ยาเสพติด – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 25 Mar 2025 04:01:31 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ศุลกากรหนองคายจับไอซ์ 120 กก. มูลค่า 36 ล้านบาท ซ่อนในรถกระบะผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว https://thestandard.co/nongkhai-customs-seizes-ice-ford-ranger/ Tue, 25 Mar 2025 03:16:25 +0000 https://thestandard.co/?p=1056203 เจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายแถลงข่าวการจับกุมไอซ์ 120 กิโลกรัมที่ซุกซ่อนในรถกระบะฟอร์ด

วานนี้ (24 มีนาคม) เวลาประมาณ 19.30 น. เจ้าหน้าที่ศุลกา […]

The post ศุลกากรหนองคายจับไอซ์ 120 กก. มูลค่า 36 ล้านบาท ซ่อนในรถกระบะผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายแถลงข่าวการจับกุมไอซ์ 120 กิโลกรัมที่ซุกซ่อนในรถกระบะฟอร์ด

วานนี้ (24 มีนาคม) เวลาประมาณ 19.30 น. เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านพรมแดนหนองคาย สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 ร่วมกับฝ่ายสืบสวนและปราบปราม สำนักงานศุลกากรหนองคาย ภายใต้การอำนวยการของ วรรณา ผู้อุตส่าห์ นายด่านศุลกากรหนองคาย รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรหนองคาย และ สมจินต์ จิตรสมนึก ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร 1 พร้อมด้วยหน่วยงานด้านความมั่นคงหลายภาคส่วน ได้แก่ พัฒนพงศ์ ตันติวัฒนกุลชัย หน.ฝบศ.1 สบศ.1, จิรายุ สิงหาษา หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ร่วมกับ พ.ต.อ. นพดล รักชาติ ผกก.ตม.จว.หนองคาย, พ.ต.ต. กานวัฒน์ วงษ์วิจิตร ผบ.ร้อย ตชด.245, คณิศร ภาพีรนนท์ ผอ.ปปส.ภ.ศ., พ.ต.อ. จิรวิทย์ ปานยิ้ม ผกก.สภ.เมืองหนองคาย, นบ.24 และ บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ได้ร่วมกันตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยและสามารถตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวมประมาณ 120 กิโลกรัม มูลค่าราว 36 ล้านบาท

 

การจับกุมครั้งนี้ เกิดขึ้นบริเวณสถานีตรวจรถยนต์ส่วนบุคคลขาเข้า (ช่อง 6A) ณ ด่านพรมแดนหนองคาย เจ้าหน้าที่พบว่าบริเวณที่พักเท้าฝั่งคนขับของรถยนต์ยี่ห้อ FORD รุ่น RANGER สีขาว มีลักษณะผิดปกติ จึงขอทำการตรวจค้นโดยละเอียด พบวัตถุต้องสงสัยสีขาวขุ่น บรรจุในถุงพลาสติกสีทองลักษณะคล้ายถุงชา จำนวน 120 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 120 กิโลกรัม

 

เมื่อนำวัตถุดังกล่าวมาตรวจสอบด้วยน้ำยาทดสอบยาเสพติด Marquis Test (ONCB 053) พบผลการทดสอบสอดคล้องกับยาเสพติดประเภทไอซ์ ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1

 

 

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานลักลอบนำเข้าของต้องห้ามและยังไม่ได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564

 

การจับกุมในครั้งนี้ถือเป็นผลจากการปฏิบัติงานเชิงรุกและเข้มงวด ตามนโยบายของกรมศุลกากร ภายใต้การกำกับของ ธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร โดยได้สั่งการให้ กิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร และ วรรณา ผู้อุตส่าห์ นายด่านศุลกากรหนองคาย ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรหนองคาย มุ่งเน้นการปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าต้องห้าม หลีกเลี่ยงภาษีอากร และป้องกันภัยคุกคามต่อสังคมไทยอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทั้งนี้ สมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้มอบหมายให้นายไพฑูรย์ มหาขึ้นใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ร่วมแถลงข่าวการจับกุม ณ ด่านพรมแดนหนองคาย สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 ด้วย

The post ศุลกากรหนองคายจับไอซ์ 120 กก. มูลค่า 36 ล้านบาท ซ่อนในรถกระบะผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมการปกครองเปิดปฏิบัติการสิงห์ดับแสงนีออน บุกจับผับเถื่อนนครปฐม ไร้ใบอนุญาต ยาเสพติดเกลื่อน พบฉี่ม่วง 81 คน เตรียมสั่งปิด 5 ปี https://thestandard.co/illegal-club-raid-nakhon-pathom/ Sun, 23 Mar 2025 08:19:52 +0000 https://thestandard.co/?p=1055328

วันนี้ (23 มีนาคม) เวลา 03.00 น. ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อ […]

The post กรมการปกครองเปิดปฏิบัติการสิงห์ดับแสงนีออน บุกจับผับเถื่อนนครปฐม ไร้ใบอนุญาต ยาเสพติดเกลื่อน พบฉี่ม่วง 81 คน เตรียมสั่งปิด 5 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (23 มีนาคม) เวลา 03.00 น. ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง, รณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง, เรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ และ อิสรา เจริญชาศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เข้าจับกุมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมาย ไร้ใบอนุญาตสถานบริการ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลา และปล่อยปละละเลยให้มีการใช้สารเสพติดภายในสถานประกอบการ ปฏิบัติการตรวจค้นและจับกุมผับเถื่อนในย่านสามพราน จังหวัดนครปฐม

 

สืบเนื่องจากประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ว่ามีสถานบริการปล่อยให้ใช้ยาเสพติด และเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ให้บริการถึง 03.45 น. อยากให้หน่วยงานรัฐเข้าตรวจสอบจับกุม

 

ทั้งนี้ พนักงานฝ่ายปกครองเข้าสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่ามีการกระทำผิดจริงตามข้อร้องเรียน กระทั่งเวลา 03.00 น. ได้เปิดปฏิบัติการจู่โจมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมายทันที เมื่อชุดจับกุมเข้าไปถึงภายในผับพบเป็นห้องทึบ เปิดเพลงแนวปาร์ตี้ มีแสง สี เสียง เต็มระบบ โดยจะมีดีเจผลัดเปลี่ยนกันให้บริการตลอดคืน พบนักเที่ยวจำนวน 212 คน กำลังมั่วสุมดื่มกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เต้นตามจังหวะเสียงดนตรีอย่างเมามัน ทั้งยังสูบบุหรี่พ่นควันคละคลุ้ง พนักงานฝ่ายปกครองจึงสั่งให้ปิดเพลงและเปิดไฟให้แสงสว่าง ภายในผับได้เกิดความโกลาหล นักเที่ยวหลายคนต่างโยนยาเสพติดทิ้งออกจากตัว และพยายามหลบหนีออกทางประตูหน้าร้านและหลังร้าน แต่ชุดจับกุมได้ปิดล้อมประตูไว้ทุกด้าน จึงทำให้นักเที่ยวไม่สามารถหนีออกไปได้ พนักงานฝ่ายปกครองได้ประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

 

จากการเข้าตรวจสอบดังกล่าวพบว่าเป็นสถานประกอบการที่เปิดทำการค้าในลักษณะเป็นสถานบริการ มีการขายอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีการแสดงดนตรี และให้นักเที่ยวดื่มกิน เต้นรำ แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการแต่อย่างใด

 

ทั้งนี้ ที่สำคัญสถานบริการแห่งนี้มีการปล่อยปละละเลยให้มีการใช้สารเสพติดภายในร้าน ซึ่งตรวจสอบพบยาเสพติดตกกระจายเกลื่อนพื้น มีลักษณะเป็นผงสีขาว ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นยาเคตามีนและยาบ้า โดยพบในนักเที่ยวจำนวน 81 คน แบ่งเป็นผู้ชายจำนวน 49 คน ผู้หญิงจำนวน 32 คน พนักงานฝ่ายปกครองจึงได้จับกุมตัวเจ้าของร้าน ผู้ดูแล และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร้องทุกข์กล่าวโทษในฐานความผิดดังนี้

 

  1. ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
  2. ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาห้ามขาย
  3. สุราผิดกฎหมาย ว่าด้วยกฎหมายศุลกากร

 

จากพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้น จึงถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีการปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดภายในร้าน มีการขายสุราในเวลาห้ามขาย จึงเป็นเหตุให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการสั่งปิดสถานบริการแห่งนี้เป็นเวลา 5 ปี ในส่วนของนักเที่ยวที่มีปัสสาวะสีม่วง ฝ่ายปกครองอำเภอสามพรานจะดำเนินกระบวนการตามกฎหมายต่อไป

 

ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยว่า ในวันนี้พบว่าสถานบันเทิง ‘ร้าน Neon (นีออน)’ มีกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายโดยชัดแจ้ง ทั้งการไม่มีใบอนุญาตตั้งสถานบริการ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลา ปล่อยปละละเลยให้มีการขายและเสพยาเสพติดภายในร้าน ถือว่าเป็นการจงใจฝ่าฝืนกฎหมายอย่างชัดแจ้ง จากนี้จะได้สั่งการให้อำเภอสามพรานรายงานเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม มีคำสั่งปิดสถานที่แห่งนี้ 5 ปี ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 22/2558 ต่อไป

 

อธิบดีกรมการปกครองยังได้กล่าวต่อไปว่า การจับกุมในวันนี้เป็นไปตามนโยบายของ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีนโยบายในการจัดระเบียบสังคมด้านความมั่นคง การแก้ไขปัญหายาเสพติด และการปราบปรามผู้มีอิทธิพล เพื่อสร้างสังคมให้สงบสุข บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย ปลอดอบายมุข ปลอดยาเสพติด ประชาชนมีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต ทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนนโยบายกรมการปกครอง 5A 2025 อำเภอปลอดภัย

 

การจับกุมในวันนี้นอกจากเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนตามข้อร้องเรียนของประชาชนผ่านศูนย์ดำรงธรรมแล้ว ยังเป็นการตัดวงจรการแพร่ระบาดของยาเสพติด ลด Demand Supply เพื่อป้องกันไม่ให้สถานบริการเป็นสถานที่กระจายยาเสพติดไปสู่นักเที่ยวด้วยอีกทางหนึ่งด้วย และหากประชาชนมีเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งต่อผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน หรือแจ้งต่อปลัดอำเภอ นายอำเภอท้องที่ ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขให้แจ้งมายังศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย สายด่วน 1567

The post กรมการปกครองเปิดปฏิบัติการสิงห์ดับแสงนีออน บุกจับผับเถื่อนนครปฐม ไร้ใบอนุญาต ยาเสพติดเกลื่อน พบฉี่ม่วง 81 คน เตรียมสั่งปิด 5 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้ว่าฯ ตาก สั่งระงับการขนส่งสินค้าของท่า 48 เซ่นปมจับยาเสพติดล็อตใหญ่ ส่วนช่องทางอื่นอีก 59 ช่องทาง ห้ามรถสินค้าข้ามไปส่งสินค้าในฝั่งเมียนมาโดยเด็ดขาด https://thestandard.co/maesot-drug-bust-governor-suspends-port-48/ Sun, 23 Mar 2025 02:47:34 +0000 https://thestandard.co/?p=1055186 ผู้ว่าราชการจังหวัดตากสั่งระงับการใช้ท่า 48 บ้านแม่กุหลวงหลังพบเป็นเส้นทางลักลอบขนยาเสพติดล็อตใหญ่

วานนี้ (22 มีนาคม) ชูชีพ พงศ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก […]

The post ผู้ว่าฯ ตาก สั่งระงับการขนส่งสินค้าของท่า 48 เซ่นปมจับยาเสพติดล็อตใหญ่ ส่วนช่องทางอื่นอีก 59 ช่องทาง ห้ามรถสินค้าข้ามไปส่งสินค้าในฝั่งเมียนมาโดยเด็ดขาด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้ว่าราชการจังหวัดตากสั่งระงับการใช้ท่า 48 บ้านแม่กุหลวงหลังพบเป็นเส้นทางลักลอบขนยาเสพติดล็อตใหญ่

วานนี้ (22 มีนาคม) ชูชีพ พงศ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเมียนมา ตรงข้ามอำเภอแม่สอด) ได้แจ้งด่านศุลกากรแม่สอด ระงับการใช้ช่องทางบ้านแม่กุหลวง (ท่า 48) หมู่ที่ 1 ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด ของน.ส.กัญญา แก้วมา 

      

สำหรับการนำเข้า – ส่งออก ขนส่งสินค้า ณ ช่องทางอื่นนอกจากอนุมัติ ทั้ง 59 ท่า ที่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 86 วรรค 2 ข้อ 2.2 การนำเข้า – ส่งออกขนส่งสินค้าและสินค้าผ่านแดน (TRANSIT) ณ ช่องทางอื่นนอกทางอนุมัติ ที่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 86 วรรค 2 ห้ามมิให้บุคคลและยานพาหนะข้ามไป – มา กับสินค้าโดยเด็ดขาด

 

หลังจากที่เมื่อวันที่ 21 มีนาคม เจ้าหน้าที่ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 5 เข้าตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 จับกุมผู้ลำเลียงยาเสพติด จำนวน 2 คน พร้อมของกลางยาเสพติดยาบ้า ประมาณ 18 ล้านเม็ด ยาไอซ์ จำนวน 250 กิโลกรัม, เคตามีน จำนวน 300 กิโลกรัม ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ 

  

จากการสอบถามผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมให้การว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม เวลา 11.56 น. ได้นำรถบรรทุกทะเบียน 74-6562 สมุทรปราการ (หัว) 74-6624 สมุทรปราการ (พ่วงท้าย) บรรทุกน้ำดื่มข้ามไปเมียนมา ผ่านช่องทางบ้านแม่กุหลวง (ท่า 48) หมู่ที่ 1 ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด และมีการพักค้างคืนอยู่ฝั่งเมียนมา ก่อนจะมีคนมารับรถออกไป เพื่อบรรทุกยาเสพติด ดังกล่าว หลังจากนั้นได้มีการลักลอบนำผ่านบริเวณช่องทางบ้านแม่กุหลวง (ท่า 48) หมู่ที่ 1 ตำบลแม่ก อำเภอแม่สอด ในวันที่ 21 มีนาคม

The post ผู้ว่าฯ ตาก สั่งระงับการขนส่งสินค้าของท่า 48 เซ่นปมจับยาเสพติดล็อตใหญ่ ส่วนช่องทางอื่นอีก 59 ช่องทาง ห้ามรถสินค้าข้ามไปส่งสินค้าในฝั่งเมียนมาโดยเด็ดขาด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ดูเตร์เต ขึ้น ศาลอาญาโลก ปมปราบยาเสพติดโหด ตอนจบเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร? | GLOBAL FOCUS #117 https://thestandard.co/global-focus-117/ Fri, 21 Mar 2025 13:03:33 +0000 https://thestandard.co/?p=1054846 โรดริโก ดูเตร์เต

โรดริโก ดูเตร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกจับกุมแล […]

The post ชมคลิป: ดูเตร์เต ขึ้น ศาลอาญาโลก ปมปราบยาเสพติดโหด ตอนจบเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร? | GLOBAL FOCUS #117 appeared first on THE STANDARD.

]]>
โรดริโก ดูเตร์เต

โรดริโก ดูเตร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกจับกุมและถูกนำตัวขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ หลังถูกกล่าวหาว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ จากสงครามต่อต้านยาเสพติดที่คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก

 

ดูเตร์เตถือเป็นอดีตผู้นำชาติเอเชียคนแรกที่ถูกนำตัวขึ้นศาลอาญาโลก และเป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าเขาจะอยู่ในอำนาจหรือลงจากอำนาจไปแล้วก็ตาม

 

ท้ายที่สุดแล้ว ดูเตร์เต จะถูกตัดสินอย่างไร ความยุติธรรมจะปรากฏหรือไม่?

The post ชมคลิป: ดูเตร์เต ขึ้น ศาลอาญาโลก ปมปราบยาเสพติดโหด ตอนจบเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร? | GLOBAL FOCUS #117 appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ ชื่นชม ทลายเครือข่าย 7 คดี ยึดยาบ้ากว่า 20 ล้านเม็ด สั่งเร่งกระจายเครื่องเอ็กซเรย์ให้ครอบคลุม ขอมั่นใจไม่มีวนของกลาง https://thestandard.co/pm-orders-expanded-xray-use-in-drug-crackdown/ Fri, 21 Mar 2025 10:32:10 +0000 https://thestandard.co/?p=1054806 ยาบ้า 20 ล้านเม็ด

วันนี้ (21 มีนาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ […]

The post นายกฯ ชื่นชม ทลายเครือข่าย 7 คดี ยึดยาบ้ากว่า 20 ล้านเม็ด สั่งเร่งกระจายเครื่องเอ็กซเรย์ให้ครอบคลุม ขอมั่นใจไม่มีวนของกลาง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ยาบ้า 20 ล้านเม็ด

วันนี้ (21 มีนาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อติดตามผลการปฏิบัติการปราบปรามและจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียง 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานผลการจับกุมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และนำชมของกลางที่สามารถจับกุมได้ 7 คดีใหญ่ รวมของกลางทั้งหมดแบ่งเป็น ยาบ้า 20,080,000 เม็ด ไอซ์ 700 กิโลกรัม เคตามีน 199 กิโลกรัม ผู้ต้องหา 20 คน และรถยนต์ 14 คัน 

 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้รับฟังแถลงผลการทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมดูวีดิทัศน์การจับกุมของแต่ละคดี รถของกลางที่มีการดัดแปลงเพื่อซุกซ่อนลำเลียงยาเสพติด ทั้งรถเก๋ง รถบรรทุก รถขนน้ำมัน 

 

ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะดูการสาธิตเอ็กซเรย์รถยนต์ต้องสงสัยเพื่อลดเวลาในการค้นยาเสพติด ไม่เสียเวลาในการเข้าจับกุม รวมถึงลดการเสียหายของทรัพย์สินที่จับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ย้ำว่า แม้จะมีการเปลี่ยนรูปแบบแต่ด้วยความเชี่ยวชาญและชำนาญของเจ้าหน้าที่ สามารถยืนยันได้ว่าเป็นสิ่งเสพติด พร้อมสอบถามถึงความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเป็นห่วงระหว่างการจับกุมผู้ต้องสงสัยหรือคนร้ายอาจจะพกพาอาวุธ

 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีแถลงถึงผลปฏิบัติการจับกุมยาเสพติดครั้งนี้ว่า ถือว่าเป็นล็อตที่ใหญ่มาก และเริ่มจับอย่างจริงจัง ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วจนถึงวันที่ 1 มีนาคมปีนี้ ต้องชื่นชมขอบคุณเจ้าหน้าที่และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน หากไม่ได้รับความร่วมมืออย่างบูรณาการคงจะจับเคสใหญ่ๆ แบบนี้ไม่ได้ 

 

วันนี้จับได้ทั้งรายเล็ก รายย่อยคนส่ง สาวไปถึงตัวการได้ ส่วนที่อยู่ต่างประเทศเราก็ขอความร่วมมือระหว่างประเทศทำจนจบครบ ตอนนี้มีรายงานว่ารถที่ส่งยาเสพติดค่าจ้างเริ่มแพงขึ้นแปลว่าเจ้าหน้าที่ของเราทำงานได้อย่างเข้มข้นมากขึ้น ทำให้การขนส่งยาเสพติดเป็นไปได้ยากขึ้น หาได้ยากขึ้น ต้องขอบคุณและชื่นชมจากใจจริง มิเช่นนั้นนโยบายที่รัฐบาลออกมากวาดล้างยาเสพติดคงไม่ประสบความสำเร็จ 

 

นายกรัฐมนตรีระบุด้วยว่า เมื่อรัฐบาลให้ความมั่นใจว่าจะปราบปรามอย่างจริงจัง เจ้าหน้าที่ก็มีกำลังใจ ซึ่งเราคำนึงถึง ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ คนทำงานหน้างานต้องมีมาตรการดูแล ไม่ให้เข้าเนื้อตัวเอง 

 

ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาชนที่มีเบาะแส สามารถที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ประเทศของเราก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงขึ้น จากนี้จะขอความร่วมมือจากกระทรวงต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการบำบัดให้ผู้เสพกลับคืนสู่สังคม ขออย่ามองคนติดยาเป็นคนไม่ดีเพราะบางครั้งอาจผิดพลาด มีปัญหาในชีวิต ต้องช่วยกันให้กลับเข้าสู่สังคม ซึ่งรัฐบาลจะทำในเรื่องการฝึกอาชีพไม่ให้หันกลับเข้าไปยาเสพติดอีก รัฐบาลจะแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ครบวงจรและเข้มข้นขึ้นในทุกภาคส่วน

 

ส่วนเครื่องเอ็กซเรย์ยาเสพติดที่มีไม่เพียงพอ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีงบประมาณตั้งแต่รัฐบาลของเศรษฐา ทวีสิน ที่จะต้องให้มีเครื่องเอ็กซเรย์ยาเสพติดมากขึ้น เพื่อจะได้ครบทั้งหมดทั่วประเทศในเดือนกันยายนนี้ ตนอยากขอให้เร่งว่าถ้าเครื่องไหนเสร็จก่อนก็ขอให้เริ่มนำมาใช้งานได้เลย และจากที่ตนได้เข้าไปดูการตรวจพบว่าไม่พลาด เมื่อเห็นการเอกซเรย์สามารถจับได้

 

ส่วนเรื่องการขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราเต็มที่อยู่แล้ว ของกลางที่ยึดมามีการกำหนดวันการทำลาย โดยยืนยัน มีการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเข้มข้น คนที่คนเข้ามาต้องตระหนักรู้ว่าทำลายประเทศชาติอย่างมาก ฉะนั้นการยึดทรัพย์เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ทันที

 

นายกรัฐมนตรียืนยันด้วยว่า ยาเสพติดจากการจับกุมได้จะไม่วนต่อ ตนสั่งการไปทางเจ้าหน้าที่ซึ่งทุกคนก็กลัวว่าของกลางจะหาย มีหลายทีมรับผิดชอบ ฉะนั้นอยากให้ประชาชนไว้ใจได้ และสบายใจเรื่องนี้ไม่มีการวนกลับไปในระบบอย่างแน่นอน

 

ส่วน 7 คดีที่แถลงข่าววันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะสามารถสาวถึงตัวการใหญ่ได้แน่ บางกรณีที่อยู่ในต่างประเทศก็มีการออกหมายจับไปแล้ว ซึ่งมีทั้งระดับผู้สั่งการ รายใหญ่ รายเล็ก และเจ้าของการผลิต พร้อมยืนยันว่า ใน 7 คดีนี้ยังไม่มีคนมีสีเข้าไปเกี่ยวข้อง 

 

นายกรัฐมนตรียังระบุด้วยว่า การสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นสิ่งที่คิดมาตลอดและหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าเจ้าหน้าที่จะได้อะไรบ้างจากการจับกุม เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานเสี่ยงชีวิต ควรได้รับค่าตอบแทนเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ

 

ส่วนคนที่ถูกออกหมายจับหนีไปต่างประเทศรัฐบาลพร้อมช่วยประสานขอความช่วยเหลือ ซึ่งเจ้าหน้าที่มีการพูดคุยในทุกระดับอยู่แล้ว และมีการขอความร่วมมือทั้งเรื่องน้ำท่วม และคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงยาเสพติดเช่นกัน การส่งคนร้ายหรือช่วยกันจับเป็นไปได้แน่นอน 

 

The post นายกฯ ชื่นชม ทลายเครือข่าย 7 คดี ยึดยาบ้ากว่า 20 ล้านเม็ด สั่งเร่งกระจายเครื่องเอ็กซเรย์ให้ครอบคลุม ขอมั่นใจไม่มีวนของกลาง appeared first on THE STANDARD.

]]>
แพทองธารเผย สถิติปราบบุหรี่ไฟฟ้าดีขึ้น สั่งเร่งจัดการหลังพบผสมยาเสพติด ด้านจิราพรเตรียมเปิดแจ้งเบาะแสผ่านแอปทางรัฐ https://thestandard.co/vape-crackdown-statistics-drug-substance-app-reporting/ Fri, 14 Mar 2025 07:20:24 +0000 https://thestandard.co/?p=1052196 บุหรี่ไฟฟ้า ปราบปราม: นายกรัฐมนตรีแพทองธารและรัฐมนตรีจิราพรประชุมติดตามความคืบหน้าการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าที่พบมีการผสมสารเสพติด

วันนี้ (14 มีนาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข […]

The post แพทองธารเผย สถิติปราบบุหรี่ไฟฟ้าดีขึ้น สั่งเร่งจัดการหลังพบผสมยาเสพติด ด้านจิราพรเตรียมเปิดแจ้งเบาะแสผ่านแอปทางรัฐ appeared first on THE STANDARD.

]]>
บุหรี่ไฟฟ้า ปราบปราม: นายกรัฐมนตรีแพทองธารและรัฐมนตรีจิราพรประชุมติดตามความคืบหน้าการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าที่พบมีการผสมสารเสพติด

วันนี้ (14 มีนาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียระบุถึงการเดินหน้าปราบปรามผู้ผลิตและผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าว่า ต้องอย่างเด็ดขาด กว่า 2 สัปดาห์ที่ข้อสั่งการเรื่องปราบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ตัวเลขสถิติการปราบปรามดีขึ้นและน่าพอใจ มีการดำเนินคดี 1,078 คดี ผู้ต้องหา 1,104 คน จำนวนของกลาง 900,444 ชิ้น มูลค่าของกลาง 118,953,915 บาท

 

นายกรัฐมนตรีระบุอีกว่า แต่เรายังไม่พอใจแค่นี้ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเดินหน้าอย่างเข้มข้นต่อไป วันนี้จึงได้ประชุมกับ จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบหลักในเรื่องนี้ ร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัปเดตการทำงานและข้อจำกัดที่เจอระหว่างดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลักลอบบุหรี่ไฟฟ้าข้ามแดน การค้นหาบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดายในโซเชียลมีเดีย เรื่องนี้ต้องเร่งจัดการโดยทันที

 

“สิ่งที่ดิฉันฝากท่านรัฐมนตรีและตำรวจเพิ่มเติม คือ บุหรี่ไฟฟ้าบางตัวที่พัฒนาให้ใส่สารเสพติดลงไปได้ หลายคนใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์เสพยาเสพติด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเสพของเด็กและเยาวชน ทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด เราเดินหน้าอย่างจริงจัง เพราะนี่คือทุกข์ใหญ่ของพี่น้องประชาชนจริงๆ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

 

เตรียมเปิดแจ้งเบาะแสผ่านแอปทางรัฐ

 

ด้านจิราพรเปิดเผยว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนได้เรียก 20 หน่วยงาน มาประชุมเพื่อวางกรอบในการทำงาน โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ดังนี้

 

  1. คือการป้องกันการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า
  2. ยกระดับการใช้กฎหมายให้เข้มข้น
  3. การปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศปูฟรมกวาดล้างร้านค้า ทั้งแบบออนไลน์และแบบมีที่ตั้ง 

 

จิราพรกล่าวต่อว่า ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์กว่าภายหลังจากมีข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรี ยอดคดีที่จับกุมการกระทำผิดในครั้งนี้เทียบเท่ากับจำนวนคดีในปี 2567 ทั้งปี และได้รับเสียงสะท้อนว่าบุหรี่ไฟฟ้าหายากขึ้น แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ 

 

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้กำชับกวาดล้างสินค้าอีกรูปแบบหนึ่งคือแก๊สหัวเราะที่พุ่งเป้าไปยังเด็กและเยาวชน เป็นสิ่งที่รัฐบาลกังวล ซึ่งวานนี้ (13 มีนาคม) มีการจับกุมและคดีที่น่าสนใจคือ การลักลอบผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเจ้าแรกในประเทศไทย 

 

จิราพรเปิดเผยด้วยว่า จะมีการเปิดช่องทางออนไลน์ให้ประชาชนแจ้งเบาะแสผ่านช่องทางแอปพลิเคชันทางรัฐ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการ และจะมีพื้นที่ขึ้นแสดงผลให้ประชาชนได้ติดตาม ว่าที่ตั้งร้านค้ามีจำนวนเท่าใดและมีความคืบหน้าในการจับกุมไปถึงขั้นตอนใดแล้ว เชื่อว่าในระยะเวลา 30 วันจะดีขึ้น

 

แนะ สส. รับผิดชอบ หลังมีภาพสูบบุหรี่ไฟฟ้ากลางสภา

 

ส่วนกรณีที่มีภาพปรากฏว่า สส. พรรคฝ่ายค้านสูบบุหรี่ไฟฟ้าในอาคารรัฐสภานั้น จิราพรกล่าวว่า ต้องดูว่าทางรัฐสภาจะมีมาตรการอย่างไร ขณะที่ สส. เองก็เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ผู้บังคับใช้กฎหมาย ต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองและกฎหมายด้วย หากคิดว่ากระทำความผิด ก็สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่รัฐได้ โดยเฉพาะแหล่งที่ซื้อขาย

The post แพทองธารเผย สถิติปราบบุหรี่ไฟฟ้าดีขึ้น สั่งเร่งจัดการหลังพบผสมยาเสพติด ด้านจิราพรเตรียมเปิดแจ้งเบาะแสผ่านแอปทางรัฐ appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุทินลงพื้นที่เชียงราย แถลงจับยาไอซ์ 1.5 ตัน ชี้เป็นภาพสะท้อนรัฐบาลเอาจริงปราบยาเสพติด https://thestandard.co/anutin-drug-bust-chiang-rai-1500kg-ice/ Sun, 09 Mar 2025 11:36:37 +0000 https://thestandard.co/?p=1050219 อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย แถลงผลการ จับยาไอซ์เชียงราย 1.5 ตันที่จังหวัดเชียงราย

วันนี้ (9 มีนาคม) ที่อาคารหอประชุมตำรวจภูธรจังหวัดเชียง […]

The post อนุทินลงพื้นที่เชียงราย แถลงจับยาไอซ์ 1.5 ตัน ชี้เป็นภาพสะท้อนรัฐบาลเอาจริงปราบยาเสพติด appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย แถลงผลการ จับยาไอซ์เชียงราย 1.5 ตันที่จังหวัดเชียงราย

วันนี้ (9 มีนาคม) ที่อาคารหอประชุมตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, ชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, พล.ต.ท. กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ พล.ต. กิดากร จันทรา ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ได้เดินทางมาติดตามการจับกุมยาไอซ์ 1.5 ตัน พร้อมผู้ต้องหา 6 ราย เหตุเกิดที่ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ระหว่างเกิดเหตุมีการยิงปะทะ มีผู้ต้องหาถูกยิงบาดเจ็บด้วย

 

อนุทิน กล่าวว่า นี่คือการจับกุมครั้งใหญ่ได้ของกลางน้ำหนัก 1,500 กิโลกรัม เป็นการจับกุมในจำนวนมากที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่เคยจับได้ ปฏิบัติการที่เกิดขึ้นทำให้เราได้เห็นเครือข่ายของกระบวนการค้ายาเสพติด ในฐานะที่ตนเป็นรองนายกและเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำนโยบายของ นายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านนายกฯ พูดชัดเจนว่า ต้องเอาจริงเอาจังในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้เด็ดขาดและครบวงจร ให้ทุกหน่วยงานบูรณาการกันให้เกิดผลสำเร็จสูงสุด

 

ปฏิบัติการที่เกิดขึ้นได้รับความร่วมมือจากฝ่ายความมั่นคงทั้งตำรวจและทหารที่ช่วยกันติดตามและสนธิกำลัง กระทั่งจับกุมผู้ค้ายาได้ในที่สุด ระหว่างจับกุมมีการปะทะกันตามที่เป็นข่าว โชคดีที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียชีวิตแต่ฝ่ายผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บ ต้องชื่นชมฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เสี่ยงชีวิต ในภารกิจปราบปรามยาเสพติด ทราบมาว่าในการยิงปะทะท่านไม่ได้หมายเอาชีวิตผู้ต้องหาด้วย

 

ยาเสพติดจำนวนนี้จะถูกส่งไปขายยังต่างประเทศมีมูลค่าถึง 1,500 ล้านบาท ต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่มากๆที่เอาชีวิตเข้าแลกไม่สนใจต่อ อามิสสินจ้างหรือสินบนต่างๆ ปฏิบัติการนี้ คือสิ่งที่ทำให้มั่นใจได้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาดและจริงจัง

 

อนุทินกล่าวย้ำว่า เราจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ สำเร็จที่เกิดขึ้น เกิดจากการบูรณาการความร่วมมือช่วยกันในการประสานติดตามจับกุม ขอให้เจ้าหน้าที่ทั้งหลายธำรงไว้ซึ่งคุณงามความดี ไม่ลดละเป้าหมายในการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด เมื่อท่านนายกฯ ได้รับทราบข่าวแล้ว มั่นใจว่าท่านต้องชื่นชมความสามารถของพวกท่านอย่างแน่นอนและพร้อมสนับสนุนภารกิจของทุกท่านให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด ซึ่งทั้งหมดอยู่ในนโยบาย Seal Stop Safe

The post อนุทินลงพื้นที่เชียงราย แถลงจับยาไอซ์ 1.5 ตัน ชี้เป็นภาพสะท้อนรัฐบาลเอาจริงปราบยาเสพติด appeared first on THE STANDARD.

]]>
มหาดไทยเดินหน้า​แก้ปัญหายาเสพติด ขนผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ​จับเข่าคุย​ หวังสร้าง​ ‘ยุวสิงห์’ ช่วย​ ‘สิงห์ผู้เฒ่า’ เป็นหูเป็นตา​ https://thestandard.co/interior-ministry-drug-solution/ Fri, 07 Mar 2025 10:34:59 +0000 https://thestandard.co/?p=1049684 มหาดไทยเดินหน้า​แก้ปัญหายาเสพติด ขนผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ​จับเข่าคุย​ หวังสร้าง​ ‘ยุวสิงห์’ ช่วย​ ‘สิงห์ผู้เฒ่า’ เป็นหูเป็นตา​

วันนี้ (7 มีนาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรั […]

The post มหาดไทยเดินหน้า​แก้ปัญหายาเสพติด ขนผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ​จับเข่าคุย​ หวังสร้าง​ ‘ยุวสิงห์’ ช่วย​ ‘สิงห์ผู้เฒ่า’ เป็นหูเป็นตา​ appeared first on THE STANDARD.

]]>
มหาดไทยเดินหน้า​แก้ปัญหายาเสพติด ขนผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ​จับเข่าคุย​ หวังสร้าง​ ‘ยุวสิงห์’ ช่วย​ ‘สิงห์ผู้เฒ่า’ เป็นหูเป็นตา​

วันนี้ (7 มีนาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กระทรวงมหาดไทย โดยช่วงเช้าได้นำผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ทำกิจกรรมกลุ่มย่อย นั่งจับเข่าคุย รับฟังข้อเสนอแนะจากยุวสิงห์มหาดไทยที่เป็นเยาวชนของแต่ละภูมิภาค และตัวแทนทุกจังหวัด​ เพื่อขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในแต่ละพื้นที่ 

 

มหาดไทยเดินหน้า​แก้ปัญหายาเสพติด ขนผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ​จับเข่าคุย​ หวังสร้าง​ ‘ยุวสิงห์’ ช่วย​ ‘สิงห์ผู้เฒ่า’ เป็นหูเป็นตา​

 

ด้าน ไตรศุลี  ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการใหม่ที่กระทรวงมหาดไทยจัดขึ้น โดยให้เยาวชนอายุ 15-20 ปี ช่วยงานเกี่ยวกับการป้องกันปราบปราม และบำบัดยาเสพติด เนื่องจากวัยรุ่นเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของเรา ชักชวนกันให้มาในทางที่ดีก็จะเป็นประโยชน์  เยาวชนได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะจะให้ภาครัฐสั่งการเพียงอย่างเดียว โดยไม่ฟังเสียงของเยาวชนว่าพวกเขาต้องการอะไร​ไม่ได้ จึงถือว่าได้ดูแลกันในชุมชน ง่ายต่อการเข้าถึงกลุ่มเยาวชน

 

มหาดไทยเดินหน้า​แก้ปัญหายาเสพติด ขนผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ​จับเข่าคุย​ หวังสร้าง​ ‘ยุวสิงห์’ ช่วย​ ‘สิงห์ผู้เฒ่า’ เป็นหูเป็นตา​

 

ขณะที่ ยาสมิน​ บิลังโหลด​ ตัวแทนยุวสิงห์มหาดไทย​ จังหวัดยะลา กล่าวว่า เตรียมนำความรู้ที่ได้จากโครงการไปเปิดเป็นชมรมของโรงเรียน เพราะที่โรงเรียนก็มีปัญหาเรื่องยาเสพติด จึงอยากตั้งชมรมต้านยาเสพติดขึ้นมา เพื่อให้ความรู้ถึงโทษของยาเสพติด ทั้งนี้ส่วนตัวคนในครอบครัวเคยใช้สารเสพติด จึงได้นำความรู้เหล่านั้นไปบอกเล่าให้คนในครอบครัวฟังจนสามารถเลิกยาเสพติดได้

 

เช่นเดียวกับ ชาดีดา ไทยเศรษฐ์ ตัวแทนยุวสิงห์มหาดไทย จังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่าโครงการนี้เปิดพื้นที่ให้เยาวชนเข้ามาร่วมแก้ปัญหาและในจังหวัด ได้สรุป 3 กลไก ป้องกันปราบปรามและแก้ไข โดยจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชน สร้างครอบครัวที่อบอุ่น​ และชุมชนที่มีการสานสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และภาครัฐต้องดำเนินการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง​ พร้อมอยากให้ ยุวสิงห์มหาดไทยกลับไปทำกิจกรรมให้เยาวชนห่างไกลอยากยาเสพติดให้ได้

 

มหาดไทยเดินหน้า​แก้ปัญหายาเสพติด ขนผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ​จับเข่าคุย​ หวังสร้าง​ ‘ยุวสิงห์’ ช่วย​ ‘สิงห์ผู้เฒ่า’ เป็นหูเป็นตา​

 

อนุทิน ได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของกระทรวงมหาดไทย โดยระบุว่า วันนี้ได้มาอยู่ท่ามกลางลูกหลานเป็นเรื่องดี นี่คือยุวสิงห์มหาดไทย ที่เป็นกลไกทุกระดับในการป้องกัน ปราบปราม บำบัดฟื้นฟู เพื่อคืนคนดีสู่สังคม อีกทั้งปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลได้ปฏิบัติงานเดินหน้า Seal Stop Safe ตามชายแดนเพื่อสกัดกั้นการนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศ และสิ่งที่กระทรวงมหาดไทย รวมถึงรัฐบาลภาคภูมิใจในการปฏิบัติภารกิจป้องกันยาเสพติด คือการนำคณะยุวสิงห์มหาดไทยมาช่วยสิงห์ผู้เฒ่า รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ถือว่าเป็นความเสียสละที่ทดแทนบุญคุณแผ่นดินบ้านเกิด ทั้งนี้เชื่อว่ายุวสิงห์มหาดไทย จะเป็นหูเป็นตา เพราะการเตือนของเด็กมีคุณค่ามากกว่าการที่ผู้ใหญ่เตือนกันเอง ถ้ายังมีจิตใจที่เป็นมนุษย์เราจะอายเด็ก เวลาผู้ใหญ่ทำอะไรผิด ก็อย่าทำให้เด็กอาย นี่คือพลังอันยิ่งใหญ่ที่เงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้

 

จากนั้นอนุทินได้มอบธงสัญลักษณ์หมู่บ้านสีขาว ให้แก่ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ระดับจังหวัด พร้อมมอบธงและป้ายสัญลักษณ์การร่วมมือแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้แก่ยุวสิงห์มหาดไทยร่วมใจต้านยาเสพติดด้วย

 

มหาดไทยเดินหน้า​แก้ปัญหายาเสพติด ขนผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ​จับเข่าคุย​ หวังสร้าง​ ‘ยุวสิงห์’ ช่วย​ ‘สิงห์ผู้เฒ่า’ เป็นหูเป็นตา​

 

อนุทินให้สัมภาษณ์ย้ำว่า​ การป้องกันปราบปรามกวาดล้างยาเสพติดเป็นหน้าที่ผู้ว่าราชการจังหวัด​ นายอำเภอและฝ่ายปกครองที่จะร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ​ ทหาร​ และป.ป.ส. ในการเข้าไป กวาดล้างยาเสพติดทั้งระบบ ส่วนเด็กๆก็มีส่วนในการช่วยรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการเชิงรุก ที่รับนโยบายมาจากนายกรัฐมนตรี

 

มหาดไทยเดินหน้า​แก้ปัญหายาเสพติด ขนผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ​จับเข่าคุย​ หวังสร้าง​ ‘ยุวสิงห์’ ช่วย​ ‘สิงห์ผู้เฒ่า’ เป็นหูเป็นตา​

 

“ส่วนการทำ workshop ร่วมกันระหว่าง ลุงผู้ว่าฯและ เยาวชน​ ให้เขาเห็นว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นที่พึ่งพา เป็นที่สร้างความมั่นใจให้ หากมีปัญหาอะไรไปพบไปหารือ ไปขอความช่วยเหลือได้ เราใช้พลังของเยาวชนในการที่จะทำให้เป็นตัวอย่างที่ดี กับเพื่อนๆ เพราะการที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ จะพัฒนาบ้านเมืองได้ ต้องอยู่ห่างไกลจากยาเสพติดสิ่งของมึนเมาทั้งหลาย” อนุทิน​ กล่าว

 

The post มหาดไทยเดินหน้า​แก้ปัญหายาเสพติด ขนผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ​จับเข่าคุย​ หวังสร้าง​ ‘ยุวสิงห์’ ช่วย​ ‘สิงห์ผู้เฒ่า’ เป็นหูเป็นตา​ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตำรวจ ปส. ทลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดภาคเหนือ ยึดยาบ้ากว่า 12 ล้านเม็ด https://thestandard.co/northern-drug-bust/ Tue, 04 Mar 2025 08:58:29 +0000 https://thestandard.co/?p=1048403 northern-drug-bust

วันนี้ (4 มีนาคม) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ตำร […]

The post ตำรวจ ปส. ทลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดภาคเหนือ ยึดยาบ้ากว่า 12 ล้านเม็ด appeared first on THE STANDARD.

]]>
northern-drug-bust

วันนี้ (4 มีนาคม) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ตำรวจ ปส.) บูรณาการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร, หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) โดย พล.ท. กัณห์ สถิตยุทธการ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, มานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ และจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของ บช.ปส. โดยมีการจับกุมดังนี้

 

นบ.ยส.35 นำโดย พ.อ. ประณต ศิริพันธ์ หน.ฝขว.นบ.ยส.35 และ พ.อ. อัศนัย เมืองมูล หน.ฝนผ.นบ.ยส.35 คดียาบ้า 7,990,000 เม็ด เนื่องจากสืบสวนทราบว่าจะมีกลุ่มบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ และจะนำมาส่งให้ลูกค้าตามสั่งการของผู้ว่าจ้างในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล โดยจะใช้รถยนต์ทะเบียน กธ 37xx พะเยา, รถยนต์ทะเบียน บม 16xx พะเยา และรถยนต์ทะเบียน บพ 44xx พะเยา ใช้เส้นทางจากพื้นที่ชายแดน จังหวัดเชียงราย ผ่านจังหวัดพะเยา-จังหวัดแพร่-จังหวัดสุโขทัย-จังหวัดพิษณุโลก-จังหวัดพิจิตร-จังหวัดนครสวรรค์ ปลายทางพื้นที่ กทม. และปริมณฑล จึงได้เฝ้าติดตามกลุ่มรถยนต์ดังกล่าวเรื่อยมา

 

จนกระทั่งวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พบความเคลื่อนไหวของรถยนต์กลุ่มดังกล่าวในพื้นที่อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ลักษณะเป็นขบวนมีรถนำ/ตาม ทิ้งระยะประมาณ 2-3 กิโลเมตร มุ่งหน้าจังหวัดพิจิตร-จังหวัดนครสวรรค์ จึงจัดชุดสะกดรอยติดตาม และได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจพยุหะคีรีให้หยุดรถยนต์ทั้งสามคัน รถยนต์คันที่ 1 ทะเบียน บพ 44xx พะเยา เลยด่านตรวจไป รถยนต์คันที่ 2 ทะเบียน บม 16xx พะเยา สามารถหยุดไว้ได้ที่ด่านตรวจ ส่วนรถยนต์คันที่ 3 ทะเบียน กธ 37xx พะเยา จอดริมถนนก่อนถึงด่านตรวจพยุหะคีรี เจ้าพนักงานตำรวจจึงแสดงตัวเพื่อเข้าตรวจค้น แต่รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่รถยนต์หลบหนี ทิศทางมุ่งหน้าอำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ โดยสามารถหยุดรถคันดังกล่าวบริเวณริมถนนพหลโยธิน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ผลตรวจค้นพบยาบ้า 7,990,000 เม็ด ในห้องผู้โดยสาร

 

ส่วนผู้ขับขี่เป็นชายวัยรุ่น ได้อาศัยความมืดวิ่งหลบหนีขณะเข้าจับกุม ต่อมาเวลาประมาณ 05.40 น. ชุดที่ติดตามรถยนต์คันที่ 1ทะเบียน บพ 44xx พะเยา สามารถจับกุมได้ที่โรงแรมฟ้าใส รีสอร์ต ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

จากนั้น บก.ปส.3 นำโดย พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พล.ต.ต. คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. คดียาบ้า 5,000,000 เม็ด จากการที่ กก.2 บก.ปส.3 ทำการจับกุม สรวุฒิ และพวกรวม 3 คน พร้อมยาบ้า 800,000 เม็ด, ยาไอซ์ 380 กิโลกรัม และเคตามีน 265 กิโลกรัม ในพื้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

 

เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.3 ได้ขยายผลอย่างต่อเนื่อง กระทั่งวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.3 ร่วมกับ บช.ก., บก.ป., บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ทหาร ขกท.ศปก.นสศ. สืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ชายแดนผ่านอำเภอเชียงดาว-อำเภอแม่แตง-อำเภอสันทราย-อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยใช้เส้นทางจังหวัดเชียงใหม่-จังหวัดลำพูน-จังหวัดลำปาง-จังหวัดกำแพงเพชร-จังหวัดนครสวรรค์-จังหวัดชัยนาท-จังหวัดสิงห์บุรี-จังหวัดอ่างทอง-จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้ทำการเฝ้าระวัง

 

จนพบความเคลื่อนไหวรถยนต์กลุ่มบุคคลในเครือข่าย โดยมีรถยนต์ลักษณะขับนำรถบรรทุก 6 ล้อ ซึ่งบรรทุกพืชผลทางการเกษตรประเภทข้าวโพด เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตาม ต่อมาวันที่ 28 กุมภาพันธ์ รถบรรทุก 6 ล้อ ได้มาจอดหน้าปั๊มน้ำมันในตำบลหันสัง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อทำการจับกุมพบ นเรศ เป็นผู้ขับ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นรถบรรทุก พบยาบ้า 5,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอำพรางอยู่ใต้พืชผลทางการเกษตร (ข้าวโพด) และสกัดรถยนต์ที่ขับนำพบจับกุม หมวยพอง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการขยายผล จับกุมชาย 2 คน ลงจากรถยนต์ตู้มาขับรถบรรทุกยาเสพติดดังกล่าว โดยมีรถยนต์อีก 1 คัน ลักษณะคุ้มกันการลำเลียงยาเสพติด

 

ต่อมาพบว่ารถทั้ง 3 คัน ได้ขับติดตามกันไปจนถึงตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสกัดรถทั้ง 3 คัน โดยรถยนต์ที่ขับในลักษณะคุ้มกันพบ จอมพล ได้ลงจากรถและวิ่งลงป่าข้างทางหลบหนีไป และรถตู้ที่ขับตามมาได้เร่งความเร็วและเสียหลักลงข้างทาง พบผู้ต้องหาจำนวน 2 คน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 6 คน พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ซึ่ง บก.ปส.3 จะได้ทำการขยายผลเพื่อติดตามผู้ต้องหาที่หลบหนีต่อไป

 

สำหรับการปราบปรามยาเสพติดของ บช.ปส. ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 – ปัจจุบัน สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดทุกคดีได้ 524 คดี ผู้ต้องหา 520 คน ของกลางยาเสพติดคือ ยาบ้า 134,797,295 เม็ด ยาไอซ์ 11,313 กิโลกรัม เฮโรอีน 107 กิโลกรัม เคตามีน 509 กิโลกรัม และยาอี 575 เม็ด ยืดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด 1,384,689,753 บาท

The post ตำรวจ ปส. ทลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดภาคเหนือ ยึดยาบ้ากว่า 12 ล้านเม็ด appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ ลงนามตั้งคณะกรรมการ ปชด. มอบอำนาจ ผบ.ทหารสูงสุด ขับเคลื่อนแก้ปัญหายาเสพติด-อาชญากรรมข้ามชาติ-คอลเซ็นเตอร์ https://thestandard.co/thailand-pm-appoints-committee-tackle-crime-issues/ Tue, 04 Mar 2025 01:12:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1048131 นายกฯ ลงนามตั้งคณะกรรมการ ปชด.

วานนี้ (3 มีนาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แพทองธาร ชินวัตร […]

The post นายกฯ ลงนามตั้งคณะกรรมการ ปชด. มอบอำนาจ ผบ.ทหารสูงสุด ขับเคลื่อนแก้ปัญหายาเสพติด-อาชญากรรมข้ามชาติ-คอลเซ็นเตอร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ ลงนามตั้งคณะกรรมการ ปชด.

วานนี้ (3 มีนาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 83/2568 เรื่อง การจัดตั้งกลไกอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน

 

ตามที่คณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยจะแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร เริ่มตั้งแต่การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่ายด้วยความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน การสกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้าและตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด และเร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติของประชาชน

 

โดยจะเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และรับมือกับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งภัยคุกคามข้ามชาติรูปแบบใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงชายแดนและการดำเนินชีวิตโดยปกติสุขของประชาชนนั้น

 

เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสภาพเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) และ (9) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2538 นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

 

ข้อ 1 ให้มีคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เรียกโดยย่อว่า ‘คณะกรรมการ ปชด.’

 

  • มีผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานกรรมการ

  • ปลัดกระทรวงมหาดไทย, ผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นรองประธานกรรมการ

  • ส่วนกรรมการ ประกอบด้วยผู้แทนจาก สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ, กองอำนวยการรักษาความมั่นคง, กระทรวงกลาโหม, กระทรวงการคลัง, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงสาธารณสุข, กองทัพเรือ, กองทัพอากาศ, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน, กองทัพภาค,จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่พิจารณาตามที่ประธานเห็นสมควร

 

คณะกรรมการ ปชด. มีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

 

  • ติดตาม วิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์ปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อ

ความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน

  • นำนโยบายของรัฐบาล นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2566-2570) หรือยุทธศาสตร์เฉพาะเรื่องในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ไปสู่การปฏิบัติ
  • เร่งรัด กำกับดูแล ตรวจสอบ ติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการและองค์การต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ตามนโยบายของรัฐบาล นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2566-2570) และยุทธศาสตร์เฉพาะเรื่อง
  • ประสานความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานภาคเอกชน หน่วยงานภาควิชาการ และองค์กรภาคประชาชน เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน
  • แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือคณะที่ปรึกษา เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
  • รายงานผลการปฏิบัติงานหรือสถานการณ์ปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ
  • ดำเนินการอื่นใดตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย

 

ข้อ 2 ให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เรียกโดยย่อว่า ‘ศอ.ปชด.’ โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้อำนวยการ เรียกโดยย่อว่า ‘ผอ.ศอ.ปชด.’

 

มีหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้

  • อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง

เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2566-2570) นำนโยบายของคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านไปสู่การปฏิบัติให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม

  • ประสานความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานภาคเอกชน หน่วยงาน

ภาควิชาการ และองค์กรภาคประชาชน เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน

  • รายงานผลการปฏิบัติงานหรือสถานการณ์ปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบ

ต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ต่อ คณะกรรมการ ปชด.

  • ดำเนินการอื่นใดตามที่คณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและ

แก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านมอบหมาย

 

ทั้งนี้ ผอ.ศอ.ปชด. มีอำนาจในการจัดตั้งกองอำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการ หรือศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ ศอ.ปชด. ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยจัดโครงสร้างการติดต่อสื่อสาร การรายงาน และการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน

 

ข้อ 3 ให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมบูรณาการและให้ความร่วมมือแก่คณะกรรมการ ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อน ตลอดจนการปฏิบัติการตามที่ได้รับการร้องขอ

 

ข้อ 4 คำสั่งอื่นใดที่ขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้ให้ใช้คำสั่งนี้แทน

 

ข้อ 5 การเบิกจ่ายเบี้ยประชุมหรือค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานที่แต่งตั้งตามคำสั่งนี้ ให้เป็นไป

 

ตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2547 หรือตามระเบียบของทางราชการ แล้วแต่กรณีโดยเบิกจ่ายจากงบประมาณของกรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

แพทองธาร ชินวัตร

นายกรัฐมนตรี

The post นายกฯ ลงนามตั้งคณะกรรมการ ปชด. มอบอำนาจ ผบ.ทหารสูงสุด ขับเคลื่อนแก้ปัญหายาเสพติด-อาชญากรรมข้ามชาติ-คอลเซ็นเตอร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>