วันชัย สอนศิริ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 20 Aug 2025 11:02:52 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 สังคมกดดัน กกต. ยืดเยื้อคดี ‘ฮั้ว สว.’ ด้าน DSI ลุยสางคดีอั้งยี่ ขณะอดีต สว. ชี้ “อัปยศอดสู” สภาสูงอยู่ใต้พรรคการเมือง https://thestandard.co/dsi-senate-fraud-investigation/ Wed, 20 Aug 2025 10:08:50 +0000 https://thestandard.co/?p=1109360 senate-fraud-public-forum

หัวข้อในเนื้อหานี้ DSI เร่งรัดคดีอั้งยี่ซ่องโจร เชื่อเส […]

The post สังคมกดดัน กกต. ยืดเยื้อคดี ‘ฮั้ว สว.’ ด้าน DSI ลุยสางคดีอั้งยี่ ขณะอดีต สว. ชี้ “อัปยศอดสู” สภาสูงอยู่ใต้พรรคการเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
senate-fraud-public-forum

 

วันนี้ (20 สิงหาคม) ในเวทีอภิปรายสาธารณะ ‘บทเรียนและทางออก คดีโกงฮั้ว สว.’ จัดโดย คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน ดำเนินการเสวนาโดย เมธา มาสขาว รักษาการเลขาธิการ ครป. โดยมีตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ ร่วมแสดงความคิดเห็น

 

น.ต. วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะ สว. เสียงข้างน้อย ที่เคยรวบรวมรายชื่อยื่นถอดถอน 136 สว. ให้ศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า สว. ชุดปัจจุบัน หลายคนก็มีความรู้ความสามารถ แต่ก็มีบางคณะวางแผนฮั้วเลือก สว. ซึ่งความจริงไม่ใช่คำว่าฮั้ว แต่เป็น ‘แผนชั่ว’ ที่คิดได้ แต่ไม่ควรทำ ซึ่ง DSI ก็ทราบแล้วว่าใครทำอะไรบ้าง ปัญหาจึงอยู่ที่ หิริโอตตัปปะ คือความเกรงกลัวต่อบาป แม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ขัดต่อศีลธรรม แม้จะเป็นคนดีมีความรู้ความสามารถ แต่เข้าด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง และถูกครอบงำโดยพรรคการเมือง ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ

 

น.ต. วุฒิพงศ์กล่าวถึงการรวมรายชื่อเพื่อยื่นถอดถอน 136 สว. ที่มีผู้ร่วมลงชื่อ 21 คน แต่ความจริงควรมีถึง 60 คน แต่บางคนก็ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มาเซ็น โดยอ้างว่าไม่ศรัทธาในวิธีการนี้ บางคนอาจได้รับข้อเสนอเป็นประธานกรรมาธิการ ซึ่งที่เราทำ ไม่ได้เพราะอยากทำ ทำแล้วคนเกลียดทั้งสภาฯ แต่เราดำเนินการเพราะทนไม่ได้เรื่องการสรรหาองค์กรอิสระมาตัดสินคดีของตนเอง 

 

“ต้องตัดสินใจด้วยความถูกต้อง เพื่อให้ประชาชนไทยไม่ต้องอยู่ภายใต้วงจรอุบาทว์ หากปล่อยไปเรื่อยๆ อีก 7 ปี จะเกิดอะไรขึ้น ต้องปล่อยให้ลูกหลานเรารับกรรมหรือ” น.ต. วุฒิพงศ์กล่าว

 

วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว.

วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว.

ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา

 

DSI เร่งรัดคดีอั้งยี่ซ่องโจร เชื่อเสร็จก่อน กกต. ทำคดีเลือกตั้ง

 

ขณะที่ ชยพล ดโนทัย โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ชี้ว่า จะมี กกต. 5 จาก 7 คน ที่มาจากการเลือกของ สว. ชุดนี้ ที่เรากังวลมากคือ การทำหน้าที่ของกรรมาธิการสอบประวัติบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นองค์กรอิสระของวุฒิสภา มี สว. เพียง 88 คน จาก 200 คนเท่านั้น ที่เข้าไปมีส่วนร่วมในกรรมาธิการสอบประวัติ และมี 75 คน มีส่วนร่วมกับคดีฮั้ว สว. ด้วย เท่ากับว่า สว. ชุดนี้ กำลังเลือกผู้มาตัดสินคดีนี้ตัวเอง และตอกย้ำความเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน

 

สำหรับระยะเวลาดำเนินการของ กกต. ที่มีอยู่ 240 วัน หาก กกต. เห็นว่า เรื่องนี้สำคัญก็ควรเร่งดำเนินการ ไม่จำเป็นต้องรอให้ครบกรอบเวลา เพราะหากยืดเยื้อออกไป ก็อาจเกิดปรากฏการณ์ที่ สว. เลือกผู้พิพากษามาตัดสินคดีของตนเองได้

 

ด้าน ระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ระบุว่า เวลานี้อยู่ในฐานะคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ด้วย จึงอาจไม่ลงลึกรายละเอียดในเรื่องการดำเนินคดี แต่ยืนยันว่า เราดำเนินการโดยไม่มีข้อกดดันใดๆ และ DSI สนับสนุนพยานหลักฐานทั้งหมดที่รวมได้ให้อนุกรรมการของ กกต. เป็นผู้พิจารณาดำเนินการ ใช้เวลา 3-4 เดือน ก็ได้พยานหลักฐานเพียงพอ จนมั่นใจและแจ้งข้อกล่าวหาไปทั้ง 229 ราย

 

สำหรับคดีของ DSI ดำเนินการเอง คือคดีอาญาเรื่องอั้งยี่ซ่องโจร ดำเนินการมาได้ 70-80% แต่การดำเนินคดีอาญาต่างจากคดีเลือกตั้ง ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้มากกว่านี้ โดยความผิดชัดเจนอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์และเชิญผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงเพื่อความเป็นธรรม รวมถึงมีพนักงานอัยการให้คำแนะนำ และร่วมสอบสวนด้วย

 

“เราน่าจะใช้เวลากันอีกไม่นาน พยานหลักฐานส่วนหนึ่งได้มาจากการร่วมงานกับคณะอนุกรรมการที่ 26 และพยานบุคคล โดยเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน ยืนยันว่าไม่มีแรงกดดัน ไม่มีคำสั่งพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น เราว่ากันตามพยานหลักฐานเป็นหลัก ถูกว่าตามถูก ผิดว่าตามผิด” ระวีกล่าว

 

ระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

ระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา

 

อดีต สว. ผิดหวังสภาสูงอยู่ใต้อาณัติพรรคการเมือง

 

ระวีเปิดเผยด้วยว่า สามารถออกหมายเรียกผู้ต้องหาได้ภายใน 1-2 เดือน รอเพียงรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน เพราะคดีอาญารีบเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี พร้อมย้ำว่า คดีฮั้ว สว. เป็นเรื่องที่ DSI ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก และมั่นใจว่า จะสามารถดำเนินคดีอาญาได้ก่อนคดีเลือกตั้งที่ทำร่วมกับ กกต.

 

ต่อมา วันชัย สอนศิริ อดีต สว. กล่าวว่า ความจริงแล้ว สว. ในชุดของตน หลายคนอาจมองว่ามาจากการแต่งตั้งของ คสช. แม้สื่อมวลชนหรือสังคมจะประณามหยามเหยียดว่าเป็นทหารเกณฑ์บ้าง รักษามรดก คสช. บ้าง แต่มองว่า รัฐธรรมนูญออกแบบมา คนแม้จะตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็รู้ว่าที่มาเป็นเช่นนี้ สว. เก่า อาจรู้สึกอึดอัดในหลายเรื่อง และคิดว่าเมื่อมี สว. ใหม่แล้ว น่าจะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปสู่ประชาธิปไตยเต็มใบเสียที ที่ผ่านมาเป็นครึ่งใบที่ตนเองอยู่ตรงนั้น

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สว. ที่ไม่ได้มาจากการแต่งตั้งของ คสช. เป็นความคาดหวัง เพราะตนเองเข้าใจว่าประชาชนไม่ชอบ สว. ที่ทำงานใต้คำสั่งการ ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง แต่พอยุคนี้ที่มาจากการเลือกกันเอง ควรเป็นอิสระจริง และไม่อยู่ใต้อาณัติ หรือบังคับจูงจมูกของใคร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 114 จึงรู้สึกว่า ผิดหวัง

 

เวทีอภิปรายสาธารณะ บทเรียนและทางออก คดีโกงฮั้ว สว.

เวทีอภิปรายสาธารณะ บทเรียนและทางออก คดีโกงฮั้ว สว.

ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา

 

“แม้แต่ตัวผมเองเป็นมาก็รู้สึกอยู่แล้ว แต่เมื่อกลไกให้อิสระในตัวของคุณอยู่แล้ว ทำไมเราต้องทำตัวไม่อิสระ เป็นเรื่องน่าเสียดาย น่าผิดหวัง น่าเสียใจอย่างมาก และที่สำคัญ ยอมเอาตัวเองไปอยู่ใต้พรรคการเมือง ซึ่งถ้าจะว่าแบบชาวบ้าน ตัวเองเป็นสภาพี่เลี้ยง ควรอยู่ในฐานะกลั่นกรองตรวจสอบ ควรสูงกว่าอีกระดับ แต่ดันทำตัวไปอยู่ใต้อุ้งของพรรคการเมือง และนักการเมือง จึงน่าอัปยศอดสูมากๆ น่ารังเกียจกว่าปกติ” วันชัยกล่าว

 

วันชัยมองว่า คดีนี้อาจยืดเยื้อถึง 2-3 ปี เพราะในคดีทั่วไป ฝ่ายโจทก์อาจมองว่าช้า แต่ฝ่ายจำเลยจะมองว่าเร็ว และจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างช้าที่สุด และยังมองว่า ผู้ทำหน้าที่กรรมการอาจไม่ได้ตรงไปตรงมา มีหลักฐานปรากฏทั้งในการเลือกระดับอำเภอ จังหวัด โดยเฉพาะระดับประเทศ ที่เกิดขึ้นใกล้ กกต. แทบจะหายใจรดต้นคอ กลับปล่อยไปเหมือนไม่อยากให้เป็นคดี พร้อมเปรียบเทียบว่า เสมือนการปล้นกลางแดดด้วยความโจ่งแจ้ง

 

วันชัย สอนศิริ อดีต สว.

วันชัย สอนศิริ อดีต สว.

ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา

 

ร่วมกดดัน กกต. ล่าช้า รู้เห็นเป็นใจขบวนการหรือไม่

 

ฟาก พล.ต.ท. คำรบ ปัญญาแก้ว ในฐานะ สว. ในบัญชีรายชื่อสำรอง กล่าวว่า ในช่วงแรกที่โพยปรากฏออกมาตามสื่อสาธารณะ เลขาธิการ กกต. รีบชี้แจงว่า การพกโพยไม่ผิด แต่เมื่อมีการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 ก็พบว่า โพยดังกล่าวมีที่มาอย่างเป็นระบบ และจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หาก กกต. ไม่ได้รับรู้หรือขยิบตาด้วย หัวใจสำคัญสุดของกระบวนการนี้คือขั้นตอนการสมัคร เนื่องจากแกนนำกลุ่มได้ไปคุมส่วนราชการในพื้นที่ จึงสามารถสั่งการข้าราชการในพื้นที่ซึ่งได้รับมอบหมายเป็น กกต. ระดับอำเภอด้วย

 

พล.ต.ท. คำรบกล่าวต่อไปว่า กลุ่มดังกล่าวจึงเกณฑ์คนมาสมัครได้อย่างค่อนข้างสะดวก เกิดจากความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ กกต. ในระดับอำเภอ รวมถึงคอยส่งข้อมูลให้กับขบวนการด้วย เป็นหัวใจให้ขบวนการวางคนของตนเองกระจายไปตามกลุ่มต่างๆ ได้ เพื่อสกัดให้ผู้สมัครที่มีชื่อเสียงหลุดไปตั้งแต่รอบอำเภอ ทราบมาว่าทำได้เกือบ 20 จังหวัด ผ่านมาจนถึงระดับประเทศแบบเป็นกลุ่มก้อน เช่น อำนาจเจริญ ที่ได้มาถึง 38 คน จากเกือบทุกกลุ่มในเครือข่ายเดียวกัน

 

ผู้ที่ร่วมขบวนการนี้มีทั้งนักการเมือง และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เมื่อถึงการเลือกระดับประเทศ มีกลุ่มเครือข่ายนี้เข้ามาด้วยเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด โดยมีการนัดรวมตัวกันตามโรงแรม แจกโพยที่ได้รับการวางแผนมาแล้ว ว่าให้เลือก 1 คน จากทั้ง 20 กลุ่ม ได้รับเลือกเป็น สว. ทั้งการเลือกในกลุ่มและรอบเลือกไขว้ จนได้ สว. 138 คน ตามที่ DSI ตรวจสอบพบมา 

 

พล.ต.ท. คำรบ ปัญญาแก้ว สว. ในบัญชีรายชื่อสำรอง

พล.ต.ท. คำรบ ปัญญาแก้ว สว. ในบัญชีรายชื่อสำรอง

ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา

 

ขณะที่ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า นักวิชาการได้เตือน กกต. แล้วว่า ระบบที่รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ออกแบบไว้ หากกลุ่มการเมืองใดรวมตัวกันได้ จะมีคนเข้าสู่วุฒิสภาได้เยอะ และทำให้ระบบองค์กรอิสระเสียหาย แต่ที่เกิดขึ้นคือ ป้องกันได้ก็ไม่ทำ ต้องแก้ก็ไม่แก้ เมื่อแก้ก็ทำให้ช้า ตอนนี้เรื่องใหญ่กว่า สว. มีไว้ทำไม คือ กกต. มีไว้ทำไม

 

กกต. มีหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรา 226 ว่า หากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า มีการทุจริตในการเลือกตั้ง หรือผู้สมัครรู้เห็นกับการทุจริตของคนอื่น กกต. มีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งตัดสิทธิสมัคร หรือตัดสิทธิเลือกตั้งของบุคคลนั้น แต่ผ่านมาเกือบปีแล้วกลับไม่พบความคืบหน้า ชี้แจงต่อสื่อมวลชนก็ตอบแบบไม่ตอบ ซึ่งหากเป็นอาจารย์ก็คงไม่ให้คะแนน

 

อำนาจของ สว. ใหญ่มาก ซึ่งเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต สืบเนื่องจากปี 2540 สว. มาจากการเลือกตั้งโดยตรง แต่เมื่อปัจจุบันมีการทุจริต กกต. ควรรีบส่งให้ศาลพิจารณา ท่านใดก็ตามที่ไม่เข้าข่ายตามข้อครหา ศาลก็จะพิพากษาให้พ้นผิดไป ผู้ใดคดโกงก็พ้นตำแหน่งไป ระบบเช่นนี้ต้องเร็ว ไม่ใช่ดึงเรื่องให้ช้า ในทางนิติศาสตร์สอนกันว่า ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม

 

(ซ้าย) ปริญญา เทวานฤมิตรกุล (ขวา) ชยพล ดโนทัย

(ซ้าย) ปริญญา เทวานฤมิตรกุล (ขวา) ชยพล ดโนทัย 

ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา

The post สังคมกดดัน กกต. ยืดเยื้อคดี ‘ฮั้ว สว.’ ด้าน DSI ลุยสางคดีอั้งยี่ ขณะอดีต สว. ชี้ “อัปยศอดสู” สภาสูงอยู่ใต้พรรคการเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
อดีต สว. วันชัย ฟันธง สิงหาคมนี้ เศรษฐาหลุดคดี ทักษิณพ้นโทษ เพื่อไทยกลับมาเป็นที่หนึ่ง https://thestandard.co/wanchai-sornsiri-04082024/ Sun, 04 Aug 2024 06:40:41 +0000 https://thestandard.co/?p=967077

วันนี้ (4 สิงหาคม) วันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว […]

The post อดีต สว. วันชัย ฟันธง สิงหาคมนี้ เศรษฐาหลุดคดี ทักษิณพ้นโทษ เพื่อไทยกลับมาเป็นที่หนึ่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (4 สิงหาคม) วันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความเรื่อง ‘เดือนสิงหา เศรษฐาต้องมากับทักษิณ’ ในเพจเฟซบุ๊ก ‘ทนายวันชัย สอนศิริ’ มีเนื้อหา ดังนี้

 

“อะไรจะช่างเหมาะเจาะเคราะห์ดีขนาดนั้น เดือนสิงหาคมปีที่แล้วเขาโหวตให้ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และสิงหาคมปีนี้ก็จะมีการโหวตให้เศรษฐาหลุดพ้นคดี ทั้งปลายเดือนสิงหาคม ทักษิณ ชินวัตร ก็จะพ้นโทษ เป็นพญามังกรที่จะแผลงฤทธิ์และเป็นพญาอินทรีที่จะสยายปีกดังที่ประกาศไว้เมื่อวันเกิดว่า เพื่อไทยต้องเป็นพรรคอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า ปัญหาความเชื่อมั่นและปัญหาเศรษฐกิจจะต้องเร่งแก้ไข เป็นสัญญาณชัดว่าทักษิณต้องออกมาขยับขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นเพื่อไทยจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งไม่ได้

 

“รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำจะมาเป็นอันดับหนึ่งได้หรือไม่ อยู่ที่ว่าพรรคร่วมยังแน่นปึ้ก แข็งขันไปด้วยกันได้หรือไม่ ทั้งผลงานที่โดนใจจะออกมาหรือยัง ก็อย่างที่เห็นว่ารอยปริในพรรคร่วมเริ่มจะเกิดขึ้น คงจะต้องรีบอุดรอยรั่วโดยปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และพรรคร่วมในเร็วๆ นี้แน่นอน ดิจิทัลวอลเล็ตก็มาแล้ว คนหลายสิบล้านกำลังคึกคัก ถ้าได้เงินมาจับจ่ายใช้สอยก็คงจะระเบิดเถิดเทิงกันไปใหญ่

 

“โครงการแลนด์บริดจ์ที่พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ขับเคลื่อนโดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กำลังเร่งให้เกิดขึ้นโดยเร็วในรัฐบาลเศรษฐา ทั้งเรื่องแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนก็จะตามมารัวๆ อีกมากมาย เป็นการสยายปีกทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ บ้านเล็ก-บ้านใหญ่จะกลับมาคึกคักทั่วทุกหัวระแหง

 

“ทั้งหมดต้องทักษิณเท่านั้น เมื่อพ้นโทษแล้วจึงไม่มีอะไรที่จะต้องพะวงหน้าพะวงหลังกันอีกต่อไป ต้องเดินหน้าเพื่อมาเป็นที่หนึ่งให้ได้ เดือนสิงหาคมนี้จึงเป็นเดือนแห่งการเริ่มต้นที่ทั้งเศรษฐาหลุดคดีและทักษิณพ้นโทษต้องมาขับเคลื่อนไปด้วยกัน ไม่อย่างนั้นเพื่อไทยก็ไปไม่รอด”

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ สหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะพ้นโทษในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคมนี้ เนื่องจากทักษิณได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษเหลือเพียง 1 ปี

The post อดีต สว. วันชัย ฟันธง สิงหาคมนี้ เศรษฐาหลุดคดี ทักษิณพ้นโทษ เพื่อไทยกลับมาเป็นที่หนึ่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
5 ปี ‘ความภูมิใจ’ สว. ชุดพิเศษ https://thestandard.co/5-years-pride-special-senators/ Mon, 08 Jul 2024 04:01:48 +0000 https://thestandard.co/?p=954593

ก่อนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดที่ 12 ที่ถูกขนานนามว่าเป็น […]

The post 5 ปี ‘ความภูมิใจ’ สว. ชุดพิเศษ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ก่อนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดที่ 12 ที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘สว. ชุดพิเศษ’ ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ต่อในฐานะสภาสูง และอำนาจตามบทเฉพาะกาล เช่น การเลือกนายก​​รัฐมนตรี ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่กำหนดอนาคตของประเทศ

 

รวมถึงมีอำนาจลงมติร่วมกับ สส. เพื่อพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศ หรือแม้แต่การมีอำนาจลงมติด้วยเสียง 1 ใน 3 เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะหมดอำนาจลงในอีกไม่กี่วันนี้

 

และก่อน สว. ชุดพิเศษนี้จะจากลาการเมืองไทยไปตลอดกาล THE STANDARD ประมวลความคิดเห็น 8 สว. ผู้ทรงเกียรติ ผ่านการสนทนาพิเศษเกี่ยวกับความภูมิใจในการทำหน้าที่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการส่งท้าย

 

 

กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงความภูมิใจในการทำหน้าที่ สว. ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

 

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่:

 

 


 

 

เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงความภูมิใจในการทำหน้าที่ สว. ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

 

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่:

 

 


 

 

แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงความภูมิใจในการทำหน้าที่ สว. ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

 

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่:

 

 


 

 

คำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงความภูมิใจในการทำหน้าที่ สว. ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

 

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่:

 

 


 

 

วัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงความภูมิใจในการทำหน้าที่ สว. ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

 

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่:

 

 


 

 

สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงความภูมิใจในการทำหน้าที่ สว. ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

 

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่:

 

 


 

 

วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงความภูมิใจในการทำหน้าที่ สว. ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

 

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่:

 

 


 

 

ซากีย์ พิทักษ์คุมพล สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงความภูมิใจในการทำหน้าที่ สว. ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

 

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่:

 

 

ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา

The post 5 ปี ‘ความภูมิใจ’ สว. ชุดพิเศษ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สว. 67 : วันนี้ของ ‘วันชัย’ ผู้ไม่ยอมให้ใครบัญชา พร้อมผันตัวเป็น สว. โซเชียล https://thestandard.co/wanchai-social-senate/ Mon, 24 Jun 2024 02:00:11 +0000 https://thestandard.co/?p=948587 วันชัย สอนศิริ

การสิ้นสุดวาระของสมาชิกวุฒิสภาชุดพิเศษทั้ง 250 คน เสมือ […]

The post สว. 67 : วันนี้ของ ‘วันชัย’ ผู้ไม่ยอมให้ใครบัญชา พร้อมผันตัวเป็น สว. โซเชียล appeared first on THE STANDARD.

]]>
วันชัย สอนศิริ

การสิ้นสุดวาระของสมาชิกวุฒิสภาชุดพิเศษทั้ง 250 คน เสมือนฉากสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทยได้จบลงไปด้วย THE STANDARD เดินสายสนทนากับบรรดา สว. เพื่อชวนย้อนมองความภูมิใจในผลงานที่ผ่านมา และบทบาทชีวิตข้างหน้า หลังหมดหน้าที่ในสภา

 

ถึงคิวของ ‘วันชัย สอนศิริ’ หนึ่งใน สว. ที่คนไทยคุ้นเคยมากที่สุด จากทนายความสายฮา กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลของการเมืองไทย และที่ลืมไม่ได้คือ หนึ่งในผู้ริเริ่มตั้งคำถามพ่วง มาตรา 272 ให้อำนาจ สว. ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีใน 5 ปีแรก ที่พลิกโฉมการเมืองไทยมาจนทุกวันนี้

 

3 คะแนนเสียงที่โหวตให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ เศรษฐา ทวีสิน ตามลำดับ วันชัยในวันนี้ได้ปริปากให้เราเห็น (ส่วนเสี้ยว) หลังม่านของเกมแห่งอำนาจ ที่เขาได้มีส่วนพัวพันมาเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ ไปจนถึงความรู้สึกของเขาต่อผลงานที่เคยร่วมสร้าง แต่ผลลัพธ์ที่ตามมากลับไม่เป็นไปตามที่หวัง

 

วันชัย สอนศิริ

วันชัยยืนอยู่หน้าสำนักงานทนายความ ย่านปากเกร็ด

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

ประมาณปี 2544 วันชัย ทนายความนามอุโฆษ ผู้โลดแล่นทั้งในวงการกฎหมายและโทรทัศน์ กำลังเตรียมโลดทะยานสู่ถนนการเมืองเต็มตัว

 

เขาลงรับสมัครเป็น สว. จากการสรรหา ซึ่งมีทั้งหมด 74 คน และจะได้เข้าไปทำงานร่วมกับ สว. จากการเลือกตั้ง จังหวัดละคน เป็น 76 คน รวมกันเป็นวุฒิสภาที่มีทั้งหมด 150 คน

 

“ถามว่ามีใครชักชวนไหม” วันชัยตั้งคำถามเอง แล้วโบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ “ส่วนตัวผมคิดอยากเป็น สส. หรือ สว. มานานแล้ว”

 

วันชัยเปิดเผยว่า ตัวเขาหลงใหลในการเมืองมาตั้งแต่ยังรุ่นๆ สมัยเรียนมักจะติดตามฟังการถ่ายทอดสดประชุมสภาผู้แทนราษฎรทางวิทยุหรือโทรทัศน์ และเมามันไปกับการโต้วาทะของบรรดาผู้แทนราษฎร

 

ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเราเป็นนักพูด นักโต้วาที เราชอบพูด แล้วเราก็ฝันไว้ว่า สักวันจะเข้าไปในสภาแห่งนี้ให้ได้

 

ในห้วงเวลาที่มีการสรรหา สว. นั้น เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง สส. ไม่นาน ระหว่างที่วันชัยกำลังรอการพิจารณาคัดเลือก มีบุคคลสำคัญจากพรรคการเมืองใหญ่ที่กำลังกระแสแรงในยุคนั้นเข้ามาทาบทามให้เขาลงสมัครเป็น สส. ชลบุรี ของพรรค เพราะเขาเองก็เริ่มสั่งสมชื่อเสียงทางการเมืองมาพอสมควร

 

วันชัยปฏิเสธข้อเสนอจากพรรคการเมืองนั้น เพราะลงสมัคร สว. ไปเสียแล้ว พลันบุคคลนั้นก็ตบโต๊ะ! ก่อนพูดใส่หน้าวันชัยว่า “ผมขอแช่งไม่ให้คุณได้เป็น สว. แล้วผมจะรอคุณ”

 

วันชัยขณะปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภา เขาถือว่าเป็น สว. ซึ่งโดดเด่นและมีวาทศิลป์เป็นเลิศคนหนึ่ง

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

จนแล้วจนรอดวันชัยก็ได้เป็น สว. ในสภาหินอ่อนตามความใฝ่ฝัน และทำหน้าที่อย่างดุเดือดสมบทบาท ได้ใช้ความรู้ความสามารถทั้งด้านวาทศิลป์และกฎหมาย ชนิดที่เขานิยามตัวเองว่า “ไม่ได้มาแค่เสียบบัตรกินข้าว แต่ถือว่ามีความโดดเด่นอยู่ในตัว”

 

วันชัยทำหน้าที่อย่างสมบุกสมบันมาจนถึงปี 2557 ห้วงแห่งความล่อแหลมของประวัติศาสตร์การเมืองไทย หลังจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ จากพรรคเพื่อไทยขณะนั้น ประกาศยุบสภา สส. ทั้งหมดระเห็จออกไป แต่ สว. ยังคงอยู่ ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครมองเห็นหนทางออกจากความขัดแย้ง และยิ่งไม่มีใครคิดว่าจะเกิดการรัฐประหาร จนเป็นเหตุให้ สว. ชุดนั้นสิ้นสุดไป

 

ทว่าจะด้วยความโดดเด่นของวันชัยหรือไม่ก็ตาม คณะรัฐประหารคงเล็งเห็นถึงความสามารถของเขา ทำให้วันชัยได้รับเลือกเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มาจากการสรรหา และมีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศระหว่างยุคเปลี่ยนผ่าน

 

“ผมก็เป็นโฆษก มีความโดดเด่น มุ่งมั่นทุ่มเท แล้วก็มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ซึ่งระบุไว้ว่า เมื่อรัฐธรรมนูญนี้ผ่าน จะต้องจัดการเลือกตั้งทันที ผมก็มีความเห็นว่า อะไรวะ เพิ่งจะปฏิวัติ จะไปกันแล้วหรือ 7-8 เดือน”

 

วันชัย สอนศิริ

วันชัยมีสีหน้าครุ่นคิด ขณะกำลังเล่าถึงประสบการณ์การเมืองในอดีต

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

วันชัยเล่าเจตนาตอนนั้นว่า สาเหตุที่เขาเป็นตัวตั้งตัวตีล้มรัฐธรรมนูญฉบับของอาจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เพราะคิดว่า คสช. ควรจะอยู่ต่อเพื่อทำให้บ้านเมืองเรียบร้อยกว่านี้อีกสักหน่อย โดยไม่ได้สนใจว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะไปเข้าทางใครหรือกลุ่มใด

 

ผมไม่ได้รับสัญญาณจากใคร เราทำมาจากจิตใจของเรา

 

ในที่สุดรัฐธรรมนูญฉบับอาจารย์บวรศักดิ์ถูกคว่ำไป คสช. ได้อยู่ต่อ และคราวนี้ภารกิจร่างรัฐธรรมนูญตกเป็นของอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ ส่วน สปช. ที่สิ้นสภาพ ก็มีสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มาแทนที่ และแน่นอน วันชัยได้รับเลือกอีกตามเคย

 

“อาจจะด้วยตรงสเปกหรือเปล่าก็ไม่รู้” วันชัยเล่ากลั้วหัวเราะ

 

ที่มามาตรา 272 กุญแจสู่ สว. เลือกนายกฯ

 

เบื้องลึกของมาตรา 272 ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ ที่มาของอำนาจให้ สว. 250 คนโหวตเลือกนายกฯ ก่อเกิดจากความคิดของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมืองของ สปท. ซึ่งขณะนั้นวันชัยอยู่ร่วมคณะ โดยมี เสรี สุวรรณภานนท์ สปท. ขณะนั้น และ สว. ขณะนี้ เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ

 

“ผมไม่ได้คิดคนเดียว แต่ก็มีคนอื่นคิดด้วยว่า น่าจะมีบทเฉพาะกาลให้มี สว. 250 คน โดยการแต่งตั้งของ คสช. และให้มีสิทธิโหวตนายกฯ“ วันชัยเล่าย้อน “คณะกรรมาธิการฯ ให้ผมเป็นหัวหอกเคลื่อนไหวเรื่องนี้ ก็เป็นความคิดที่ตรงกับใจเรา”

 

วันชัยย้ำหลายครั้งว่า หลักการนี้ไม่ใช่ความคิดของเขาคนเดียว แต่เป็นการตกผลึกร่วมกันของหลายฝ่าย

 

ผมเสนอเพิ่มให้มีสิทธิลงมติถอดถอนนายกฯ ด้วย ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของ สว. คือมีทั้งให้เข้าและออก แต่คนบอกว่าแบบนี้แรงไป ให้เหลือแค่การโหวตเข้า ส่วนการออกให้เป็นเรื่องของ สส. และ สว. ไม่เกี่ยว ในที่สุดก็คิดออกมาเป็นคำถามพ่วงในประชามติ

 

วันชัย กับ เสรี สุวรรณภานนท์ ผู้ร่วมกันล่ารายชื่อเสนอญัตติคำถามพ่วง จนกระทั่งได้เป็น สว. ชุดเฉพาะกาลมาด้วยกัน

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

ญัตติดังกล่าวที่มีวันชัยเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ร่วมกับเสรีเดินล่ารายชื่อมาจนครบ 90 คนใน สปท. ก่อนจะผ่านกระบวนการเข้าไปสลักอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 นำมาสู่จุดกำเนิดของ 250 สว. ชุดพิเศษ และการโหวตเลือกนายกฯ 3 ครั้ง ที่พลิกโฉมการเมืองไทยตลอดไป

 

และแน่นอนเมื่อถึงกระบวนการสรรหาหรือแต่งตั้ง 250 สว. ชุดดังกล่าว ชื่อของวันชัยจะอยู่ที่ไหน คงไม่ต้องเดา

 

“ผมเองไม่ได้วิ่งเต้นกับใคร เพราะความจริงตั้งแต่เป็น สปช. และ สปท. ไม่ได้รู้จักสนิทสนมกับทหารคนใดเป็นการส่วนตัวทั้งสิ้น” วันชัยเล่า

 

ไม่ได้รู้จัก พล.อ. ประยุทธ์ หรือ พล.อ. ประวิตร ทั้งสิ้น และผมก็ได้รับการแต่งตั้งมาเป็น สว. จนกระทั่งทุกวันนี้ที่คุณเห็น

 

อำนาจเลือกนายกฯ: เลือกมาเสียของ!

 

ความเห็นของวันชัยในบรรทัดต่อไปนี้ เขาจะไม่ได้พูดออกมาบ่อยนัก แต่เมื่อถูกถาม เขาก็จะตอบเหมือนเดิมอย่างตรงไปตรงมา และคราวนี้เป็น THE STANDARD ที่ตั้งคำถามว่า เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเดินมาถึงจุดนี้ เขารู้สึกอย่างไรกับอำนาจโหวตนายกฯ ตามมาตรา 272

 

วันชัยยอมรับว่า กติกานี้ถูกคิดมาด้วยเจตนาให้การปฏิรูปประเทศมีความต่อเนื่อง และให้การเมืองมีเสถียรภาพมั่นคง และต้องยอมรับอีกว่า รัฐบาลจะมีความเข้มแข็ง ก็ต้องมี สว. ที่มาจาก คสช. เป็นแรงหนุน

 

“แต่ปรากฏว่าก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการเมืองปกติ” วันชัยเปิดใจ

 

วันชัย สอนศิริ

“ทุกอย่างเหมือนเดิม เลวร้ายกว่าเดิม” วันชัยกล่าวกับ THE STANDARD

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

การปฏิรูปที่หวังไว้ใน 5 ปี ว่าจะปฏิรูปตำรวจได้ ปฏิรูปการศึกษาได้ การทุจริตโกงกินจะต้องหมดไป ความปรองดองสมานฉันท์ต้องเกิดขึ้น กลับไม่มีอะไรสัมฤทธิ์ผลตามความมุ่งหวังของทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมกันมาตั้งแต่ต้น

 

“ผมว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ลงทุนสูงในตัวเอง ไม่ว่าจะลงทุนเป็นแกนนำล้มรัฐธรรมนูญ ตั้งคำถามพ่วง แม้แต่เป็น สว. มา ผมเป็นคนลงทุนเอาตัวเองให้สังคมตราหน้า

 

แต่สิ่งที่เราอยากให้มีการปฏิรูปประเทศ ทั้งหมดยังเหมือนเดิม เลวร้ายกว่าเดิม แล้วจะปฏิวัติ ปฏิรูป กันไปทำไม ถ้ามันเป็นเหมือนเดิม การปรองดองสมานฉันท์ก็ไม่มีอะไร ก็ยังฉันเช้าฉันเพลกันอยู่เหมือนเดิม

 

“นี่คือสิ่งที่ผมพูดจากใจจริง ไม่ได้ดัดจริต แต่พรรคพวกก็จะถล่มทลายล่อผมอยู่เยอะ” วันชัยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“แต่ผมพูดจากใจจริงๆ เพราะผมถือว่าผมลงทุนสูง ลงทุนกับตัวเอง ใครจะมองอย่างไรก็ช่างเถิด แต่ผมลงทุนถึงขนาดว่าทุ่มเทให้ คสช. อยู่ต่อ ทุ่มเทให้มีคำถามพ่วงเพื่อให้มีสมดุลอำนาจ แต่ทุกอย่างกลับเหมือนเดิม ผมก็รู้สึกว่าไม่ได้ดังที่ใจคิด”

 

วันชัยยืนอยู่ริมหน้าต่างห้องทำงานชั้นบนของสำนักงานทนายความ

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

วันชัยเปลี่ยนไป หรือเมืองไทยเปลี่ยนเอง?

 

หากเป็นคอการเมืองไทย น่าจะเห็นข่าวสารที่มาจากทัศนะของวันชัยผ่านตาอยู่เนืองๆ และคงตั้งข้อสังเกตได้ว่า ตัวตนของ สว. คนนี้ดูจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและสถานการณ์หรือไม่

 

ตั้งแต่การขับไล่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ฝักฝ่ายกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลังรัฐประหารก็ได้เป็น สว. ซึ่งมาจาก คสช.

 

ก่อนในปลายสมัยของรัฐบาลประยุทธ์ กลับกลายเป็น 1 ใน 14 สว. ที่ประกาศพร้อมโหวตให้พิธา แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกล แล้วมาลงเอยที่ลงคะแนนเสียงให้เศรษฐา จากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯ

 

กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังให้ความเห็นทั้งในแง่แก้ต่างช่วยเหลือรัฐบาลเศรษฐา และวิพากษ์วิจารณ์บ้างแบบหยิกแกมหยอกเป็นระยะ

 

“ผมไม่ได้แค่เปลี่ยนไปเพราะหาอำนาจ เพราะชีวิตผมไม่จำเป็นต้องได้อำนาจ แต่เป็นความหวังไว้เท่านั้นว่า วันหนึ่งเราทำอะไรเพื่อประชาชนได้ในนามนักการเมือง เราก็ทำ” วันชัยยืนยันกับ THE STANDARD

 

แต่จะให้ไปกราบกราน เลียแข้งเลียขา หรือพินอบพิเทาขอใคร ไม่ทำ ถ้าจะได้ ก็ต้องได้มาด้วยตัวเอง หรือเขาตั้งให้

 

วันชัย สอนศิริ

วันชัยระหว่างให้สัมภาษณ์พิเศษกับ THE STANDARD

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

วันชัยยังยืนยันว่า แม้จะได้รับการแต่งตั้งแล้ว ก็ไม่ยอมให้ใครมาบังคับบัญชา ทุกการกระทำต้องมาจากใจของตนเท่านั้น

 

“ผมจะล้มรัฐธรรมนูญ จะไปโดนใจใครหรือไม่ก็อีกเรื่อง ก็มาจากใจผม จะตั้งคำถามพ่วง ก็มาจากใจผม ถ้าผมต้องเปลี่ยนไปเพื่อเป็นนกสองหัว ไปหาอำนาจ ผมก็ละอาย ผมไม่ทำอยู่แล้ว”

 

อย่างไรก็ตาม วันชัยสารภาพว่า มีสิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ในใจเขามานานตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ตั้งแต่ก่อนเข้ามาเป็น สว. จนกระทั่งทุกวันนี้

 

สิ่งที่ผมอึดอัดขัดข้อง และอยากให้ทำมากที่สุด คือเรื่องการปรองดองสมานฉันท์

 

“ถ้าเราเห็นคนในครอบครัวทะเลาะกันเพราะแบ่งสีแบ่งฝ่าย โคตรจะทรมาน ญาติพี่น้องคุยการเมืองกันไม่ได้ พี่ชายผมขึ้นไปเวทีเสื้อแดงด่าน้องชาย พี่น้องแตกฉานซ่านเซ็นไปคนละฝ่าย มันอึดอัด จะคุยอะไรก็ไม่รู้ใครเป็นใคร มันอึดอัดเป็น 10 ปีนะ

 

“แล้วเวลาประชุมสภา สมัยผมเป็น สว. เมื่อปี 2554-2555 อย่างกับจะฆ่ากัน ยิ่งประชุมร่วมรัฐสภา บางทีเห็นแล้วคิดว่านี่มันเวทีทะเลาะเบาะแว้งฆ่าแกงกันหรือไง โคตรจะอึดอัด”

 

วันชัยเดินอยู่ในสำนักงานทนายความ สถานที่ทำงานตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่ง สว.

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

วันชัยยอมรับว่า นี่คือสาเหตุหลักที่เขาชิงประกาศตัวว่าจะโหวตให้กับแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคการเมืองที่รวมเสียงข้างมากได้ ซึ่งในจังหวะนั้นก็คือพรรคก้าวไกล นำโดยพิธา ที่รวมได้ 312 เสียง สส. แล้ววันชัยก็โหวตให้จริงตามที่ประกาศโดยไม่บิดพลิ้ว

 

“ถามว่าถูกกดดันไหม โอ้โฮ ถ้าไม่ใช่วันชัย ผมไม่แน่ใจว่าเขาอยู่กันได้หรือเปล่า ผมอาจจะมีพระดีก็ได้

 

แต่เอาจริงผมก็อยู่ลำบาก พรรคพวกมองเป็นตัวประหลาด 14 คน แต่ผมก็ถือว่าทำในสิ่งที่ใจสั่งมา ดังนั้นก็ไม่ยี่หระ แต่ถ้าคนอื่นสั่งแล้วเราต้องทำตามคนอื่น ผมว่าเราไม่มีเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี เราต้องเป็นตัวของตัวเรา

 

ดวงตาเห็นธรรม บรรลุปรองดอง

 

“หลังจากโหวตพิธาแล้ว ผมต้องแกล้งตายอยู่พักหนึ่ง ไม่ให้สัมภาษณ์ใคร”

 

แต่ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนที่จะมีการโหวตนายกฯ ครั้งประวัติศาสตร์ในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 วันชัยได้รับสัญญาณว่า ‘ผู้มีอำนาจ’ ของแต่ละขั้วสามารถ ‘ตกลงกันได้’ และจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลแล้ว

 

“ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่า วันชัยออกมาได้แล้ว ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สว. ส่วนใหญ่จะโหวตให้พรรคเพื่อไทย เพราะสามารถรวมเสียงข้างมากได้

 

“คุณเชื่อไหม หัวใจมันฟู พองโต มันมีความสุข เพราะเหมือนเกิดดวงตาเห็นธรรม บ้านเมืองปรองดองกันแล้ว มันเหมือนผมบรรลุปัจจุสมัยขึ้นมา” วันชัยเล่าพร้อมเอามือทาบบนอก สีหน้าเขาอิ่มเอิบเมื่อหวนรำลึก

 

วันชัย สอนศิริ

วันชัยส่งเสียงหัวเราะ พร้อมชี้มาที่กล้องของช่างภาพ THE STANDARD

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

“เรามีความสุข ผมบอกตรงๆ ผมมีความสุขเหมือนคนที่ประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง ในชีวิตที่รอคอยคนรักกลับมา ผมรอมา 10 กว่าปี ผมว่าความขัดแย้งมันจบแล้ว”

 

ในวันนั้นเอง สว. ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับพรรคเพื่อไทยมาตลอดศกได้เทคะแนน 150 เสียง เห็นชอบให้เศรษฐาเป็นนายกฯ ซึ่งต้องการ สว. เพียง 60 เสียงเท่านั้น

 

“ที่แล้วมามันเหมือนภาพลวงตาเรา” วันชัยพูดถึงหลายทศวรรษแห่งความขัดแย้งยาวนาน เหมือนจะจบลงทันตาเห็น ทันทีที่ผู้มีอำนาจบรรลุข้อตกลงกันได้

 

“บอกตรงๆ ไม่ได้ดัดจริตเลย ผมบรรลุปัจจุสมัย ได้ดวงตาเห็นธรรมจากการเมือง ไม่ได้ดัดจริตจะเปลี่ยนข้าง เพราะเรารอความปรองดองมาตั้งเป็นสิบๆ ปี แล้วเห็นเขากอดกัน เราจะไม่พลอยมีความสุขได้อย่างไร ตั้งแต่นั้นผมก็อยากให้บ้านเมืองเดินต่อไป

 

“คุณอาจจะได้บ้าง เสียบ้าง ถูกบ้าง ผิดบ้าง นี่คือความคิดของผม

 

ใครจะว่าผมเปลี่ยน ผมยอมรับว่าผมเปลี่ยน ผมไม่จมปลักอยู่กับความขัดแย้ง กับการอาฆาตมาดร้ายกับใคร ผมต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้า

 

วันชัย เบื้องหน้าพื้นหลังที่เป็นท้องฟ้าแจ่มใส

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

THE STANDARD ถามวันชัย เหมือนที่ได้ถาม สว. ทุกคนในการสัมภาษณ์: ผลงานที่ภูมิใจที่สุดใน 5 ปีของการเป็น สว. คืออะไร?

 

วันชัยตอบทันทีว่า วันที่มีการโหวตให้เศรษฐาเป็นนายกฯ เพราะเป็นการทำตามความต้องการของเสียงส่วนใหญ่ ที่ต้องการให้บ้านเมืองเดินไปด้วยความปรองดองสมานฉันท์

 

“ผมภูมิใจ เพราะเป็นสัญญาณที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ปฐมบทของการปรองดองสมานฉันท์ที่เป็นรูปธรรมแท้จริง ไม่ใช่ตัวหนังสือหรือปากพูดเท่านั้น” วันชัยบอก “อะไรนอกนั้นผมถือเป็นงานปกติ ไม่ได้มีอะไรที่ตัวผมเองภูมิใจ”

 

THE STANDARD ถามต่อไปว่า แล้วตอนโหวตให้พิธารู้สึกแบบนี้ไหม?

 

“ไม่ได้รู้สึกอย่างนี้ รู้สึกตัวเองวังเวง แต่รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำตามใจสั่งมา และมีการประกาศ แม้สภาพแวดล้อมจะกดดัน”

 

วันชัย สอนศิริ

วันชัยนั่งหน้าตู้โชว์ที่เต็มไปด้วยผลงานซึ่งบอกเล่าประวัติศาสตร์เส้นทางกฎหมายและการเมืองของเขา

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

ส่งต่อความรู้ เข้าสู่โซเชียล

 

วันชัยเปิดเผยว่า หลังหมดวาระการเป็น สว. แล้ว เขาก็กลับสู่อาชีพเดิมที่เคยเป็นมาตลอด ตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังรับตำแหน่ง สว. คือทนายความ ตัวตนนี้ไม่เคยหายไปไหน แม้หมดวาระแล้ว ก็ยังมีลูกศิษย์ด้านกฎหมายมากมาย ตำแหน่งที่ปรึกษาทางกฎหมายให้บริษัทหลายแห่ง ตลอดจนเป็นอาจารย์พิเศษบรรยายตามสถานศึกษา

 

“ตอนนี้กำลังเริ่มศึกษาเรื่องการทำไลฟ์ เตรียมทีมทำไว้แล้ว ถ้าจะว่าไปก็ดูตัวอย่างของคุณจอมขวัญบ้าง THE STANDARD บ้าง คุณสุทธิชัย หยุ่น บ้าง หลายๆ คน” วันชัยแง้มแผนหลังเกษียณจากงานสภา

 

เขาเปิดเผยว่า ได้เตรียมทีมงานหลังบ้านสำหรับการทำไลฟ์ และ TikTok ที่ตั้งใจว่าจะเผยแพร่สัปดาห์ละ 2 คลิป และการไลฟ์ถ่ายทอดความรู้ด้านการเมือง กฎหมาย ประสบการณ์ทนายความ และตอบคำถาม โดยไม่ได้มุ่งหวังในทางธุรกิจแต่อย่างใด

 

เพราะสุดท้ายของชีวิตแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปกระเสือกกระสนดิ้นรนหาตำแหน่ง หาเงินทองมากนัก มีแต่ชีวิตที่เหลือจะทำอะไรเพื่อสังคม เพื่อชาวบ้าน เรามีความรู้ทางการเมือง ทางกฎหมาย ก็ให้ความรู้กับสังคมไปเรื่อยๆ

 

วันชัย และโต๊ะทำงานที่จะเป็นตำแหน่งไลฟ์ของเขา เมื่อเข้าสู่โลกโซเชียลเต็มตัว

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

The post สว. 67 : วันนี้ของ ‘วันชัย’ ผู้ไม่ยอมให้ใครบัญชา พร้อมผันตัวเป็น สว. โซเชียล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ดีลใหม่กำหนดอนาคต ถึงล้ม เศรษฐา ยังเหลือ อุ๊งอิ๊ง ปลุก เพื่อไทย สู้ส้ม? | THE STANDARD NOW https://thestandard.co/thestandardnow240567/ Fri, 24 May 2024 10:48:43 +0000 https://thestandard.co/?p=937346 เศรษฐา อุ๊งอิ๊ง The Standard NOW

อ่านเกมอำนาจนอกรัฐบาล ดีลใหม่กำหนดอนาคต ถึงล้ม เศรษฐา ย […]

The post ชมคลิป: ดีลใหม่กำหนดอนาคต ถึงล้ม เศรษฐา ยังเหลือ อุ๊งอิ๊ง ปลุก เพื่อไทย สู้ส้ม? | THE STANDARD NOW appeared first on THE STANDARD.

]]>
เศรษฐา อุ๊งอิ๊ง The Standard NOW

อ่านเกมอำนาจนอกรัฐบาล ดีลใหม่กำหนดอนาคต ถึงล้ม เศรษฐา ยังเหลือ อุ๊งอิ๊ง ปลุก เพื่อไทย สู้ส้ม?

 

คุยกับแขกรับเชิญ 2 ท่าน

 

  • ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
  • วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา

 

พบกันในรายการ THE STANDARD NOW กับ อ๊อฟ ชัยนนท์ วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD

The post ชมคลิป: ดีลใหม่กำหนดอนาคต ถึงล้ม เศรษฐา ยังเหลือ อุ๊งอิ๊ง ปลุก เพื่อไทย สู้ส้ม? | THE STANDARD NOW appeared first on THE STANDARD.

]]>
สว. วันชัย ยืนยัน ไม่มีดีลล้มนายกฯ ชี้ สว. จะหมดวาระไม่ควรสร้างปัญหาแม้มีอำนาจ ย้ำล้มเศรษฐายังเหลืออุ๊งอิ๊ง https://thestandard.co/senator-wanchai-denies-deal-oust-pm-terms-ending/ Mon, 20 May 2024 05:25:03 +0000 https://thestandard.co/?p=935692

วันนี้ (20 พฤษภาคม) วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) […]

The post สว. วันชัย ยืนยัน ไม่มีดีลล้มนายกฯ ชี้ สว. จะหมดวาระไม่ควรสร้างปัญหาแม้มีอำนาจ ย้ำล้มเศรษฐายังเหลืออุ๊งอิ๊ง appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (20 พฤษภาคม) วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาร่วมลงรายชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญถอดถอน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา โดยมี ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม, ว่าที่ ร.ต. วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี และ จเด็จ อินสว่าง ร่วมลงรายชื่อในกรรมาธิการเพียง 3 คน

 

วันชัยกล่าวว่า ที่ประชุมได้ร่วมกันถกเรื่องนี้อย่างเป็นวงกว้าง โดยมองว่าเป็นเรื่องที่ สว. กำลังจะหมดวาระ จึงไม่ควรไปสร้างประเด็นปัญหา แม้จะมีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนในที่ประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง จึงไม่มีใครเห็นด้วยในเรื่องนี้ และส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับประเด็นนี้ ซึ่งมองดูแล้วว่าการจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดเกล้าฯ แล้วนั้นจะต้องพิจารณาตรวจสอบอย่างรอบคอบด้วยความระมัดระวัง 

 

วันชัยกล่าวอีกว่า สว. อยู่ในฐานะที่กำลังจะไป จึงไม่ควรไปสร้างประเด็นใดขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้ควรเป็นเรื่องที่เปิดเผย ไม่ควรปิดบังประชาชน เพราะยังมี สว. ท่านอื่นอีกจำนวนมากที่ไม่รู้ในเรื่องนี้และไม่ได้ร่วมลงรายชื่อ แต่กระแสสังคมกลับถาโถมมายัง สว. ว่ากำลังจะพ่นพิษสร้างฤทธิ์ และสร้างสถานการณ์ขึ้นมาว่า สว. กำลังจะล้มนายกฯ ล้มรัฐบาล

 

วันชัยยังตั้งคำถามถึงการล้มนายกรัฐมนตรีว่า ใครจะประโยชน์ในเมื่อยังมี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรีอยู่ และนายกรัฐมนตรีที่จะโหวตใหม่นั้นยังอยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยคือ แพทองธาร ชินวัตร และ ชัยเกษม นิติสิริ เป็นการปิดประตูเสนอชื่อคนอื่นขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก เกมยังคงอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย จึงยืนยันว่าไม่มีการปิดดีลดึงนายกฯ ลงมาอย่างแน่นอน 

 

“ปิดประตูเลยใน 4 ปีนี้ ไม่มีซีกไหนหรอกมาเป็นรัฐบาล นอกจากจะเป็นการรัฐประหารเท่านั้น ถ้าไม่มีการรัฐประหาร อย่างไรก็อยู่ในสภาผู้แทนราษฎร และคนที่มีอำนาจในการต่อรองสูงที่สุดคือพรรคเพื่อไทย พรรคอื่นอำนาจในการต่อรองไม่ถึง นอกจากการรัฐประหารเท่านั้นที่ล้มได้ ตอนนี้ไม่มีใครล้มได้ นอกจากเขาสะดุดขาตัวเขาเองเท่านั้น ถ้าเขาไม่โกงกิน ไม่ทุจริต” วันชัยกล่าว 

  

The post สว. วันชัย ยืนยัน ไม่มีดีลล้มนายกฯ ชี้ สว. จะหมดวาระไม่ควรสร้างปัญหาแม้มีอำนาจ ย้ำล้มเศรษฐายังเหลืออุ๊งอิ๊ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
สว. 67 : วันชัยมั่นใจ 2 ก.ค. นี้ ได้ สว. ชุดใหม่ทันเปิดประชุม ไม่มีเหตุให้ชุดปัจจุบันต้องรักษาการยาว https://thestandard.co/new-thai-senate-to-convene-by-july/ Sun, 12 May 2024 02:37:53 +0000 https://thestandard.co/?p=932375

วันนี้ (12 พฤษภาคม) วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) […]

The post สว. 67 : วันชัยมั่นใจ 2 ก.ค. นี้ ได้ สว. ชุดใหม่ทันเปิดประชุม ไม่มีเหตุให้ชุดปัจจุบันต้องรักษาการยาว appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (12 พฤษภาคม) วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้ความเห็นต่อกรณีที่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 เมื่อวานนี้ (11 พฤษภาคม) หลัง 250 สว. ชุดปัจจุบันได้หมดวาระ และต้องรักษาการไปจนกว่าจะมีการประกาศรายชื่อ สว. ชุดใหม่ 

 

โดยวันชัยระบุว่า ขั้นต่อไปคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องประกาศวันเปิดรับสมัคร พร้อมกำหนดวันเลือกระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ก่อนจะประกาศผลในวันที่ 2 กรกฎาคม

 

วันชัยกล่าวต่อไปว่า ระหว่างช่วงเวลานี้ การทำหน้าที่รักษาการของ สว. ชุดปัจจุบัน หากสภายังไม่เปิดก็ไม่ได้ทำอะไร อาจมีการประชุมกรรมาธิการฯ ตามปกติ แต่เท่าที่ทราบประมาณวันที่ 19-20 มิถุนายนนี้ จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ของ สส. ในช่วงนั้น สว. จะถือโอกาสใช้เวลาพิจารณากฎหมาย 2 ฉบับที่ค้างอยู่ คือ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการปราบปรามการทุจริตของภาครัฐ ให้แล้วเสร็จ 

 

“ในวันที่มีประกาศ สว. ใหม่ 200 คน ในวันที่ 2 กรกฎาคม ก็จบภารกิจ ไม่มีอะไรต้องทำ แพ็กกระเป๋ากลับบ้าน เตรียมเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานต่อไป ไม่มีการจะมาอยู่ยาว หรือจะมามีสวรรค์วิมานอะไรให้อยู่อีกต่อไปแล้ว” วันชัยกล่าว

 

วันชัยชี้ให้เห็นกลไกของการเลือก สว. ว่า ในระดับอำเภอจะต้องมีการร้องคัดค้านและวินิจฉัยให้เสร็จเป็นที่สิ้นสุดภายใน 2-5 วัน และในการเลือกระดับจังหวัดก็มีนัยเดียวกัน เพื่อให้การเลือก สว. เดินหน้าต่อได้ จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้มาสะดุด เว้นแต่จะมีเหตุสุดวิสัยร้ายแรง อย่างเกิดสงครามหรือภัยพิบัติเท่านั้น จึงทำให้การเลือก สว. สะดุดลงได้ ส่วนตัวจึงมองว่าไม่มีเหตุให้ สว. ชุดปัจจุบันอยู่รักษาการต่อไปอีก

 

“เพราะฉะนั้นที่พูดๆ กันไปเป็นเรื่องมโน เป็นพวกว่าง ไม่รู้จะทำอะไร แล้วก็ด่าเอามันไปเรื่อย โดยไม่ได้อ่านกฎกติกาให้เรียบร้อย” วันชัยกล่าว

 

ส่วนการประกาศผลในวันที่ 2 กรกฎาคมนั้น วันชัยยอมรับว่า อาจมีความล่าช้าไปได้ประมาณ 2-3 วัน แต่ก็ไม่ได้มีอะไร จากนั้นใครต้องการจะฟ้องร้องหรือสอยใครคนไหนก็ว่าเป็นกรณีไป หากถูกสอย ก็หาคนอื่นที่สำรองมาแทน ไม่มีเหตุให้ต้องสะดุดหรือต้องรักษาการต่อไป

 

วันชัยยังกล่าวว่า จากที่สังเกต เดิมทีกรอบเวลาของ สว. ชุดปัจจุบันจะยาวกว่านี้ แต่คงพิจารณากันแล้วว่า สภาจะเปิดสมัยสามัญในวันที่ 3 กรกฎาคม ดังนั้น ก็ควรประกาศผล สว. 200 คน ในวันที่ 2 กรกฎาคม เพื่อทำหน้าที่และเข้าประชุมแทน สว. ชุดเก่าได้เลย

 

“ผมว่าเขาคงคิดแล้ว คงมองร่วมกันแล้ว และเขาก็คงไม่อยากให้ชุดเก่าอยู่ต่อไปแล้ว” วันชัยกล่าวทิ้งท้ายอย่างติดตลก

 

The post สว. 67 : วันชัยมั่นใจ 2 ก.ค. นี้ ได้ สว. ชุดใหม่ทันเปิดประชุม ไม่มีเหตุให้ชุดปัจจุบันต้องรักษาการยาว appeared first on THE STANDARD.

]]>
สว. รับหลักการสมรสเท่าเทียม ตั้ง กมธ. ถก 7 วัน ลุ้นผ่านก่อนปิดสมัย https://thestandard.co/senate-meeting-02042024/ Tue, 02 Apr 2024 08:33:47 +0000 https://thestandard.co/?p=918396

วันนี้ (2 เมษายน) ในการประชุมวุฒิสภา ซึ่งเป็นการประชุมค […]

The post สว. รับหลักการสมรสเท่าเทียม ตั้ง กมธ. ถก 7 วัน ลุ้นผ่านก่อนปิดสมัย appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (2 เมษายน) ในการประชุมวุฒิสภา ซึ่งเป็นการประชุมครั้งก่อนสุดท้ายของสมัยประชุมนี้ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุมในวันที่ 9 เมษายน มีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. หรือร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม วาระแรก หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสร็จแล้ว และส่งต่อมาให้วุฒิสภาพิจารณาต่อให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่สภาผู้แทนราษฎรส่งมาให้ 

 

บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยความราบรื่น สว. ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับร่างกฎหมาย โดย วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะรองประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ และโฆษกคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา ที่พิจารณาคู่ขนาน อภิปรายเป็นข้อสังเกตว่าประเทศที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียมในลักษณะนี้มีเพียงไม่กี่ประเทศ และในประเทศมุสลิมไม่รับรองกฎหมายฉบับนี้เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน 

 

ดังนั้นควรจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ที่สำคัญร่างกฎหมายนี้เป็นการรับรองสิทธิในการก่อตั้งครอบครัวที่มีความหลากหลายทางเพศ อย่างไรก็ตามกฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่บังคับไม่ให้ทำการ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ใช้สิทธิที่สามารถทำได้ ดังนั้นหากเห็นว่าผิดคำสอนศาสนาก็ไม่ต้องไปทำก็ได้

 

เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบเชิงศีลธรรมทางสังคม เช่น ปัญหาการค้ามนุษย์ การล่วงละเมิดทางเพศ การลักลอบอุ้มบุญ และข้อจำกัดในการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา คณะกรรมาธิการจึงมีข้อสังเกตว่า ประเด็นทางศาสนาควรมีการสร้างการรับรู้ในหมู่ผู้ที่นับถือศาสนาที่มีพระเจ้าองค์เดียว เพื่อให้ยอมรับการก่อตั้งครอบครัว 

 

ทั้งนี้ องค์กรศาสนาที่เกี่ยวข้องควรดำรงบทบาทในการสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องต่อสาธารณชน ตลอดจนเป็นองค์กรที่หาทางออกในเรื่องที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงค่านิยม รวมถึงควรทำหน้าที่ป้องกันหรือระงับข้อพิพาททางความคิดของคนที่อยู่ร่วมกันทางสังคมในอนาคต ส่วนประเด็นทางวัฒนธรรมควรมีมาตรการในเชิงสังคมหรือนโยบาย เพื่อรองรับการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวให้เอื้อต่อการสร้างครอบครัวรูปแบบใหม่ เช่น การกำหนดนโยบายส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรสเพศเดียวกัน หรือผู้ที่มีลักษณะข้ามเพศ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและบุตร

 

ด้าน เสรี สุวรรณภานนท์ ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา ลุกขึ้นขออภิปรายเป็นคนแรก ว่าเรื่องความเท่าเทียมเห็นได้ว่าเราพยายามเรียกร้องมาโดยตลอด จะเห็นได้ว่าถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหลายฉบับ และค่อยๆ พัฒนาขึ้น เพียงแต่ปัญหาเรื่องเพศไม่ค่อยยอมรับกันเท่าไรในโลกความเป็นจริง แม้จะพบเจอกับคนใกล้ตัวที่เราได้พบเสมอมา

 

“ผมได้พบตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษา มีเพื่อนมีรุ่นน้อง โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนชาย มีเพื่อนนักเรียนเหล่านี้มีพฤติกรรมแสดงออกไปในแนวทางคนละเพศกัน แรกๆ ก็อาจดูว่าแปลกออกไป แต่ด้วยเวลาที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าสังคมยอมรับมากขึ้น ตอนแรกต้องปิดๆ บังๆ แอบๆ แต่เมื่อสังคมยอมรับมากขึ้นก็มีความชัดเจน” เสรีกล่าว

 

เสรีย้ำว่า เรื่องเพศเป็นสิ่งที่เราปฏิเสธและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจุบันโลกเจริญขึ้นเยอะ เป็นเรื่องที่แปลก ธรรมชาติสร้างให้มีหญิงกับชาย แต่ธรรมชาติเองกลับสร้างให้ชายเป็นหญิง หรือหญิงเป็นชาย แล้วจำนวนคนมากขึ้น

 

“ผมคิดว่าถึงเวลาที่เราต้องยอมรับความจริงในสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้น เพียงแต่ว่าเราจะทำให้เขาอยู่อย่างไรในสังคมปัจจุบัน ผมยอมรับได้ว่ากฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรมา มีภาคประชาชนเสนอกฎหมายเหล่านี้เข้ามา แสดงว่าประชาชนต้องการ เราคงจะไม่ตัดสินใจหรือพิจารณาตามกระแส แต่ต้องพิจารณาตามเหตุผล” เสรีกล่าว

 

เสรีกล่าวต่อว่า หากกฎหมายบังคับใช้แล้ว เราต้องไปดูอีกด้านหนึ่งด้วย ให้เขาใช้ชีวิตด้วยกันได้ ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ เราให้โอกาสแต่งงานกัน จดทะเบียนกัน แต่อยู่ได้พักเดียวก็เลิกกัน ก็กลายเป็นปัญหาสังคม ดังนั้นเราต้องช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วย เช่น ก่อนจะจดทะเบียนสมรสกัน ให้อยู่ด้วยกันก่อน 6 เดือนได้หรือไม่ เมื่อเข้าเงื่อนไขก็มาจดทะเบียนกัน 

 

“ผมก็คงเลี่ยงไม่ได้ ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงว่าในสังคมโลกปัจจุบันความจำเป็นที่จะต้องให้คนเพศเดียวกันอยู่ด้วยกัน หมั้นกัน สมรสกัน และเกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา หรือระหว่างบุคคลถ้าหย่ากันผลจะเป็นอย่างไร…ผมเรียนกฎหมายมา เป็นทนายความมา เพราะฉะนั้นกฎหมายมรดกมันเกี่ยวพันกัน เชื่อมโยงกันหมด เพราะฉะนั้นเราอย่าเพิ่งคิดว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นชัยชนะ เราต้องคิดไปไกลกว่านั้น” เสรีกล่าว

 

ขณะที่ พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร อภิปรายว่า ความทุกข์ของประชาชนคือเรื่องของเรา เรื่องนี้ต้องเห็นใจพี่น้องชาว LGBTQIA+ ตนอยากให้กรรมาธิการปรับแก้ช่วงอายุในการสมรสเป็น 20 ปี เพื่อป้องกันปัญหาสังคมที่จะตามมา เช่น การล่วงละเมิดทางเพศ และอยากให้กฎหมายฉบับนี้มีผลทันที ไม่จำเป็นต้องรอ 180 วัน เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่รอคอยกฎหมายฉบับนี้อยู่ ได้ใช้กฎหมายนี้โดยเร็วที่สุด ส่วนกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่ต้องแก้ไขตามคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เช่น การเปลี่ยนแบบฟอร์มในระบบราชการ

 

ด้านตัวแทนภาคประชาชนผู้เสนอกฎหมายกล่าวว่า ในฐานะเยาวชนที่เป็นกะเทย ขอขอบคุณ สว. ที่เห็นคุณค่า เห็นศักดิ์ศรี และความเป็นอยู่ของกลุ่ม LGBTQIA+ นี่จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการให้สิทธิความเป็นธรรมทางเพศ มีความสำคัญต่อลมหายใจของ LGBTQIA+ เชื่อว่ามวลมนุษยชาติจะเห็นว่าการให้สิทธิกับพวกเรานั้นเป็นการต่อลมหายใจของพวกเราจริงๆ

 

ในที่สุดที่ประชุมวุฒิสภามีมติเห็นชอบ 147 คน ไม่เห็นชอบ 4 คน งดออกเสียง 7 คน จากสมาชิก 158 คน หลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาจำนวน 27 คน และกำหนดแปรญัตติภายใน 7 วัน

The post สว. รับหลักการสมรสเท่าเทียม ตั้ง กมธ. ถก 7 วัน ลุ้นผ่านก่อนปิดสมัย appeared first on THE STANDARD.

]]>
มติที่ประชุมร่วมฯ ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยขอบเขตอำนาจของรัฐสภา https://thestandard.co/constitutional-court-to-define-parliament-scope/ Fri, 29 Mar 2024 12:31:24 +0000 https://thestandard.co/?p=917178 มติที่ประชุมร่วมฯ ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยขอบเขตอำนาจของ รัฐสภา

วันนี้ (29 มีนาคม) ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภ […]

The post มติที่ประชุมร่วมฯ ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยขอบเขตอำนาจของรัฐสภา appeared first on THE STANDARD.

]]>
มติที่ประชุมร่วมฯ ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยขอบเขตอำนาจของ รัฐสภา

วันนี้ (29 มีนาคม) ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2) เริ่มเวลา 09.30 น. มี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา และ พรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภา เป็นประธานที่ประชุม เพื่อพิจารณาญัตติข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ปี 2563 ข้อ 31 ให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (2) โดยมี ชูศักดิ์ ศิรินิล สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะ เป็นผู้เสนอ 

 

ชูศักดิ์กล่าวว่า ตนเองและคณะจำนวน 123 คน ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 256 (1) และ (2) เสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยจัดทำเป็นร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ พ.ศ. …. โดยมีหลักการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มเติมหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 

 

เนื่องจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ทำหนังสือแจ้งถึงตนว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีหลักการในการเพิ่มเติมหมวด 15/1 จึงถือเป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า โดยไม่ใช่การแก้ไขเพิ่มเติม จึงทำให้ไม่สามารถบรรจุเข้าในระเบียบวาระการประชุมได้ ซึ่งขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2564 

 

ทั้งที่คำวินิจฉัยมีผลผูกพันกับทุกองค์กรรวมถึงรัฐสภา ด้วยเหตุนี้จึงขอเสนอญัตติเพื่อให้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ต่อไป และขอยืนยันว่าสิ่งที่เสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ไม่ใช่การยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า เพราะกฎหมายระบุไว้ว่า หากรัฐสภาต้องการจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติเห็นชอบเสียก่อนว่าประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเห็นชอบกับร่างดังกล่าวหรือไม่ ถึงจะสามารถส่งให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศใช้ได้ จึงสะท้อนว่าญัตติที่พรรคเพื่อไทยเสนอมาไม่ได้ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

 

ไอติมหนักใจ เหมือนยื่นดาบให้ศาล รธน.

 

พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนเองรู้สึกหนักใจที่ในวันนี้รัฐสภาจะต้องมานั่งพิจารณาญัตติส่งเรื่องดังกล่าวกลับไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เนื่องจากทุกครั้งที่รัฐสภาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เหมือนเรากำลังยื่นดาบให้แก่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากบุคคลที่ไม่ได้รับการสนับสนุนให้มีการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เข้ามามีอำนาจสามารถชี้ขาดได้ว่ารัฐสภาแห่งนี้ทำอะไรได้ และทำอะไรไม่ได้ 

 

พริษฐ์กล่าวอีกว่า หากเราเดินตามกระบวนการประชาธิปไตย และตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด ในวันนี้รัฐสภาจะไม่ต้องใช้เวลาในการพิจารณาญัตตินี้ โดยมีสาเหตุมาจากการที่ประธานรัฐสภาไม่บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยและร่างของพรรคก้าวไกลด้วยการทำประชามติ 2 ครั้ง โดยมีการกล่าวอ้างว่าร่างดังกล่าวนั้นขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 

 

อย่างไรก็ตาม เข้าใจดีว่าประธานรัฐสภาอาจจะตีความคำว่า ‘เสียก่อน’ ต่างกัน ทำให้เข้าใจว่าต้องทำประชามติเสียก่อน 1 ครั้ง จึงจะสามารถจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ ดังนั้นขอให้ประธานรัฐสภาพิจารณาใหม่ เพื่อบรรจุทั้ง 2 ร่าง และให้กระบวนการต่างๆ เดินไปข้างหน้าต่อได้

 

พริษฐ์กล่าวต่อว่า ตนเองเห็นว่าการตัดสินของประธานรัฐสภานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ร่างนั้นมีหลักการที่สอดคล้องกัน โดยไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด พร้อมทั้งเชื่อว่าหากในวันนี้รัฐสภามีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็เชื่อว่าผลวินิจฉัยจะเหมือนเดิม 

 

เสนอแก้ รธน. รายมาตราทำได้ทันที  

 

เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวอภิปรายว่า พรรครวมไทยสร้างชาติทุกคนเห็นด้วยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญควรเริ่มต้นด้วยการทำประชามติ ส่วนตัวแล้วไม่ได้ติดใจว่าจะทำประชามติก่อนหรือหลัง โดยน้อมรับทุกคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งอยากจะเตือนสติว่า หากจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น นอกจากจะใช้เวลามากแล้ว ยังสิ้นเปลืองงบประมาณจำนวนมากด้วยเช่นกัน 

 

เอกนัฏกล่าวว่า เพราะทุกครั้งที่มีการทำประชามติต้องใช้งบประมาณถึง 3,250 ล้านบาท หากเราทำประชามติจำนวน 3 ครั้ง โดยจะมีการใช้งบประมาณมากเกือบ 10,000 ล้านบาท หากเรากลับมาทบทวนว่าจริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ก็มีสิ่งดีๆ ที่เราควรต้องรักษาไว้ หากเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาก็สามารถดำเนินการแก้ไขทันที โดยไม่จำเป็นต้องทำประชามติเพื่อเสียงบประมาณด้วยซ้ำ 

 

เอกนัฏอีกกล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เรากำลังใช้กันอยู่เกิดขึ้นจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ถูกตั้งขึ้นใหม่ เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์และมีความรู้ความสามารถ รวมถึงมีอิสระจากการเมือง และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ผ่านการทำประชามติจากประชาชนคนไทยทั่วประเทศ และได้รับการโหวตเห็นชอบกว่า 5 ล้านเสียง มากกว่า 58% 

 

เอกนัฏกล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันถูกกล่าวหาว่าเป็นวาทกรรมจากผลพวงการทำรัฐประหาร ซึ่งไม่ใช่ความเป็นจริง โดยเฉพาะคำถามพ่วงที่ให้สมาชิกวุฒิสภาสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ก็ไม่ใช่ผลพวงจากการทำรัฐประหาร แต่เป็นทำการประชามติ

 

“หากเราคิดที่จะเดินหน้าประเทศ ไม่จมกับวาทกรรมเผด็จการ-ประชาธิปไตย อยากจะแก้ก็สามารถแก้เป็นรายมาตรา สามารถทำได้ทันที ทำได้โดย สส. ที่มาจากการเลือกตั้งภายใต้ระบบการปกครองประชาธิปไตย” เอกนัฏกล่าว 

 

ชี้ที่ประชุมร่วมฯ ไม่ควรต้องลงมติ

 

ขณะที่ พล.อ.ต. เฉลิมชัย เครืองาม สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า การประชุมร่วมสภาในวันนี้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 156 ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า การประชุมร่วมรัฐสภาไม่สามารถพิจารณาในเรื่องนี้ จึงขอให้ประธานสภาเป็นผู้วินิจฉัยใหม่ โดยเรื่องดังกล่าวนี้เป็นความขัดแย้งระหว่างประธานรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และผู้เสนอร่าง ตนเองจึงเห็นว่าไม่ควรนำเรื่องนี้เข้ามาให้รัฐสภาร่วมลงมติเพื่อส่งคำถามไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย

 

พล.อ.ต. เฉลิมชัย ระบุว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 44 ปัญหานั้นเกิดขึ้นกับหน่วยงานใดให้หน่วยงานนั้นเป็นผู้ร้อง ซึ่งในกรณีนี้คู่กรณีคือ ชูศักดิ์และคณะ กับประธานรัฐสภา และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องยื่นหนังสือต่อยังไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย หรืออีกช่องทางคือ ประธานรัฐสภาควรที่จะบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาในรัฐสภา ให้มีการอภิปราย และหากเกิดปัญหาขึ้นให้ส่งเรื่องดังกล่าวไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สุดท้ายแล้วเราทุกคนจะได้คำตอบว่าควรที่จะทำประชามติกี่ครั้ง 

 

พล.อ.ต. เฉลิมชัย ยังเสนออีกว่า ให้มีการตั้งคำถามเพิ่มว่าการทำประชามติควรทำอย่างไรให้ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 166 ที่ระบุว่า การทำประชามติต้องไม่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกมาก เพราะการทำประชามตินั้นทำด้วยวิธีใดก็ถือเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญระบุว่า ไม่ให้ทำประชามติที่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ โดยที่การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับจึงเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญนั่นเอง

 

ผู้นำฝ่ายค้านชี้ “ปัญหาที่เราไม่เข้าใจตัวเองว่ามีอำนาจ”

 

ขณะที่ ชัยธวัช ตุลาธน สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า การพิจารณาญัตติในวันนี้เป็นปัญหาที่ตัวเราเองไม่เข้าใจปัญหาตัวเองว่าเรามีอำนาจในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือไม่ พวกเราในฐานะที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติเข้าใจถึงความตั้งใจของผู้เสนอญัตติ และยืนยันว่าเราไม่ปรารถนาที่จะขัดขวางญัตติแต่อย่างใด แต่ขอสงวนความคิดเห็นไว้ต่อที่ประชุม 

 

  1. เราเห็นว่าการที่ประธานรัฐสภาไม่บรรจุวาระร่างดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภานั้น เป็นการใช้ดุลยพินิจที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับของการประชุมรัฐสภา รวมถึงไม่ได้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 4/2565 ตามที่มีการกล่าวอ้าง 

 

  1. ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ พวกเราในฐานะสมาชิกรัฐสภาไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องส่งร่างดังกล่าวนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยมองว่าเรามีอำนาจที่จะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่บัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้

 

ชัยธวัชกล่าวว่า รัฐสภาไม่จำเป็นต้องถามหรือขออนุญาตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ในสิ่งที่พวกเราในฐานะฝ่ายนิติบัญญัตินั้นมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้นยังสุ่มเสี่ยงที่จะไปเปิดช่องสนับสนุนให้ศาลรัฐธรรมนูญขยายอำนาจของตนเองจนเสียสมดุลระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับศาลรัฐธรรมนูญมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย 

 

ชัยธวัชกล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลเราเห็นด้วยทุกข้อเสนอ ทุกข้อโต้แย้งของผู้เสนอญัตติ ที่ยืนยันว่าการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นยังไม่ใช่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมได้ผ่านการเห็นชอบของรัฐสภาในวาระที่ 3 รวมถึงผ่านการทำประชามติของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ด้วย ซึ่งการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่มีบทบัญญัติใดๆ ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และเป็นไปตามข้อบังคับของการประชุมในรัฐสภาทุกประการ

 

ประธานสภาแจง

 

วันมูหะมัดนอร์ ในฐานะประธานรัฐสภา ได้ชี้แจงเหตุผลที่สภาไม่บรรจุร่างรัฐธรรมนูญที่ชูศักดิ์เสนอมาว่า เป็นการแก้ไขเดียวกันกับร่างของ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และคณะ ที่เสนอมาเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 อีกทั้ง ชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา อภิปรายว่าไม่สามารถบรรจุได้ เนื่องจากขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนร่างของชูศักดิ์ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน

 

แม้เราไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่คำวินิจฉัยผูกพันทุกองค์กร ในฐานะประธานรัฐสภาได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่สามารถบรรจุได้ ความเห็นไม่ตรงกันเป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลก็มีความเห็นไม่ตรงกัน ความสำเร็จของรัฐธรรมนูญที่ต้องการแก้ไขทั้งหมดเป็นเรื่องของประชาชน ด้วยความเคารพต่อสมาชิกรัฐสภา ตนได้ทำหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดและข้อบังคับแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาที่ท่านจะต้องวินิจฉัยต่อไปว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ เป็นความชัดเจนที่จะเดินไปข้างหน้า ไปแล้วไม่ล้ม ไปแล้วไม่เสียของ ไม่เสียงบประมาณ ไม่เสียเวลาของประชาชน

 

ชวน หลีกภัย สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมในฐานะอดีตประธานรัฐสภาว่า มีการเอ่ยถึงมติสมัยที่แล้ว รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สมพงษ์กับคณะเป็นผู้เสนอ เป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้มีหมวด 15/1 มีผลยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ใช่ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ตนเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ถ้าให้สมาชิกและประชาชนได้เข้าใจข้อความทั้งหมด 

 

นอกจากนี้ยังมี สว. คนอื่นๆ เช่น วันชัย สอนศิริ และ สมชาย แสวงการ ได้ร่วมกันอภิปรายถึงการเสนอร่างแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ด้วย แต่สุดท้ายที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบ 233 เสียง ไม่เห็นชอบ 103 เสียง และงดออกเสียง 170 เสียง จึงถือว่าที่ประชุมมีมติให้รัฐสภาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา

 

The post มติที่ประชุมร่วมฯ ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยขอบเขตอำนาจของรัฐสภา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประมวลวาทะคนการเมืองหลัง ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ได้รับการพักโทษ https://thestandard.co/thaksin-shinawatra-released-on-parole-opinion/ Mon, 19 Feb 2024 12:32:20 +0000 https://thestandard.co/?p=901831 ทักษิณ ชินวัตร

หลังจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ […]

The post ประมวลวาทะคนการเมืองหลัง ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ได้รับการพักโทษ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทักษิณ ชินวัตร

หลังจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งนับได้ว่าเป็นข่าวใหญ่ทั้งไทยและต่างประเทศ และนับว่าเป็นการเดินทางกลับบ้านที่ประเทศไทยของทักษิณในรอบกว่า 16 ปี

 

THE STANDARD ชวนประมวลวาทะของคนการเมืองที่ออกมาแสดงความคิดเห็นหลังทักษิณได้รับการพักโทษ

 

 

“หากรัฐบาลต้องการอำนวยความยุติธรรมให้แก่คุณทักษิณในฐานะผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งหรือการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง แนวทางในการดำเนินการต้องไม่ใช่การตอกย้ำระบบสองมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมในประเทศ หรือส่งเสริมให้ใครคนใดคนหนึ่งได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นในทางกฎหมาย แต่รัฐบาลต้องยึดแนวทางที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกคนอย่างทัดเทียมกัน”

 

– พรรคก้าวไกล

โพสต์ผ่านช่องทางสื่อสารของพรรค

18 กุมภาพันธ์ 2567

 

 

“ที่ยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ใช้สองมาตรฐานกับทักษิณและนักโทษคนอื่นนั้น ขอย้ำว่าเราใช้มาตรฐานเดียวกัน เพราะคนอื่นก็ไปรักษาตัว”

 

– พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

ให้สัมภาษณ์

18 กุมภาพันธ์ 2567

 

 

“คุณทักษิณ ชินวัตร ผู้มีอำนาจตัวจริงเสียงจริงออกมาแล้ว…คงจะทำให้การบริหารจัดการทางการเมืองและการทำงานของคุณเศรษฐาและคณะรัฐมนตรีมีพลังที่เป็นเอกภาพ มีการขับเคลื่อนผลงานออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ เป็นที่นิยมชมชอบของประชาชนได้ เพราะคุณทักษิณคือศูนย์รวมแห่งอำนาจตัวจริง”

 

– วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.)

โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก

18 กุมภาพันธ์ 2567

 

 

“ในฐานะพ่อก็ยินดีด้วยที่จะได้เจอลูก ไม่ได้เจอกันมานาน ไม่ได้อยู่กันอย่างครอบครัวมานาน ท่านก็กลับมาเข้ากระบวนการตามกฎหมายเรียบร้อย แล้วที่ได้ออกมาก็เป็นไปตามข้อกฎหมาย”

 

– เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ให้สัมภาษณ์

18 กุมภาพันธ์ 2567

 

 

“ในฐานะคนที่เป็นลูกคนหนึ่งต้องขอแสดงความยินดีกับครอบครัวชินวัตรที่ในวันนี้ผู้นำครอบครัวได้กลับบ้าน โดยเฉพาะหลานๆ ที่จะได้อยู่กับคุณปู่ คุณตา ก็ขอแสดงความยินดีกับครอบครัวชินวัตรอีกครั้ง”

 

– วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ให้สัมภาษณ์

18 กุมภาพันธ์ 2567

 

 

“บางครั้งเขาไม่มีจะกิน ไปขโมยนมกระป๋องในห้างยังต้องถูกจำคุก แต่นี่ทักษิณมีคดีที่ศาลตัดสินแล้วว่าทุจริต แล้วหนีไปต่างประเทศ 16-17 ปี แต่กลับมาไม่ต้องติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว จึงขอถามประชาชนว่า กรณีของทักษิณถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกหรือไม่”

 

– กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.)

ให้สัมภาษณ์

19 กุมภาพันธ์ 2567

 

 

“คนเจ็บป่วยให้กำลังใจเขาบ้างเถอะ อย่าไปมองแต่เขาจะสร้างภาพ ถ้ายังวัยสัก 10 ปีแล้วมาห้อยแขนใส่เฝือกต้นคอ อาจจะบอกได้ว่ามันผิดปกติ แต่คนอายุ 70 ปีทำเรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย”

 

– ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

ให้สัมภาษณ์

19 กุมภาพันธ์ 2567

 

 

“ต่อไปอาจมีคนอ้างในระหว่างที่ถูกคุมขังได้ว่าผมเป็นโรคทักษิณ เมื่อเป็นโรคทักษิณก็สามารถไปรักษาที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องมีใครรู้ ไม่ต้องมีใครทราบว่าจะรักษาอย่างไร ผมไม่อยากให้เกิดทักษิณโมเดลในปลายทางของกระบวนการยุติธรรม”

 

– ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์

ให้สัมภาษณ์

19 กุมภาพันธ์ 2567

 

 

“ไม่ได้มีอะไรที่เป็นการช่วยเหลือหรือสองมาตรฐาน เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่เป็นไปตามระเบียบปกติ ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้สังคมนี้บิดเบี้ยว”

 

– ชูศักดิ์ ศิรินิล สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

ให้สัมภาษณ์

19 กุมภาพันธ์ 2567

 

  

“ถ้าป่วยร้ายแรง ผมเชื่อว่าสังคมไทยเป็นสังคมพุทธ มีความโอบอ้อมอารี ถ้าตัวท่านใกล้จะเสียชีวิตแล้ว หรือท่านอันตรายอย่างยิ่ง ผมว่าคนไทยไม่ใจไม้ไส้ระกำ เพียงแต่วันนี้เราไม่ได้รับคำยืนยัน วันนี้ยังไม่สาย คุณทักษิณก็ดี ญาติพี่น้องก็ดี หรือแพทย์ใหญ่แถลงตรงไปตรงมา ผมว่าทุกคนก็จบ”

 

– สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.)

ให้สัมภาษณ์

19 กุมภาพันธ์ 2567

 

 

“กระดูกหักนี่ผมเห็นหักจริงนะ ไปทำล้อเล่น ไปทำเป็นสร้างภาพไม่ได้ และโดยตัวท่านก็มีโรคอยู่ ผมเชื่อว่าป่วยจริง”

 

– สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ให้สัมภาษณ์

19 กุมภาพันธ์ 2567

The post ประมวลวาทะคนการเมืองหลัง ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ได้รับการพักโทษ appeared first on THE STANDARD.

]]>