รัฐบาล – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 08 Sep 2025 03:14:36 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ประวิตรประกาศไม่รับตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล ขอใช้ความรู้ประสบการณ์ช่วยเหลือนายกฯ อยู่เบื้องหลัง https://thestandard.co/prawit-government-no-position/ Mon, 08 Sep 2025 03:13:43 +0000 https://thestandard.co/?p=1116632 พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ แถลงข่าวประกาศไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลชุดใหม่

วันนี้ (8 กันยายน) พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค […]

The post ประวิตรประกาศไม่รับตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล ขอใช้ความรู้ประสบการณ์ช่วยเหลือนายกฯ อยู่เบื้องหลัง appeared first on THE STANDARD.

]]>
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ แถลงข่าวประกาศไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลชุดใหม่

วันนี้ (8 กันยายน) พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจตามที่มีกระแสข่าวถึงการต่อรองและแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ. ประวิตรเป็นหนึ่งในรายชื่อที่ทำให้สับสนวุ่นวายนั้น

 

พล.อ. ประวิตรเผยว่า ความตั้งใจที่จะสนับสนุนให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีได้ทำงานเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองได้อย่างเต็มที่ภายในระยะเวลา 4 เดือนก่อนยุบสภาโดยไม่ต้องกังวลต่อการต่อรองหรือเรียกร้องใดๆ 

 

“พร้อมทั้งขอประกาศเจตนารมณ์ของตัวเองที่จะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล รวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตามที่เป็นข่าว” พล.อ. ประวิตรกล่าว

 

พล.อ.ประวิตร ยังได้ระบุเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ เพื่อเปิดทางให้นายกรัฐมนตรีได้เร่งสรรหาบุคคลที่เหมาะสมที่จะแก้ปัญหาชายแดนไทย กัมพูชา และทำนุบำรุงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่สามารถทำงานได้จริงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการต่อรองใดๆ เอาประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง

 

“ผมยินดีที่จะสนับสนุนอยู่เบื้องหลังและพร้อมใช้ความรู้ ประสบการณ์ และเครือข่ายระหว่างประเทศด้านความมั่นคงของผมที่มี ถ้าสามารถจะเป็นประโยชน์ได้ไม่ว่าในด้านใดก็ตาม และต้องการที่จะเห็นประเทศชาติของเราเดินหน้าสู่การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังโดยเร็ว” พล.อ. ประวิตร กล่าวทิ้งท้าย

The post ประวิตรประกาศไม่รับตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล ขอใช้ความรู้ประสบการณ์ช่วยเหลือนายกฯ อยู่เบื้องหลัง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธนาธรตอบทักษิณ “พรรคประชาชนมีเงื่อนไขชัดเจนแล้ว” ถ้าเพื่อไทยรับได้ ไปคุยกับหัวหน้าพรรคประชาชนเลย https://thestandard.co/thanathorn-responds-to-thaksin-conditions/ Sat, 30 Aug 2025 12:18:13 +0000 https://thestandard.co/?p=1113633 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

วันนี้ (30 สิงหาคม) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าว […]

The post ธนาธรตอบทักษิณ “พรรคประชาชนมีเงื่อนไขชัดเจนแล้ว” ถ้าเพื่อไทยรับได้ ไปคุยกับหัวหน้าพรรคประชาชนเลย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

วันนี้ (30 สิงหาคม) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวพูดคุยกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการจัดตั้งรัฐบาล  

 

ธนาธรยอมรับว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ได้รับการได้ติดต่อมาจากทักษิณ เพื่อขอปรึกษาหารือว่า พรรคประชาชนจะยกมือสนับสนุน ให้ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ ซึ่งได้ตอบไปว่า พรรคประชาชนมีจุดยืนเรื่องนี้อย่างชัดเจน และได้แถลงจุดยืนเรื่องนี้มา 2 เดือนแล้ว ในเรื่อง TOR หรือเงื่อนไขของการยกมือสนับสนุนผู้ใดผู้หนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเงื่อนไขคือยุบสภาภายใน 4 เดือน และจัดทำประชามติเพื่อแก้ไขและธรรมนูญให้เสร็จ

 

ส่วนกังวลว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่นั้น ธนาธรระบุว่า พรรคประชาชนมีเงื่อนไขชัดเจน ขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทยจะยอมรับได้หรือไม่ หากยอมรับได้ ก็ไม่ต้องมาคุยกับตน ไปคุยกับหัวหน้าพรรคประชาชนได้เลย ซึ่งหัวหน้าพรรคได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า ยังไม่ได้มีการติดต่อหรือนัดหมายจากทางพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ

 

สำหรับกรณีที่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน อาจจะทำให้คุยกันในตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจได้ง่ายกว่านั้น ธนาธรบอกว่า สุริยะเป็นอา และตนเองกับพงศ์กวินเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ด้วยความเคารพ ทั้งสองท่านเป็นญาติกัน แต่เรื่องปัญหาของบ้านเมืองไม่ได้ใช้จุดนี้มาคุยกัน และยังไม่ได้รับการติดต่อเพื่อพูดคุยจากทั้งสองคน

 

ต่อข้อซักถามของสื่อมวลชนว่าพรรคประชาชนยังไม่ปิดประตูเลือกชัยเกษมใช่หรือไม่นั้น ธนาธรตอบว่า หัวหน้าพรรคประชาชนได้ตอบชัดเจนแล้ว

 

ธนาธรกล่าวอีกว่า เข้าใจว่าเหตุผลที่พรรคประชาชนยื่น TOR เพราะไม่ได้อยากมีอำนาจหรืออยากเป็นรัฐบาล และพรรคประชาชนยังเป็นฝ่ายค้านเช่นเดิม แต่สิ่งที่พรรคประชาชนต้องการคือการพาประเทศไปข้างหน้า เพราะด้วยสภาฯ ในปัจจุบันไม่มีกลุ่มการเมืองไหนที่มีความชอบธรรม และมีศักยภาพภาพเพียงพอที่จะพาประเทศไปข้างหน้า ไม่มีใครที่จะมีความสามารถในการแก้ปัญหาของประเทศได้ทั้งการแก้ปัญหายาเสพติด และการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงปัญหาทางการเมือง 

 

“ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือ การคืนอำนาจให้

ประชาชนด้วยการยุบสภาฯ ทำให้พรรคประชาชนมีเงื่อนไขแค่ 2 ข้อ ตอบโจทย์ปัญหาเฉพาะหน้า และสิ่งที่ต้องการคือสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ เพื่อพาประเทศไปข้างหน้า นั่นคือโจทย์ใหญ่ของสังคม” ธนาธรกล่าว

 

สื่อมวลชนสอบถามว่า ไม่ว่าจะเลือกทางไหน พรรคประชาชนอาจจะเจ็บทั้งคู่ เพราะฐานเสียง อาจไม่ได้ต้องการทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ธนาธรกล่าวว่า ต้องยืนยันหนักแน่นว่า ทั้ง 3 กลุ่ม ไม่มีกลุ่มไหนรวมเสียงข้างมากและจัดตั้งรัฐบาลได้ สิ่งต้องสื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาว่า สถานการณ์เช่นนี้การคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ส่วนจะเลือกใครก็ต้องดูว่า พรรคไหนมีโอกาสทำสิ่งต่างๆมได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน พรรคประชาชนพร้อมรับฟังข้อเสนอ

 

The post ธนาธรตอบทักษิณ “พรรคประชาชนมีเงื่อนไขชัดเจนแล้ว” ถ้าเพื่อไทยรับได้ ไปคุยกับหัวหน้าพรรคประชาชนเลย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภูมิธรรมไม่รู้ทักษิณนัดคุยธนาธร บ่ายนี้ ยืนยันพรรคเพื่อไทยเดินหน้าดีลพรรคประชาชนหนุนตั้งรัฐบาล https://thestandard.co/phumtham-thaksin-thanathorn-meet-denial/ Sat, 30 Aug 2025 07:53:37 +0000 https://thestandard.co/?p=1113562 ภูมิธรรม เวชยชัย

วันนี้ (30 สิงหาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี แล […]

The post ภูมิธรรมไม่รู้ทักษิณนัดคุยธนาธร บ่ายนี้ ยืนยันพรรคเพื่อไทยเดินหน้าดีลพรรคประชาชนหนุนตั้งรัฐบาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภูมิธรรม เวชยชัย

วันนี้ (30 สิงหาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าว ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปพูดคุยกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ว่า ตนไม่ได้เป็นคนพูด และไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะตอนนี้พวกเราก็กำลังทำงานอยู่ วันนี้ทุกคนทำงานกันหมด และย้ำว่า ตนได้พูดไปแล้วว่าพรรคเพื่อไทยมีแผนจะไปคุยกับพรรคประชาชน

 

ส่วนการพูดคุยอย่างเป็นทางการก็คือการประกาศตัวเลือกนายกรัฐมนตรี เข้าสภาเลย พร้อมย้ำว่า ตอนนี้ ทุกฝ่ายยังคุยกันอยู่

 

ส่วนทีมเจรจาของพรรคเพื่อไทยจะเดินทางไปที่โรงแรมคอนราด ในช่วงบ่ายวันนี้ด้วยหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบว่าข่าวมาจากไหน

The post ภูมิธรรมไม่รู้ทักษิณนัดคุยธนาธร บ่ายนี้ ยืนยันพรรคเพื่อไทยเดินหน้าดีลพรรคประชาชนหนุนตั้งรัฐบาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไตรศุลีจี้รัฐบาลเร่งเยียวยาผู้ประสบภัยชายแดน ชี้ขาดมาตรการดูแลประชาชน ล่าช้า ขาดประสิทธิภาพ https://thestandard.co/government-border-relief-delayed/ Tue, 05 Aug 2025 05:52:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1103744 ผู้ประสบภัยชายแดน

วันนี้ (5 สิงหาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล นายทะเบียนพรรคภูมิ […]

The post ไตรศุลีจี้รัฐบาลเร่งเยียวยาผู้ประสบภัยชายแดน ชี้ขาดมาตรการดูแลประชาชน ล่าช้า ขาดประสิทธิภาพ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้ประสบภัยชายแดน

วันนี้ (5 สิงหาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ออกมาเรียกร้องแทนพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบในพื้นที่จังหวัดชายแดนโดยเฉพาะในอีสานตอนใต้ไม่ว่าจะเป็นศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์  โดยเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งกำหนดและออกมาตรการเยียวยาอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะประชาชนที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่และขาดรายได้จากการไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้าในตลาดที่ต้องปิดร้านในช่วงที่พื้นที่ยังไม่ได้ประกาศรับรองความปลอดภัย ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ. เจ้าหน้าที่ อบต. เทศบาล จิตอาสาที่เสียสละดูแลพื้นที่และความเรียบร้อยและปลอดภัยในศูนย์อพยพ 

 

“ตอนนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ทั้งรายได้ที่หายไป บ้านที่เสียหาย และสภาพจิตใจที่บอบช้ำ แต่กลับยังไม่มีมาตรการจากรัฐที่ชัดเจนหรือเป็นรูปธรรมแม้แต่น้อย ขนาดผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันที่ถูกลูกหลงจากการยิงระเบิดที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีข่าวโด่งดังไปทั่วโลก ยังต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เองเพื่อร้องขอความช่วยเหลือเพราะไม่มีหน่วยงานไหนยื่นมือเข้ามาช่วยหรือให้ความเชื่อมั่นว่าเขาจะได้รับการดูแลอย่างไร พี่ๆ กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ. เจ้าหน้าที่ อบต. เทศบาล  จิตอาสา เขาเสียสละมาก เสี่ยงอันตราย คนเหล่านี้เขาก็มีครอบครัวลูกหลานควรได้รับการดูแลด้วย” ไตรศุลี กล่าว

 

ไตรศุลี กล่าวว่า การที่ตนต้องออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ก็เพราะหวั่นเกรงว่าประชาชนในพื้นที่จะถูกมองข้ามและถูกทอดทิ้ง เนื่องจากตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนถึงขณะนี้ยังไม่ปรากฏว่ารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณหรือวางแนวทางช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ ประชาชนในพื้นที่ต้องพึ่งพาการช่วยเหลือกันเองจากจิตอาสาและการรับบริจาคจากภาคประชาสังคมและเอกชนนอกพื้นที่

 

ทั้งนี้ ขอให้รัฐบาลเร่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณา และกำหนดมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ขาดรายได้ในช่วงที่มีการอพยพเร่งด่วน พร้อมกำหนดมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่หลังเหตุการณ์คลี่คลาย เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำรงชีวิตได้อย่างปกติและมั่นคงเร็วที่สุด 

 

“นี่ไม่ใช่เวลาที่รัฐบาลจะนิ่งเฉยหรือทำงานแบบขาดประสิทธิภาพ การจัดการล่าช้าเช่นนี้ยิ่งตอกย้ำความล้มเหลวในการบริหารจัดการวิกฤต พี่น้องประชาชนควรได้รับการดูแลโดยทันที ไม่ใช่ต้องดิ้นรนเอาเองในยามวิกฤตแบบนี้ เราอยากเห็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็วเหมือนกับที่พวกท่านรวดเร็วในเรื่องของการโยกย้ายข้าราชการหรือจัดการผลประโยชน์ทางการเมืองด้วย” ไตรศุลี กล่าว

The post ไตรศุลีจี้รัฐบาลเร่งเยียวยาผู้ประสบภัยชายแดน ชี้ขาดมาตรการดูแลประชาชน ล่าช้า ขาดประสิทธิภาพ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นิด้าโพลเผย คนไทยเกินครึ่งวางใจกองทัพมากกว่ารัฐบาล เชื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติ แก้ไขปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาได้ https://thestandard.co/nida-poll-army-vs-government/ Sun, 15 Jun 2025 02:43:14 +0000 https://thestandard.co/?p=1085154 ผลสำรวจนิด้าโพลชี้คนไทยไว้วางใจกองทัพมากกว่ารัฐบาลในกรณีชายแดนไทย-กัมพูชา

วันนี้ (15 มิถุนายน) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ ส […]

The post นิด้าโพลเผย คนไทยเกินครึ่งวางใจกองทัพมากกว่ารัฐบาล เชื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติ แก้ไขปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผลสำรวจนิด้าโพลชี้คนไทยไว้วางใจกองทัพมากกว่ารัฐบาลในกรณีชายแดนไทย-กัมพูชา

วันนี้ (15 มิถุนายน) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง ‘ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา 

 

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความไว้วางใจต่อภาคส่วนต่างๆ ว่าจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้ จากกรณีความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา พบว่า 

 

  • กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 62.52 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 23.74 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 8.85 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ และร้อยละ 4.89 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย

 

  • รัฐบาลไทย ตัวอย่าง ร้อยละ 37.48 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย รองลงมา ร้อยละ 31.68 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 18.85 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ และร้อยละ 11.99 ระบุว่า ไว้วางใจมาก

 

  • กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 35.42 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ รองลงมา ร้อยละ 30.76 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย ร้อยละ 22.90 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 10.46 ระบุว่า ไว้วางใจมาก และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

 

ด้านความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา พบว่า 

 

  • กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 61.76 ระบุว่า พอใจมาก รองลงมา ร้อยละ 23.97 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 10.30 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ และร้อยละ 3.97 ระบุว่า ไม่พอใจเลย

 

  • รัฐบาลไทย ตัวอย่าง ร้อยละ 37.94 ระบุว่า ไม่พอใจเลย รองลงมา ร้อยละ 30.99 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 20.76 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ และร้อยละ 10.31 ระบุว่า พอใจมาก

 

  • กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 35.73 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ รองลงมา ร้อยละ 29.00 ระบุว่า ไม่พอใจเลย ร้อยละ 24.96 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ และร้อยละ 10.31 ระบุว่า พอใจมาก             

 

สำหรับการสนับสนุนข้อความในเพลงชาติไทยที่ว่า “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 69.39 ระบุว่า สนับสนุนมาก รองลงมา ร้อยละ 19.24 ระบุว่า ค่อนข้างสนับสนุน ร้อยละ 7.02 ระบุว่า ไม่ค่อยสนับสนุน ร้อยละ 3.05 ระบุว่า ไม่สนับสนุนเลย และร้อยละ 1.30 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

 

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการมีแนวคิดความเป็น ‘ชาตินิยม’ ของประชาชน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 48.24 ระบุว่ามีความเป็น ‘ชาตินิยม’ มาก รองลงมา ร้อยละ 31.60 ระบุว่า ความเป็น ‘ชาตินิยม’ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ร้อยละ 14.20 ระบุว่า ค่อนข้างมีความเป็น “ชาตินิยม” ร้อยละ 3.67 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความเป็น ‘ชาตินิยม’ และร้อยละ 2.29 ระบุว่า ไม่มีความเป็น ‘ชาตินิยม’ เลย

The post นิด้าโพลเผย คนไทยเกินครึ่งวางใจกองทัพมากกว่ารัฐบาล เชื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติ แก้ไขปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุทินฟันธงรัฐบาลอยู่ครบเทอม หากไม่คิดร้ายต่อกัน เผยไม่ปิดประตูจับมือพรรคประชาชนในอนาคต หากนโยบายไปกันได้ https://thestandard.co/anutin-thailand-government-complete-term/ Thu, 29 May 2025 12:55:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1080122 อนุทิน

วันนี้ (29 พฤษภาคม) ที่อาคารรัฐสภา อนุทิน ชาญวีรกูล รอง […]

The post อนุทินฟันธงรัฐบาลอยู่ครบเทอม หากไม่คิดร้ายต่อกัน เผยไม่ปิดประตูจับมือพรรคประชาชนในอนาคต หากนโยบายไปกันได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุทิน

วันนี้ (29 พฤษภาคม) ที่อาคารรัฐสภา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการไปออกรายการหนึ่งถึงกรณีถูกจับตามองว่าเป็นนายกรัฐมนตรีสำรองว่า ตนเองไม่รู้ ไม่เคยพูดเรื่องเป็นนายกฯ สำรอง ตอนนี้มีนายกฯตัวจริงอยู่ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวจึงถามกลับว่าตำแหน่งนายกฯ ไม่มีคนแย่ง แต่มีคนแย่งตำแหน่ง มท.1 ใช่หรือไม่ อนุทินหัวเราะ พร้อมตอบว่า กระแสแย่ง มท.1 มีมาตลอด ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมั่นใจหรือไม่ว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอม อนุทินกล่าวว่า มั่นใจ เพราะอยู่ร่วมกันเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่เข้ามาเพื่ออยู่แค่จุดนี้ แต่เข้ามาร่วมกันตั้งแต่แรก เป็นการรวมกันชัดเจน ภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีของพรรคแกนนำรัฐบาล ทุกคนปฏิบัติตามกฎกติกามารยาท เมื่อทำงานกันแล้วก็ได้รับความร่วมมือจากทุกพรรค สนับสนุนและประสานงานกัน ทำงานสนองนโยบายนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ยุค เศรษฐา ทวีสิน จนถึงแพทองธาร ก็ปฏิบัติตามกติกาและมารยาทของพรรคร่วมรัฐบาลที่ทำงานร่วมกัน ส่วนการคาดการณ์หรือการวิเคราะห์ เป็นคนนอกรัฐบาลทั้งหมดไม่ใช่คนในรัฐบาล

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อะไรจะเป็นสิ่งที่ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมรัฐบาลกันได้ อนุทินกล่าวว่า การไม่รักกันหรือคิดร้ายต่อกัน ซึ่งตอนนี้ไม่มี ทุกคนรู้ว่าทำงานภายใต้นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคแกนนำร่วมรัฐบาล มีความสมบูรณ์อยู่ในตัวแล้ว 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าหากไม่มีพรรคภูมิใจไทย รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่นั้น อนุทินกล่าวว่า ไม่มีวันนั้นมั้ง เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และสนับสนุนพรรคที่มีแกนนำ เสนอนายกรัฐมนตรีซึ่งก็วนไปมาอยู่แบบนี้

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีการพูดถึงการทำงานของพรรคประชาชน จนมีหลายคนมองว่าจะมีการจับมือระหว่าง 2 พรรคหรือไม่ว่า มีคนถามว่าเดี๋ยวนี้มีการพูดคุยกับพรรคประชาชน ซึ่งเมื่อสักครู่ที่ตนเดินลงมาก็เดินผ่านน้องๆ พรรคประชาชน ซึ่งก็มีการยกมือไหว้ ตนก็บอกว่าไม่เหมือนกันสมัยที่แล้ว ที่ไม่ค่อยมีการทักทายกัน แต่เดี๋ยวนี้ทักกันเยอะขึ้น มีรอยยิ้มให้กันมากขึ้น แต่ทุกคนก็ทำหน้าที่ 

 

อนุทินกล่าวต่อว่า แต่ถึงแม้จะมีรอยยิ้มในวันที่ตนยังเป็นรัฐบาลอยู่ หากตนทำผิดก็เชื่อว่าพรรคประชาชนก็จะชำแหละตนในฐานะฝ่ายค้านไม่มียั้งอย่างแน่นอน ซึ่งถือเป็นการทำหน้าที่ แต่ในส่วนมิตรภาพจะมีให้กันก็ได้ นี่เป็นสิ่งที่ตนให้สัมภาษณ์ไปไม่มีนัยอะไรมากไปกว่านั้น

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ขณะนี้พรรคประชาชนไม่มีนโยบายมาตรา 112 แล้วในอนาคตจะมีแนวทางการทำงานร่วมกันหรือไม่ อนุทินระบุว่า วันนี้ต้องเลิกพูดว่าพรรคนั้นจับกับพรรคนี้ หรือพรรคนั้นจับกับพรรคโน้นไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้สามารถสรุปได้ว่าไม่มีพรรคอะไรจับกับพรรคอะไรไม่ได้ แต่ความจริงก็เป็นเรื่องที่ถูก เพราะเราไม่ได้มีความจงเกลียดจงชังกัน 

 

แต่เมื่อมีความเห็นหรือนโยบายที่ไม่ตรงกัน หรือนโยบายที่อีกฝ่ายรับไม่ได้ ณ ขณะนั้นก็อย่าเพิ่งจับกัน แต่ในอนาคตข้างหน้านโยบายต่างคนต่างรับได้ ต่างคนต่างพยายามหาสิ่งที่ทำได้ แล้วเกิดประโยชน์กับประเทศและประชาชน และขับเคลื่อนไปด้วยกันได้ ก็ไม่ควรมีข้อจำกัดอะไรขึ้นมา

The post อนุทินฟันธงรัฐบาลอยู่ครบเทอม หากไม่คิดร้ายต่อกัน เผยไม่ปิดประตูจับมือพรรคประชาชนในอนาคต หากนโยบายไปกันได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิปฝ่ายค้าน-รัฐบาล หารือเวลาถกงบปี 69 ชื่นมื่น ให้เวลา 4 วัน 41 ชั่วโมง แบ่งฝ่ายละ 20 ชั่วโมง มั่นใจภูมิใจไทยไม่แตกแถวโหวตผ่านวาระแรก https://thestandard.co/budget-debate-schedule-agreement-2026-parliament/ Wed, 21 May 2025 05:52:29 +0000 https://thestandard.co/?p=1076648 งบปี 69

วันนี้ (21 พฤษภาคม) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมกา […]

The post วิปฝ่ายค้าน-รัฐบาล หารือเวลาถกงบปี 69 ชื่นมื่น ให้เวลา 4 วัน 41 ชั่วโมง แบ่งฝ่ายละ 20 ชั่วโมง มั่นใจภูมิใจไทยไม่แตกแถวโหวตผ่านวาระแรก appeared first on THE STANDARD.

]]>
งบปี 69

วันนี้ (21 พฤษภาคม) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิป) ระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน โดยมี พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ร่วมกับตัวแทนของวิปฝ่ายรัฐบาล อาทิ วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล, มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และวิปฝ่ายค้าน อาทิ ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน, ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เพื่อพิจารณาถึงกรอบการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ 28-31 พฤษภาคม

 

ภายหลังการประชุม วิสุทธิ์แถลงว่า ในการหารือดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ไม่มีความขัดแย้งเรื่องการจัดสรรเวลา ทั้งนี้ ในการประชุมวันที่ 28 พฤษภาคม จะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จำนวน 2 ฉบับ และร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) จำนวน 2 ฉบับ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณารวม 8 ชั่วโมง และเสร็จไม่เกินเวลา 17.00 น. และพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ต่อเลย ส่วนวันที่ 29-31 พฤษภาคม จะเป็นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 

 

วิสุทธิ์กล่าวต่อว่า เราจะมีเวลาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 รวมทั้งหมด 41 ชั่วโมง แบ่งเป็นฝ่ายค้าน 20 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล 20 ชั่วโมง และประธาน 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ การประชุมสมัยวิสามัญจะไม่มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. แน่นอน

 

“การพิจารณางบประมาณเชื่อว่าทุกฝ่ายจะช่วยกันทำงานให้ประสบความสำเร็จ โดยเวลาที่กำหนดไว้ 4 วันนั้น ในแต่ละวันจะเลิกไม่เกิน 22.00 น. และแต่ละฝ่ายจะช่วยควบคุมเวลาไม่ให้มีปัญหา เพื่อให้การพิจารณางบประมาณนั้นเป็นประโยชน์กับประชาชน” วิสุทธิ์กล่าว

 

วิสุทธิ์กล่าวถึงกรณีงบปรับปรุงรัฐสภาที่ถูกวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมด้วยว่า สภาเป็นแบบอย่างที่ดีของการใช้งบประมาณ งบใดที่ไม่จำเป็นต้องตัด

 

ขณะที่ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นั้น เชื่อว่าจะลงมติวาระแรกในวันที่ 31 พฤษภาคม ไม่เกินเวลา 18.00 น. ทั้งนี้ กรอบเวลาที่กำหนดให้นั้นเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้พิจารณาในเนื้อหาสาระอย่างเต็มที่ เบื้องต้นตนเชื่อว่าจะไม่มีการประท้วงในเนื้อหามากนัก และการพิจารณาจะราบรื่น 

 

ปกรณ์วุฒิกล่าวต่อว่า ส่วนการจัดสรรเวลาให้กับพรรคร่วมฝ่ายค้านนั้น ได้มีการหารือกันเบื้องต้นแล้ว ซึ่งจะสามารถบริหารจัดการได้ ขณะที่ในการเตรียมความพร้อมของ สส. พรรคประชาชนนั้น เบื้องต้นอาจมีผู้อภิปรายจำนวนมากเพื่อเน้นการอภิปรายที่หลากหลายประเด็น

 

“ฝ่ายค้านยืนยันการทำงานว่าจะตรวจสอบเต็มที่ ไม่ว่าฝ่ายไหน ส่วนงบประมาณเพื่อปรับปรุงรัฐสภาที่เป็นประเด็นวิจารณ์กันก่อนหน้านี้ ผมเชื่อว่า สส. จะรักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีในที่ทำงาน และเราจะตรวจสอบเต็มที่แน่นอน“ ปกรณ์วุฒิกล่าว 

 

ขณะที่มนพรกล่าวว่า ในส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกรัฐมนตรีได้ย้ำในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ให้รัฐมนตรีแต่ละคนที่กำกับดูแลแต่ละกระทรวงต้องมีความพร้อมที่จะตอบข้อซักถามสมาชิกตั้งแต่วันที่ 28-31 พฤษภาคมนี้ รวมถึงได้เน้นย้ำเรื่องของการใช้เม็ดเงินที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประชาชนและมีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ ครม. แต่ละคนจะสแตนด์บายอยู่สภาทั้ง 4 วัน

 

มนพรกล่าวต่อว่า ตนทราบว่านายกรัฐมนตรีได้คุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคแล้วว่าให้ความเห็นชอบที่พิจารณาผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ. 2569 ไม่ได้เป็นไปตามที่มีข่าวตามสื่อ ซึ่งเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมตนก็ได้พูดคุยกับ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ท่านก็ยืนยันว่ามีความพร้อม เป็นพรรคร่วมรัฐบาลต้องเห็นชอบ และอย่าไปเชื่อข่าวลือว่าจะไม่ร่วมรัฐบาล จะผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ. 2569 ไปด้วยดี รวมถึงจะมีการตั้ง กมธ.วิสามัญ จำนวน 72 คน

 

เมื่อถามว่า แสดงว่าพรรคภูมิใจไทยยืนยันว่าจะเห็นชอบโดยไม่งดออกเสียงใช่หรือไม่ วิสุทธิ์กล่าวว่า “ยืนยันไม่มีปัญหา อย่ากังวล”

 

ภายหลังการแถลงผลการหารือของวิปทั้ง 2 ฝ่ายเสร็จแล้ว วิสุทธิ์ได้กล่าวแซวขึ้นมาว่า “ขอให้เราทั้ง 3 ฝ่ายจับมือกัน ประชุมเรียบร้อย ราบรื่น” ก่อนที่จะจับมือกับมนพรและปกรณ์วุฒิ

The post วิปฝ่ายค้าน-รัฐบาล หารือเวลาถกงบปี 69 ชื่นมื่น ให้เวลา 4 วัน 41 ชั่วโมง แบ่งฝ่ายละ 20 ชั่วโมง มั่นใจภูมิใจไทยไม่แตกแถวโหวตผ่านวาระแรก appeared first on THE STANDARD.

]]>
เสรีพิศุทธ์ติงรัฐบาล ​เอาเด็กเมื่อวานซืนมาบริหารประเทศ ทำหนี้สินพุ่ง ประชาชนจน ประกาศจะเอาทักษิณเข้าคุกคดีนอนชั้น 14 ให้ได้ https://thestandard.co/thai-politics-inexperienced-leaders-debt/ Sat, 26 Apr 2025 06:20:24 +0000 https://thestandard.co/?p=1068429 เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส

วันนี้ (26 เมษายน) พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้า […]

The post เสรีพิศุทธ์ติงรัฐบาล ​เอาเด็กเมื่อวานซืนมาบริหารประเทศ ทำหนี้สินพุ่ง ประชาชนจน ประกาศจะเอาทักษิณเข้าคุกคดีนอนชั้น 14 ให้ได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส

วันนี้ (26 เมษายน) พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลตอนนี้ดูเหมือนมีปัญหารุมเร้า​ว่า “โง่ ก็เลยมีปัญหารุมเร้า คิดไม่เป็น ทำไม่เป็น กว่าผมจะมายืนจุดนี้ก็ใช้เวลา 55 ปี แล้วเด็กวานซืนที่ไม่เคยทำอะไรเลยอยู่ดีๆ มาเป็นนายกฯ หรือแม้แต่รัฐมนตรีอื่นก็เด็กฝึกใหม่ทั้งนั้น และยังทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง วันนี้ประเทศชาติโทรมลงไปทุกวัน หนี้สิน​เพิ่ม​ ประชาชนจนขึ้น” 

 

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ยังเสนอให้ยุบกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รวมกับกระทรวงศึกษาธิการ และแยกกีฬาออกจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำการท่องเที่ยวมารวมกับกระทรวงวัฒนธรรม และควรมีหน่วยงานมาดูแลเรื่องที่ดินโดยเฉพาะ เรื่องนี้เป็นปัญหามานานแล้ว ตนพูดหลายครั้งไม่มีใครฟังเลย

 

ส่วนถามกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะเขี่ยพรรคภูมิใจไทยออกนั้น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า​ อยากให้ยุบเลิกไปเลย บริหารโง่แบบนี้จะมีไปทำไม 

 

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ยังเปิดเผยถึงการเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในคดีการพักรักษาตัวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ​ ว่าได้เข้าชี้แจงต่อ ป.ป.ช. 2 ครั้งแล้ว โดยครั้งล่าสุดได้เชิญไปที่โรงพยาบาลตำรวจ​เพื่อตรวจสถานที่ แต่ไม่ได้ไปตรวจห้องที่ทักษิณ​เข้าพักเนื่องจาก ป.ป.ช. อ้างว่ามีคนป่วยรักษาตัวอยู่ จึงตั้งข้อสังเกตว่า ป.ป.ช. รู้เห็นกับโรงพยาบาลหรือไม่ ทั้งที่รู้ว่ามีคนป่วยอยู่แล้วเชิญไปตรวจที่เกิดเหตุทำไม

 

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ยังเปิดเผยด้วยว่า วันที่ 30 เมษายนนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัด ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้องมาฟังคำสั่งในคดีที่ทักษิณรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย ทั้งนี้ หากศาลไม่ดำเนินการตนจะฟ้องศาลด้วย พร้อมยืนยันว่าเรื่องคดีทักษิณอย่างไรก็ไม่จบ ตนไม่มีทางยอม ที่ยังทำงานการเมืองเพราะต้องการเอาทักษิณเข้าคุกให้ได้ และคดีใน ป.ป.ช. ก็มั่นใจ ตนเป็นพยานให้ชัดเจนว่าทักษิณไม่ได้ป่วยจริง

 

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวฝากไปถึงทักษิณว่า “ใกล้ถึงเวลาแล้ว ถ้าตัดสินใจก็หนีตั้งแต่วันนี้เลย ถ้าไม่หนีเดี๋ยววันที่ 30 เมษายนนี้ติดคุกนะ คนที่ช่วยเหลือ ประการแรกจะโดนละเมิดอำนาจศาล โทษไม่มากอย่างน้อยจำคุก 6 เดือน และถ้าพวกนั้นโดนละเมิดอำนาจศาล แสดงว่าทักษิณ​รู้เห็น​ต้องกลับเข้าคุกต่อ ให้รอดูวันที่ 29 เมษายน ทักษิณจะหนีไปไหน” 

The post เสรีพิศุทธ์ติงรัฐบาล ​เอาเด็กเมื่อวานซืนมาบริหารประเทศ ทำหนี้สินพุ่ง ประชาชนจน ประกาศจะเอาทักษิณเข้าคุกคดีนอนชั้น 14 ให้ได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ความหวังที่ผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจะได้รับการคุ้มครองในรัฐบาลนี้ เปรียบเหมือนดวงดาวหรืออุกกาบาต https://thestandard.co/human-rights-defenders-protection-challenges-thailand/ Fri, 21 Mar 2025 11:44:24 +0000 https://thestandard.co/?p=1054829 นักปกป้องสิทธิมนุษยชน

เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา องค์กร Protection Intern […]

The post ความหวังที่ผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจะได้รับการคุ้มครองในรัฐบาลนี้ เปรียบเหมือนดวงดาวหรืออุกกาบาต appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักปกป้องสิทธิมนุษยชน

เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา องค์กร Protection International (PI) เปิดตัวรายงาน ‘การต่อต้านคือพลัง’ เสริมสร้างกลไกคุ้มครองผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย พร้อมจัดเวทีเสวนา ‘รัฐบาลเพื่อไทยอยู่ดาวดวงไหน ในกลไกการคุ้มครองผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิมนุษยชน’ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) ประจำกรุงเทพฯ

 

วงสนทนาดังกล่าวประกอบด้วยตัวแทนผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนร่วมงาน พร้อมทั้งตัวแทนสถานทูต เช่น สวีเดน ฝรั่งเศส และเยอรมนี รวมทั้งสหภาพยุโรปและ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR)

 

 

รายงานชี้ ผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิถูกกดขี่ด้วยกฎหมาย

 

ปรานม สมวงศ์ และ สุธีรา เปงอิน ตัวแทน Protection International (PI) ได้แถลงเปิดรายงาน ‘การต่อต้านคือพลังฯ’ ที่เป็นการลงพื้นที่รับฟังเสียงสะท้อนและข้อเสนอแนะจากผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกว่า 110 คนทั่วประเทศไทย โดยมีเนื้อหาที่สำคัญว่า ผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยยืนหยัดต่อสู้ ในการปกป้องแผ่นดิน ทรัพยากร ความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อม สิทธิแรงงาน เสรีภาพขั้นพื้นฐาน และความเป็นธรรมภายใต้ภาวะของทุนผูกขาด ทำให้ภายใต้ความกล้าหาญนี้กลับถูกตอบแทนด้วย การกดขี่เชิงโครงสร้าง การดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรม การใช้กระบวนการยุติธรรมในการคุกคาม การสอดแนม และการใช้ความรุนแรง

 

สะท้อนจากการที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีคดีฟ้องร้องเชิงยุทธศาสตร์ต่อการมีส่วนร่วมของสาธารณะ (SLAPPs) มากที่สุดในอาเซียน จากรายงานของ Protection International พบว่า ตั้งแต่หลังรัฐประหาร ในเดือนพฤษภาคม 2557 ถึง กุมภาพันธ์ 2568 พบว่ามีผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนถูกฟ้องปิดปากทั้งหมด 595 คดีจาก 13 ฐานความผิด 

 

“ทุกเดือนจะมีอย่างน้อยสองคนที่ต้องเผชิญการถูกใช้กระบวนการยุติธรรมในการคุกคาม ในฐานความผิดต่างๆ”

 

 

สุธีรา เปงอิน (ซ้าย) และ ปรานม สมวงศ์ (ขวา)

 

ขณะที่กองทุนยุติธรรมซึ่งควรเป็นที่พึ่งของผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลับเต็มไปด้วยเงื่อนไขยุ่งยากจากระบบ และเจ้าหน้าที่ผู้ขาดความรู้ความเข้าใจปฏิเสธไม่ให้เข้าถึง ทำให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดคือผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลับเข้าไม่ถึงสิทธิของตนเอง

นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับอำนาจของกลุ่มทุนที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การต่อต้านโครงการเหมืองแร่ โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ และการละเมิดสิทธิแรงงาน กำลังถูกคุกคามหนักขึ้นโดยภาคธุรกิจใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อกำจัดการเคลื่อนไหวเพื่อความเป็นธรรมและการปกป้องสิทธิมนุษยชนของพวกเธอ 

จึงนำมาสู่ข้อเรียกร้องดังนี้ 

  1. กระทรวงยุติธรรมต้องมีคำนิยามและมีการรับรองทางกฎหมาย และการคุ้มครองผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ให้สอดคล้องกับ ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (1998) เนื่องจากปัจจุบันเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมยังไม่เข้าใจว่านักปกป้องสิทธิคือใคร 

 

  1. ยุติคดีฟ้องร้องเชิงยุทธศาสตร์ต่อการมีส่วนร่วมของสาธารณะ และการใช้กระบวนการยุติธรรมในการคุกคามอย่างเด็ดขาด ผ่านการออกกฎหมายต่อต้าน SLAPPs โดยทันทีและกฎหมายนี้ต้องมีผลผูกพันทางกฎหมายที่ใช้บังคับ

 

  1. การปฏิรูปกองทุนยุติธรรมให้สามารถเข้าถึงได้โดยแท้จริง ลดข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรค และรับรองว่าผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างเป็นธรรม และทันท่วงทีจากที่ในปัจจุบันนักปกป้องสิทธิบางคนใช้เวลานานกว่า 33 เดือนก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด 

 

  1. สร้างความรับผิดชอบของรัฐและภาคธุรกิจ ในการปกป้องผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและกลไกตรวจสอบที่เข้มงวด 

 

  1. ฟื้นฟูความเป็นอิสระของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อให้สามารถทำงานด้านสิทธิมนุษยชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปราศจากอิทธิพลทางการเมืองและการแทรกแซงจากหน่วยงานความมั่นคงและทหาร 

 

ตลอดจนข้อเสนอต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในการทำงานกับนักสิทธิมนุษยชนกับชุมชน เช่น สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งต้องแก้ปัญหาจากรากเหง้าต้นเหตุความรุนแรง ดังนั้นจึงต้องยกเลิกกฎอัยการศึก หรือกฎหมายพิเศษต่างๆ ที่ละเมิดสิทธิประชาชน และเป็นการลงทุนที่ไม่ชอบธรรม เช่น โครงการแลนด์บริดจ์

 

 

 

 

ทวงถามความยุติธรรมและหลักสิทธิมนุษยชนสากลในรัฐบาลนี้

อังคณา นีละไพจิตร สว. ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวว่า การคุกคามนักปกป้องสิทธิเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาคือการ ลอบสังหาร ทรมาน และบังคับสูญหาย ซึ่งคดีทั้งหมดไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ แต่รูปแบบการคุกคามใหม่ คือการฟ้องร้องดำเนินคดี ด้อยค่า มีการโจมตี การใช้เรื่องเพศเป็นเครื่องมือทำให้ไร้ค่า 

 

“ตอนรัฐบาลแถลงนโยบายใช้คำสละสลวยเรื่องสิทธิมนุษยชน การมีหลักยุติธรรมและธรรมาภิบาล รวมทั้งไปรับคำมั่นจากต่างประเทศในการปกป้องสิทธิมนุษยชน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้ที่การมีคำมั่นที่ดี แล้วจะเกิดการปฏิบัติ ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงวันนี้ไม่มีการปฏิบัติจริง ทั้งนี้เห็นว่ารัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการเยียวยาด้านจิตใจกับผู้หญิงนักปกป้องสิทธิ และต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่คุ้มครองนักต่อสู้ปกป้องสิทธิ เช่น กฎหมายอุ้มหายทรมาน ขณะเดียวกันต้องยกเลิกการดำเนินคดีเพื่อปิดปากนักต่อสู้เรียกร้องสิทธิรวมถึงกระทรวงยุติธรรม” อังคณาระบุ

 

 

อังคณา นีละไพจิตร

 

 

ด้าน ธนพร วิจันทร์ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิแรงงาน กล่าวว่า ตนและเครือข่ายแรงงานถูกดำเนินคดีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนมาถึงรัฐบาลเพื่อไทย การดำเนินคดีกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ล่าสุดมีการรื้อคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปี 2564 ที่ยกเลิกไปนานมากแล้ว มาฟ้องร้องพวกตน ที่ไปเรียกร้องให้มีการฉีดวัคซีนโควิดให้กับแรงงานข้ามชาติ 

“ไม่ใช่บทบาทหน้าที่ของรัฐที่จะต้องมาฟ้องประชาชน แต่ควรที่จะแก้ไข วันนี้ต้องถามว่ากระบวนการยุติธรรมของรัฐบาลเพื่อไทย อยู่ไหน ยุติธรรมกี่โมง ขอให้รัฐบาลทำอะไรสักเรื่องให้ประชาชนได้หรือไม่ ไม่รู้ว่ารัฐบาลเพื่อไทยทำเพื่อใคร สิ่งที่เราเห็นคือกลุ่มทุน และพวกพ้อง พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชนตรงไหน พรรคเพื่อไทยหัวใจคือทักษิณ” ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิแรงงานระบุ

 

 

ธนพร วิจันทร์

 

นักปกป้องสิทธิโวย รัฐบาลจากการเลือกตั้งใช้กฎหมายข่มขู่ประชาชน

สมปอง เวียงจันทร์ ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากสมัชชาคนจนเขื่อนปากมูล กล่าวว่า เมื่อออกมาคัดค้านเขื่อนปากมูล ตนถูกตั้งข้อกล่าวหาในคดีกบฏ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงมาก ทั้งที่พวกตนปกป้องแม่น้ำมูลแหล่งอาหารที่ใหญ่ที่สุดของชาวบ้าน แต่ยังต้องเจอกับการคุกคามจากเจ้าหน้าที่รัฐที่มาติดตามตน และพยายามให้พวกตนไปในสถานที่ที่เสี่ยงกับการถูกดำเนินคดีเพื่อยัดเยียดข้อกล่าวหาร้ายแรงให้ 

 

สมปองระบุว่า จากกรณีดังกล่าวจึงเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาลที่ถูกเลือกตั้งเข้ามา แทนที่จะแก้ปัญหาให้ชาวบ้านในเรื่องที่สิทธิทำกิน สิทธิที่อยู่อาศัย แต่กลับมาใช้กฎหมายมากดทับพวกตน ส่วนตัวเห็นว่ารัฐบาลประชาธิปไตยควรให้สิทธิชาวบ้านในการเรียกร้อง และปกป้องชาวบ้านที่รักษาสิทธิในการปกป้องแม่น้ำ

 

 

สมปอง เวียงจันทร์

 

ขณะที่ อัสมาดี บือเฮง นักปกป้องสิทธิมนุษยชนและนักข่าวพลเมืองชายแดนใต้ กล่าวว่า ในช่วงโควิดมีชาวบ้านในพื้นที่ถูกวิสามัญกว่า 60 ราย ตนก็เช่นเดียวกันที่ถูกดำเนินคดี หลังจากเขาไปสังเกตการณ์ในเหตุการณ์ที่แม่พยายามเข้าไปรับศพลูกชายที่ถูกวิสามัญที่โรงพยาบาล ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมายต่อกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะคำถามต่อความเป็นมนุษย์ ที่ลูกชายตาย และแม่ถูกดำเนินคดี ทั้งที่ปัญหาในจังหวัดชายแดนใต้จะต้องใช้การเมืองแก้ปัญหา 

 

“รัฐบาลเพื่อไทยมีบาดแผลในคดีตากใบ และรัฐบาลก็เป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่ทำให้ กอ.รมน. เดินหน้านโยบายการปราบปรามใหญ่ขึ้น และรัฐบาลในปัจจุบันก็ไม่มีเจตจำนงทางการเมืองแต่อย่างใด ไม่เหมือนกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ยังมีการเจรจาสันติภาพ ทำให้การไปเยือนของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งสองครั้งมีแรงเหวี่ยงกลับมาอย่างมีนัยสำคัญ อยากฝากให้ทุกคนติดตามการดำเนินคดีภาคประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะเป็นจุดวิกฤตเปลี่ยนสถานการณ์ให้รุนแรงมากขึ้นได้” อัสมาดีระบุ

 

อัสมาดี บือเฮง

 

ประกาศเจตจำนงการเมือง ก้าวแรกสู่การปกป้องสิทธิ

ขณะที่ ชลธิชา แจ้งเร็ว สส. ปทุมธานี พรรคประชาชน กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้ต้องหาและจำเลยรวม 28 คดี จึงเข้าใจถึงปัญหาของผู้หญิงนักปกป้องสิทธิที่ได้รับการคุกคามต่างๆ โดยเฉพาะการคุกคามบนโลกออนไลน์ในมิติทางเพศ ซึ่งส่งผลกระทบในเชิงสภาพจิตใจของคนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้อย่างมาก ทำให้บรรยากาศการเคลื่อนไหวหดแคบลง หรือแม้แต่งานการเมืองเองก็ไม่ได้มีการสร้างบรรยากาศความปลอดภัยให้กับผู้หญิงในการทำงานการเมืองแต่อย่างใด 

“ดัชนีชี้วัดประชาธิปไตยของประเทศ ไม่ได้ดูแค่กลไกของการเลือกตั้ง แต่เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงความเข้มแข็งของภาคประชาสังคมด้วย ที่ผ่านมานักต่อสู้จำนวนมากถูกคุกคาม มีการจำกัดสิทธิเสรีภาพหนักขึ้นเรื่อยๆ พรรคเพื่อไทยเคยโฆษณาตัวเองเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในประชาธิปไตย แต่ทำไมตัวเลขคดีความในยุคไม่ลดลง มีการหยิบคดีใน คสช. ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง แม้แต่คนเป็น สส. เองก็ไม่ปลอดภัย ถูกฟ้องโดยรัฐมนตรี ไม่เห็นถึงแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้นเลย”

ชลธิชาระบุด้วยว่า เจตจำนงทางการเมืองในการผลักดันต่างๆ เป็นบันไดขั้นแรก แต่วันนี้ไม่เห็นเจตจำนงทางการเมืองจากเพื่อไทย ซึ่งขอทวงถามถึงเรื่องนี้ เพราะตราบใดที่ไม่มีเจตจำนงทางการเมือง จะนำไปสู่ก้าวต่อไปในการปกป้อง และคุ้มครองนักปกป้องสิทธิได้อย่างไร และหวังว่าจะยกเลิกโทษหมิ่นประมาทอาญา ซึ่งจะทำให้เห็นเป็นทิศทางและการกำกับที่ดีต่อไป

 

ชลธิชา แจ้งเร็ว

 

ด้านปรานมกล่าวว่า รัฐบาลเพื่อไทยได้อำนาจมาแล้ว แต่ไม่มีประชาชนในหัวใจ ไม่เอื้อต่อการสร้างสภาวะแวดล้อมในการปกป้องนักสิทธิมนุษยชน สะท้อนได้จากการจำกัดสิทธิเสรีในการชุมนุมเรียกร้องของประชาชน การไม่ให้ความสำคัญกับการลุกขึ้นมาต่อสู้ของประชาชน ทั้งเรื่องของสหภาพแรงงาน และปลาหมอคางดำ รวมทั้งท่าทีของของ กอ.รมน. ต่อสิทธิการแสดงออกของประชาชนโดยเฉพาะในสามจังหวัดชายแดนใต้ เช่นเดียวกับในวันนี้ที่ทาง PI ได้เชิญตัวแทนรัฐบาลเพื่อไทยมาเช่นกันแต่ได้รับคำตอบว่าติดภารกิจ ทั้งที่การออกรายงานครั้งที่แล้วมีการส่งตัวแทนมา

 

“วันนี้การที่เรามีนักการเมืองผู้หญิง มีผู้มีอำนาจเป็นผู้หญิง ถือเป็นเรื่องดี แต่อำนาจของที่นายกรัฐมนตรีผู้หญิงมี ควรกระจายเพื่อสร้างความยุติธรรมและลดความเหลื่อมล้ำให้กับผู้หญิงทั้งประเทศ ไม่ควรอยู่ในมือผู้หญิงตระกูลใดตระกูลหนึ่งที่หรืออำนาจใดอำนาจหนึ่ง แต่ควรต่อสู้เพื่อให้ประเทศนี้มีการโอบอุ้มและปกป้องผู้หญิงและประชาชนในทุกชนชั้น” ปรานมกล่าวทิ้งท้าย 

 

The post ความหวังที่ผู้หญิงและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจะได้รับการคุ้มครองในรัฐบาลนี้ เปรียบเหมือนดวงดาวหรืออุกกาบาต appeared first on THE STANDARD.

]]>
ณัฐพงษ์และศิริกัญญามอง รัฐบาลแถลงผลงาน แต่เหมือนนายกฯ มาฝากงานมากกว่า มีแต่หัวข้อ ขาดรายละเอียด https://thestandard.co/nattapong-and-sirikanya-question-lack-of-policy-details/ Thu, 12 Dec 2024 10:42:42 +0000 https://thestandard.co/?p=1018971 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ

วันนี้ (12 ธันวาคม) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุ […]

The post ณัฐพงษ์และศิริกัญญามอง รัฐบาลแถลงผลงาน แต่เหมือนนายกฯ มาฝากงานมากกว่า มีแต่หัวข้อ ขาดรายละเอียด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ

วันนี้ (12 ธันวาคม) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย ศิริกัญญา ตันสกุล สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ร่วมกันแถลงข่าวกรณี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลงาน 90 วันของรัฐบาล เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

 

ศิริกัญญากล่าวว่า เนื่องจากรัฐบาลจัดการแถลงผลงาน 90 วัน แต่รัฐบาลนี้ไม่ได้เพิ่งมา 90 วัน แต่ดำเนินการบริหารราชการแผ่นดินมารวมแล้ว 1 ปี 4 เดือน ดังนั้นการที่จะบอกว่ามาแถลงผลงานรัฐบาล 90 วัน เป็นเพียงแค่การแถลงนโยบายของนายกฯ คนใหม่ใช่หรือไม่ เพราะคณะรัฐมนตรีมีแต่คนหน้าเดิม

 

ศิริกัญญากล่าวต่อไปว่า แม้จะใช้ชื่องานว่าแถลงนโยบาย 90 วัน แต่สิ่งที่ได้ยินจากนายกฯ คือการ ‘แถลงฝากงาน’ ทั้งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ไปร่วมงาน รวมแล้วมีการฝากงานทั้งสิ้น 11 ครั้ง โดยไม่ได้สรุปผลงานที่เคยผ่านมาว่ามีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ยอมรับว่ารัฐบาลนี้ไม่ใช่ไม่มีผลงาน แต่กลับไม่มีการออกมาพูดเรื่องผลงานอย่างจริงจัง ซึ่งอาจจะมีผลงานบางอย่างที่เป็นผลงานได้

 

“นายกฯ พูดวันนี้โดยไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมาก จึงเป็นเหมือนการแถลงนโยบายภาคสอง พูดแค่หัวข้อ และการพูดในแต่ละหัวข้ออาจจะยังคิดไม่ครบทุกระบบ ปัญหาที่เราทราบกันใหญ่เท่าขุนเขา แต่วิธีการแก้ปัญหาเล็กเท่าขนนก” ศิริกัญญากล่าว

 

ศิริกัญญาระบุด้วยว่า ยังมีหลายเรื่องที่เราเห็นด้วยและพร้อมที่จะสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการทลายทุนผูกขาด, การปรับโครงสร้างหนี้, บ้านเพื่อคนไทย หรือการลดค่าไฟ แต่ย้ำว่า ปัญหาคือการไม่ลงในรายละเอียด อีกทั้งไม่ได้มีการพูดถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรืออาชญากรรมออนไลน์

 

อย่างไรก็ตาม ศิริกัญญากล่าวถึงการแก้ไขปัญหา PM2.5 ที่นายกฯ นำตัวเลขออกมาโชว์ให้เห็น แต่เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ เคยตั้งไว้ จะเห็นว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าเป้าหมายทุกพื้นที่

 

“ขณะที่โครงการซอฟต์พาวเวอร์ นายกฯ ก็พูดแตะนิดหน่อยว่าจะทำต่อ แต่ต้องขอทวงถามว่า โครงการที่ผ่านมาแล้วตั้งแต่สมัยที่นายกฯ นั่งเป็นประธานอยู่นั้นไม่ได้มีความคืบหน้าอะไร แม้กระทั่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็บอกแค่ว่าปีหน้าแจกแน่ แต่ไม่ได้บอกว่าแจกเมื่อไร รวมถึงเงินที่จะแจกผู้สูงอายุปีหน้าก็ยังไม่มีการนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากที่ถอนเรื่องไป” ศิริกัญญากล่าว

 

อยากให้รัฐบาลวางบทบาทไทยบนเวทีโลกชัดเจน

 

ด้านณัฐพงษ์กล่าวว่า สิ่งที่เราอยากเห็นจากรัฐบาลคือการทำให้คนไทยเชื่อมั่นได้ว่า ในปี 2568 ภายใต้บริบทโลกใหม่ นโยบายของรัฐบาลจะเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนอย่างแท้จริง อยากเห็นการปฏิรูประบบราชการ ซึ่งนายกฯ พูดถึงเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลดิจิทัล แต่กลับไม่พูดถึงการต่อต้านคอร์รัปชัน รวมทั้งเรื่องการกระจายอำนาจที่กลับไปพูดถึงการกระจายอำนาจด้วยกองทุน SML ทั้งที่การกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้องให้ท้องถิ่นมีอำนาจแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้โดยตรง

 

ส่วนเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติด เราได้ยินแค่ว่า นายกฯ จะทำแพลตฟอร์มรับเรื่องร้องเรียนปัญหายาเสพติด ซึ่งปัญหานี้ใหญ่มาก ไทยไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้เลยถ้าไม่พูดถึงปัญหาชายแดนและปัญหาความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้าน นโยบายด้านการต่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านก็ยังไม่ชัดเจน ปัญหาการศึกษาก็ไม่มีการพูดถึง พ.ร.บ.การศึกษา หรือการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาแต่อย่างใด

 

ขณะที่เรื่องพลังงานไฟฟ้าที่มีความสำคัญ นายกฯ ไม่พูดถึงการยกเลิกสัมปทานพลังงานหมุนเวียนไฟฟ้า 3,600 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานทำหนังสือไปถึงคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งนายกฯ เป็นประธานด้วย แต่ก็ไม่มีการพูดถึงว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

 

ณัฐพงษ์ชี้ว่า วันนี้ยังไม่มีความชัดเจนในนโยบายด้านการต่างประเทศ ว่าไทยจะจัดตนเองไปอยู่ในตำแหน่งแห่งที่อย่างไร ในสงครามการค้าโลกที่เราจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนในปี 2025 ภายใต้ระเบียบโลกใหม่ที่สหรัฐอเมริกากำลังจะตั้งกำแพงภาษีกับประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ซึ่งรวมถึงไทยด้วย

 

“ผมอยากเห็นนายกฯ มองบริบทประเทศของเราว่าไม่ใช่ Small Country แบบที่คุณเศรษฐาเคยพูดไว้ แต่เราคือ Middle Power Country เราเป็นประเทศที่มีอำนาจต่อรองระดับหนึ่ง ผมอยากเห็นนายกฯ แสดงบทบาทผู้นำบนเวทีอาเซียนในการเจรจาในภูมิภาค เพื่อสร้างความร่วมมือร่วมกันว่าเราจะสร้างอำนาจต่อรองในสงครามการค้าโลกนี้อย่างไร” ณัฐพงษ์กล่าว

 

ณัฐพงษ์สรุปว่า การแถลงผลงานของนายกฯ ยังไม่ผ่านเกณฑ์ เหมือนการฝากงานที่นายกฯ พูดไม่ครบ คิดไม่จบ เราอยากเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะการมาตอบกระทู้ถามสดด้วยตนเอง ส่วนการพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ พรรคประชาชนยื่นร่างแก้ไขกฎหมายกว่า 80 ฉบับเข้าสู่การพิจารณาของสภาแล้ว เราอยากทำหน้าที่ฝ่ายค้านเชิงรุก ก็อยากได้ความชัดเจนจากรัฐบาลที่เป็นรูปธรรม หรือร่างกฎหมายของรัฐบาลที่จะยื่นเข้าสู่สภา เพื่อมาพิจารณาร่วมกัน

 

ส่วนมองนโยบายที่ผิดพลาดที่สุดของรัฐบาลคืออะไร ณัฐพงษ์ระบุว่า นโยบายที่โดดเด่นของพรรคเพื่อไทยที่ทุกคนมองในสมัยก่อนเป็นเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ 1 ปี 4 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลประสบความล้มเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 1 ที่แจกจ่ายไปแล้ว ภาพรวมของการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้ เฟส 2 และ 3 ก็พูดออกมาชัดว่าเฉพาะเฟส 3 เท่านั้นที่จะแจกเงินดิจิทัล แบบนี้ก็ถือว่าพลาดเป้าไปหลายเป้าที่รัฐบาลเคยแถลงนโยบายไว้ตอนหาเสียง

 

ณัฐพงษ์ยังมองว่า ถ้าวันนี้นายกฯ มาตอบกระทู้สดในสภา น่าจะได้รายละเอียดที่เป็นความชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่านี้ พร้อมเผยว่า พรรคเตรียมตัวอภิปรายไม่ไว้วางใจไว้ค่อนข้างดีแล้ว ซึ่งกรอบเวลาที่วางไว้คือภายในไตรมาสแรกของปีหน้า

The post ณัฐพงษ์และศิริกัญญามอง รัฐบาลแถลงผลงาน แต่เหมือนนายกฯ มาฝากงานมากกว่า มีแต่หัวข้อ ขาดรายละเอียด appeared first on THE STANDARD.

]]>