วัคซีนโควิด-19 – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 02 May 2024 03:51:06 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 แพทย์เชียงใหม่เผย ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จาก วัคซีนโควิด พบได้เพียงช่วง 1-2 สัปดาห์หลังฉีด https://thestandard.co/chatri-blood-clots-covid-vaccines/ Thu, 02 May 2024 03:51:06 +0000 https://thestandard.co/?p=928954 แพทย์เชียงใหม่เผย ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จาก วัคซีนโควิด พบได้เพียงช่วง 1-2 สัปดาห์หลังฉีด

วานนี้ (1 พฤษภาคม) รศ.ดร.นพ.ชาตรี ชัยอดิศักดิ์โสภา อาจา […]

The post แพทย์เชียงใหม่เผย ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จาก วัคซีนโควิด พบได้เพียงช่วง 1-2 สัปดาห์หลังฉีด appeared first on THE STANDARD.

]]>
แพทย์เชียงใหม่เผย ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จาก วัคซีนโควิด พบได้เพียงช่วง 1-2 สัปดาห์หลังฉีด

วานนี้ (1 พฤษภาคม) รศ.ดร.นพ.ชาตรี ชัยอดิศักดิ์โสภา อาจารย์หน่วยโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลกรณีบริษัทแอสตร้าเซนเนก้ายอมรับว่า วัคซีนโควิด มีผลข้างเคียงทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดและเกล็ดเลือดต่ำว่า มีรายงานภาวะลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำ (VITT) หลังฉีดวัคซีนโควิดอยู่ 2 ชนิด โดยกลไกที่ทำให้เกิดภาวะ VITT เพราะองค์ประกอบของวัคซีนบางส่วนที่ทำให้ร่างกายผู้รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาแล้วไปกระตุ้นเกล็ดเลือด ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำ

 

อุบัติการณ์ทั่วไปพบได้ 1:100,000 ในกลุ่มประชาชนทั่วไป พบน้อยมากในกลุ่มผู้สูงอายุ (มากกว่า 65 ปี) มีเพียง 1:1,000,000 ของประชากรที่ฉีดวัคซีน และในกลุ่มที่อายุน้อยกว่า 55 ปี พบได้ 1:50,000 มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 

 

สำหรับอาการมักเกิดใน 1-2 สัปดาห์หลังจากฉีดเข็มแรก แต่ยังสามารถพบได้ภายใน 30 วันหลังฉีด โดยอาการขึ้นอยู่กับว่าลิ่มเลือดอุดตันที่อวัยวะใด พบบ่อยที่สุดบริเวณหลอดเลือดดำของสมอง รองลงมาคือในหลอดเลือดดำในท้อง ส่วนบริเวณอื่นๆ พบได้น้อยกว่า 

 

การวินิจฉัยประกอบด้วย 3 องค์ประกอบคือ ต้องมีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หากสงสัยจะส่ง CT Scan ต้องมีปริมาณเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ และมีการสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อต้านเกล็ดเลือดของตนเอง การรักษาจะให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และระวังภาวะแทรกซ้อนต่างๆ และยับยั้งการสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติด้วยการให้ยา Intravenous Immunoglobulin (IVIG)

 

ทั้งนี้ คาดว่าภายหลังจากการออกมายอมรับของบริษัทผู้พัฒนาวัคซีนแล้ว จะเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในเรื่องนี้เพื่อศึกษาเพิ่มเติมต่อไป

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

 

The post แพทย์เชียงใหม่เผย ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จาก วัคซีนโควิด พบได้เพียงช่วง 1-2 สัปดาห์หลังฉีด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ยืนยัน ‘ลิ่มเลือดสีขาว’ เกิดจากโปรตีนเลือดตกตะกอน ไม่ใช่ความผิดปกติจากการฉีดวัคซีน mRNA https://thestandard.co/white-clot-not-abnormality-from-mrna-vaccination/ Thu, 22 Feb 2024 00:45:51 +0000 https://thestandard.co/?p=902834

วานนี้ (21 กุมภาพันธ์) สถาบันวัคซีนแห่งชาติเผยแพร่เอกสา […]

The post ยืนยัน ‘ลิ่มเลือดสีขาว’ เกิดจากโปรตีนเลือดตกตะกอน ไม่ใช่ความผิดปกติจากการฉีดวัคซีน mRNA appeared first on THE STANDARD.

]]>

วานนี้ (21 กุมภาพันธ์) สถาบันวัคซีนแห่งชาติเผยแพร่เอกสารชี้แจงข้อเท็จจริง เรื่อง ลิ่มเลือดสีขาว (White Clot) และวัคซีนโควิด ชนิด mRNA โดยระบุว่า

 

จากกรณีที่มีการเผยแพร่และส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับการพบสิ่งแปลกปลอมซึ่งมีลักษณะเป็นลิ่มเลือดสีขาว (White Clot) ในหลอดเลือดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด และระบุว่าสามารถพบสิ่งแปลกปลอมนี้ได้ในผู้ที่ยังมีชีวิตที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในวงกว้าง

 

สถาบันวัคซีนแห่งชาติและภาคีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญไม่ได้นิ่งนอนใจกับประเด็นกังวลดังกล่าว จึงได้ประสานไปยังแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง ได้รับข้อมูลดังนี้

 

รูปสิ่งแปลกปลอมที่อ้างถึง ไม่ใช่ความผิดปกติของเลือดที่เกิดจากการฉีดวัคซีน mRNA แต่อย่างใด เป็นเพียงการตกตะกอนของโปรตีนส่วนประกอบของเลือดที่เกิดขึ้นภายหลังการตาย (ลิ่มเลือดภายหลังการตาย หรือ Postmortem Blood Clot) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่พบได้เป็นปกติในผู้เสียชีวิต และพบมาตั้งแต่ก่อนมีการระบาดหรือมีการใช้วัคซีนโควิด

 

โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อมีการเสียชีวิตระบบหมุนเวียนของเลือดรวมทั้งระบบอื่นๆ ในร่างกายจะหยุดทำงาน จากนั้นเม็ดเลือดแดงจะมีการตกตะกอนตามแรงโน้มถ่วงของโลก ก่อนแยกออกมาจากน้ำเลือด (Plasma) ซึ่งในน้ำเลือดยังมีโปรตีนที่ทำหน้าที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด (Fibrinogen) คงเหลืออยู่และเกิดการแข็งตัวขึ้นตามธรรมชาติ เป็นโปรตีนเส้นใย (Fibrin Clot) ทำให้เกิดเป็นลิ่มโปรตีนสีขาวลักษณะดังกล่าว

 

สำหรับข้อมูลที่ระบุว่า สามารถพบ White Clot นี้ในเลือดของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยนั้น สามารถอธิบายด้วยหลักการทางโลหิตวิทยา เรื่องกระบวนการแข็งตัวของเลือด ได้เช่นกัน โดยสามารถอธิบายได้ว่า เมื่อมีการเจาะเลือดออกมานอกร่างกาย หากไม่มีการเติมสารกันเลือดแข็ง (Anticoagulants) และตั้งทิ้งไว้ระยะหนึ่ง เลือดจะมีการแข็งตัวแยกชั้นออกมา เป็นชั้นลิ่มเลือด (Thrombus หรือ Clot Blood) และชั้นน้ำเหลือง (Serum) ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ

 

อย่างไรก็ตาม หากนำเลือดที่ไม่ได้เติมสารกันเลือดแข็งมาปั่นแยกด้วยเครื่องปั่นเหวี่ยงตกตะกอนความเร็วสูง (Centrifuge) แยกส่วนประกอบของเลือด ในขณะที่การแข็งตัวของเลือดยังเกิดขึ้นไม่สมบูรณ์ (Partial Clot) จะสามารถพบโปรตีนเส้นใยที่ทำหน้าที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด (Fibrin Clot) ที่มีความคล้ายกับ White Clot ข้างต้นได้ เป็นเหตุการณ์ที่พบเป็นปกติ

 

ปรากฏการณ์ดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนโควิดแต่อย่างใด

 

ทั้งนี้ ทั่วโลกมีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดแล้วกว่า 1.3 หมื่นล้านโดส และมีการติดตามและเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์อย่างเป็นระบบในแต่ละประเทศ และปัจจุบันหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกยังคงแนะนำให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น ปีละ 1 ครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงของการป่วยรุนแรงจากโรคโควิด

 

อย่างไรก็ตาม สถาบันวัคซีนแห่งชาติขอให้ประชาชนเลือกรับข่าวสารจากแหล่งข้อมูลวิชาการที่เป็นทางการและมีความน่าเชื่อถือ

The post ยืนยัน ‘ลิ่มเลือดสีขาว’ เกิดจากโปรตีนเลือดตกตะกอน ไม่ใช่ความผิดปกติจากการฉีดวัคซีน mRNA appeared first on THE STANDARD.

]]>
รางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจำปี 2023 เป็นของผู้ร่วมคิดค้นวัคซีนโควิด https://thestandard.co/nobel-prize-in-medicine-2023/ Tue, 03 Oct 2023 04:34:01 +0000 https://thestandard.co/?p=849830 Drew Weissman and Katalin Karikó

คณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบลประกาศให้ ศ.ดร.กอตอลิน กอริ […]

The post รางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจำปี 2023 เป็นของผู้ร่วมคิดค้นวัคซีนโควิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
Drew Weissman and Katalin Karikó

คณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบลประกาศให้ ศ.ดร.กอตอลิน กอริโก (Katalin Karikó) นักชีวเคมีสัญชาติฮังการี-อเมริกัน และรองประธานอาวุโสบริษัท BioNTech และ ศ.นพ.ดรู ไวส์แมน (Drew Weissman) นายแพทย์ชาวอเมริกันจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ผู้ร่วมกันคิดค้นและพัฒนาวัคซีน mRNA เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจำปี 2023

 

คณะกรรมการยังกล่าวยกย่องทั้งคู่อีกว่า “การค้นคว้าที่ก้าวล้ำของทั้งสองคน มีส่วนช่วยเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของเราเกี่ยวกับการทำงานของ mRNA ว่ามีปฏิกิริยาต่อระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์เราอย่างไร 

 

“โดยผลงานการคิดค้นและพัฒนาวัคซีน mRNA ของทั้งคู่ มีส่วนช่วยชีวิตผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด จนสังคมโลกกลับมาขับเคลื่อนได้อย่างปกติอีกครั้ง และในขณะนี้วัคซีน mRNA ก็ยังได้รับการพัฒนาต่อยอด เพื่อใช้ป้องกันและรักษาโรคชนิดอื่นๆ อาทิ โรคมะเร็ง อีกด้วย”

 

ศ.ดร.กอริโก และ ศ.นพ.ไวส์แมน เคยตีพิมพ์ผลงานการค้นคว้าร่วมกันในปี 2005 ซึ่งในขณะนั้นไม่ค่อยได้รับความสนใจเป็นวงกว้างมากนัก แต่ต่อมางานศึกษาค้นคว้าของพวกเขากลับมีความสำคัญอย่างมากสำหรับการวางรากฐานเพื่อพัฒนาวัคซีน mRNA ซึ่งมีส่วนช่วยชีวิตผู้คนนับล้านในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด

 

นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังเคยได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สาขาการแพทย์ ประจำปี 2021 อีกด้วย โดยทั้งคู่จะเข้ารับรางวัลโนเบลอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนธันวาคมนี้ และจะได้รับเงินรางวัลร่วมกันจำนวน 10 ล้านโครนสวีเดน (ราว 33.5 ล้านบาท)

 

ภาพ: Peggy Peterson / Pennsylvania School of Medicine / AFP

อ้างอิง:

The post รางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจำปี 2023 เป็นของผู้ร่วมคิดค้นวัคซีนโควิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ครม. ไฟเขียวขยาย 2 โครงการจัดหาวัคซีนโควิดถึง มี.ค. 67 เปลี่ยนรายละเอียด 9 โครงการเศรษฐกิจฐานราก https://thestandard.co/2-project-covid-vaccine-supply/ Wed, 30 Aug 2023 00:52:38 +0000 https://thestandard.co/?p=835122 โครงการจัดหาวัคซีนโควิด

วานนี้ (29 สิงหาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนัก […]

The post ครม. ไฟเขียวขยาย 2 โครงการจัดหาวัคซีนโควิดถึง มี.ค. 67 เปลี่ยนรายละเอียด 9 โครงการเศรษฐกิจฐานราก appeared first on THE STANDARD.

]]>
โครงการจัดหาวัคซีนโควิด

วานนี้ (29 สิงหาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คกง.) ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 (พ.ร.ก.กู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564)

 

ทั้งนี้ อนุมัติให้กรมควบคุมโรคขยายระยะเวลาการสิ้นสุดโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด สำหรับประชากรในประเทศไทยจำนวน 60 ล้านโดส (AstraZeneca) ปี 2565 และโครงการจัดหาวัคซีนโควิดสำหรับประชากรในประเทศไทยจำนวน 30 ล้านโดส (Pfizer) ปี 2565 ไปสิ้นสุดโครงการในเดือนมีนาคม 2567 จากเดิมที่สิ้นสุดโครงการเดือนกันยายน 2566 

 

เนื่องจากกรณีของการจัดหาวัคซีน AstraZeneca นั้นอยู่ระหว่างรอหนังสือแจ้งยืนยันผลการเจรจา ในการขอเปลี่ยนแปลงรายการวัคซีนที่ยังไม่ส่งมอบจำนวน 19.07 ล้านโดสเป็น LAAB ส่วนโครงการจัดหาวัคซีน Pfizer นั้น ส่งมอบครบแล้วแต่อยู่ระหว่างการบริหารจัดการวัคซีนส่วนที่เหลือ เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานบริหารจัดการวัคซีน Pfizer (Maroon Cap) ในพื้นที่

 

ไตรศุลีกล่าวว่า พร้อมกันนี้ ครม. ได้อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากใน 7 จังหวัด รวม 9 โครงการ วงเงินรวม 74.136 ล้านบาท ประกอบด้วย 

 

  1. ยกเลิกดำเนินโครงการใน 2 จังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม และนครราชสีมา รวม 3 โครงการ กรอบวงเงิน 2.137 ล้านบาท เนื่องจากไม่สามารถจัดหาผู้รับจ้างและลงนามผูกพันทันภายในเดือนพฤศจิกายน 2565 

 

  1. ขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการเป็นสิ้นสุดเดือนกันยายน 2566 ในจังหวัดนครศรีธรรมราช รวม 2 โครงการ วงเงินรวม 16.453 ล้านบาท เนื่องจากดำเนินการแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเบิกจ่ายเงินตามขั้นตอน 

 

  1. ขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการเป็นเดือนธันวาคม 2566 ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ร้อยเอ็ด นครสวรรค์ และนราธิวาส รวม 3 โครงการ วงเงินรวม 52.865 ล้านบาท เนื่องจากลงนามผูกพันสัญญาแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินโครงการ 

 

  1. เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการและขยายระยะเวลาสิ้นสุดเป็นเดือนกันยายน 2566 ในจังหวัดสมุทรสาคร 1 โครงการ วงเงิน 2.68 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ ครม. ได้กำชับให้จังหวัดที่ได้รับการอนุมัติปรับปรุงรายละเอียดโครงการและขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ ให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่ได้รับอนุมัติจาก ครม. โดยโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จแล้วก็ดำเนินการเร่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายตามระเบียบต่อไป

 

ไตรศุลีกล่าวว่า ครม. ได้รับทราบภาพรวมผลการดำเนินงานและเบิกจ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ราย 3 เดือน ครั้งที่ 8 (เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2566) ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2566 มีดังนี้

 

  1. โครงการของส่วนราชการจำนวน 85 โครงการ กรอบวงเงินอนุมัติ 494,760.93 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแล้วเสร็จ 79 โครงการ วงเงินอนุมัติ 455,233.34 ล้านบาท มีผลการเบิกจ่าย 438,671.87 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 96.36 และโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการ 6 โครงการ กรอบวงเงินอนุมัติ 39,527.59 ล้านบาท มีผลการเบิกจ่าย 30,662.90 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 77.57

 

  1. โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งจำนวน 2,285 โครงการ กรอบวงเงิน 4,762.87 ล้านบาท มีความก้าวหน้าแบ่งเป็น 4 สถานะ ได้แก่ 1. โครงการแล้วเสร็จ 2,224 โครงการ วงเงินอนุมัติรวม 4,526.06 ล้านบาท 2. โครงการอยู่ระหว่างดำเนินการ 27 โครงการ วงเงินอนุมัติรวม 97.30 ล้านบาท 3. โครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาโดยไม่มีการเบิกจ่าย 28 โครงการ วงเงินอนุมัติรวม 67.51 ล้านบาท และ 4. โครงการที่ขอขยายระยะเวลา 6 โครงการ วงเงินอนุมัติรวม 72 ล้านบาท

The post ครม. ไฟเขียวขยาย 2 โครงการจัดหาวัคซีนโควิดถึง มี.ค. 67 เปลี่ยนรายละเอียด 9 โครงการเศรษฐกิจฐานราก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศาลฎีกายืนคำสั่งตามศาลอุทธรณ์ ให้ปิดกั้นไลฟ์วิจารณ์วัคซีนของธนาธรโดยไม่พิจารณาเนื้อหา เหตุมีคนมาแสดงความเห็นที่อาจกระทบความมั่นคง https://thestandard.co/royal-vaccine-supreme-court-followed-court-of-appeal-order/ Thu, 15 Jun 2023 14:05:29 +0000 https://thestandard.co/?p=804179 วัคซีนพระราชทาน

วันนี้ (15 มิถุนายน) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายง […]

The post ศาลฎีกายืนคำสั่งตามศาลอุทธรณ์ ให้ปิดกั้นไลฟ์วิจารณ์วัคซีนของธนาธรโดยไม่พิจารณาเนื้อหา เหตุมีคนมาแสดงความเห็นที่อาจกระทบความมั่นคง appeared first on THE STANDARD.

]]>
วัคซีนพระราชทาน

วันนี้ (15 มิถุนายน) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ศาลอาญานัดฟังคำสั่งของศาลฎีกา กรณี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยื่นคัดค้านคำสั่งการปิดกั้นการเข้าถึงคลิปวิดีโอ เรื่อง วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย? ในช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของคณะก้าวหน้า ซึ่งมีการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์การจัดหาวัคซีนโควิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564

 

ในคดีนี้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ได้อ้างอำนาจตามมาตรา 20 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอให้สั่งปิดกั้นการเข้าถึงคลิปดังกล่าว โดยอ้างว่ามีเนื้อหาที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) 

 

ต่อมาหลังการไต่สวนฝ่ายเดียว ในวันที่ 29 มกราคม 2564 ศาลได้มีคำสั่งตามคำร้องของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมให้ระงับการเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว แต่ธนาธรได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งระงับการเผยแพร่ดังกล่าว ศาลอาญาจึงได้ให้มีการไต่สวนคดีใหม่ โดยให้ธนาธรมีโอกาสเข้าร่วมในการไต่สวนด้วย

 

ก่อนที่ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ศาลอาญาได้มีคำสั่งให้เพิกถอนการปิดกั้น โดยเห็นว่าการพิจารณาเรื่องการปิดกั้นเว็บไซต์ตามมาตรา 20 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ต้องให้โอกาสเจ้าของเว็บไซต์โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานอย่างเต็มที่ เสมือนการพิจารณาคดีอาญาคดีหนึ่ง และยังระบุเหตุผลว่า การตีความคำว่า ‘อาจกระทบต่อความมั่นคง’ ต้องตีความอย่างเคร่งครัดและเป็นภาวะวิสัย 

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ศาลอุทธรณ์ได้กลับคำสั่งของศาลชั้นต้น โดย ทศพล เพ็งส้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เปิดเผยว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ระงับการเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว เนื่องจากเข้าข่ายกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

 

โดยสรุปได้ว่า ศาลได้วินิจฉัยความผิดจากข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรตามที่ได้กำหนดไว้ในภาค 2 ลักษณะ 1 หรือลักษณะ 1/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งในกำหนดดังกล่าวได้มีมาตรา 112 อยู่ด้วย ดังนั้นหากศาลจะมีคำสั่งระงับการเผยแพร่ก็ย่อมสามารถทำได้ หากการเผยแพร่มีการปรากฏข้อมูลหรือการวิพากษ์วิจารณ์จากที่เข้าข่ายลักษณะดังกล่าวปรากฏอยู่ด้วย โดยไม่จำเป็นต้องให้โอกาสเจ้าของข้อมูลเข้ามาชี้แจงและแสดงพยานหลักฐานโต้แย้ง

 

ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ชี้ว่าการเผยแพร่คลิปอาจทำให้มีผู้มาแสดงความคิดเห็นที่กระทบกระเทือนต่อสถาบันฯ ไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่าไลฟ์ของธนาธรเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลหรือไม่

 

ที่สุดแล้วศาลอาญาได้นัดอ่านคำสั่งของศาลฎีกา มีใจความสำคัญโดยสรุปว่า ตามที่ผู้คัดค้าน หรือธนาธร ได้ยื่นคัดค้านฎีกาว่า คลิปวิดีโอในหัวเรื่องที่ระบุว่า ‘วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย?’ มีความหมายว่า รัฐบาลประมาท ไม่เร่งรีบจัดหาวัคซีน ทำให้การจัดหาล่าช้าและน้อยเกินไป 

 

เนื่องจากรัฐบาลมุ่งแสวงหาความนิยมมากเกินไป และผู้คัดค้านได้เปรียบเทียบการจัดหาวัคซีนกับประเทศไต้หวัน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีการจัดหาวัคซีนได้รวดเร็วกว่า และมีการจัดหาผู้ผลิตได้ครอบคลุมและหลากหลายเพียงพอต่อสัดส่วนของประชากร ขณะที่รัฐบาลไทยเอาเพียงแต่ฝากความหวังไว้กับบริษัทเดียว ซึ่งแสดงถึงการทำงานของรัฐบาลว่าไม่พยายามจะจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรให้มากกว่าร้อยละ 21.5 โดยกล่าวว่า รัฐบาลฝากความหวังไว้กับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าและบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์เท่านั้น

 

ศาลฎีกาเห็นว่า คำร้องคัดค้านมีปัญหา ต้องวินิจฉัยว่ามีเหตุสมควรให้ปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลคลิปวิดีโอดังกล่าวหรือไม่ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมใช้อำนาจตามมาตรา 20 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้สั่งปิดกั้นการเข้าถึง โดยอ้างว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวมีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) 

 

เมื่อได้ความปรากฏว่า หลังมีการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวมาแล้ว มีผู้แสดงความเห็นทางอินเทอร์เน็ตใต้คลิปวิดีโอดังกล่าว รวมไปถึงข้อความที่กล่าวถึงสถาบันฯ และการใช้ภาษีประชาชน

 

เมื่อแสดงว่ามีผู้เห็นถ้อยคำดังกล่าวของผู้คัดค้านแล้ว ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ ในทำนองว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเข้าไปบริหารวัคซีนกับรัฐบาล ซึ่งการกระทำของผู้ที่แสดงความคิดเห็นอาจเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรแห่งประมวลกฎหมายอาญาได้ ดังนั้นข้อมูลจากคลิปดังกล่าวที่แพร่หลาย จึงอาจทำให้มีผู้มาแสดงความคิดเห็นที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรได้

 

กรณีนี้จึงมีเหตุให้ระงับการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่า ถ้อยคำที่ใช้ในไลฟ์วิดีโอดังกล่าวของผู้คัดค้านจะเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลโดยสุจริตตามรัฐธรรมนูญไทยหรือไม่

 

และหากให้ไลฟ์ดังกล่าวแพร่หลายออกไป อาจทำให้มีผู้มาแสดงความเห็นอย่างอื่นได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ระงับและปิดกั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องกับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ จึงมีคำสั่งยืนตามศาลอุทธรณ์

The post ศาลฎีกายืนคำสั่งตามศาลอุทธรณ์ ให้ปิดกั้นไลฟ์วิจารณ์วัคซีนของธนาธรโดยไม่พิจารณาเนื้อหา เหตุมีคนมาแสดงความเห็นที่อาจกระทบความมั่นคง appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมวิทย์ เผยโอมิครอนลูกผสม XBB.2.3* ไม่แตกต่างจากโอมิครอนสายพันธุ์อื่น ยัน ATK และ PCR ตรวจได้ทุกสายพันธุ์ https://thestandard.co/dmsc-unveiled-omicron-xbb-2-3/ Fri, 09 Jun 2023 10:49:41 +0000 https://thestandard.co/?p=801295 ศุภกิจ ศิริลักษณ์

วันนี้ (9 มิถุนายน) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยา […]

The post กรมวิทย์ เผยโอมิครอนลูกผสม XBB.2.3* ไม่แตกต่างจากโอมิครอนสายพันธุ์อื่น ยัน ATK และ PCR ตรวจได้ทุกสายพันธุ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศุภกิจ ศิริลักษณ์

วันนี้ (9 มิถุนายน) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อัปเดตสถานการณ์การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด และสายพันธุ์ที่เฝ้าติดตามในประเทศไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการ ติดตามการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 อย่างต่อเนื่อง 

 

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 2565 พบสายพันธุ์โอมิครอน BA.1, BA.2, BA.4, BA.5 รวมถึงสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ในตระกูล โดยโอมิครอนยังคงเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่กระจายในประเทศ และจากสถานการณ์กลายพันธุ์ภายในสายพันธุ์ของโอมิครอนที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเป็นสายพันธุ์ย่อยหลากหลายกลุ่มในตระกูล รวมถึงสายพันธุ์ลูกผสม

 

ปัจจุบันองค์การอนามัยโลก (WHO)​ ให้ความสำคัญกับการติดตามโอมิครอน จำนวน 9 สายพันธุ์ จากพื้นฐานของข้อมูลการเพิ่มความชุกหรือความได้เปรียบด้านอัตราการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ และการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการได้เปรียบในการก่อโรค ได้แก่ สายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง หรือ Variants of Interest (VOI) 2 สายพันธุ์ ได้แก่ XBB.1.5* และ XBB.1.16* และสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง หรือ Variants Under mMonitoring (VUM) 7 สายพันธุ์ ได้แก่ BQ.1*, BA.2.75*, CH.1.1*, XBB*, XBB.1.9.1*, XBB.1.9.2* และ XBB.2.3*  

 

สถานการณ์สายพันธุ์เชื้อ SARS-CoV-2 ทั่วโลก อ้างอิงจากฐานข้อมูลกลาง GISAID ในรอบสัปดาห์ วันที่ 8-14 พฤษภาคม 2566 พบสัดส่วนเพิ่มขึ้น/ลดลงจากรอบสัปดาห์ วันที่ 10-16 เมษายน 2566 ดังนี้

 

  • XBB.1.5* รายงานจาก 115 ประเทศ คิดเป็นร้อยละ 34.04 ลดลงจากร้อยละ 49.07
  • XBB.1.16* รายงานจาก 61 ประเทศ คิดเป็นร้อยละ 16.32 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.78
  • XBB*, XBB.1.9.1*, XBB.1.9.2* และ XBB.2.3 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 
  • BA.2.75*, CH.1.1* และ BQ.1* มีแนวโน้มลดลง     

 

นพ.ศุภกิจกล่าวต่ออีกว่า สถานการณ์โดยรวมของประเทศไทยพบสายพันธุ์ลูกผสมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแทนที่สายพันธุ์ BN.1* ที่เคยเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในไทยตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2565 และพบในทุกเขตสุขภาพ ข้อมูลจากฐานข้อมูลกลาง GISAID ตั้งแต่เริ่มพบสายพันธุ์ XBB.1.16 เมื่อเดือนเมษายน 2566 ปัจจุบัน XBB.1.16* เป็นสายพันธุ์ที่พบสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 30.34 % รองลงมาคือสายพันธุ์ XBB.1.9* คิดเป็น 26.59% และสายพันธุ์ XBB.1.5* คิดเป็น 20.96% 

 

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 4 มิถุนายน 2566 ผลการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิดจำนวน 185 ราย พบเป็นสายพันธุ์ลูกผสม 169 ราย คิดเป็น 91.35% โดยพบผู้ติดเชื้อกระจายทุกเขตสุขภาพ สัดส่วนสายพันธุ์ที่ตรวจในสัปดาห์นี้ 3 อันดับแรก ได้แก่ สายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16*, XBB.1.9.1* และ XBB.1.5* คิดเป็น 35.68%, 20.00 % และ 11.35% ตามลำดับ

 

ส่วนสายพันธุ์ XBB.2.3* WHO ประกาศเป็นสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าติดตาม (VUMs) เพิ่มเติม เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 เป็นสายพันธุ์ลูกผสมของโอมิครอน BA.2.10.1 และ BA.2.75 ที่กลายพันธุ์เพิ่มเติมบนโปรตีนหนาม S:T478K เหมือนกับสายพันธุ์เดลตา มีความสามารถในการหลบภูมิคุ้มกันได้ดี แต่ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงถึงความได้เปรียบในการเติบโตแพร่ระบาด พบรายงานจาก 54 ประเทศทั่วโลก จำนวน 7,664 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 6 มิถุนายน 2566) สำหรับประเทศไทยพบแล้วจำนวน 60 ราย รายงานครั้งแรกในช่วงเดือนมีนาคม 2566 ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานแสดงว่าสายพันธุ์ดังกล่าวส่งผลต่อความรุนแรงของโรค 

 

“แม้สถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ลูกผสมเป็นสายพันธุ์หลักกระจายทุกเขตสุขภาพการตรวจวินิจฉัยโรคโควิด ด้วยชุดทดสอบ ATK และการตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธี Real-time PCR ยังสามารถใช้ตรวจการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิดครอบคลุมทุกสายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์โอมิครอนและสายพันธุ์ลูกผสม อย่างไรก็ตาม ขอประชาชนให้ความสำคัญในการดูแลตัวเอง เข้ารับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มเสี่ยง 608 เพื่อป้องกันตนเอง รวมถึงช่วยลดความรุนแรงของโรคหากได้รับเชื้อ ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังคงเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของเชื้อก่อโรคโควิดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรายที่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต” นพ.ศุภกิจกล่าวทิ้งท้าย

The post กรมวิทย์ เผยโอมิครอนลูกผสม XBB.2.3* ไม่แตกต่างจากโอมิครอนสายพันธุ์อื่น ยัน ATK และ PCR ตรวจได้ทุกสายพันธุ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
7 มิถุนายน 2564 – รัฐบาลไทยประกาศดีเดย์ฉีดวัคซีนโควิดทั่วประเทศ https://thestandard.co/on-this-day-07062564/ Wed, 07 Jun 2023 04:50:23 +0000 https://thestandard.co/?p=800185 ฉีดวัคซีนโควิด

การระบาดของโควิดทั่วโลกที่เริ่มต้นในช่วงปลายปี 2562 ใช้ […]

The post 7 มิถุนายน 2564 – รัฐบาลไทยประกาศดีเดย์ฉีดวัคซีนโควิดทั่วประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฉีดวัคซีนโควิด

การระบาดของโควิดทั่วโลกที่เริ่มต้นในช่วงปลายปี 2562 ใช้เวลาราวปีเศษกว่าจะสามารถคิดค้นวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรคโควิดได้สำเร็จ

 

ในที่สุดวันที่ 7 มิถุนายน 2564 รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศให้วันนั้นเป็นวันเริ่มฉีดวัคซีนโควิดทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายภายในสิ้นปี 2564 ประเทศไทยตั้งเป้าการฉีดวัคซีนโควิดให้ได้ร้อยละ 70 ของประชากร หรือประมาณ 50 ล้านคน รวม 100 ล้านโดส 

 

ผ่านมาเกือบ 2 ปี กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสรุปตัวเลขการฉีดวัคซีนในประเทศไทย ณ วันที่ 10 มีนาคม 2566 มีผู้ฉีดวัคซีนเข็ม 1 กว่า 57.61 ล้านคน, เข็ม 2 กว่า 54.14 ล้านคน, เข็ม 3 จำนวน 27.34 ล้านคน, เข็ม 4 จำนวน 6.56 ล้านคน, เข็ม 5 จำนวน 1.03 ล้านคน และเข็ม 6 จำนวน 68,497 คน

The post 7 มิถุนายน 2564 – รัฐบาลไทยประกาศดีเดย์ฉีดวัคซีนโควิดทั่วประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประยุทธ์ห่วงโควิดกลุ่มเสี่ยง 608 เตือนลูกหลานให้พาไปฉีดวัคซีน รับรายงานสัปดาห์ที่ผ่านมา เสียชีวิต 42 ราย https://thestandard.co/prayut-worries-covid-608-risks/ Wed, 31 May 2023 01:22:08 +0000 https://thestandard.co/?p=797216 ประยุทธ์ จันทร์โอชา

วันนี้ (31 พฤษภาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรั […]

The post ประยุทธ์ห่วงโควิดกลุ่มเสี่ยง 608 เตือนลูกหลานให้พาไปฉีดวัคซีน รับรายงานสัปดาห์ที่ผ่านมา เสียชีวิต 42 ราย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประยุทธ์ จันทร์โอชา

วันนี้ (31 พฤษภาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์โควิด ตามรายงานล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นตามคาดการณ์ โดยในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล พบการระบาดสูงกว่าพื้นที่อื่น และผู้เสียชีวิตยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ที่ติดเชื้อจากคนในครอบครัว และไม่ได้รับวัคซีนตามกำหนด นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยกลุ่มเสี่ยง 608 ย้ำขอให้ลูกหลานพามารับวัคซีนประจำปี รวมทั้งด้านกระทรวงสาธารณสุข แนะนำประชาชนที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือไม่ได้รับเข็มกระตุ้นมานานกว่า 3 เดือน ควรไปรับวัคซีนโควิดที่โรงพยาบาลได้ทุกแห่ง และหน่วยบริการตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ 

 

ขณะที่สถานการณ์ของโควิดล่าสุด ตามการรายงานของกระทรวงสาธารณสุขนั้น การระบาดเป็นไปตามคาดการณ์ คือหลังเทศกาลสงกรานต์ โรงเรียนเปิดเทอม และเข้าสู่ฤดูฝน จะพบผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล 2,970 ราย เฉลี่ยวันละ 424 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 425 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 253 ราย และเสียชีวิต 42 ราย เฉลี่ยวันละ 6 ราย แนวโน้มผู้เสียชีวิตลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มี 60 กว่าราย 

 

แต่ปัจจัยเสี่ยงของผู้เสียชีวิตยังเหมือนเดิม คือเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่ได้รับเชื้อจากคนในครอบครัวที่มีกิจกรรมนอกบ้าน ที่สำคัญเกือบทั้งหมดไม่ได้ฉีดวัคซีน ฉีดไม่ครบตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข โดยขณะนี้ในเขต กทม. และปริมณฑล พบมีการระบาดมากกว่าพื้นที่อื่น ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงมอบหมายให้กรมควบคุมโรค ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ทำหนังสือประสานประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม./จังหวัด ให้ประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำรวจผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนประจำปี เพื่อเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขจะสนับสนุนเวชภัณฑ์และข้อมูลต่างๆ 

 

ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์ในประเทศไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XBB.1.16 ซึ่งความสามารถในการแพร่ระบาดและความรุนแรงไม่ได้มากกว่าสายพันธุ์เดิม เตียงรองรับผู้ป่วยภาพรวมทั้งประเทศและ กทม. ยังคงเพียงพอ อัตราครองเตียงอยู่ที่ 22% ขณะที่ยาที่ใช้ในการรักษามีเพียงพอเช่นกัน

The post ประยุทธ์ห่วงโควิดกลุ่มเสี่ยง 608 เตือนลูกหลานให้พาไปฉีดวัคซีน รับรายงานสัปดาห์ที่ผ่านมา เสียชีวิต 42 ราย appeared first on THE STANDARD.

]]>
โฆษก สธ. แจงเพจชมรมแพทย์ชนบทพาดพิงทุจริตวัคซีน-ATK ไร้หลักฐาน ยันจัดหาวัคซีนได้ตามแผน ช่วยคนรอดชีวิตได้กว่า 5 แสนราย https://thestandard.co/roongruang-explains-covid-vaccine/ Wed, 17 May 2023 04:14:06 +0000 https://thestandard.co/?p=791489 รุ่งเรือง กิจผาติ

วานนี้ (16 พฤษภาคม) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึก […]

The post โฆษก สธ. แจงเพจชมรมแพทย์ชนบทพาดพิงทุจริตวัคซีน-ATK ไร้หลักฐาน ยันจัดหาวัคซีนได้ตามแผน ช่วยคนรอดชีวิตได้กว่า 5 แสนราย appeared first on THE STANDARD.

]]>
รุ่งเรือง กิจผาติ

วานนี้ (16 พฤษภาคม) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิระดับ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเพจชมรมแพทย์ชนบทโพสต์ประเด็นการเมือง ไม่ให้พรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาลว่า แม้จะแสดงความเห็นทางการเมือง แต่มีการกล่าวหาว่าทุจริตเรื่องการจัดซื้อวัคซีนโควิด และการจัดหา ATK ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุข จึงจำเป็นต้องชี้แจงเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ดังนี้ 

 

  1. การกล่าวหาว่ามีการทุจริตเรื่องวัคซีนโควิด เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไม่มีมูล ประเทศไทยมีหน่วยงานที่ตรวจสอบการทุจริตหลายหน่วยงาน หากมีหลักฐานว่าทุจริตอย่างที่กล่าวหาจริง คงมีการยื่นฟ้องดำเนินคดีไปแล้ว 

 

  1. เรื่องประสิทธิภาพการจัดหาวัคซีนและการให้บริการที่มีการโจมตีว่าล้มเหลว ข้อเท็จจริงคือ ไทยสามารถให้บริการวัคซีนโควิดได้ครบ 100 ล้านโดสตามเป้าหมาย เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม โดยมีอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อ ณ ช่วงเวลาที่มีการระบาดใหญ่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่านานาชาติ และยังมีผลวิจัยว่าลดการสูญเสียชีวิตประชาชนได้กว่า 5 แสนคน ช่วยให้ประชาชนรอดพ้นจากการเจ็บป่วยรุนแรงอีกเป็นจำนวนมาก โดยวัคซีนที่ไทยนำมาใช้ ผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์มหาวิทยาลัย ต่างยืนยันว่ามีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์จริง นอกจากนี้ ไทยยังได้เป็นฐานการผลิตวัคซีนของ AstraZeneca ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศด้วย

 

  1. เรื่องทุจริตการจัดหา ATK ข้อเท็จจริงคือ ปรากฏหลักฐานว่ามีความพยายามจะล็อกสเปกการจัดซื้อ จนกระทั่งองค์การเภสัชกรรมต้องยื่นเรื่องกับ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบ จึงขอยืนยันความโปร่งใสขององค์การเภสัชกรรม 

 

  1. การทำงานของบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขที่ผ่านมาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไทยก้าวข้ามวิกฤตโควิดด้วยความบอบช้ำน้อยมาก เมื่อเทียบกับทั่วโลก จนได้รับยกย่องให้เป็นประเทศที่มีค่าความมั่นคงด้านสุขภาพสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย เป็นหนึ่งในประเทศที่ WHO ยกให้เป็นต้นแบบการรับมือกับโรคระบาด และได้รับการยอมรับจากอาเซียนให้เป็นที่ตั้งสำนักงานเลขาธิการศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ACPHEED) 

 

“ขอยืนยันว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมา บุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับทำงานอย่างถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ส่วนบุคลากรที่มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส ให้ข้อมูลเท็จ ทำให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับความเสื่อมเสีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายแล้ว” นพ.รุ่งเรืองกล่าว

The post โฆษก สธ. แจงเพจชมรมแพทย์ชนบทพาดพิงทุจริตวัคซีน-ATK ไร้หลักฐาน ยันจัดหาวัคซีนได้ตามแผน ช่วยคนรอดชีวิตได้กว่า 5 แสนราย appeared first on THE STANDARD.

]]>
กทม. เชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงรับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง https://thestandard.co/bkk-coronavirus-vaccine-booster-dose/ Thu, 27 Apr 2023 01:00:44 +0000 https://thestandard.co/?p=781908 วัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น

วันนี้ (27 เมษายน) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เชิญชวนประชาชนเ […]

The post กทม. เชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงรับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
วัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น

วันนี้ (27 เมษายน) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เชิญชวนประชาชนเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงจากโควิดได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608

 

ทั้งนี้ กทม. โดยสำนักอนามัย เปิดให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดรองรับ 2 สายพันธุ์ แก่ประชาชนทุกคนที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง โดยให้บริการ

 

  • ทุกวันพุธ สามารถ Walk-in ได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า ให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์
  • ทุกวันศุกร์ สามารถ Walk-in และลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน QueQ ให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

 

นอกจากนี้ สำนักอนามัยร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัล และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ให้บริการฉีดวัคซีนโควิดรองรับ 2 สายพันธุ์ ฟรี โดยจะเปิดให้บริการทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ในระหว่างวันที่ 28-30 เมษายน วันที่ 5-7, 12, 19-21 และ 26-28 พฤษภาคม (ยกเว้นช่วงเลือกตั้ง ปิดบริการ 13-14 พฤษภาคม) ตั้งแต่เวลา 12.00-18.00 น. ณ บริเวณชั้น 5 โซน Atrium ด้านหน้าทางเข้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

The post กทม. เชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงรับวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>