิตยุทโธปกรณ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เศรษฐา ทวีสิน

วันนี้ (29 กุมภาพันธ์) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเปิดงานสัมมนาทางวิชาการกองทัพอากาศประจำปี 2567 (RTAF Symposium 2024) ที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ ซ้อมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบ M Solar-X ที่วิจัยและผลิตโดยกองทัพอากาศ เพื่อแสดงถึงความพร้อมเข้าสู่สายการผลิต

 

ขณะที่นายกรัฐมนตรีกล่าวในการปิดงานสัมมนาทางวิชาการกองทัพอากาศประจำปี 2567 (RTAF Symposium 2024) ว่า รัฐบาลยืนยันว่าการพัฒนาเศรษฐกิจจะควบคู่กันไปกับการพัฒนาความมั่นคงของกองทัพอากาศและทุกเหล่าทัพ ซึ่งการนำเสนอภารกิจของกองทัพอากาศเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ยังไม่ค่อยมีคนพูดถึง ซึ่งรัฐบาลต้องพึ่งพิงกองทัพอากาศ โดยเฉพาะภารกิจในการอพยพคนไทยในขณะที่ทั่วโลกมีความขัดแย้ง จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องให้ความสำคัญในการพัฒนากองทัพอากาศ เพราะถ้าเราไม่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เราก็จะไม่มีความมั่นคงทางการทหาร 

 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงสวัสดิการของกองทัพอากาศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปดูบ้านพักของข้าราชการชั้นผู้น้อยให้ถูกต้องเหมาะสมเหมือนเหล่าทัพอื่นๆ ส่วนนโยบายการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ เชื่อว่าทุกคนเข้าใจความตั้งใจของรัฐบาลที่ไม่ได้ต้องการลดกำลังพลแต่เป็นการลดตามสถานการณ์ และพร้อมสนับสนุนเครื่องมือยุทโธปกรณ์ให้เหมาะสม เพราะการพัฒนากองทัพไม่ใช่เพียงแค่การดูแลด้านความมั่นคงอย่างเดียว แต่การดูแลประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ ขอให้มั่นใจว่า ผบ.ทอ. และรัฐบาลจะพยายามทำทุกอย่างให้กองทัพอากาศไม่มีใครสามารถทัดเทียมได้

 

แนะลดเงื่อนไข TOR ส่งเสริมบริษัทคนไทยผลิตยุทโธปกรณ์

 

ด้าน วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวในงาน RTAF Symposium การสัมมนาเชิงวิชาการ Road Map To Unbeatable Air Force ‘บทบาท กมธ.การทหาร กับการพัฒนากองทัพอากาศ’ ว่า บทบาทสำคัญของ กมธ.การทหาร คือเราจะเป็นโซ่ประสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างพลเรือนกับกองทัพ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้าง ถ้าตัดสินใจโดยใช้หลักวิศวกรรมหรือหลักความมั่นคงภายในประเทศก็จะตอบได้ว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง ประชาชนก็คลางแคลงใจอยู่เสมอ ดังนั้น กมธ.การทหาร ก็จะมาทำให้คลี่คลาย ให้ทั้งกองทัพและพลเรือนเข้าใจกัน โดยยึดหลักเหตุและผล

 

“ผมยืนยันว่ากองทัพอากาศจะปฏิบัติหน้าที่ต่อได้จะต้องมีอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ผมเชื่อว่าด้วยบุคลากรที่เรามีอยู่ ถ้ามีอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ก็จะทำให้กองทัพอากาศสามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนคนไทยได้เต็มที่” วิโรจน์กล่าว

 

วิโรจน์กล่าวอีกว่า สิ่งที่ กมธ.การทหาร จะดำเนินต่อไปจากนี้คือ การผลักดัน Offset Policy ที่เหมาะสมและเป็นจริง ตนดีใจที่การจัดซื้อเครื่องบินรบซึ่งกำลังวางแผนในขณะนี้มีความพยายามให้คนไทยได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ได้เป็นเพียงเอาเงินไปซื้อผ่านตัวแทนแล้วเอาเครื่องบินกลับมา จะต้องพยายามต่อรองเพื่อให้ได้สิทธิที่กองทัพอากาศไม่ต้องพึ่งพิงหรือต้องขออนุญาตผ่านกระบวนการที่ไร้ประสิทธิภาพจากประเทศผู้ผลิต 

 

หลายคนตั้งคำถามกับตนว่า วิจัยทางทหารจะเกิดประโยชน์อะไร ซึ่งหากคิดถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือธุรกิจนั้นยาก แต่ผลประโยชน์ทางตรงจะเกิดกับพลเรือน เช่น การบรรเทาสาธารณภัย แก้ปัญหาไฟป่า น้ำท่วม เป็นต้น ขณะที่การจัดซื้อจัดจ้างในส่วนของกระทรวงกลาโหม ถ้าจะส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ส่งเสริมบริษัทคนไทยที่ผลิตยุทธภัณฑ์และยุทโธปกรณ์ ตนมองว่า TOR ต่างๆ จะต้องมีความโปร่งใสและลดเงื่อนไขที่เป็นการกีดขวาง เช่น จะต้องมีการขายให้กับราชการกับประเทศที่เป็นผู้ผลิตมาก่อน หรือต้องเคยสร้างหรือเคยผลิตสิ่งนั้นมาก่อน 

 

“ผมมองว่าถ้ากองทัพสหรัฐฯ มี TOR ลักษณะนี้ หน่วยงานอย่าง NASA มี TOR ลักษณะนี้ จะต้องจัดซื้อจัดจ้างจากหน่วยที่เคยทำสิ่งนั้นมาก่อน โลกใบนี้จะไม่มีการผลิตสิ่งที่ใหม่และท้าทายเลย แต่จะสมเหตุสมผลกว่าหรือไม่ถ้ากำหนด TOR ว่าแม้จะไม่เคยผลิต แต่ถ้ามีผู้เชี่ยวชาญในการผลิตมาร่วมกำกับการผลิต ก็จะเป็น TOR ที่สมเหตุสมผลมากขึ้น” วิโรจน์กล่าว

 

ปลื้มปฏิทินงาน ‘สมุดปกขาว’ โปร่งใส-ชัดเจน

 

ทั้งนี้ กมธ.การทหาร ได้เยี่ยมนิทรรศการและชมสมุดปกขาวกองทัพอากาศปี 2567 ซึ่งวิโรจน์ระบุว่า การวางแผนงานและงบชัดเจน จึงขอชื่นชม ทอ. ที่จะได้เห็นความโปร่งใสและความจำเป็น โดยจะเป็นการแจ้งล่วงหน้าไปยังประชาชนและรัฐบาลว่าจัดซื้อเพื่อทดแทนอะไร ทั้งนี้ หากอยากให้น่านฟ้ามั่นคงก็ต้องวางแผนงบให้สอดรับสมุดปกขาวด้วย

 

เปิดแผนซื้ออาวุธ 10 ปี 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานสัมมนาวิชาการ RTAF Symposium 2024 ที่กองทัพอากาศจัดขึ้น ได้มีการเผยแพร่สมุดปกขาวกองทัพอากาศปี 2567 (RTAF White Paper 2024) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์การจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศระยะเวลา 10 ปี

 

แผนดังกล่าวมีการประเมินสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงที่ไทยจะเผชิญถึงปี 2580 เช่น การรักษาดุลยภาพความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจ ภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรง โรคอุบัติใหม่ อาชญากรรมทางไซเบอร์ ความขัดแย้งระหว่างรัฐต่อรัฐ ความเสี่ยงทางทหาร เป็นต้น

 

นอกจากนี้ยังรวมถึงการประเมินกำลังรบที่ต้องการ โดยมุ่งเน้นการจัดหายุทโธปกรณ์ในลักษณะของการชดเชยหรือแลกเปลี่ยน (Military Offset) ที่ไม่ถูกจำกัดเงื่อนไขในการใช้งาน สามารถผลิตและใช้งานได้ภายในประเทศ พร้อมทั้งการบริหารจัดการเพื่อลดผลกระทบจากราคาเชื้อเพลิงฟอสซิล และการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนแบบที่ 19 หรือ บ.ข.19/ก (F-16) ฝูงบิน 102 กองบิน 1 เนื่องจากครบอายุการใช้งาน โดยจัดหาจำนวน 1 ฝูงบิน พร้อมอุปกรณ์เครื่องช่วยเหลืออะไหล่ระบบอาวุธอุปกรณ์สนับสนุนการบินและการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้อง

 

เศรษฐา ทวีสิน วิโรจน์ ก้าวไกล    

The post ‘เศรษฐา’ บอก รบ. พร้อมทำทุกอย่างให้ ทอ. ไม่มีใครทัดเทียม ด้าน ‘วิโรจน์’ แนะลดเงื่อนไข TOR ส่งเสริมบริษัทคนไทยผลิตยุทโธปกรณ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
จากนอกสภาสู่ในสภา ‘รัฐ-ฝ่ายค้าน’ ถกญัตติขบวนเสด็จฯ หวังสังคมคลี่คลาย https://thestandard.co/the-royal-motorcade-council-motion/ Wed, 14 Feb 2024 14:32:29 +0000 https://thestandard.co/?p=899994 ญัตติขบวนเสด็จ

วันนี้ (14 กุมภาพันธ์) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ใช้เวลาก […]

The post จากนอกสภาสู่ในสภา ‘รัฐ-ฝ่ายค้าน’ ถกญัตติขบวนเสด็จฯ หวังสังคมคลี่คลาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ญัตติขบวนเสด็จ

วันนี้ (14 กุมภาพันธ์) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง ในการอภิปรายญัตติด่วนด้วยวาจา ที่เสนอโดย อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส. ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ขอใช้ข้อบังคับการประชุมข้อที่ 50 เสนอเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน หรือความจำเป็นรีบด่วนในการรักษาความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือความมั่นคงของประเทศ

 

โดยมี เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส. บัญชีรายชื่อ เป็นผู้เสนอเหตุผลให้รัฐบาลเร่งดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายทบทวนระเบียบ แผน และมาตรการการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ ให้มีความเหมาะสมและทันสมัย รักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ โดยมีสมาชิก สส. ยกมือรับรองมากกว่า 50 คน

 

ด้าน ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ประธานการประชุม ได้เน้นย้ำสมาชิกให้ปฏิบัติตามข้อบังคับข้อที่ 69 ห้ามผู้อภิปรายแสดงกิริยาหรือวาจาที่ไม่สุภาพ ใส่ร้ายหรือเสียดสีบุคคลใด และห้ามกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ หรือกล่าวชื่อสมาชิกหรือบุคคลอื่นโดยไม่จำเป็น 

 

THE STANDARD รวบรวมการอภิปรายของเหล่าผู้แทนทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ถึงความเห็นที่มีต่อมาตรการการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ

 

‘เอกนัฏ’ ลั่น โกรธถึงขีดสุด หวั่นกลายเป็นแฟชั่นบั่นทอนสถาบันฯ 

 

เอกนัฏลุกขึ้นอภิปรายเหตุผลสนับสนุนเป็นคนแรก ว่าเหตุผลที่ตนได้เสนอญัตติด่วนในวันนี้ เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ มีการเผยแพร่บนพื้นที่สื่ออย่างกว้างขวางในการรบกวนก่อกวนขบวนเสด็จฯ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจ หากไม่มีการบริหารจัดการอย่างเร่งด่วนจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวนำไปสู่ความวุ่นวาย และกลายเป็นค่านิยมหรือแฟชั่นที่ไปบั่นทอนสถาบันฯ 

 

เอกนัฏกล่าวว่า ขบวนเสด็จฯ เป็นขบวนที่สั้นมาก เห็นได้ชัดว่าระมัดระวังไม่ให้กระทบต่อการสัญจรของประชาชน และไม่ปิดถนน แต่ปรากฏว่ามีรถยนต์ของผู้ก่อเหตุวิ่งมาด้วยความเร็ว พยายามวิ่งไล่ขบวนเสด็จฯ 

 

“ผมรู้สึกโกรธครับ โกรธมาก ว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ แต่เชื่อหรือไม่ ในขณะที่ผมรู้สึกโกรธจนจะถึงขีดสุด กระทั่งจะเกิดเป็นความรังเกียจกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้น มีประโยคหนึ่งที่แว่วมาบันดาลใจให้ลดโทสะลง คือพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงตรัสไว้ว่า Thailand is the land of compromise (ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งการประนีประนอม) We love them all the same หลังจากสื่อต่างชาติยื่นไมค์จ่อพระโอษฐ์ในช่วงเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันที่มีการรบกวนขบวนเสด็จฯ เมื่อปลายปี 2563 ท่านมีพระราชดำรัสตรัสไว้ชัดเจน ทำให้ตนดึงสติลดลงมาจากความโกรธ” เอกนัฏระบุ

 

เอกนัฏระบุว่า ตนรอมาเกือบ 1 สัปดาห์ จนกระทั่งมาวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ผู้ก่อเหตุยังเหิมเกริม ไปทำโพลที่ BTS สถานีสยาม จนทำให้เกิดเหตุการณ์ปะทะ เหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก และหากเราปล่อยปละละเลยในที่สุดสถานการณ์จะเริ่มมีการประท้วงปะทะกันในหมู่ประชาชน อาจปะทุไปถึงระดับประเทศ จึงขอได้ใช้หน้าที่ สส. ในการเปิดพื้นที่ตรงนี้เพื่อส่งสัญญาณไปถึงรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนปรับปรุงใน 3 แนวทาง คือ 

 

  1. บังคับใช้กฎหมายในทันที ยืนยันว่าไม่ใช่การล่าแม่มด แต่เพื่อความสะดวกเรียบร้อย 
  2. เป็นโอกาสที่ดีที่จะหาข้อสรุปทบทวนระเบียบ มาตรการต่างๆ และแผนการอารักขาความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ อัปเดตไปตามกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไป และผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งที่ผ่านมาช้าไป 
  3. ประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชน 

 

‘จุรินทร์’ รับไม่ได้ การกระทำมิบังควร ย่ำยีพระผู้ทรงเป็นหัวใจประชาชน 

 

ด้าน จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ร่วมเสนอญัตติ ระบุว่า ตนเองและ ปชป. มีจุดยืนชัดเจนในการให้ความสำคัญกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การถวายความปลอดภัยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เมื่อเกิดเหตุการณ์คุกคามขบวนเสด็จฯ จึงเป็นเหตุที่ตนเองและสมาชิกจำเป็นต้องเสนอญัตตินี้เข้ามา 

 

จุรินทร์กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของญัตติมี 2 ประการ คือ

 

  1. ประสงค์ให้ สส. ได้มีมติให้ส่งความเห็นของสภาเพื่อให้รัฐบาลรับไปพิจารณาดำเนินการ
  2. ประสงค์ให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของสภาผู้แทนราษฎรรับไปประกอบการพิจารณาด้วย

 

ทั้งนี้ตนมีความเห็นต่อพฤติกรรมคุกคามขบวนเสด็จฯ 3 ข้อ คือ

 

  1. เป็นการกระทำอันไม่บังควรเกิน ย่ำยีพระผู้เป็นดวงใจของประชาชน
  2. ขบวนเสด็จฯ ไม่ปิดถนนยิ่งสะท้อนพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกร
  3. สิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยต้องไม่เป็นการล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใคร ฐานันดรใด 

 

จุรินทร์ระบุด้วยว่า รัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ามีหน้าที่ถวายความปลอดภัยนอกจากส่วนราชการในพระองค์ ตามมาตรา 6 ที่ระบุว่าให้หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่ในการถวายความปลอดภัย หรือร่วมมือในการถวายความปลอดภัย 

 

“ผมไม่ประสงค์จะทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องการเมือง แต่นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและในฐานะผู้สั่งปฏิบัติราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องยอมรับว่า ท่านออกมาส่งสัญญาณแสดงท่าทีความรับผิดชอบค่อนข้างช้า จนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 หลังจากเกิดเหตุ 7-8 วัน นายกรัฐมนตรีจึงเรียกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาหารือถึงมาตรการเรื่องการรักษาความปลอดภัยของขบวนเสด็จ” จุรินทร์กล่าว

 

พร้อมเสนอ 4 ข้อให้สภาได้พิจารณาคือ

 

  1. รัฐบาลต้องตระหนักในหน้าที่การถวายความปลอดภัยตามกฎหมาย และเร่งรัดดำเนินการทบทวนมาตรการเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
  2. รัฐบาลต้องยึดหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดไม่ว่ากับฝ่ายใด
  3. ในฐานะที่รัฐบาลมีเสียงข้างมากต้องไม่สนับสนุนให้มีการนิรโทษกรรมความผิดในคดีมาตรา 112 เพราะเป็นชนวนขัดแย้งรอบใหม่ และส่งเสริมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 112 เพิ่มขึ้น
  4. รัฐบาลควรพิจารณาร่วมกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ว่าสมควรจะมีการปรับปรุงกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะการเพิ่มบทลงโทษเป็นการเฉพาะต่อผู้ที่ละเมิด

 

‘สส. ปูอัด’ ขออย่าเพิ่งตัดสิน ‘ตะวัน’ 

 

จากนั้น ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส. กทม.พรรคไทยก้าวหน้า อภิปรายระบุว่า ในพื้นที่ กทม. มีการปรับตัวเพื่อไม่ให้กระทบต่อการจราจร มีการเปิดช่องทางพิเศษให้ประชาชนสามารถเดินทางได้ แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัด มีการเตรียมเคลียร์ถนนก่อนขบวนเสด็จฯ ล่วงหน้า 4 ชั่วโมง ซึ่งตนมองว่ามากเกินไป จึงขอเสนอ 3 แนวทางในการลดผลกระทบการปิดการจราจรคือ

 

  1. ให้ปิดเฉพาะช่องทางเสด็จ และเปิดช่องทางอื่นให้ประชาชนสัญจร
  2. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าเพื่อประชาชนจะได้หลีกเลี่ยงเส้นทาง
  3. ควรจะมีหน่วยงานเป็นเจ้าภาพช่วยเหลือเยียวยาจากการปิดการจราจร 

 

ไชยามพวานยังระบุถึงกรณี ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมบีบแตรใส่ขบวนเสด็จฯ ว่า ขออย่าเพิ่งตัดสินในตัวน้อง จนกว่าจะทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่ถ้าถึงจุดที่ทราบแล้วก็แล้วแต่ดุลพินิจของกระบวนการยุติธรรม

 

‘วิโรจน์’ ไม่เห็นด้วยปมความรุนแรง  

 

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกอภิปรายว่า การรบกวนมาตรการการอารักขาขบวนเสด็จฯ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตระหนัก คือการพยายามทำให้การอารักขาส่งผลกระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุด 

 

“คุณปิดปากประชาชนให้พูดไม่ได้ คุณบังคับให้ประชาชนไม่รู้สึกอะไรเลยไม่ได้ ดังนั้น การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จากการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนที่ดีที่สุด คนที่ต้องทำหน้าที่นั้นก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอารักขา ทางออกที่เป็นรูปธรรมที่สุดก็คือการทบทวน พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 โดยเฉพาะมาตรา 5 ควรจะเพิ่มเติมให้การปฏิบัติงานในการถวายความปลอดภัยให้คำนึงถึงประชาชน ไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากเกินควร” วิโรจน์กล่าว

 

วิโรจน์กล่าวว่า การใช้ความรุนแรงในการทำร้ายผู้อื่นโดยอ้างว่าเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นพฤติกรรมที่อันตรายต่อสถาบันฯ ที่สุด หากรัฐปล่อยให้บุคคลที่นิยมความรุนแรงทำร้ายคนที่คิดต่างโดยที่กฎหมายไม่เคยเอาผิดในระยะยาว มีแต่จะทำให้สถาบันฯ เสื่อมเสียพระเกียรติ และรัฐบาลต้องเร่งสร้างให้เกิดพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุย ไม่ใช่แค่ในสภา แต่หมายถึงเวทีสาธารณะทั่วไป เพราะปัจจุบันวงสนทนาสถาบันพระมหากษัตริย์กำลังกลายเป็นเรื่องต้องห้าม พร้อมทำท่าจุ๊ปาก ห้ามพูด และกล่าวต่อว่า หากเราปล่อยให้เป็นอย่างนี้จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งห่างเหินจากประชาชน 

 

‘โรม’ ขอทุกคนตั้งสติอย่าทำให้หวาดกลัวเกินเหตุ

 

ด้าน รังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายว่า ขอให้ทุกคนมีสติ อย่าสร้างสถานการณ์ให้น่าหวาดกลัวเกินความเป็นจริง หากจะมีการแก้ไขกฎหมายต้องใช้อย่างโปร่งใสและสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง มิฉะนั้นจะกลายเป็นความขัดแย้งใหม่ 

 

‘พนิดา’ ป้อง ‘ตะวัน’ ห่วงขบวนการขู่ฆ่า  

 

พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส. สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล อภิปรายระบุว่า หากจะพิจารณาเรื่องการถวายความปลอดภัย ต้องมองมากกว่าเรื่องการอารักขาขบวนเสด็จ จึงอยากจะชวนเพื่อนสมาชิกและสังคมไทยทบทวนประเด็นนี้ผ่านเรื่องราวของตะวัน

 

“ไม่ได้ตัดสินว่าตะวันเหมาะสมหรือไม่ ถูกผิดอย่างไร แต่อยากชวนคิดตาม แล้วฝากข้อสังเกตนี้ไปยังนายกรัฐมนตรี ถึงคำถามสำคัญที่เราต้องช่วยกันหาคำตอบร่วมกัน ว่าเราเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร” พนิดากล่าว

 

พนิดากล่าวต่อว่า แรกเริ่มหลายคนเห็นชื่อตะวันตั้งแต่ปี 2564 จากกรณีที่ตำรวจถีบรถมอเตอร์ไซค์ของผู้ชุมนุมล้ม จากนั้นตะวันก็ได้ปรากฏในหน้าสื่ออีกครั้ง โดยการถือกระดาษสอบถามความคิดเห็นผู้คนตามที่สาธารณะ ประเด็นหลักของตะวันคือปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม สันติวิธีที่เขาเลือกกลับทำให้ตะวันถูกจับไปถึง 5 ครั้ง 

 

จากไทม์ไลน์ที่ตนเล่ามาทั้งหมดจะเห็นว่าการต่อสู้ของตะวันตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้มีท่าทีที่เปลี่ยนไป เกิดจากการปิดกั้นการแสดงความเห็นในพื้นที่สาธารณะหรือไม่ จะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจ ที่หากเยาวชนคนนี้ยังไม่หยุดดื้อรั้นก็จะต้องกำราบปราบปรามไปเรื่อยๆ จนกว่าจะยอม ตนอยากชวนให้ทุกคนมองถึงแก่นของเหตุการณ์นี้ ว่านี่คือผลลัพธ์ของการปิดกั้นการแสดงออกอย่างสันติของประชาชนหรือไม่ พร้อมตั้งคำถามถึงบทบาทของนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำของประเทศในการบริหารความสัมพันธ์ของประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ 

 

สิ่งที่ตนกังวลที่สุดคือ ‘ขบวนการเก็บตะวัน’ ที่มีการขู่ฆ่าอย่างเปิดเผย นี่เป็นโจทย์เร่งด่วนที่รัฐบาลต้องแก้ไข ตนเชื่อว่าเราคงไม่อยากให้สังคมไทยเป็นสังคมที่เงียบเชียบ ไม่กล้าพูดแสดงความเห็น ออกมาพูดก็ถูกจับกุมคุมขัง เจอกับนิติสงคราม ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกทำให้ตาย ทั้งนี้หากการลดช่องว่างความไม่เข้าใจกันก็ทำให้สังคมนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น พูดคุยกับเถียงกันได้มากขึ้น ตนคิดว่าตอนนี้ยังไม่สายเกินไป

 

‘ชัยธวัช’ เสนอรัฐบาลสร้างกุศโลบายทางการเมือง และหยุดการกล่าวหาอีกฝ่าย

 

ชัยธวัช ตุลาธน สส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอภิปรายว่า การรักษาความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญเป็นเรื่องสำคัญและเป็นหลักปฏิบัติสากลที่ฝ่ายค้านและรัฐบาลเห็นตรงกัน ซึ่งขบวนเสด็จของกรมสมเด็จพระเทพฯ ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเหมาะสมแล้ว ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อประชาชนเกินสมควร ซึ่งการพิจารณาไม่สามารถที่จะพิจารณาเฉพาะเรื่องกฎหมาย ระเบียบ แผนในการถวายความปลอดภัยได้อย่างเดียวเท่านั้น

 

ชัยธวัชยังกล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2520 เคยเกิดเหตุการณ์ลอบทำร้ายในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมมาวงศานุวงศ์หลายพระองค์ ที่เสด็จไปด้วยระหว่างที่เสด็จพระราชดำเนินไปยังจังหวัดยะลา รุนแรงกว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาหลายเท่า เกิดความปั่นป่วนในขบวนเสด็จฯ และเกิดการลอบวางระเบิดในที่ประทับของพระองค์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในขณะนั้น

 

ชัยธวัชระบุว่า เราทราบกันดีว่าไม่ใช่ปัญหาการเกี่ยวกับการถวายความปลอดภัยอันเกิดจากเรื่องการก่ออาชญากรรมเพื่อหมายปองทำร้ายพระบรมวงศานุวงศ์ แต่เป็นปัญหาที่สืบเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองและความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งเราเรียนรู้ได้จากกรณีของตะวัน 

 

“เราปิดปากเขา สุดท้ายเขาเลยเลือกที่จะตะโกน นี่เป็นบทเรียนอย่างน้อยอย่างหนึ่งที่เราจะพิจารณากันหลังจากนี้ โดยเฉพาะฝ่ายบริหาร ในขณะเดียวกันผมคิดว่าคนที่กำลังตะโกนอยู่ ด้วยความเคารพผม คิดว่าคนที่กำลังตะโกนก็ควรจะไตร่ตรองว่าวิธีการอะไรที่จะทำให้คนหันมาเปิดใจฟังพวกเรามากขึ้น การตะโกนยิ่งทำให้ไม่มีใครฟังอาจเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาเช่นกัน” ชัยธวัชกล่าว

 

ชัยธวัชยังเสนอให้รัฐบาลสร้างกุศโลบายทางการเมือง และหยุดการกล่าวหาอีกฝ่ายว่าหนักแผ่นดิน หรือนิ้วไหนร้ายก็ตัดนิ้วนั้น หรือไล่ให้ไปอยู่ประเทศอื่น หรือนำความจงรักภักดีมาแบ่งแยกประชาชน เพราะสุดท้าย ต่อให้ใช้กำลังหรือการใช้อาวุธก็ไม่ใช่ทางออก ดังนั้นจึงควรจบปัญหาที่เกิดขึ้นทางการเมืองนี้ด้วยการนิรโทษกรรม และหวังว่ารัฐบาลและ สส. จะมีสติ ระงับความโกรธ เช่นเดียวกับที่เอกนัฏจัดการอารมณ์ไม่ให้บานปลายจนเกิดการปะทะขัดแย้ง

 

‘ชาดา’ เผยมีขบวนการหนุนม็อบเด็ก 

 

ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และ สส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ได้ใช้สิทธิพาดพิงอภิปรายว่า ถ้าขบวนการต่างๆ เกิดขึ้นจากเด็ก จากความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติก็เป็นอีกเรื่อง แต่ปัญหาคือมีผู้อยู่เบื้องหลัง มีการมอบเงินสนับสนุนให้เด็ก มีกลุ่มต่างชาติไปประกันตัว และกดดันเจ้าหน้าที่ที่สถานีตำรวจ ทำให้ปัญหาไม่จบสิ้น 

 

เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เกิดการปะทุของคนไทยและเป็นที่มาของญัตติในวันนี้ ทั้งที่ประเทศไทยไม่เคยเกิดปัญหาเหล่านี้ แต่เป็นเพราะคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามจะเข้ามาข้องแวะและสร้างความเสื่อมให้กับสถาบันฯ ทั้งที่คนไทยทุกคนยอมรับได้กับขบวนเสด็จฯ เนื่องจากทราบว่าเป็นการทำพระราชกรณียกิจ เสด็จฯ ไปเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เป็นความรู้สึกที่คนไทยทุกคนยอมรับ และมีมานานหลายร้อยปี แต่ตนเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากความไม่หวังดีจากคนนอกประเทศหรือคนกลุ่มหนึ่ง 

 

ชาดากล่าวว่า คนไทยจะต้องตระหนักว่าใครอยู่เบื้องหลังเด็กเหล่านี้ ทำอย่างนี้เพื่ออะไร หากจะพูดเรื่องนี้ต้องพูดกันยาวซึ่งเชื่อว่า ถ้ามีจิตที่บริสุทธิ์ต่อประเทศนี้ก็มีพื้นที่ที่จะคุยกัน การจะพูดอะไรต้องจริงใจ พูดและกระทำต้องไปในทิศทางเดียวกัน อย่าพูดอย่างทำอย่าง 

 

จากนั้นชาดาได้โชว์เอกสาร พร้อมกล่าวว่า ไม่อยากจะพูดว่ามีหลักฐานเอกสารในมือว่าใครสนับสนุนเงินทองบ้าง

 

มีหลักฐาน ผู้ช่วย สส. ส่งเงินหนุน

 

ภายหลังปิดญัตติขบวนเสด็จฯ เสร็จสิ้นแล้ว พรรคก้าวไกลยังใช้สิทธิหารือเรื่องของการส่งญัตตินี้ไปคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อ เนื่องจากมีเฮตสปีช (Hate Speech) จำนวนมาก และมีเนื้อหาใส่ร้ายป้ายสีบุคคลภายนอกโดยที่เขาไม่ได้มีโอกาสชี้แจง และยังพูดถึงว่ามีขบวนการสนับสนุนการเงินอยู่เบื้องหลังกับผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหว ดังนั้นหากจะส่งก็ควรจะขอหลักฐานจากผู้อภิปรายประกอบไปด้วย และจะได้ยืนยันว่าสิ่งที่ท่านพูดไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสีหรือกล่าวหาลอยๆ

 

จากนั้นชาดาจึงลุกขึ้นประท้วง ยืนยันว่ามีหลักฐานอยู่ในมือแล้วแต่ไม่อยากสร้างความขัดแย้ง ที่ผ่านมาท่านเริ่มก่อนนะ มีหลักฐานแต่ยังจับไม่ได้ ถ้าจับได้เขาดำเนินคดีแน่นอน และถ้าถามว่าใครอยากรู้จะบอกให้ว่าเป็นผู้ช่วย สส. ท่านใดที่ส่งเงินให้กับขบวนการพวกนี้ ตนจึงบอกว่าอย่านำตนเข้าไปสู่วงจรให้องค์ประกอบมันครบ คนอย่างตนถ้าไม่ใช่ความจริงไม่พูด และสิ่งที่สำคัญ ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน 

 

ระหว่างนั้น รักชนก ศรีนอก สส. กทม. พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วง ว่าอยากให้ชาดาแจ้งว่า ลุกขึ้นพูดตามข้อบังคับใด ทำให้เหตุการณ์ในห้องประชุมเริ่มตึงเครียด รักชนกที่นั่งอยู่บริเวณโซนด้านหน้าพรรคก้าวไกลได้ลุกขึ้นเดินมาหาชาดาที่อยู่บริเวณด้านหลังที่นั่งพรรคภูมิใจไทย พูดคุยสักพัก ก่อนที่ชาดาจะเดินตรงไปหารังสิมันต์ และคุยกันด้วยท่าทางอย่างมีอารมณ์นานกว่า 3 นาที

 

ส่งไม้ต่อ ครม. ปรับปรุงมาตรฐานถวายความปลอดภัย

 

ก่อนที่ที่ประชุมสภาจะมีมติส่งรายงานการประชุมเรื่องญัตติด่วนนี้ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานการถวายความปลอดภัยให้มีความเข้มงวดมากขึ้นต่อไป ขณะเดียวกันยังส่งความเห็นไปยังคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม นำไปพิจารณาประกอบการตราพระราชบัญญัติด้วย

The post จากนอกสภาสู่ในสภา ‘รัฐ-ฝ่ายค้าน’ ถกญัตติขบวนเสด็จฯ หวังสังคมคลี่คลาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ก้าวไกลนำ กมธ.การทหารหารือกลาโหม โครงการ ‘พลทหารปลอดภัย’ ทหารเกณฑ์ต้องไม่เจ็บและเสียชีวิตในค่ายอีก https://thestandard.co/military-committee-discusses-defense/ Fri, 02 Feb 2024 09:02:35 +0000 https://thestandard.co/?p=895351

วันนี้ (2 กุมภาพันธ์) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายช […]

The post ก้าวไกลนำ กมธ.การทหารหารือกลาโหม โครงการ ‘พลทหารปลอดภัย’ ทหารเกณฑ์ต้องไม่เจ็บและเสียชีวิตในค่ายอีก appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (2 กุมภาพันธ์) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร นำ กมธ.การทหาร ประกอบด้วย ร.ท. ธนเดช เพ็งสุข, เชตวัน เตือประโคน, เอกราช อุดมอำนวย, ชยพล สท้อนดี ร่วมหารือกับ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในประเด็นต่างๆ 

 

โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญคือ โครงการพลทหารปลอดภัย ที่ กมธ.การทหารริเริ่มขึ้น เพื่อหามาตรการป้องกันและระงับยับยั้งไม่ให้เกิดการทำร้ายทหารเกณฑ์ในค่ายทหาร โดยเฉพาะการกระทำที่เข้าลักษณะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 

 

วิโรจน์กล่าวว่า การหารือวันนี้มีหลายเรื่องพูดคุยกันเพื่อสร้างความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ซึ่งกันและกันระหว่างกระทรวงกลาโหมและ กมธ.การทหาร เช่น การติดตามตรวจสอบกรณีเรือดำน้ำ การเก็บกู้เรือรบหลวงสุโขทัย กรณีที่ดินทหารทับซ้อนที่ทำกินของประชาชน แต่ละกรณีจะจัดการอย่างไรเพื่อให้ปัญหาของประชาชนคลี่คลาย ทำให้กองทัพมีความโปร่งใส ประชาชนรู้สึกไว้วางใจมากขึ้น 

 

แต่เรื่องสำคัญที่สุดที่ต้องการหารือ คือการขอความร่วมมือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับโครงการพลทหารปลอดภัย ที่ กมธ. จะเปิดตัวเป็นช่องทางร้องเรียนกรณีมีเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนต่อสวัสดิภาพของพลทหารที่อยู่ในค่ายทหาร ช่องทางนี้จะติดต่อโดยตรงด่วนที่สุดไปยังหน่วยงานหรือบุคคลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมอบหมาย เพื่อสกัดกั้นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง หรือการลงโทษที่ผิดระเบียบ 

 

อย่างไรก็ตาม หากเกิดเหตุการณ์ซ้อมทรมานที่เข้าข่ายการกระทำความผิด เราจะมีกระบวนการที่ชัดเจนในการรวบรวมหลักฐานและข้อเท็จจริงทั้งหมดส่งถึงหน่วยงาน เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานการสอบสวน และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ อย่างถึงที่สุด และในการขอข้อมูลเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ผ่านมา กมธ.การทหารมักทำหนังสือไปถึงหน่วยงานเพียงครั้งเดียว เมื่อไม่ได้รับคำตอบก็เงียบหาย แต่ กมธ.การทหารในยุคที่ตนเป็นประธาน มีมติชัดเจนว่าจะทำหนังสือติดตามถึง 3 ครั้ง โดยทุกครั้งจะสำเนาถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย

 

ด้าน ร.ท. ธนเดช เพ็งสุข ประธาน กมธ.การทหาร คนที่ 2 ในฐานะผู้ดูแลโครงการ พลทหารปลอดภัย กล่าวว่า โครงการนี้ กมธ. ต้องการทำงานร่วมกับกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ เพื่อแก้ไขปัญหาทหารเกณฑ์ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในค่ายทหาร ด้วยการเปิดเป็นช่องทางร้องเรียน มีหมายเลขโทรศัพท์และ LINE OA ให้พลทหารหรือพ่อแม่ผู้ปกครองที่พบความไม่ยุติธรรม หรือถูกลงโทษที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิต หรือรู้สึกไม่ปลอดภัยจากการเป็นพลทหาร สามารถร้องเรียนเข้ามา กมธ.การทหารจะมีระบบหลังบ้านเชื่อมไปยังผู้ประสานงานของแต่ละเหล่าทัพ ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนจะแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที คาดว่าเริ่มโครงการได้ในช่วงทหารเกณฑ์ผลัดใหม่ต้นเดือนเมษายนนี้ 

 

โดยระหว่างนี้ก่อนถึงช่วงเกณฑ์ทหาร กมธ.การทหารจะเดินสายจัดอบรมสัมมนาสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ให้แก่นายทหารระดับบังคับบัญชา เช่น ตำแหน่ง ผบ.ร้อย ขึ้นไป เพื่อให้การเกณฑ์ทหารผลัดใหม่ที่จะมาถึงดำเนินไปอย่างเคารพสิทธิมนุษยชน คำนึงถึงสวัสดิภาพของพลทหาร 

 

“เมื่อวันนี้ยังไม่สามารถยกเลิกการเกณฑ์ทหารได้ สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้คือทำช่องทางที่พี่น้องประชาชนสามารถไว้วางใจ ให้เราเป็นคนติดต่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหา โดยเป้าหมายของโครงการพลทหารปลอดภัย คือต้องไม่มีพลทหารหรือทหารเกณฑ์ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในค่ายทหารอีก” ร.ท. ธนเดชกล่าว

The post ก้าวไกลนำ กมธ.การทหารหารือกลาโหม โครงการ ‘พลทหารปลอดภัย’ ทหารเกณฑ์ต้องไม่เจ็บและเสียชีวิตในค่ายอีก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศิริกัญญา-วิโรจน์ ไม่หวั่น 44 สส. ก้าวไกล ถูกสอบจริยธรรมเซ็นหนุนแก้ ม.112 เผยเตรียมทีมกฎหมายต่อสู้คดี https://thestandard.co/sirikanya-wiroj-is-not-worried/ Fri, 02 Feb 2024 05:26:55 +0000 https://thestandard.co/?p=895215

วันนี้ (2 กุมภาพันธ์) ศิริกัญญา ตันสกุล สมาชิกสภาผู้แทน […]

The post ศิริกัญญา-วิโรจน์ ไม่หวั่น 44 สส. ก้าวไกล ถูกสอบจริยธรรมเซ็นหนุนแก้ ม.112 เผยเตรียมทีมกฎหมายต่อสู้คดี appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (2 กุมภาพันธ์) ศิริกัญญา ตันสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีคนไปยื่นร้องสอบจริยธรรม 44 สส. พรรคก้าวไกล ที่ลงชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ท้ายที่สุดแล้วอาจจะทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองว่า ตนเป็นหนึ่งใน 44 คนที่ได้เซ็นเสนอการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เช่นเดียวกัน พรรคได้มีการเตรียมที่จะต่อสู้คดีในเรื่องนี้ เพราะเป็นหนึ่งในฉากทัศน์ที่เกิดขึ้นได้แน่นอน เราก็เลยไม่ได้กังวลใจ ซึ่งในกระบวนการต่อสู้ เราก็มีข้อที่จะใช้ในการต่อสู้เชิงคดี เพื่อที่จะไม่ทำให้เราต้องเจอในเรื่องของการถูกตัดสิทธิ์หรือถูกตัดสินว่ามีการทำผิดจริยธรรม

 

ศิริกัญญากล่าวอีกว่า แน่นอนว่าไม่ใช่กระบวนการยกเลิก เพียงแต่เป็นการแก้ไขกฎหมาย เพราะการแก้ไขกฎหมายเป็นสิทธิที่ชอบธรรมของผู้แทนราษฎรที่จะต้องดำเนินการในฝ่ายนิติบัญญัติอยู่แล้ว ถ้าจะทำไม่ได้หรืออะไรก็จะต้องมีการโต้แย้งหรือมีการยับยั้งมาตั้งแต่ตอนต้น ซึ่งอาจจะมีส่วนที่ทำให้เรายื่นแต่ไม่เข้าสู่ระบบวาระได้ ดังนั้นการที่จะพิสูจน์พฤติการณ์ระหว่างศาลรัฐธรรมนูญกับศาลฎีกาก็มีความแตกต่างกันอยู่ เราก็สู้อย่างเต็มที่

 

ส่วนจะมีทางรอดของ สส. ทั้ง 44 คนอยู่ใช่หรือไม่ ศิริกัญญากล่าวว่า เราก็ต้องเตรียมตัวสำหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุด แต่มีความหวังสำหรับกรณีที่ดีที่สุดเอาไว้ และหากผลออกมาเป็นทางลบ เราได้มีการวางแผนรองรับไว้แน่นอน และเราก็มีแกนนำรุ่นต่อๆ มา คิดว่าระยะเวลาของกระบวนการยุติธรรมไม่ได้รวดเร็ว และมีเวลาที่จะเตรียมแกนนำรุ่นต่อไปขึ้นมาได้ ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด 

 

ศิริกัญญากล่าวอีกว่า หากพิจารณา สส. ของพรรคก้าวไกล หรือผู้ที่เข้ามาร่วมงานกับเรา หลายคนมีศักยภาพสูงมาก แม้จะไม่มี สส. ทั้ง 44 คน แต่รับรองว่าแนวคิด อุดมการณ์ วิธีคิด กระบวนการทำงานที่เป็นของพรรคก้าวไกล ก็คงจะสามารถดำเนินการต่อสืบทอดต่อไปได้ในเรื่องต่อๆ ไปแน่นอน เราเชื่อมั่นในบุคลากรของเรา

 

วิโรจน์ไม่กังวล ชี้ทุกคนยังทำงานตามปกติ

 

ขณะที่ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งถึงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นนโยบายหาเสียงแก้ไข ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ว่าไม่มีความกังวลในเรื่องนี้ เพราะตนเองก็เป็น 1 ใน 44 รายชื่อที่ลงชื่อเสนอนโยบายนี้ และภายในพรรคก็ไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงประเด็นดังกล่าว โดยทุกคนก็ยังคงทำงานตามปกติ

The post ศิริกัญญา-วิโรจน์ ไม่หวั่น 44 สส. ก้าวไกล ถูกสอบจริยธรรมเซ็นหนุนแก้ ม.112 เผยเตรียมทีมกฎหมายต่อสู้คดี appeared first on THE STANDARD.

]]>