วิทยาศาสตร์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sun, 25 Aug 2024 03:16:09 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 NARIT เผยสุดยอด ‘นักสื่อสารดาราศาสตร์น้อย’ จากระดับประถมศึกษา https://thestandard.co/narit-little-star-contest-year-2/ Sun, 25 Aug 2024 03:16:09 +0000 https://thestandard.co/?p=975101

NARIT จัดแข่งขัน ‘นักสื่อสารดาราศาสตร์น้อย’ หรือ Little […]

The post NARIT เผยสุดยอด ‘นักสื่อสารดาราศาสตร์น้อย’ จากระดับประถมศึกษา appeared first on THE STANDARD.

]]>

NARIT จัดแข่งขัน ‘นักสื่อสารดาราศาสตร์น้อย’ หรือ Little Star Contest ปีที่ 2 สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน กระตุ้นทักษะการสื่อสารวิทยาศาสตร์ และทำให้อวกาศเป็นเรื่องราวที่เข้าถึงได้โดยทุกกลุ่มคน

 

ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ NARIT คัดเลือกผู้ผ่านเข้ารอบ 5 คนจากระดับประถมศึกษาตอนต้น และ 5 คนจากระดับประถมศึกษาตอนปลาย มานำเสนอเรื่องราว ณ เวทีกลาง งานมหกรรมวิทย์ฯ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

 

สำหรับผลการแข่งขันระดับประถมศึกษาตอนต้น จิรกร ฉายพิมาย จากโรงเรียนมารีย์วิทยา นครราชสีมา เป็นผู้ได้รางวัลชนะเลิศ จากการถ่ายทอดเรื่อง ‘ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลง’

 

  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จิณณ์จิรัชญา เอี่ยมผึ้ง โรงเรียนไผทอุดมศึกษา เรื่อง Our Solar System
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ กชลักษิกา สายตา โรงเรียนเทศบาล 4 สันป่าก่อ เรื่อง Color of Stars
  • รางวัลชมเชยจำนวน 2 รางวัล ได้แก่ อโยธารา มาลาพัด โรงเรียนเทศบาล 4 สันป่าก่อ เรื่อง ความรักก็เหมือนดาวคู่ และ บวรวงศ์ เกียรติปัญญาโอภาส โรงเรียนประเทืองทิพย์วิทยา เรื่อง Solar Storm

 

ในขณะที่ระดับประถมศึกษาตอนปลาย นพปภัทร ศุภสัณฐิติกุล โรงเรียนเทศบาลบ้านคูหาสวรรค์ ได้รางวัลชนะเลิศ จากการเล่าเรื่อง ‘The Realm of the Endless Void’ เป็นภาษาอังกฤษ

 

  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ จรัสรัตน์ ทรัพย์จรัสแสง จากโฮมสคูล เรื่อง A Thrilling Success of Mission to the Moon
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ พีรวิชญ์ รัตนพันธ์ โรงเรียนสารสิทธิ์พิทยาลัย เรื่อง Black Holes and Neutron Stars
  • รางวัลชมเชยจำนวน 2 รางวัล ได้แก่ กัญญพัชร เทพประสูตร โรงเรียนดรุณาราชบุรีวิเทศศึกษา เรื่อง The Scientific Beauty of Solar Eclipse และ กวิน บัวชุม โรงเรียนชลประทานวิทยา เรื่อง ความลับของดวงจันทร์ (Secrets of the Moon)

 

จุลลดา ขาวสะอาด รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ประธานตัดสินการแข่งขัน ระบุว่า NARIT เห็นความสำคัญของการพัฒนาทักษะด้านการสื่อสารวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ ที่ไม่เพียงแต่เป็นการพัฒนาทักษะส่วนบุคคลเท่านั้น แต่หากเยาวชนมีความรู้และความเข้าใจดาราศาสตร์ และสามารถสื่อสารให้กับบุคคลทั่วไปได้อย่างถูกต้องและเข้าใจได้ง่าย ก็จะเป็นประโยชน์ต่อวงการวิทยาศาสตร์ไทยเป็นอย่างมาก

 

ในฐานะหนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน กรทอง วิริยะเศวตกุล Content Creator ของ THE STANDARD เปิดเผยว่า “ดีใจอย่างยิ่งที่เห็นเยาวชนไทยมีทักษะความสามารถในด้านการสื่อสารดาราศาสตร์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการส่งต่อข้อมูลอย่างมีคุณภาพ ถูกต้อง และกระตุ้นให้เกิดความสนใจใฝ่รู้ด้านอวกาศมากยิ่งขึ้น พร้อมกับเป็นรากฐานสำคัญให้วงการวิทยาศาสตร์ของไทยขับเคลื่อนไปได้อย่างมั่นคงในอนาคต”

The post NARIT เผยสุดยอด ‘นักสื่อสารดาราศาสตร์น้อย’ จากระดับประถมศึกษา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชวนเที่ยวงาน ‘Wit in Bangkok’ เทศกาลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรุงเทพฯ 10-11 ส.ค. นี้ https://thestandard.co/wit-in-bangkok-2024/ Tue, 06 Aug 2024 06:50:11 +0000 https://thestandard.co/?p=967810

หยุดยาวนี้ชวนเที่ยวงาน ‘Wit in Bangkok’ เทศกาลวิทยาศาสต […]

The post ชวนเที่ยวงาน ‘Wit in Bangkok’ เทศกาลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรุงเทพฯ 10-11 ส.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

หยุดยาวนี้ชวนเที่ยวงาน ‘Wit in Bangkok’ เทศกาลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรุงเทพมหานคร ที่รวมความสนุกและความน่าสนใจของวิทยาศาสตร์มาไว้ ณ สวนเบญจกิติ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 10-11 สิงหาคมนี้

 

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Up Sci Town: วิทย์ทุกมุมเมือง’ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย 12 เทศกาลตลอดปีกรุงเทพฯ ของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

 

ภายในงานประกอบด้วย 4 โซนกิจกรรม ได้แก่ Wit in Town, Wit in the Wild, With in Class และ With in the Crowd จากการรวมหน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับด้านวิทยาศาสตร์ เช่นเดียวกับกิจกรรมเวิร์กช็อปต่างๆ ที่น่าสนใจ อาทิ ‘พับกบ พบกับ การพับกบที่จะได้พบกับ…ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ’ และ ‘รู้จักดาราศาสตร์ผ่านโมเดลกระดาษ’ เป็นต้น

 

นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลบนเวทีเสวนา อาทิ รศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์, ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ และตัวแทนหน่วยงานต่างๆ ในภาคีนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ร่วมจัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และส่งต่อข้อมูลที่น่าสนใจ เช่น การอัปเดตเทรนด์อวกาศ เรื่องราวไดโนเสาร์ในไทย การรู้ทันเท่าวิทยาศาสตร์เทียม เป็นต้น

 

งาน ‘Wit in Bangkok’ เปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ 10-11 สิงหาคม เวลา 11.00-20.00 น. ณ อาคารพิพิธภัณฑ์สวนป่าเบญจกิติ (โรงงานผลิตยาสูบ 5) สวนเบญจกิติ กรุงเทพมหานคร โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าฟรีได้ทาง: https://forms.gle/vU5r7PKMvoTZb3qd7 

 

ภาพ: Science Communicator Association

The post ชวนเที่ยวงาน ‘Wit in Bangkok’ เทศกาลวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรุงเทพฯ 10-11 ส.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีกับงาน Thailand LAB INTERNATIONAL 2024, Bio Asia Pacific 2024, FutureCHEM INTERNATIONAL 2024 พร้อมไฮไลต์ล่าสุด Health & Innovation Asia 2024 ตอบโจทย์ทุกความต้องการของอุตสาหกรรมเครื่องมือห้องปฏิบัติการ https://thestandard.co/thailand-lab-international-2024/ Tue, 06 Aug 2024 03:59:44 +0000 https://thestandard.co/?p=967723

วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี […]

The post ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีกับงาน Thailand LAB INTERNATIONAL 2024, Bio Asia Pacific 2024, FutureCHEM INTERNATIONAL 2024 พร้อมไฮไลต์ล่าสุด Health & Innovation Asia 2024 ตอบโจทย์ทุกความต้องการของอุตสาหกรรมเครื่องมือห้องปฏิบัติการ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมจัดงาน

 

  • Thailand LAB INTERNATIONAL งานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องมือสำหรับห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์
  • Bio Asia Pacific งานแสดงผลงานวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยี ด้านชีววิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีชีวภาพและการแพทย์สมัยใหม่ งานสำหรับอุตสาหกรรมเคมีในอนาคต
  • FutureCHEM INTERNATIONAL พร้อมเปิดตัวงานใหม่อย่างงาน Health & Innovation Asia ที่จะครอบคลุมเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

 

พร้อมแสดงศักยภาพอีกครั้งด้วยการนำผู้ประกอบการชั้นนำในอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศกว่า 200 ราย มากกว่า 500 แบรนด์ชั้นนำ มาจัดแสดง พร้อมนำเสนอเทคโนโลยี ผลงานวิจัยใหม่ และนวัตกรรมต่างๆ เผยแพร่สู่ตลาด

 

ตอบรับความต้องการทั้งผู้ซื้อและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอย่างครบครันที่สุดในเอเชีย ทั้งกลุ่มอาหาร ยา วัคซีน เครื่องสำอาง ปิโตรเคมี และนวัตกรรมด้านสุขภาพ

 

พร้อมงานสัมมนาเชิงวิชาการและปฏิบัติการกว่า 100 หัวข้อที่อัดแน่นด้วยสาระความรู้มากมาย จากวิทยากรชั้นนำของอุตสาหกรรม

 

 

แล้วพบกันในวันที่ 11-13 กันยายน 2567 ฮอลล์ 102-104 ไบเทค บางนา

ลงทะเบียนล่วงหน้าเข้างานฟรีที่ https://thailandlab.com/ 

โทร. 0 2111 6611

จัดโดยวีเอ็นยู เอสทีทีเอ และทีเซลส์

The post ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีกับงาน Thailand LAB INTERNATIONAL 2024, Bio Asia Pacific 2024, FutureCHEM INTERNATIONAL 2024 พร้อมไฮไลต์ล่าสุด Health & Innovation Asia 2024 ตอบโจทย์ทุกความต้องการของอุตสาหกรรมเครื่องมือห้องปฏิบัติการ appeared first on THE STANDARD.

]]>
The Lipstick Effect เมื่อวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าการแต่งหน้าช่วยให้รู้สึกดีได้จริง https://thestandard.co/the-lipstick-effect-science-confirmed-make-up-boost-mood/ Sun, 14 Jul 2024 07:07:27 +0000 https://thestandard.co/?p=957657 The Lipstick Effect

สาวๆ คนไหนเคยได้ยินคำพูดของ Coco Chanel ที่ว่า “ถ้าคุณเ […]

The post The Lipstick Effect เมื่อวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าการแต่งหน้าช่วยให้รู้สึกดีได้จริง appeared first on THE STANDARD.

]]>
The Lipstick Effect

สาวๆ คนไหนเคยได้ยินคำพูดของ Coco Chanel ที่ว่า “ถ้าคุณเศร้า จงทาลิปสติกแล้วสู้ต่อไป” บ้างยกมือขึ้น! เชื่อว่าหลายคนคงพยักหน้ารัวๆ แน่นอน เพราะไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน ลิปสติกก็ยังคงเป็น ‘ไอเท็มวิเศษ’ ที่ช่วยเนรมิตความมั่นใจให้สาวๆ ได้ในพริบตา รู้ไหมว่าแม้แต่เหล่านักวิทยาศาสตร์ยังออกมายืนยันเลยว่า การแต่งหน้า ไม่ได้แค่ทำให้สวยและทำให้รู้สึกดีขึ้นได้จริง แต่ยังช่วยบูสต์ประสิทธิภาพการทำงานได้อีกด้วย! 

 

ผลการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้ที่แต่งหน้ามักจะมี IQ ที่สูงกว่าผู้ที่ไม่แต่งหน้า โดยนักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เหตุผลหลักคือ ‘ความมั่นใจ’ เพราะ การแต่งหน้า ช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งส่งผลต่อทัศนคติ บุคลิกภาพ และประสิทธิภาพการทำงานที่ดีตามไปด้วยนั่นเอง แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าเราจำเป็นต้องแต่งหน้าตลอดเวลาถึงจะมั่นใจได้ ไม่ใช่เลย! แม้แต่ Aimee Connolly ผู้ก่อตั้งและ CEO ของแบรนด์เครื่องสำอาง Sculpted By Aimee ยังเผยว่า 90% ของเวลาทั้งหมด เธอก็ไม่แต่งหน้าเลย อย่าลืมว่าความมั่นใจที่แท้จริงนั้นมาจากข้างใน การแต่งหน้าเป็นเพียงตัวช่วยให้เราได้แสดงออกถึงความเป็นตัวเอง และเสริมจุดเด่นที่มีอยู่แล้วให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

 

สรุปง่ายๆ ก็คือ ถ้าวันไหนคุณรู้สึกเหนื่อยล้า ลองหยิบลิปสติกขึ้นมาทาดู แล้วคุณจะรู้ว่า บางทีสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเปลี่ยนวันธรรมดาๆ ให้กลายเป็นวันพิเศษได้

 

ภาพ: makeupbymario / Instagram

The post The Lipstick Effect เมื่อวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าการแต่งหน้าช่วยให้รู้สึกดีได้จริง appeared first on THE STANDARD.

]]>
สว. กัมพล ผู้พบต้นตะเคียนยักษ์ เมินเสียงวิจารณ์ ชี้เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ที่ต้องพิสูจน์ความจริง ตั้งเป้าทำงานเพื่อสีน้ำเงินบนธงชาติ https://thestandard.co/senator-kamphon-giant-takian-tree-discovery/ Fri, 12 Jul 2024 08:40:53 +0000 https://thestandard.co/?p=956938 กัมพล ทองชิว

วันนี้ (12 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นวันที่สองที่ […]

The post สว. กัมพล ผู้พบต้นตะเคียนยักษ์ เมินเสียงวิจารณ์ ชี้เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ที่ต้องพิสูจน์ความจริง ตั้งเป้าทำงานเพื่อสีน้ำเงินบนธงชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กัมพล ทองชิว

วันนี้ (12 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นวันที่สองที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดใหม่ ที่ได้รับการรับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา กัมพล ทองชิว สว. จากกลุ่ม 13 กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม กล่าวภายหลังการรายงานตัวว่า ในวันนี้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย พร้อมย้ำว่าตนมีความตั้งใจที่จะอาสาเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชนเพื่อแก้กฎหมายในเรื่องต่างๆ 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงประวัติที่ระบุว่าเป็นผู้พบต้นตะเคียนยักษ์อายุนับ 100 ปีเมื่อปี 2558 กัมพลกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน ที่มีการประกาศรายชื่อบุคคลที่ได้รับตำแหน่ง สว. ชุดใหม่ ก็มีการออกข่าวในเรื่องดังกล่าวนี้มากมาย แต่ตนเองก็ไม่ได้ซีเรียสมากนัก แม้จะถูกเหน็บแนมว่าจบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์แต่งมงาย ซึ่งตนเองเชื่อว่าเรื่องนี้ก็เป็นวิทยาศาสตร์ เราฝันเห็น เราก็ต้องการที่จะพิสูจน์ความจริง เมื่อไปถึงสถานที่ก็พบว่าถูกฝังอยู่ใต้ดินจริงๆ แต่ใครจะมองกรณีดังกล่าวนี้อย่างไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งนี้ก็เป็นผลงานที่เราดำเนินการมาอย่างเต็มที่

 

ส่วนที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้น กัมพลกล่าวว่า ตนเองเห็นแล้ว และคิดว่าเป็นมุมมองแต่ละคน เราก็ต้องทำความเข้าใจ เพราะเราเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว จะไปใส่ใจก็ไม่มีประโยชน์ 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีกลุ่มนักวิชาการตั้งข้อสังเกตว่า ในกลุ่ม 13 ซึ่งเป็นกลุ่มวิทยาศาสตร์นั้นไม่รู้จักใครสักคน กัมพลถามกลับว่า จะต้องเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเท่านั้นเหรอถึงจะมาเป็น สว. ได้ เพราะรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ทุกสาขาอาชีพสามารถเข้ามาดำรงตำแหน่งได้ ซึ่งที่บอกว่าคนที่จะมาเป็น สว. ได้จะต้องมีความรู้ทางกฎหมาย ตนเองมองว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น เพราะ สว. เป็นเพียงแค่คนที่กลั่นกรองซึ่งมีการร่างรายละเอียดมาก่อนหน้าอยู่แล้ว การทำหน้าที่ครั้งนี้ยึดตามประสบการณ์เป็นหลัก เพราะ สว. มาจากหลายอาชีพที่มีประสบการณ์ ที่จะแก้ไขหรือตรวจสอบกฎหมายว่าจะสามารถใช้ได้จริงหรือไม่ ส่วนงานด้านกฎหมายก็มีคนดูแลอยู่แล้ว 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งแล้วมีสิ่งใดที่ต้องการผลักดันเป็นพิเศษหรือไม่ กัมพลระบุว่า ต้องการผลักดันเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะเรื่องนี้ตนเองมีความเกี่ยวข้องกับด้านวิทยาศาสตร์โดยตรง เราอยู่ในจังหวัดสมุทรสาครที่มีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก และที่ผ่านมาตนเองก็เคยเป็นแกนนำการต่อต้านถ่านหินที่จะสร้างผลกระทบต่อชาวบ้านและชุมชน

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลายคนมองว่า สว. ชุดนี้มีที่มาหลายรูปแบบ ทั้งแบ่งสีและแบ่งกลุ่ม ขณะนี้มีใครชักชวนเข้ากลุ่มหรือไม่ กัมพลกล่าวว่า ตนเองมีความตั้งใจจริง และมีสิ่งหนึ่งที่ตนเองได้ตั้งปณิธานไว้ในการเข้ามาทำหน้าที่ มีเป้าหมายว่าทำเพื่อสีน้ำเงินที่อยู่บนธงชาติ เราเลือดสีน้ำเงิน โดยยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับข้องกับพรรคการเมืองพรรคไหน

The post สว. กัมพล ผู้พบต้นตะเคียนยักษ์ เมินเสียงวิจารณ์ ชี้เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ที่ต้องพิสูจน์ความจริง ตั้งเป้าทำงานเพื่อสีน้ำเงินบนธงชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รู้จัก CAUDALIE สกินแคร์ที่ค้นพบสูตรความงามจากไร่องุ่น https://thestandard.co/life/caudalie Mon, 08 Jul 2024 05:26:05 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=954744 CAUDALIE

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมไร่องุ่นถึงอุดมไปด้วยพลังแห่งความงาม […]

The post รู้จัก CAUDALIE สกินแคร์ที่ค้นพบสูตรความงามจากไร่องุ่น appeared first on THE STANDARD.

]]>
CAUDALIE

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมไร่องุ่นถึงอุดมไปด้วยพลังแห่งความงาม? วันนี้ LIFE จะพาทุกคนไปรู้จักกับ CAUDALIE แบรนด์ความงามสัญชาติฝรั่งเศสที่จะเปลี่ยนมุมมองของคุณต่อการดูแลผิวไปตลอดกาล แบรนด์นี้เป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติ และความหรูหราเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยการนำสารสกัดจากองุ่นมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว CAUDALIE สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการความงาม ที่ไม่เพียงแต่ให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง แต่ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

 

หากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลผิวที่ได้ผลจริง ปลอดภัย และมีเรื่องราวน่าสนใจ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ CAUDALIE ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของแบรนด์ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่กำลังเป็นที่พูดถึง เตรียมพร้อมที่จะหลงรักการดูแลผิวในแบบฉบับฝรั่งเศส ที่ผสมผสานความงามจากธรรมชาติเข้ากับนวัตกรรมล้ำสมัยได้อย่างลงตัว มาเริ่มการเดินทางสู่ผิวสวยสุขภาพดีไปพร้อมกับ CAUDALIEกันเถอะ!

 

 

What is it?

CAUDALIEเป็นแบรนด์ความงามที่เกิดจากความรักในธรรมชาติและความหลงใหลในพลังแห่งองุ่น ก่อตั้งโดย Mathilde Thomas และสามี ในปี 1993 ณ Château Smith Haut Lafitte ไร่องุ่นของครอบครัวในเมืองบอร์กโดซ์ ประเทศฝรั่งเศส

 

จุดเริ่มต้นของ CAUDALIEเกิดขึ้นเมื่อ Mathilde พบกับศาสตราจารย์ Joseph Vercauteren ผู้เปิดเผยว่าเมล็ดองุ่นมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สุดในโลก จุดประกายให้ Mathilde ริเริ่มสร้างผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากสารสกัดองุ่น

 

ความน่าสนใจของ CAUDALIEอยู่ที่การผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมและนวัตกรรมล้ำสมัย แบรนด์มุ่งมั่นในการวิจัยและพัฒนาสูตรที่มีประสิทธิภาพสูง โดยยังคงความเป็นธรรมชาติและใส่ใจสิ่งแวดล้อม

 

The Ingredients

ส่วนผสมเด่นของ CAUDALIEได้แก่

 

  1. โพลีฟีนอลจากเมล็ดองุ่น: สารต้านอนุมูลอิสระทรงพลัง
  2. เรสเวอราทรอล: สารช่วยต่อต้านริ้วรอยและกระชับผิว
  3. วินิเฟอริน: สารสกัดจากยางเถาองุ่น ช่วยลดรอยดำและทำให้ผิวกระจ่างใส

 

 

The Product Range

หนึ่งในผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่น่าสนใจคือ Vinosun Protect SPF50+ Stick กันแดดแบบแท่งเนื้อบางเบา มี SPF50 ที่ปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยสูตรออร์แกนิกที่อ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว แม้แต่เด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป Vinosun Protect โดดเด่นด้วยส่วนผสมล้ำค่าจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันเมล็ดองุ่นที่ให้ความชุ่มชื้นและต้านอนุมูลอิสระ และน้ำมันบูริติออร์แกนิกที่ช่วยลดการระคายเคืองและบำรุงผิว ด้วยเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่ทิ้งคราบขาว ทำให้ผิวดูเป็นธรรมชาติตลอดวัน

 

  • นอกจากนี้ยังมีไอเท็มเด่นๆ อย่าง Vinosun Protect SPF50+ Spray สเปรย์กันแดดเนื้อบางเบา ใช้ง่าย สะดวก เหมาะสำหรับทาทั้งใบหน้าและลำตัว มี SPF50+ ปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พกพาสะดวก เหมาะสำหรับคนที่ชอบความรวดเร็วในการใช้งาน
  • Vinosun Protect SPF50+ Cream ครีมกันแดดเนื้อบางเบา ให้การปกป้องสูงสุดด้วย SPF50+ พร้อมคุณสมบัติ Anti-Wrinkle ช่วยลดเลือนริ้วรอย เนื้อครีมซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทิ้งคราบขาว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการปกป้องแบบเข้มข้นพร้อมการบำรุงผิว

 

CAUDALIE

 

The Sustainability Efforts

CAUDALIEยังใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยการสนับสนุนโครงการ 100% Plastic Collect เพื่อเก็บรวบรวมและรีไซเคิลพลาสติก โดยนับตั้งแต่ปี 2020 ช่วยรีไซเคิลพลาสติกไปแล้วกว่า 2,225 ตัน

 

 

ภาพ: CAUDALIE / Instagram

The post รู้จัก CAUDALIE สกินแคร์ที่ค้นพบสูตรความงามจากไร่องุ่น appeared first on THE STANDARD.

]]>
Art@Harbour งานที่เข้ามาเติมสีสันยามค่ำคืนให้กับอ่าววิกตอเรีย https://thestandard.co/life/artharbour Wed, 03 Apr 2024 01:06:17 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=918585 Art@Harbour

สีสันยามค่ำคืนของอ่าววิกตอเรีย   ใครมีแพลนจะไปฮ่อง […]

The post Art@Harbour งานที่เข้ามาเติมสีสันยามค่ำคืนให้กับอ่าววิกตอเรีย appeared first on THE STANDARD.

]]>
Art@Harbour

สีสันยามค่ำคืนของอ่าววิกตอเรีย

 

ใครมีแพลนจะไปฮ่องกงช่วงนี้ ห้ามพลาด Art@Harbour งานสุดปังริมอ่าววิกตอเรียเด็ดขาด เพราะงานนี้มีการร่วมมือกับศิลปินหลายทีมให้มาช่วยสร้างสรรค์งานอาร์ตกลางแจ้งขนาดใหญ่ มาตั้งโชว์ทำให้พื้นที่ตรงนี้เต็มไปด้วยแสงไฟมากมาย 

 

ศิลปินที่มาจัดแสดงงานมีทั้งศิลปินฮ่องกง อย่างงาน Science in Art ที่ทดลองหยิบพฤติกรรมของแมว ที่ดูจะเป็นวิทยาศาสตร์มากๆ มาแปลงเป็นงานศิลปะให้คนได้มาสัมผัส แถมเราเองยังสามารถเติมสีสันให้กับเจ้าแมวได้ด้วย หรือจะเป็น Harbour Cup ที่เป็นเหมือนโต๊ะบอลเรืองแสงให้คนได้มาสนุกกัน

 

แต่หนึ่งไฮไลต์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ teamLab: Continuous เป็นนิทรรศการกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้องไข่เรืองแสงนับร้อยอัน ทำหน้าที่คล้ายตุ๊กตาล้มลุก คอยเชื่อมต่อผู้คนตั้งแต่บริเวณ Tamar Park ไปจนถึงอ่าววิกตอเรีย เป็นเหมือนสถานที่ให้ชาวฮ่องกงได้ปล่อยตัวปล่อยใจ สามารถสัมผัสตัวไข่ได้ ยิ่งถ้าไข่ขยับมันจะเปลี่ยนสี! 

 

ใครจะไปเสพบรรยากาศสวยๆ ริมน้ำแบบนี้ สามารถไปได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 2 มิถุนายน 2024 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือลงทะเบียนเข้าชมงานได้ที่ https://www.museums.gov.hk/en/web/portal/artatharbour.html

 

Facebook: 

Instagram: @teamlab 

 

Art@Harbour Art@Harbour Art@Harbour Art@Harbour Art@Harbour Art@Harbour

The post Art@Harbour งานที่เข้ามาเติมสีสันยามค่ำคืนให้กับอ่าววิกตอเรีย appeared first on THE STANDARD.

]]>
รู้จัก 3 ไอเดียของเยาวชนไทยที่ส่งไปทดลองจริงบนสถานีอวกาศนานาชาติ https://thestandard.co/thai-youth-ideas-in-space/ Wed, 13 Dec 2023 10:11:36 +0000 https://thestandard.co/?p=876426

ตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ มีมนุษย์เพียงแค่ 676 คนเท […]

The post รู้จัก 3 ไอเดียของเยาวชนไทยที่ส่งไปทดลองจริงบนสถานีอวกาศนานาชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ มีมนุษย์เพียงแค่ 676 คนเท่านั้นที่เคยได้สัมผัสสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำบนอวกาศด้วยตนเอง โดยปัจจุบันยังไม่มีนักบินอวกาศสัญชาติไทยเป็นหนึ่งในนั้น

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีการทดลองที่มาจากไอเดียของเด็กไทย ซึ่งได้รับเลือกจากองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น หรือ JAXA กับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. เพื่อส่งให้นักบินอวกาศที่ประจำการอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาตินำไปทดลองจริงในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำ

 

ในช่วงต้นปี 2024 ที่กำลังมาถึง มีแนวคิดการทดลองจากตัวแทนนักเรียนระดับมัธยมศึกษาชาวไทย 3 ไอเดียที่ได้รับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Asian Try Zero-G 2023 เพื่อให้นักบินอวกาศ ซาโตชิ ฟุรุคาวะ ของ JAXA ได้ทดลอง พร้อมกับพูดคุยสื่อสารกับนักเรียนผู้เสนอไอเดียในระหว่างการถ่ายทอดสดผลลัพธ์จากโมดูล ‘คิโบะ’ บนสถานีอวกาศฯ ลงมาบนโลก

 

นอกจากต้องเป็นไอเดียการทดลองที่น่าสนใจภายใต้หัวข้อที่ผู้จัดงานกำหนดมาคือ การทดลองทางฟิสิกส์ในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำและแนวคิดการออกกำลังกายบนสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำแล้ว ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช. ได้ให้ข้อมูลว่า การทดลองที่ได้รับเลือกต้องไม่เคยทดลองในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำมาก่อน สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ในระยะเวลา 10 นาที มีขั้นตอนการทดลองที่เรียบง่าย พร้อมกับต้องทำได้โดยใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ

 

ทั้งนี้ มีไอเดียที่เสนอโดยนักเรียนไทยทั้งสิ้น 152 เรื่อง ก่อนจะคัดเลือกเหลือ 3 แนวคิด เพื่อส่งให้นักบินอวกาศไปทดลองจริง

 

THE STANDARD ได้พูดคุยกับนักเรียนตัวแทนของทั้ง 3 แนวคิด ถึงเรื่องราวเบื้องหลังไอเดียการทดลองของพวกเขาที่ประกอบด้วยการทดลองก้อนน้ำทรงกลมกับแรงไฟฟ้า, การศึกษาการเคลื่อนที่แบบวงกลมของลูกบอลสองลูกบนเส้นเชือก และการออกกำลังกายท่าดาวทะเล บนสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำของสถานีอวกาศนานาชาติ โดยสามารถติดตามรายละเอียดของแต่ละการทดลองได้ในบทความนี้

 

การทดลองที่ 1: ก้อนน้ำทรงกลมกับแรงไฟฟ้า

 

ก้อนน้ำทรงกลมกับแรงไฟฟ้า ชญานิน เลิศอุดมศักดิ์

 

การทดลองแรกเป็นแนวคิดที่เสนอโดย ชญานิน เลิศอุดมศักดิ์ หรือฟุง นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ที่ต้องการศึกษาเรื่อง ‘ก้อนน้ำทรงกลมกับแรงไฟฟ้า’ หรือ Water Spheres and Electrostatic Force ในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำ

 

“การทดลองผมจะเป็นการศึกษาว่าแรงที่มาจากไฟฟ้าสถิตจะมีอิทธิพลอย่างไรต่อก้อนน้ำทรงกลมที่อยู่ในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำบนอวกาศครับ โดยจะใช้ก้อนน้ำ 2 ขนาด แบ่งเป็นขนาดเล็ก มีรัศมีประมาณ 1 เซนติเมตร และขนาดใหญ่มีรัศมีประมาณ 4 เซนติเมตร”

 

ชญานินอธิบายว่า การทดลองนี้จะสร้างไฟฟ้าสถิตผ่านปรากฏการณ์ไทรโบอิเล็กทริก (Triboelectric) ให้เกิดการสะสมของประจุไฟฟ้า ด้วยการเสียดสีไม้บรรทัดพลาสติกกับผ้า ก่อนนำไม้บรรทัดมาเข้าใกล้กับก้อนน้ำ เพื่อดูว่าจะมีอิทธิพลอย่างไรต่อก้อนน้ำทั้งสองขนาด

 

เจ้าตัวได้เล่าถึงสมมติฐานของการทดลองบนสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำว่า “สำหรับสมมติฐานของผม ก้อนน้ำทรงกลมขนาดเล็กจะถูกกระทำโดยแรงไฟฟ้าไปทั้งก้อน แต่ว่าก้อนที่มีขนาดใหญ่กว่ามันอาจไม่เคลื่อนที่ไปทั้งหมด แต่ตัวพื้นผิวของก้อนน้ำอาจมีปูดออกมาตามแรงทางไฟฟ้าที่กระทำ”

 

การทดลองที่ 2: การศึกษาการเคลื่อนที่แบบวงกลมของลูกบอลสองลูกบนเส้นเชือก

 

ณัฐภูมิ กูลเรือน (เฟรม), จิรทีปต์ มะจันทร์ (ต้นกล้า), ฟ้าใหม่ คงกฤตยานุกุล (เพียว) และ ภูมิพัฒน์ รัตนวัฒน์ (ต้นน้ำ) Stranger Things Two Ball on String

 

การทดลองถัดมาเป็นแนวคิดจากคณะนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ได้แก่ ณัฐภูมิ กูลเรือน (เฟรม), จิรทีปต์ มะจันทร์ (ต้นกล้า), ฟ้าใหม่ คงกฤตยานุกุล (เพียว) และ ภูมิพัฒน์ รัตนวัฒน์ (ต้นน้ำ) ที่ต้องการศึกษาการเคลื่อนที่แบบวงกลมของลูกบอลสองลูกบนเส้นเชือกในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำ หรือ Stranger Things Two Ball on String

 

ณัฐภูมิอธิบายการทดลองของทีมเขาว่า “จะมีลูกบอลสองลูกที่ผูกไว้กับเชือก โดยตอนแรกเราจะให้จับลูกบอลเป็นเส้นตรงก่อนครับ (นักบินอวกาศถือปลายเชือกไว้มือหนึ่ง ก่อนจับลูกบอลที่อยู่ด้านล่างไว้ด้วยมืออีกข้าง) แล้วก็ออกแรงหมุนให้ลูกบอลตรงกลางหมุนไปก่อน จากนั้นค่อยปล่อยลูกบอลอีกลูกให้หมุนตามไปในทิศตรงกันข้าม” ซึ่งลูกบอลทั้งสองจะเคลื่อนที่เป็นลักษณะเพนดูลัมทรงกรวย ในระนาบที่ขนานกันด้วยแรงเข้าสู่ศูนย์กลางของแต่ละลูก แรงดึงเชือก และแรงโน้มถ่วง

 

เนื่องจากสถานีอวกาศนานาชาติอยู่ในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำ ทำให้คณะนักเรียนจากยุพราชวิทยาลัยสนใจว่าลูกบอลทั้งสองลูกจะเคลื่อนที่แตกต่างจากบนพื้นโลกไปอย่างไร โดยณัฐภูมิเล่าถึงสมมติฐานของพวกเขาว่า “เราคิดว่าในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำที่ไม่มีแรงโน้มถ่วงมาดึงให้มันสมดุล แรงดึงเชือกจะทำให้ทั้งระบบ (ลูกบอลทั้งสอง) ค่อยๆ สูงขึ้นไปจนอยู่ในระนาบเดียวกัน”

 

การทดลองที่ 3: การออกกำลังกายท่าดาวทะเล

 

วรรณวลี จันทร์งาม (มุก) และ พุทธิมา ประกอบชาติ (เอม) การออกกำลังกายท่าดาวทะเล Starfish Exercise for Microgravity

 

การทดลองที่ 3 เป็นแนวคิดของ วรรณวลี จันทร์งาม (มุก) และ พุทธิมา ประกอบชาติ (เอม) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนระยองวิทยาคม ซึ่งต้องการศึกษาการออกกำลังกายท่าดาวทะเลภายใต้สภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำ หรือ Starfish Exercise for Microgravity

 

วรรณวลีได้เล่าถึงการทดลองของเธอว่า “เป็นประเภทการทดลองที่แตกต่างจากน้องๆ ทั้งสองทีมก่อนหน้า โดยเป็นหัวข้อเรื่องการออกกำลังกายในอวกาศ ซึ่งมาจากที่เราสองคนได้คุยกันว่าปัญหาที่เกิดกับนักบินอวกาศมีอะไรบ้าง และเราพบว่าเมื่อพวกเขากลับมาจากอวกาศจะมีปัญหาเรื่องการสูญเสียกล้ามเนื้อเกิดขึ้น

 

“เราเลยเสนอไอเดียการออกกำลังกายท่าดาวทะเล ซึ่งเป็นแบบ Bodyweight ที่เน้นการใช้กล้ามเนื้อ แต่ว่าขีดจำกัดของเรื่องนี้คือเราไม่สามารถใช้น้ำหนักตัวมาเป็นแรงต้านได้เมื่ออยู่ในอวกาศ เราจึงเลือกใช้แผ่นยางยืดออกกำลัง  (Resistance Band) เป็นอุปกรณ์เพิ่มแรงต้าน ซึ่งส่วนนี้จะทำให้นักบินอวกาศใช้กล้ามเนื้อหลายส่วน เช่น กล้ามเนื้อแกนกลาง ตรงซี่โครง และกล้ามเนื้อน่องและแขนส่วนต้น”

 

ทั้งสองได้อธิบายเพิ่มเติมว่า การออกกำลังแบบนี้จะช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพที่ดีให้แก่นักบินอวกาศที่ปฏิบัติภารกิจในสภาวะไร้น้ำหนักเป็นเวลายาวนานได้ ซึ่งปกตินักบินอวกาศจะมีช่วงเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อวันที่ต้องใช้ไปกับการออกกำลังกาย เพื่อลดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อจากการอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักเป็นเวลายาวนาน

 

3 ไอเดียการทดลองข้างต้นจะนำขึ้นไปปฏิบัติจริงบนสถานีอวกาศนานาชาติในช่วงต้นปี 2024 ที่กำลังมาถึง ถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือระหว่าง JAXA กับ สวทช. ในการส่งเสริมและสนับสนุนงานด้านอวกาศให้แก่เยาวชนไทย นอกเหนือจากโครงการ Kibo Robot Programming Challenge และ Asian Herb in Space

The post รู้จัก 3 ไอเดียของเยาวชนไทยที่ส่งไปทดลองจริงบนสถานีอวกาศนานาชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักวิทย์อาจพบซากดาวเคราะห์โบราณฝังอยู่ลึกใต้เปลือกโลก https://thestandard.co/scientist-found-planetary-remains-beneath-earths-crust/ Mon, 06 Nov 2023 03:19:20 +0000 https://thestandard.co/?p=862781 ซากดาวเคราะห์

กลุ่มก้อนมวลสารขนาดใหญ่ใต้ชั้นเปลือกโลกที่มีความหนาแน่น […]

The post นักวิทย์อาจพบซากดาวเคราะห์โบราณฝังอยู่ลึกใต้เปลือกโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ซากดาวเคราะห์

กลุ่มก้อนมวลสารขนาดใหญ่ใต้ชั้นเปลือกโลกที่มีความหนาแน่นต่างจากจุดอื่นๆ โดยรอบ อาจอธิบายได้ว่าเป็นร่องรอยของดาวเคราะห์อีกดวงที่เคยพุ่งชนเข้ากับโลกจนทำให้เกิดดวงจันทร์ขึ้นมา 

 

ย้อนเวลากลับไปราว 4.5 พันล้านปีที่แล้ว เมื่อระบบสุริยะเพิ่งก่อตัวมาได้ไม่นาน และยังมีความปั่นป่วนของวัตถุต่างๆ มากกว่าปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐานว่ามีดาวเคราะห์โบราณขนาดใกล้เคียงกับดาวอังคารชื่อ ไธอา (Theia) พุ่งเข้าใส่โลกของเราอย่างรุนแรงจนทำให้เศษชิ้นส่วนของโลกในตอนนั้นกับไธอารวมกันกลายเป็นดวงจันทร์บริวาร

 

เนื่องจากระบบสุริยะไม่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร และนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปดูการกำเนิดดวงจันทร์ได้ ทำให้นี่เป็นหนึ่งในปริศนาที่ยังไม่มีคำตอบอย่างชัดเจน โดยนอกจากสมมติฐานการพุ่งชนของดาวเคราะห์โบราณขนาดดาวอังคารที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดจากหลักฐานในปัจจุบันแล้ว ยังมีสมมติฐานการเกิดขึ้นมาพร้อมกันของทั้งโลกและดวงจันทร์ หรือการที่ดวงจันทร์ถูกแรงโน้มถ่วงโลกจับเข้ามาสู่วงโคจรในภายหลัง

 

นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าต้องมีร่องรอยของดาวเคราะห์โบราณที่ถูกทิ้งไว้บนโลกใบนี้ จากการพุ่งชนที่รุนแรงเมื่อ 4.5 พันล้านปีที่แล้ว โดยคณะนักวิจัยได้ศึกษากลุ่มก้อนมวลสารขนาดใหญ่ 2 ก้อนที่อยู่ใต้แผ่นเปลือกโลก ลึกลงไปราว 2,900 กิโลเมตรในบริเวณที่ถูกเรียกว่า พื้นที่ความเร็วต่ำ หรือ LLVP (Large Low-Velocity Provinces) ซึ่งมีความหนาแน่นและองค์ประกอบต่างจากบริเวณอื่นๆ ของชั้นแมนเทิล

 

กลุ่มก้อนมวลสารนี้ถูกพบอยู่ใต้ประเทศแอฟริกาใต้กับใต้มหาสมุทรแปซิฟิก โดยเป็นปริศนาที่สร้างความสงสัยให้กับนักวิทยาศาสตร์มาหลายทศวรรษ ว่าก้อนมวลในพื้นที่ LLVP ไปอยู่ในชั้นเนื้อโลกได้อย่างไร ทว่าข้อมูลงานวิจัยล่าสุดได้เสนอว่าวัตถุดังกล่าวอาจเป็นร่องรอยที่หลงเหลือจากดาวเคราะห์โบราณที่มาพุ่งชนโลก และนำไปสู่การกำเนิดดวงจันทร์ได้

 

งานวิจัย ‘Moon-forming impactor as a source of Earth’s basal mantle anomalies’ ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน โดย ดร.เฉียน หยวน นักธรณีพลศาสตร์ของสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย และหัวหน้าคณะวิจัยที่ศึกษาก้อนมวลสารดังกล่าว เปิดเผยว่า “งานวิจัยของเราพบว่าการพุ่งชนอย่างรุนแรงนี้ มีผลกระทบต่อวิวัฒนาการของโลกในระยะยาว และอาจอธิบายได้ว่าทำไมโลกถึงมีความแตกต่างในเชิงธรณีวิทยาเมื่อเทียบกับดาวเคราะห์หินดวงอื่น”

 

เติ้งหงผิง จากหอดูดาวเซี่ยงไฮ้ในประเทศจีน ได้ใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อศึกษาการชนกันของโลกยุคแรกกับไธอา โดยพบว่าองค์ประกอบจากดาวเคราะห์โบราณบางส่วนได้หลอมละลายระหว่างการพุ่งชน ก่อนจมลงสู่ใต้ชั้นแมนเทิลของโลกเรา กลายเป็นก้อนมวลในพื้นที่ LLVP โดยไม่รวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับเนื้อโลกส่วนอื่น

 

แม้นักวิทยาศาสตร์จะเห็นพ้องกันว่าพื้นที่ LLVP นั้นมีอยู่ใต้ชั้นเปลือกโลกมาอย่างยาวนาน หลังมีการค้นพบเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงยุคทศวรรษ 1980 แต่การระบุช่วงเวลาการมีอยู่และที่มาของกลุ่มก้อนมวลเหล่านี้อย่างชัดเจน ยังเป็นเรื่องที่ถูกถกเถียงกัน โดยมีนักธรณีพลศาสตร์บางส่วนเสนอว่ามันอาจเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นได้ใต้เปลือกโลก และไม่ใช่ร่องรอยของดาวเคราะห์โบราณที่พุ่งชนเมื่อราว 4.5 พันล้านปีที่แล้ว

 

แม็กซิม บอลเมอร์ นักธรณีพลศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลอนดอน ให้ความเห็นว่า “โมเดลนี้ควรได้รับการทดสอบจริง แต่ผมไม่คิดว่ามันเป็นไอเดียที่คุ้มค่ากับการศึกษาขนาดนั้น”

 

ทั้งนี้ ขั้นตอนการพิสูจน์ในลำดับถัดไป คือการเปรียบเทียบองค์ประกอบทางเคมีของทั้งกลุ่มก้อนมวลสารใต้เปลือกโลกและจากบนดวงจันทร์ โดย ดร.หยวน เสริมว่า “ถ้าองค์ประกอบทางเคมีของทั้งสองแห่งเหมือนกัน มันก็ต้องมีต้นกำเนิดมาจากดาวเคราะห์ดวงเดียวกัน”

 

อย่างไรก็ตาม นักธรณีวิทยายังไม่สามารถขุดลึกลงไปใต้ผิวโลกเพื่อเก็บตัวอย่างจากพื้นที่ LLVP มาศึกษาได้โดยตรง แต่อาจอาศัยจุดความร้อนจากชั้นแมนเทิล (Mantle Plumes) นำเอาวัตถุปริศนาขึ้นมาปะทุบนพื้นผิวโลกได้ เช่นกันกับการต้องขึ้นไปขุดเจาะลงไปใต้พื้นผิวดวงจันทร์ในบริเวณขั้วใต้ของดาว เพื่อนำตัวอย่างจากดาวบริวารดวงนี้มาศึกษาในห้องแล็บบนโลก และเปรียบเทียบองค์ประกอบทางเคมีระหว่างตัวอย่างทั้งสองอีกที

 

ภาพ: Hernán Cañellas

อ้างอิง:

The post นักวิทย์อาจพบซากดาวเคราะห์โบราณฝังอยู่ลึกใต้เปลือกโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิทยาศาสตร์ของการพนัน เหตุผลที่ทำให้คนเราไม่สามารถเลิกพนันได้ง่ายๆ https://thestandard.co/gambling-addiction-2/ Thu, 19 Oct 2023 13:40:14 +0000 https://thestandard.co/?p=856609 การพนันฟุตบอล

นั่งอ่านคำสารภาพของ นิโคโล ฟาโจลี ไอ้หนุ่มดาวรุ่งของทีม […]

The post วิทยาศาสตร์ของการพนัน เหตุผลที่ทำให้คนเราไม่สามารถเลิกพนันได้ง่ายๆ appeared first on THE STANDARD.

]]>
การพนันฟุตบอล

นั่งอ่านคำสารภาพของ นิโคโล ฟาโจลี ไอ้หนุ่มดาวรุ่งของทีมยูเวนตุสและทีมชาติอิตาลี แล้วสะท้อนใจ

 

นักเตะอายุแค่ 22 ปีที่ถูกตัดสินให้รับโทษแบนจากสหพันธ์อิตาลีเป็นเวลา 1 ปี – แยกเป็นการแบนห้ามลงสนาม 7 เดือน และโทษอีก 5 เดือนจะมีการชดใช้ความผิดในรูปแบบอื่น – คายความลับทุกอย่างออกมาหมด หลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีการเล่นพนันฟุตบอล ซึ่งถือเป็น ‘เรื่องต้องห้าม’ สำหรับนักกีฬาอาชีพ โดยสิ่งที่เจ้าตัวยอมรับสารภาพมานั้นมีหลายประโยคที่ฟังแล้วก็มีความเห็นใจอยู่ครับ

 

หนึ่งในถ้อยคำนั้นคือ “ผมเริ่มนอนไม่หลับ ยิ่งเวลาผ่านไปจำนวนหนี้ก็ยิ่งทำให้ผมหมกมุ่นมากขึ้น จำนวนเงินที่ผมติดหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และผมคิดแต่ว่าผมจะเล่นเพื่อเอาคืนให้ได้ แต่ตอนนี้จำนวนหนี้มันมากเกินกว่าที่ต่อให้ผมแทงชนะก็จะไม่ได้อะไรเลย มันแค่ช่วยลดหนี้ที่ผมติดบ่อนพนันเอาไว้”

 

คำพูดของฟาโจลีน่าจะไม่ต่างอะไรจากประสบการณ์ของเหล่าคนที่เคยเจอวิกฤตเพราะชีวิตไปติดการพนัน เรื่องราวมันก็เป็นประมาณนี้แทบทั้งนั้น

 

คำถามที่น่าสนใจคือ ทำไมนักฟุตบอล – หรือคนทั่วไปก็เถอะ – ถึงชอบนักกับไอ้การเล่นพนันเนี่ย? ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นหนทางไปสู่ความฉิบหาย

 

แล้วทำไมมันถึงเลิกยากเลิกเย็นนักนะ?

 

เรื่องนี้บอกเลยว่ามีความซับซ้อนมากกว่าที่คิด และสามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้

 

ย้อนกลับไปในคดีสะเทือนวงการฟุตบอลอิตาลี เมื่อปรากฏชื่อ 3 นักเตะทีม ‘อัซซูรี’ ที่เปลี่ยนสถานะจากนักเตะทีมชาติมาเป็นผู้ต้องหา เพราะถูกจับได้ว่าไปพัวพันกับการเล่นพนัน

 

 

หลายคนน่าจะพอได้เห็นรายละเอียดไปบ้างแล้วว่าถึงการดำเนินคดีของ นิโคโล ฟาโจลี, ซานโดร โตนาลี และ นิโคโล ซานิโอโล ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะฝีเท้าดีและควรมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ว่าพวกเขาไปทำแสบอะไรไว้บ้าง (แต่ถ้ายังตามเรื่องไม่ทัน ลองไปอ่านก่อนได้ที่ (ผมไม่อยากตามบอลพี่คนนี้แล้ว กรณีศึกษา ซานโดร โตนาลี ที่เอาอนาคตตัวเองไปแทงพนัน)

 

 

ในบรรดา 3 คนนี้ คนที่ถูกตัดสินก่อนเพื่อนคือฟาโจลี ที่สารภาพทุกอย่างจนหมด เพราะจำนนต่อหลักฐานและเริ่มรู้สึกรับไม่ไหวกับเรื่องนี้แล้ว หลังจากที่เริ่มเข้าสู่วงการพนันตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปี 2021

 

คนที่เป็นผู้ชักนำเขาเข้าสู่วงการก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นโตนาลีเมื่อครั้งที่ยังอยู่กับเอซี มิลาน อยู่เลย

 

ฟาโจลีเล่าประสบการณ์การลงนรกของตัวเองไว้ละเอียดประมาณหนึ่ง ซึ่งผมขออนุญาตถอดความมาให้เผื่อเป็นบทเรียนให้ใครได้

 

“ผมเริ่มพนันฟุตบอล เล่นเทนนิส และคาสิโน ตั้งแต่ช่วงเข้าแคมป์ทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 21 ปีที่เตอร์เรเนีย ผมเห็นคนอื่นเขาเล่นกัน ผมก็ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าเว็บพนันพวกนี้มันถูกกฎหมายหรือเปล่า”

 

เว็บพนันถูกกฎหมายกับเว็บเถื่อนสำหรับฟาโจลีมีสิ่งเดียวที่แตกต่างกันนั่นคือ การให้ ‘เครดิต’ สำหรับการแทงบอลก่อน ได้ก็ดีไป เสียก็ใช้มา

 

ในตอนแรกก็เริ่มจากการพนันเทนนิสก่อน แต่พอชักเสียเยอะขึ้นก็เริ่มมาแทงบอล และก็เป็นตามสเต็ปนรกคือ พอแทงเสียก็แทงจำนวนมากขึ้น เพื่อหวังจะเอามาโปะกับหนี้ที่เสียไป

 

ผีพนันเข้าสิงฟาโจลี ดวงตาของเขามืดบอด ยิ่งแทงยิ่งเสียหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่แทนที่จะหยุด กลับถลำลึกดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ จนถึงสุดเหวนรกที่เจ้าหนี้เริ่มเอาจริง

 

จนถึงขั้นที่เริ่มจ่ายไม่ไหว บวกกับโดนสายทวงหนี้ของบ่อนข่มขู่ “เดี๋ยวกูจะหักขามึง!”

 

ฟาโจลีเลยต้องขอหยิบยืมเงินจากเพื่อนมาใช้จ่ายหนี้ก่อนด้วยข้ออ้างต่างๆ นานา แต่ก็ไม่วายยังเล่นต่อ จนสุดท้ายเรื่องก็ปิดไม่มิด

 

 

ฟังแล้วรู้สึกไหมครับว่าเรื่องนี้มันคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินเพื่อนหรือคนรู้จักสักคนที่เสียผู้เสียคนในทำนองเดียวกัน ชนิดที่เราสามารถเปลี่ยนชื่อตัวละครจากฟาโจลีเป็นใครก็ได้ ต่อให้รายละเอียดมันแตกต่างกัน แต่หัวใจของเรื่องก็เหมือนกัน

 

ผีพนันเข้าสิงคนพวกนี้ และพวกเขาไม่สามารถหาทางกลับมาสู่แสงสว่างได้

 

เรื่องนี้อยากบอกว่า การจะไล่ผีพนันออกจากตัวนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายแบบที่คิดครับ เพราะการพนันคือการเสพติดชนิดหนึ่งที่ให้ผลเสียร้ายแรงกว่าชนิดที่เราอาจไม่เคยคิดถึงมันมาก่อนว่ามันจะเป็นได้ถึงขนาดนี้

 

ตามข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุข NHS ของประเทศอังกฤษ – ซึ่งต้องบอกว่าเป็นประเทศที่การพนันเป็นเรื่องถูกกฎหมายนะครับ มีบ่อนรับพนันกันเกลื่อน – บอกเอาไว้แบบนี้ครับว่า การติดพนัน หรือที่เรียกกันว่า ‘Gambling Addict’ นั้นสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตได้ถึง 3 ด้านด้วยกัน

 

  1. ด้านสุขภาพกาย
  2. ด้านสุขภาพจิต
  3. ด้านการเงิน

 

ให้เห็นภาพง่ายๆ ต้องย้อนกลับจาก 3-2-1 ครับคือ หากเราเล่นพนันเสีย นั่นหมายถึงเรามีโอกาสจะประสบปัญหาทางการเงิน ไม่ว่าจะเงินขาดมือ ใช้เงินสำรองที่เก็บออมไว้ ทีนี้พอไม่มีเงินก็ต้องหามาใช้ ถ้าเงินสำรองของตัวเองหมดก็ต้องหยิบยืมจากคนอื่น ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิต (Mental Health) ต่อ

 

พอเงินไม่มี ไม่รู้จะหามาใช้หนี้พนันอย่างไร เกิดความเครียดสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ความเครียดนั้นก็จะไปส่งผลต่อสุขภาพกายต่อ ซึ่งตัวอย่างของฟาโจลีที่สารภาพออกมาคือ เขาเริ่มมีอาการนอนไม่หลับเพราะเป็นหนี้พนัน และมันก็ส่งผลต่อเรื่องของสภาพร่างกาย เรื่องของการซ้อม ไปจนถึงเรื่องของการลงสนาม

 

โดยที่ทุกอย่างจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันไม่ได้จบแค่ 3 อย่างนี้ด้วย เพราะยังมีสิ่งที่สูญเสียได้อีก ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ (ผมเองก็เสียเพื่อนไปหลายคนที่ติดการพนัน…) หรือสิ่งที่เสียไปแล้วไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้อีกเลยคือ ‘เวลา’

 

ทีนี้มาถึงประเด็นสำคัญ ถ้ารู้ว่าเล่นแล้วมันจะแย่ขนาดนี้ ทำไมไม่เลิก?

 

คำตอบที่อาจจะเหมือนข้ออ้างสำหรับผีพนันคือ การพนันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหยุดหรือเลิกได้ทันที ไม่เหมือนการปิดสวิตช์ไฟ

 

การติดพนันเป็นภาวะเสพติดที่ไม่ต่างอะไรจากการติดเหล้าหรือติดยา

 

ร้ายกว่านั้นคือ การติดพนันสามารถส่งผลกระทบทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสมองด้วย!

 

สิ่งที่เราเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนที่ติดการพนันคือ พวกเขาไม่ได้คิดแค่เรื่อง ‘ได้-เสีย’ ในหัว แม้ว่าจำนวนเงินเดิมพันที่หวังไว้ในใจมันจะมีส่วนก็เถอะ

 

เพราะความจริงแล้วสิ่งที่ทำให้พวกเขาเสพติดคือ ‘การได้เดิมพัน’ หรือพูดง่ายๆ คือความรู้สึกตื่นเต้นในการได้ลุ้นว่าจะได้หรือจะเสีย

 

 

พอล เมอร์สัน ตำนานนักเตะอาร์เซนอล ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในคนที่ชีวิตเกือบหมดทุกสิ่งไปเพราะการพนัน บอกว่า สิ่งที่เขาสนใจไม่ใช่ว่าเขาได้หรือเสียเงินไปเท่าไร แต่คือการแสวงหาความรู้สึกตื่นเต้นในแบบเดียวกับการทำประตูได้ในสนามแข่งขัน ซึ่งการพนันมันมอบความรู้สึกนี้ให้กับเขาได้

 

สิ่งที่น่าสนใจคือ ความรู้สึกนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่คิดเอาเองด้วยครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสมองของเรา เมื่อเราเดิมพันกับการพนัน สมองของเราจะหลั่งสารโดพามีนและอะดรีนาลีนออกมา ทำให้เรารู้สึกมีความสุขและผ่อนคลาย

 

มันคือหลักการเดียวกันกับการใช้ยาเสพติดที่มีโทษร้ายแรงอย่างโคเคนเลยทีเดียว ซึ่งมีการทดสอบตรวจการทำงานของสมองของคนที่ติดการพนันกับคนที่ติดโคเคนแล้วพบว่า มีการทำงานในรูปแบบเดียวกัน

 

นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้เกิด ‘ผีพนัน’ และผีร้ายตนนี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง

 

สำหรับผีพนันเวลาที่เล่นได้นั้น เงินที่ได้มาไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่าการไปเติมน้ำมันให้รถใช้วิ่งไปต่อ (แต่ไปนรกนะ) ในทางกลับกัน ในเวลาที่เล่นเสียก็เกิดความเครียด แต่ก็ไม่สามารถเลิกได้ เพราะสมองเสพติดกับความสุขที่ได้จากการเล่นพนันแล้ว

 

กว่าผีจะออกจากร่างคือวันที่หมดตัวแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว และพวกเขารู้สึกแล้วว่าอยากให้ใครสักคนมาช่วยฉันที

 

หรือสำหรับคนที่โชคร้ายกว่านั้น มันอาจหมายถึงจุดจบของชีวิตได้เลย

 

และนั่นคือเหตุผลที่ทำไมกรณีของฟาโจลีหรือโตนาลี เมื่อความแตกแล้ว นอกจากจะยอมรับสารภาพ แต่พวกเขายังต้องขอความช่วยเหลือในการเข้ารับการบำบัดการติดพนัน เพราะสภาวะตอนนี้มันเกินกว่าที่พวกเขาจะเยียวยาตัวเองได้แล้ว มันต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแลช่วยเหลือดูแล

 

แล้วทีนี้สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียง เป็นแค่คนที่ชอบแทงบอลทั่วไปจะทำอย่างไร?

 

ถ้าได้อ่านบทความชิ้นนี้แล้วคิดได้ ก็ขอให้ลด ละ แล้วรีบเลิกเสีย เพราะอนาคตมืดมิดแน่นอน

 

ส่วนคนที่มีความสัมพันธ์กับคนที่เล่นพนัน ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือคนรัก ถ้าเรายังรักและหวังดีต่อกัน ก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่าเลิกเถอะ พยายามให้กำลังใจกัน เพราะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะปราบผีพนันได้

 

มองไม่เห็นทางออก?

 

ลองตามหาพี่คนนี้ดูนะ พี่กรมสุขภาพจิต โทร. 1323 ตลอด 24 ชั่วโมงได้เลย รับประกันว่าจะมีคนช่วยชี้ทางสว่างให้แน่ ขอแค่ตั้งใจ

 

ขอให้ทุกคนโชคดี!

 

อ้างอิง:

 

The post วิทยาศาสตร์ของการพนัน เหตุผลที่ทำให้คนเราไม่สามารถเลิกพนันได้ง่ายๆ appeared first on THE STANDARD.

]]>