มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 02 Feb 2024 06:24:48 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 มิวสิค แพรวา กับ 5 บทสนทนาที่บ่งบอกความคิดและบทเรียนที่ได้รับในปัจจุบัน https://thestandard.co/praewa-suthamphong-thought-lesson-conversations/ Fri, 02 Feb 2024 06:24:48 +0000 https://thestandard.co/?p=895255 มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์

THE STANDARD POP ขอชวนทุกคนมาทำความรู้จัก มิวสิค-แพรวา […]

The post มิวสิค แพรวา กับ 5 บทสนทนาที่บ่งบอกความคิดและบทเรียนที่ได้รับในปัจจุบัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์

THE STANDARD POP ขอชวนทุกคนมาทำความรู้จัก มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ ให้มากยิ่งขึ้น ผ่าน 5 บทสนทนาที่บ่งบอกความคิดและสิ่งที่เธอได้เรียนรู้ในปัจจุบัน ทั้งวิธีการทำความเข้าใจตัวเอง นิยามความสุขในตอนนี้ ไปจนถึงบทเรียนที่เธอได้รับจากการรับบทเป็น หมอฝน จากละคร หมอตลอดกาล

 

อ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่: https://thestandard.co/praewa-suthamphong-imperfection-embrace/ 

 

 

“ปีที่แล้วสิคได้ลองไปทำกิจกรรมค่อนข้างเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นการเล่น ‘ไอคิโด’ ก็คือศิลปะการป้องกันตัวแบบญี่ปุ่น ได้กลับมาคอสเพลย์ เพราะว่าก่อนหน้านี้เราจะไม่ค่อยมีเวลาทำอะไรแบบนี้เลย แล้วก็ยังได้เริ่มเรียนตัดชุด 

 

“ก่อนหน้านี้ในหัวเรามักจะมีความรู้สึกว่า ตัวเราทำอะไรได้บ้างไหม หรือมันอาจเป็นเพราะว่าเราไม่ค่อยมีเวลาให้กับตัวเองมากกว่า เราเลยใช้ชีวิตเดินตามแบบแผนที่คนอื่นเขาวาดให้ แต่พอได้มีเวลากลับมาอยู่กับตัวเอง ได้มีเวลาเลือกทำในสิ่งที่เราอยากจะทำ เหมือนเราได้เปิดประตูไปเจอคำว่า ความสุขมันหาง่ายกว่าที่เราคิดเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้เราแทบจะไม่ได้มีโอกาสถามตัวเองว่า แท้จริงแล้ว สิ่งที่เราเคยลองทำแล้วเราชอบมันไหม นับว่าเป็นการได้เลือกเพื่อตัวเองแบบแท้จริง”

 

มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD POP ถึงสิ่งที่ค้นพบจากการได้มีโอกาสใช้เวลาอยู่กับตัวเอง และได้ลองตัดสินใจลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองมากขึ้น 

 

 

“ถ้าเราลองตั้งบทสัมภาษณ์ให้กับตัวเองแล้วลองตอบ สิคถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่ดีเหมือนกันนะ เพราะว่าคนเรามักจะมีเวลาให้กับสิ่งรอบข้าง แต่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับตัวเองสักเท่าไร เพราะอย่างนั้นการให้สัมภาษณ์ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เข้าใจตัวเองมากขึ้น การได้รู้จักตัวเองนั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะว่าเราเกิดมาพร้อมกับร่างกายนี้ แล้วเราก็จะจากโลกนี้ไปพร้อมเขา ดังนั้นเราต้องรักตัวเองให้มากๆ เข้าใจตัวเองมากๆ”

 

มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD POP ถึงวิธีการค้นหาและทำความเข้าใจตัวเองในแบบฉบับของเธอ

 

 

“ความหมายของสิคคือการยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของผู้อื่นและตัวเอง 

 

“สิคว่าจริงๆ แล้วตัวเองเป็นคนไม่ชอบเข้าสังคมสักเท่าไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว สังคมเนี่ยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราอย่างไม่น่าเชื่อ การที่เราใช้ชีวิตอยู่กับคนอื่น มันก็มีบ้างที่เรามักจะได้รับคอมเมนต์ด้านลบมาบ่อยๆ แล้วเราก็มักจะตั้งคำถามว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น 

 

“อย่างเช่น เราออกมาจากวงก็โดนตั้งคำถามว่าทำไมสิคไม่ค่อยมีงาน แล้วก็มีคำพูดติดปลายนวมมาว่า ออกมาแล้วก็ไม่ได้ดีสักเท่าไร 

 

“แต่ในทางกลับกัน สิครู้สึกว่าโอเค การพยายามหาคำตอบในการกระทำของเขามันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด เราแค่ต้องยอมรับว่าบนโลกนี้มันไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เราแค่เข้าใจเขาก็พอ ไม่ต้องหาคำตอบให้กับตัวเราเองหรือว่าเขา แต่เราแค่เข้าใจว่าขนาดเขาก็มีส่วนที่อาจไม่สมบูรณ์แบบ รวมถึงตัวเราเองก็เช่นกัน พอเราได้ตกผลึกกับตัวเอง เชื่อไหมว่ามันทำให้สิครับมือกับความทุกข์ตรงนี้ได้ง่ายขึ้นค่ะ นี่อาจเป็นนิยามความสุขตอนนี้ของสิค

 

“อีกอย่างเราเป็นคนตอบโต้คอมเมนต์ด้านลบไม่ค่อยเก่ง เรื่องนี้แฟนเราก็สอนว่าให้เราวาดวงกลมเอาไว้ แล้วให้เราเลือกว่าใครควรอยู่ในวงไหน แล้วเขาก็สะท้อนให้เห็นว่าคนนั้นคนนี้ควรอยู่ในวงไหนของเรา เราจะได้จัดความสัมพันธ์ถูกว่าเราควรให้ใจกับเขาไปมากแค่ไหนกับคนที่เขาใจร้ายกับเรา” 

 

มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD POP ถึงนิยามความสุขของตัวเองในปัจจุบัน นั่นคือการยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของผู้อื่นและตัวเอง 

 

 

“ข้อเสียของเราคือเป็นคนที่อยากทำแต่ไม่ลงมือทำ จริงๆ สิคเป็นคนที่ไม่ค่อยอินกับวันเกิด ไม่ชอบการฉลองวันเกิดหรือการฉลองวันปีใหม่ ที่มันดูเหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่ เพราะเราค่อนข้างเชื่อว่านี่มันคือเส้นชีวิตเดิม เราจะทำหรือไม่ทำ เราจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน มันไม่ได้อยู่ที่ปี แต่มันอยู่ที่ตัวเราว่าจะลงมือทำมันเมื่อไร 

 

“เพราะฉะนั้น สำหรับสิคในปีนี้ที่กำลังจะเข้าสู่วัย 23 ปี ก็ยังเป็นมิวสิคที่ไม่แพลนเป้าหมายเหมือนเดิม (หัวเราะ) อาจอยากทำสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ให้ดีก่อน อย่างการคอสเพลย์ที่เราอยากจะหันมาเป็นคนตัดชุดเองบ้าง หรืออยากเรียนภาษาญี่ปุ่นให้เก่งขึ้น คิดว่าอยากจะใช้เวลาเสริมในสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ให้ดีขึ้นมากกว่า”

 

มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD POP ถึงการตั้งเป้าหมายของตัวเองในวันที่ชีวิตใกล้ก้าวเข้าสู่วัย 23 ปี 

 

 

“บทหมอฝนพาให้สิคได้ไปเรียนรู้ว่าชีวิตคนเรามันสั้นกว่าที่คิดเอาไว้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก วันหนึ่งคนคนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ปกติ แต่เกิดอุบัติเหตุเพียงครั้งเดียวเขาก็อาจหายไปจากโลกนี้ได้เลย มันเป็นสิ่งที่น่าใจหายมาก 

 

“และส่วนตัวสิคเป็นคนที่รับการสูญเสียไม่ค่อยได้ เป็นคนที่เป๋มากเวลามีคนรู้จักหรือคนใกล้ตัวเสียชีวิต อย่างตอนที่แฟนคลับของเราเสีย เราร้องไห้หนักมาก แล้วก็เสียศูนย์ไปนานมาก เพราะทุกครั้งที่มีงานจับมือเขาก็จะมาเจอเราเสมอ แล้ววันหนึ่งเขาไม่อยู่แล้ว แล้วเรารู้ว่าในแถวจะไม่มีเขาอยู่ตรงนั้นแล้ว สำหรับเรามันเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก ดังนั้นการรับบทหมอฝนเลยเป็นหนึ่งในสิ่งที่ย้ำเตือนกับสิคว่าชีวิตคนเรามันสั้น ดังนั้นหนึ่งชีวิตเกิดมาก็อยากจะเป็นคนที่มีความสุขมากๆ”

 

มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD POP ถึงสิ่งที่เธอได้เรียนรู้จากการรับบทเป็น หมอฝน จากละคร หมอตลอดกาล

The post มิวสิค แพรวา กับ 5 บทสนทนาที่บ่งบอกความคิดและบทเรียนที่ได้รับในปัจจุบัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดใจ มิวสิค แพรวา ในวันที่กล้าโอบกอดความไม่สมบูรณ์แบบ เพื่อเรียนรู้และเติบโต https://thestandard.co/praewa-suthamphong-imperfection-embrace/ Fri, 02 Feb 2024 04:06:40 +0000 https://thestandard.co/?p=895132 มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์

นับตั้งแต่ออกจากการเป็นสมาชิกวงไอดอลชื่อดังอย่าง BNK48 […]

The post เปิดใจ มิวสิค แพรวา ในวันที่กล้าโอบกอดความไม่สมบูรณ์แบบ เพื่อเรียนรู้และเติบโต appeared first on THE STANDARD.

]]>
มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์

นับตั้งแต่ออกจากการเป็นสมาชิกวงไอดอลชื่อดังอย่าง BNK48 ในช่วงปลายปี 2022 มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ ได้สลัดลุค ‘มิวสิค BNK48’ ก้าวออกนอกกรอบมาใช้ชีวิตในฐานะ ‘มิวสิค แพรวา’ อย่างเต็มตัว

 

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา มิวสิคออกผจญภัยสู่โลกกว้างผ่านการตัดสินใจของตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ เรามีโอกาสได้เห็นเธอปรากฏตัวตามหน้าสื่อพร้อมกับผลงานการแสดง รวมถึงงานพากย์เสียง หนึ่งในสิ่งที่เธอยกให้เป็นความฝันและหมายมั่นอยากลงมือทำด้วยตัวเองมาตลอด

 

มาวันนี้ THE STANDARD POP ได้มีโอกาสโคจรกลับมานั่งพูดคุยกับเธออีกครั้งในรอบ 1 ปีกับอีก 3 เดือน ที่นอกจากจะได้คุยกันถึงผลงานซีรีส์เรื่องใหม่ ‘หมอตลอดกาล’ ยังได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบในฐานะพี่ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้พบกับน้องสาวมาเนิ่นนาน ซึ่งทำให้เราอยากรู้ว่า ตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมานั้นเธอเป็นอย่างไรบ้าง

 

และเราคิดว่าคุณผู้อ่านก็น่าจะอยากรู้เหมือนกันว่า ชีวิตในวันที่เติบโตย่างเข้าสู่วัย 23 ปีของมิวสิค ณ วันนี้เป็นอย่างไร เราไปพูดคุยกับเธอพร้อมกันเลย 

 

 

Hi! ไม่เจอกันนานเลย เล่าให้ฟังหน่อย 1 ปีที่ออกมาผจญภัย ไปพบเจออะไรมาบ้าง

 

พบเจอเหรอ? ก่อนหน้านี้ตอนสิคอยู่ที่วง BNK48 ก็ได้มีโอกาสพบเจออะไรมาหลายอย่างเหมือนกัน แต่รอบนี้มันมีความแตกต่างตรงที่เราได้ออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองแล้ว ได้มาค้นพบอะไรหลายอย่างด้วยตัวเอง มีสิ่งที่เราได้ลองตัดสินใจที่จะเลือกด้วยตัวเอง ก็ได้พบเจอรสชาติของการใช้ชีวิตหลากหลายมาก 

 

มีโอกาสรับงานแสดงมากขึ้น แล้วก็ได้มีโอกาสลองสวมบทบาทเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา มันก็สนุกดี แต่ว่ากลับกัน สิคก็รู้สึกเหมือนว่า เราใช้เวลาทุ่มเทอยู่กับการแสดงจนเราแทบไม่มีเวลาให้ตัวเอง แบบตื่นมาวันหนึ่งเราเป็นคนหนึ่ง ตื่นมาอีกวันหนึ่งเราก็ต้องเป็นอีกคนหนึ่งเลย จนกลายเป็นว่าไม่มีเวลาให้กับตัวเองสักเท่าไร พอมาปีนี้ก็เลยตัดสินใจใหม่ว่า เดี๋ยวเราจะใช้ชีวิตเป็นตัวเราเองมากขึ้นในปีนี้

 

ยกตัวอย่างเรื่องที่ได้ลองตัดสินใจด้วยตัวเอง

 

ปีที่แล้วสิคได้ลองไปทำกิจกรรมค่อนข้างเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นเล่น ‘ไอคิโด’ ก็คือศิลปะการป้องกันตัวแบบญี่ปุ่น ได้กลับมาคอสเพลย์ เพราะว่าก่อนหน้านี้เราจะไม่ค่อยมีเวลาทำอะไรแบบนี้เลย แล้วก็ยังได้เริ่มเรียนตัดชุด 

 

ก่อนหน้านี้ในหัวเรามักจะมีความรู้สึกว่า ตัวเราทำอะไรได้บ้างไหม หรือมันอาจเป็นเพราะว่าเราไม่ค่อยมีเวลาให้กับตัวเองมากกว่า เราเลยใช้ชีวิตเดินตามแบบแผนที่แบบคนอื่นเขาวาดให้ แต่พอได้มีเวลากลับมาอยู่กับตัวเอง ได้มีเวลาเลือกทำในสิ่งที่เราอยากจะทำ เหมือนเราได้เปิดประตูไปเจอคำว่า ความสุขมันหาง่ายกว่าที่เราคิดเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้เราแทบจะไม่ได้มีโอกาสถามตัวเองว่า แท้จริงแล้ว สิ่งที่เราเคยลองทำแล้วเราชอบมันไหม นับว่าเป็นการได้เลือกเพื่อตัวเองแบบแท้จริง

 

ที่บอกว่า “อยากใช้ชีวิตเป็นตัวเราเอง” เล่าให้ฟังหน่อยว่า ตัวเราในอุดมคติของเราเป็นแบบไหน

 

สิคเป็นคนไม่ค่อยตั้งเป้าหมายในชีวิตสักเท่าไร เพราะว่าชีวิตเราแค่มองหาคำว่า ‘ความสุข’ ในแบบของตัวเองแค่นั้น มันก็อาจเพียงพอแล้ว อาจเป็นแค่การตื่นมาได้เล่นเกม แค่นั้นก็ถือว่าเป็นการใช้ชีวิตในแบบของสิคในตอนนี้ ในอนาคตเราอาจได้เจอแบบอื่นที่ทำให้เรารู้สึกว่านี่แหละคือตัวของเรามากขึ้น แต่ไม่รีบ จะค่อยๆ ปล่อยให้เราได้ค้นหาตัวเองในแต่ละปี 

 

 

สิ่งที่มิวสิคกำลังมองหาในตอนนี้คืออะไร

 

ก่อนหน้านี้ (สมัยอยู่ BNK48) มีช่วงเวลาที่ได้เจอกับแฟนคลับบ่อยๆ แต่ในปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยออนโซเชียล แล้วมันก็ไม่มีงานอะไรที่ทำให้ได้พบเจอกับแฟนคลับเลย ก็เลยทำให้รู้สึกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมามีคนที่ใจดีกับเรา รักและซัพพอร์ตเรามาโดยตลอด แต่ในปีนี้เราแทบจะไม่ได้ทำอะไรตอบแทนเขาเลย 

 

อยากทำอะไรสักอย่างที่เป็นการเติมเต็มให้เขาคืนไปบ้าง โดยที่เขาไม่ต้องให้คืนมา เพราะการได้รักหรือได้ชอบใครสักคนมันมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ด้วยเสมอ แต่เราแค่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า มันมีวิธีไหนไหมที่เราจะได้คุยกับเขาแบบไม่ใช่แค่กลุ่มๆ แต่เราได้คุยกับเราแบบเจาะจงทีละคนเลย แล้วเขาก็ไม่ต้องเสียเงินซัพพอร์ตเรา แค่กำลังมองหาวิธีที่ทำแล้วคนที่เขารักเราได้รับการซัพพอร์ตจากเรากลับไปแบบเต็มที่บ้าง

 

นิยามความสุขของมิวสิคในวัย 22 ย่างเข้า 23 คืออะไร

 

ความหมายของสิค คือการยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของผู้อื่นและตัวเอง 

 

สิคว่าจริงๆ แล้ว ตัวเองเป็นคนไม่ชอบเข้าสังคมสักเท่าไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว สังคมเนี่ยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราอย่างไม่น่าเชื่อ การที่เราใช้ชีวิตอยู่กับคนอื่น มันก็มีบ้างที่เรามักจะได้รับคอมเมนต์ด้านลบมาบ่อยๆ แล้วเราก็มักจะตั้งคำถามว่า ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น 

 

อย่างเช่นเราออกมาจากวงก็โดนตั้งคำถามว่า ทำไมสิคไม่ค่อยมีงาน แล้วก็มีคำพูดติดปลายนวมมาว่าออกมาแล้วก็ไม่ได้ดีสักเท่าไร 

 

แต่ในทางกลับกัน สิครู้สึกว่าโอเค การพยายามหาคำตอบในการกระทำของเขา มันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด เราแค่ต้องยอมรับว่าบนโลกนี้มันไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เราแค่เข้าใจเขาก็พอ ไม่ต้องหาคำตอบให้กับตัวเราเองหรือว่าเขา แต่เราแค่เข้าใจว่าขนาดเขาก็มีส่วนที่อาจไม่สมบูรณ์แบบ รวมถึงตัวเราเองก็เช่นกัน พอเราได้ตกผลึกกับตัวเอง เชื่อไหมว่ามันทำให้สิครับมือกับความทุกข์ตรงนี้ได้ง่ายขึ้นค่ะ นี่อาจเป็นนิยามความสุขตอนนี้ของสิค

 

อีกอย่างเราเป็นคนตอบโต้คอมเมนต์ด้านลบไม่ค่อยเก่ง เรื่องนี้แฟนเราก็สอนว่าให้เราวาดวงกลมเอาไว้แล้วให้เราเลือกว่าใครควรอยู่ในวงไหน แล้วเขาก็สะท้อนให้เห็นว่า คนนั้นคนนี้ควรอยู่ในวงไหนของเรา เราจะได้จัดความสัมพันธ์ถูกว่าเราควรให้ใจกับเขาไปมากแค่ไหน กับคนที่เขาใจร้ายกับเรา 

 

 

เมื่อพูดคุยกันถึงตรงนี้ เราเกิดความรู้สึกว่า มิวสิคในวันนี้มีการเติบโตขึ้นในหลายด้าน โดยเฉพาะการมองบริบทของสังคม หรือการใช้ชีวิตที่รู้สึกว่าเธอได้มองเห็นและเข้าใจโลกในระดับหนึ่ง

 

คิดว่าโลกเนี่ยเราน่าจะไม่มีวันเข้าใจหรอก (หัวเราะ) เพราะโลกมันหมุนไปไวมากเลยเนาะ เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน ปีนี้กับปีที่แล้วต่างกันขนาดไหนมันเห็นได้ค่อนข้างชัด ก็อาจไม่ต้องพยายามวิ่งตามโลกและปล่อยมันหมุนไป แล้วเราค่อยทำตัวตรงกันข้ามกับโลกดีกว่า รู้สึกว่าเราช้าบ้างก็ดี ท่ามกลางโลกที่หมุนไปไวแบบนี้

 

1 ปีที่ผ่านมา เราเติมเต็มอะไรให้ชีวิตบ้าง เพราะหลายครั้งมิวสิคบอกว่า การใช้ชีวิตในฐานะไอดอลตลอด 5-6 ปีนั้น มีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องแลกไปเสมอ

 

ทุกการใช้ชีวิตทุกช่วงเวลามันไม่มีอะไรไปทดแทนกันได้อยู่แล้ว สิ่งที่เราได้รับหลังออกจากวงมามันไม่ใช่การออกมาหาสิ่งที่ขาดหายไปกลับมา แต่มันคือการที่เราได้ทำสิ่งใหม่ๆ ที่ต่อเติมจากสิ่งเก่าที่เรามีประมาณนั้นมากกว่า ถามว่ามันสนุกไหมมันสนุกแหละ เพราะว่าเราพยายามหาความสนุกในแต่ละช่วงชีวิตของเราอยู่เสมอ มันอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จขนาดนั้น แต่ว่าสำหรับเรา รู้สึกว่าโอเค นี่คือชีวิตที่ฉันพอใจที่จะมี

 

 

วิธีหาตัวตนและทำความเข้าใจแบบฉบับของมิวสิค

 

ถ้าเราลองตั้งบทสัมภาษณ์ให้กับตัวเองแล้วลองตอบ สิคถือว่าก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเหมือนกันนะ เพราะว่าคนเรามักจะมีเวลาให้กับสิ่งรอบข้าง แต่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับตัวเองสักเท่าไร เพราะอย่างนั้นการให้สัมภาษณ์ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เข้าใจตัวเองมากขึ้น การได้รู้จักตัวเองนั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะว่าเราเกิดมาพร้อมกับร่างกายนี้ แล้วเราก็จะจากโลกนี้ไปพร้อมเขา ดังนั้นเราต้องรักตัวเองให้มากๆ เข้าใจตัวเองมากๆ

 

ย้อนกลับไปในรายการ On That Day EP.19 มิวสิคเคยบอกไว้ว่าอยากใช้เวลาในช่วงของการท่องโลกกว้างไปกับการฝึกฝนตัวเอง กับอะไรก็ตามที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่ง 2 สิ่งที่เรามองว่ามันได้เข้ามาเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักหรือเป็นงานของมิวสิคที่เราได้เห็นผ่านหน้าสื่อคือ ‘งานพากย์เสียง’ และ ‘งานแสดง’

 

เริ่มที่งานพากย์เสียง ซึ่งใครที่ได้ติดตามมิวสิคมานานจะพอทราบว่า งานพากย์คือหนึ่งในความฝันที่เธอเฝ้ารอโอกาสที่จะได้ลงมือทำมัน และขวบปีที่ผ่านมา มิวสิคได้รับโอกาสเหล่านั้นบ้างแล้ว เราจึงไม่รอช้าที่จะถามไถ่ถึงความรู้สึกหลังได้ทำให้ความฝันกลายเป็นความจริง

 

เมื่อก่อนเราเป็นเด็กที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เรารู้สึกว่าเราเก่งมากถ้าเราได้รับโอกาสนี้ แต่ปรากฏว่าพอได้มาลองทำจริงๆ แล้วมันยากมากเลย! มันทำให้เรารู้สึกว่าอาจเป็นสิ่งที่สนุกก็จริง แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดีพอ แต่ไม่ได้ทำให้เราหมดกำลังใจนะ มองในแง่ดีก็อาจได้รู้ว่าเรายังมีอีกหลายสิ่งที่เราต้องฝึกฝนอีกเยอะมาก และอย่างน้อยเราก็ได้รู้จักตัวเองแล้วว่า จริงๆ แล้วอันนี้อาจจะเป็นสิ่งที่เราไม่ถนัด แต่อย่างน้อยเราก็ได้ลองทำมันแล้ว

 

สมมติเต็ม 10 ให้ 6 เกินครึ่งมานิดหนึ่ง อาจไม่ได้แย่ แต่เราก็ได้รับโอกาสใหญ่ค่อนข้างกะทันหันด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Suzume หรือว่า โดราเอมอน มันเป็นโอกาสใหญ่ที่รู้สึกกดดันมาก แต่พอได้พี่ๆ เบื้องหลัง ทีมงานที่ดีที่เขาคอยซัพพอร์ต ก็ช่วยให้เราผ่านมันมาได้ 


ถ้าถามความรู้สึกตัวเองว่าในวันนั้นเราเก่งแล้วหรือยัง ก็ต้องบอกว่ายังเก่งไม่พอสำหรับโอกาสที่ได้รับ แต่เราก็ไม่อยากทิ้งความรักของเรา เพียงเพราะว่าเราทำได้ไม่ดีพอ

 

 

ถัดมาคือพาร์ตงานแสดง ซึ่งในส่วนนี้เมื่อมีการสืบค้นข้อมูลจะพบว่า มิวสิคคือหนึ่งในนักแสดงวัยรุ่นที่มีงานแสดงออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามอยู่เสมอ เราจึงถือโอกาสนี้ถามมิวสิคอย่างตรงไปตรงมาว่า เคยคิดมาก่อนไหมว่า ตัวเองคือคนที่เหมาะกับงานแสดง จึงได้รับโอกาสให้โชว์ฝีมือทางการแสดงแบบไม่ขาดมือ

 

เคยตั้งคำถามหนักมากๆ ค่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าการแสดงมันไม่ใช่สิ่งที่ตั้งใจว่าจะได้มาเจอ เหมือนเราเข้ามา (ในวง BNK48) เราก็มาเต้นมาร้อง แต่วันดีคืนดีมีผู้ใหญ่ชวนมาแสดงหนัง ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าการแสดงจะพาเรามาได้ไกลขนาดนี้ มันก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราทำได้ดี เราก็เลยเลือกที่จะทำต่อมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้

 

งานแสดงให้อะไรกับมิวสิค

 

สิ่งที่ได้รับมันเยอะกว่าที่คิดมากๆ เลยค่ะ ด้วยความที่สิคอาจไม่เข้าใจตัวเอง หรือว่าไม่ค่อยชอบตัวเองสักเท่าไร สำหรับสิคการแสดงมันทำให้เราได้มีโอกาสจะเป็นคนอื่น มันพาให้เราได้มีโอกาสไปรู้พื้นหลังของตัวละครที่เราแสดง ทำให้เราได้มีโอกาสไปทำความรู้จักคนคนหนึ่งแบบลึกซึ้ง มันพาให้เรามีโอกาสทำความรู้จักอีกบุคลิกของผู้คน ลักษณะนิสัยอีกแบบที่มนุษย์คนหนึ่งสามารถมีได้ งานแสดงมันทำให้ได้เข้าใจความรู้สึกของคนเรามากขึ้นด้วย

 

ทำไมถึงรู้สึกไม่ชอบตัวเอง

 

อาจเป็นเพราะว่าสิคเป็นคนที่ชอบตามหาสิ่งที่เป็นตัวตนของเราอยู่เสมอ มันเลยได้ค้นพบว่าเราไม่สมบูรณ์แบบขนาดไหน มันมีหลายๆ สิ่งที่เรารู้สึกว่าเป็นความคิดเชิงลบติดในหัวบ่อยๆ แล้วพยายามแก้ด้วยการเป็นคนที่มองในแง่ดี 

 

แต่ด้วยพื้นฐานตัวเราเองเป็นคนที่คิดจุกจิก บางทีมันอาจไม่ใช่ด้านลบหรอก แต่แค่มันเป็นท็อปปิกที่เวลาเราได้ไปคุยกับคนอื่นแล้ว เขาจะรู้สึกว่าเราพูดอะไรออกมา เราคุยด้วยยาก มันเลยทำให้เรามีหลายๆ สิ่งที่รู้สึกว่า ถ้าเราพูดเก่งกว่านี้เราจะดีขึ้นไหม เราจะมีเพื่อนเยอะกว่านี้ไหม เราควรใช้เวลากับคนอื่นมากกว่านี้ไหม เหมือนพยายามสร้างความเป็นไปได้ที่เราสามารถเป็นคนที่ดีขึ้น 

 

ขยายความสั้นๆ ก็คือเราไม่ค่อยชอบตัวเองที่เป็นแบบนั้นเท่าไร เพราะว่าเราก็อยากจะมีความสุขในแบบที่เราเป็นใช่ไหมคะ แต่พอได้มาเป็นคนอื่น (สวมบทบาทการแสดง) มันเหมือนเราหลบหนีจากความรู้สึกตรงนั้น เพราะว่าเราได้มาเป็นใครสักคนที่ไม่ได้มีความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ในหัว 

 

 

และเมื่อคุยมาถึงพาร์ตงานแสดงก็ต้องพูดถึงผลงานซีรีส์เรื่องใหม่อย่าง หมอตลอดกาล ซีรีส์ที่ผลิตโดย ทีวี ธันเดอร์ หนึ่งในซีรีส์ที่ออนแอร์เพียงไม่กี่ตอนก็ได้รับคำชมว่าตีแผ่วงการแพทย์ของไทยออกมาได้น่าสนใจ รวมถึงฉากทางการแพทย์ที่ปรากฏในเรื่องนั้นมีขั้นตอนที่ค่อนข้างถูกต้องและสมจริง ซึ่งทางมิวสิคได้รับบทเป็น ‘หมอฝน’ หนึ่งในบทบาทที่เธอยอมรับว่าท้าทายฝีมือการแสดงของเธออยู่ไม่น้อย

 

บทหมอฝนอาจจะมีคนเห็นแวว (หัวเราะ) ที่ผ่านมาสิคมักจะได้รับบทที่มีคาแรกเตอร์ที่ค่อนข้างโผงผาง เป็นคนแบบห้าวๆ แต่บทหมอฝนเป็นบทแรกที่มีบุคลิกเป็นคนสุภาพเรียบร้อย เป็นคุณหมอที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งเหตุผลลึกๆ ในใจที่สิคตอบรับบทนี้ เป็นเพราะว่ามันเป็นบทของหมอเท่านั้นเลย

 

เพราะสำหรับสิค ในหนึ่งชีวิตเราอาจจะเลือกทำได้แค่หนึ่งอย่าง เราอยากเป็นตากล้อง เราก็เป็นตากล้องไปเลย แต่ว่านักแสดงมันเป็นอาชีพที่ทำให้เราได้มีโอกาสเลือกสวมบทบาทเป็นอะไรได้หลายอย่าง แล้วคำว่า ‘หมอ’ เนี่ย มันเป็นสิ่งที่เรารู้สึกว่าตัวจริงของฉันคือคนที่เรียนไม่เก่ง แต่ฉันเป็นหมอได้ด้วยการแสดง เราก็เลยอยากจะเข้าไปในโลกของหมอ เพราะเราอยากรู้ว่าในโลกของหมอนั้นมีสิ่งไหนที่เขารู้แล้วเราไม่รู้ แล้วเราสามารถแสดงออกมาได้หรือเปล่า

 

เตรียมตัวก่อนรับบทหมอฝนนานแค่ไหน

 

น่าจะประมาณ 3 เดือน ด้วยความที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแพทย์ที่ค่อนข้างเข้มข้นมาก อย่างเราเป็นหมออินเทิร์นและนักแสดงคนอื่นก็เป็นหมอศัลยแพทย์ หมอนิติเวช หมอในหลายแผนกมากมาย แต่ละคนก็จะมีแนวทางการเวิร์กช็อปที่ไม่เหมือนกัน อย่าง พี่โทนี่ รากแก่น ก็จะไปเรียนรู้วิธีการผ่าตัดหัวใจแบบจริงๆ อย่าง พี่เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน เป็นหมอนิติเวช เขาก็ไปดูการผ่าศพจริงๆ 

 

ส่วนของสิคจะเวิร์กช็อปขั้นพื้นฐาน รวมสิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้กับบทบาทของการเป็นหมอ เช่น การปฐมพยาบาลเบื้องต้น, การเย็บแผล, การฉีดยาต่างๆ ซึ่งมันไม่ใช่แค่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นต้องทำอย่างไร แต่มีการลงรายละเอียดลึกลงไปมากกว่านั้น คือการต้องรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นทำไปเพราะอะไร สำหรับสิคถือว่าเป็นเรื่องดีที่ได้เรียนรู้รับประสบการณ์ใหม่ๆ

 

 

อะไรคืออุปสรรคในการบทหมอฝน

 

อุปสรรคหลักๆ คือเรื่องของการจดจำศัพท์ทางการแพทย์ที่เต็มไปด้วยตัวย่อเยอะๆ ซึ่งคนที่เป็นหมอจริงๆ เขาพูดกันจนคล่องปาก แต่กลับกันเราในฐานะนักแสดงที่มาสวมบทบาทมันยากอยู่นะ บางครั้งก็ไม่รู้ว่าศัพท์ที่พูดออกมาคืออะไร ในส่วนนี้สิคก็ต้องทำการบ้านด้วยการถามหมอว่า คำที่เราจะพูดมันแปลว่าอะไร แล้วทำไมเขาถึงเลือกพูดในสถานการณ์นี้ คนไข้ต้องมีอาการแบบไหนมาเราถึงต้องใช้คำพูดนี้ได้ เพราะคำพูดเหล่านี้มันไม่ใช่คำที่อยู่ๆ จะพูดออกมา มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริงๆ

 

ลองเปรียบเทียบชีวิตมิวสิคกับหมอฝน 2 คนนี้มีอะไรที่เหมือนกัน

 

คิดว่าเป็นคนที่มีความไม่มั่นใจเหมือนกัน ด้วยความที่เป็นคนที่พูดไม่เก่ง แต่จะชอบฟังมากกว่า แล้วก็เป็นคนที่ค่อนข้างหูเบาด้วย บางครั้งเราเป็นคนที่ไม่ค่อยกล้าตัดสินว่าอะไรคือสิ่งที่ถูก อะไรคือสิ่งที่ผิด เช่นเดียวกับหมอฝนที่เป็นคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองเหมือนกัน

วิธีการรับมือความไม่มั่นใจในตัวเองของมิวสิค

 

ทุกวันนี้เป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองสักเท่าไร (หัวเราะ) ยังแก้ไขไม่ได้ด้วย แล้วก็เป็นคนที่ค่อนข้างกลัวการใช้โซเชียลด้วย ไม่ใช่ว่าเราไม่เล่นโซเชียลนะ แต่เราเล่นเพื่อที่จะอ่านมากกว่าเพื่อที่จะพิมพ์อะไรสักอย่าง 

 

โซเชียลเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่ากลัวนิดหนึ่ง ยกตัวอย่างบางคนโพสต์อะไรสักอย่างไปนานมากๆ แล้ว แต่วันหนึ่งมันถูกขุดขึ้นมา หรือมีคนไปเจอแล้วหยิบขึ้นมาพูดถึง หรือย้อนกลับมาโจมตี มันทำให้คนคนหนึ่งสูญเสียอะไรหลายๆ อย่างได้เลย โดยเฉพาะความมั่นใจ อันนี้เป็นสิ่งที่ใหญ่มาก 

 

ตอนนี้สิคเลยไม่กล้าเล่นโซเชียล ใช้คำว่าความกลัวได้เลย ขนาดทุกวันนี้จะพิมพ์อะไรยังคิดหนักมากๆ แล้วสุดท้ายก็จบลงด้วยการไม่อยากโพสต์อะไร มันก็เป็นความไม่มั่นใจอย่างหนึ่งที่แก้ไม่หาย แล้วก็อาจไม่อยากแก้ด้วยซ้ำ เราอาจสบายใจที่ไม่ได้โพสต์หรือไม่ได้พิมพ์อะไรแบบนี้ต่อไป

 

เราไม่ค่อยได้มีโอกาสบอกแฟนคลับเลย ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าแฟนคลับอยากจะเห็นเราโพสต์อะไรสักหน่อย หรือออนโซเชียลให้มากขึ้น แต่เราก็ไม่เคยทำได้เลย โซเชียลสำหรับเรามันยังคงเป็นสิ่งที่น่ากลัวเหลือเกิน ขนาดให้สัมภาษณ์เรายังแอบกลัวเลยว่าจะเผลอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

 

 

บทบาทหมอฝนพามิวสิคไปเรียนรู้อะไรบ้าง

 

บทหมอฝนพาให้สิคได้ไปเรียนรู้ว่าชีวิตคนเรามันสั้นกว่าที่คิดเอาไว้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก วันหนึ่งคนคนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ปกติ แต่เกิดอุบัติเหตุเพียงครั้งเดียวเขาก็อาจหายไปจากโลกนี้ได้เลย มันเป็นสิ่งที่น่าใจหายมาก 

 

และส่วนตัวสิคเป็นคนที่รับการสูญเสียไม่ค่อยได้ เป็นคนที่เป๋มากเวลามีคนรู้จักหรือคนใกล้ตัวเสียชีวิต อย่างตอนที่แฟนคลับของเราเสีย เราร้องไห้หนักมาก แล้วก็เสียศูนย์ไปนานมาก เพราะทุกครั้งที่มีงานจับมือเขาก็จะมาเจอเราเสมอ แล้ววันหนึ่งเขาไม่อยู่แล้ว แล้วเรารู้ว่าในแถวจะไม่มีเขาอยู่ตรงนั้นแล้ว สำหรับเรามันเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก ดังนั้นการรับบทหมอฝนเลยเป็นหนึ่งในสิ่งที่ย้ำเตือนกับสิคว่าชีวิตคนเรามันสั้น ดังนั้นหนึ่งชีวิตเกิดมาก็อยากจะเป็นคนที่มีความสุขมากๆ

 

ถ้าสมมติว่ามิวสิคได้เจอหมอฝน มิวสิคอยากจะบอกอะไรกับเขา

 

น่าจะอยากบอกกับเขาว่าดีแล้วที่หาตัวตนของตัวเองเจอ แค่นั้นเลย

 

บทบาทอื่นๆ ที่มิวสิคมองหาในอนาคต?

 

อยากลองแสดงหนังบู๊ อยากลองแสดงภาพยนตร์-ซีรีส์แอ็กชันมาก แต่ขอไปฝึกเรื่องของความแข็งแรงมาก่อน เพราะถ้าเราดูไม่แข็งแรงเขาไม่น่าจะรับเรา (หัวเราะ)

 

จริงๆ หนังที่ชอบเป็นแนวแอ็กชันโรแมนติก แต่ลึกๆ ไม่ค่อยชอบหนังรักโรแมนซ์ ถ้าเป็นหนังบู๊จะชอบพวก Marvel ประมาณนั้น หรือไปสุดตัวก็ John Wick ไปเลย ส่วนตัวเป็นคนชอบดูหนังบู๊มาก อธิบายยากเลยว่าชอบแบบไหน

 

ครั้งหนึ่งมิวสิคเคยเปรยว่า หากมีโอกาส อยากลองพิจารณารับงานแสดงแนว Girl’s Love

 

เคยดูซีรีส์เรื่อง Heartstopper คือซีรีส์ที่ดีมากๆ เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ในแง่ที่พูดถึงความสัมพันธ์ความรักระหว่างเพศเดียวกัน รวมไปถึงคนรอบข้าง รู้สึกว่ามันให้อะไรเยอะมากๆ แล้วเป็นเรื่องราวที่กำลังดี เราเลยรู้สึกว่า ถ้ามีโอกาสได้รับบทบาทแสดงในไทย ได้แสดงความรักที่เป็นรูปแบบนี้ในไทย ผู้คนจะเข้าใจเรามากขึ้นไหม เพราะด้วยความที่เรามีความเป็น Pansexual ก็เลยคิดอยู่เหมือนกันว่า ถ้าเกิดว่าไม่ได้แสดงก็อยากเขียนขึ้นมาเอง เขียนแบบแต่งเป็นนิยายทำนองนั้น ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เราคิดจะทำอยู่ ไม่ใช่แค่เรื่องการแสดง แต่อาจเป็นคนเขียนด้วย

 

มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์

 

เป้าหมายในชีวิตที่อยากทำในวันที่ชีวิตใกล้ก้าวเข้าสู่วัย 23 ปี 

ข้อเสียของเราคือเป็นคนที่อยากทำแต่ไม่ลงมือทำ จริงๆ สิคเป็นคนที่ไม่ค่อยอินกับวันเกิด ไม่ชอบการฉลองวันเกิดหรือการฉลองวันปีใหม่ ที่มันดูเหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่ เพราะเราค่อนข้างเชื่อว่านี่มันคือเส้นชีวิตเดิม เราจะทำหรือไม่ทำ เราจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน มันไม่ได้อยู่ที่ปี แต่มันอยู่ที่ตัวเราว่าจะลงมือทำมันเมื่อไร 

 

เพราะฉะนั้นสำหรับสิคในปีนี้ที่กำลังจะเข้าสู่วัย 23 ปี ก็ยังเป็นมิวสิคที่ไม่แพลนเป้าหมายเหมือนเดิม (หัวเราะ) อาจอยากทำสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ให้ดีก่อน อย่างการคอสเพลย์ที่เราอยากจะหันมาเป็นคนตัดชุดเองบ้าง หรืออยากเรียนภาษาญี่ปุ่นให้เก่งขึ้น คิดว่าอยากจะใช้เวลาเสริมในสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ให้ดีขึ้นมากกว่า

 

เมื่อคุยถึงตรงนี้เราสัมผัสได้ว่านี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แววตาของมิวสิคได้เปลี่ยนไปอีกครั้งในการให้สัมภาษณ์กับเรา แต่นั่นคือแววตาแห่งการเติบโต แววตาของหญิงสาวผู้มีความเข้าใจโลกในแบบของเธอ เข้าใจตัวตน เข้าใจว่าความสุขในชีวิตของเธอนั้นหาง่าย เพียงรู้จักปล่อยวางและกล้ายอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง

 

สุดท้ายอยากจะขอฝากซีรีส์ หมอตลอดกาล ออกอากาศทางช่อง Thai PBS ซีรีส์เรื่องนี้เป็นชิ้นงานที่นักแสดงทุกคนและบุคลากรการแพทย์ทุกคนมีความตั้งใจสร้างสรรค์อย่างที่สุด อยากฝากทุกคนเอาไว้ ตอนนี้ออนแอร์มาได้ครึ่งทางแล้ว หรือใครที่อยากดูสามารถเข้ามาชมย้อนหลังได้ที่เว็บไซต์ vipa.me หรือรับชมแบบสดๆ ได้ทางช่อง Thai PBS กดหมายเลข 3 ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 20.30-21.30 น.



ตัวอย่างซีรีส์ หมอตลอดกาล

 

The post เปิดใจ มิวสิค แพรวา ในวันที่กล้าโอบกอดความไม่สมบูรณ์แบบ เพื่อเรียนรู้และเติบโต appeared first on THE STANDARD.

]]>
มิวสิค แพรวา ร่วมพากย์เสียงไทยใน Suzume หนังอนิเมะเรื่องใหม่จากผู้กำกับ มาโกโตะ ชินไค https://thestandard.co/praewa-suzume/ Thu, 06 Apr 2023 04:20:05 +0000 https://thestandard.co/?p=773620 Suzume

ถือเป็นภาพยนตร์อนิเมะที่คออนิเมะชาวไทยหลายคนตั้งตารอ สำ […]

The post มิวสิค แพรวา ร่วมพากย์เสียงไทยใน Suzume หนังอนิเมะเรื่องใหม่จากผู้กำกับ มาโกโตะ ชินไค appeared first on THE STANDARD.

]]>
Suzume

ถือเป็นภาพยนตร์อนิเมะที่คออนิเมะชาวไทยหลายคนตั้งตารอ สำหรับ Suzume การผนึกประตูของซุซุเมะ ผลงานล่าสุดจากผู้กำกับ มาโกโตะ ชินไค ที่เคยสร้างความประทับใจแก่ผู้ชมมาแล้วใน Your Name (2016) และ Weathering with You (2019) ซึ่งมีกำหนดเข้าฉายในบ้านเรา วันที่ 13 เมษายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

และสำหรับแฟนๆ อนิเมะพากย์ไทยก็เตรียมตัวให้พร้อม เพราะภาพยนตร์จะได้ มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ มารับหน้าที่พากย์เสียงไทยเป็น อิวาโตะ ซุซุเมะ ตัวละครหลักของเรื่อง

 

รวมถึง มาโกโตะ ชินไค จะเดินทางมาร่วมโปรโมตภาพยนตร์ในประเทศไทยเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยผู้กำกับจะร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 11 เมษายนนี้ ณ โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย สยามพารากอน เวลา 19.30 น. พร้อมร่วมตอบคำถามหลังฉายภาพยนตร์จบ 

 

Suzume บอกเล่าเรื่องราวของ ซุซุเมะ นักเรียนสาววัย 17 ปีที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองอันเงียบสงบในคิวชู กระทั่งวันหนึ่งเธอบังเอิญมาพบกับชายหนุ่มปริศนาที่กำลังออกตามหา ‘ประตู’ บานเก่า ซึ่งนำพาให้เธอไปเจอประตูปริศนาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางซากเมืองเก่า และเมื่อเธอเดินไปเปิดประตูบานนั้นก็ทำให้เธอได้พบกับท้องฟ้าและทิวทัศน์อันงดงาม แต่จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เมื่อมีประตูปรากฏขึ้นมาทั่วญี่ปุ่น พร้อมกับภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายแก่บริเวณโดยรอบ เธอจึงต้องออกเดินทางเพื่อปิดประตูปริศนาเหล่านั้น

 

นอกจากชื่อของ มาโกโตะ ชินไค ภาพยนตร์ยังคับคั่งไปด้วยทีมงานเบื้องหลังมากฝีมือ นำโดย มาซาโยชิ ทานากะ จาก Your Name (2016) มารับหน้าที่ออกแบบคาแรกเตอร์, เคนอิจิ ทัตสึยะ จาก Garden of Words (2013) มาดูแลในตำแหน่ง Animation Director, ทาคุมิ ทันจิ จาก Children Who Chase Lost Voices (2011) มาดูแลในตำแหน่ง Art Director และดูแลการผลิตโดยสตูดิโอ CoMix Wave Films และ STORY inc. รวมถึง RADWIMPS ศิลปินระดับแนวหน้าของญี่ปุ่นที่เคยร่วมงานกับ มาโกโตะ ชินไค มาแล้วใน Your Name และ Weathering with You มาร่วมทำเพลงประกอบภาพยนตร์อีกครั้ง 

 

รับชมตัวอย่างได้ที่: 

 

 

ภาพ: miu.miusic / Instagram 

อ้างอิง:

The post มิวสิค แพรวา ร่วมพากย์เสียงไทยใน Suzume หนังอนิเมะเรื่องใหม่จากผู้กำกับ มาโกโตะ ชินไค appeared first on THE STANDARD.

]]>
“จะมีที่ไหนในโลกที่เราจะเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่” Faces of Anne กับคำถามว่าโลกอนุญาตให้เราเป็นตัวเองได้แค่ไหน https://thestandard.co/spotlight-faces-of-anne/ Tue, 31 Jan 2023 10:21:15 +0000 https://thestandard.co/?p=744273

*หมายเหตุ: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์ […]

The post “จะมีที่ไหนในโลกที่เราจะเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่” Faces of Anne กับคำถามว่าโลกอนุญาตให้เราเป็นตัวเองได้แค่ไหน appeared first on THE STANDARD.

]]>

*หมายเหตุ: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์ Faces of Anne (2022) 

 

 

 

“จะมีที่ไหนในโลกที่เราจะเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่” 

 

หนึ่งในประโยคจากภาพยนตร์ Faces of Anne (2022) ที่เราหยิบยกมากล่าวถึงนี้อาจไม่ได้เป็นประโยคที่ตัวละครเอ่ยออกมาเองอย่างตรงตัว แต่เป็นประโยคที่ปรากฏในสมุดเล่มหนึ่งที่แอนขีดเขียนลงไปเพื่อระบายความรู้สึก ซึ่งหากเราลองตีความให้แอนเป็นตัวละครที่สะท้อนภาพของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน ประโยคสั้นๆ ประโยคนี้ก็อาจเป็นข้อความสำคัญที่ภาพยนตร์ต้องการให้ทุกคนได้ยินเสียงของพวกเขาและเธอ

 

 

โดยตลอดระยะเวลาร่วม 2 ชั่วโมง Faces of Anne ได้สอดแทรกฉากเล็กๆ น้อยๆ ที่ชวนให้เราขบคิดและตีความอยู่หลายจุด ตั้งแต่ฉากกองถ่ายภาพยนตร์ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นอย่างไม่มีคำอธิบาย โทรศัพท์มือถือที่เมื่อแอนหยิบขึ้นมาแล้วใบหน้าของเธอจะเปลี่ยน หรือบทสนทนาระหว่างแอนและจิตแพทย์ที่พยายามช่วยแอนในการตามหา ‘ตัวตนจริงๆ’ ของเธอ 

 

ซึ่งสิ่งละอันพันละน้อยเหล่านี้ต่างก็ทำหน้าที่ขับเน้นประเด็นสำคัญของเรื่องให้เราเห็นอย่างเด่นชัด นั่นคือสภาพแวดล้อมที่กลุ่มคนรุ่นใหม่กำลังเผชิญส่งผลต่อสภาพจิตใจของพวกเขาขนาดไหน ทั้งการดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกับโซเชียลมีเดียที่เราจะได้เห็นไลฟ์สไตล์ของคนอื่นที่อาจจะดูดีกว่าตนเอง การเห็นภาพความสำเร็จของผู้คนเหล่านั้น การให้ความสนใจกับยอดไลก์ ยอดแชร์ต่างๆ จนสิ่งเหล่านี้ค่อยๆ ก่อร่างความคิดที่ทำให้เราอยากจะเป็นให้ได้แบบคนอื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ และบางครั้งมันก็กลายเป็นว่าเราอาจจะกำลัง ‘แสดง’ เป็นใครบางคนที่ ‘ไม่ใช่ตัวเอง’ เพื่อให้คนอื่นยอมรับและชื่นชม

 

 

รวมถึงประเด็นของการ ‘ตามหาตัวตน’ ของคนรุ่นใหม่ ที่สภาพแวดล้อมหลายๆ อย่างบีบบังคับให้พวกเขาและเธอต้อง ‘รีบ’ ตามหาตัวเองให้เจอเพื่อให้เท่าทันคนอื่นๆ ตั้งแต่ความชื่นชอบของตัวเองคืออะไร ความฝันของตัวเองคืออะไร และ ‘คุณค่า’ ของเราคืออะไร ซึ่งหลายครั้งก็สร้างความสับสนและกดดันให้กับตัวเราเองไปพร้อมกัน

 

อีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ภาพยนตร์พยายามนำเสนอคือ ความคิดเห็นของผู้คนรอบข้างที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของพวกเขาและเธอไม่แพ้กัน ทั้งการต้องเผชิญกับถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามจากผู้คนบนโซเชียลมีเดียที่ไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักกันมาก่อน โดยเฉพาะการมา ‘กำหนด’ และ ‘ตัดสิน’ ภาพลักษณ์และความงามของเราเสียอย่างนั้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สร้างบาดแผลให้กับจิตใจของใครหลายคนอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น 

 

รวมไปถึงแรงกดดันจากผู้คนรอบข้างที่พยายามจะ ‘กำหนด’ คุณค่าให้เราเดินตามเส้นทางที่เขาขีดเขียนไว้ให้ หรือไม่ก็ต้องเผชิญกับ ‘ความคาดหวัง’ จากผู้คนที่มากจนเกินไป จนกลายเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับพวกเขาโดยไม่รู้ตัว

 

 

บางที Faces of Anne อาจไม่ได้พยายามทำหน้าที่สะท้อนภาพความรู้สึกของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กำลังเผชิญกับแรงกดดันต่างๆ ดังที่เรากล่าวไปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ตั้งคำถามต่อผู้ชมทุกคนด้วยว่า สังคมในตอนนี้เปิดพื้นที่ให้พวกเขาเหล่านั้นได้ ‘ใช้เวลา’ ในการค้นหาคุณค่าของตัวเอง และได้ใช้ชีวิตในแบบของตัวเองอย่าง ‘มีความสุข’ มากพอหรือยัง

 

“จะมีที่ไหนในโลกที่เราจะเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่” 

 

สามารถรับชม Faces of Anne ได้แล้วทาง Netflix

 


บทความที่เกี่ยวข้อง: 

The post “จะมีที่ไหนในโลกที่เราจะเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่” Faces of Anne กับคำถามว่าโลกอนุญาตให้เราเป็นตัวเองได้แค่ไหน appeared first on THE STANDARD.

]]>
LUSS ปล่อยของขวัญชิ้นใหม่ผ่านซิงเกิล While We’re Young เพลงสำหรับทุกคนที่กำลังทำตามความฝัน https://thestandard.co/luss-while-we-are-young/ Fri, 02 Dec 2022 05:35:49 +0000 https://thestandard.co/?p=719012

หลังจากปล่อยผลงานเพลง TUTOR มาได้เพียงหนึ่งเดือน สองหนุ […]

The post LUSS ปล่อยของขวัญชิ้นใหม่ผ่านซิงเกิล While We’re Young เพลงสำหรับทุกคนที่กำลังทำตามความฝัน appeared first on THE STANDARD.

]]>

หลังจากปล่อยผลงานเพลง TUTOR มาได้เพียงหนึ่งเดือน สองหนุ่มสาว เบน-ศิรสิทธิ์ ตั้งบุญดวงจิตต์ และ ปั้น-นลพรรณ อัมพุช จากวงดูโอ้มากความสามารถอย่าง LUSS ไม่รอช้า เดินมุ่งหน้าเสิร์ฟซิงเกิลใหม่ While We’re Young ให้ทุกคนได้ฟังกันต่อ โดยความพิเศษของซิงเกิลนี้มีเบื้องหลังสุดอบอุ่นแฝงอยู่ในนั้น เพราะนี่คือความตั้งใจจากกลุ่มแฟนคลับที่ต้องการส่งต่อของขวัญให้กับ เฌอปราง อารีย์กุล และ มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ สองสมาชิกวง BNK48 

 

 

While We’re Young ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของ LUSS ไว้เหมือนเคย แต่คราวนี้พวกเขาได้เพิ่มความเติบโตทางดนตรีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านเนื้อร้องและดนตรี LUSS ได้พาผู้ฟังกระโจนเข้าสู่โลกที่จริงจังมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด 

 

โดยหนึ่งในผู้ริเริ่มโปรเจกต์นี้คือ บ้าน CherSic Village กลุ่มแฟนคลับเฌอปราง และ มิวสิค ที่ต้องการมอบของขวัญให้แก่ทั้งสองคน ซึ่งเตรียมออกเดินทางตามความฝันกับเส้นทางใหม่ในอนาคต สอดคล้องกับคอนเซปต์ที่ทั้งเบนและปั้นเล่าถึง While We’re Young ไว้ว่า “เคยรู้สึกเหมือนว่าเราวิ่งไปเรื่อยๆ เพื่อทำตามความฝันบ้างไหม? ขณะที่เรารีบที่จะโตขึ้น บางทีเราก็ลืมที่จะหยุดและมองดูว่า มีความสุขอะไรบ้างที่อยู่รอบตัวเรา หรือมีใครบ้างที่คอยให้กำลังใจเราอยู่ แม้ว่าคนคนนั้นอาจจะอยู่ใกล้หรือไกลเราก็ตาม”

 

นอกจากนี้ LUSS ยังได้อธิบายเพิ่มเติมถึงเนื้อหาของซิงเกิลนี้ว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่มาเจอกันจากความต้องการทำตามฝัน ซึ่งเส้นทางระหว่างนั้นได้นำพาให้พบเจอกับความสุข โดยพร้อมยินดีด้วยเสมอแม้อีกฝ่ายจะประสบผลความสำเร็จไปแล้ว หรือขณะที่บางวันอาจจะรู้สึกท้อแท้บ้าง แต่คนทางนี้ก็ยังคงจะเป็นกำลังใจให้และอยู่เคียงข้างเช่นเดียวกัน

 

เมื่อได้ลองฟัง While We’re Young แล้ว เราเชื่อว่าผู้ฟังหลายก็คงรับรู้ถึงพลังบวกที่ส่งผ่านมาในบทเพลงนี้ได้อย่างแจ่มแจ้ง สมกับแรงใจจากกลุ่มแฟนคลับที่อยากมอบของขวัญแสนลึกซึ้งให้กับทั้งเฌอปรางและมิวสิค สองสาวจาก BNK48 ที่ชีวิตจริงเองก็เป็นพี่น้องคู่สนิท และอยู่เคียงข้างกันเสมอมา

 

รับชมวิดีโอ Visualizer เพลง While We’re Young ได้ที่

 

The post LUSS ปล่อยของขวัญชิ้นใหม่ผ่านซิงเกิล While We’re Young เพลงสำหรับทุกคนที่กำลังทำตามความฝัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
โมบายล์-มิวสิค-ปูเป้ BNK48 รับตำแหน่งทริปเปิลเซ็นเตอร์ในซิงเกิลพิเศษของสมาชิกรุ่นที่ 1 Jiwaru DAYS https://thestandard.co/mobile-music-pupe-bnk48-jiwaru-days/ Sun, 23 Oct 2022 05:08:29 +0000 https://thestandard.co/?p=698891 BNK48

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ไอดอลกรุ๊ป BNK48 ได้มีกา […]

The post โมบายล์-มิวสิค-ปูเป้ BNK48 รับตำแหน่งทริปเปิลเซ็นเตอร์ในซิงเกิลพิเศษของสมาชิกรุ่นที่ 1 Jiwaru DAYS appeared first on THE STANDARD.

]]>
BNK48

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ไอดอลกรุ๊ป BNK48 ได้มีการประกาศรายชื่อเพลงและสมาชิกที่ได้รับตำแหน่งเซ็นเตอร์ ในซิงเกิลพิเศษของสมาชิกรุ่นที่ 1 หรือ 1st Generation Special Single ออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตาม ภายในงาน 12th Single ‘Believers’ Handshake Event

 

Jiwaru DAYS

 

สำหรับซิงเกิลพิเศษของสมาชิกรุ่นที่ 1 จะประกอบด้วยซิงเกิลหลัก 1 เพลง และซิงเกิลรอง 2 เพลง ส่วนรูปแบบการเลือกตำแหน่งเซ็นเตอร์และตำแหน่งแถวหน้าในแต่ละเพลง จะมาจากการโหวตลงคะแนนของสมาชิกรุ่นที่ 1 ทั้ง 22 คน ประกอบด้วย เฌอปราง, ปัญ, เจนนิษฐ์, ตาหวาน, ปูเป้, จ๋า, เจน, จิ๊บ, แก้ว, ไข่มุก, เคท, ก่อน, มายด์, มิโอริ, โมบายล์, มิวสิค, น้ำใส, น้ำหนึ่ง, เนย, อร, เปี่ยม และ ซัทจัง

 

Jiwaru DAYS

 

เริ่มต้นด้วยซิงเกิลหลักในชื่อ Jiwaru DAYS จะได้โมบายล์ มิวสิค และปูเป้ มารับตำแหน่งทริปเปิลเซ็นเตอร์ โดยเป็นผลงานจากวงรุ่นพี่ AKB48 ในซิงเกิลหลักที่ 55 ซึ่งออกวางจำหน่ายในปี 2019 โดยมี ซาชิฮาระ ริโนะ รับตำแหน่งเซ็นเตอร์ และยังเป็นเพลงจบการศึกษาของเธออีกด้วย 

 

ต่อเนื่องด้วยซิงเกิลรองที่ 1 Pioneer ซึ่งเป็นเพลงที่มาจากการโหวตลงคะแนนของแฟนๆ ผ่านการใช้ BNK Token พร้อมได้ปัญและเจนนิษฐ์รับตำแหน่งดับเบิลเซ็นเตอร์ โดยเพลงนี้เป็นซิงเกิลที่ถูกใช้ในการแสดงสเตจของ AKB48 Team A และเป็นหนึ่งในเพลงประกอบอนิเมะ AKB0048 (2012)

 

และปิดท้ายด้วยซิงเกิลรองที่ 2 อย่าง Sakura no Ki ni Narou จะได้แก้วมารับตำแหน่งเซ็นเตอร์ โดยเพลงนี้เป็นผลงานจากวงรุ่นพี่ AKB48 ในซิงเกิลหลักที่ 20 ซึ่งออกวางจำหน่ายในปี 2011 และได้ มาเอดะ อัตสึโกะ รับตำแหน่งเซ็นเตอร์ 

 

สามารถรับชมคลิปประกาศได้ที่นี่ 

 

 

อ้างอิง:

The post โมบายล์-มิวสิค-ปูเป้ BNK48 รับตำแหน่งทริปเปิลเซ็นเตอร์ในซิงเกิลพิเศษของสมาชิกรุ่นที่ 1 Jiwaru DAYS appeared first on THE STANDARD.

]]>
Faces of Anne ลึกลับชวนติดตาม และพื้นที่โชว์ฝีมือของ ‘นักแสดงหญิง’ ที่ฝากความหวังไว้กับพวกเธอได้ https://thestandard.co/faces-of-anne-review/ Tue, 11 Oct 2022 13:51:10 +0000 https://thestandard.co/?p=694576

Faces of Anne คือภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่องล่าสุดจากค่าย M […]

The post Faces of Anne ลึกลับชวนติดตาม และพื้นที่โชว์ฝีมือของ ‘นักแสดงหญิง’ ที่ฝากความหวังไว้กับพวกเธอได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

Faces of Anne คือภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่องล่าสุดจากค่าย M Pictures ผ่านวิสัยทัศน์ของสองผู้กำกับ คงเดช จาตุรันต์รัศมี จาก Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า (2562) และ ปอม-ราสิเกติ์ สุขกาล หนึ่งในผู้กำกับจาก Five to Nine (2558) พร้อมได้ 10 นักแสดงหญิงมากฝีมือมาร่วมรับบทนำ ได้แก่ ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, อุ้ม-อิษยา ฮอสุวรรณ, วี-วิโอเลต วอเทียร์, อิ้งค์-วรันธร เปานิล, มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร, ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์, ก้อย-อรัชพร โภคินภากร, นาน่า-ศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์, เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ (เจนนิษฐ์ BNK48) และ มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ (มิวสิค BNK48)

 

ภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มตัวละครหญิงที่ถูกจับตัวมายังสถานที่ปริศนาแห่งหนึ่งเพื่อทำการทดลองบางอย่าง โดยความแปลกประหลาดครั้งนี้คือพวกเธอทุกคนต่างมีชื่อว่า ‘แอน’ อีกทั้งใบหน้าของพวกเธอจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนอีกคน พวกเธอจึงต้องหาทางหลบหนีออกจากสถานที่ดังกล่าว พร้อมกับตามหาความจริงของเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ง่ายขนาดนั้น เมื่อพวกเธอต้องหลบหนีจากการตามล่าของปีศาจนาม Vetigo ที่จะปรากฏตัวขึ้นทุกคืน

 

 

สิ่งที่โดดเด่นมากๆ ของ Faces of Anne คือการปูเรื่องราวในช่วง 10 นาทีแรกของเรื่องที่สร้างความน่าติดตามให้เราได้อย่างอยู่หมัด โดยบอกเล่าผ่านสายตาของหญิงสาวคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาในสถานที่ปริศนา แถมเธอยังจำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้อีกต่างหาก มีเพียงอย่างเดียวที่เธอรู้คือเธอและผู้หญิงคนอื่นต่างมีชื่อว่า ‘แอน’ นั่นจึงทำให้ผู้ชมจะได้ประสบพบเจอและรับรู้ข้อมูลต่างๆ ไปพร้อมกับตัวละครดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น เธอเป็นใคร, ที่นี่ที่ไหน, ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่, หมอและพยาบาลเหล่านี้ต้องการอะไร และทำไมถึงมีผู้หญิงที่ชื่อ ‘แอน’ เหมือนเธอ

 

ขณะเดียวกัน เมื่อเรื่องราวดำเนินไปเรื่อยๆ เราก็จะได้รับเบาะแสต่างๆ ที่ผู้กำกับและทีมสร้างค่อยๆ สอดแทรกเข้ามาทีละนิดทีละหน่อย เพื่อให้เราได้ร่วมกันตีความเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปพร้อมกับตัวละคร กล่าวคือ Faces of Anne อาจเปรียบได้กับจิ๊กซอว์ภาพหนึ่ง ที่ผู้กำกับและทีมสร้างจะค่อยๆ ยื่นชิ้นส่วนต่างๆ มาให้เราได้ประกอบเรื่องราวให้สมบูรณ์ แต่จิ๊กซอว์ชิ้นต่างๆ จะถูกประกอบเข้าด้วยกันอย่างหลวมๆ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้ตีความเรื่องราวในแบบฉบับของตัวเองอีกด้วย

 

 

ซึ่งนอกจากพล็อตเรื่องที่แข็งแรงมากๆ อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่สร้างความน่าสนใจให้กับภาพยนตร์คืองานโปรดักชันอันแปลกตา ทั้งการออกแบบฉากหลังของเรื่อง การใช้แสงสีที่ช่วยเสริมความน่าฉงนสงสัยให้กับสถานที่ดังกล่าว ดนตรีประกอบที่ปลุกเร้าให้เราเห็นถึงความไม่ปลอดภัย จังหวะการตัดต่อที่เสริมความลึกลับซับซ้อนให้กับเรื่องราวมากยิ่งขึ้น ไปจนถึงรูปแบบของการ ‘เปลี่ยนใบหน้า’ จากใบหน้าหนึ่งไปอีกใบหน้าหนึ่ง ที่นำเสนอออกมาได้อย่าง ‘บิดเบี้ยว’ ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้เราได้เป็นอย่างดี

 

 

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของ Faces of Anne ที่สร้างความฮือฮาแก่ผู้ชมตั้งแต่ตัวอย่างคือรายชื่อนักแสดงนำทั้ง 10 คนที่มาสวมบทเป็น ‘แอน’ ซึ่งต่างก็เป็นนักแสดงหญิงที่เคยพิสูจน์ฝีมือการแสดงให้ทุกคนได้ชมมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ออกแบบ จาก ฉลาดเกมส์โกง (2560), วี จาก ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ (2558), เจนนิษฐ์ จาก Where We Belong ฯลฯ รวมถึงนักแสดงสมทบอีกหลายคนที่มาร่วมสวมบทเป็น ‘แอน’ เช่น โจ้-พลอยยุคล โรจนกตัญญู จาก กระสือสยาม (2562), แป๋ม-ไปรยา สังขจินดา จาก 4Kings (2564), แพรวา-แพรรุจิรา โกมลารชุน ศิลปินจากค่าย Kiddo Records ฯลฯ

 

ซึ่งนักแสดงทุกคนต่างทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ ‘แอน’ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเธอต้องมาสวมบทเป็น ‘ตัวละครตัวเดียวกัน’ แต่พวกเธอก็สามารถถ่ายทอดคำพูดและอากัปกิริยาต่างๆ ออกมา จนทำให้เราเชื่ออย่างสนิทใจว่าพวกเธอกำลังสวมบทเป็น ‘แอน’ คนเดียวกันอยู่

 

 

สำคัญที่สุด ภายใต้เรื่องราวการเอาชีวิตรอดสุดระทึก ปริศนาต่างๆ ที่ชวนให้เราหาคำตอบตลอดทั้งเรื่อง งานสร้างอันโดดเด่น และการแสดงอันยอดเยี่ยมของทีมนักแสดงทุกคน Faces of Anne ยังมาพร้อมกับ ‘หัวใจสำคัญ’ ของเรื่องที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้ชมได้ไม่ยาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากผู้คนรอบข้าง เผชิญกับความคาดหวัง การถูกเปรียบเทียบ และปัญหาอีกมากมายที่ค่อยๆ สร้างบาดแผลทางจิตใจแก่พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว

 

เราจึงอาจตีความได้ในแง่มุมหนึ่งว่า Faces of Anne อาจกำลังชวนให้เราลองหยิบประเด็นดังกล่าวขึ้นมาพูดคุย ขบคิด เพื่อช่วยกันหาทางออกของปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการรักษาบาดแผลทาง ‘จิตใจ’ ที่ใครหลายคนอาจกำลังมองข้ามไป

 

 

ในภาพรวมแล้ว เราขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ยืนยันว่า Faces of Anne คือภาพยนตร์ไทยอีกหนึ่งเรื่องที่ผู้ชมไม่ควรพลาด ด้วยรูปแบบการนำเสนอที่สลับซับซ้อน ชวนให้เราติดตามได้ตั้งแต่ต้นจนจบ งานโปรดักชันที่ถูกสร้างสรรค์มาได้อย่างละเมียดละไม รวมถึงการแสดงของทีมนักแสดงทุกคนที่ต่างก็ถ่ายทอดบทบาทของ ‘แอน’ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

 

Faces of Anne มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

รับชมตัวอย่างได้ที่นี่

 

 

รับชมรายการ ON THAT DAY EP.19 มิวสิค เจนนิษฐ์ ความผูกพัน การจากลา ในวันที่ไม่มี BNK48 ต่อท้ายชื่อ ได้ที่นี่

 

 

 

ภาพ: M Pictures

The post Faces of Anne ลึกลับชวนติดตาม และพื้นที่โชว์ฝีมือของ ‘นักแสดงหญิง’ ที่ฝากความหวังไว้กับพวกเธอได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: วันที่ไม่มี BNK48 ต่อท้าย มิวสิค-เจนนิษฐ์ | ON THAT DAY EP.19 https://thestandard.co/on-that-day-music-jennis-bnk48/ Thu, 06 Oct 2022 15:49:12 +0000 https://thestandard.co/?p=692329

รายการ On That Day EP.19 THE STANDARD POP ชวนทุกคนย้อนเ […]

The post ชมคลิป: วันที่ไม่มี BNK48 ต่อท้าย มิวสิค-เจนนิษฐ์ | ON THAT DAY EP.19 appeared first on THE STANDARD.

]]>

รายการ On That Day EP.19 THE STANDARD POP ชวนทุกคนย้อนเวลากลับไปสำรวจทุกเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในทุกช่วงชีวิต ไปพร้อมกับ มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ และ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ 

 

เริ่มต้นตั้งแต่นิสัยการเล่นโซเชียลมีเดียที่เปลี่ยนแปลงไป, จุดเริ่มต้นการเป็น BNK48, การเติบโต, ความเปลี่ยนแปลง, มิตรภาพ, การแข่งขัน, ความผิดหวัง, การจากลากับเพื่อนๆ ที่เติบโตมาด้วยกัน Faces of Anne ผลงานล่าสุดที่ทั้งคู่เล่นด้วยกัน และเตรียมเข้าฉายในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ 

 

ไปจนถึงอนาคตในวันที่ไม่มีนามสกุล BNK48 ต่อท้าย

The post ชมคลิป: วันที่ไม่มี BNK48 ต่อท้าย มิวสิค-เจนนิษฐ์ | ON THAT DAY EP.19 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Faces of Anne เผยตัวอย่างล่าสุดที่มาพร้อมฉากไล่ล่าของปีศาจทวีความระทึก! https://thestandard.co/faces-of-anne-teaser/ Tue, 27 Sep 2022 14:47:45 +0000 https://thestandard.co/?p=687680 Faces of Anne

“นี่ไม่ใช่เวลาจะเล่นบทเป็นคนดี”   ยิ่งทวีความน่าติ […]

The post Faces of Anne เผยตัวอย่างล่าสุดที่มาพร้อมฉากไล่ล่าของปีศาจทวีความระทึก! appeared first on THE STANDARD.

]]>
Faces of Anne

“นี่ไม่ใช่เวลาจะเล่นบทเป็นคนดี”

 

ยิ่งทวีความน่าติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับ Faces of Anne ภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่องล่าสุดจากสองผู้กำกับ คงเดช จาตุรันต์รัศมี จาก Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า (2562) และ ปอม-ราสิเกติ์ สุขกาล หนึ่งในผู้กำกับจาก Five to Nine (2558) ที่ล่าสุดได้มีการปล่อยตัวอย่างเต็มออกมาให้ผู้ชมได้อุ่นเครื่อง ก่อนไปร่วมติดตามการเอาชีวิตรอดของ ‘แอน’ พร้อมกันวันที่ 13 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

Faces of Anne

Faces of Anne

 

โดยในตัวอย่างล่าสุดได้เผยรายละเอียดของภาพยนตร์ให้เราได้ชมเพิ่มเติม นั่นคือการปรากฏตัวของปีศาจนาม Vetigo ที่จะปรากฏตัวขึ้นทุกคืน เพื่อออกตามล่ากลุ่มหญิงสาวที่ทุกคนต่างมีชื่อว่า ‘แอน’ ที่ถูกจับตัวมาทำการทดลองในสถานที่ปริศนา อีกทั้งใบหน้าของพวกเธอจะเปลี่ยนแปลงไปทุกๆ 2 นาที กลุ่มหญิงสาวจึงต้องออกตามหาตัวจริงของ ‘แอน’ เพื่อเอาชีวิตรอดจากสถานที่แห่งนี้ไปให้ได้ 

 

Faces of Anne

Faces of Anne

 

สำหรับรายชื่อนักแสดงที่จะมาสวมบทเป็น ‘แอน’ ต่างก็เป็นนักแสดงหญิงรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง นำโดย ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง และ อุ้ม-อิษยา ฮอสุวรรณ จาก ฉลาดเกมส์โกง (2560), วี-วิโอเลต วอเทียร์ จาก One for the Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ (2565), อิ๊งค์-วรันธร เปานิล จาก Snap แค่…ได้คิดถึง (2558), มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร จาก แสงกระสือ (2562)

 

ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์ จาก เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ (2558), ก้อย-อรัชพร โภคินภากร จาก รัก-ออกแบบไม่ได้ (2559), นาน่า-ศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์ จาก ฉลาดเกมส์โกง (2563), เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ (เจนนิษฐ์ BNK48) และ มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์ (มิวสิค BNK48) จาก Where We Belong

 

รับชมตัวอย่างเต็มได้ที่นี่

 

The post Faces of Anne เผยตัวอย่างล่าสุดที่มาพร้อมฉากไล่ล่าของปีศาจทวีความระทึก! appeared first on THE STANDARD.

]]>
Believers – แอน – BNK48 รุ่น 1 และช่วงเวลาที่นับถอยหลัง คุยทุกเรื่องกับ มิวสิค BNK48 https://thestandard.co/music-bnk48-2/ Tue, 30 Aug 2022 04:47:18 +0000 https://thestandard.co/?p=673817 มิวสิค BNK4

หลังการแสดงโชว์เปิดตัวเพลงซิงเกิล 12 ของวง BNK48 ในชื่อ […]

The post Believers – แอน – BNK48 รุ่น 1 และช่วงเวลาที่นับถอยหลัง คุยทุกเรื่องกับ มิวสิค BNK48 appeared first on THE STANDARD.

]]>
มิวสิค BNK4

หลังการแสดงโชว์เปิดตัวเพลงซิงเกิล 12 ของวง BNK48 ในชื่อเพลง ‘Believers’ ที่จบลงด้วยความประทับใจ THE STANDARD POP มีโอกาสได้พูดคุยกับ ‘มิวจิคกี้’ แพรวา สุธรรมพงษ์ หรือ มิวสิค BNK48 สาวน้อยแสนซนคนสร้างมีม เกี่ยวกับการทำผลงานเพลงใหม่ เบื้องหลังการยกกองถ่ายทำมิวสิกวิดีโอถึงแดนอาทิตย์อุทัย ผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ ‘แอน Faces of Anne’ ไปจนถึงช่วงเวลาชีวิตในฐานะไอดอลที่กำลังนับถอยหลังอยู่เรื่อยๆ 

 

เราเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการให้มิวสิคได้อธิบายถึงความหมายเพลง Believers ในมุมมองของตัวเธอเอง โดยมิวสิคเล่าว่า “สิครู้สึกว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่น่าสนใจมากเลย เพลงนี้ชื่อว่า Believers ก็คือความเชื่อ แล้วเพลงก็เล่าถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความฝัน แล้ววันนี้เขาก็ได้มาทำความฝันแล้ว ใช่ค่ะ…เด็กคนนั้นก็คือพวกเราเอง โดยที่เรามีแฟนคลับผู้เป็นที่รักและคอยซัพพอร์ตเรามาให้กำลังใจพวกเราในวันนี้ ซึ่งหนูมองว่านั่นคือความเชื่อที่ขนานไปกับความฝันที่ยิ่งใหญ่มากเลย ซึ่งเพลงก็ถ่ายทอดมาอย่างตรงไปตรงมา”

 

จากนั้นเราถามต่อว่า วินาทีแรกที่ได้ฟังเพลงนี้มิวสิครู้สึกอย่างไรบ้างนั้น เธอบอกว่า “เพลงนี้เราได้ฟังครั้งแรกจากที่ประเทศไทยนี่แหละค่ะ วินาทีแรกที่ได้ฟังรู้สึกติดสตันท์ไปชั่วขณะ เพราะได้ฟังทั้งเวอร์ชันญี่ปุ่นและไทย เราเลยยังไม่มีโอกาสได้ตีความ พอเราได้มาอ่านเนื้อเพลง ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือ เพลงนี้คือเพลงที่เขียนจากชีวิตไอดอลเลย มีความเป็นไอดอลมาก และความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่อมาคือรู้สึกว่าเพลงนี้เหมาะกับโมบายล์มากๆ นี่คือความรู้สึกแรกที่แค่สิครู้สึก”

 

เท่าที่ฟังมา หมายความของเนื้อร้องและใจความ Believers ตรงกับชีวิตไอดอล BNK48 ประมาณหนึ่งเลย…?

 

“สิครู้สึกว่าเนื้อร้องเพลงนี้มีหลายท่อนสามารถเป็นคำที่แทนความหมายได้ดี ไม่ว่าจะเป็นท่อนที่ร้องว่า ‘เจ็บเป็นครู ให้เราเรียนรู้ให้เราได้เป็นตัวเอง’ รวมถึงท่อน ‘ที่เข้มแข็งได้ในวันนี้ เพราะมีความรักของเธอ’ สิครู้สึกว่าเนื้อเพลงอาจจะไม่ได้หมายถึงชีวิตไอดอลแค่ด้านเดียว เพราะฉะนั้นสิครู้สึกว่าคำเหล่านี้ใช้บอกกับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องหมายถึงชีวิตไอดอล” 

 

ทันทีที่มิวสิคพูดถึงเนื้อเพลง เราจึงเริ่มสงสัยแล้วว่า สำหรับมิวสิคชอบท่อนไหนจากเพลงนี้ 

 

“สิคชอบ ‘เจ็บเป็นครู ให้เราเรียนรู้ให้เราได้เป็นตัวเอง’ สิคว่าในชีวิตคนเราไม่มีทางที่จะไม่ผิดพลาด และสิครู้สึกว่าคำว่าผิดพลาดนี้จะเป็นครูคอยสอนให้เรารู้ว่าเราทำผิดจากอะไร มันจะช่วยให้เราพัฒนา เรียนรู้ และคอยเตือนให้เราไม่กลับไปพลาดอีก เลยรู้สึกว่าท่อนนี้ค่อนข้างตรงใจสิคพอสมควร”

 

มิวสิค BNK4

 

และหนึ่งในความพิเศษของซิงเกิลลำดับที่ 12 นี้ ที่แฟนคลับหรือใครก็ตามที่ติดตาม BNK48 น่าจะทราบกันมาบ้างแล้วว่า ผลงานเพลงชิ้นนี้ได้ 2 รุ่นพี่จากวง AKB48 Team 4 อย่าง โอคาดะ นานะ มาโปรดิวซ์เนื้อร้อง และ มุรายามะ ยุยริ ออกแบบท่าเต้นของเพลงนี้ให้โดยเฉพาะ เราจึงอยากรู้ว่าการได้ทำงานกับรุ่นพี่ AKB48 สำหรับมิวสิคนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

 

“เราไม่ได้มีโอกาสเจอกับรุ่นพี่ทั้ง 2 คนตอนไปที่ญี่ปุ่น เพราะพี่ๆ ติดงานหนักมากๆ เรารู้สึกว่าการทำงานเพลงนี้ เราได้เห็นความตั้งใจของพี่ทั้ง 2 คนผ่านงานที่ส่งมาถึงพวกเรา เลยทำให้รู้สึกดีใจว่า ขนาดเราเป็นวงน้องสาววงเล็กๆ พี่ๆ เขาก็ตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานนี้ออกมาเป็นอย่างดี รวมถึงการใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ลงมาในเพลงนี้

 

“เหมือนเขาให้โมบายล์เขียนรายละเอียดว่าสิ่งที่ชอบคืออะไร ซึ่งพี่เขาก็จะเอาไปดัดแปลง ประยุกต์ใช้กับท่าเต้น อย่างท่าเต้นสายรุ้ง รวมถึงท่าถือโทรศัพท์ที่สื่อถึงโมบายล์ด้วย”

 

และอีกความพิเศษที่น่าจะพิเศษสุดๆ สำหรับ 16 สาวที่ติดเซ็มบัตสึในเพลงนี้ ที่นอกเหนือจากการได้ร้องเพลงที่ได้ชื่อว่าเป็น Original Song แล้ว พวกเธอยังได้บินลัดฟ้ายกกองถ่ายทำมิวสิกวิดีโอข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงถิ่นต้นตำรับ 48 Group หรือประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง

 

“ตอนไปถ่ายทำใช้เวลาประมาณ 8-9 วัน ซึ่งเป็นการถ่ายแบบกองโจรครั้งแรกที่ญี่ปุ่น (หัวเราะ) ระหว่างทำงานก็จะมีความตื่นเต้นมากๆ ทำให้คนที่ญี่ปุ่นรู้สึกงงเหมือนกันว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นใคร มาถ่ายอะไรกัน มันก็เป็นความวุ่นวาย แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกสนุกมากๆ ได้ซึมซับบรรยากาศที่ญี่ปุ่นด้วย และที่สำคัญคือได้ใช้เวลาร่วมกับเมมเบอร์ด้วย”

 

ผ่านช่วงพาร์ตการอัปเดตผลงานเพลงไปแล้ว ถึงตรงนี้เราเลยให้มิวสิกได้ลอง ‘อัปเดตชีวิต’ ช่วงนี้ของเธอให้แฟนคลับได้รับรู้กันบ้าง เพราะในระยะหลังมีบางช่วงที่เธอห่างหายไปจากโซเชียลบ้าง

 

“สิคเข้าใจแฟนคลับเลยว่าอาจจะมีคนสงสัยในบางช่วงที่เราหายไป ไม่ได้อัปเดตผ่านโซเชียล ซึ่งบุคลิกสิคเป็นคนที่อินโทรเวิร์ตอยู่แล้ว ก็เลยอาจจะมีเงียบๆ ไปบ้าง แต่ก็จะพยายามหาอะไรมาทำให้แฟนคลับได้ชมได้ติดตามกันค่ะ ย้ำนะว่าอาจจะมีซุ่มทำอะไรอยู่ก็ได้ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มี (หัวเราะ)”

 

มิวสิค BNK4

 

ถัดมาเราให้เธอได้พูดถึงผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเธออย่าง ‘แอน Faces of Anne’ ภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่องใหม่จากผู้กำกับ คงเดช จาตุรันต์รัศมี ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วใน Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า 

 

“ภาพยนตร์เรื่องนี้มีมิวสิคกับเจนนิษฐ์ร่วมแสดงด้วย ซึ่งตัวสิคและเจนนิษฐ์ได้โอกาสแสดงภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ น่ากลัวๆ เยอะด้วย แต่ความพิเศษของเรื่องนี้คือมีนักแสดงหลายคน และตัวละครในบทจะมีการเปลี่ยนหน้าทุก 2 นาที สิครู้สึกว่ามันเป็นงานแสดงที่ท้าทายตัวเรามากๆ และอยากให้ทุกคนได้ดูว่านักแสดงทุกคนจะสามารถเชื่อมต่อกันได้หรือไม่ในบทบาทเดียว 

 

“สำหรับสิคภาพยนตร์เรื่องนี้คือโอกาสที่ดีมากๆ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเรามีโอกาสได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ เลยอยากให้ทุกคนได้รอชม รอติดตามไปพร้อมกับสิคที่จะรอชมด้วยเหมือนกันค่ะ”

 

เมื่อมานึกดูดีๆ มิวสิคนับเป็นหนึ่งในสมาชิกวง BNK48 ที่ได้ฝากผลงานการแสดงมาไม่น้อย นั่นจึงทำให้เราสงสัยว่า ณ วันนี้เธอได้หลงรักการแสดงอย่างเต็มตัวแล้วหรือไม่

 

“สิคเป็นคนที่มีความฝัน และเชื่อมั่นในหัวใจด้วยว่าจะต้องทำตามความฝันให้สำเร็จ และสิคก็เป็นคนที่มีหลายความฝันมากๆ ซึ่งสิ่งนี้ (การแสดง) ก็เป็นหนึ่งในความฝันของสิค แต่ตัวสิคยังมีอีกหลายความฝัน และก็พร้อมจะเดินหน้าไปกับทุกๆ ความฝันที่มาถึงเรา”

 

ในระหว่างที่ยืนคุยกัน (บนเวที) เราสัมผัสได้ว่าบรรยากาศโดยรอบนั้น ทางวง BNK48 ได้จัดกิจกรรมคู่ขนานอย่างงาน ‘มัตสึริ’ (Matsuri 2022) จึงอยากให้มิวสิคได้พูดอะไรเกี่ยวกับงานนี้กันหน่อย

 

“เหนื่อยมากค่ะ! (หัวเราะ) เพราะพวกเราต้องทำเองกันทุกอย่าง และก็อยากถือโอกาสนี้บอกแฟนคลับว่า ถ้าเราเผลอพูดเสียงแข็ง เหวี่ยง หรือดุไปบ้างตอนตามคิวหรือตอนทำอะไรก็ตาม พวกเราไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ดีใจที่แฟนคลับเข้ามาชมว่าชาอร่อย พอได้ยินแล้วความเหนื่อยของพวกเรามันได้หายไปทันที โดยเฉพาะเมื่อเห็นแฟนคลับกินอิ่มและอร่อยไปกับเมนูที่เราคัดสรรมา”

 

ในช่วงสุดท้ายเรายังให้มิวสิคช่วย (สปอยล์) เกี่ยวกับคอนเสิร์ต BNK48 1st Generation ที่กำลังจะเกิดขึ้นปลายปีนี้ ถึงตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

 

“มีประชุมคุยงานกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นรุ่น 1 ก็จะมีความได้เรื่องบ้าง ไม่ได้เรื่องบ้าง ก็เลยบอกไม่ได้เลยว่าตอนนี้คืบหน้ากันหรือยัง (หัวเราะ) ก็อยากให้แฟนคลับรอชมว่าจะมีอะไรพิเศษๆ โผล่ออกมาหรือเปล่า แต่งานนี้จะเป็นงานที่พวกเราตั้งใจทำมากๆ” 

 

เมื่อเราได้ยินมิวสิคพูดถึงคอนเสิร์ตรุ่น 1 ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า ในขณะเดียวกันนาฬิกาของการเป็นศิลปินวงไอดอล BNK48 ของเธอกำลังเดินถึงจุดสิ้นในช่วงสิ้นปีนี้ เราจึงถือโอกาสนี้ให้เธอได้กล่าวความรู้สึกถึงช่วงเวลากับ BNK48 ที่เริ่มนับถอยหลังในทุกขณะ

 

“จริงๆ สิคพยายามใช้เวลาที่เหลืออยู่ตอนนี้ให้คุ้มค่ามากที่สุด เอ็นจอยกับทุกๆ สิ่งที่กำลังเข้ามา พยายามไม่นึกว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่จะเป็นครั้งสุดท้าย แต่เมื่อสักครู่ (หลังจบโชว์บนเวที) เราลงเวทีมาเห็นเมมเบอร์รุ่น 1 ร้องไห้กัน เราก็ถามว่าทำไมถึงร้องไห้ ก็มีเสียงบอกมาว่า ‘มันคงเป็นซิงเกิลสุดท้ายของเราแล้วสินะ’ ทำให้เราฉุกคิดในใจว่านั่นสินะ หลังจากนั้นก็มานั่งซึมกัน มาเช็ดน้ำตากันอยู่ข้างหลังเวที และก็บอกกันว่าเราจะมีโอกาสได้มาร้องมาเต้นแบบนี้ด้วยกันอีกไหม” 

 

ช่วงท้าย ‘มิวสิค’ ได้ฝากจดจดหมายไว้ที่เรา 1 ฉบับ 

จ่าหน้าซอง ถึง…แฟนคลับผู้เป็นที่รักของสิค 

 

“สิครู้สึกว่า ความรักที่ทุกคนมีให้ มันไม่จำเป็นต้องพูดออกมาหรือบอกผ่านตัวหนังสือ แค่การที่ทุกคนรับรู้ว่ายังมีเราอยู่ตรงนี้ และเราก็รับรู้ว่ายังมีเขา (แฟนคลับ) ยืนอยู่ตรงนี้ หนูรู้สึกว่ามันเป็นโมเมนต์ที่มีคุณค่าสำหรับหนูมากๆ เราก็ไม่คิดมาก่อนนะว่า ในชีวิตหนึ่งเราจะมีคุณค่าต่อใครได้มากขนาดนี้ เช่นเดียวกับพวกเขาที่มีคุณค่าต่อเรามากเหมือนกัน 

 

“สิคหวังให้เขามีความสุขในทุกๆ วัน กินอิ่ม นอนหลับ นั่นคงเป็นความปรารถนาที่สิคหวังให้พวกเขาได้รับกลับไป มีความสุขมากๆ รักตัวเองให้มากๆ และขอบคุณที่หาเวลามาเจอกันเสมอค่ะ”

 

 

 

ฟังเพลง Believers – BNK48

 

The post Believers – แอน – BNK48 รุ่น 1 และช่วงเวลาที่นับถอยหลัง คุยทุกเรื่องกับ มิวสิค BNK48 appeared first on THE STANDARD.

]]>