วันนี้ (12 ธันวาคม) พ.อ. ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก แถลงข่าวที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รอบเวลา 16.00 น. ถึงกรณีที่ปรากฏข่าวเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ว่าปรากฏธงสีขาวในพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ว่า ได้สอบถามหน่วยในพื้นที่แล้วว่าเป็นการแสดงสัญลักษณ์ของฝ่ายกัมพูชาว่าต้องการเปิดเจรจาหรือประนีประนอมหรือไม่ แต่จากข้อเท็จจริงพบว่า ในพื้นที่ยังคงมีการปะทะกันด้วยกำลังอาวุธอย่างต่อเนื่อง ธงสีขาวที่ปรากฏ จึงไม่น่าจะเป็นสัญญาณของการยอมจำนนแต่อย่างใด

ด้าน มาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุถึงกรณีที่ยังคงมีประชาชนชาวไทย ตกค้างอยู่ในประเทศกัมพูชาเป็นจำนวนมาก ว่า กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ ได้แนะนำให้ประชาชนไทยเลือกวิธีเดินทางกลับประเทศผ่านช่องทางที่ยังสามารถดำเนินการได้ รวมทั้งยังคงความพยายามที่จะประสานกับฝ่ายกัมพูชาในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเดินทางออกจากประเทศกัมพูชาได้

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา และอพยพไปอาศัยในศูนย์พักพิงชั่วคราว 259,121 คน และมีประชาชนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ราย จากการที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังและไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้สะดวก เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้น รวมจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 5 ราย มีโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ 20 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลได้รับผลกระทบ 212 แห่ง

The post ทบ. ชี้ธงขาวบริเวณเขาพระวิหารไม่ใช่ท่าทีจำนนของกัมพูชา ด้านโฆษกฯ กต. เผยคนไทยยังตกค้างจํานวนมาก แนะปรับวิธีผ่านข้ามแดน appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (12 ธันวาคม) ที่ ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรี สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยทีมโฆษกเหล่าทัพและกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมแถลงความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดน ตั้งแต่คืนวันที่ 11 ธ.ค. ถึงปัจจุบัน

ในมิติด้านการต่างประเทศ มาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่าสถานการณ์ความขัดแย้งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเจรจา แม้ฝ่ายไทยจะพยายามประสานงานอย่างต่อเนื่องเพื่อขอนำคนไทยกลับประเทศ แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงเพิกเฉยและไม่ให้ความร่วมมือตามที่ร้องขอ

พันเอก ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยผลปฏิบัติการภาคพื้นดิน โดยยืนยันว่าฝ่ายไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่สำคัญได้แล้วหลายจุด ได้แก่ พื้นที่ซำแต, ช่องจอม, ช่องเปรอ และช่องระยี (ในเขตรับผิดชอบกองทัพภาคที่ 2) และ บ้านหนองหญ้าแก้ว (ในเขตรับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1) ส่วนพื้นที่ช่องอานม้าและช่องคนา สามารถควบคุมได้แล้วบางส่วน

สำหรับจุดปะทะที่สำคัญ ได้แก่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ทหารไทยได้ทำลายฐานที่มั่นของฝ่ายกัมพูชาได้จำนวนมาก แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ยากลำบาก ทำให้ยังต้องปฏิบัติการกดดันต่อเนื่อง

ขณะที่ บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว สถานการณ์ยังวิกฤต โดยหลังจากฝ่ายไทยเข้ายึดพื้นที่ได้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ได้ถูกฝ่ายกัมพูชาระดมยิงโต้กลับอย่างหนักในคืนเดียวกัน ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและต้องปรับแนวรบ ซึ่งขณะนี้กองกำลังบูรพาอยู่ระหว่างปฏิบัติการเพื่อเข้าควบคุมพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้ง

ด้าน นาวาเอก นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงปฏิบัติการทางอากาศว่า กองทัพอากาศได้ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 เข้าโจมตีเป้าหมายบริเวณบ้าน 3 หลัง ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด หลังการข่าวตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ขุดสนามเพลาะและสร้างบังเกอร์ใต้ดินเพื่อสะสมกำลังพล โดยการโจมตีทางอากาศสามารถทำลายที่มั่นดังกล่าวจนหมดสภาพความเป็นภัยคุกคาม เพื่อเปิดทางให้กำลังภาคพื้นดินเข้ายึดครองพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้ การข่าวยังระบุว่ากัมพูชายังคงระดมกำลังพลเข้ามาเพิ่มเติมในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

สรุปความสูญเสีย จากการปะทะล่าสุด ยอดทหารไทยเสียชีวิตยังคงที่ 9 นาย (ไม่มีสูญเสียเพิ่มในรอบ 24 ชม.) และมีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 190 นาย

ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา มีทหารเสียชีวิตยืนยันไม่ต่ำกว่า 165 ราย นอกจากนี้ กองทัพไทยยังสามารถทำลายยุทโธปกรณ์สำคัญของข้าศึกได้จำนวนมาก ประกอบด้วย รถถังและยานเกราะ 9 คัน, โดรน 68 ลำ, ระบบแอนตี้โดรน 1 ระบบ, เสาสื่อสาร 3 จุด และเครื่องยิงจรวด BM-21 จำนวน 1 ระบบ

The post กองทัพไทยเดินหน้ากระชับพื้นที่ชายแดน F-16 ปูพรมถล่มบังเกอร์กัมพูชา จ.ตราด ด้าน กต. รับเจรจาขอคืนคนไทยยังไร้ผล appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (9 ธันวาคม) พ.อ. ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา การปะทะครอบคลุมขยายวงครอบคลุมในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และสระแก้ว ซึ่งกัมพูชาใช้อาวุธทุกประเภทเข้าโจมตีฝ่ายไทย ทั้งอาวุธกล อาวุธยิงสนับสนุน ปืนใหญ่จรวดหลายลำกล้อง โดรนทิ้งระเบิด

“กองทัพบกใช้แผนเผชิญเหตุ โดยมีความมุ่งหมายป้องกันตนเอง ควบคู่การผลักดันพื้นที่ซึ่งไทยถูกรุกล้ำอธิปไตย และที่สำคัญคือต้องทำลายศักยภาพการโจมตีของทหารกัมพูชา เพื่อไม่ให้สามารถกลับมาเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทยได้อีก” รองโฆษกกองทัพบกกล่าว

พ.อ. ริชฌาระบุว่า ผลการปฏิบัติที่สำคัญที่ผ่านมา ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 วันนี้ได้ทำลายตึกกาสิโนร้าง ซึ่งเป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่เราพบว่าใช้เป็นที่ตั้งทางทหาร จุดปล่อยโดรน รวมถึงอาวุธสนับสนุนต่างๆ ในพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี รวมถึงได้ตัดกำลังทำลายเสาสัญญาณแอนตี้โดรนในพื้นที่อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ

ส่วนพื้นที่กวาดล้างที่ถูกรุกล้ำ ช่องระยี ที่อยู่ทางทิศตะวันออกของช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ อยู่ระหว่างปฏิบัติการ รวมถึงได้ผลักดันทหารกัมพูชา ที่ปราสาทคนา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ โดยปัจจุบันยังไม่สามารถเข้าควบคุมพื้นที่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เนื่องจากพบว่าฝ่ายกัมพูชาใช้สนามทุ่นระเบิดจำนวนมากในบริเวณดังกล่าว ปัจจุบันยังอยู่ในความพยายาม

ส่วนพื้นที่ปราสาทตาควาย วันนี้ฝ่ายไทยได้ทำลายกระเช้าที่ใช้ในการส่งเสบียง บริเวณเนิน 350 เป็นที่สำเร็จ ซึ่งขณะนี้ยังมีความพยายามเข้ากระทำต่อพื้นที่ต่อไป

ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 วานนี้ (8 ธันวาคม) ไทยได้เปิดปฏิบัติการผลักดัน เพื่อควบคุมแนวเส้นปฏิบัติการใน 3 พื้นที่ ทั้งบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง และบ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว โดยสามารถทำลายที่มั่นดัดแปลงของฝ่ายกัมพูชาได้บางส่วน

“และที่น่ายินดีคือเมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ สามารถยึดและควบคุมพื้นที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้วได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ในห้วงของการกวาดล้าง ล่าสุดมีรายงานแล้วว่าช่วงการกวาดล้างเจอทุ่นสังหารบุคคล” โฆษกกองทัพบกระบุ

สำหรับในวันนี้ พื้นที่ซึ่งยังปฏิบัติการไม่สำเร็จ ก็ยังมีความพยายามอยู่ต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอรายงานว่าตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา มีกำลังพลของกองทัพบกเสียชีวิตในการรบ 1 นาย บาดเจ็บ 29 นาย

The post ทบ. เผย ยังไม่สามารถเข้าควบคุมพื้นที่ปราสาทคนาได้ เหตุฝ่ายกัมพูชาวางทุ่นระเบิดจำนวนมาก appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (29 กรกฎาคม) พ.อ. ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่กองกำลังสุรนารี ถึงสถานการณ์เมื่อคืนช่วงกลางดึก ที่ผ่านมา หลังจากมีการเจรจาหยุดปล่อยอาวุธระหว่าง 2 ประเทศ 

พบว่าในพื้นที่ภูมะเขือได้มีการถูกก่อกวนโดยฝ่ายกัมพูชา และ  มีการยิงปะทะตอบโต้จากทั้งสองฝ่าย จนถึงเช้า นอกจากนี้ในพื้นที่ซำแต ยังมีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น จนถึงเวลา 5.30 น. 

ส่วนปราสาทตาควายมีการโจมตี เข้ามาตอนเวลาประมาณ 03.00 น. และ 05.00 น. 

พ.อ. ริชฌา ระบุว่า กองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบต่อไปครับ

ด้าน พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จะมีการเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee) จากเวลา 07.00 น. เป็นเวลา 10.00 น. ที่ช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ 

ในการประชุมมี พล.ท. อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 หารือร่วมกับ พล.ท. โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคที่4 และ พล.อ. แอกซอมโอน ผบ.ภูมิภาคที่5 เนื่องจากต้องมีการเข้าพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์หน้าแนวเพื่อนำไปหารือกัน

The post กองทัพบก พบการปะทะหลายจุดบริเวณภูมะเขือ ซำแต และปราสาทตาควาย แม้มีการเจรจาหยุดยิง พร้อมเลื่อนประชุมคณะกรรมการชายแดน appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (25 กรกฎาคม) พ.อ. ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีเมื่อเวลา 08.50 น. ของวันนี้ เกิดเหตุกระสุนจรวด BM-21 ตกลงในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน หมู่ 5 ตำบลศรีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี รวมจำนวน 3 จุด ได้แก่

จุดที่ 1 ตกใส่บ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย 

จุดที่ 2 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ได้รับความเสียหาย 

จุดที่ 3 ตกใส่ถนนภายในหมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย

เบื้องต้นไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว คาดว่าประชาชนได้อพยพไปยังศูนย์พักพิง ซึ่งจัดตั้งโดยฝ่ายปกครองอำเภอน้ำยืน ก่อนหน้านี้แล้ว

The post ทบ.แจงเหตุจรวด BM-21 ตกในพื้นที่อ.น้ำยืน ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บ คาดประชาชนอพยพแล้ว appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (30 เมษายน) พ.อ. ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพกิจกรรมภายในงานแห่งหนึ่งบนสื่อสังคมออนไลน์และปรากฏภาพบุคคลแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารร่วมปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้น กองทัพบกได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้น และขอชี้แจงดังนี้ 

จากผลการตรวจสอบพบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท Quanhou ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ณ อาคาร 6 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ในขั้นต้น กองทัพบกได้ประสานกับกองพันทหารสารวัตรที่ 11 (พัน.สห.11) ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพบว่าไม่มีคำสั่งให้กำลังพลของหน่วยเข้าปฏิบัติภารกิจในงานดังกล่าวแต่อย่างใด 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลที่แต่งกายในลักษณะคล้ายสารวัตรทหารนั้นเป็นกำลังพลของกองทัพบกหรือไม่ หรือสังกัดหน่วยงานใด ซึ่งขณะนี้กองทัพบกอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด

ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่ามีความเกี่ยวข้องหรือเป็นกำลังพลของกองทัพบกจริง จะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางวินัยเนื่องจากถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบวินัยของทางราชการอย่างชัดเจน

ภาพ:  CSI LA

The post ทบ. ยืนยัน ไม่มีคำสั่งจากต้นสังกัด ให้สารวัตรทหารตามอารักขาบริษัทจีนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ สั่งสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว appeared first on THE STANDARD.