หยุดยาวปีใหม่-ตรุษจีน ชาวจีนแห่เที่ยวญี่ปุ่นคึกคัก ตัวเลขการเดินทางเข้าประเทศพุ่ง 30% แซงหน้าไทยที่ชาวจีนยังหวั่นความไม่ปลอดภัยเซ่นปมหลอกดาราจีน สะเทือนวงการท่องเที่ยว

Nikkei Asia รายงานว่า ในช่วงวันหยุดยาวตรุษจีน ชาวจีนเดินทางไปเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นมากกว่าที่จะเดินทางมายังประเทศไทย สอดรับกับรายงานจากแพลตฟอร์ม Trip.com บริษัทตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ ที่ให้ข้อมูลว่าปัจจุบันชาวจีนนิยมไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นถึง 30% ส่วนไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ กลายเป็นประเทศที่ชาวจีนสนใจไปท่องเที่ยวน้อยลง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

• ข่าวซิงซิงหายตัวไปกระทบท่องเที่ยวระยะสั้น หอการค้าแนะสร้างทีมสื่อสารภาษาจีนเชิงรุก ใช้ระบบ K-ETA คัดกรองประวัติล่วงหน้าแบบเกาหลีใต้
• ญี่ปุ่นเจอปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง ถึงขั้นนักวิเคราะห์เตือนรัฐบาลงัดมาตรการควบคุม หากปล่อยนานธรรมชาติเสียหายแน่
• นักท่องเที่ยวล้นเมืองญี่ปุ่นลุกลาม หลังที่พักไม่พอ-ราคาแพง โรงแรมแคปซูลกลายเป็นทางเลือกคนงบน้อย

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ China Eastern Airlines เพิ่มจำนวนเที่ยวบินในเส้นทางจากจีนไปญี่ปุ่น 54% ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 71.2% เมื่อเทียบกับปี 2024

ทั้งนี้ ราคาตั๋วเครื่องบินที่ลดลงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางกันมากขึ้น ยิ่งในช่วงเทศกาลตรุษจีน สายการบินในประเทศให้บริการเฉลี่ยวันละ 1,888 เที่ยว เพิ่มขึ้น 24.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2024 โดยส่วนใหญ่จะเดินทางกันเป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวชาวจีนเลือกไปมากที่สุด ได้แก่ โตเกียว, โอซาก้า, ซัปโปโร และชิบะ ในญี่ปุ่น จนทำให้ยอดจองโรงแรมในช่วง 4 วันแรกของวันหยุดเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า

บริษัทตัวแทนท่องเที่ยวในญี่ปุ่นระบุว่า ทะเลสาบโทยะในจังหวัดฮอกไกโดเป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีน ตามมาด้วยทะเลสาบคาวากุจิโกะในจังหวัดยามานาชิ

ตั้งแต่หลังโรคโควิดระบาด ตลาดนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจจีนเติบโตต่ำกว่า 5% ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วยหลากหลายกลยุทธ์ เช่น การให้สายการบิน ANA จับมือกับ Trip.com จัดโปรโมชันเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา

ANA มีรายได้เติบโตมากกว่า 50%

เช่นเดียวกับบรรดาค้าปลีกในญี่ปุ่นที่พยายามนำเสนอสินค้าแบรนด์หรูเอาใจชาวจีน โดยให้พนักงานช่วยแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ซึ่งไม่เพียงแต่สื่อสารกับลูกค้าชาวจีนได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นการซื้อสินค้าต่างๆ ได้ด้วยเช่นกัน ทำให้ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมายอดขายสินค้าปลอดภาษีของทาคาชิมายะเติบโตขึ้น 50%

องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติรายงานว่า ในปี 2024 ญี่ปุ่นสามารถแซงหน้าประเทศไทยในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศทั้งหมด 36.87 ล้านคน เทียบกับไทยที่มีนักเที่ยวเข้าประเทศ 35.55 ล้านคน โดยเป้าหมายของญี่ปุ่นต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ได้ 60 ล้านคนภายในปี 2030

ทาคูมิ เทราโมโตะ หัวหน้า JTB บริษัทตัวแทนท่องเที่ยวในญี่ปุ่น กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากมาตรการผ่อนปรนวีซ่าและค่าเงินเยนที่อ่อนตัว โดยคาดการณ์ว่าในปี 2025 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางไปญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้น 33% หรือแตะระดับประมาณ 9.3 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ความนิยมของชาวจีนเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ยิ่งหากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในโซเชียลมีเดียก็อาจมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจที่จะเดินทางไปต่างประเทศได้

ยกตัวอย่างในช่วงเดือนมกราคมที่มีข่าวการลักพาตัว หวังซิง นักแสดงหนุ่มชาวจีน โดยหลอกว่าให้มาทำงานในประเทศไทย ก่อนถูกพาตัวข้ามชายแดนไปยังเมียนมา ในพื้นที่ตั้งของฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กระทั่งได้รับการช่วยเหลือออกมา จากเหตุการณ์นั้นทำให้ชาวจีนลังเลที่จะเดินทางมาเที่ยวในไทย

อ้างอิง:

• https://asia.nikkei.com/Business/Travel-Leisure/Japan-overtakes-Thailand-as-China-s-most-popular-destination

The post หยุดยาวปีใหม่-ตรุษจีน ชาวจีนเมินเที่ยวไทย แห่ไปญี่ปุ่น พบยอดจองสายการบินและโรงแรมโตกระฉูด appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (29 มกราคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินจากสถานีสนามไชยไปยังสถานีหัวลำโพง เพื่อร่วมงานตรุษจีนเยาวราชประจำปี 2568

ทั้งนี้ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยและผลตอบรับของผู้ใช้บริการจากมาตรการรถไฟฟ้าฟรี ซึ่งเป็นมาตรการที่อยากเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนเดินทางด้วยบริการสาธารณะ เพื่อลดปริมาณการใช้รถยนต์ในช่วงวิกฤตฝุ่น PM2.5 ที่ผ่านมา โดยรวมมีผู้ใช้บริการค่อนข้างมาก 

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำให้ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูจำนวนรถไฟฟ้าให้เพียงพอต่อการให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนมากขึ้น ส่วนเรื่องฝุ่นยังเป็นประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญเร่งด่วนในช่วงนี้ และจะดำเนินมาตรการทุกอย่างให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ชีวิตปกติโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ ระหว่างทางมีประชาชนเข้ามาทักทายและขอถ่ายรูปตลอดทาง โดยคุณป้าท่านหนึ่งบอกว่า ดีใจมากที่เห็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง ฝากความคิดถึงถึงคุณพ่อ (ทักษิณ ชินวัตร) ด้วย และอธิษฐานให้ท่านได้กลับมาทุกวัน เพราะท่านทำความดีให้กับประเทศมากมาย

The post นายกฯ นั่งรถไฟฟ้าฟรีลดฝุ่น ติดตามการให้บริการ ก่อนร่วมงานตรุษจีนเยาวราช 2568 appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (29 มกราคม) ช่างภาพทีมข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่ย่านเยาวราช เป็นชุมชนชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สำรวจเทศกาลตรุษจีนเยาวราช ในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงานอย่างยิ่งใหญ่

ทั้งนี้ บรรยากาศในวันเที่ยวซึ่งเป็นวันที่ครอบครัวและเพื่อนฝูงมาพบปะกันเพื่อเฉลิมฉลอง และเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความสุข ความหวัง เนืองแน่นไปด้วยคนไทยเชื้อสายจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวชาติที่ต่างมาร่วมฉลอง ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงลิ้มรสอาหาร และสัมผัสเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมไทย-จีน

ขอบคุณผู้สนับสนุนอุปกรณ์การถ่ายภาพ @Canon Imaging Thailand พร้อมติดแฮชแท็ก #CanonImagingThailand 

The post แน่นเยาวราช! ประชาชน-นักท่องเที่ยว ฉลองวันเที่ยวตรุษจีน 2568 appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (28 มกราคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่ชุมชนย่านถนนเยาวราช กรุงเทพมหานคร เพื่อสำรวจบรรยากาศวันตรุษจีน ที่ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนจะทำพิธีไหว้เทพเจ้าตามความเชื่อ

จากการพูดคุยในหลายครอบครัวต่างรับทราบว่าขณะนี้มีการรณรงค์ให้ลดและงดการจุดธูป รวมทั้งเผากระดาษเงินกระดาษทองเนื่องจากกังวลเรื่องมลพิษในอากาศ เพราะควันจากสิ่งเหล่านี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5

ซึ่งปีนี้สมาชิกในครอบครัวต่างก็เข้าใจมากขึ้นและลดกระดาษที่จะเผาลง โดยขอแค่ ‘เผาพอเป็นพิธี’ และส่วนมากจะราดน้ำกลบทันทีหลังกระดาษถูกเผาจนหมด

ส่วนศาลเจ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่เข้าร่วม ‘ศาลเจ้าลดฝุ่น’ กับกรุงเทพมหานคร เพื่อลดควันจากการจุดธูปและการเผาในช่วงเทศกาลตรุษจีน มี 101 แห่ง จาก 104 แห่ง มีศาลเจ้าที่ขานรับนโยบาย ‘ลด’ ถึง 82 แห่ง และ ‘งด’ ถึง 19 แห่ง 

โดยนโยบาย ‘ลด’ คือ

1. ลดการเผากระดาษเงินกระดาษทอง คือเผาแล้วดับ หรือรวบรวมแล้วนำไปเผาในวันที่อากาศเปิด
2. ดับธูปดับเทียนไวขึ้น คือหลังจากไหว้เสร็จแล้วจะดำเนินการดับธูปเทียนทันที
3. ตั้งกระถางในที่โล่ง คือดำเนินการตั้งกระถางธูปและจุดวางเทียนในที่โล่ง รวมถึงลดจำนวนกระถางลง

The post ตรุษจีนปี 68 หลายครอบครัวขานรับมาตรการลดฝุ่น PM2.5 ‘เผาพอเป็นพิธี appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (27 มกราคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำรวจมาตรการควบคุมดูแลการจุดธูป-เทียนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2568 ที่ศาลเจ้าไต้ฮงกง ถนนพลับพลาไชย 

พบว่ามีการติดป้ายขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่จัดเก็บธูป-เทียนที่จุดแล้วเร็วขึ้น เนื่องจากภาวะฝุ่น PM2.5 ที่มีผลต่อสุขภาพ อีกทั้งติดป้ายเอกสารกรุงเทพมหานคร เรื่อง ขอความร่วมมือลดมลพิษสิ่งแวดล้อม โดยขอให้งดจุดธูป-เทียน และการเผากระดาษเงิน-กระดาษทอง ภายในบริเวณศาลเจ้า

เจ้าหน้าที่ที่ดูแลศาลเจ้าให้ข้อมูลว่า ป้ายขอความร่วมมือทั้ง 2 ป้ายติดมาตั้งแต่ปี 2567 ที่เริ่มรณรงค์ให้งดจุดธูป-เทียน เพื่อลดมลพิษในอากาศ แต่สำหรับประชาชนท่านใดที่จุด เจ้าหน้าที่ก็จะใช้วิธีเก็บเร็วขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนที่เดินทางมาที่ศาลเจ้าเข้าใจและพร้อมปฏิบัติตามเป็นอย่างดี 

ขณะที่ในปีนี้ กทม. ขอความร่วมมือศาสนสถานและประชาชนใช้ธูป-เทียนไฟฟ้าบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ควรจุดธูปเป็นจำนวนครั้งละมากๆ เพราะอาจทำให้เกิดลูกไฟใหญ่และเกิดไฟไหม้ลุกลามได้ หากจำเป็นต้องจุดธูปหรือเผากระดาษเงิน-กระดาษทอง ควรจุดภายนอกอาคาร หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีลมแรง และให้อยู่ห่างจากแหล่งเชื้อเพลิง พร้อมมีภาชนะทนไฟรองรับและมีคนดูแลตลอดเวลา 

และขอความร่วมมืองดหรือลดการเผากระดาษเงิน-กระดาษทอง เพื่อป้องกันและลดปัญหาฝุ่น PM2.5 หากเกิดเพลิงไหม้ แจ้งศูนย์วิทยุพระราม สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โทร. 199 กรณีไฟลุกลามต้องรีบออกจากสถานที่เกิดเหตุทันที เพื่อความปลอดภัยในชีวิต

The post ตรุษจีนปีนี้ชวนลดฝุ่น PM2.5 งดเผากระดาษเงิน-กระดาษทอง ใช้ธูป-เทียนไฟฟ้า appeared first on THE STANDARD.

เทศกาลตรุษจีนยังคงเป็นหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญของธุรกิจค้าปลีกไทยที่ต่อเนื่องมาจากเทศกาลปีใหม่ โดยภาพรวมตลาดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยในปี 2567 มีมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านบาท แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างเต็มที่หลังจากสถานการณ์โควิด และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 4.6% ในช่วงปี 2568-2570 ส่งผลให้มูลค่าตลาดจะขยายตัวเป็น 2.3 ล้านล้านบาท

จักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ระบุถึงผลการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2568 เผยให้เห็นเทรนด์ที่น่าสนใจ 4 ประการ หรือที่เรียกว่า 4s Trends ประกอบด้วย การใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า (Smart Spending) ที่แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวแต่ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายและคำนึงถึงความคุ้มค่าเป็นหลัก การแสวงหาความสุขทางใจ (Self-Healing) ที่สะท้อนผ่านการเลือกซื้อสินค้าที่สวยงาม ทันสมัย และมีเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจ

การให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (Sustainability) อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ (Saiyasart) ที่ยังคงมีอิทธิพลต่อคนไทยกว่า 88% โดยเฉพาะในเรื่องการเงิน โชคลาภ และสุขภาพ

จากการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าของท็อปส์ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2567 พบว่ากลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้หญิงถึง 76% โดย 54% อยู่ในช่วงอายุ 35-54 ปี หรือกลุ่ม Gen Y และ Gen X และกว่า 69% อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ที่น่าสนใจคือยอดการจับจ่ายต่อตะกร้าเติบโตขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 59% เมื่อเทียบกับปี 2566 และมียอดขายสูงสุดในวันจ่ายเพิ่มขึ้น 35%

การจับจ่ายในช่วงตรุษจีนยังสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าที่น่าสนใจ โดย 5 หมวดหมู่สินค้าขายดี ได้แก่ ผักและผลไม้ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดที่ 22.2% ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 20.5% เครื่องปรุงและอุปกรณ์ทำอาหาร 11.7% เนื้อสัตว์และอาหารทะเล 9.4% และของใช้ในบ้าน 8.6%

ผู้บริหารท็อปส์ยังมองว่าไตรมาสแรกของปี 2568 ตลาดจะได้รับแรงหนุนสำคัญจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการ ‘Easy e-Receipt’ ควบคู่กับการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้บริษัทเดินหน้าเปิดตัวแคมเปญ THE GREAT CHINESE NEW YEAR 2025 พร้อมนำเสนอกลยุทธ์ ‘The Great 3As’ ที่ผสมผสานทั้งความคุ้มค่าและประสบการณ์ช้อปปิ้ง

“ท็อปส์ตั้งเป้าผลักดันยอดขายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 20% สอดรับกับการฟื้นตัวของกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง” จักรกฤษณ์ระบุ

The post ฟันธง! ตลาดค้าปลีกไทยทะลุ 2.3 ล้านล้านบาท Gen X-Y ขนกระเป๋าช้อปตรุษจีนคึกคัก ท็อปส์ปั้นแคมเปญใหญ่รับทรัพย์ appeared first on THE STANDARD.

THE STANDARD รวมอีเวนต์น่าแวะเที่ยวเนื่องในวันปีใหม่จีน หรือเทศกาลตรุษจีนปี 2568 ทั่วไทย มีที่ไหนน่าแวะไปท่องเที่ยวบ้าง

1. ICONSIAM A PROSPEROUS CHINESE NEW YEAR 2025

สถานที่: River Park, ICONSIAM

วันที่: 24 ม.ค. – 2 ก.พ. 2568

ไอคอนสยามจัดงานเฉลิมฉลองตรุษจีนในวาระสำคัญ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วยงบประมาณกว่า 150 ล้านบาท การจัดงานในครั้งนี้มีไฮไลต์หลักคือการจัดงาน ICONSIAM A PROSPEROUS CHINESE NEW YEAR 2025

พบกับไฮไลต์ครั้งแรกกับการอัญเชิญองค์แม่เต้าบ้อและเทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ยจากประเทศจีน จำนวน 60 องค์ ครบทุกประจำปีเกิด มาให้ประชาชนขอพรเสริมมงคลในปีมะเส็ง นอกจากนี้ยังมีการแสดงพิเศษ ‘มังกร 2 แผ่นดิน’ ระหว่างพญานาคและมังกร และการแสดงนาฏมหามงคลจากนครฉางซา โดยมีเซอร์ไพรส์จากคู่จิ้นชื่อดัง ซี-นุนิว และ หลิง-ออม พร้อมอร่อยกับอาหารมงคลร้านดังในบรรยากาศ ‘Little China’ ที่จำลองถนนคนเดินสไตล์จีน รวบรวมร้านอาหารและร้านค้าจากทั่วประเทศมากกว่า 35 ร้าน เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์กิน เที่ยว ช้อป ในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ คาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 2 ล้านคนจากทั่วโลก ตลอด 10 วันของการจัดงาน

2. Siam Paragon A Prosperous Chinese New Year 2025

สถานที่: Siam Paragon

วันที่: 28 ม.ค. – 2 ก.พ. 2568

สยามพารากอนจัดงานฉลองเทศกาลตรุษจีนสุดยิ่งใหญ่ ‘Siam Paragon A Prosperous Chinese New Year 2025’ ซึ่งถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากเมืองตุนหวง เมืองโอเอซิสอันทรงคุณค่าแห่งเส้นทางสายไหมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี ไฮไลต์ของงาน ได้แก่ การแสดง ‘Ancient Sound of Dunhuang’ โดย Gansu Performance Arts Group นำเสนอระบำและการแสดงดนตรีจีนสุดพิเศษครั้งแรกในประเทศไทย ถ่ายทอดเรื่องราวความรุ่งเรืองของเส้นทางสายไหม รวมถึงการจำลองบรรยากาศถ้ำม่อเกา ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ชมภาพจิตรกรรมพุทธศิลป์โบราณ และประติมากรรมพระพุทธรูปจากถ้ำม่อเกาในรูปแบบดิจิทัลอาร์ต และทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญแห่งตุนหวง ที่จำลองมาไว้ภายในงาน

โดยพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 มกราคม 2568 จะได้พบกับศิลปินดังอย่าง พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร และ ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร ที่จะมาร่วมส่งความสุขให้ผู้ร่วมงาน พร้อมการแสดงเชิดมังกรเมฆา พญาหงส์เพลิง และสิงโตเทพเจ้า ‘Pearl of the Moon’ โดยคณะสิงโตมังกรหยกสามพรานที่มีชื่อเสียงระดับตำนาน และการแสดงเอ็งกอที่ผสมผสานศิลปะการต่อสู้อย่างวิจิตร นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเสริมสิริมงคล เช่น การเขียนพู่กันจีน และการตรวจดวงชะตาในงานพยากรณ์เพื่อการกุศล ‘สิริวัฒนาพยากรณ์ เพื่อคนพิการ’ โดยนักพยากรณ์ชื่อดังกว่า 38 คน

3. เทศกาลตรุษจีนเยาวราช ประจำปี 2568

สถานที่: ตลอดทางถนนเยาวราช

วันที่: 19 ม.ค. – 9 ก.พ. 2568

เทศกาลตรุษจีนเยาวราช ประจำปี 2568 จัดเฉลิมฉลองปีใหม่ตามธรรมเนียมจีนและมิตรภาพไทย-จีนครบ 50 ปี โดย ททท. นำเสนอธีม ‘Ignite Your Senses Embrace Our Two Cultures’ สะท้อนความสัมพันธ์และพลังแห่งความสำเร็จของทั้ง 2 ประเทศ ไฮไลต์สำคัญ ได้แก่ การประดับไฟสีแดงและทองตามถนนเยาวราช พร้อมซุ้มไฟงูสีแดงและประดับไฟดอกไม้หลากสีที่ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ วงเวียนโอเดียน ถึงแยกเฉลิมบุรี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย-จีน และการจัดบูธพยากรณ์ศาสตร์ต่างๆ รวมถึงการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดังไทยและจีนตลอด 6 วันของงาน

4. ไหว้พระขอพรวัดมังกรกมลาวาส ช่วงตรุษจีน

สถานที่: วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่)

ระยะเวลา: ทุกวัน 08.00-17.00 น.

จุดนัดพบที่ต้องมาทุกปีในช่วงตรุษจีนอย่างวัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2414 มีพระประธานเป็น พระโคตมพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธะ และพระไภษัชยคุรุล้อมรอบด้วยพระอรหันต์อีก 18 องค์

ไฮไลต์ที่ต้องทำคือ ไหว้ ไท้ส่วยเอี๊ย เพื่อแก้ชง พร้อมกับเสริมโชคลาภและชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง รวมถึงการไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภอย่าง ไฉ่ซิงเอี้ย นอกจากนี้ยังมีการแก้ชง เสริมดวงชะตา เพื่อเสริมคุณค่าทางใจอีกมากมาย

5. แวะเดินย่านชุมชนจีนเก่าที่ตลาดน้อย

สถานที่: ตลาดน้อย (เจริญกรุง 27)

ระยะเวลา: –

ตลาดน้อยในช่วงตรุษจีนเป็นตัวเลือกที่น่าไปสัมผัสกับเสน่ห์ของชุมชนจีนโบราณในกรุงเทพฯ กับบรรยากาศของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หยั่งรากอย่าง บ้านโซวเฮงไถ่ ที่มีอายุกว่า 220 ปี เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของสถาปัตยกรรมจีนแบบ ‘สี่เรือนล้อมลาน’ สะท้อนเรื่องราวของชาวจีนฮกเกี้ยนที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งถิ่นฐาน

การเดินชมย่านตลาดน้อยในเทศกาลตรุษจีนยังเต็มไปด้วยสีสันและกิจกรรมที่น่าประทับใจ ทั้งการไหว้พระขอพรที่ศาลเจ้าโจวซือกง ศาลเจ้าเก่าแก่ที่เป็นหัวใจของชุมชน การเดินสำรวจตรอกซอกซอยที่ประดับประดาด้วย Street Art หรือแม้กระทั่งการลิ้มลองอาหารจีนโบราณ และจิบกาแฟที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมต่างๆ

The post ตรุษจีนนี้มีที่เที่ยวยัง? รวมสถานที่น่าเที่ยวตรุษจีนปี 2568 appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (19 มกราคม) วันแรกของเทศกาลตรุษจีนประจำปี 2568 ที่จัดขึ้นบริเวณถนนเยาวราช พื้นที่ตั้งแต่วงเวียนโอเดียนถึงแยกเฉลิมบุรี ช่างภาพข่าว THE STANDARD เก็บบรรยากาศการตกแต่งประดับไฟถนนสายมังกร ซึ่งจะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม – 9 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีผู้เข้าร่วมงานอย่างคึกคัก

นอกจากนี้ยังมีการเตรียมงานใหญ่ ‘ปีมะเส็งมหามงคล อุดมโชคลาภ’ ระหว่างวันที่ 29-30 มกราคม 2568 ที่มีกิจกรรมมากมาย เช่น การแสดงศิลปวัฒนธรรม เชิดสิงโตและมังกรบนเสาดอกเหมย และร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึกมากมาย

สำหรับเทศกาลตรุษจีนปี 2568 ตรงกับวันที่ 29 มกราคม โดยวันจ่ายตรงกับวันที่ 27 มกราคม วันไหว้ตรงกับวันที่ 28 มกราคม ถือเป็นเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ วันที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ซึ่งปีนี้เข้าสู่ปีมะเส็งหรือปีงูเล็ก ความเชื่อของชาวจีนจะสักการะเทพเจ้าและบรรพบุรุษเพื่อโชคลาภและความเป็นสิริมงคลของชีวิต

The post เยาวราชคึกคัก เริ่มเทศกาลตรุษจีนไชน่าทาวน์ รับปีมะเส็ง 2568 appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (17 มกราคม) ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานจัดงานตรุษจีนเยาวราช ประจำปี 2568 พร้อมด้วย ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำคณะผู้จัดงานตรุษจีนเยาวราช เข้าพบ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อมอบเสื้อตรุษจีน ซึ่งมีสัญลักษณ์ ‘ปีมะเส็ง’ จากภาพวาดฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2568 ณ บริเวณถนนเยาวราช กรุงเทพมหานคร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-30 มกราคม 2568 ซึ่งวันตรุษจีนปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 29 มกราคม 2568

โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้ชมการแสดงเชิดสิงโต ชุด ‘กินผักกินส้มพร้อมมอบป้ายอวยพร’ จากนักเรียนชมรมเชิดสิงโตมังกร 9 ไม้ โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร แสดงถึงความเป็นสิริมงคลและมอบโชคลาภในวันตรุษจีนให้กับนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีมอบอั่งเปาให้ด้วยตามประเพณีจีน ซึ่งถือเป็นการอวยพรให้โชคดี มีโชคลาภ เจริญเติบโต แข็งแรง และเริ่มต้นปีใหม่จีนอย่างมีความสุข

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอเชิญชวนทุกคนไปร่วมงานในวันที่ 29-30 มกราคมนี้ จะมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ และตนเองจะไปร่วมงานด้วย อย่างไรก็ตาม ในวันนี้นายกรัฐมนตรีสวมชุดผ้าไทยแบรนด์ขวัญตา ซึ่งตัดเป็นชุดจีนประยุกต์สีฟ้าครามร่วมงานด้วย

The post นายกฯ รับมอบเสื้อสัญลักษณ์ปีมะเส็ง พร้อมชมการเชิดสิงโต และประชาสัมพันธ์เทศกาลตรุษจีนเยาวราช 2568 appeared first on THE STANDARD.

เป็นประจำทุกปีที่เริ่มต้นศักราชใหม่ที่ฝั่งค้าปลีกจะจัดแคมเปญใหญ่อย่าง ‘ตรุษจีน’ ซึ่งในปีนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลจับมือกับห้างเซ็นทรัลผ่านการใช้งบกว่า 5 ร้อยล้านบาท เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลสำคัญนี้

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN กล่าวว่า ฐานลูกค้าของ CPN เป็นกลุ่มกลาง-บน ซึ่งในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีพบว่าการใช้จ่ายกลับมาคึกคักแล้ว ดังนั้นจึงคาดว่าจะสร้างเงินสะพัดตลอดแคมเปญกว่า 1.5 หมื่นล้านบาททั่วประเทศ และเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์การค้าทั่วประเทศกว่า 25-30%

“เราคาดว่าแคมเปญนี้จะกระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% ขึ้นอยู่กับโลเคชัน” ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าว

เหตุผลนั้นเป็นเพราะนอกจากเป็นช่วงตรุษจีนซึ่งคนไทยเชื้อสายจีนจะออกมาจับจ่ายกันแล้ว ยังได้โครงการลดหย่อนภาษี Easy e-Receipt 2.0 ของภาครัฐเข้ามาช่วยพอดีด้วย

สำหรับ Easy e-Receipt 2.0 เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศในปี 2568 โดยให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคล) หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 – วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง และสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท เฉพาะที่ได้รับ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt เท่านั้น

ตามข้อมูลของกรมสรรพากรประเมินว่า มาตรการ Easy e-Receipt 2.0 จะช่วยสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจในภาพรวมขยายตัวได้ตามเป้าหมาย โดยคาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 7 หมื่นล้านบาทด้วยกัน

ด้าน รวิศรา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริหารกลุ่มการตลาด กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทลกล่าวว่า แคมเปญนี้ห้างเซ็นทรัลมุ่งเน้นคัดสรรสินค้าในกลุ่มความงาม แฟชั่น ของแต่งบ้าน รวมไปถึงสินค้าแม่และเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ลูกค้ามีการจับจ่ายใช้สอยอย่างคึกคักในเทศกาลตรุษจีน

“เมื่อรวมกับ Easy e-Receipt 2.0 ภาครัฐ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถเพิ่มทราฟฟิกของลูกค้าได้อีก 20% และเพิ่มยอดขายได้ 10% จากแคมเปญปี 2567”

ทั้งนี้ ดร.ณัฐกิตติ์ ประเมินว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังมีแนวโน้มที่ดีจากการลงทุนของภาครัฐที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องจับตาปัจจัยที่จะส่งผลกระทบอย่างสงครามการค้าและหนี้ครัวเรือนที่จะทำให้การจับจ่ายใช้สอยจำกัด

The post ศึกช้อปตรุษจีน! เซ็นทรัลทุ่ม 500 ล้าน จับคู่ Easy e-Receipt กระตุ้นเศรษฐกิจต้นปี คาดเงินสะพัด 1.5 หมื่นล้าน หนุนทราฟฟิกพุ่ง 30% appeared first on THE STANDARD.