ร้านขนมปัง – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 02 Oct 2023 04:36:04 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 4 HOURS LIFE with ‘เพื่อนบ้านอารีย์’ เดินเล่นย่านเก่าที่ไม่เคยเก่าไปตามเวลา https://thestandard.co/life/4-hours-life-with-yourneighborari/ Thu, 15 Jun 2023 07:48:59 +0000 https://thestandard.co/?p=803873 เพื่อนบ้านอารีย์

ย่านอารีย์ไม่ได้มีดีแค่คาเฟ่ นี่คือสิ่งแรกที่เราคิดหลัง […]

The post 4 HOURS LIFE with ‘เพื่อนบ้านอารีย์’ เดินเล่นย่านเก่าที่ไม่เคยเก่าไปตามเวลา appeared first on THE STANDARD.

]]>
เพื่อนบ้านอารีย์

ย่านอารีย์ไม่ได้มีดีแค่คาเฟ่ นี่คือสิ่งแรกที่เราคิดหลังจากติดตามเพจ ‘เพื่อนบ้านอารีย์’ มานานตั้งแต่สมัยเปิดตัวใหม่ๆ จนกระทั่งตอนนี้กลายเป็นเพจดังประจำย่านที่ช่วยขับเคลื่อนอารีย์คอมมูนิตี้ให้มีกิจกรรมสนุกๆ และนำเรื่องเล่าน่ารักๆ มาแบ่งปันให้ฟังอยู่เสมอ

 

THE STANDARD LIFE จึงชวน ‘ฮามิช มัสอิ๊ด’ ผู้อยู่เบื้องหลังเพจเพื่อนบ้านอารีย์ มาเดินเล่นพร้อมแนะนำร้านเด็ดประจำย่านให้เราเดินตามกันสักหนึ่งวัน บวกกับฟังเรื่องราวสนุกๆ จากเขาที่จะทำให้ทุกคนอินกับย่านอารีย์มากกว่าเดิม

 

ถ้าใครอยากรู้ว่าย่านอารีย์มีอะไรน่ากิน น่าทำ และน่าเล่น ซ่อนอยู่มากแค่ไหน ลองไปตามรอยพวกเราได้ในซีรีส์คอนเทนต์ 4 HOURS: THE STANDARD LIFE x เพื่อนบ้านอารีย์

 

EAT

 

Landhaus Bakery

 

 

เริ่มกันที่ร้านขนมปังสัญชาติเยอรมันประจำย่านอารีย์ Landhaus อีกหนึ่งเบเกอรีชื่อดังในกรุงเทพฯ ความน่าสนใจคือนักอบขนมประจำร้านจะเริ่มทำงานตอนกลางคืน เพื่อนำขนมปังมาวางขายตอนเช้า

 

คุณฮามิชเล่าว่า “คุณแดเนียล Master Baker ประจำร้าน จบทางด้านการอบขนมปังมาโดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นระบบการศึกษาของประเทศเยอรมนีที่หากคุณต้องการเปิดร้านขนมปังเยอรมัน จะต้องมี Master Baker ที่ได้รับใบอนุญาตและมีประสบการณ์ครบถ้วนอยู่ในร้านด้วย”

 

ขนมปังของ Landhaus จึงเป็นสไตล์ยุโรป มีอาหารเช้าจนถึงสายสั่งได้ทั้งวันด้วย ราคาเริ่มต้นประมาณ 150-300 บาท เมนูซิกเนเจอร์คือ ซาวโดวจ์แครอต (100 บาท) ซาวโดวจ์ไรย์ (190 บาท / 500 กรัม) และเพรทเซล (65 บาท)

 

Landhaus เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 07.00-19.00 น.

 

Laliart coffee

 

 

แวะจิบกาแฟในบรรยากาศชิลๆ กันหน่อย เราชอบบรรยากาศของร้าน Laliart (ละเลียด) ที่เหมือนอยู่ในบ้าน ด้านในมีทั้งโซนสั่งกาแฟ ซื้อสินค้าไลฟ์สไตล์ และพื้นที่นั่งโปร่งสบาย เหมาะแวะมานั่งหลบความวุ่นวายของย่านอารีย์

 

ส่วนด้านบนคาเฟ่จะเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมแนว Spiritual หรือจัดเวิร์กช็อป เช่น Sound Healing, โยคะ หรือการนั่งสมาธิ แต่หากใครอยากแวะมานั่งดื่มกาแฟสักแก้ว กินเค้กแครอตชื่อดังของร้านสักชิ้นก็มาได้เลย

 

“ย่านอารีย์มีสัมผัสด้าน Wellness อยู่ประมาณหนึ่งเหมือนกัน อย่างเช่นที่ Laliart นอกจากเป็นคาเฟ่ขายกาแฟที่ค่อนข้างจริงจัง พวกเขาก็สนใจเรื่องความยั่งยืน มีสินค้ารักษ์โลกให้ซื้อ มีแปลงผักของตัวเองด้วย พอเข้ามาที่นี่เลยรู้สึกได้หลายบรรยากาศดี ทั้งได้ความสงบและได้กินของที่ดี” คุณฮามิชบอก

 

ส่วนราคาเครื่องดื่มและขนมเริ่มต้นที่ 100-270 บาท มีเมล็ดกาแฟสเปเชียลตี้ให้ลองหลายชนิด เช่นเดียวกับเบเกอรีหน้าตาน่ากิน

 

Laliart coffee เปิดทุกวัน เวลา 10.00-17.00 น.

 

Yellow Lane

 

 

บรันช์สไตล์ออสซี่ในบรรยากาศสุดร่มรื่น เราเชื่อว่าเป็นร้านประจำย่านอารีย์ของหลายๆ คนเลย คุณฮามิชเล่าว่าเดิมที่นี่คือบ้านของตระกูลชุณหะวัณ แต่หลังจากปล่อยให้คนอื่นเช่า นักธุรกิจชาวออสเตรเลียนามว่า มาร์ก เซ็ม โคส จึงเข้ามาทำสตาร์ทอัพ และปรับปรุงบ้านหลังนี้ให้ด้วย แต่เพราะย่านนี้ไม่ค่อยมีร้านบรันช์สไตล์ออสซี่แบบที่เขาคุ้นเคย จึงเปิด Yellow Lane ขึ้นมา ก่อนร้านจะกลายเป็นคอมมูนิตี้สำหรับคนทำงานแบบ Nomad (ทำงานจากที่ไหนก็ได้)

 

Yellow Lane จึงเป็นเหมือนร้านอาหารมื้อสายที่หลายคนมักพกแล็ปท็อปมาทำงานด้วย หรือเป็นสถานที่นัดพูดคุยสบายๆ พร้อมมีอาหารจานใหญ่ให้กิน โดยราคาอาหารเริ่มต้นที่ 150-400 บาท

 

Yellow Lane เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00-22.30 น.

 

MTCH

 

 

บาร์มัทฉะสเปเชียลตี้ในบรรยากาศร่วมสมัย ถ้าใครเป็นสายชาเขียวต้องไม่พลาดแวะ เพราะ MTCH เป็นอีกร้านที่จริงจังด้านมัทฉะมาก แต่ละเมนูนำเสนอรสชาติที่ดีที่สุดเท่านั้น มาพร้อมความทันสมัย เข้าถึงง่าย และบรรยากาศสีขาวโปร่งสบายสไตล์คาเฟ่มินิมัล

 

ร้านเปิดอยู่ในบ้านสองชั้น แบ่งพื้นที่ด้านล่างเป็นเคาน์เตอร์สั่งขนมและเครื่องดื่ม ส่วนด้านบนมีโต๊ะนั่งอีกเล็กน้อย เมนูที่แนะนำให้ลองคือ Matcha Latte (150 บาท) และ Panna Cotta (135 บาท)

 

MTCH เปิดวันพุธ-จันทร์ เวลา 09.00-18.00 น.

 

Lay Lao

 

 

ร้านอาหารอีสานสไตล์ชาวหัวหินที่มาเปิดสาขาแรกอยู่ในย่านอารีย์ Lay Lao เกิดจากครอบครัวที่ชอบทำอาหารกินเอง ก่อนตัดสินใจนำรสชาตินั้นมาเสิร์ฟให้ทุกคนชิมด้วย ความพิเศษของที่นี่จึงอยู่ตรงการใช้ของทะเลสดให้ไม่เสียชื่อคนหัวหิน และจัดเต็มทั้งรสชาติ วัตถุดิบ ไปจนถึงหน้าตาอาหารที่ราวกับทำกินเอง

 

เมนูต้องลองคือ ข้าวขยำปู ตำถาด ตำกระท้อน หมูสามชั้นคั่วน้ำตาล หมึกไข่เลลาว โดยอาหารมีทั้งแบบกับข้าวและจานเดี่ยว ราคาเริ่มต้นประมาณ 100-800 บาท

 

Lay Lao เปิดวันพุธ-จันทร์ เวลา 10.30-21.30 น.

 

ร้านแม่ยุ้ย

 

 

อีกหน่ึงร้านประจำย่านอารีย์ที่ใครๆ ก็ต้องพูดถึงหากถามหาร้านอาหารแนะนำ เพราะที่นี่เปิดมานาน 20 ปี เป็นร้านอาหารบรรยากาศคาเฟ่ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เสิร์ฟอาหารสไตล์ Home Authentic Cooking ใช้สูตรเก่าแก่ตกทอดกันในครอบครัวทำให้เราชิม

 

เมนูส่วนใหญ่เป็นทั้งจานคุ้นเคยหรือบางเมนูหากินไม่ได้ตามร้านอาหารทั่วไป โดยเจ้าของสูตรอาหารร้านแม่ยุ้ยก็คือ คุณอัจฉรา เชี่ยวสกุล แต่ปัจจุบันลูกชายเข้ามาดูแล และมีสูตรอาหารใหม่รสชาติถูกปากทุกคนเพิ่มเข้ามาอีกเพียบ

 

เมนูแนะนำของร้านคือ แกงเขียวหวานไก่ หมูก้อนทอด ผัดสะตอกุ้งหมูสับ และไอศกรีมโฮมเมด โดยเมนูมีทั้งจานอะลาคาร์ตและจานเดี่ยว ราคาเริ่มต้นประมาณ 150-500 บาท

 

ร้านแม่ยุ้ย เปิดวันพุธ-จันทร์ เวลา 11.00-22.00 น.

 

ขนมหวานมะลิวัลย์

 

 

ร้านขนมไทยเจ้าดังขึ้นชื่อประจำย่านอารีย์ หากใครแวะมาเช้าๆ จะมั่นใจว่าได้กิน ‘ขนมเปียกปูน’ เมนูขายดีประจำร้านแน่นอน เนื่องจากร้านนี้เป็นร้านที่เปิดมานานหลายสิบปี ขายขนมไทยรสหอมมัน หวานกำลังดี ใช้สีธรรมชาติ ทำใหม่ทุกเช้า และมีเมนูให้เลือกเยอะ ทุกคนที่เดินผ่านจึงอดใจไม่ไหวและซื้อกลับไปกันหลายชิ้น ช่วงเย็นๆ ก็อาจเหลือตัวเลือกน้อยแล้ว

 

เมนูแนะนำของร้านขนมหวานมะลิวัลย์ เช่น เปียกปูน ตะโก้ สังขยา ส่วนราคาเริ่มต้น 20-60 บาท

 

ร้านขนมหวานมะลิวัลย์ เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00-18.00 น.

 

Walk

 

People of Ari

 

 

โรงละครประจำย่านอารีย์ที่มีโชว์และกิจกรรมให้แวะไปชมอยู่เรื่อยๆ ตอนแรกเคยอยู่ที่ Yellow Lane เนื่องจากผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์นี้ก็คือ มาร์ก ชาวออสเตรเลียผู้หลงใหลย่านอารีย์ แต่ตอนนี้ People of Ari มีพื้นที่ประจำเป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ด้านในมีทั้งห้องจัดแสดงและห้องรับรองกึ่งบาร์เครื่องดื่ม เสิร์ฟเมนูเดียวกับที่ Yellow Lane เลย

 

“People of Ari เป็นโปรเจกต์ใหม่ของคุณมาร์ก เขาตั้งใจสนับสนุนศิลปะและเปิดให้เป็น Social Space ประจำย่าน กิจกรรมก็มีทั้งละครเวทีหรือศิลปะการแสดงที่คนดูมีส่วนร่วมได้”

 

ถ้าใครอยากแวะมาดูนิทรรศการหรือกิจกรรมพิเศษ สามารถติดตามได้ที่ www.peopleofari.com

 

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

 

 

หลายคนอาจสงสัยว่าแถวกระทรวงทรัพยากรฯ มีอะไรให้เข้าไปเช็กอิน แต่ถ้าใครอยากเดินเล่นชมธรรมชาติ หามุมเงียบๆ ในย่านอารีย์ ตรงนี้คือที่ที่ชาวอารีย์มาพักผ่อน วิ่งออกกำลังกาย หรือเดินเล่นกัน

 

“ด้านหลังกระทรวงทรัพยากรฯ จะมีบึงอยู่ด้วย แต่อาจมีการตัดต้นไม้แล้วเปลี่ยนเป็นลู่วิ่ง ทั้งๆ ที่เดินข้ามถนนไปก็เป็นสวนสาธารณะของกรมประชาสัมพันธ์แล้ว ซึ่งตรงนั้นเป็นที่ที่คนในย่านอารีย์มาออกกำลังกายกัน หลายคนในย่านจึงไม่เห็นด้วยถ้าต้องทำลายพื้นที่ตรงนี้”

 

Numthong Art Space

 

 

อาร์ตสเปซในย่านอารีย์ที่คนรักศิลปะต้องรู้จัก Numthong เปิดมาตั้งแต่ปี 1997 อยู่แถวย่านสามเสน ก่อนจะย้ายมาอยู่ในย่านอารีย์เมื่อปี 2012 และเปลี่ยนจากแกลเลอรีเป็นอาร์ตสเปซ เพื่อจัดแสดงงานศิลปะได้หลากหลายขึ้น อีกทั้งเปิดพื้นที่ให้ศิลปินหน้าใหม่ได้จัดแสดงผลงานด้วย โดยเจ้าของคือ นำทอง แซ่ตั้ง นักสะสมงานศิลปะตัวยงผู้เป็นอีกคนสำคัญในวงการศิลปะของไทย

 

“คุณนำทองเคยเล่าให้เราฟังว่าเขาเป็นคนที่ไม่ได้เรียนเกี่ยวกับศิลปะมาก่อนเลย แต่ด้วยความ Passionate ในด้านศิลปะมากๆ ใช้เวลาอยู่กับศิลปินและปั้นศิลปินขึ้นมา ทำให้ตอนนี้เขาเป็นนักสะสมงานศิลปะมูลค่าสูงมากคนหนึ่ง” คุณฮามิชเล่าและพาพวกเราไปชมอาร์ตสเปซแห่งนี้

 

งานส่วนใหญ่ที่นำมาจัดแสดงจะเป็นสไตล์ที่คุณนำทองชอบ เช่น งานระบายสี งานประติมากรรม หรืองานศิลปะสมัยใหม่แนวร่วมสมัย โดยมีทั้งของชาวไทยและต่างชาติ

 

Numthong Art Space เปิดวันอังคาร-เสาร์ เวลา 11.00-18.00 น.

 

พิพิธภัณฑ์แผ่นเสียง

 

 

ที่นี่อยู่ในกรมประชาสัมพันธ์และเปิดให้เข้าฟรี ซึ่งรอบๆ จะมีสวนสาธารณะ ลู่วิ่ง บ่อน้ำ และสนามเทนนิสด้วย

 

“ในพิพิธภัณฑ์มีแผ่นเสียงเยอะมาก เพราะสมัยหมดยุควิทยุแผ่นเสียงเขาเรียกเก็บแผ่นกลับมารวมไว้ที่นี่ แล้วเจ้าหน้าที่จะคอยจัดเรียง แบ่งปี ให้เราสามารถดูความเก่าได้เลย ความน่าสนใจคือมีเพลงที่กรมประชาสัมพันธ์ผลิตเองให้ฟังด้วย เช่น เพลงวันสงกรานต์ เพลงปีใหม่ ก็สามารถหาฟังได้” คุณฮามิชบอก

 

“แต่น่าเสียดายที่พิพิธภัณฑ์เล็กๆ อีกแห่งซึ่งอยู่ในสวนกรมประชาสัมพันธ์ไม่สามารถเปิดให้เข้าชมได้ เป็นพิพิธภัณฑ์การกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ทั้งที่เนื้อหาข้างในดีมาก แต่กรมประชาสัมพันธ์ไม่มีงบพอที่จะดูแลส่วนนี้จึงต้องปิดไว้”

 

พิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุกรมประชาสัมพันธ์ เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-16.30 น.

 

The Yard

 

 

แม้จะเป็นโฮสเทลยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ทุกคนแวะไปนั่งเล่น กินอาหาร สั่งเครื่องดื่มได้ด้วย เพราะพื้นที่ด้านหน้ามีทั้งร้านเบอร์เกอร์ ร้านอาหารญี่ปุ่น คาเฟ่ ไปจนถึงร้านขายแผ่นเสียง ร้านทำเล็บ และร้านตัดสูท

 

“The Yard หรือชื่อภาษาไทยว่า ‘ญาติ’ เป็นเหมือนพลาซ่าของย่านอารีย์ ถ้าใครจัดกิจกรรมก็จะมารวมตัวกันที่นี่ อย่างเพื่อนบ้านอารีย์จัด Clothes Swap ก็จัดที่นี่ เพราะเราคุยกับเจ้าของ The Yard คือพี่ส้มกับพี่ส้ม พวกเขาก็สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและชุมชนเหมือนกัน รวมถึงอยากผลักดันคนรุ่นใหม่ด้วย เลยเปิดพื้นที่หน้าโฮสเทลให้มาทำธุรกิจได้” คุณฮามิชบอก

 

“ปกติพี่ชอบมาเที่ยวย่านอารีย์อยู่แล้ว เรารู้สึกว่าคุ้นเคยและสบายใจกับย่านนี้ เลยเข้ามาเปิดโฮสเทลที่นี่ แรกๆ ก็ไม่มีใครเห็นด้วย เพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวไปแต่แถวข้าวสารและสีลม แต่เราเชื่อว่ามันต้องมีสิคนที่ไม่ได้ชอบย่านวุ่นวายมาก และย่านนี้มีความน่ารักที่พี่อยากให้คนอื่นเห็นด้วย” พี่ส้ม หนึ่งในเจ้าของโฮสเทลพูด

 

MADBACON

 

 

คุณฮามิชพาเราแวะมาต่อที่ร้านชำน่ารักๆ ประจำย่านอารีย์ที่เต็มไปด้วยความแปลกใหม่ เชื่อว่าทุกคนต้องใช้เวลาในร้านนี้นานจนลืมแน่นอน โดยด้านในมี 2 ร้านอยู่ด้วยกัน คือ MADBACON ร้านชำสินค้าไลฟ์สไตล์ และคาเฟ่กึ่งแกลเลอรี Guest Room ที่เข้าไปนั่งพักจิบเครื่องดื่มชิลๆ ได้

 

ร้านนี้จะรวมของใช้ ของเล่น และของกินหลายๆ แบบที่เจ้าของเลือกมาเอง ตั้งใจให้ไม่ซ้ำที่อื่น เพราะอยากให้ทุกคนมาแล้วรู้สึกว่าของชิ้นนี้หาได้จากร้านนี้เท่านั้น เช่น Tiny Hand ของเล่นน่ารักๆ หรือเทียนหอมที่มีทั้งแบบเทียน สเปรย์ หรือธูปก็มี

 

MADBACON เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-19.00 น.

 

Drink

 

WineARI

 

 

เรียกว่าที่นี่เป็นคอมมูนิตี้ของคนรักไวน์ก็คงได้ เพราะเจ้าของร้านชาวฮังการี Zoltan เป็นผู้นำเข้าและนักชิมไวน์ตัวยง เขาจึงไม่อยากเปิดแค่ร้านขายไวน์ทั่วไป แต่เป็นสถานที่ที่ทุกคนจะนึกถึงเมื่ออยากจิบไวน์คุณภาพดี แปลกใหม่ เปิดโลก และได้ความรู้บวกคำแนะนำกลับไปด้วย

 

แถมทุกวันพฤหัสบดี เวลา 5 โมงเย็น ร้านจะมีอีเวนต์ชิมไวน์ โดยร้านจะเปิดไวน์ 1 ขวดให้ทุกคนแวะมาจิบได้ พร้อมมีชีสและโคลด์คัตให้แกล้มด้วย และถ้าหากใครสนใจ จะมีคลาสสอนชิมไวน์ ดูไวน์ และจับคู่ไวน์กับอาหารอีก เราว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าแวะมาหากใครอยากลองเริ่มจิบไวน์ดู

 

WineARI เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-21.00 น.

 

THE KEY ROOM NO.72

 

 

เพราะว่าย่านอารีย์เป็นที่อยู่อาศัยเสียส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยมีร้านแฮงเอาต์มากนัก แต่เราอยากให้ทุกคนแวะมาเดินเล่นย่านนี้แบบครบรส จึงขอแนะนำบาร์ค็อกเทลเพิ่มสักหนึ่งแห่ง ซึ่งนั่นก็คือ THE KEY ROOM NO.72 ในโรงแรม Josh Hotel เผื่อว่าใครอยากหาร้านนั่งดื่ม จบทริปเดินเล่นย่านอารีย์แบบสนุกๆ ชิลๆ

 

ด้านในบรรยากาศมีความคลาสสิก แต่ละคืนจะมีดีเจเปิดเพลงแตกต่างกัน มาพร้อมค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทางของ Mr.Josh ตัวละครประจำโรงแรม เมนูแนะนำ เช่น Mr.Josh Journey (400 บาท) A Drop in Tokyo (380 บาท) หรือ Fly Me to The Saturn (400 บาท)

 

THE KEY ROOM NO.72 เปิดทุกวัน เวลา 18.00-00.00 น.

 

 

ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์

The post 4 HOURS LIFE with ‘เพื่อนบ้านอารีย์’ เดินเล่นย่านเก่าที่ไม่เคยเก่าไปตามเวลา appeared first on THE STANDARD.

]]>
HUUS of BREAD x Sleep Enemy คาเฟ่เทกโอเวอร์สุดคูลที่จะอยู่เพียง 3 สัปดาห์ และมาพร้อมเมนูคอลแลบพิเศษเฉพาะที่นี่ https://thestandard.co/huus-of-bread-x-sleep-enemy/ Fri, 18 Nov 2022 11:23:43 +0000 https://thestandard.co/?p=711841

พอได้ยินว่าคาเฟ่ขนมปังย่านพระโขนงที่หลายคนโปรดปรานมาเปิ […]

The post HUUS of BREAD x Sleep Enemy คาเฟ่เทกโอเวอร์สุดคูลที่จะอยู่เพียง 3 สัปดาห์ และมาพร้อมเมนูคอลแลบพิเศษเฉพาะที่นี่ appeared first on THE STANDARD.

]]>

พอได้ยินว่าคาเฟ่ขนมปังย่านพระโขนงที่หลายคนโปรดปรานมาเปิดป๊อปอัพในย่านสะพานควาย แถมเริ่มวันนี้วันแรก เราก็รีบบึ่งไปนั่งจิบกาแฟกินคาร์บมื้อเช้าทันที เพราะการป๊อปอัพคราวนี้เป็นคาเฟ่เทกโอเวอร์ที่ร้าน ‘HUUS of BREAD’ จะยกเมนูยอดนิยมมาเสิร์ฟให้ชิมอยู่ที่คาเฟ่ ‘Sleep Enemy’ เพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น

 

“ร้าน HUUS of BREAD ใช้กาแฟเบลนด์พิเศษที่ Sleep Enemy ทำให้มาตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน พวกเราเลยคุยว่าอยากทำโปรเจกต์ร่วมกัน แต่ไม่อยากทำแค่เมนูพิเศษแล้วแยกกันขาย เราอยากทำอะไรที่สนุกกว่านั้น

 

“ก็เลยเกิดเป็นโปรเจกต์คาเฟ่เทกโอเวอร์ ที่เราเชื่อว่าลูกค้าจะได้ประสบการณ์และบรรยากาศใหม่ๆ จากทั้ง 2 ร้านด้วย” หนึ่งในทีม HUUS of BREAD บอกกับเรา

 

 

 

เขาบอกอีกว่า เนื่องจากร้านกาแฟ Sleep Enemy ให้อารมณ์กวนๆ เท่ๆ ส่วนคาเฟ่ขนมปัง HUUS of BREAD จะมาแนวโฮมมี่ผสมวินเทจ พวกเขาจึงตัดสินใจแต่งร้านด้วยคอนเซปต์สตรีทที่ผสมความขี้เล่นด้วยตัวการ์ตูน

 

“ตอนเตรียมงาน พวกเราสนุกกับคอนเซปต์มากๆ ครับ และเราก็เชื่อว่าหลายคนที่แวะมาจะต้องรู้สึกสนุกเช่นกัน”

 

 

 

มาถึงเมนูที่ร้าน HUUS of BREAD ยกมาเสิร์ฟให้ถึงถิ่น มีตั้งแต่เมนูซิกเนเจอร์ที่ทุกคนไม่ต้องเดินทางไปกินถึงพระโขนง และเมนูคอลแลบระหว่าง 2 ร้าน ซึ่งจะขายเฉพาะที่สาขานี้เท่านั้น

 

เริ่มจากเมนูซิกเนเจอร์ก่อน ‘Shonut (80-95 บาท)’ โดนัทแป้งโชคุปังที่ร้านพามาครบทั้ง 5 รสชาติ ได้แก่ วานิลลา เบอร์รี เลมอนเคิร์ด ช็อกโกแลต และมัทฉะ

 

‘Dusty Shonut (320 บาทต่อกล่อง)’ ก็มาป๊อปอัพอยู่ที่นี่เช่นกัน เป็นโดนัทแป้งโชคุปังในเวอร์ชันพอดีคำ กล่องหนึ่งมี 5 ชิ้น เลือกรสชาติได้คือ ช็อกโกแลต คาราเมลบิสคอฟฟ์ หรือผสม

 

 

โทสต์ที่หลายคนติดใจของ HUUS of BREAD ร้านนำมาให้เลือก 2 เมนู คือ Crispy Caramel Butter Toast (120 บาท) โชคุปังเคลือบเนยคาราเมลจนชุ่มและกรอบ

 

 

อีกเมนูเป็น Garlic Cream Cheese Toast (130 บาท) โชคุปังกระเทียมและครีมชีสที่คนชอบขนมปังสไตล์นี้ต้องไม่พลาดกันอยู่แล้ว แนะนำให้รีบกินตอนเสิร์ฟร้อนๆ จะได้กินชีสยืดๆ กับขนมปังกรอบหอมๆ ให้จุใจ

 

ทั้งสองเมนูเหมาะสั่งมากินคู่กับกาแฟของ Sleep Enemy ที่มีให้เลือกครบทุกชนิดเหมือนเดิม

 

 

 

ส่วนเมนูพิเศษที่มีเฉพาะสาขานี้เท่านั้น เป็น Creme Brulee Shonut (120 บาท) โชนัทเคลือบน้ำตาลคาราเมลราดซอสวานิลลาหอมๆ ร้านแนะนำให้สั่งมาพร้อมเครื่องดื่มพิเศษที่ Sleep Enemy ออกแบบมาให้คู่กัน Photograph (150 บาท) เป็นกาแฟลาเต้ที่ใช้นมวานิลลาและท็อปด้วยวานิลลาไอศกรีม

 

 

HUUS of BREAD จะมาเทกโอเวอร์ร้านกาแฟ Sleep Enemy ให้ทุกคนแวะมานั่งจิบกาแฟกินขนมปังได้ตั้งแต่วันนี้ – 11 ธันวาคม 2565 เท่านั้น เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ) เวลา 10.00-17.00 น. โดยร้านอยู่ในโครงการ The Hub อารีย์-สะพานควาย

 

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ HUUS of BREAD และ Sleep Enemy

The post HUUS of BREAD x Sleep Enemy คาเฟ่เทกโอเวอร์สุดคูลที่จะอยู่เพียง 3 สัปดาห์ และมาพร้อมเมนูคอลแลบพิเศษเฉพาะที่นี่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
TASTE: HUUS of BREAD Vol. 2 บ้านขนมปังหลังเดิม เพิ่มเติมลุคใหม่มาดเท่ฉลองครบรอบ 1 ปี https://thestandard.co/taste-huus-of-bread-vol-2/ Tue, 10 May 2022 10:04:36 +0000 https://thestandard.co/?p=626851 HUUS of BREAD

หลังจากที่บ้านขนมปังสีน้ำเงิน-ครีม-น้ำตาล ย่านพระโขนง H […]

The post TASTE: HUUS of BREAD Vol. 2 บ้านขนมปังหลังเดิม เพิ่มเติมลุคใหม่มาดเท่ฉลองครบรอบ 1 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
HUUS of BREAD

หลังจากที่บ้านขนมปังสีน้ำเงิน-ครีม-น้ำตาล ย่านพระโขนง HUUS of BREAD ได้เปิดให้บริการครบรอบ 1 ปีเป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 ทางทีมงานก็ได้เปิดตัวร้านโฉมใหม่ และเมนูใหม่ล่าสุดที่เกิดจากการรีวิวข้อดี-ข้อเสีย จุดเด่น-จุดด้อยของร้านเพื่อทดลองอะไรใหม่ๆ มากขึ้น จนกลายมาเป็น HUUS of BREAD Vol. 2 ให้เราได้ไปอัปเดตกันเป็นที่เรียบร้อย 

 

HUUS of BREAD

 

HUUS of BREAD Vol.2 มีการเติบโตขึ้นไปอีกขั้นตามกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลง และความชอบของทีมงานที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการปรับสีร้านให้คุมโทนเคร่งขรึมขึ้นด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์สีไม้เข้มเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการใช้สีดำ เทา และขาว รวมถึงการใช้วัสดุแบบ Raw Material อย่างหินหรือคอนกรีตหล่อรูปทรงอิสระที่แทรกแซมเข้ามาตามจุดต่างๆ ภายในร้าน การจัดวางแต่ละส่วนของร้านให้มีบรรยากาศความเป็นแกลเลอรีคาเฟ่สไตล์เกาหลีมากขึ้น

 

HUUS of BREAD

 

ทำให้ HUUS of Bread แห่งนี้มีมู้ดที่เติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น พร้อมเสิร์ฟเมนูใหม่ๆ มาเซอร์ไพรส์ลูกค้าเพิ่มขึ้นด้วย แต่อย่างไรก็ตามยังคงกลิ่นอายความเป็นบ้านขนมปังที่อบอุ่นแบบ HUUS of Bread เหมือนเดิม และยังคงมีน้องบีเวอร์เป็นมาสคอตประจำร้านมาแจกความสดใสแบบเต็มตัวในรูปแบบของเชฟอบขนมคาดผ้ากันเปื้อนคอยรอเสิร์ฟทุกคน

 

HUUS of BREAD

 

ทางด้านเมนูใหม่ๆ ของ HUUS of BREAD Vol. 2 ยังมีการคุมโทนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมู้ดและโทนของตัวร้านด้วย เริ่มจากเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่างช็อกโกแลตดริงก์สุดเข้มข้นจากวอลลุ่มแรกสู่การพัฒนาเป็น Hot Choco Served with Cream (160 บาท) ช็อกโกแลตร้อนที่ลูกค้าหลายคนถามหา เสิร์ฟมาในถ้วยคาปูชิโนสีขาวใบหนาแบบเต็มๆ คัพพร้อมกับวิปครีมในถ้วยเอสเพรสโซที่ให้ลูกค้าเล่นสนุกกับการดื่ม โดยเลือกตักครีมใส่ลงไปในถ้วยช็อกโกร้อนหรือว่าจะตักครีมมาดิปกับช็อกโกร้อนแล้วใส่ปากก่อนดื่มช็อกโกตามก็ได้เช่นกัน แนะนำให้ดื่มที่ร้านเพื่ออรรถรสในการจิบเครื่องดื่มร้อนแบบได้บรรยากาศเหมือนอยู่กาโรซูกิล

 

HUUS of BREAD

 

Brown Sugar Butter Toast (160 บาท) ลองคิดภาพโทสต์โชคุปังเนื้อหนานุ่มตัวซิกเนเจอร์ของทางร้านที่เราคุ้นเคย เวอร์ชันนี้ถูกนำมารีดีไซน์ใหม่ด้วยการหั่นครึ่งแล้วราดด้วยซอสฮันนี่บัตเตอร์สูตรโฮมเมดของทางร้านที่ทำจากน้ำผึ้งแท้ๆ ไม่ผสมน้ำตาลเลย โปะไอศกรีมวานิลลาลูกใหญ่ที่ทางร้านเลือกแบบที่หอมวานิลลา ทำให้รสชาติของเมนูนี้กลมกล่อม แนะนำให้รีบทาน 

 

Crème Brûlée Toast (180 บาท) ด้วยความที่ทางร้านเองก็เด่นเรื่องเมนูโทสต์ เลยมีการทดลองยกระดับโทสต์แบบสนุกสนานไปอีกขั้นเพื่อเสิร์ฟลูกค้าแบบกินที่ร้านโดยเฉพาะ ด้วยการโปะครีมคัสตาร์ดสดแบบลึกลงไปถึงเนื้อขนมปังจนได้ความหนา แล้วเบิร์นน้ำตาลมาด้านบนให้ลูกค้าได้เล่นสนุกกับการแคร็กแผ่นน้ำตาลเบิร์น ยังไม่พอ หั่นออกมายังได้เจอกับครีมเยิ้มๆ ด้วย หรือถ้าลูกค้านึกสนุกอยากเพิ่มไอศกรีมมากินนคู่กันก็สามารถแจ้งทางร้านได้เลย

 

HUUS of BREAD

 

ที่ขาดไม่ได้ และไม่พูดถึงไม่ได้คือวิวัฒนาการของเมนูโชนัทแสนถูกใจของทุกคนที่โทนอัพให้เคร่งขรึมขึ้นด้วยกันถึง 2 รสชาติ ได้แก่ Dusty Biscoff Salted Caramel (320 บาท) โชนัทไซส์ M สอดไส้ครีมคาราเมลที่ทางร้านทำเอง เคลือบด้วยซอสคาราเมล และคลุกด้วย Biscoff ป่นอีกที อัดแน่น 5 ชิ้นมาในกล่อง Box Set แต่ละชิ้นจะได้ Texture กรุบๆ มีความหวานหอมของซอสคาราเมล และรสชาติเค็มมันของ Salted Caramel 

 

อีกรสชาติคือ Dusty Chocolate (320 บาท) ที่ทางร้านอยากให้มีรสชาติ Messy ขึ้น จึงเลือกใช้ช็อกโกแลต Valrhona มาเป็นส่วนประกอบหลักโดยทั้งไส้ ผงคลุกด้านนอก รวมถึงครัมเบิลด้านบนก็ใช้ส่วนผสมจากช็อกโกและ Valrhona สุดเข้มข้น หวานน้อย กินได้แบบไม่รู้สึกผิดอีกด้วย อัดแน่นมาในกล่อง Box Set 5 ชิ้นเช่นกัน ส่วนแฟนคลับของโชนัทไซส์ L ไส้ต่างๆ ก็ยังมีเสิร์ฟเหมือนเดิมนะ 

 

HUUS of BREAD

HUUS of BREAD

 

สาวกร้าน HUUS of BREAD หรือคาเฟ่ฮอปเปอร์ที่ยังไม่เคยมีโอกาสแวะไป ต้องห้ามพลาดแล้วครั้งนี้

 

HUUS of BREAD

OPEN: เปิดให้บริการวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.30 น. (ปิดทุกวันจันทร์)

ADDRESS: ถนนพระราม 4 (BTS พระโขนง) จอดรถได้ที่ Summer Hill (มีค่าจอดรถ)

BUDGET: 150-300 บาท

CONTACT: โทรสั่งขนมหรือสอบถามเพิ่มเติม 08 3003 4926

WEB: https://facebook.com/huusofbread 

https://instagram.com/huusofbread 

MAP: https://goo.gl/maps/UnvU1aSsNxi2k8ZD8

 

 

The post TASTE: HUUS of BREAD Vol. 2 บ้านขนมปังหลังเดิม เพิ่มเติมลุคใหม่มาดเท่ฉลองครบรอบ 1 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
Sanan Bakery กระท่อมขนมปังหลังน้อยที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของขนมอบ และความคิดถึงจากวันวาน https://thestandard.co/sanan-bakery/ Sat, 16 Apr 2022 11:57:48 +0000 https://thestandard.co/?p=618040 Sanan Bakery

    ไม่นานมานี้ เรามีโอกาสเดินทางมาเยือน ‘San […]

The post Sanan Bakery กระท่อมขนมปังหลังน้อยที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของขนมอบ และความคิดถึงจากวันวาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Sanan Bakery

 

Sanan Bakery

 

ไม่นานมานี้ เรามีโอกาสเดินทางมาเยือน ‘Sanan Bakery (สนั่นเบเกอรี่)’ คาเฟ่แห่งใหม่ในตลาด อ.ต.ก. ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นาน แต่เต็มไปด้วยมนตร์ขลังความอร่อยจากเหล่าขนมอบที่สืบทอดส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น กับบรรยากาศร้านที่อบอุ่น ละมุนใจเป็นที่สุด

 

 

ชื่อของ ‘สนั่นเบเกอรี่’ เป็นที่รู้จักของคนไทยมายาวนานร่วมกว่า 60 ปี ในฐานะร้านเบเกอรีแบบไทยๆ เจ้าแรกๆ ที่กล้าลุกขึ้นมาลุยตลาดขนมอบในกรุงเทพฯ ประเทศไทย การันตีความอร่อยโดย คุณตาสนั่น บุณยรัตพันธ์ ผู้ปลุกปั้นตำนานความอร่อยและความใส่ใจ ก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับลูกชายคนเล็ก น้าอ๊อด-ภูมิพัฒน์ บุณยรัตพันธ์ 

 

เรื่อยมาจนถึงล่าสุด ที่ทายาทรุ่นที่ 3 ของคุณตาสนั่น นำโดย มะเหมี่ยว-จารุภัส ตังควัฒนกุล, มิว-พนิตตา ตังควัฒนกุล ทายาท และอ้อม-จิรันตน์ เลิศพิทักษ์พงศ์ ได้ขออาสาหยิบความอร่อยจากวันวานมาพลิกโฉมให้สนุก สดใหม่ หวือหวาขึ้นกว่าเดิม ด้วยการรีแบรนด์และจับสนั่นเบเกอรี่มาอยู่ในรูปลักษณ์ของคาเฟ่กระท่อมขนมปัง 

 

Sanan Bakery

อ้อม-จิรันตน์ เลิศพิทักษ์พงศ์ (ซ้าย) และมะเหมี่ยว-จารุภัส ตังควัฒนกุล (ขวา) ทายาทรุ่นที่ 3 ของคุณตาสนั่น

 

“เราอยากนำขนมอบ เบเกอรีแบบโบราณที่หาทานได้ยาก เป็นเอกลักษณ์ของสนั่นเบเกอรี่ตั้งแต่อดีตมาเสิร์ฟให้กับกลุ่มลูกค้า วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ ด้วยความใส่ใจ ความอร่อย และความปรารถนาดี” จารุภัส หนึ่งในทายาทรุ่นที่ 3 ของสนั่นเบเกอรี่บอกกับเรา

 

แน่นอนว่าสนั่นเบเกอรี่ไม่ได้มีดีแค่การออกแบบตกแต่งร้านที่มีมุมถ่ายรูปแสนเก๋ตามฉบับคาเฟ่สมัยนิยมเท่านั้น เพราะรสชาติของเบเกอรีทุกชิ้น เครื่องดื่มทุกแก้วที่สนั่นเบเกอรี่นำเสนอออกมาก็ดีต่อใจ ชุบชูความรู้สึก ประหนึ่งว่าได้นั่งไทม์แมชชีนหวนกลับไปนึกถึงความสุขของวันวานเมื่อครั้งได้ลิ้มชิมรสความอร่อยของเบเกอรีสมัยเยาว์วัยในทุกๆ ครั้งที่ได้ลิ้มรสขนมและดื่มด่ำกับเครื่องดื่มของร้านแห่งนี้อย่างไรอย่างนั้น 

 

Sanan Bakery

บรรยากาศภายในร้าน

 

ที่สำคัญ ด้วยความที่ตัวผู้เขียนเองไม่ได้เป็นคนที่นิยมรับประทานรสหวานจัดสักเท่าไร เมื่อมาเจอขนมแต่ละชิ้นของสนั่นเบเกอรี่แล้วต้องบอกว่าตรงจริตเลย เพราะที่นี่จะไม่ได้เน้นรสชาติที่หวานจัด แต่เป็นความหวานในระดับที่คาบเกี่ยวระหว่างหวานธรรมดาและหวานน้อย เรียกง่ายๆ ว่าเป็นหวานแบบพอดีๆ ด้วยความที่ทางร้านเข้าใจบริบทรสนิยมการรับประทานหวานของผู้คนในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป

 

โดยมากเบเกอรีที่สนั่นจะเน้นกลุ่มขนมอบและพายเป็นหลัก ซึ่งเป็นเมนูที่พัฒนาสูตรและสืบทอดมาจากคุณตาสนั่น เต็มไปด้วยความจริงใจ รับประทานง่าย (แต่ทำไม่ง่ายเลย) และบางส่วนก็เป็นเบเกอรีสมัยนิยม อาทิ ชิโอะปัง ครอฟเฟิล ฯลฯ 

 

 

โคนครีม ซิกเนเจอร์เมนูของร้าน ที่หารับประทานได้ยากมากๆ 

 

เมนูเบเกอรีที่เป็นซิกเนเจอร์ของสนั่นเบเกอรี่ ต้องยกให้ โคนครีม (45 บาท) พายแบบแท่งโคนเกลียวสอดไส้ด้วยครีมคัสตาร์ดสุดพิเศษ หอมหวานแบบไม่ทำร้ายสุขภาพ เข้ากันได้ดีลงตัวแบบสุดๆ โดยน้าอ๊อดแอบกระซิบบอกกับเราว่า โคนครีมเป็นเมนูที่มีความหมายกับสนั่นเบเกอรี่มาก เพราะเป็นขนมชิ้นแรกที่คุณตาสนั่นทำออกมาในวันที่ทำเบเกอรีเป็น

 

ยิ่งไปกว่านั้น กระบวนการขั้นตอนต่างๆ ในการทำโคนครีมขึ้นมาสักชิ้นก็ยังเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะหากไม่ระมัดระวังมากพอ ทำออกมาได้ไม่ดี ตัวโคนแท่งก็จะหักได้ ทำให้ร้านเบเกอรีส่วนใหญ่ในปัจจุบันจึงไม่นิยมทำกัน (แท่งแม่พิมพ์ที่ใช้ในการขึ้นรูปตัวโคนของทางร้านใช้สืบทอดแบบทะนุถนอมกันมาตั้งแต่รุ่นของคุณตาสนั่น!) เห็นจะมีก็แค่สนั่นเท่านั้นแหละที่ยังอบออกจากเตาร้อนๆ ทำออกมาต่อเนื่องกว่า 6 ทศวรรษ

 

 

Sanan Bakery

พายสตาร์ (ซ้าย) และแพตตี้ (ขวา) พายสับปะรดสองรูปแบบ กับรสสัมผัสที่แตกต่างกัน

 

พายสตาร์ (50 บาท) และแพตตี้ (60 บาท) พายสับปะรดทั้งสองรูปแบบ แตกต่างกันด้วยหน้าตา รสสัมผัส เนื้อสับปะรดกวนด้านใน และกรรมวิธีในการอบความอร่อย พายสตาร์จะมีหน้าตาเหมือนดาว ตัวพายเป็นพายแบบกรอบ เนื้อสับปะรดกวนด้านในจะมีความเหนียวหนึบเล็กน้อย 

 

ส่วนแพตตี้จะเป็นพายแบบเนื้อนุ่ม อย่างที่บอกว่ากรรมวิธีการอบที่แตกต่างกัน จึงทำให้ไส้สับปะรดกวนของแพตตี้มีความวานชุ่มฉ่ำกว่า ตักทานเต็มคำเข้าปาก ลงตัวอย่าบอกใคร เมื่อเทียบกับสตาร์ ส่วนตัวผู้เขียนแอบปันใจให้แพตตี้มากกว่า

 

พายไก่สูตรพิเศษโดยคุณยายแตงอ่อน ที่น้าอ๊อดบอกว่า เป็นพายไก่สูตรที่เน้นรสชาติแบบไทยๆ 

 

พายไก่ (70 บาท) หรือ Chicken Puff เบเกอรีลูกผสมกึ่งคาวหวาน เนื้อซอสครีมขาวอมหวานสูตรพิเศษของคุณยายแตงอ่อน ภรรยาของคุณตาสนั่น ที่น้าอ๊อดบอกว่าเป็นพายไก่ฉบับที่เน้นรสชาติแบบไทยๆ ไส้ด้านในอัดแน่นไปด้วยเนื้อไก่ แครอต มัน เหมาะรับประทานรองท้องช่วงสายของวัน

 

Sanan Bakery

Spinach Quiche หรือพายผักโขมอบชีส เสิร์ฟแบบร้อนๆ ถาดต่อถาด ชิ้นต่อชิ้น

 

ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งเมนูที่สนั่นเบเกอรี่ภูมิใจนำเสนอ Spinach Quiche หรือคิชผักโขม (150 บาท) ความพิเศษของเมนูนี้คือการเป็นพายผักโขมอบชีสชิ้นโต เนื้อพายด้านนอกถูกอบจนกรอบ ลงตัวและเข้ากันได้ดีมากๆ เมื่อบรรจงลงมีดหั่นชิ้นพอดีคำ รับประทานคู่กับไส้ผักโขมชีสที่อุดมไปด้วยเครื่องเทศ ลูกจันทน์ และลดความจำเจด้วยลูกเล่นเนื้อเบคอนที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน อร่อยแปลกลิ้นไปอีกแบบ แม้จะมีราคาต่อชิ้นสูงกว่าใครเพื่อน แต่ก็พอเข้าใจได้เมื่อวัดจากคุณภาพของวัตถุดิบ กรรมวิธีในการทำและรสชาติ

 

ตบท้ายด้วยเมนูเครื่องดื่มของที่ร้าน ซึ่งทั้งหมดถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาใหม่แบบ 100% จำแนกออกเป็น เมนูกาแฟ และเมนูน้ำโซดาผลไม้ เนื่องจากเดิมที สนั่นเบเกอรี่ในยุคของคุณตาสนั่นและน้าอ๊อดจะไม่ได้มีเมนูเครื่องดื่มรองรับลูกค้า แต่เมื่อตกทอดมาอยู่ในมือของทายาทรุ่นที่ 3 แล้ว พวกเขาและเธอจึงช่วยกันรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มเหล่านี้ออกมาเพิ่มความสนุก ดับกระหายให้กับลูกค้าที่เดินทางแวะเวียนมาที่ร้าน

 

Einspänner (ไอน์สแปนเนอร์) กาแฟเวียนนาสูตรพิเศษแบบสนั่น เนื้อครีมแบบโฮมเมด ละมุนลิ้นจนต้องห้ามใจไม่แบ่งคนที่มาด้วย

 

Einspänner (ไอน์สแปนเนอร์ 150 บาท) กาแฟเวียนนาสูตรพิเศษที่พนิตตาพัฒนา และต่อยอดในแบบของเธอเอง หลังได้แรงบันดาลใจจากคาเฟ่และเมนูโปรดของชาวเกาหลีใต้ ความพิเศษของกาแฟสเปเชียลตี้แก้วนี้ คือร้านใช้ฟองครีมนมที่ตีขึ้นมาเองแบบโฮมเมดโรยออนท็อปกาแฟเอสเพรสโซ 

 

“แรงบันดาลใจมาจากที่เราชอบไปเที่ยวเกาหลี และพบว่าคนเกาหลีชอบดื่มกาแฟชนิดหนึ่ง ซึ่งภายหลังจากรีเสิร์ชก็พบว่ามันคือ ‘กาแฟเวียนนา (กาแฟผสมครีม)’ จริงๆ แล้วในไทยก็มีร้านที่ขายเมนูนี้อยู่ แต่ก็แค่จำนวนหนึ่ง เลยตัดสินใจนำมาพัฒนาต่อเพราะคิดว่าเป็นเมนูที่น่าจะสามารถเข้าถึงได้ทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นก่อน” พนิตตาเล่า

 

วิธีการรับประทานคือให้ตักเนื้อครีมเนื้อนุ่มเบาละมุนลิ้นข้างบนละเมียดรับประทานก่อน แล้วค่อยๆ บรรจงยกแก้วกระดก ลากกาแฟเอสเพรสโซทะลุผ่านเนื้อครีมด้านบนซดเข้าไป บอกเลยว่าความเข้มหอมของกาแฟ เข้ากับเนื้อครีมมัน หอมหวานได้ลงตัว คอกาแฟนมจะต้องหลงรักเมนูนี้แน่นอน (แม้แต่สายกาแฟอเมริกาโนอย่างเรายังแอบหลงรักแก้วนี้!) 

 

ส่วนใครที่ไม่ถนัดงานกาแฟ ไม่ต้องน้อยใจไป ทางร้านยังมีอีกเมนูลูกพี่ลูกน้องอย่าง Messy Matcha (160 บาท) ที่หน้าตาคล้ายกับ Einspänner แตกต่างกันตรงที่เปลี่ยนจากเอสเพรสโซมาใช้เบสเป็นมัทฉะแทน ให้ความมัน นัว หอม อร่อย ไม่แพ้กัน

 

Sanan Bakery

ค่อยๆ ละเมียดตักเนื้อครีมด้านบนรับประทาน อร่อยแบบไม่เผื่อแผ่ใคร

 

อ้อ ลืมบอกไปว่า ทางร้านจะเน้นใช้เมล็ดกาแฟสูตร House Blend คั่วกลางเป็นหลัก เพราะให้รสสัมผัสและกลิ่นที่ออกฟรุตตี้หน่อยๆ มีความสดชื่นลงตัว และตอบโจทย์คนรักกาแฟแทบทุกกลุ่ม

 

Iced Caramel Macchiato ใช้ซอสคาราเมลกวนเอง สูตรพิเศษของร้าน

 

อีกหนึ่งเมนูกาแฟที่เราเลือกมาต้องยกให้ Iced Caramel Macchiato (120 บาท) ความพิเศษคือ ซอสคาราเมลที่ใช้เป็นซอสที่ร้านกวนขึ้นมาเองแบบวันต่อวัน เพื่อคงความสดและรสชาติที่ดีที่สุด ตัวซอสหอมหวานละมุน เข้มข้น เข้าถึงความเป็นคาราเมลแบบไม่ประนีประนอม ใครชอบ Caramel Machiato เป็นทุนเดิม มาสนั่นเบเกอรี่ต้องห้ามพลาดแก้วนี้

 

Summer Berry (ซ้าย) และ Flizzy Citrus (ขวา) สองเมนู Sparkling Soda ซาบซ่า สดชื่น ดับร้อน

 

ตัดรสเพิ่มความซาบซ่าท้าไอร้อนด้วยเมนูกลุ่ม Sparkling Soda กันเสียหน่อย เริ่มที่ Summer Berry (120 บาท) กับส่วนผสมของ Wild berry เบอร์รีป่าที่ให้รสสัมผัสและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสริมความสดชื่นด้วยความเปรี้ยวอมหวานจากเลมอน บอกเลยว่าแก้วนี้เป็นเมนูที่พิเศษและสนุกมาก สมกับความตั้งใจของจิรันตน์และพนิตตา สองทายาทของคุณตาสนั่นที่อยากให้ Summer Berry มีเลเยอร์ของรสชาติและกลิ่นที่วาไรตี้ สนุก ในทุกๆ ครั้งที่หยิบแก้วขึ้นมาดื่ม และพากันทายว่าส่วนผสมของมันคืออะไรกันแน่!

 

ปิดท้ายด้วย Flizzy Citrus (140 บาท) Seasoning Menu ที่คิดค้นขึ้นมาด้วยความมหัศจรรย์โดยบาริสต้า วางขายเฉพาะแค่ช่วงหน้าร้อนนี้เท่านั้น 

 

ตัวเบสเป็นน้ำส้มผสมน้ำผึ้ง ใช้แยมส้มซีทรอน (ส้มยูซุเชื่อมน้ำผึ้ง) เข้ามาช่วยยกระดับกลิ่นหอมให้คละคลุ้งอบอวลมากย่ิงขึ้น เลือกใช้เลมอนฝานบางหั่นชิ้นเล็กๆ เข้าไปผสมในตัวน้ำ เพิ่มเท็กซ์เจอร์ความสนุกให้เราได้ขบเคี้ยวในทุกครั้งที่ดูดน้ำ ออนท็อปด้วยเลมอนเชื่อมของร้าน แก้วนี้สดชื่นแบบเหนือความคาดหมาย ดีต่อใจ ดับกระหายได้หายห่วง

 

มุมขายของร้านที่เจาะหน้าต่างเป็นรูปขนมปัง ตัวร้านมีทั้งโซนอินดอร์และเอาต์ดอร์ให้เลือกนั่ง กว้างขวาง 

 

Sanan Bakery (สนั่นเบเกอรี่) 

Address: 101 ถนนพหลโยธิน (หลังตลาด อ.ต.ก. ติดประตู 4) / (มีให้สั่งใน LINE MAN และ Robinhood ด้วย)

Open: เปิดให้บริการวันพฤหัสบดี-อังคาร เวลา 07.00-18.00 น. 

Budget: เริ่มต้น 200-300 บาท 

Contact: 08 5966 4987

Web: www.facebook.com/sananbakery1968 

Map:

 

 

The post Sanan Bakery กระท่อมขนมปังหลังน้อยที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของขนมอบ และความคิดถึงจากวันวาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
NEW OPENING: ครัวซองต์คิวยาว Maesalong Croissant เปิดให้บริการสาขา 2 แล้วในย่านรัชดา https://thestandard.co/new-opening-maesalong-croissant/ Thu, 17 Mar 2022 06:35:11 +0000 https://thestandard.co/?p=606735 Maesalong Croissant

หากใครจำกันได้ในช่วงราว 2 ปีที่ผ่านมา บ้านเรามีร้านเบเก […]

The post NEW OPENING: ครัวซองต์คิวยาว Maesalong Croissant เปิดให้บริการสาขา 2 แล้วในย่านรัชดา appeared first on THE STANDARD.

]]>
Maesalong Croissant

หากใครจำกันได้ในช่วงราว 2 ปีที่ผ่านมา บ้านเรามีร้านเบเกอรีที่โฟกัสที่ครัวซองต์เปิดเพิ่มขึ้นเยอะมากๆ กลายเป็นกระแสของเหล่านักกินที่ต้องไปลองชิมกันให้ครบทุกร้าน 

 

ซึ่งหนึ่งในร้านที่เปิดให้บริการในช่วงปี 2563 และขึ้นชื่อว่าคิวยาวที่สุดร้านหนึ่งก็คือ Maesalong Croissant ร้านครัวซองต์ย่านเมืองเก่าจาก อั้ม-ธันวา จำปาภา โดยตัวร้านขนาดกะทัดรัดตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่ของโรงพิมพ์ศรีหงส์ เติมความอบอุ่นให้กับโครงสร้างอาคารเก่าที่กลิ่นหอมๆ ของครัวซองต์อบใหม่นั้นทำให้มีลูกค้าต่อแถวยาวไม่เว้นแต่ละวัน กลายเป็นภาพจำที่เรามีต่อสาขานี้ไปโดยปริยาย 

 

ข่าวดีคือเมื่อวานนี้ (16 มีนาคม) Maesalong Croissant ก็ได้ขยับขยายข้ามฝั่งจากย่านเมืองเก่ามาเปิดสาขาที่ 2 ในย่านรัชดาแล้วเรียบร้อย โดยคราวนี้ตั้งอยู่ตรง MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทางออก 3 ติดกับเอสพลานาด รัชดาภิเษก ใครใกล้สาขานี้มากกว่า LINE ไปจองครัวซองต์ก่อนล่วงหน้า แล้วแวะไปรับกันได้เลย 

 

ครัวซองต์จากแม่สลองสาขานี้ยังยืนพื้นเมนูเดิมของร้านอย่าง Croissant Butter (75 บาท), Kouign-Amann (40 บาท) หรือจะเป็น Burger•C (140 บาท) ครัวซองต์แบบคาวที่สอดไส้หมูทอด ส่วนหากใครที่เป็นสายหวานไม่ควรพลาด Kouignlato (80 บาท) ที่หยิบควิญามันมาสอดไส้ไอศกรีมเจลาโต 

 

Maesalong Croissant สาขา MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เปิดให้บริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10:30-19:00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11:30-19:00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/MaesalongCroissant/ 

 

ภาพ: Courtesy of Maesalong Croissant

The post NEW OPENING: ครัวซองต์คิวยาว Maesalong Croissant เปิดให้บริการสาขา 2 แล้วในย่านรัชดา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไม่ใช่สังขยา แต่คือ Bread Spread ไทยเจ้าใหม่ที่เลือก Edamame มาคู่กับ White Chocolate https://thestandard.co/benas-bread-spread/ Fri, 11 Feb 2022 10:45:50 +0000 https://thestandard.co/?p=593248 Benas

เมื่อพูดถึง Bread Spread ที่กินกับขนมปังปิ้งตอนเช้าๆ เร […]

The post ไม่ใช่สังขยา แต่คือ Bread Spread ไทยเจ้าใหม่ที่เลือก Edamame มาคู่กับ White Chocolate appeared first on THE STANDARD.

]]>
Benas

เมื่อพูดถึง Bread Spread ที่กินกับขนมปังปิ้งตอนเช้าๆ เรามักจะนึกถึงเนยถั่ว แยมผลไม้ หรือสเปรดช็อกโกแลตเฮเซลนัทขวัญใจมหาชนอย่างแบรนด์นูเทลล่า แต่หากใครกำลังมองหาสเปรดรสชาติใหม่ๆ ล่าสุดเราได้รู้จักกับเสปรดสีเขียวที่มองผิวเผินชวนให้นึกว่าเป็นสังขยา แต่ที่จริงแล้วคือการผสมกันระหว่างถั่วแระญี่ปุ่นกับไวต์ช็อกโกแลต 

 

แบรนด์สเปรดจากคนไทยนาม ‘Benas’ (บีนาส) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากถั่วแระญี่ปุ่นหรือ ‘เอดามาเมะ’ หนึ่งในวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมมาช้านาน จัดเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ ทั้งโปรตีน วิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เมื่อนำมาผสมกับไวต์ช็อกโกแลตจึงได้รสชาติที่นุ่มนวลหอมหวานแปลกใหม่ โดยทางแบรนด์เลือกใช้น้ำมันรำข้าวที่เป็นไขมันดี เพื่อทำให้สเปรดขวดนี้ถึงจะหวาน แต่ก็หวานด้วยส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพ 

 

นอกจากจะป้ายขนมปังเป็นอาหารเช้า เรายังสามารถนำมาพลิกแพลงได้ตามใจ ทั้งจิ้มกับปาท่องโก๋ ทำเป็นไส้โรตี หรือจิ้มแครกเกอร์ก็ได้ทั้งนั้น และสามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เกตทั่วไป ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://web.facebook.com/Benas.Spread 

 

ภาพ: Courtesy of BENAS

The post ไม่ใช่สังขยา แต่คือ Bread Spread ไทยเจ้าใหม่ที่เลือก Edamame มาคู่กับ White Chocolate appeared first on THE STANDARD.

]]>
Holey Ruamrudee ยานลูกสาขาใหม่ของร้านขนมปังเจ้าอร่อยลงจอดแล้วที่ซอยร่วมฤดี https://thestandard.co/holey-ruamrudee-soi-ruamrudee/ Tue, 08 Feb 2022 05:39:31 +0000 https://thestandard.co/?p=591682 Holey Ruamrudee

Holey Artisan Bakery ร้านขนมปังโฮมเมดเจ้าดังของกรุงเทพฯ […]

The post Holey Ruamrudee ยานลูกสาขาใหม่ของร้านขนมปังเจ้าอร่อยลงจอดแล้วที่ซอยร่วมฤดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
Holey Ruamrudee

Holey Artisan Bakery ร้านขนมปังโฮมเมดเจ้าดังของกรุงเทพฯ ที่เปิดเตาส่งต่อความอร่อยมาตั้งแต่ปี 2016 โดยเริ่มต้นจากการอบขนมปังกินเองที่บ้าน จนกระทั่งพัฒนาเป็นสูตรขนมปังแสนอร่อยประจำสองสาขาหลักที่ซอยสุขุมวิท 31 และซอยสวนพลู จนเมื่อปีที่แล้วทางร้านย้ายฐานการผลิตขนมปังทั้งหมดมาอยู่ในซอยปรีดี พนมยงค์ 14 ภายใต้ชื่อ Holey Mothership ยานแม่เบเกอรีลำใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม และล่าสุดยานแม่ปล่อยยานลูกลงจอดที่ซอยร่วมฤดี ภายในโรงแรม The Quart Ruamrudee by UHG

 

แน่นอนว่าขนมปังอบสดใหม่ยังคงจัดเต็มหลายประเภท ส่วนเมนูอิ่มท้องสไตล์บรันช์ก็มีให้บริการเช่นเคย หากยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นที่เมนูไหนดี เราแนะนำ Marcolino (400 บาท) ขนมปังบาแกตต์หั่นครึ่ง ยัดผักรวม มะเขือเทศแดดเดียว โพรโวโลนชีส สเปกแฮม คอปปาแฮม แฮมรมควัน พริกดอง มายองเนส น้ำมันมะกอก และเอจบัลซามิก เครื่องแน่นแบบนี้ แค่ชิ้นเดียวก็อิ่มยาวตลอดวัน

 

Holey Ruamrudee เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 07.00-19.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/holeybread 

 

Holey Ruamrudee

 

 

ภาพo: Courtesy of Holey Artisan Bakery, นวลตา วงศ์เจริญ

The post Holey Ruamrudee ยานลูกสาขาใหม่ของร้านขนมปังเจ้าอร่อยลงจอดแล้วที่ซอยร่วมฤดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
กล้ากินน้องไหม? ขนมปังน้องแมวหลากรส เพื่อฉลองวันแห่งแมวและช่วยเหลือน้องแมวในญี่ปุ่น https://thestandard.co/all-hearts-mall-cat-bread-japan/ Mon, 17 Jan 2022 09:53:55 +0000 https://thestandard.co/?p=583442 All Hearts Mall

จะมีกิจกรรมอะไรที่น่ารักไปกว่าการกินขนมปังรูปน้องแมวเพื […]

The post กล้ากินน้องไหม? ขนมปังน้องแมวหลากรส เพื่อฉลองวันแห่งแมวและช่วยเหลือน้องแมวในญี่ปุ่น appeared first on THE STANDARD.

]]>
All Hearts Mall

จะมีกิจกรรมอะไรที่น่ารักไปกว่าการกินขนมปังรูปน้องแมวเพื่อฉลองวันแห่งแมว ในภาษาญี่ปุ่น เลข 2 นั้นออกเสียงคล้ายกับเสียงร้องของแมว ร้านขนม All Hearts Mall ในญี่ปุ่น จึงมีการเล่นคำและตั้งให้วันที่ 22 ของทุกเดือนเป็นวันแห่งแมว และเพื่อเป็นการฉลองวันแห่งแมวครั้งแรกของปี ทางร้านจึงออกขนมปังน้องแมวแต่มีลายเป็นเสือให้เข้ากับปีขาลมาให้ทุกคนได้ฉลองกันในวันที่ 22 มกราคมนี้

 

All Hearts Mall

 

โดยปกติขนมปังน้องแมวของทางร้านนั้นมีหลายรสชาติอยู่แล้ว ตั้งแต่รสนมที่เป็นรสดั้งเดิม รสช็อกโกแลต, ถั่วแดง, ชีส และลูกเกด ส่วนขนมปังน้องแมวลายเสือเป็นขนมปังรสฟักทองและช็อกโกแลต มีสีเหลืองจากแป้งฟักทอง และมีลวดลายสีน้ำตาลพาดเหมือนเสือจากแป้งช็อกโกแลต ซึ่งแป้งช็อกโกแลตจะออกขมเล็กน้อย แต่เมื่อผสานรสชาติกับแป้งฟักทองและนมกับครีมที่เป็นส่วนผสมหลัก ก็หวานลงตัวแบบพอดี มาในกล่องรูปบ้านแมวแสนน่ารัก พร้อมกับปากกาช็อกโกแลต 2 แท่งสำหรับวาดหน้าตาให้ขนมปัง

 

All Hearts Mall

All Hearts Mall

 

ขนมปังของทางร้านไม่ใช่แค่น่ารักอย่างเดียว แต่เป็นขนมปังอบสดใหม่ที่ทำจากแป้งสาลีที่ปลูกในญี่ปุ่น ผสมกับนมและครีมที่เป็นวัตถุดิบที่ผลิตในญี่ปุ่น ให้เนื้อนุ่ม ละมุนลิ้น และชุ่มฉ่ำตลอดเวลา สำหรับใครที่อยากให้ขนมปังน้องแมวน่ารักมากกว่านั้นคือ คุณสามารถวาดหน้าแมวเพิ่มลงไปได้ด้วยปากกาช็อกโกแลตที่มาพร้อมกับขนมปัง หรือจะสร้างหน้าแมวจากท็อปปิ้งหลายชนิด อย่างการใช้กล้วยหั่นแว่นและบลูเบอร์รีแทนตาแมวก็สนุกดีเหมือนกัน นอกจากนี้ทุก 1 เยนของยอดขายขนมปังน้องแมว ทางร้านจะบริจาคให้กับศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ เพื่อไม่ให้มีแมวต้องทุกข์ทรมานเพราะการถูกทอดทิ้งอีกด้วย สามารถสั่งจองขนมปังน้องแมวได้ที่ https://hbantique.official.ec/

 

อ้างอิง:

The post กล้ากินน้องไหม? ขนมปังน้องแมวหลากรส เพื่อฉลองวันแห่งแมวและช่วยเหลือน้องแมวในญี่ปุ่น appeared first on THE STANDARD.

]]>
เชียงใหม่อยู่ใกล้แค่ราชพฤกษ์! สองคาเฟ่แห่งเชียงใหม่ในหนึ่งเดียว GROON x Cheevit Cheeva https://thestandard.co/groon-x-cheevit-cheeva/ Wed, 15 Dec 2021 10:39:47 +0000 https://thestandard.co/?p=571754 GROON x Cheevit Cheeva

ราชพฤกษ์กำลังจะกลายเป็นเชียงใหม่ เพราะคาเฟ่เจ้าใหญ่ 2 เ […]

The post เชียงใหม่อยู่ใกล้แค่ราชพฤกษ์! สองคาเฟ่แห่งเชียงใหม่ในหนึ่งเดียว GROON x Cheevit Cheeva appeared first on THE STANDARD.

]]>
GROON x Cheevit Cheeva

ราชพฤกษ์กำลังจะกลายเป็นเชียงใหม่ เพราะคาเฟ่เจ้าใหญ่ 2 เจ้าจากเชียงใหม่มารวมกันเป็นหนึ่งเดียว GROON x Cheevit Cheeva คือคาเฟ่ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ เป็นการรวมตัวกันของคาเฟ่ขนมปังยีสต์ธรรมชาติสุดคราฟต์จากเชียงใหม่ และร้านขนมหวานชื่อดังของเชียงใหม่ที่เน้นเมนูบิงซู กลายเป็นร้านใหม่สไตล์มินิมัลที่หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นขนมปังและขนมหวาน

 

 

หลายคนอาจรู้จัก Cheevit Cheeva ดีอยู่แล้ว ในส่วนของ GROON นั้น หากใครที่ยังไม่คุ้นเคย GROON เป็นคาเฟ่เชียงใหม่ที่เน้นขนมปังอบสดใหม่ทุกเช้า ที่ใครไปเชียงใหม่ก็น่าจะคุ้นหูคุ้นตากันอยู่ ด้วยเมนูขนมปังยีสต์ธรรมชาติของร้านที่โด่งดังจนใครๆ ก็ต้องมาจับจอง คราวนี้ไม่ต้องไปไกลถึงเชียงใหม่แล้ว เพราะ GROON มาเปิดให้ชาวกรุงเทพฯ ได้เดินทางมาชิมกันแบบสะดวกสบายที่ย่านราชพฤกษ์เรียบร้อย

 

 

เมนูที่น่าสนใจและอย่างไรก็ต้องสั่งคือ Natural Yeast Bread Set (125 บาท) ชุดขนมปังยีสต์ธรรมชาติซิกเนเจอร์ของร้าน GROON ที่เสิร์ฟพร้อมแยมโฮมเมด กินคู่กับเครื่องดื่มแบบไหนก็เข้ากันดี ส่วนอีกหนึ่งเมนูที่ทุกคนต้องสั่งกันคือ Natural Yeast Truffle Bun (110 บาท) บันสอดไส้ชีสและทรัฟเฟิลหอมนุ่ม นอกจากนี้ยังมีขนมอบอื่นๆ อย่างสโคนและครอฟเฟิลอีกด้วย หรือจะสั่งขนมจากร้าน Cheevit Cheeva มานั่งกินด้วยกันก็ได้นะ

 

GROON x Cheevit Cheeva ตั้งอยู่ที่ The Circle Ratchapruk ราชพฤกษ์ กรุงเทพฯ เปิดทุกวัน เวลา 09.30-20.00 น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.instagram.com/groonxcheevitcheeva/

 

 

ภาพ: GROON x Cheevit Cheeva

The post เชียงใหม่อยู่ใกล้แค่ราชพฤกษ์! สองคาเฟ่แห่งเชียงใหม่ในหนึ่งเดียว GROON x Cheevit Cheeva appeared first on THE STANDARD.

]]>
หมดเร็วนะ ต้องจอง! ชวนชิมโชคุปังและบริยอชอบใหม่วันต่อวันจาก Bread Lab https://thestandard.co/bread-lab/ Fri, 19 Nov 2021 10:10:13 +0000 https://thestandard.co/?p=561888 Bread Lab

สุดสัปดาห์นี้เราอยากชวนคุณไปลองกินขนมปังจาก Bread Lab เ […]

The post หมดเร็วนะ ต้องจอง! ชวนชิมโชคุปังและบริยอชอบใหม่วันต่อวันจาก Bread Lab appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bread Lab

สุดสัปดาห์นี้เราอยากชวนคุณไปลองกินขนมปังจาก Bread Lab เป็นร้านขนมปังโฮมเมดเล็กๆ ที่ทำมือตั้งแต่ขั้นตอนการเลี้ยงยีสต์ไปจนถึงขั้นตอนการอบ โชคุปังกับบริยอชของทางร้านนั้นหอมมันด้วยเนยนำเข้าจากนิวซีแลนด์ แป้งนำเข้าจากญี่ปุ่น และยีสต์นำเข้าจากเกาหลี รสชาติหอมหวานนุ่มนวลทั้งหมดล้วนรสชาติธรรมชาติจากวัตถุดิบ ไม่เติมกลิ่นหรือสีเพิ่มเลย และมีให้เลือกถึง 5 รสชาติ ทั้ง Plain, Black Truffle Cheese, Salted Caramel Macadamia, Marmalade Walnut, Nutella Hazelnut และ Honey Cranberry ราคาเริ่มต้นที่ 155-275 บาท

 

Bread Lab

Bread Lab

 

นอกจากเมนูโชคุปังและบริยอช ทางร้านมีอีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์คือ Garlic Bun (2 ชิ้น 250 บาท) ขนม(โชคุ)ปังกระเทียมชีส ที่จับเอาแป้งโชคุปังมาทำเป็นขนมปังกระเทียม อัดแน่นด้วยครีมชีส Legall จากฝรั่งเศส แต่ก็ตัดรสชาติให้สดชื่นขึ้นด้วยเลมอนสด อัดแน่นด้วยชีสทุกอณู ได้กลิ่นรสของกระเทียมและพารส์ลีย์ชัดเจน ปรุงรสเล็กน้อยด้วยหิมาลายันพิงก์ซอลต์ เป็นเมนูขายดีที่อยากให้ทุกคนลอง

 

หรือจะเป็นเมนู Croffle (3 ชิ้น 270 บาท) ที่มีถึงสามแบบให้เลือก ทั้ง Plain สำหรับคนชอบสัมผัสเนื้อแป้งล้วนอย่างเดียว หรือจะเติมความหวานด้วยคาราเมลกับ Caramel Almond หวานหอมคาราเมลและเพิ่มเท็กซ์เจอร์อัลมอนด์ ส่วนใครที่ชอบรสชาติสดชื่นหน่อยก็ต้องลอง Walnut Marmalade เปรี้ยวหวานเนื้อส้ม

 

ตอนนี้ Bread Lab มีป๊อปอัปสโตร์อยู่ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ถ้าใครสนใจขนมปังต้องรีบจองกันหน่อย เพราะว่าหมดเร็วมาก สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจองได้ที่ https://www.facebook.com/BreadlabTH/

 

ภาพ: Bread Lab

The post หมดเร็วนะ ต้องจอง! ชวนชิมโชคุปังและบริยอชอบใหม่วันต่อวันจาก Bread Lab appeared first on THE STANDARD.

]]>