รถไฟทางคู่ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 20 Apr 2023 11:41:37 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เลือกตั้ง 2566 : พลังประชารัฐขายนโยบาย ‘อีสานประชารัฐ’ สร้างรถไฟทางคู่ ‘บึงกาฬ-อู่ตะเภา’ ปั้นนิคมอุตสาหกรรม ตั้งเป้าชนะแลนด์สไลด์ กวาด ส.ส. 133 เขตยกภาค https://thestandard.co/pprp-double-track-train-policy/ Thu, 20 Apr 2023 11:41:37 +0000 https://thestandard.co/?p=779132

วันนี้ (20 เมษายน) ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ. ประวิตร วง […]

The post เลือกตั้ง 2566 : พลังประชารัฐขายนโยบาย ‘อีสานประชารัฐ’ สร้างรถไฟทางคู่ ‘บึงกาฬ-อู่ตะเภา’ ปั้นนิคมอุตสาหกรรม ตั้งเป้าชนะแลนด์สไลด์ กวาด ส.ส. 133 เขตยกภาค appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (20 เมษายน) ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค และ พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ร่วมแถลงเปิดนโยบาย ‘อีสานประชารัฐ’ พัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟทางคู่ ‘บึงกาฬ-อู่ตะเภา’

 

พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า เราจะพัฒนาภาคอีสานและภาคตะวันออกให้เป็นรถไฟทางคู่ จากจังหวัดบึงกาฬ-ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือมาบตาพุด-สนามบินอู่ตะเภา จังหวัดระยอง โดยเป็นการพัฒนาพื้นที่ได้ 24 จังหวัดในภาคอีสานและภาคตะวันออก สอดรับกับโครงการ EEC โดยทางรถไฟจะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ, อุดรธานี, สกลนคร, กาฬสินธุ์, ร้อยเอ็ด, สุรินทร์, บุรีรัมย์, นครราชสีมา, สระแก้ว, ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และระยอง 

 

และยังเชื่อมต่อ 11 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครพนม, มุกดาหาร, อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ, ยโสธร, ศรีสะเกษ, มหาสารคาม และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ 480 กิโลเมตร 

 

โดยจะสร้างเมื่อได้เป็นรัฐบาล ซึ่งได้สำรวจเส้นทางกันมาเรียบร้อยแล้ว

 

พล.อ. ประวิตร กล่าวต่อไปว่า เราทำเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ ให้ได้มีงาน สร้างงาน สร้างอาชีพ น้ำก็น้อย การเกษตรก็มีข้อขัดข้องอีกมาก คนอีสานออกมาทำงานต่างจังหวัดทั้งนั้น เราทำโครงการนี้เพื่อชาวอีสานโดยเฉพาะ อย่าเพิ่งถามถึงภาคอื่น เอาให้ภาคอีสานเจริญ โดยภาคอีสานมีทั้งหมด 133 เขต คิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การมาทำโครงการใหญ่ในภาคอีสานจะเป็นการทำให้ภาคอื่นรู้สึกน้อยใจหรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า เราทำที่ภาคอีสานก่อน จากนั้นจะทำภาคเหนือและใต้ต่อไป อันนี้คิดกันมาหลายปีแล้ว อย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะเสร็จพรุ่งนี้ 

 

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะส่งผลต่อคะแนนเสียง พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่ต้องห่วง ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ตนไม่ห่วง ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้นั้น ไม่ต้องห่วง ยังไม่ได้คิด แต่สามารถดำเนินการได้แน่นอน

 

ด้านสันติกล่าวว่า สำหรับรถไฟทางคู่แบบใหม่ที่เราจะทำนั้นจะมีรางขนาด 1.435 เมตร มาตรฐานเดียวกับรถไฟความเร็วสูง จะมีการสร้างทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจรตลอดแนวเส้นทางรถไฟ และจะสร้างนิคมอุตสาหกรรมขนาด 20,000 ไร่ 6 แห่ง กว่า 6,000 โรงงาน โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมนำสมัย 

 

นอกจากนี้จะมีการสร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคมอุตสาหกรรม นิคมละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง เพื่อเตรียมแรงงานที่มีทักษะและคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 

 

รวมถึงมีโครงการพัฒนาท่าเรือบก ซึ่งจะเป็นพื้นที่รองรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นก่อนที่จะมีการขนส่งไปยังท่าเรือน้ำลึกที่ภาคตะวันออก  

 

“10 ปีที่ผ่านมา ชาวอีสานได้รับการพัฒนาอย่างเชื่องช้า มีแต่คนไปขอให้แลนด์สไลด์ แต่ยังไม่เคยได้ยินพรรคใดที่ตั้งใจที่จะไปพัฒนาภาคอีสาน เพื่อลูกหลานอยู่ดีกินดี เราจึงขอแรงใจทั้ง 133 เขตให้กับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อพรรคพลังประชารัฐจะได้มีอำนาจในการพัฒนาภาคอีสาน

 

“และเรามั่นใจว่าชาวอีสานจะต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐทั้ง 133 เขต เพื่อให้มาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และใน 133 เสียงที่เลือกเราเข้าไปในสภา จะไปยกมือสนับสนุนให้ พล.อ. ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี 

 

“ตนยืนยันว่าโครงการเหล่านี้ทำจริง ทำทันที แต่เราจะต้องมีนายกฯ เป็นคนที่จะใช้อำนาจผลักดันโครงการดีๆ เหล่านี้ได้” สันติกล่าว 

 

สันติกล่าวด้วยว่า สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในการพัฒนาโครงการนี้ โดยเฉพาะการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศเป็นผู้ดำเนินการ โดยการดึงดูดนักลงทุนมาจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งเป้าหมายไว้ คาดว่าจะสามารถดึงดูดเงินลงทุนเข้าประเทศไทย 4.5 ล้านล้านบาท โดยรัฐจะเป็นผู้เวนคืนที่ดินที่ต้องใช้ในการพัฒนานิคมแต่ละนิคมประมาณ 20,000 ไร่ เพื่อรองรับโรงงานประมาณ 1,000 โรงงาน โดยแต่ละโรงงานจะใช้เงินลงทุนประมาณ 750 ล้านบาท 

 

The post เลือกตั้ง 2566 : พลังประชารัฐขายนโยบาย ‘อีสานประชารัฐ’ สร้างรถไฟทางคู่ ‘บึงกาฬ-อู่ตะเภา’ ปั้นนิคมอุตสาหกรรม ตั้งเป้าชนะแลนด์สไลด์ กวาด ส.ส. 133 เขตยกภาค appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุชาเผย รัฐบาลเดินหน้าสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ ‘เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ’ คาดพร้อมเปิดให้บริการปี 2571 https://thestandard.co/anucha-double-track-train/ Sat, 15 Oct 2022 06:32:29 +0000 https://thestandard.co/?p=695889 อนุชา บูรพชัยศรี

วันนี้ (15 ตุลาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐ […]

The post อนุชาเผย รัฐบาลเดินหน้าสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ ‘เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ’ คาดพร้อมเปิดให้บริการปี 2571 appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุชา บูรพชัยศรี

วันนี้ (15 ตุลาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการรถไฟทางคู่สายเหนือ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กิโลเมตร มูลค่าก่อสร้าง 72,921 ล้านบาท เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางและการขนส่งจากประเทศไทยไปสู่ สปป.ลาว และประเทศจีนได้นั้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความคืบหน้าโครงการนี้อย่างใกล้ชิด โดยกำชับให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแผน 

 

ทั้งนี้ รฟท. อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และอยู่ในขั้นตอนการเวนคืนที่ดิน ซึ่งผู้รับจ้างได้เริ่มปฏิบัติงานตามหนังสือแจ้งให้เริ่มปฏิบัติงานแล้วตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 โดยภาพรวมโครงการมีความก้าวหน้า 0.051% ล่าช้ากว่าแผนงาน 0.102% (ข้อมูลเดือนกันยายน 2565) ทั้งนี้ มีระยะเวลาดำเนินโครงการฯ 71 เดือน หรือประมาณ 6 ปี ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดงานอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ในปี 2571

 

สำหรับโครงการรถไฟทางคู่สายเหนือ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ แบ่งสัญญาจ้างออกเป็น 3 สัญญา ประกอบด้วยสัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว งานโยธา งานระบบราง และงานระบบอาณัติสัญญาณ ระยะทาง 104 กิโลเมตร มูลค่าก่อสร้าง 26,560 ล้านบาท ผลการดำเนินงานมีความก้าวหน้า 0.14%, สัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย งานโยธา งานระบบราง และงานระบบอาณัติสัญญาณ ระยะทาง 135 กิโลเมตร มูลค่าก่อสร้าง 26,890 ล้านบาท ผลการดำเนินงานมีความก้าวหน้า 0.37% และสัญญาที่ 3 ช่วงเชียงราย-เชียงของ งานโยธา งานวางระบบราง และงานอาณัติสัญญาณ ระยะทาง 84 กิโลเมตร มูลค่าก่อสร้าง 19,385 ล้านบาท ผลการดำเนินงานมีความก้าวหน้า 0.50% ทั้ง 3 สัญญาสิ้นสุดการปฏิบัติงานเดือนมกราคม 2571

 

ทั้งนี้ ภาพรวมผลงานการก่อสร้างล่าสุด ในส่วนของงานตามข้อกำหนดทั่วไป (General Requirements) ผู้รับจ้างได้จัดหาและบำรุงรักษาสำนักงานสนามสำหรับวิศวกรและผู้ควบคุมงาน รวมทั้งจัดหาครุภัณฑ์และอุปกรณ์สำหรับสำนักงานสนาม ตลอดจนจัดหาเจ้าหน้าที่สำนักงาน จัดประชาสัมพันธ์โครงการ และรับฟังความคิดเห็นก่อนดำเนินโครงการแล้ว ส่วนงานดิน (Earth Work) ผู้รับจ้างได้ดำเนินการปรับพื้นที่โดยถากถาง และขุดตอขุดราก (Clearing and Grubbing) และก่อสร้างคันทางดินถมด้วยวัสดุดินจากแหล่งภายนอก ขณะที่งานอุโมงค์ (Tunnelling Works) ผู้รับจ้างได้ดำเนินการสำรวจทางธรณีเทคนิคก่อนการก่อสร้าง เพื่อจัดทำรายงานและนำมาคำนวณปริมาณงานตามการออกแบบ สำหรับงานขุดทั่วไป ผู้รับจ้างได้ดำเนินการสำรวจทางธรณีฟิสิกส์ เพื่อนำมาคำนวณปริมาณงานตามภาพตัดทางธรณีวิทยา ส่วนผลงานการเวนคืนที่ดิน ปัจจุบันดำเนินการสำรวจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเวนคืน และประชุมคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้น เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ค่าตอบแทนเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างทยอยทำสัญญาจ่ายค่าเวนคืนและส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง โดยเฉพาะช่วงที่เป็นสายงานวิกฤตของงานก่อสร้าง 

 

อนุชากล่าวต่อไปว่า โครงการรถไฟทางคู่สายเหนือ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ มีจุดเริ่มต้นจากสถานีเด่นชัย จังหวัดแพร่ มุ่งหน้าขึ้นเหนือผ่านจังหวัดลำปาง พะเยา และสิ้นสุดบริเวณด่านพรมแดนเชียงของ จังหวัดเชียงราย ถือเป็นเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ ที่ใช้เวลาดำเนินการยาวนานมากนับตั้งแต่เริ่มศึกษาโครงการเมื่อปี 2503 ผ่านรัฐบาลหลายยุค จนกระทั่งปี 2561 ครม. มีมติอนุมัติโครงการ ถือเป็นการปลดล็อก 60 ปีที่รอคอย

 

โครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่ ที่จะเปิดพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ ทั้งด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และการค้า โดยผ่านพื้นที่ 59 ตำบล 17 อำเภอ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ ลำปาง พะเยา และเชียงราย มีสถานีทั้งสิ้น 26 สถานี ประกอบด้วย สถานีขนาดใหญ่ 4 สถานี สถานีขนาดเล็ก 9 สถานี และป้ายหยุดรถ 13 แห่ง มีการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกตามหลัก Universal Design และยังมีการออกแบบรั้วกั้นเขตแนวสายทาง มีสะพานรถไฟ สะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ 40 แห่ง ทางรถยนต์ลอดรถไฟ 102 แห่ง มีทางเชื่อมรวมและกระจายจราจร ตลอดจนสะพานลอย ทางเท้า และทางรถจักรยานยนต์ข้ามและลอดทางรถไฟ แก้ปัญหาจุดตัดทางรถไฟ 254 จุด ตลอดแนวเส้นทาง เพื่อให้สามารถเพิ่มระดับความเร็วในการเดินทางขนส่งได้อย่างปลอดภัย

 

นอกจากนี้ ยังมีลานขนถ่ายสินค้า 4 แห่ง และย่านกองเก็บและบรรทุกตู้สินค้า 1 แห่ง ที่สถานีเชียงของ บนพื้นที่ 150 ไร่ พร้อมแนวถนนเชื่อมต่อด่านชายแดนเชียงของ ทั้งนี้ เส้นทางโครงการฯ อยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดดังนี้

  • จังหวัดแพร่ ระยะทาง 77.20 กิโลเมตร มี 6 สถานี คือ เด่นชัย, สูงเม่น, แพร่, แม่คำมี, หนองเสี้ยว และสอง 
  • จังหวัดลำปาง ระยะทาง 52.40 กิโลเมตร มี 3 สถานี คือ แม่ตีบ, งาว และปงเตา 
  • จังหวัดพะเยา ระยะทาง 54.10 กิโลเมตร มี 6 สถานี คือ มหาวิทยาลัยพะเยา, บ้านโทกหวาก, พะเยา, ดงเจน, บ้านร้อง และบ้านใหม่ 
  • จังหวัดเชียงราย ระยะทาง 139.40 กิโลเมตร มี 11 สถานี คือ ป่าแดด, ป่าแงะ, บ้านโป่งเกลือ, สันป่าเหียง, เชียงราย, ทุ่งก่อ, เวียงเชียงรุ้ง, ชุมทางบ้านป่าซาง, บ้านเกี๋ยง, ศรีดอนชัย และเชียงของ

 

เมื่อการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเหนือ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของแล้วเสร็จ จะเป็นการสร้างสถิติใหม่ และไฮไลต์สำคัญ เพราะจะเป็นอุโมงค์รถไฟที่มีความยาวที่สุดในประเทศไทย ซึ่งโครงการนี้มีเส้นทางผ่านภูเขาสูงและเขตอุทยาน จึงต้องออกแบบก่อสร้างเป็นคันทางระดับดิน และทางรถไฟยกระดับ รวมถึงเจาะภูเขาก่อสร้างอุโมงค์ 4 แห่งซึ่งมีความสูงเหนือระดับพื้นดิน เท่ากับตึกประมาณ 20 ชั้น โดยระยะทางในอุโมงค์ทั้งขาขึ้นและขาล่องรวม 27.03 กิโลเมตร ที่จังหวัดแพร่ อยู่อำเภอสอง 2 อุโมงค์ โดยอุโมงค์ที่ 1 มีความยาว 1.175 กิโลเมตร อุโมงค์ที่ 2 ความยาว 6.240 กิโลเมตร ส่วนอุโมงค์ที่ 3 อยู่อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ความยาว 2.700 กิโลเมตร และอุโมงค์ที่ 4 อยู่อำเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงรายความยาว 3.400 กิโลเมตร 

 

นอกจากนี้ ตลอดสองข้างทางของเส้นทางสายใหม่ยังมีความสวยงามของธรรมชาติ ผู้โดยสารจะได้เพลิดเพลินไปกับวิวผืนป่าที่เขียวชอุ่ม สดชื่น สบายตาแบบพาโนรามา โดยรถไฟจะแล่นผ่านเทือกเขา สะพาน สลับกับลอดอุโมงค์ จึงขึ้นแท่นเป็นเส้นทางรถไฟที่มีทัศนียภาพสวยงามตลอดทาง และจะสร้างความประทับใจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ส่งเสริมการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวเดิมและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ รถไฟสายนี้จึงมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจสูงมาก นอกจากช่วยสนับสนุนการขนส่งสินค้าไปยังจีนตอนใต้แล้ว ยังเป็นเส้นทางขนส่งผู้โดยสาร และมองว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามายังจังหวัดแพร่มากขึ้น เพื่อเดินทางต่อไปยังจังหวัดเชียงราย และอำเภอเชียงของ ข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

 

“รถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ จะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางได้เร็วกว่า 1-1.30 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถยนต์ จึงเป็นเส้นทางรถไฟแห่งอนาคต ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจการค้า สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ที่เส้นทางตัดผ่าน ตลอดจนช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งอย่างยั่งยืน และเป็นการเปิดประตูสู่การค้าชายแดนภาคเหนือ เพิ่มช่องทางส่งออกสินค้าจากไทย และสร้างโอกาสที่ดีต่อการค้าการลงทุนของประเทศด้วย” อนุชากล่าวในที่สุด

The post อนุชาเผย รัฐบาลเดินหน้าสร้างรถไฟทางคู่สายใหม่ ‘เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ’ คาดพร้อมเปิดให้บริการปี 2571 appeared first on THE STANDARD.

]]>
เตรียมเปิดให้บริการ ‘รถไฟทางคู่’ อีก 5 เส้นทางภายในปีนี้ https://thestandard.co/double-track-railway-5-more-routes/ Mon, 19 Sep 2022 04:36:47 +0000 https://thestandard.co/?p=683389 รถไฟทางคู่

วันนี้ (19 กันยายน) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรั […]

The post เตรียมเปิดให้บริการ ‘รถไฟทางคู่’ อีก 5 เส้นทางภายในปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รถไฟทางคู่

วันนี้ (19 กันยายน) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเร่งพัฒนาขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางของประเทศ ตามนโยบายเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมอย่างเป็นระบบ เพื่อยกระดับการเดินทางให้สะดวกรวดเร็วและแก้ปัญหาการจราจรที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้น รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

 

ทั้งนี้ โครงข่ายรถไฟทางไกลรองรับการขนส่งจากถนนสู่ระบบราง และจากทางเดี่ยวสู่ทางคู่ ประกอบด้วยโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง ระยะทาง 985 กิโลเมตร มีความคืบหน้าเป็นอย่างดี ประกอบด้วยเส้นทางที่ก่อสร้างเสร็จแล้วจำนวน 2 เส้นทาง ได้แก่ 

 

  1. ช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา-ชุมทางคลองสิบเก้า-ชุมทางแก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร เปิดให้บริการแล้วเมื่อปี 2562
  2. ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร เปิดให้บริการแล้วเมื่อปี 2563 

 

อีก 5 เส้นทางที่คาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2565 โดย 5 เส้นทางที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างและเตรียมเปิดให้บริการ ได้แก่ 

 

  1. ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 145 กิโลเมตร 
  2. ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 135 กิโลเมตร 
  3. ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 169 กิโลเมตร 
  4. ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทางรวม 76 กิโลเมตร
  5. ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทางรวม 167 กิโลเมตร 

 

เมื่อดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว จะสามารถเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัยในการเดินทาง รวมถึงการขนส่งสินค้า อีกทั้งยังเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมพื้นฐานด้านอื่นๆ ของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

อนุชากล่าวย้ำว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ตามนโยบายรัฐบาลนี้ ถือเป็นการยกระดับการเดินทางที่สำคัญเพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งระบบราง ลดต้นทุนการขนส่งระบบโลจิสติกส์ เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าทางรถไฟ ลดระยะเวลาในการเดินทางได้อย่างชัดเจน

 

อาทิ การเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพมหานครไปยังสถานีหัวหิน จากเดิมใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง จะเหลือเพียงประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น อีกทั้งเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง ลดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยงเครือข่ายการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชน สินค้าและบริการ ทั้งในพื้นที่ชนบท เมือง และประเทศเพื่อนบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน

 

ภาพ: Shutterstock

The post เตรียมเปิดให้บริการ ‘รถไฟทางคู่’ อีก 5 เส้นทางภายในปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>