มิ้นท์-รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 02 Jul 2024 07:54:15 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘ดุจอัปสร’ เปิดตัว Mastermind รอยแค้น-รอยรักที่รอหักอกคนดู https://thestandard.co/opinion-dujupsorn/ Tue, 02 Jul 2024 09:00:30 +0000 https://thestandard.co/?p=952704

  เปิดตัวสองตอนแรกไปอย่างสวยงามสำหรับละคร ดุจอัปสร […]

The post ‘ดุจอัปสร’ เปิดตัว Mastermind รอยแค้น-รอยรักที่รอหักอกคนดู appeared first on THE STANDARD.

]]>

 

เปิดตัวสองตอนแรกไปอย่างสวยงามสำหรับละคร ดุจอัปสร ซึ่งเป็นตอนที่ 4 ของละครชุด ดวงใจเทวพรหม ทั้งยอดคนดูออนไลน์ เรตติ้งกรุงเทพฯ​ และในหัวเมืองใหญ่ กระแสใน X และการขึ้นอันดับหนึ่งใน Netflix ด้วยเนื้อหาที่เรียกว่าได้เปรียบกว่าทุกตอน เพราะนี่คือการเปิดตัว ‘หม่อมหลวงวิไลรัมภา’ Mastermind ต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งหมดในดวงใจเทวพรหม ซึ่งการันตีความเข้มข้นของอารมณ์ดราม่าผสานไปกับเลิฟไลน์น่ารักๆ ของหม่อมหลวงอศิรและดุจอัปสร

 

ดุจอัปสร เปิดตัวด้วยการพาผู้ชมย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬในปี 2535 ในวันนั้น ดุจอัปสร (มิ้นท์-รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร) ช่วยเหลือผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บ จนได้พบกับนายทหารหนุ่มผู้ช่วยปกป้องเธอ โดยมาทราบภายหลังว่าเขาคือ ม.ล.อศิร จุฑาเทพ หรือคุณเพชร (กองทัพ พีค) ลูกชายของ ม.ร.ว.ธราธร กับ ม.ล.ระวีรำไพ จุฑาเทพ ทั้งคู่มีความประทับใจต่อกัน ทั้งๆ ที่ดุจอัปสรรู้ว่าความรู้สึกดีๆ คงต้องจบลงตรงนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง 

 

ผ่านไป 2 ปี ดุจอัปสรสมัครเข้าทำงานที่บริษัท เจที พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทในเครือของตระกูลจุฑาเทพที่คุณเพชรบริหารอยู่ เมื่อทั้งคู่พบกันอีกครั้ง ความทรงจำในอดีตก็ย้อนกลับมา คุณเพชรเดินหน้าจีบดุจอัปสรแบบเต็มที่ ซึ่งเธอเองก็มีใจ แต่ก็ไม่ลืมภารกิจบางอย่างที่แม่มอบหมายมาคือ การล้างแค้นตระกูลจุฑาเทพ 

 

 

ดุจอัปสรเป็นลูกสาวของ ม.ล.วิไลรัมภา เทวพรหม (แอน-สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์) อดีตคู่หมายของ ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ แต่ถูก เพียงขวัญ แย่งไป หลังจากนั้นชีวิตของวิไลรัมภาก็เต็มไปด้วยความแค้นจนมีอาการทางจิต เธอจึงใช้ดุจอัปสรชำระแค้น โดยมีเป้าหมายคือ ม.ล.รณภูมิ จุฑาเทพ (เซ้นต์-ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา – ลูกชายคนเล็กของ ม.ร.ว.รณพีร์ จุฑาเทพ) ขณะที่คุณเพชร ในฐานะเหลนคนโต ก็รับหน้าที่ตามหาสะสางปัญหาระหว่างวิไลรัมภากับ ทวดอ่อน (ตุ๊ก-ดวงตา ตุงคะมณี) งานนี้จึงกลายเป็นรักสามเส้าระหว่างลูกพี่ลูกน้องที่เคล้าด้วยแรงแค้น ซึ่งต้องลุ้นกันว่าจะหาทางลงอย่างไร

 

สิ่งที่สังเกตได้ในสองตอนแรกของ ดุจอัปสร คือ ทีมผู้สร้างพยายามปูความสัมพันธ์ระหว่างคุณเพชรและดุจอัปสรด้วยเรื่องราวรักแรกพบสุดโรแมนติกสไตล์ซีรีส์เกาหลี โดยฝ่ายชายอดทนรอร่วม 2 ปี แอบเทียวไล้เทียวขื่อไปที่บ้านแม้ฝ่ายหญิงจะไม่อยู่ และพอทั้งคู่ได้เจอกัน ทั้งมุกหยอด มุกจีบ เลยถี่ยิบเหมือนยิงสลุต ซึ่งมันก็ใช้ได้ผลทั้งในแง่ความน่ารักของเนื้อหา และพาลให้คนดูรักและผูกพันกับตัวละคร ถึงขั้นอกหักเมื่อเรื่องราวเข้าสู่พาร์ตดราม่าที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

 

 

หากใครได้อ่านเวอร์ชันนิยายคงพอจะทราบว่า ดุจอัปสร เนื้อหาจะค่อนข้างเครียดกว่าตอนอื่นๆ ซึ่งผู้สร้างก็แก้เกมด้วยการใส่อารมณ์คอเมดี้เข้ามา และบางจังหวะก็ออกแนวการ์ตูน อย่างเช่น เมื่อจังหวะที่ดุจอัปสรคิดในใจก็หันมาพูดกับกล้อง ซึ่งออกจะดูแปลกใหม่ไปสักหน่อยสำหรับละครพีเรียด แต่ก็ดูน่ารักดี และยังช่วยอธิบายคาแรกเตอร์ของดุจอัปสรว่าถ้าตัดความแค้นของแม่ออกไป เธอก็คือเด็กผู้หญิงใสๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง

 

อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจคือ การใส่รายละเอียดเกี่ยวกับยุค 90 เข้ามา ด้วยความที่ทั้งผู้กำกับและผู้จัดก็อยู่ในช่วงวัยที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นในยุคนั้น เราจึงได้เห็นหลากหลายมุกตลกที่ล้อเลียนช่วงเวลานั้นได้แม่นยำกว่าตอนอื่นๆ ซึ่งน่าจะโดนใจกลุ่มผู้ชมส่วนใหญ่ของช่อง 3 ที่อยู่ร่วมสมัยนั้นเดียวกัน อย่างเช่น ฉากออกจากที่เที่ยวกลางคืนตอนเช้าจนพระบิณฑบาต หรือศัพท์วัยรุ่นต่างๆ ในยุคนั้น ที่เมื่อนำมาพูดตอนนี้ก็คือเชยมากๆ

 

รวมถึงวัฒนธรรมป๊อปต่างๆ อย่างเช่น ความโด่งดังของละครเรื่อง ดาวพระศุกร์ ที่ดันให้ ศรราม เทพพิทักษ์ เป็นพระเอกขวัญใจ จนดุจอัปสรกลายเป็นแฟนคลับ หรือเพลงฮิตอย่าง สัญชาตญาณบอก ของวงนูโว รวมถึงการพูดถึง วีเจตะแง้ว-บุษบา มหัตถพงศ์ แห่ง Channel [V] Thailand ช่องดนตรีที่จ๊าบมากในยุคนั้น แม้จะมีหลากหลายคอมเมนต์ว่าไม่ตรงกับช่วงเวลาจริงๆ ของยุคนั้น (ดุจอัปสรใช้ฉากหลังในปี 2537 ส่วน Channel [V] Thailand ออกอากาศครั้งแรกปี 2539) แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าอยากพูดถึงบรรยากาศโดยรวมของยุคสมัยมากกว่า นอกจากนี้ฉากต่างๆ ก็ถือว่าทำการบ้านมาอย่างดี เช่น โครงการสุดหรูของตระกูลจุฑาเทพ ซึ่งต้องออกมาทันสมัยมากในยุคนั้น แต่ก็เลือกดรอปให้มีความเชยพอประมาณเมื่อมองผ่านยุคปัจจุบัน 

 

 

ทางด้านการแสดง กองทัพ พีค ถือว่าสอบผ่าน แม้หลายกระแสจะบอกว่าดูเกร็งเกินไปหน่อย ก็อาจเป็นเพราะว่าอยากสร้างบุคลิกของคุณชาย ซึ่งห่างไกลจากตัวเขากว่าละครเรื่องก่อนๆ อย่าง ให้รักพิพากษา ที่เข้ากับวัยของเขามากกว่า ส่วน มิ้นท์ รัญชน์รวี ก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้ราศีนางเอกจับมากที่สุดเท่าที่เข้าวงการมากว่า 5 ปี ที่สำคัญเคมีของทั้งคู่ก็เล่นเอาคนดูแอบจิ้น แอบฟิน ได้เหมือนกัน 

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดจากการติดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรกก็เริ่มปรากฏชัดขึ้นในช่วงตอน ดุจอัปสร เหมือนกัน นั่นคือเคสนักแสดงรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่ช่วงวัยดูโดดไปโดดมา ยิ่งในตอนที่ 5 หนุ่มจุฑาเทพรุ่นผู้ใหญ่มารวมตัวกันก็ยิ่งดูแปลกประหลาด รวมทั้งบทวิไลรัมภารุ่นผู้ใหญ่คือ แอน สิเรียม ซึ่งเมื่อต้องเข้าฉากกับ ม.ร.ว.เทวพันธ์ เทวพรหม (หมู-ดิลก ทองวัฒนา) กลับดูเหมือนอยู่รุ่นเดียวกันมากกว่าจะเป็นพ่อลูกกัน สมการต่างๆ ในเรื่องเลยดูผิดเพี้ยนไปหมด

 

 

นอกจากนี้การแสดงของ แอน สิเรียม ก็ออกจะใหญ่เกินไปสำหรับหน้าจอทีวียุคปัจจุบัน พอเข้าใจได้ว่าคืออาการของคนที่ป่วยทางจิต แต่แม้แต่บทสนทนากับท่านพ่อก็ยังดูชัดและใหญ่ จนไม่มั่นใจว่าเมื่อเรื่องดำเนินต่อไปจนเข้มข้นกว่านี้ ตัวละครสำคัญตัวนี้จะแสดงพุ่งสุดเลยป้ายไปถึงไหน คงต้องรอลุ้นกัน

The post ‘ดุจอัปสร’ เปิดตัว Mastermind รอยแค้น-รอยรักที่รอหักอกคนดู appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไชน่าทาวน์ ชะช่า แอ็กชันพอสนุก หัวเราะพอประมาณ แต่แลกมาด้วยเนื้อเรื่องที่ผิวเผิน https://thestandard.co/chinatown-chacha/ Thu, 18 Jan 2024 07:32:48 +0000 https://thestandard.co/?p=889239 ไชน่าทาวน์ ชะช่า

ไชน่าทาวน์ ชะช่า ภาพยนตร์แอ็กชันคอเมดี้จากนักแสดงและตลก […]

The post ไชน่าทาวน์ ชะช่า แอ็กชันพอสนุก หัวเราะพอประมาณ แต่แลกมาด้วยเนื้อเรื่องที่ผิวเผิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไชน่าทาวน์ ชะช่า

ไชน่าทาวน์ ชะช่า ภาพยนตร์แอ็กชันคอเมดี้จากนักแสดงและตลกระดับแถวหน้า ลุงรงค์-จาตุรงค์ พลบูรณ์ ที่กลับมานั่งแท่นผู้กำกับภาพยนตร์อีกครั้งในรอบ 12 ปี พร้อมได้สามนักแสดงชื่อดังอย่าง อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ, มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล และ มิ้นท์-รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร มาร่วมพาผู้ชมย้อนเวลากลับไปล้างความซวย

 

 

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ กี้ (มิ้นท์-รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร) สาวหมวยที่ชีวิตต้องเจอกับความซวยตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งมีต้นเหตุมาจาก อาคุ้ง (อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ) เหล่าก๋งของเธอที่เคยเป็นหัวหน้าแก๊งพรรคกระทิงซู่ที่สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว จนถูกผู้คนสาปแช่งให้ลูกหลานต้องพบเจอแต่ความซวย กี้จึงต้องจ้างวานให้ เซียนแปะ (จิ้ม ชวนชื่น) ช่วยทำพิธีล้างซวย 

 

แต่ดูเหมือนว่ากี้จะต้องเจอเรื่องที่ซวยยิ่งกว่าเดิม เมื่อจู่ๆ เธอก็ดันตื่นขึ้นมาในร่างของ อาไถ่ (มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล) เพื่อนสนิทของอาคุ้ง และพบว่าตัวเองดันย้อนเวลากลับไปเมื่อร้อยปีก่อน กี้จึงต้องหาวิธีกลับไปในยุคปัจจุบันพร้อมกับแก้ไขอดีตเพื่อไม่ให้อาคุ้งต้องโดนคำสาปแช่ง 

 

 

 

หากมองจากตัวอย่าง ไชน่าทาวน์ ชะช่า ค่อนข้างมีกลิ่นอายที่ชวนให้เรานึกถึง ตั๊ดสู้ฟุด (2550) หนึ่งในผลงานการกำกับของลุงรงค์อยู่ไม่น้อย ทั้งเนื้อหาที่พูดถึงความขัดแย้งของแก๊งมาเฟีย ฉากแอ็กชันชวนขบขันต่างๆ และเหล่านักแสดงตลกมากหน้าหลายตาอย่าง นุ้ย เชิญยิ้ม, จิ้ม ชวนชื่น, ธงธง มกจ๊ก, โก๊ะตี๋ อารามบอย ฯลฯ ที่มาร่วมสร้างเสียงหัวเราะอย่างไม่ขาดสาย 

 

ขณะเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจของ ไชน่าทาวน์ ชะช่า เห็นจะเป็นพล็อตเรื่องที่ว่าด้วยเรื่องราวการย้อนเวลาเพื่อแก้ไขอดีต ที่แม้พล็อตดังกล่าวจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มันก็มีลูกเล่นมากมายให้ผู้สร้างสามารถหยิบมาปรุงแต่งเรื่องราวได้หลากหลายวิธีเช่นกัน บวกกับประเด็นหลักของเรื่องที่เล่าถึงลูกๆ ที่ถูกครอบครัวตั้ง ‘ความคาดหวัง’ ให้ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือสืบทอดกิจการ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน 

 

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ไชน่าทาวน์ ชะช่า จะเนืองแน่นด้วยองค์ประกอบที่น่าสนใจ แต่บาดแผลสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมทั้งหมด เห็นจะเป็นการเล่าเรื่องที่ดูครึ่งๆ กลางๆ ไม่มุ่งเน้นไปในทางใดทางหนึ่งอย่างชัดเจน 

 

กล่าวคือภาพยนตร์ค่อนข้างมีเส้นเรื่องที่อยากนำเสนออยู่หลายเรื่องพอสมควร ทั้งเส้นเรื่องหลักของกี้ที่จู่ๆ ก็ย้อนเวลากลับมาเจอบรรพบุรุษของตัวเอง จนต้องเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งระหว่างพรรคกระทิงซู่และพรรคกิเลนซิ่ง ขณะเดียวกันก็มีเรื่องมิตรภาพของอาคุ้งและอาไถ่ ปมปัญหาของอาคุ้งและครอบครัว ไปจนถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอาคุ้งและเหล่าม่า 

 

ซึ่งแม้ว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ แต่ดูเหมือนว่าทีมสร้างจะไม่ได้พาเข้าไปลงลึกเกี่ยวกับประเด็นใดประเด็นหนึ่งมากนัก จึงส่งผลให้ประเด็นเหล่านี้ถูกนำเสนอแบบผิวเผิน โดยเฉพาะเรื่องราวการแก้ไขอดีตและหาทางกลับบ้านของกี้ที่ภาพยนตร์ไม่ได้เผยให้เราเห็น ‘วิธีการ’ ในการแก้ไขปัญหาหรือการเปลี่ยนแปลงของตัวละครเท่าไรนัก อีกทั้งเมื่อภาพยนตร์ดำเนินมาถึงองก์สุดท้าย ทีมสร้างก็เลือกที่จะคลี่คลายปมปัญหาด้วยวิธีที่เรียบง่ายและรวดเร็ว จนทำให้เราไม่รู้สึกผูกพันหรือมีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครใดตัวละครหนึ่งเท่าที่ควร ไปจนถึงส่งผลให้ประเด็นที่ภาพยนตร์ต้องการนำเสนอไม่เฉียบคม

 

 

ส่วนสิ่งที่เป็นทั้งจุดเด่นและข้อสังเกตในเวลาเดียวกัน เห็นจะเป็นการออกแบบฉากแอ็กชันที่ผสมผสานมุกตลกขบขันออกมาได้ค่อนข้างลงตัว โดยเฉพาะพาร์ตตัวละครสามผู้เฒ่าอย่าง เซียนแปะ (จิ้ม ชวนชื่น), เซียนเล่า (นุ้ย เชิญยิ้ม) และ เซียนกวน (ธงธง มกจ๊ก) ที่เรียกได้ว่ารับ-ส่งมุกกันอย่างลื่นไหล จนส่งให้พวกเขาเป็นตัวละครแย่งซีนประจำเรื่อง แต่ขณะเดียวกันก็มีบางช่วงบางตอนที่ภาพยนตร์พยายามจะขยี้มุกตลกมากเกินไป จนทำให้มีช่วงที่ดูยืดเยื้อเกินจำเป็นไปสักหน่อย 

 

 

โดยรวมแล้ว ไชน่าทาวน์ ชะช่า เป็นภาพยนตร์แอ็กชันคอเมดี้ที่มีองค์ประกอบที่น่าสนใจอยู่พอสมควร โดยเฉพาะการออกแบบฉากแอ็กชันเข้ากับความตลกขบขันที่ดูพอสนุก แต่ข้อสังเกตสำคัญเห็นจะเป็นการเล่าเรื่องที่ดูครึ่งๆ กลางๆ ไม่ได้ลงลึกกับประเด็นใดประเด็นหนึ่ง รวมถึงการพยายามขยี้มุกจนดูยืดเยื้อเกินไป จนทำให้ภาพรวมของเรื่องยังไม่กลมกล่อมมากนัก 

 

ไชน่าทาวน์ ชะช่า เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ 

 

รับชมตัวอย่างได้ที่: 

 

 

ภาพ: Vela Entertainment

The post ไชน่าทาวน์ ชะช่า แอ็กชันพอสนุก หัวเราะพอประมาณ แต่แลกมาด้วยเนื้อเรื่องที่ผิวเผิน appeared first on THE STANDARD.

]]>