วิชา 9 หน้า – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 20 Oct 2017 10:09:35 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘วิชา 9 หน้า’ ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ กับ 9 เส้นทางที่ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเรียน (ตอนที่ 2) https://thestandard.co/kingrama9-9-directions-9-provinces-02/ https://thestandard.co/kingrama9-9-directions-9-provinces-02/#respond Fri, 20 Oct 2017 07:52:19 +0000 https://thestandard.co/?p=34181

     เป็นโชคดีของคนไทยที่เรามีกษัตริย์นั […]

The post ‘วิชา 9 หน้า’ ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ กับ 9 เส้นทางที่ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเรียน (ตอนที่ 2) appeared first on THE STANDARD.

]]>

     เป็นโชคดีของคนไทยที่เรามีกษัตริย์นักพัฒนาผู้รู้จักถนนทุกเส้น ผืนป่าทุกตารางนิ้ว และน้ำทุกหยดบนพื้นแผ่นไทย พระองค์ทรงตั้งพระทัยมั่นที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนชาวไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

     จากบทความที่แล้ว THE STANDARD แนะนำ 4 เส้นทางจาก ‘วิชา 9 หน้า’ ที่เราเห็นว่าน่าเที่ยว น่าตามรอย (ตามอ่านได้ที่นี่)

     บทความนี้มาต่อกับอีก 5 เส้นทาง 5 วิชาจาก ‘วิชา 9 หน้า’ มีทั้งวิชาที่เกี่ยวกับดิน ป่า และสัตว์น้ำ ทั้งหมดก็เพื่อปากท้องของพสกนิกรชาวไทยทั้งผองอย่างยั่งยืน

 

 

  1. วิชานิเวศปฐมวัย: เนิร์สเซอรีสัตว์น้ำของรัชกาลที่ 9

     ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในพื้นที่ชายฝั่งทะเลและหมู่เกาะทางตะวันออก ทรงพบว่าทรัพยากรธรรมชาติริมฝั่งถูกทำลายอย่างหนัก สัตว์น้ำถูกจับขายจนขยายพันธุ์ไม่ทัน ป่าชายเลนก็ถูกบุกรุกพื้นที่กลายเป็นสภาพป่าเสื่อมโทรม ต้องหามาตรการป้องกันและอนุรักษ์โดยด่วน จึงมีพระราชกระแสรับสั่งโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี ขึ้นในปี 2524

     โดยมีภารกิจสำคัญตั้งแต่ทดลองเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในน้ำกร่อยชนิดต่างๆ เช่น ปลากะพงขาว หอยนางรม รวมทั้งโปรดเกล้าฯ ให้อนุรักษ์และขยายพันธุ์ไม้โกงกาง ซึ่งเป็นไม้ชายเลนที่เพาะพันธุ์ได้ยาก ที่นี่จึงเปรียบเหมือนโรงเรียนอนุบาลป่าชายเลนของพระองค์ที่มีแนวคิดพัฒนาแบบครบวงจร คืออนุรักษ์ ขยายพันธุ์ และต่อยอด ส่งผลให้ชีวิตคนคุ้งกระเบนและพื้นที่โดยรอบเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เกิดความรู้สึกหวงแหนต่อระบบนิเวศและสัตว์น้ำขนาดเล็กในป่าชายเลนให้เติบโตได้ต่อไป

 

กิจกรรมชวนเก็บหน่วยกิต

 

 

  • ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

     เดินเล่นยังศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน อ่าวคุ้งกระเบน พิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่บอกเล่าเรื่องราวระบนนิเวศริมชายฝั่ง เรียนรู้เรื่องพันธุ์ไม้ของจริงผ่านสะพานไม้ทอดยาวเข้าไปในดงป่าระยะทาง 1.6 กิโลเมตร ทั้งต้นโกงกาง แสม ลำพู แวะทักทาย ‘คุณปู่แสม’ ต้นไม้ที่ยืนต้นทอดร่มมานานกว่า 100 ปี นอกจากนี้ยังมีหอดูเรือนยอดไม้ ระเบียง 5 เหลี่ยมสำหรับนั่งชมวิวริมอ่าว และป่าชายเลนในมุมสูง พายเรือคายักลัดเลาะตามลำคลอง อย่าลืมแวะจอดยังอนุสรณ์หมูดุด หรือพะยูน เจ้าแห่งคุ้งกระเบนที่สูญพันธุ์ เหลือไว้เป็นเพียงตำนานแห่งคุ้งกระเบนด้วย

 

พิกัด: ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี

เปิดให้บริการ: จันทร์-อาทิตย์ เวลา 8.30-16.40 น.

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

โทรศัพท์: 0 3943 3216

 

Photo: บ้านปลาธนาคารปู บ้านบางสระเก้า

 

  • บ้านปลาธนาคารปู บ้านบางสระเก้า

     นี่คือชุมชนเข้มแข็งที่ร่วมกันต่อสู้เพื่อความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนของชุมชน เดิมทีชาวบ้านบางสระเก้ามีอาชีพทำนา ทอเสื่อ ทำประมงบริเวณลำคลองหนองบัวและคลองบางสระเก้า พื้นที่ 3 น้ำนี้มีแพลงตอนและสัตว์ทะเลอยู่มากมาย กุ้งหอยปูปลาชุกชุมจนคนนอกพื้นที่ชอบมารุกรานเรือพื้นถิ่น ใช้เรือดุนลักลอบเข้ามาจับสัตว์น้ำจนระบบนิเวศเสีย สัตว์น้ำลดลง ชาวบ้านจึงเดือดร้อน และกว่า 20 ปีภายใต้การนำของผู้ใหญ่อู๊ด-สถิต แสนเสนาะ ชาวบ้านบางสระเก้าจึงสามารถขับไล่เรือดุนออกนอกพื้นที่ได้สำเร็จ และร่วมกันจัดตั้ง ‘บ้านปลาธนาคารปู’ เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้อง และหมายฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำให้กลับมาดังเดิม

 

Photo: บ้านปลาธนาคารปู บ้านบางสระเก้า

 

     นอกจากองค์ความรู้ที่นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ได้จากปราชญ์ชาวบ้านแล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทดลองทำมากมาย เช่น ทดลองสร้างปะการังเทียม โดยนำยางรถยนต์มามัดเป็นลูกเต๋าแล้วนำไปปล่อยตามคลอง เพื่อเป็นที่หลบภัยของปลาเล็กตามวงจรธรรมชาติ ดูกรรมวิธีการเพาะพันธุ์และอนุบาลปูไข่นอกกระดอง ซึ่ง 1 ตัวสามารถเพาะพันธุ์ปูตัวเล็กได้นับล้าน หรือถ้าเวลาน้อยแต่อยากแวะไปเยี่ยมชม ก็สามารถเข้าไปขอความรู้และรับประทานอาหารฝีมือชาวบ้านได้ แต่ต้องติดต่อล่วงหน้าเท่านั้น

พิกัด: ตำบลบางสระเก้า อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี

เปิดให้บริการ: ทุกวัน (กรุณาติดต่อล่วงหน้า)

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี (ไม่รวมค่ากิจกรรม)

โทรศัพท์: 08 1158 9440 (ผู้ใหญ่อู๊ด)

 

 

  1. วิชาปลูกรักษ์: จากกาแฟต้นเดียวสู่ป่าสมบูรณ์

     หลังทรงมีพระราชปณิธานที่จะ ‘ช่วยชาวเขาเพื่อให้เขาช่วยเรา’ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชก็พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนหนึ่งแก่ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซื้อที่ดินบนดอยปุยก่อตั้งสวนสองแสนเพื่อทำหน้าที่วิจัยและค้นหาพืชใหม่ๆ ให้ชาวเขาปลูดทดแทน ซึ่งภายหลังทรงมอบหมายให้หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี (ประธานมูลนิธิโครงการหลวง) รวบรวมนักวิชาการเกษตรเพิ่มเติมจนต่อยอดสู่ ‘โครงการหลวง’

     ครั้งหนึ่งระหว่างที่เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรบนดอย หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ได้กราบทูลว่าชาวเขาบ้านหนองหล่มในพื้นที่เกษตรหลวงอินทนนท์เริ่มลงมือปลูกกาแฟบ้างแล้ว จึงอยากทูลเชิญเสด็จฯ เยี่ยมชม แต่เนื่องจากไม่มีถนนตัดผ่าน ต้องเดินเท้าเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงหมู่บ้าน และต้องเดินต่ออีก 1 กิโลเมตรจึงจะพบสวนกาแฟ ปรากฏว่าทั้งไร่ที่ว่ามีกาแฟขึ้นเพียงต้นเดียวเท่านั้น พระองค์จึงมีพระราชดำรัสต่อผู้ติดตามว่า

     “เราเพิ่งให้พันธุ์กาแฟไปเมื่อปีกลาย กะเหรี่ยงไม่เคยปลูกกาแฟเลย เหลือต้นเดียวถือว่าก้าวหน้าแล้ว ไม่เหลือเลยมันแย่ แต่นี่ปลูกได้ต้นหนึ่งแปลว่าก้าวหน้าแล้ว ถึงต้องตามไปดู”

     จากกาแฟต้นเดียวในวันนั้น สู่สวนกาแฟอาราบิก้าที่นำรายได้มหาศาลสู่ชาวเขาในวันนี้ เช่นเดียวกับน้ำพระราชหฤทัยของพระองค์ที่พยายามผลักดันให้พื้นที่บนยอดดอยกลับสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

 

กิจกรรมชวนเก็บหน่วยกิต

 

 

  • สถานีวิจัยโครงการหลวงดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

     ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2522 เพื่อถ่ายทอดวิชาความรู้ด้านการทำเกษตรแผนใหม่ ปรับปรุงฐานะความเป็นอยู่ของชาวเขาในละแวกให้หันมาทำการเกษตรแบบถาวร สถานีวิจัยโครงการหลวงดอยอินทนนท์เปรียบได้ดังห้องเรียนใหญ่ ประกอบไปด้วย 4 ห้องย่อย ได้แก่ หน่วยวิจัยขุนห้วยแห้ง สถานที่วิจัยปรับปรุงพันธุ์ไม้มงคล พืชไร่ ดอกไม้ที่นำเข้าจากต่างประเทศ, หน่วยวิจัยแม่ยะน้อย ทำหน้าที่ปรับปรุงพันธุ์กาแฟอาราบิก้าในพื้นที่ให้มีคุณภาพและอร่อย, หน่วยวิจัยผาตั้ง อนุรักษ์พันธุ์ไม้โบราณ กุหลาบพันปี ต้นสนหายาก รวมถึงวิจัยประมงในพื้นที่สูง ทดลองเลี้ยงปลาเรนโบว์เทราต์และสเตอร์เจียน และบ้านขุนกลาง มีหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้วยผลผลิตจากโครงการหลวงทุกสถานี คลังวัตถุดิบเลอค่าทั้งผักผลไม้และเนื้อสัตว์

 

Photo: สถานีวิจัยโครงการหลวงดอยอินทนนท์

 

     แวะ ‘สวนหลวงสิริภูมิ’ สวนที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์เฟิร์นของไทยและต่างประเทศ จุดเด่นอยู่บริเวณสวนกูดต้น หรือทรีเฟิร์น (Tree Fern) เฟิร์นขนาดใหญ่และมีลำต้นสูงร่วม 10 เมตร ซึ่งมีประมาณกว่า 10 ชนิด และยังสามารถชมความงามชั้นสุดท้ายของน้ำตกสิริภูมิที่ไหลเย็นทั้งปีด้วย

     เดินตามรอยพระบาทสู่บ้านหนองหล่ม ชุมชนปกาเกอะญอ ที่รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาทนานนับชั่วโมง เพื่อแสดงให้ชาวปกาเกอะญอเห็นถึงความสำคัญของกาแฟที่ทรงสอนและแนะนำแนวทางจนบ้านหนองหล่มกลายเป็นแหล่งปลูกกาแฟมีชื่อที่ทำรายได้มากกว่า 600 ล้านบาทต่อปี และพัฒนาต่อยอดกลายเป็นแบรนด์กาแฟ ‘ดอยช้าง’ ดังเช่นปัจจุบัน แน่นอนว่าต้นกาแฟเก่าแก่ที่สุดอันเกิดจากเมล็ดกาแฟพระราชทานก็อยู่ที่นี่ด้วย

พิกัด: 119 หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

เปิดให้บริการ: ทุกวัน (เวลาแล้วแต่กิจกรรม)

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

โทรศัพท์: 0 5328 6771   

เว็บไซต์: www.royal-inthanon.com

 

 

  • เดินป่า เรียนรู้วิถีชุมชนปกาเกอะญอ ณ บ้านแม่กลางหลวง

     แปลงร่างเป็นชาวเขาไปเยี่ยมชุมชนปกาเกอะญอที่ใช้ชีวิตสมถะเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติ เดินป่าศึกษาธรรมชาติ เรียนรู้ความสำคัญของทรัพยากร การจัดการตามภูมิปัญญาท้องถิ่น ศึกษาดูนกประจำถิ่นในเส้นทางเดินป่าดอยหัวเสือ เส้นทางดูนกห้วยน้ำขุ่น และเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผาดอกเสี้ยว นักท่องเที่ยวนิยมมาชมความสวยงามของนาข้าวขั้นบันได แนะนำมาให้ช่วงเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม ต้นข้าวเขียวขจีเคล้าสายหมอกบางๆ แต่เลยมาช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายนก็จะเจอต้นข้าวออกรวงสีเหลืองทองอร่ามไปทั่วท้องทุ่ง

 

 

พิกัด: บ้านแม่กลางหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

เปิดให้บริการ: ทุกวัน

ค่าเข้าชม: เช้าชมฟรี (ไม่รวมกิจกรรม)

โทรศัพท์: 08 1960 8856 (คุณสมศักดิ์ ศรีภูมิทอง สำหรับที่พักโฮมสเตย์ในหมู่บ้าน)

 

 

  1. วิชารักแรงโน้มถ่วง: ‘แก้มลิง’ มหัศจรรย์แห่งการสังเกต

     เมื่อ พ.ศ. 2538 ประเทศไทยประสบเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่เนื่องจากมีพายุหลายลูกพัดผ่านมายังพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน ส่งผลให้เกิดฝนตกอย่างหนักจนแม่น้ำหลายสายท่วมล้น กลายเป็นมวลน้ำขนาดใหญ่มุ่งตรงมายังกรุงเทพมหานคร รัชกาลที่ 9 ทรงเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน และหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาในครั้งนั้นคือ ‘การทำแก้มลิง’ โดยจัดหาสระ หนอง คลอง บึง หรือพื้นที่โล่งขนาดใหญ่เพื่อชะลอและรองรับมวลน้ำ ก่อนค่อยๆ ปล่อยลงสู่ทะเล ซึ่งพื้นที่ที่ทรงเลือกไว้คือทุ่งมะขามหย่อง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

     ด้วยความสำเร็จของแก้มลิงที่ทุ่งมะขามหย่อง นำมาสู่โครงการแก้มลิงอีกหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือทุ่งทะเลหลวง จังหวัดสุโขทัย ที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากและการขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้ง โดยรัฐบาลสั่งให้ขุดคลองลอกพื้นที่บริเวณทะเลหลวงซึ่งเป็นแหล่งเก็บน้ำในอดีต พร้อมออกแบบพื้นที่ให้เป็นรูปหัวใจ

 

กิจกรรมชวนเก็บหน่วยกิต

 

 

  • โครงการแก้มลิงในพระราชดำริ ‘ทุ่งทะเลหลวง’ แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจ จังหวัดสุโขทัย

     โครงการแก้มลิงทุ่งทะเลหลวง เป็นโครงการที่น้อมนำเอาตำราแก้มลิง หนึ่งในวิชาบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริในรัชกาลที่ 9 มาใช้ เพื่อให้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำ กักเก็บไว้ใช้หน้าแล้ง และเอาไว้ใช้ในหน้าฝน เป็นแหล่งรองรับน้ำจากแม่น้ำยมที่ไหลบ่าล้นตลิ่งฝั่งขวา น้ำห้วยท่าแพ น้ำแม่มอก ที่ไหลบ่าจากอำเภอสวรรคโลก และน้ำแม่รำพัน น้ำแม่กองค่าย ที่ไหลบ่าจากอำเภอบ้านด่านลานหอย ให้ไหลมาร่วมกันบริเวณที่ลุ่มตามหลักธรรมชาติ

     สถานที่เที่ยวในโครงการ นักท่องเที่ยวสามารถแวะสักการะพระพุทธรัตนสิริสุโขทัย พระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 700 ปี ณ บริเวณมณฑปทรงจัตุรมุข เดินเล่นบนเส้นทางสู่มณฑปที่ถูกก่อสร้างด้วยบรรยากาศแบบย้อนยุคในลักษณะของเสาศิลาศิลปะแบบสุโขทัย ยามเย็นชมพระอาทิตย์อัสดงจากแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจ จุดชมพระทิตย์ตกที่สวยที่สุดในบริเวณนั้น

พิกัด: หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านกล้วย อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย

เปิดให้บริการ: ทุกวัน

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

โทรศัพท์: 0 5561 1112 (โครงการชลประทานสุโขทัย)

 

Photo: เครื่องปั้นดินเผาบ้านทุ่งหลวง & โฮมสเตย์ บ้านทุ่งหลวง Sukhothai

 

  • ทดลองปั้นเครื่องปั้นดินเผา เรียนรู้งานฝีมือ ณ ‘บ้านทุ่งหลวง’

     แหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผามีชื่อประจำจังหวัด โดยสืบทอดองค์ความรู้มานานนับร้อยๆ ปี เครื่องปั้นดินเผาของบ้านทุ่งหลวงจะใช้ดินจะหนองน้ำ ‘หนองทอง’ นำไปผสมทรายแล้วเผาจนได้สีแดงมันวาว มีความแข็งแกร่ง นอกจากหม้อกรันที่นิยมปั้นขึ้นรูปแล้วยังมีรูปทรงอื่นๆ เช่น กระถาง จาน ชาม หม้อดิน เตาดินเผา

     เดินชมกรรมวิธีการผลิตอย่างใกล้ชิดที่เรียกว่า ‘วิทยาลัยใต้ถุนบ้าน’ ถลกแขนเสื้อแล้วทดลองปั้นเครื่องปั้นโดยมีปราชญ์ท้องถิ่นผู้ชำนาญเป็นครูคอยสอนกันได้เลย

 

พิกัด: 238 หมู่ที่ 2 ตำบลทุ่งหลวง อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย

เปิดให้บริการ: ทุกวัน

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

โทรศัพท์: 09 5798 5582 (คุณพาหนุ อยู่แย้ม สำหรับชมแหล่งเรียนรู้ประจำชุมชน)

 

 

  1. วิชาหมอดิน: พลิกตำราหลวง เอาชนะดินเสื่อมโทรม

     มีที่ดินหลายแปลงที่ชาวบ้านน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีสภาพเสื่อมโทรม เพาะปลูกไม่ขึ้น เนื่องจากผู้ถวายคิดว่าพระองค์จะนำที่ดินเหล่านั้นไปสร้างพระตำหนัก ทว่าพระองค์ทรงคิดต่าง ด้วยเห็นความสำคัญของดินยิ่งกว่าใคร ต่อให้สภาพย่ำแย่เพียงใดก็ต้องปรับปรุงแก้ไขให้เกิดประโยชน์ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะเหลือแต่ทะเลทราย และหนึ่งในโครงการที่พระองค์สามารถเอาชนะได้คือ เขาชะงุ้ม จังหวัดราชบุรี

     เพื่อแก้ปัญหาขั้นแรก รัชกาลที่ 9 โปรดเกล้าฯ ให้ขุดอ่างเก็บน้ำและสำรวจที่ดินโดยละเอียดว่าจุดใดพอจะปลูกต้นไม้ได้บ้าง ให้ปลูกตรงนั้นก่อน และปล่อยให้เจริญเติบโตตามธรรมชาติ โดยป้องกันมิให้ใครมาบุกรุกและทำลายในบริเวณที่ขุดดินลูกรังไปขาย พระองค์ทรงแก้ปัญหาด้วยการใช้หญ้าแฝก พืชที่มีรากแข็งแรงสามารถแทงทะลุไปได้ โดยก่อนปลูกให้ปรับสภาพหน้าดินด้วยปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ และปุ๋ยพืชสด กลบซ้ำไปซ้ำมาอยู่ 2-3 ปีจึงสามารถปลูกหญ้าและพืชอื่นๆ ได้ในท้ายที่สุด

 

กิจกรรมชวนเก็บหน่วยกิต

 

 

  • ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

     สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรสำคัญของจังหวัดราชบุรีที่ช่วยพลิกฟื้นผืนดินให้อุดมสมบูรณ์ ส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางในการศึกษาวิจัยและสาธิตทดสอบฟื้นฟูปรับปรุงดินเสื่อมโทรมให้ใช้ประโยชน์ได้ กิจกรรมท่องเที่ยวมีตั้งแต่นั่งรถรางเยี่ยมชมรอบโครงการ เดินชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติผืนป่าไม้เต็งรังและเบญจพรรณเกือบ 1,200 เมตร ชมทุ่งดอกทานตะวันและดอกปอเทืองบานเต็มพื้นที่กว้างไกลสุดตา และอย่าลืมสนับสนุนชุมชนด้วยการซื้อสินค้าชุมชนและโครงการด้วยล่ะ

 

พิกัด: หมู่ที่ 2 ตำบลเขาชะงุ้ม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี

เปิดให้บริการ: ทุกวัน เวลา 8.00-17.00 น.

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

โทรศัพท์: 0 3222 6744

 

Photo: 12 เมืองต้องห้ามพลาด+

 

  • ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก

     ‘ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก’ มีความหมายว่า ‘ตลาดเก่า’ เป็นตลาดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย เดิมชื่อว่า ‘ตลาดน้ำดำเนินสะดวก’ จนกระทั่งมีการตัดถนนหนทางจึงถูกย้ายจากปากคลองปากพลีไปอยู่สถานที่ใหม่ ซึ่งก็คือตลาดน้ำดำเนินสะดวกในปัจจุบัน เปลี่ยนบรรยากาศมานอนโฮมสเตย์ริมน้ำ ตักบาตรริมน้ำยามเช้า เรียนรู้เรื่องราวของตลาดน้ำ ณ พิพิธภัณฑ์ตลาดน้ำดำเนินสะดวก นั่งเรือพายชมสวน ตกบ่ายกินผัดไทยอาท่า ก๋วยเตี๋ยวเจ๊หมวด หรือนั่งพูดคุยจิบกาแฟ ณ ร้านฮกหลี

 

 

พิกัด: ตำบลดำเนินสะดวก อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี

เปิดให้บริการ: เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 8.00-13.00 น.

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

 

 

  1. วิชาหลอกฟ้า: เปลี่ยน ‘ฝัน’ ให้กลายเป็น ‘ฝน’

     โครงการพระราชดำริฝนหลวง เกิดขึ้นจากพระราชดำริส่วนพระองค์เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่แห้งแล้งทุรกันดาร 15 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือใน พ.ศ. 2478 เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์เดลาเฮย์ ซีดาน สีเขียว จากจังหวัดนครพนมไปจังหวัดกาฬสินธุ์ ผ่านจังหวัดสกลนครและเทือกเขาภูพาน ระหว่างเยี่ยมพสกนิกร ทรงรับทราบถึงความเดือดร้อนทุกข์ยากของราษฎรและเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและการเกษตร เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับถึงกรุงเทพมหานคร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล วิศวกรและนักประดิษฐ์ควายเหล็กเข้าเฝ้าฯ แล้วพระราชทานแนวความคิดนั้นแก่หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล

     จากทฤษฎีเริ่มแรกในพระราชดำริ พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้าและใช้เวลาอีก 14 ปีจึงสำเร็จ โดยทรงทดลองครั้งแรก ณ สนามบินหนองตะภู ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ก่อนย้ายการทดลองมายังสนามบินบ่อฝ้าย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อพระราชทานแนวคิดต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

 

กิจกรรมชวนเก็บหน่วยกิต

 

Photo: หอเฉลิมพระเกียรติพระบิดาแห่งฝนหลวง ศูนย์ฝนหลวง สนามบินบ่อฝ้าย

 

  • หอเฉลิมพระเกียรติพระบิดาแห่งฝนหลวง ศูนย์ฝนหลวง สนามบินบ่อฝ้าย

     เรียนรู้เรื่องฝนหลวงตั้งแต่ประวัติความเป็นมาจนถึงกรรมวิธีการหลอกฟ้า ชมเครื่องบินลำเล็กที่อดีตเคยใช้ทำฝนหลวงก่อนปลดระวาง มีส่วนจัดแสดงห้องทรงงานสำหรับใช้รับเสด็จ และยังเคยถูกใช้เป็นห้องบรรยายยามที่พระองค์ผันตัวเป็นอาจารย์พิเศษบรรยายเรื่องฝนหลวงให้นักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวล

     นอกจากนี้ยังมีส่วนจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับฝนหลวงอย่างละเอียดผ่านมัลติมีเดียทั้งภาพ เสียง และวิดีโอเป็นขั้นตอนให้รับชมง่าย พร้อมตำราฝนหลวงพระราชทานที่รัชกาลที่ 9 ทรงประดิษฐ์ภาพด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อพระราชทานแก่นักวิชาการฝนหลวงด้วย

พิกัด: ภายในท่าอากาศยานหัวหิน ตำบลบ่อฝ้าย อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เปิดให้บริการ: จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-16.00 น.

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

โทรศัพท์: 0 3252 0062

 

 

  • โครงการอ่างเก็บน้ำเขาเต่า อันเนื่องมากจากพระราชดำริ

     เดิมทีเขาเต่าเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ริมชายทะเล เมื่อครั้งรัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เยือนประชาชนในเขตหัวหิน พระองค์ทอดพระเนตรเห็นความลำบาก ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่มาก แต่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ไหนจะปัญหาน้ำไหลท่วมพื้นที่การเกษตร พระองค์จึงทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานสร้างอ่างเก็บน้ำเขาเต่าขึ้น นับเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านชลประทานแห่งแรกประเทศไทย

     นับตั้งแต่นั้นมาหมู่บ้านเขาเต่าจึงมีความเจริญต่างๆ เข้ามาในพื้นที่และกลายเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวชายทะเล อ่างเก็บน้ำเขาเต่าไม่เพียงบำบัดทุกข์ของชุมชน แต่ยังกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนและนักท่องเที่ยวอีกด้วย

 

พิกัด: เขาเต่า อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เปิดให้บริการ: ทุกวัน

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

โทรศัพท์: 08 9260 0867

 

Photo: ททท. สนง. ประจวบคีรีขันธ์

 

  • ศูนย์หัตถกรรมทอผ้าบ้านเขาเต่า

     โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงส่งเสริมให้ประชาชนในหมู่บ้านมีอาชีพเสริมจากการทอผ้าฝ้ายด้วยกี่กระตุกในช่วงมรสุมที่ไม่สามารถออกไปทำการประมงได้ ด้วยเหตุนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดหาครูจากราชบุรีมาสอนทอผ้า ย้อมสี สอนการจักสาน พร้อมทั้งจัดหาอุปกรณ์

     นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้วิธีการทอผ้า 9 เส้น ผ้าพื้นเมืองของเขาเต่าที่มีลักษณะเด่นคือลายผ้า 9 เส้น กล่าวคือมี 9 เส้นใน 1 แถว ลายใดก็ได้ และใช้แต่ผ้าฝ้ายเท่านั้น ช้อปสินค้าหัตถกรรมทอมือจากกลุ่มแม่บ้าน มีทั้งผ้าพับสำหรับนำไปตัดเย็บ และสินค้าพร้อมใช้ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า ฯลฯ

 

พิกัด: บ้านเขาเต่า ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เปิดให้บริการ: ทุกวัน

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

โทรศัพท์: 08 9260 0867 (คุณอมลวรรณ)

 

Photo: หนังสือ ‘วิชา 9 หน้า’ 

อ้างอิง:

  • หนังสือ ‘วิชา 9 หน้า’ ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

The post ‘วิชา 9 หน้า’ ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ กับ 9 เส้นทางที่ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเรียน (ตอนที่ 2) appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/kingrama9-9-directions-9-provinces-02/feed/ 0
‘วิชา 9 หน้า’ ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ กับ 9 เส้นทางที่ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเรียน (ตอนที่ 1) https://thestandard.co/kingrama9-9-directions-9-provinces-01/ https://thestandard.co/kingrama9-9-directions-9-provinces-01/#respond Fri, 13 Oct 2017 09:25:52 +0000 https://thestandard.co/?p=33984

     พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุย […]

The post ‘วิชา 9 หน้า’ ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ กับ 9 เส้นทางที่ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเรียน (ตอนที่ 1) appeared first on THE STANDARD.

]]>

     พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดชทรงได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์นักพัฒนาตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ทรงครองราชย์ ทรงวางรากฐานของประเทศด้วยโครงการในพระราชดำริมากถึง 4,596 โครงการ ซึ่งมีทั้งเกี่ยวกับน้ำ ดิน ป่า และวิศวกรรม ทั้งหมดก็เพื่อให้พสกนิกรในแผ่นดินของพระองค์อยู่ดีกินดี

     ‘ศาสตร์แห่งพระราชา’ คือคำสอนและองค์ความรู้ที่พระองค์พระราชทานไว้ จึงเปรียบเสมือนวิชาของพ่อที่ช่วยพัฒนาให้คนไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน

     THE STANDARD ขอพาคุณลงทะเบียนเรียนในหลักสูตร ‘วิชา 9 หน้า’ ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตามเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยพระบาท ซึ่งเราเห็นว่าน่าเที่ยว น่าตามรอย ทั้งยังได้เรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ ของพระองค์ควบคู่กับเก็บหน่วยกิตหลักสูตรนี้พร้อมๆ กันไปด้วย

 

 

  1. วิชาปรุงไทยในใจคน: สืบสานตำนานเรือ สร้างสรรค์ตำนานไทย

     ภาพเรือหลวงเคลื่อนขบวนไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ฝีพายแต่งชุดเต็มยศ เวลาพายเป็นจังหวะจะโคน สอดประสานพร้อมเสียงเห่เรือดังกึกก้องทั่วท้องน้ำ เฉลิมพระเกียรติองค์ประมุขไทย กระบวนพยุหยาตราชลมารคเป็นประเพณีโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา จวบจนรัชกาลที่ 7 จึงหยุดชะงักด้วยปัญหาเศรษฐกิจที่สืบเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และสถานภาพทางการเมืองอันไม่สงบในช่วงนั้น

     กระทั่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงเก็บเรือพระราชพิธีที่คลองบางกอกน้อยใน พ.ศ. 2495 และทอดพระเนตรเห็นเรือหลายลำอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม จึงมีพระราชกระแสรับสั่งให้ฟื้นฟู ทางกรมศิลปากรและกองทัพเรือจึงเข้ามาดูแลซ่อมแซม จัดทำทะเบียนเรือพระราชพิธีต่างๆ จนกลับมาใช้ได้อีกครั้ง เนื่องในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยกระบวนพยุหยาตราชลมารคเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2502

 

กิจกรรมชวนเก็บหน่วยกิต

 

 

  • ชมเรือหลวง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี

     อู่เก็บเรือพระราชพิธีเก่าซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวังและกองทัพเรือนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมเพื่อศึกษาเรื่องราวของพระราชพิธีต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้ง โดยจัดแสดงเครื่องประกอบในพระราชพิธีต่างๆ ทั้งบัลลังก์บุษบก บัลลังก์กัญญา สิ่งของเครื่องใช้ เครื่องแต่งกายของเหล่าฝีพายทุกตำแหน่ง รวมทั้งมีการจำลองกระบวนพยุหยาตราชลมารคให้ด้วย

พิกัด: ปากคลองบางกอกน้อย เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ

ค่าเข้าชม: คนไทย 20 บาท ค่าถ่ายภาพ 100 บาท

เปิดให้บริการ: จันทร์-อาทิตย์ เวลา 9.00-17.00 น.

โทรศัพท์: 0 2424 0004

 

 

  • เรียนรู้ทำการทำขันลงเงินที่ ‘ชุมชนบ้านบุ’ แห่งเดียวในเมืองไทย

     บุขันลงหิน เป็นอาชีพเก่าแก่ในชุมชน ‘บ้านบุ’ ที่ทำกันทุกครัวเรือนตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ก่อนอพยพมาตั้งรกราก ณ ละแวกบางลำพูและบางกอกน้อยเพราะกรุงแตก ขั้นตอนการทำขันลงหินนั้นยุ่งยาก ต้องใช้ความประณีตและฝีมือช่างเป็นอย่างมาก ทำให้มีแต่เจ้านายชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์ที่นิยมใช้ เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามา ความนิยมเริ่มจางหาย จากหลายครอบครัวก็เหลือเพียงครอบครัวเดียวคือโรงงานของตระกูลเจียมแสงสัจจา

 

 

     นอกจากแวะดูการทำขันลงเงินรอบๆ ชุมชน ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น ตลาดไร้คาน ตลาดเก่าอายุ 80 ปี แหล่งค้าขายของคนจีนในย่านบ้านบุ และวัดสุวรรณารามราชวรวิหาร วัดเก่าที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชใช้ลานวัดเป็นสถานที่ประหารเชลยพม่า

พิกัด: ริมคลองบางกอกน้อย ข้างวัดสุวรรณาราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

เปิดให้บริการ: ทุกวัน

โทรศัพท์: 08 1615 7840

 

 

  1. วิชาชลปราการ: จาก ‘นครนายก’ สู่ ‘นครนาสมบูรณ์’

     แม้จังหวัดนครนายกในภาพที่เราคุ้นชินจะมีภูมิประเทศอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งน้ำ ต้นไม้เขียวชอุ่ม พืชพันธุ์ใดๆ ก็น่าจะขึ้นง่าย โตเร็ว แต่ความจริงชาวบ้านในพื้นที่ประสบกับปัญหาภัยแล้ง เพาะปลูกอะไรก็ขึ้นยาก จนทางการต้องยกภาษีที่นาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

     พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงสังเกตเห็นว่าที่จังหวัดนครนายกมีปริมาณน้ำไหลผ่านมาก และกว่า 90% ถูกปล่อยลงสู่ทะเลโดยเปล่าประโยชน์ จึงรับสั่งให้กรมชลประทานสร้างเขื่อนขนาดใหญ่เพื่อกักเก็บน้ำให้ชาวบ้านไว้ใช้ยามขาดแคลนและป้องกันอุทกภัยยามน้ำหลาก ระหว่างการดำเนินการ พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรเพื่อสอบถามปัญหาทุกข์สุข ทรงย้ำไม่ให้ชาวบ้านขายที่ดินเป็นอันขาด โดยตรัสด้วยพระราชอารมณ์ขันว่า เมื่อสร้างเขื่อนเสร็จก็จะโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อจังหวัดจาก ‘นครนายก’ เป็น ‘นครนาสมบูรณ์’

     เขื่อนสร้างเสร็จสมบูรณ์ภายใน 10 ปี กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่เก็บน้ำสมัยใหม่ เพราะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมใดๆ และยังมีการนำเทคนิคและวิทยาการสมัยใหม่มาปรับใช้ เช่น การนำคอนกรีตไปบดอัดกับกากถ่านหินจนมีความทนทานสูง เป็นอาทิ ประชาชนได้ใช้นำจากการชลประทาน เรือกสวนไร่นางอกงาม ตัวเขื่อนยังพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่รองรับผู้คนจากทั่วสารทิศ

 

กิจกรรมชวนเก็บหน่วยกิต

 

 

  • พักผ่อนริมน้ำ กินปลาน้ำจืดที่ ‘เขื่อนขุนด่านปราการชล’ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

     ล่องเรือชมเขื่อน สัมผัสภาพในมุมกว้าง ดื่มด่ำกับความงามของน้ำตกผางามงอน น้ำตกคลองคราม แวะชมพระตำหนักที่ประทับของรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งเสด็จฯ มาทรงงาน หรือเลือกกิจกรรมสบายๆ อย่างพายเรือคายัก เล่นน้ำ ล่องห่วงยาง ปิกนิกริมน้ำบริเวณหน้าประตูเขื่อน โดยมีฉากหลังเป็นมุมสูงของประตูเขื่อนคอนกรีตที่ยาวที่สุดในโลก

พิกัด: หมู่ที่ 2 บ้านท่าด่าน ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก

เปิดให้บริการ: ทุกวัน เวลา 8.00-16.00 น.

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

โทรศัพท์: 08 9634 9287

 

Photo: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

  • รู้ทุกเรื่องของดินที่ ‘ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ’

     สถานที่เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างลึกซึ้งและครบวงจร อดีตเคยเป็นพื้นดินรกร้าง เพาะปลูกไม่ขึ้น แต่ถูกพัฒนาด้วยการน้อมนำหลักแนวคิดและทฤษฎีการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพดิน น้ำ ป่า คน ตามแนวพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 จนปัจจุบันกลายเป็นศูนย์สีเขียวที่มีแต่ร่มไม้ และเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้สำหรับบุคคลที่สนใจ

 

 

     จัดแสดงแปลงสาธิตตามแนวพระราชดำริ ทั้งการจำลองทฤษฎีแก้มลิง, ทฤษฎีแกล้งดิน, ทฤษฎีอธรรมปราบอธรรม, กังหันน้ำชัยพัฒนา ฯลฯ โดยแบ่งเป็นสภาพดินตามภาคต่างๆ ของประเทศ และทฤษฎีที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนา เช่น ภาคเหนือ ทำความรู้จักกับป่าเปียกกันไฟและฝายตามทฤษฎีป่า 3 อย่าง, ภาคอีสาน นำเสนอเรื่องราวของข้าว หลักความคิดของธนาคารข้าว การสีข้าว และการปศุสัตว์

พิกัด: 98/1 หมู่ที่ 2 บ้านท่าด่าน ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก

เปิดให้บริการ: ทุกวัน เวลา 8.00-17.00 น.

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

โทรศัพท์: 0 3738 4049 (ติดต่อทำกิจกรรมล่วงหน้า)

 

 

  1. วิชาตำนานพันธุ์: จุดเริ่มต้นของ 3 ดำแห่งแดนภูพาน

     พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเคยพระราชทานสัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า เหตุที่พระองค์ทรงพัฒนาชนบททางภาคอีสาน เพียงเพราะต้องการต่อสู้กับความอดอยากหิวโหยของราษฎร มิใช่กับพรรคคอมมิวนิสต์ ด้วยเหตุนั้นจึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์เพื่อเป็นศูนย์กลางการทำงานของพระองค์ในภาคอีสาน พร้อมทั้งโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อใช้เป็นสถานที่ทดลองแนวพระราชดำริต่างๆ เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ำไว้ในฤดูแล้ง การหาข้าวพันธุ์ดีที่เหมาะกับสภาพภูมิประเทศ หรือการเลี้ยงสัตว์ ที่พระองค์พระราชทานแนวทางง่ายๆ ว่าต้องแข็งแรง ทนต่อสภาพแวดล้อม เลี้ยงง่าย ลงทุนไม่สูง จนกลายเป็นที่มาของตำนาน 3 ดำแห่งภูพาน ได้แก่ ไก่ภูพาน สุกรภูพาน และโคเนื้อภูพาน

 

กิจกรรมชวนเก็บหน่วยกิต

 

 

  • ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

     หนึ่งห้องเรียนตามพระราชดำริที่พระองค์พระราชทานไว้ให้แก่ชาวบ้านเพื่อแก้ปัญหาสภาพดิน รวมถึงการขาดแคลนน้ำในการทำเกษตร ปัจจุบันกลายเป็นต้นแบบในการจัดการทรัพยากรน้ำหลายพื้นที่จนเกิดเป็นตำราวิชาเฉพาะ 19 บทเรียน โดยเฉพาะวิชาตำนาน 3 ดำ เคล็ดไม่ลับแห่งเทือกเขาภูพาน

 

 

     นั่งรถรางชมพื้นที่แปลงเกษตรสาธิตและปศุสัตว์ 3 ดำ เรียนรู้ระบบเกษตรบนแนวคิดวิถีพอเพียงตามรอยพระราชดำริ รวมถึงศาสตร์แห่งการจัดการป่าและพรรณไม้ ‘การปลูกป่า 3 อย่าง ได้ประโยชน์ 4 อย่าง’ รื่นรมย์กับทัศนียภาพของอ่างเก็บน้ำตาดไฮใหญ่ พร้อมเรียนรู้แนวคิดการจัดการระบบน้ำเพื่อใช้ในการเกษตรของชุมชน

พิกัด: บ้านนานกเค้า ตำบลห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร

เปิดให้บริการ: จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น.

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

โทรศัพท์: 0 4271 2975

 

 

  • สัมผัสวิถีไทเทิง ภู-นา-ป่า-คราม ที่ ‘ชุมชนบ้านหนองส่าน’

     หมู่บ้านเล็กๆ บนเทือกเขาภูพานที่มากด้วยเสน่ห์ นักท่องเที่ยวผู้มาเยี่ยมชุมชนสามารถเรียนรู้วิถีไทยผ่านการพักโฮมสเตย์ โดยมีไกด์เจ้าถิ่นดูแลทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการไหว้พระขอพร ณ วัดโพธิ์ชัย หนองส่าน, ทดลองสานกระติ๊บและหวดข้าว (นึ่งข้าว), หยิบกล้าดำนาช่วงหน้าฝน, ลองแปลงร่างเป็นพรานป่าตามชาวบ้านไปเก็บเห็ด, เรียนรู้ระบบนิเวศป่า, ฟังเรื่องราวจากปากผู้เฒ่าเกี่ยวกับบรรยากาศพรรคคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้น ก่อนกลับมาเรียนเทคนิคการย้อมคราม ทำผ้ามัดย้อมไว้สวมใส่

 

 

พิกัด: 28 หมู่ที่ 11 ตำบลโคกภู เทศบาลนครสกลนคร อำเภอภูพาน จังหวัดสกลนคร

เปิดให้บริการ: ทุกวัน (กรุณาติดต่อล่วงหน้า)

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี (ไม่รวมค่ากิจกรรม)

โทรศัพท์: 0 9876 3184

 

 

  1. วิชาธรรมชาติสามัคคี: บทพิสูจน์ของ ‘คนกับป่า’

     เมื่อ 30-40 ปีก่อน ประเทศไทยกำลังตกอยู่ภายใต้กระแสการคืบคลานของลัทธิคอมมิวนิสต์ ละแวกภูหินร่องกล้าคือสมรภูมิสำคัญที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ป่ารกชัฏ จุดยุทธศาสตร์เชื่อมต่อพื้นที่ 3 จังหวัดคือ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก, อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ แม้ภายหลังสถานการณ์จะคลี่คลาย บ้านเมืองสงบ แต่ปัญหาภูหินร่องกล้ายังไม่หมดไป ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวม้งยังคงดำรงชีพด้วยการปลูกฝิ่นกับกะหล่ำปลี และมักเข้าไปบุกรุกแผ้วถางพื้นที่ป่า ลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างภาครัฐและประชาชน

     ด้วยเหตุนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้หยิบยกเอาแนวทางพระราชดำริมาเป็นฐานเพื่อแก้ไข โดยสนับสนุนให้ชาวบ้านเปลี่ยนจากไร่เลื่อนลอยมาเป็นพืชที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ เช่น กาแฟอาราบิก้า, สตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน 80 ขณะเดียวกันก็ปลูกฝังความคิดเรื่องป่า สอนให้รู้จักดูแลธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการทำแนวป้องกันไฟป่า การดูแลพันธุ์พืช ดูแลแหล่งน้ำ ส่งผลให้ภูหินร่องกล้ากลับมาอุดมสมบูรณ์ได้ในที่สุด

 

กิจกรรมชวนเก็บหน่วยกิต

 

Photo: โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ ภูหินร่องกล้า

  • โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ ภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก

     กำเนิดขึ้นเพื่อปฏิบัติตามแนวพระราชดำริด้านงานพัฒนาป่าไม้ของรัชกาลที่ 9 ใน พ.ศ. 2552 โดยส่งเสริมให้ชาวไทยภูเขาเผ่าม้งที่บ้านใหม่ร่องกล้า หมู่ที่ 10 ปรับเปลี่ยนอาชีพจากการทำไร่เลื่อนลอย ปลูกฝิ่น ไร่กะหล่ำปลี ให้หันมาปลูกสตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน 80 และกาแฟอาราบิก้า จนปัจจุบันสามารถต่อยอดพัฒนากลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว

 

 

     ช่วงเวลาเหมาะสมแก่การเยือนคือปลายปี ทุ่งดอกกระดาษจะบานสวย มีจุดชมวิวสวยตามหินผา 6 จุดสำคัญ ได้แก่ ผาไททานิค, ผาพบรัก, ผาบอกรัก, ผารักยืนยง, ผาคู่รัก และผาสลัดรัก จิบกาแฟปลอดสารจากน้ำมือของชาวม้งท่ามกลางผืนป่าเขียวชอุ่ม หรือดอกสีชมพูสวยของต้นนางพญาเสือโคร่งในช่วงต้นปี

พิกัด: หมู่ที่ 10 บ้านร่องกล้า ตำบลเนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก

เปิดให้บริการ: ทุกวัน ฤดูที่เหมาะสมกับการท่องเที่ยวคือมกราคม-กุมภาพันธ์

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี

โทรศัพท์: 08 1596 5977                                       

 

 

  • ‘บ้านเข็กน้อย’ เที่ยวปีใหม่ม้ง สัมผัสประเพณีโบราณที่มีมานานกว่า 100 ปี

     สนุกสนานไปกับงานประเพณีประจำปีของบ้านม้ง ณ บ้านเข็กน้อย จังหวัดพิษณุโลก ชุมชนชาวม้งที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในประเทศไทย คือมีทั้งหมด 12 หมู่บ้าน เกือบ 14,000 คน งานฉลองปีใหม่ของชาวม้งจะเริ่มตั้งแต่ในเดือนธันวาคมถึงมกราคมของทุกปี แต่ละหมู่บ้านจะจัดไม่ตรงกัน แต่ส่วนใหญ่นิยมเริ่มในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1 นาน 7-9 วัน จำนวนวันขึ้นกับความเคร่งและความยิ่งใหญ่ของหมู่บ้าน ผู้หญิงจะเตรียมตัดเย็บเสื้อผ้าให้สมาชิกในครอบครัว ผู้ชายจะเตรียมฟืนไว้สำหรับหุงต้ม กรรมการหมู่บ้านจะฝึกหนุ่มสาวไว้ฟ้อนรำ

     นักท่องเที่ยวสามารถร่วมงานหรือแวะไปเยี่ยมชมและเรียนรู้งานประเพณีได้ตั้งแต่ลองตัดเย็บเสื้อผ้าไปจนถึงการฝึกซ้อมฟ้อนรำและการละเล่นต่างๆ เช่น ชนวัว, เล่นลูกข่าง, เป่าแคน, ยิงหน้าไม้ หรือแม้แต่การโยนลูกช่วงเสี่ยงคู่ ที่เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวเกี้ยวพาราสีกันได้อย่างโจ่งแจ้งในที่สาธารณะ

พิกัด: องค์การบริการส่วนตำบลเข็กน้อย หมู่ที่ 4 ตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

เปิดให้บริการ: เทศกาลปีใหม่ม้งตำบลเข็กน้อย ประจำปี 2561 จะตรงกับวันที่ 18-26 ธันวาคม 2560

ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี (ไม่รวมค่ากิจกรรม)

โทรศัพท์: 0 5692 5576 (คุณนารีรัตน์)

 

      อยากเก็บคะแนนให้ครบหลักสูตร ‘วิชา 9 หน้า’ ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ กับ 9 เส้นทางที่ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเรียน ติดตามต่อได้ในตอนหน้า

 

Photo: หนังสือ ‘วิชา 9 หน้า’

อ้างอิง:

  • หนังสือ ‘วิชา 9 หน้า’ ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

The post ‘วิชา 9 หน้า’ ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ กับ 9 เส้นทางที่ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเรียน (ตอนที่ 1) appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/kingrama9-9-directions-9-provinces-01/feed/ 0