วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล (YLG) – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 24 Sep 2025 11:43:00 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 YLG มอง ราคาทองไทยปี 68 ลุ้นทำจุดสูงสุดใหม่ 60,000 บาทต่อบาททองคำ หากเงินบาทอ่อนค่าลง ตั้งแต่ต้นปีราคาพุ่งแล้ว 33% อานิสงส์ทองโลกพุ่งแรงสุดรอบ 46 ปี https://thestandard.co/ylg-gold-price-thailand-2025-target-60000/ Wed, 24 Sep 2025 11:42:14 +0000 https://thestandard.co/?p=1122353 YLG ราคาทองคำไทย 2568

YLG (วายแอลจี) เผย ราคาทองคำไทยขึ้นไปทำระดับสูงสุดเป็นป […]

The post YLG มอง ราคาทองไทยปี 68 ลุ้นทำจุดสูงสุดใหม่ 60,000 บาทต่อบาททองคำ หากเงินบาทอ่อนค่าลง ตั้งแต่ต้นปีราคาพุ่งแล้ว 33% อานิสงส์ทองโลกพุ่งแรงสุดรอบ 46 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
YLG ราคาทองคำไทย 2568

YLG (วายแอลจี) เผย ราคาทองคำไทยขึ้นไปทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 57,000 บาทต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 33.73% จากต้นปี ตามเป้าหมายที่เคยให้ไว้ โดยได้รับแรงหนุน จากราคาทองคำโลกที่ทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง นับจากต้นปี ราคาปรับขึ้นมาแล้ว 1,140.72 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 43.48%

 

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า มี 2 ปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้ราคาทองคำไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้แก่

 

1. ราคาทองคำโลก เดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่

 

โดยนับจากต้นปี ราคาทองคำโลกปรับเพิ่มขึ้นมาแล้ว 1,130.64 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 43.48% ให้ผลตอบแทนมากที่สุดในรอบ 46 ปี

 

ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจาก ประเด็นความกังวลเกี่ยวกับการชัตดาวน์ (ปิดตัวชั่วคราว) ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หลังจากในวันศุกร์วุฒิสภาได้ปฏิเสธร่างงบประมาณระยะสั้นที่สภาผู้แทนราษฎรได้อนุมัติมา ซึ่งหากร่างงบประมาณไม่ได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 30 ก.ย. ก็จะทำให้รัฐบาลเสี่ยงถูกชัตดาวน์ 

 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งภายในปีนี้ คือในการประชุมเดือน ต.ค. และ ธ.ค. 

 

รวมถึงปัจจัยบวกจากกองทุน SPDR เข้าถือทองคำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่ากองทุนถือครองทองคำเพิ่มขึ้น 18.9 ตัน ก่อนจะซื้อเพิ่มในวันจันทร์ 6.01 ตัน ทำให้การถือครองขึ้นสู่ระดับ 1,000.57 ตัน สูงสุดนับตั้งแต่ เดือน ส.ค. 2565 และยังมีปัจจัยความต้องการทองคำ ในอินเดีย ที่แข็งแกร่งตั้งแต่กลางเดือน พ.ย. ปีที่ผ่านมา จนทำให้อินเดียเป็นผู้บริโภค ทองคำเป็นอันดับ 2 ของโลก

 

2. เงินบาทอ่อนค่าจากดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่ฟื้นตัวขึ้น 

 

จากระดับต่ำสุดที่ 95.804 ประกอบกับมีแรงขายหุ้นและพันธบัตรจากความกังวลของต่างชาติในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้มีกระแสเงินไหลออกระยะสั้น

 

ทั้งนี้ YLG ยังคงเป้าหมายราคาทองคำในประเทศไว้ที่ 57,000 บาท หากราคา ทะลุเป้าหมายแรก มีโอกาสที่จะทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 60,000 บาทต่อบาททองคำ แต่หากเงินบาทแข็งค่า จากระดับปัจจุบันที่ 31.83 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก็จะส่งผลให้ความเป็นไปได้ที่จะไปทดสอบ เป้าหมายถัดไปลดลง ดังนั้นการเคลื่อนไหวของทองคำ ในประเทศขึ้นอยู่กับค่าเงินบาท อย่างมีนัยสำคัญ

 

อย่างไรก็ดี หากราคาทองคำไม่ผ่านเป้าหมายแรกที่ 57,000 บาทต่อบาททองคำ แนะนำแบ่งขายทำกำไรบางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด และแนะนำให้ซื้อกลับ เมื่อย่อตัวหากราคาไม่หลุดแนวรับที่ 55,000 – 50,000 บาทต่อบาททองคำ

The post YLG มอง ราคาทองไทยปี 68 ลุ้นทำจุดสูงสุดใหม่ 60,000 บาทต่อบาททองคำ หากเงินบาทอ่อนค่าลง ตั้งแต่ต้นปีราคาพุ่งแล้ว 33% อานิสงส์ทองโลกพุ่งแรงสุดรอบ 46 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
YLG ชี้ทองคำมีทิศทางขาขึ้นชัดเจน ราคาขึ้นทำ All New High แม้ยังต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐตลอดสัปดาห์ https://thestandard.co/ylg-gold-price-soars-all-new-high/ Tue, 02 Sep 2025 09:56:30 +0000 https://thestandard.co/?p=1114634

ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอล […]

The post YLG ชี้ทองคำมีทิศทางขาขึ้นชัดเจน ราคาขึ้นทำ All New High แม้ยังต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐตลอดสัปดาห์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า วันนี้ (2 ก.ย.) ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสามารถขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติกาลครั้งใหม่ที่ 3,508.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความใน Truth Social ที่ระบุถึงสาเหตุการตั้งภาษีกับอินเดียสูงถึง 50% เนื่องจากถูกอินเดียเอาเปรียบมาตลอด พร้อมกล่าวว่าการค้าระหว่างอินเดียและสหรัฐคือ “หายนะด้านเดียวอย่างสิ้นเชิง” ซึ่งการโพสต์ข้อความดังกล่าวได้สร้างสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างอินเดียและสหรัฐ ทำให้เกิดแรงซื้อทองเข้ามาในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

 

โดยก่อนหน้านี้วายแอลจี มองว่าภายในช่วงที่เหลือของปีนี้ราคาทองคำจะสามารถทำระดับสูงสุดใหม่ได้อีกครั้งและล่าสุดราคาทองคำได้ปรับขึ้นมาตามคาดการณ์ โดยเชื่อว่าในไตรมาส 4 ราคาทองคำจะยังเคลื่อนไหวในแดนบวก แม้ว่าจะมีการเทขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง อย่างไรก็ดี หากมองถึงปัจจัยในหลากหลายด้าน ก็ยังมีน้ำหนักต่อการเคลื่อนไหวของทองคำในเชิงบวก โดยเฉพาะแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ล่าสุดตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐ เช่น ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐนั้นอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ

 

อีกทั้ง เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Jackson Hole ว่า “ความเสี่ยงด้านการจ้างงานกำลังเพิ่มขึ้น และภาษีศุลกากรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับราคาเพียงครั้งเดียว ความสมดุลของความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป อาจจำเป็นต้องปรับนโยบาย” ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จนเป็นปัจจัยหนุนหลักต่อราคาทองคำ

 

นอกจากนี้ นโยบายทางการเงินของเฟดยังมีความเป็นไปได้ที่สูงขึ้น ว่าจะมีจุดยืนที่ผ่อนคลาย (Dovish stance) มากขึ้น นับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ มีความพยายามที่จะมีอิทธิพลต่อนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการกดดัน เจอโรม พาวเวล ให้รีบทำการปรับลดดอกเบี้ยลงและลาออกจากประธานเฟด

 

รวมไปถึงการสั่งปลด ลิซ่า คุก หนึ่งในผู้ว่าการเฟด ซึ่งนับเป็นการเข้าแทรกแซงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นตลอด 111 ปีที่ผ่านมา แต่ทางด้าน สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ยังออกมาปกป้องการกระทำดังกล่าวของโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้ง ยังมีความพยายามที่จะส่งคนสนิทอย่าง สตีเฟน มิแรน เข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเฟด แทนที่ อาเดรียนา คูเกลอร์ ที่ลาออกไปในช่วงก่อนหน้านี้

 

ทั้งนี้ในปีนี้ วายแอลจี ได้ให้เป้าหมายราคาทองคำไว้ที่โซน 3,500 – 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ราคาจะทดสอบเป้าหมายแรกที่ระดับ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปแล้วถึงสองครั้ง อย่างไรก็ดี หากสามารถยืนแล้วไปต่อได้พร้อมปัจจัยพื้นฐานเข้ามาสนับสนุน จะมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และระดับ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ

 

สำหรับคำแนะนำการลงทุนทองคำ ในระยะสั้นมองว่าทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 3,437-3,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และกรอบแนวต้าน 3,508-3,540 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ส่วนทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ มองว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 52,500-54,100 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณจากค่าเงินบาทระดับ 33.24 บาทต่อดอลลาร์)

 

ภาพ: Volodymyr TVERDOKHLIB/Shutterstock

The post YLG ชี้ทองคำมีทิศทางขาขึ้นชัดเจน ราคาขึ้นทำ All New High แม้ยังต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐตลอดสัปดาห์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
YLG แนะ 6 วิธีสังเกตทองแท้ง่ายๆ ด้วยตนเอง พร้อมชี้ช่องสะสมทองคำง่ายๆ สำหรับมือใหม่ https://thestandard.co/ylg-advice-6-gold-inspection-tips/ Tue, 24 Sep 2024 11:57:49 +0000 https://thestandard.co/?p=987511 YLG

วายแอลจีชี้ เทรนด์ทองคำยังพุ่งต่อ แม้ราคาทำจุดสูงสุดใหม […]

The post YLG แนะ 6 วิธีสังเกตทองแท้ง่ายๆ ด้วยตนเอง พร้อมชี้ช่องสะสมทองคำง่ายๆ สำหรับมือใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
YLG

วายแอลจีชี้ เทรนด์ทองคำยังพุ่งต่อ แม้ราคาทำจุดสูงสุดใหม่หลายครั้ง ส่งผลให้ทองคำในประเทศทรงตัวระดับสูงตามเทรนด์ทองคำโลก แม้จะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินบาท จนล่าสุดสร้างความกังวล นักลงทุนกลัวปัญหาทองปลอมระบาด พร้อมเผย 6 เทคนิคสังเกตทองแท้ง่ายๆ 

 

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปรับตัวขึ้นทำ All Time High อีกครั้งที่ระดับ 2,640 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ (ณ วันที่ 24 กันยายน 2567 เวลา 12.15 น.) ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% อยู่ที่ระดับ 41,000 บาทต่อบาททองคำ 

 

ในส่วนของราคาทองคำในประเทศนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างหวือหวา เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทุกครั้งที่เงินบาทแข็งค่า 10 สตางค์ จะส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศลดลง 90-120 บาทต่อบาททองคำ แต่ถึงอย่างนั้นราคาทองในประเทศก็ยังมีทิศทางปรับตัวขึ้นตามราคาทองคำในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มดังกล่าวจึงส่งผลให้ปัจจุบันมีกระแสเรื่องทองปลอม ส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้น

 

วายแอลจีจึงมี 6 วิธีแนะนำการสังเกตทองคำ ดังนี้

 

  1. สังเกตที่สีของทองต้องไม่ผิดเพี้ยน โดยเฉพาะสีคราบตรงรอยต่อ ไม่มีรอยถลอก รอยลอก

 

  1. เลือกซื้อทองคำกับผู้ค้าที่มีความน่าเชื่อถือไว้ใจได้ และสังเกตตราประทับสัญลักษณ์ของร้านทองต้องชัดเจน

 

  1. ตรวจสอบน้ำหนักทองคำให้ตรงกับจำนวนที่ซื้อ ขนาดทองคำต้องสัมพันธ์กับราคาทอง รวมถึงต้องขอใบเสร็จรับรองน้ำหนักทองคำจากผู้ขายทุกครั้ง

 

  1. ไม่ซื้อทองคำที่ราคาต่ำกว่าราคาที่สมาคมค้าทองคำประกาศ เพราะมีความเสี่ยงที่จะเป็นทองปลอม

 

  1. ทองคำแท้ไม่ดูดแม่เหล็ก เนื้อทองคำจะอ่อน รวมถึงเนื้อทองคำต้องไม่มีสิ่งปลอมปนทำให้ตัวทองคำบิดเบี้ยว

 

  1. ทองคำแท้หากแช่กรดไนตริกจะไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ ไม่เปลี่ยนสีหรือหลอมละลาย

 

โดยทองคำที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทยนั้นมี 2 มาตรฐาน แบ่งเป็นทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% และทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 99.99% ซึ่งราคาทองคำทั้ง 2 ประเภทนี้จะแตกต่างกัน ดังนั้น ก่อนซื้อจะต้องสอบถามกับร้านค้าให้แน่ใจว่าเป็นทองมาตรฐานใด 

 

นอกจากนี้ รูปแบบของการจำหน่ายทองคำกายภาพ ยังมีทั้งที่เป็นทองคำแท่งที่เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ขนาดเล็กเพียง 1 กรัม ที่วายแอลจีจัดจำหน่ายในรูปแบบการ์ดทองคำ จำหน่ายในราคาหลักพัน ไปจนถึงทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท ส่วนทองคำรูปพรรณนั้น มีทั้งแบบที่เป็นเครื่องประดับและแบบที่เป็นทองคำรูปแบบพิเศษ เช่น ปี่เซียะ กิมตุ้ง หรือเหรียญทองคำปีนักษัตรสำหรับสะสม

 

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำแท่ง สามารถลงทุนผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างสะดวกผ่านแอปพลิเคชัน YLG Online แบบเรียลไทม์ โดยการวางเงินประกันขั้นต่ำ 50,000 บาท สามารถลงทุนทองคำแท่ง 99.99 ได้ถึง 1 กิโลกรัม และลงทุนทองคำ 96.5 ได้ถึง 10-60 บาททองคำ

The post YLG แนะ 6 วิธีสังเกตทองแท้ง่ายๆ ด้วยตนเอง พร้อมชี้ช่องสะสมทองคำง่ายๆ สำหรับมือใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
YLG ขยับเป้าหมายทองคำปีนี้เป็น 2,700 ดอลลาร์ หลัง Fed ลดดอกเบี้ย 0.50% ทองคำแท่งในประเทศลุ้นเป้าหมาย 42,600 บาท https://thestandard.co/ylg-raises-this-years-gold-target-to-2700/ Thu, 19 Sep 2024 09:16:14 +0000 https://thestandard.co/?p=985468

วายแอลจีชี้ ปรับเป้าหมายทองคำขึ้นสู่ 2,700 ดอลลาร์สหรัฐ […]

The post YLG ขยับเป้าหมายทองคำปีนี้เป็น 2,700 ดอลลาร์ หลัง Fed ลดดอกเบี้ย 0.50% ทองคำแท่งในประเทศลุ้นเป้าหมาย 42,600 บาท appeared first on THE STANDARD.

]]>

วายแอลจีชี้ ปรับเป้าหมายทองคำขึ้นสู่ 2,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลัง Fed ลดดอกเบี้ย 0.50% ขณะเดียวกัน Dot Plot บ่งชี้ สิ้นปีนี้ Fed ลดดอกเบี้ยได้อีก 0.50%

 

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า หลังจากการประชุมที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ได้ปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 0.50% และส่งสัญญาณผ่าน Dot Plot เปิดช่องทางการปรับลดดอกเบี้ยได้อีก 0.50% รวมทั้งสิ้นปีนี้ที่ 1.00% จึงเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ

 

แม้ว่าล่าสุดราคาทองคำจะถูกขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยถูกกดดันระยะสั้นทันทีที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed เผยถ้อยแถลงที่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ พร้อมพยายามบรรเทาตลาดไม่ให้ตื่นตระหนกต่อการปรับลดดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% โดยกล่าวว่า เป็นเพียงเพื่อการรักษาเสถียรภาพของตลาดแรงงานสหรัฐฯ เอาไว้เท่านั้น ไม่ได้เห็นการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด

 

ปรับเป้าหมายทองคำขึ้นสู่ 2,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

 

อย่างไรก็ดี มองว่าภายในปีนี้ทองคำมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ โดยวายแอลจีมองราคาเป้าหมายใหม่ที่ 2,650-2,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เนื่องจากการเข้าสู่วงจรดอกเบี้ยขาลงไปอีก 2 ปีของ Fed จะเป็นปัจจัยหนุนหลักในระยะยาวต่อราคาทองคำ

 

นอกจากนี้ทองคำยังมีปัจจัยบวกด้านอื่นๆ ที่แข็งแกร่ง เช่น ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังสร้างความกังวลในหลายพื้นที่ และการกลับเข้ามาซื้อทองคำ 4 เดือนต่อเนื่องของกองทุน ETF ทองคำ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ก็เป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างเริ่มมีนัยสำคัญ รวมถึงธนาคารกลางทั่วโลกที่ยังคงเดินหน้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องในระยะยาว จนช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ได้เข้าซื้อทองคำรวม 483.3 ตัน สูงสุดในประวัติศาสตร์ครึ่งแรกของปี

 

มองราคาทองคำในประเทศ 42,600-43,000 บาทต่อบาททองคำ

 

สำหรับราคาทองคำในประเทศในช่วงนี้ แม้ว่าจะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งทุกครั้งที่ค่าเงินบาทแข็งค่า 10 สตางค์ จะทำให้ราคาทองคำปรับลดลงมาราว 90-120 บาทต่อบาททองคำ อย่างไรก็ตาม ถ้าบาทไม่แข็งค่าเกิน 33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มองว่าเป็นจุดรับ เพราะราคาทองคำมีโอกาสที่จะไปถึง 41,800 บาทต่อบาททองคำ และเป้าหมายถัดไปที่โซน 42,600-43,000 บาทต่อบาททองคำ

 

อย่างไรก็ดี สำหรับนักลงทุนที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงด้านค่าเงินได้สูง วายแอลจีแนะนำให้ลงทุนผ่าน YLG Gold Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ที่จะช่วยเพิ่มช่องทางให้ผู้ที่ต้องการซื้อทองคำในราคาตลาดโลกแบบเรียลไทม์ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยให้บริการซื้อขายทองคำได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ด้วยราคาเรียลไทม์ซื้อขายขั้นต่ำ 0.1 ออนซ์ต่อครั้ง สูงสุดแบบเต็มเพดานได้ถึง 700 ออนซ์ หรือ 20 กิโลกรัมเพิ่มทางเลือกในการซื้อขายทองคำบริสุทธิ์ 99.99 ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เลือกดีไซน์ทองคำได้มากกว่า สามารถเลือกรับทองคำจริงได้ทั้งเหรียญทองคำและทองคำแท่ง ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปลงทุนทองคำในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า

 

นอกจากนี้ วายแอลจีมองว่าการลงทุนสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน DCA (Dollar Cost Average) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการออมและเข้าถึงราคาทองคำได้หลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้อีกด้วย สำหรับนักลงทุนมือใหม่ วายแอลจีแนะนำแอป Get Gold By YLG ที่เปิดให้บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำ โดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ทโฟน และมีความน่าเชื่อถือด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง

The post YLG ขยับเป้าหมายทองคำปีนี้เป็น 2,700 ดอลลาร์ หลัง Fed ลดดอกเบี้ย 0.50% ทองคำแท่งในประเทศลุ้นเป้าหมาย 42,600 บาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
YLG ชี้ ทองคำโลกขุดได้อีกแค่ 19 ปี หากไม่พบสายแร่ใหม่
หนุนทิศทางขาขึ้นระยะยาวชัดเจน-ระยะสั้นแกว่งได้วันละ 2-3% สร้างโอกาสเล่นรอบ https://thestandard.co/ylg-gold-supply-19-years-left/ Wed, 05 Jun 2024 06:17:30 +0000 https://thestandard.co/?p=941393 YLG

YLG ชี้ ทองคำพักฐานระยะสั้นหลังพุ่งร้อนแรงต่อเนื่องมาตั […]

The post YLG ชี้ ทองคำโลกขุดได้อีกแค่ 19 ปี หากไม่พบสายแร่ใหม่
หนุนทิศทางขาขึ้นระยะยาวชัดเจน-ระยะสั้นแกว่งได้วันละ 2-3% สร้างโอกาสเล่นรอบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
YLG

YLG ชี้ ทองคำพักฐานระยะสั้นหลังพุ่งร้อนแรงต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ปรับตัวขึ้นมาแล้วเกือบ 14% ระยะยาวยังเป็นขาขึ้นชัดเจน พบปัจจัยหนุนแข็งแกร่ง ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ยังน่ากังวล ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ การเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงปริมาณทองคำที่เริ่มเหลือน้อย คาดทั่วโลกมีให้ขุดเพิ่มอีกเพียง 19 ปี เทียบจากปริมาณการขุดแต่ละปีที่ 3,000 ตัน มองทิศทางการเคลื่อนไหวปีนี้มีโอกาสทดสอบ 2,450-2,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หากผ่านได้เตรียมทดสอบ 2,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนแนวรับคาดรอทดสอบแนวรับสำคัญที่ระดับ 2,277 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ พร้อมเปิดสถิติระหว่างวันทองแกว่งตัวขึ้นลงได้มากถึง 2-3% แนะจับจังหวะสร้างโอกาสทำกำไรระยะสั้น 

 

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกอยู่ในช่วงของการพักฐานระยะสั้น หลังจากที่ปรับขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง นับจากต้นปี 2567 จนถึงวันที่ 4 มิถุนายน ณ เวลา 15.15 น. ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาแล้ว 13.22% สู่ระดับ 2,335 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์

 

ขณะที่ทองคำในประเทศ 96.5% ปรับตัวขึ้นมากถึง 20.21% สู่ระดับ 40,450 บาทต่อบาททองคำ รับปัจจัยเสริมจากทิศทางเงินบาทที่อ่อนค่า อย่างไรก็ตาม จากการปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากจึงเริ่มมีการขายทำกำไรและส่งผลให้เกิดการพักฐานระยะสั้น 

 

ทั้งนี้ ในระยะยาวภาพรวมของแนวโน้มราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งจากปัจจัยบวกด้านความกังวลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงการเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก ขณะเดียวกัน ปัจจัยพื้นฐานของทองคำเองก็ส่งผลให้เกิดแรงหนุนต่อการปรับตัวขึ้นในระยะยาวเช่นกัน 

 

โดยเฉพาะปริมาณทองคำทั่วโลกที่สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) ระบุว่าเหลืออยู่ปริมาณ 59,000 ตัน ซึ่งหากเทียบจากปริมาณการขุดทองคำเฉลี่ยปีละประมาณ 3,000 ตัน จะเท่ากับเหลือทองคำให้ขุดได้อีกเพียง 19 ปี หากไม่มีการสำรวจพบสายแร่ทองคำใหม่เพิ่มขึ้น

 

ส่วนปริมาณทองคำรีไซเคิลที่นำกลับมาหมุนเวียนหลอมใหม่นั้น พบว่ามีเพียงปีละ 1,000 ตันเท่านั้น ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วไม่เพียงพอต่อความต้องการทองคำทั่วโลกที่สูงกว่า 4,000 ตันต่อปี จึงสะท้อนว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่จะซื้อเพื่อถือครองในระยะยาว มีเพียง 25% ที่ถูกนำออกมาขายกลับเข้าสู่ตลาด ปัจจัยเหล่านี้จึงยังคงสนับสนุนทิศทางขาขึ้นในระยะยาวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะระยะ 1-3 ปีข้างหน้า ที่ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะเป็นขาลง ก็จะส่งผลให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าปัจจุบัน เนื่องจากหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง จะส่งผลกระทบต่อการแบกรับต้นทุนในภาคธุรกิจ

 

อย่างไรก็ดี การลงทุนในทองคำแม้จะเป็นขาขึ้นในระยะยาว แต่มีการพักฐานในระยะสั้นนั้นก็ถือเป็นโอกาสในการเล่นรอบเพื่อเก็งกำไร เนื่องจากในระยะหลังราคาทองคำมีการแกว่งตัวขึ้นลงภายในวันได้มากถึง 2-3% นักลงทุนจึงสามารถใช้จังหวะนี้เข้าเก็งกำไรระหว่างวันได้ ซึ่งการจะลงทุนแบบเก็งกำไรนั้น จะต้องติดตามข่าวความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจประกอบการลงทุน เช่น การประกาศตัวเลขในภาคผลิตและบริการ อัตราเงินเฟ้อ และตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ รวมไปถึงนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางใหญ่ๆ เป็นต้น

 

สำหรับทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะยาว มองว่าแกว่งตัวในแนวโน้มทิศทางค่อยๆ ปรับตัวขึ้น (Sideway Up) และเมื่อการพักตัวในระยะสั้นจบลง YLG มองว่ามีโอกาสกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านหลัก 2,450-2,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และหากผ่านได้จะไปทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 2,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์

 

ระยะสั้นแนะนำพิจารณาเข้าซื้อหากราคาเคลื่อนไหวยืนเหนือแนวรับบริเวณ 2,300-2,277 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ (2,277 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ เป็นระดับต่ำสุดของเดือนพฤษภาคม) ทั้งนี้ ในภาพใหญ่หากราคาไม่หลุดแนวรับสำคัญโซน 2,228 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของเดือนเมษายน ภาพราคาทองคำในระยะยาวยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ

The post YLG ชี้ ทองคำโลกขุดได้อีกแค่ 19 ปี หากไม่พบสายแร่ใหม่
หนุนทิศทางขาขึ้นระยะยาวชัดเจน-ระยะสั้นแกว่งได้วันละ 2-3% สร้างโอกาสเล่นรอบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทองพุ่งแรงไม่หยุด ทุบสถิติใหม่ต่อเนื่อง รูปพรรณทะยานแตะ 40,450 บาท ตลาดต่างประเทศพุ่งทะลุ 2,300 ดอลลาร์ https://thestandard.co/gold-price-is-continuously-rising/ Thu, 04 Apr 2024 08:56:10 +0000 https://thestandard.co/?p=919344

การเคลื่อนไหวราคาทองคำในประเทศปรับภาคเช้าวันนี้ (4 เมษา […]

The post ทองพุ่งแรงไม่หยุด ทุบสถิติใหม่ต่อเนื่อง รูปพรรณทะยานแตะ 40,450 บาท ตลาดต่างประเทศพุ่งทะลุ 2,300 ดอลลาร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

การเคลื่อนไหวราคาทองคำในประเทศปรับภาคเช้าวันนี้ (4 เมษายน) เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องตามทิศทางราคาทองในตลาดโลกที่ล่าสุดดีดบวกทำสถิติสูงสุดใหม่ทะลุระดับ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

โดยสมาคมค้าทองคำประกาศราคาทองแท่งรับซื้อเข้าขยับขึ้นมาที่บาททองคำละ 39,880 บาท ขายออกบาททองคำละ 39,950 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 39,127.96 บาท ขายออกบาททองคำละ 40,450 บาท ถือเป็นราคาที่ทะยานทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง

 

ด้านบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งทั้งทองโลกและทองไทยขึ้นสู่ All-Time High อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเงินดอลลาร์อ่อนค่าเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ หลังดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมีนาคม โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) ออกมาแย่กว่าตลาดคาด แม้ว่า เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงเน้นย้ำจะไม่เร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่วนประธาน Fed สาขาแอตแลนตา คาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ และจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4/67 ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทอง 1.72 ตัน

 

โดยราคาทองคำยังคงยก Low และ High อย่างต่อเนื่อง และขึ้นไปแตะ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกทั้งยังปิดตลาดใกล้ระดับ All-Time High ใหม่ จับตาบริเวณ 2,300-2,305 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยังทะลุผ่านขึ้นไป จะมีแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านต่อไปที่ 2,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

โดยราคาทองคำแท่งยังคงเดินหน้าทำ All-Time High ขณะที่เงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า ซึ่งอาจทำให้เงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า ซึ่งจะกดดันราคาทองคำแท่งในประเทศ แต่คาดว่ากดดันไม่มากนัก ยังคงแนะนำสำหรับคนที่ถือทองคำให้ Let Profit Run ต่อไป ซึ่งอาจได้เห็นราคาทองคำเหนือ 40,000 บาท

 

YLG ปรับเพิ่มเป้าราคาทองคำปี 2567 

 

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ทำจุดสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง ส่วนทองคำรูปพรรณล่าสุดราคาได้ทะลุ 40,000 บาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ให้ไว้เช่นกัน 

 

โดยการปรับขึ้นมาครั้งนี้ถือว่ามีนัยสำคัญ เนื่องจากราคากำลังทดสอบเป้าหมายที่วายแอลจีให้ไว้ว่าจะไปถึง 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ภายในครึ่งปีแรก อย่างไรก็ดี ความร้อนแรงของราคาทองคำในครั้งนี้ แม้ในระยะสั้นอาจเริ่มเห็นแรงขายทำกำไร แต่เมื่อราคาย่อตัวจะเป็นโอกาสเข้าซื้อใหม่ ในระยะยาวนั้นค่อนข้างมีความแข็งแกร่ง ยังมองว่าไปได้ต่อ โดยในปีนี้วายแอลจีได้ปรับประมาณการเป้าหมายใหม่ไว้ที่ 2,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักๆ มาจาก 4 ปัจจัยดังนี้

 

  1. การคาดการณ์ที่ว่าวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed สิ้นสุดลงแล้ว และเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ พร้อมคาดการณ์ตลาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งส่งผลกดดันดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ร่วงลง จนเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำให้ทะยานขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นมา และจากการประชุม Fed รอบล่าสุดในเดือนมีนาคม Dot Plot ระบุว่า เจ้าหน้าที่ Fed คาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งในปีนี้เช่นกัน

 

  1. โมเมนตัมทางเทคนิค หลังจากราคาทะลุเป้าหมายของปีนี้ ราคาทะลุแนวสำคัญทางเทคนิคหลายประการ ทั้งนี้ ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเป็นทิศทางขาขึ้น สามารถเบรกเส้นค่าเฉลี่ย และยังเคลื่อนไหวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกระยะ พร้อมทั้งทะลุจุดสูงสุดเดิมของราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง เมื่อย่อตัวลงก็มีการยกระดับต่ำสุดขึ้นมาได้ ซึ่งทำให้ภาพรวมราคาทองคำเปลี่ยนจากแกว่งตัว (Sideway) เป็นปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง (Bullish)

 

  1. ความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งจากจีน ราคาทองคำในจีนซื้อขายในระดับราคาที่สูงกว่าราคาทองคำในตลาดโลก (Premium) เป็นหนึ่งในตัวเลขที่สะท้อนปริมาณความต้องการทองคำในจีนได้เป็นอย่างดี ในเวลาที่ปริมาณความต้องการทองคำในจีนเพิ่มสูงขึ้น แรงซื้อทองคำจากชาวจีนจะเป็นปัจจัยผลักดันราคาทองคำในประเทศจีนให้ปรับตัวสูงขึ้นตาม นอกจากนี้ ยังเกิดการไหลเข้าของเงินทุนสู่กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำของจีน (ETFs) เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีกระแสเงินทุนไหลเข้า 778 ล้านหยวน (109 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และผลักดันสินทรัพย์ภายใต้การจัดการกองทุน (AUM) พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 3.1 หมื่นล้านหยวน (4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) วายแอลจีเชื่อว่าความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งจากจีนทั้งในด้านทองคำกายภาพและกองทุน ETFs เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันราคาทองคำในปีนี้

 

  1. แรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกที่ยังคงดำเนินต่อไปในปี 2567 ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าถือครองทองคำเพิ่มอีก 39 ตันในเดือนมกราคม นำโดยตุรกีและจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ โดยเพิ่มการถือครองทองคำ 12 ตัน และ 10 ตัน ตามลำดับ ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อสุทธิทองคำเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ดังนั้นแล้ว แรงซื้อจากธนาคารกลางจึงจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ขณะที่ World Gold Council คาดว่าปี 2567 จะเป็นปีที่แข็งแกร่งอีกปีหนึ่งของความต้องการทองคำจากธนาคารกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในตลาดเกิดใหม่

The post ทองพุ่งแรงไม่หยุด ทุบสถิติใหม่ต่อเนื่อง รูปพรรณทะยานแตะ 40,450 บาท ตลาดต่างประเทศพุ่งทะลุ 2,300 ดอลลาร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
คนไทยซื้อ-ขายทองคำเกิน 5 ล้านล้านบาทต่อวัน สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก https://thestandard.co/thais-among-worlds-most-active-gold-traders/ Mon, 19 Feb 2024 10:46:21 +0000 https://thestandard.co/?p=901864

YLG เผย ตลาดทองคำไทยมูลค่าซื้อ-ขายทะลุ 5 ล้านล้านบาทต่อ […]

The post คนไทยซื้อ-ขายทองคำเกิน 5 ล้านล้านบาทต่อวัน สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>

YLG เผย ตลาดทองคำไทยมูลค่าซื้อ-ขายทะลุ 5 ล้านล้านบาทต่อวัน สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก วอลุ่มจากทองคำดิจิทัล 65% ทองกายภาพ 35% ด้านตลาด Futures เริ่มมาแรง

 

YLG เผยมูลค่าซื้อ-ขายรวมตลาดทองคำไทยพุ่งเกิน 5 ล้านล้านบาทต่อวัน สูงสุดเป็นอันดับ 7 ของโลก ยืนหนึ่งในอาเซียน วอลุ่มหลักมาจากการเทรดทองคำออนไลน์สูงถึง 65% มองเทคโนโลยีดิจิทัลปัจจุบันช่วยให้คนเข้าถึงทองคำได้ง่ายขึ้นในหน่วยย่อยเพียง 0.0001 กรัม แนะจับตาการลงทุนทองคำผ่าน Futures เริ่มมาแรง เหตุทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง เช่น ปัจจุบันที่ทิศทางทองคำเริ่มแกว่งตัวลง เหตุตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยืดเวลาลดดอกเบี้ยออกไปเป็นกลางปี มองระยะสั้นทองคำยังปรับตัวลงทดสอบ 1,973 แต่ระยะกลางครึ่งปีหลังเชื่อว่าตลาดทองคำกลับมาเป็นบวก มีลุ้นแตะไฮเดิม 2,144 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ พร้อมลุ้นราคาสูงสุดใหม่ที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์

 

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมูลค่าการซื้อ-ขายรวมในตลาดทองคำของประเทศไทยอยู่ที่มากกว่า 5 ล้านล้านบาทต่อวัน โดยถือเป็นมูลค่าการซื้อ-ขายอันดับ 7 ของโลก และอันดับ 1 ของอาเซียน โดยมูลค่าการซื้อ-ขายดังกล่าวมาจากทองคำกายภาพ รวมกับการซื้อขายทองคำดิจิทัลผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งสัดส่วนของการซื้อ-ขายทางกายภาพอยู่ที่ 35% และ 65% มาจากมูลค่าการซื้อ-ขายทองคำดิจิทัล ซึ่งเป็นการซื้อ-ขายเพื่อการลงทุน ที่ตลาดทองคำได้พัฒนาระบบการซื้อ-ขายบนบล็อกเชน ทำให้สามารถเกิดความคล่องตัวในการซื้อในหน่วยที่เล็กมากเพียง 0.0001 กรัม หรือใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 100 บาท

 

นอกจากนี้พบว่า มูลค่าการซื้อ-ขายทองคำในระบบออนไลน์ยังมาจากการซื้อ-ขายสัญญาซื้อ-ขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (Futures) โดยมีมูลค่าการซื้อ-ขายต่อวันประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตลาด Futures เป็นการเข้าถึงการเทรดในตลาดระดับโลก เช่น การซื้อ-ขายผ่าน TradingView ด้วยบัญชี YLG Futures ที่นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุน Futures ในตลาด CME Group ตลาด Futures อันดับหนึ่งของโลกจากสหรัฐอเมริกา ที่มีสินค้าที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลกครอบคลุมทองคำ น้ำมันดิบ ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง อีกทั้งสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่เว้นวันหยุดของประเทศไทย ซึ่งจุดเด่นของการลงทุนทองคำใน Futures คือ สามารถลงทุนได้ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้นและขาลง

 

สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาดทองคำในปีนี้ ระยะสั้นมองว่ายังเป็นการแกว่งตัวลงทดสอบระดับต่ำสุดเดิมของเดือนธันวาคม 2566 ที่ระดับ 1,973 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจาก Fed เริ่มมีสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายช้าลง จากเดิมที่ตลาดคาดว่าจะลดลงไตรมาสแรกออกไปเป็นไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้ทองคำได้รับแรงกดดัน  

 

ส่วนภาพระยะยาวในปี 2567 มองแนวรับแรกไว้ที่โซน 1,902-1,884 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับต่ำสุดของเดือนกรกฎาคม 2566 และเดือนกันยายน 2566 ตามลำดับ)  และแนวรับถัดไปในโซน 1,804-1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเชื่อมั่นว่าแนวรับแรกราคามีโอกาสยืนได้ โดยมองว่าช่วงครึ่งหลังของปีจะกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวก และหากราคาปรับตัวผ่านระดับ 2,080 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้ มีโอกาสขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,144 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากทำระดับสูงสุดใหม่ขึ้นไปได้รอบนี้แนวต้านถัดไปมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปถึงบริเวณ 2,200-2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์

The post คนไทยซื้อ-ขายทองคำเกิน 5 ล้านล้านบาทต่อวัน สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
4 ทริกการลงทุนทองคำฉบับมือใหม่ให้ได้กำไรในปีที่ทองคำมีแนวโน้มทำนิวไฮ https://thestandard.co/4-tips-for-newbie-gold-investors-2024/ Thu, 11 Jan 2024 02:32:38 +0000 https://thestandard.co/?p=886347

วายแอลจี (YLG) เผย ปีนี้นักลงทุนรุ่นใหม่เริ่มเบนเข็มสู่ […]

The post 4 ทริกการลงทุนทองคำฉบับมือใหม่ให้ได้กำไรในปีที่ทองคำมีแนวโน้มทำนิวไฮ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วายแอลจี (YLG) เผย ปีนี้นักลงทุนรุ่นใหม่เริ่มเบนเข็มสู่ตลาดทองคำมากขึ้น โดยเฉพาะการเทรดทองออนไลน์ พร้อมย้ำว่าภาพรวมตลาดทองคำปีนี้เป็นขาขึ้น มีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนะนักลงทุนหน้าใหม่ยังมีโอกาสเข้าเล่นรอบเก็งกำไรระยะสั้น

 

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวถึงปี 2567 ว่าเป็นปีที่มีนักลงทุนรุ่นใหม่เข้ามาลงทุนในทองคำมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลล่าสุดพบว่าสัดส่วนนักลงทุนทองคำออนไลน์เกือบครึ่งมีอายุต่ำกว่า 40 ปี อย่างไรก็ดี แม้ว่านักลงทุนรุ่นใหม่จะสนใจลงทุนทองคำแบบซื้อ-ขายเล่นรอบ แต่บางส่วนก็ต้องการซื้อทองคำกายภาพเพื่อนำไปถือครองไว้ หรือมอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน เป็นต้น

 

สำหรับปี 2567 นั้น YLG มีคำแนะนำสำหรับนักลงทุนมือใหม่ในการลงทุนทองคำหลักๆ 4 ข้อดังนี้

 

  1. เลือกลงทุนผ่านร้านทองที่เชื่อถือได้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันที่มิจฉาชีพหลอกลงทุนในทองคำมีจำนวนมาก โดยมีจุดสังเกตคือจะมีข้อความจูงใจว่าจะสามารถทำกำไรได้สูงเกินจริงภายในระยะเวลาอันสั้น ทั้งนี้ แม้ว่าเพจต่างๆ จะนำรูปของผู้บริหารร้านทองและรูปทองที่มีสัญลักษณ์ร้านทองที่มีชื่อเสียงไปใช้ในการโปรโมตก็ไม่ได้การันตีว่าเป็นเพจจริงเสมอไป ซึ่งหากนักลงทุนไม่แน่ใจ สามารถตรวจสอบรายชื่อสมาชิกค้าทองคำแห่งประเทศไทยได้จากสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย
  2. ลงทุนในทองคำ 99.99 ทำได้กำไรได้ดีกว่า 96.5 เนื่องจากทอง 99.99 เป็นที่ยอมรับในระดับโลก สามารถนำไปขายที่ตลาดต่างประเทศได้ รวมถึงให้ส่วนต่างราคาที่ดีกว่า 96.5 โดยทองคำ 99.99 ที่จะนำไปขายต่างประเทศนั้นจะต้องเป็นทองคำที่ซื้อจากร้านที่ได้รับการรองรับจากสมาคมตลาดทองคำแห่งลอนดอน หรือ LBMA
  3. ไม่ไล่ราคาขณะที่ทองคำปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง หากต้องการเล่นรอบเพื่อทำกำไร ควรจะต้องวางแผนอย่างรอบคอบและรอให้ราคาปรับตัวลงก่อน เพื่อรอทดสอบตามบริเวณแนวรับที่มีนัยสำคัญแล้วค่อยพิจารณาเข้าซื้อ
  4. สำหรับการลงทุนในทองคำกายภาพ หากต้องการซื้อเพื่อลงทุน การลงทุนในทองคำแท่งจะมีต้นทุนต่ำกว่าทองรูปพรรณ เนื่องจากไม่มีค่ากำเหน็จ อีกทั้งขายได้ราคาดีกว่า สามารถขายได้ตามราคาเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ แต่ทองรูปพรรณนอกจากจะโดนหักค่ากำเหน็จแล้ว หากไม่ได้นำไปขายร้านเดิมที่ซื้อมาจะได้ราคาต่ำกว่า

 

สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ามาลงทุนทองคำในปีนี้แต่กังวลว่าราคาทองคำยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงนั้น ยังคงสามารถเข้ามาลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นได้ โดยรอเข้าซื้อจังหวะที่ราคาปรับตัวลงมาทดสอบบริเวณแนวรับสำคัญ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับถัดไป 1,982 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 2,071-2,089 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ขณะที่ทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ประเมินแนวรับที่บริเวณ 32,800-33,100 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านพิจารณาที่โซน 34,300-34,600 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณด้วยค่าเงินบาท 34.95 บาทต่อดอลลาร์ ณ วันที่ 9 มกราคม 2567 เวลา 15.35 น.)

 

อย่างไรก็ดี ภาพรวมการเคลื่อนไหวของทองคำปี 2567 จะยังคงเป็นขาขึ้น และมีโอกาสทำนิวไฮ เนื่องจากปีนี้ปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำมีมากกว่าปัจจัยลบ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ เข้าสู่วงจรขาลง อีกทั้งความกังวลการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งสอดคล้องกับทางด้าน JP Morgan ที่คาดการณ์ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 โดยจะพุ่งทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งที่ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ระหว่างทางอาจจะมีแรงเทขายทำกำไรสลับออกมา นักลงทุนจึงต้องซื้อขายอย่างระมัดระวัง

The post 4 ทริกการลงทุนทองคำฉบับมือใหม่ให้ได้กำไรในปีที่ทองคำมีแนวโน้มทำนิวไฮ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Invesco พบหลายประเทศทยอยสะสมทองคำ ขณะที่คนรุ่นใหม่เทรดทองคำมากขึ้น https://thestandard.co/invesco-finds-many-countries-collecting-gold/ Tue, 11 Jul 2023 01:42:21 +0000 https://thestandard.co/?p=815035 ลงทุน ทองคำ

จากการสำรวจในบรรดาธนาคารกลางและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชา […]

The post Invesco พบหลายประเทศทยอยสะสมทองคำ ขณะที่คนรุ่นใหม่เทรดทองคำมากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
ลงทุน ทองคำ

จากการสำรวจในบรรดาธนาคารกลางและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของ Invesco ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (10 กรกฎาคม) พบว่า หลายประเทศกำลังส่งทองคำสำรองกลับสู่ประเทศถิ่นฐานมากขึ้นเพื่อป้องกันการคว่ำบาตรจากตะวันตกที่ใช้ต่อรัสเซียซึ่งอาจเกิดขึ้นกับตนในอนาคต

 

ความพ่ายแพ้ของตลาดการเงินเมื่อปีที่แล้วทำให้เกิดความสูญเสียอย่างกว้างขวางสำหรับผู้จัดการการเงินของรัฐที่ใช้ความคิดพื้นฐาน ส่งผลให้เกิดการทบทวนกลยุทธ์ใหม่ โดยเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและความตึงเครียดทางการเมืองจะยังคงอยู่

 

กว่า 85% ใน 85 กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติและธนาคารกลาง 57 แห่งที่มีส่วนร่วมในการสำรวจประจำปีของ Invesco Global Sovereign Asset Management เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อในทศวรรษหน้าจะสูงขึ้นกว่าในทศวรรษที่ผ่านมา 

 

ทองคำและพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ถูกมองว่าเป็นสิ่งที่สามารถเดิมพันได้ในสภาพแวดล้อมดังกล่าว แต่การแช่แข็งทองคำและเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าทั้งหมด 6.4 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้วโดยพันธมิตรตะวันตก ทำให้หลายประเทศเริ่มตื่นตัวและเริ่มเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติเช่นกัน

 

การสำรวจแสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางเกือบครึ่งเริ่มแตกแยกจากแบบอย่างที่กำหนดไว้ ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบ 60% เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้น ในขณะที่ 68% กำลังดำเนินการสำรองธนาคารเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าในปี 2020 ที่มี 50%

 

ธนาคารแห่งหนึ่งระบุว่า ได้โยกย้ายทองคำจากลอนดอนกลับสู่ประเทศของตนเพื่อถือให้เป็นสินทรัพย์ที่สามารถรักษาได้อย่างปลอดภัย

 

YLG พบคนรุ่นใหม่เทรดทองคำสูงขึ้นในแอป 25%

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า YLG ได้รวบรวมข้อมูลพฤติกรรมของนักลงทุนในปีนี้พบว่า นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในทองคำเริ่มมีอายุน้อยลง จากก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มอายุเฉลี่ย 40 ปีขึ้นไป แต่ในปีนี้พบว่ามีนักลงทุนที่อายุช่วง 30-40 ปี และต่ำกว่า 30 ปีเข้ามาลงทุนมากขึ้น คิดเป็น 30% และ 25% ตามลำดับของจำนวนผู้ลงทุนทั้งหมดในแอปพลิเคชัน

 

ในช่วงครึ่งปีแรกราคาทองคำอยู่ในเทรนด์ที่ดี โดยมีช่วงที่ราคาทองคำขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากนั้นราคาแกว่งตัวสลับขึ้นลง อย่างไรก็ดีการแกว่งตัวดังกล่าวถือเป็นโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาทำกำไรจากส่วนต่างการเคลื่อนไหวราคาในระหว่างวัน

 

ทั้งนี้ แม้ว่าในปัจจุบันราคาทองคำจะอยู่ในช่วงปรับฐาน เพราะได้รับแรงกดดันจากนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ยังคงประกาศว่าจะดำเนินนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นต่อไป ซึ่งน่าจะมีการปรับขึ้นในการประชุมปลายเดือนนี้

 

แต่จะมีนักลงทุนจำนวนมากที่ไม่เชื่อว่า Fed จะสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้อย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ เพราะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงถดถอย อย่างไรก็ดีนโยบายดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในระยะสั้น

 

“แม้ว่าราคาทองคำในช่วงนี้จะปรับตัวลดลง แต่ YLG ยังคงอิงตามคำแนะนำของสภาทองคำโลก ว่านักลงทุนควรมีทองคำไว้ในพอร์ตการลงทุนที่ 5-10% ของพอร์ตลงทุนรวม เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต เนื่องจากในปีที่ผ่านมาทองคำได้พิสูจน์ให้เห็นว่าแม้จะเป็นปีที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ทองคำก็ไม่ได้ปรับตัวลดลงหนัก” พวรรณ์กล่าว 

 

อ้างอิง:

The post Invesco พบหลายประเทศทยอยสะสมทองคำ ขณะที่คนรุ่นใหม่เทรดทองคำมากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
YLG มองทองคำครึ่งปีหลังมีลุ้นทำนิวไฮจากอานิสงส์ 3 ปัจจัยบวก แนะนักลงทุนเทรดในสกุลดอลลาร์ ปิดความเสี่ยงค่าเงิน https://thestandard.co/ylg-sees-gold-as-new-high/ Wed, 28 Jun 2023 06:52:13 +0000 https://thestandard.co/?p=808756 YLG

YLG มองภาพรวมทองคำในครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรกจาก 3 ปั […]

The post YLG มองทองคำครึ่งปีหลังมีลุ้นทำนิวไฮจากอานิสงส์ 3 ปัจจัยบวก แนะนักลงทุนเทรดในสกุลดอลลาร์ ปิดความเสี่ยงค่าเงิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
YLG

YLG มองภาพรวมทองคำในครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรกจาก 3 ปัจจัยหนุน ได้แก่ ความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากนโยบายขึ้นดอกเบี้ยของ Fed กระทบกลุ่มลูกหนี้บานปลาย, ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่สิ้นสุด และจีนเดินหน้าตุนทองคำเข้าคลังต่อเนื่อง 7 เดือน ส่วนทองคำในประเทศคาดว่าเคลื่อนไหวไม่หวือหวา เหตุครึ่งปีหลังเข้าไฮซีซัน นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มมาเยือนไทยคึกคัก ส่งผลให้ค่าเงินบาทอาจแข็งค่า ฉุดราคาทองในประเทศทรงตัว แนะหากนักลงทุนเทรดทองในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ ปิดความเสี่ยงค่าเงิน

 

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG)  เปิดเผยว่า ภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในภาพใหญ่ช่วงครึ่งหลังปี 2566 มีโอกาสปรับตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก และมีความเป็นไปได้ที่จะปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ครึ่งปีแรกทำไว้ที่ 2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ โดย YLG มองปัจจัยหนุนที่จะทำให้ครึ่งปีหลังราคาทองคำในภาพใหญ่มีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่มาจาก 3 ปัจจัย ดังนี้ 

 

  1. ความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย เแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังคงยืนยันเดินนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง แต่นโยบายดังกล่าวก็ส่งผลกระทบต่อภาคการเงินของสหรัฐฯ ดังเห็นได้จากวิกฤตสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และตลาดยังมีความกังวลว่านโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อความสามารถชำระหนี้ของบรรดาลูกหนี้ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs  ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเร็วขึ้น

 

  1. ความไม่สงบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อและคาดเดาสถานการณ์ได้ยาก แม้ว่าจะไม่ใช่ประเด็นใหม่ แต่เหตุการณ์นี้ก็ยังไม่ยุติ สถานการณ์ที่ไม่คาดฝันจึงอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ 

 

  1. จีนสะสมทองคำเพิ่มอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 7 เดือน ล่าเดือนเดือนพฤษภาคม 2566 จีนสะสมทองคำรวมทั้งสิ้น 2,092 ตัน โดยมองว่าการสะสมทองคำนี้เป็นผลมาจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของจีนและสหรัฐฯ 

 

อย่างไรก็ดี ในส่วนของราคาทองคำในประเทศในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าจะยังทรงตัวใกล้เคียงครึ่งปีแรก เนื่องจากมองว่าครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และค่าเงินบาทน่าจะมีทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นหากนักลงทุนต้องการลงทุนในทองคำ สามารถลงทุนในรูปของดอลลาร์สหรัฐเพื่อปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ 

 

The post YLG มองทองคำครึ่งปีหลังมีลุ้นทำนิวไฮจากอานิสงส์ 3 ปัจจัยบวก แนะนักลงทุนเทรดในสกุลดอลลาร์ ปิดความเสี่ยงค่าเงิน appeared first on THE STANDARD.

]]>